ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจไม่ลืมรัก (มีEbookแล้วจ้า)

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่3/2 ความจริงแล้ว...

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 64


                ถึงจะยังโกรธมารดาอยู่แต่ความเป็นห่วงก็มีมากกว่าจึงต้องออกจากบ้านในเวลาเกือบเปลี่ยนวันใหม่อย่างนั้น โรงพยาบาลที่หล่อนไปเป็นอันดับแรกคือโรงพยาบาลที่เจตนิพัทธ์รักษาตัวอยู่ เพราะเป็นโรงพยาบาลเดียวที่ใกล้บ้านหล่อนที่สุดในตอนนี้ และก็ไม่เสียเปล่าเพราะมารดารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้จริง ๆ

                ไฟในห้องพักผู้ป่วยยังคงเปิดหรี่ ๆ ไว้แต่ก็ไม่ถึงกับสว่างจ้า บนเตียงผู้ป่วยของพยาบาลมีร่างของมารดานอนหลับตาพริ้มอยู่บนนั้น บนหลังมือแห้งเหี่ยวยังมีเข็มน้ำเกลือทิ่มอยู่ ใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัยดูซีดเซียวจนคนมองนึกใจหาย พยายามเดินเข้าไปหาท่านให้เบาที่สุด ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเตียงท่าน  ถึงจะโกรธ จะเสียใจหรือจะผิดหวังในตัวท่านแค่ไหนแต่ท่านก็คือแม่ แม่ผู้ให้กำเนิด

                สิ่งแรกที่รู้สึกหลังลืมตาตื่นขึ้นมาคืออาการหนักที่แขน เหมือนมีอะไรทับหรือถ่วงไว้อยู่ เมื่อเพ่งมองดี ๆ แล้วจึงได้รู้สิ่งที่ทับแขนนางอยู่นั้นคือศีรษะของบุตรสาวที่ฟุบหลับอยู่ ใบหน้าซีดเซียวคลี่ยิ้มออกมาน้อย ๆ ก่อนจะยกมืออีกข้างไปลูบเลือนผมบุตรสาวอย่างแผ่วเบา คนที่ฟุบหลับอยู่นั้นเมื่อรู้สึกว่าโดนกวนจึงค่อยขยับตัวและลืมตาตื่นขึ้นมาและเห็นว่ามารดากำลังมองมาที่หล่อนอยู่ เมื่อรู้ตัวว่าบุตรสาวมองมาเหมือนกันนางอรมลจึงแสร้งเหลือบมองไปทางอื่น

                “แม่เป็นอะไรทำไมถึง…/แกมาได้…” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันเพียงแต่พูดคนละประโยค นั่นทำให้ทั้งห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง

                “แกมาได้ยังไง” เอ่ยปากถามท่ามกลางความเงียบที่ชวนน่าอึดอัด

                “อ้อนมาได้ยังไงไม่สำคัญ แต่แม่น่ะเป็นอะไรถึงเข้าโรงพยาบาล” อรรัมภาถามท่านกลับไป ถึงหล่อนจะโกรธท่านมากแค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นลูก เป็นอะไรไม่คิดจะบอกหล่อนสักนิดเลยหรือไงกัน

                “ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก วันนี้หมอคงจะให้กลับบ้านแล้ว แกมาก็ลำบากแกเปล่าๆ นอกจากจะเพิ่มภาระให้แกแล้วฉันยังจะมาเป็นตัวภาระเสียเองอีก” นางอรมลว่าเหมือนไม่ใส่ใจนักแต่หารู้ไม่ว่าในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความน้อยใจจนอรรัมภาฟังออก สาวเจ้าถึงกับต้องระบายลมหายใจออกมา

                “แม่ อ้อนไม่ได้คิดแบบนั้น” อรรัมภาว่า

                “แล้วไม่จริงหรือไง ฉันมันก็ดีแต่เป็นตัวภาระให้แกไม่ใช่หรือไง” 

                “อ้อนจะให้ป้าพรมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ก่อนเพราะวันนี้อ้อนต้องเข้าร้าน ถ้าได้ออกโรงพยาบาลวันนี้อ้อนจะมารับ แต่ถ้ายังอ้อนอาจจะเข้ามาตอนเย็น” หล่อนบอกเพื่อตัดบทไป หากคุยกันตอนนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นัก

                เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบภายในห้องก็เงียบลงและบรรยากาศอันน่าอึดอัดก็กลับมาอีกครั้ง อรรัมภาตัดสินใจลุกขึ้นก่อนจะหยิบกระเป๋าใบโปรดขึ้นมาคล้องเรียวแขนแล้วเดินออกไป มีคำถามแทนคำห่วงใยมากมายที่จะถามมารดา แต่ท่านก็เลือกที่จะพูดถากถางให้กันเสียความรู้สึก ทำไมท่านถึงคิดแบบนั้น หล่อนไม่เคยมองว่าท่านเป็นภาระสำหรับหล่อนเลย

                กลับถึงบ้านก็อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวเข้าร้าน และไม่ลืมที่จะแวะส่งป้าพรที่โรงพยาบาลเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนมารดา

                “แม่มลเป็นอะไรคะคุณอ้อน” ป้าพรเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย ตกใจเหมือนกันที่อรรัมภาบอกให้ท่านช่วยไปอยู่เฝ้ามารดาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อได้รู้ว่าไม่ได้ประสบอุบัติเหตุหรือเป็นอะไรมากนางจึงเบาใจลง

                “น่าจะหน้ามืดเพราะโรคประจำตัวน่ะค่ะ” อรรัมภาตอบคนที่นั่งข้างๆ มารดามีโรคประจำตัวอยู่แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก นับว่าเป็นโรคทั่วไปของคนวัยทองด้วยซ้ำ

                “ถ้าแม่ได้ออกโรงพยาบาลวันนี้ป้าพรก็โทรหาอ้อนนะคะ” ก่อนจะจอดรถส่งป้าพร อรรัมภาก็ไม่ลืมย้ำท่าน นางอำพรพยักหน้ารับพร้อมกับเปิดประตูรถออกไป รอจนนางอำพรเดินลับตาไปแล้วสาวเจ้าจึงค่อยขับไป

     

    อัพให้อ่านทุกวันนะคะ เวลา 19.00 น. ค่ะ

    ฝากพี่เจตน์กับหนูอ้อนด้วยน้าา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×