ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พสุธาโอบนที (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่6/1 พร้อมตัดขาด

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 65


    บทที่ ๖ พร้อมตัดขาด

    กว่าสามวันแล้วที่คนของบ้านรุ่งอรุณไม่สามารถติดต่อพสุธาได้ เขาหายเงียบไปจนคนเป็นย่ากินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้จะมีเวหากลับมาเฝ้าแต่อาการของท่านก็ไม่ได้ดีขึ้น ซ้ำยังดูอ่อนแรงกว่าเดิมเพราะไม่ค่อยทานข้าว แฝละแม้ว่าปากจะไม่ได้พร่ำเพ้อหาหลานชายคนโตแต่ทุกคนก็เป็นอันรู้กันดีอยู่แล้วว่าท่านรอพสุธา ส่วนหนึ่งนทีเองก็เทียวมาอยู่เป็นเพื่อนท่านทุกวันตามที่คนเป็นป้าขอ อันที่จริงเธอก็เต็มใจมานั่นแหละ เฮียเมฆยังไม่ให้เข้าไปช่วยงานในไร่ อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เอาแต่จะตกอยู่ในภวังค์เดิม ๆ อีกอย่างย่ารัศมิ์ก็เป็นย่าของเวหาคนที่เคยสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เด็กและเธอเองก็ยังนับถือท่านเหมือนย่าแท้ ๆ อีกคน

    “คุณย่าทานข้าวหน่อยนะคะ” หนึ่งนทีว่าขณะมือทั้งสองก็จัดเตรียมกับข้าวที่พยาบาลสาวเพิ่งเอาเข้ามาให้ เธอมาอยู่เป็ยเพื่อนท่านวันละสองถึงสามชั่วโมงเท่านั้นไม่ได้อยู่ทั้งวัน วันนี้มาสายหน่อยจึงคิดว่ารออยู่ให้ท่านทานมื้อเที่ยงก่อนค่อยกลับ

    “ย่ายังไม่หิวหรอกลูก ที่ทานเข้าไปตอนเช้ายังแน่นท้องอยู่เลย” คุณอรุณรัศมิ์ส่ายหน้าปฏิเสธหลาน มื้อเช้าที่ท่านไปสี่ห้าคำยังจุกอยู่ที่อกด้วยซ้ำ ไม่มีกระจิตกระใจอยากจะทานมื้อเที่ยงสักนิด ก็ดูเอาเถิดท่านมีหลานถึงสองคนแต่คนที่มาอยู่เฝ้าทุกวันกลับเป็นลูกหลานคนอื่นอย่างนี้จะไม่ให้ท่านทุกข์ใจตรอมใจอย่างไรไหว เวหาแม้จะมาก็มาไม่กี่วัน ท่านยังไม่ทันหายออกโรงพยาบาลด้วยซ้ำก็กลับไปแล้ว ส่วนพสุธาก็หายเงียบไปไม่คิดจะสนใจแล้วกระมังว่าย่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไง หากตายก็คงมาไม่ทันเผากันทั้งคู่

    “ทานสักนิดนะคะ เดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ คุณย่ามียาหลังอาหารนะ” หนึ่งนทีย่นคิ้วว่า ใครต่อใครบอกว่าคนเราพอแก่ตัวไปจะยิ่งเอาแต่ใจเหมือนเด็ก อยากให้ลูกหลานสนใจ เธอดูจากย่ารัศมิ์แล้วน่าจะจริง

    “ขอบใจหนูหนึ่งมากนะที่มาอยู่คุยเป็นเพื่อนย่า แต่หนูหนึ่งคงจะเบื่อแย่มาอยู่เฝ้าคนแก่แบบนี้” ท่านไม่ปฏิเสธอีก ยอมให้หนึ่งนทีขยับถาดอาหารมาใกล้ หรือจริง ๆ แล้วท่านไม่ควรคาดหวังเรื่องนี้กับพสุธา

    “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า อยู่ที่บ้านก็นั่ง ๆ นอน ๆ มาหาคุณย่ายังได้พูดได้คุยได้เปิดหูเปิดตาบ้าง” หนึ่งนทียิ้มตอบไปแบบนั้นแม้ในใจจะอยากตอบท่านไปว่าเบื่อแต่อยู่ที่บ้านเบื่อกว่าก็ตามที

     

    เจ้าของร่างกำยำนอนเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีด้วยความรู้สึกหลากหลาย เวลานี้แทนที่เขาจะต้องขับรถกลับเชียงใหม่แล้วแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงยังอยู่ตรงนี้ เจ้าของร่างหนาลุกขึ้นนั่งพลางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา คงเป็นเพราะเรื่องที่คุยกับคนเป็นป้าช่วงค่ำที่ผ่านมามันมีต่อสมองและหัวใจเขาอย่างหนัก ตอนนี้มีหลายเรื่องที่ทำให้เขาเริ่มลังเลเกี่ยวกับการตัดสินใจของตัวเองแต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมาแต่ต้นและทวีเพิ่มขึ้นคือ “เขาเหนื่อย” เปลือกตาร้อนผ่าวปิดลงช้า ๆ พลันประโยคที่คุยกับป้าก็วนซ้ำกลับเข้ามาในหัว

    “เหมือนดินมีเรื่องจะคุยกับป้า” ป้าน้อมเลือกเวลาหลังจากทานมื้อค่ำเสร็จคุยกับหลาน ท่านเห็นแล้วว่าสายตาพสุธาตั้งแต่วันแรกที่กลับมาจากเชียงใหม่จนถึงวันนี้มีเค้าความเศร้าและลังเลใจแฝงอยู่

    “ทะเลาะกับทางนั้นมาเหรอ” รู้ว่าพสุธาไม่ใช่คนที่จะปริปากบอกความทุกข์ใจก่อนหากไม่คาดคั้นถามท่านจึงเลือกที่จะโยนหินถามทาง ช่วงต้นปีมานี้หลานกลับบ้านคราไหนเป็นต้องมีเรื่องทุกข์ใจเสียทุกครั้ง ไม่รู้ว่าทางนู้นที่บอกว่ารักน่ะ รักแบบไหนกัน ความรักความเอาใจใส่ของคนบ้านนู้นเป็นเหมือนครอบครัวอื่นเขาหรือเปล่าท่านอยากถามนัก

    “ครับ” พสุธาพยักหน้ารับ

    “เรื่องที่ผืนนี้หรือเปล่าล่ะ”

    …………………………………..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×