ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พสุธาโอบนที (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 4/3 ปรับตัว

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 65


    กลับถึงบ้านใหญ่ก็เห็นว่ามีรถยนต์คันหรูไม่คุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน เข้าใจว่าป้าเพ็ญอาจจะมีแขก หนึ่งนทีเลยส่งเจ้าไข่ตุ๋นให้นมแจ่มพาเข้าบ้านไปก่อน ส่วนตัวเองนั้นคิดว่าจะเดินเล่นแถวสวนข้างบ้านก่อนแล้วค่อยตามเข้าไป

    “ได้เวลาทานข้าวแล้วนะคะ เดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ” นมแจ่มว่าเมื่อหนึ่งนทีไม่เดินตามเข้าบ้าน แม้ภายนอกหนึ่งนทีเหมือนจะดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วแต่ข้างในยังเก็บและแบกรับความเสียใจไว้ไม่แสดงให้ใครเห็น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หนึ่งนทียังต้องทานยาอยู่

    “ป้าเพ็ญน่าจะมีแขก เดี๋ยวนึงค่อยตามเข้าไปค่ะ” หนึ่งนทีว่าก่อนจะหันหลังเดินออกไป

    ร่างระหงเดินดูดอกไม้ในสวนมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่แปลงท้ายสุดของสวนนั่นคือแปลงดอกมะลิ มือเรียวเล็กเอื้อมไปเด็ดดอกมันขึ้นมาดมอย่างเช่นทุกครั้ง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งสายตากลับสะดุดเข้ากับแผ่นหลังคุ้นตาของใครคนหนึ่งที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าของแผ่นหลังนั้นหมุนตัวกลับมาทำให้เจ้าของร่างบางต้องรีบถอยหลังและหมุนตัวกลับมาเช่นกันเพราะกลัวจะถูกเขามองว่าเสียมารยาทที่มายืนฟังเขาคุยโทรศัพท์

    “ว้าย!” แต่เท้ากลับสะดุดเข้ากับหลักไม้แปลงดอกมะลิทำให้เจ้าของร่างบางอุทานขึ้นด้วยความตกใจก่อนทั้งร่างจะล้มลง

    “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” พสุธาถลาเข้าไปหาคนที่ล้มลงอย่างลืมตัว สีหน้าที่แสดงถึงความตกใจและเป็นห่วงของเขาเวลานั้นแทบจะปิดไว้ไม่มิด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนอีกฝ่ายจ้อง ใบหน้าคมที่แสดงความเป็นห่วงเมื่อครู่จึงเริ่มคลายลงและกลับมาเป็นปกติ

    “อะ…เอ่อ ไม่ค่ะ” หนึ่งนทีที่ได้สติหลังจากเผลอจ้องเขาอยู่นานรีบส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นมาปิดแขนตัวเองตรงที่รู้สึกเจ็บแสบขึ้นมา

    “เลือดไหลขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก ไหนให้พี่ดูหน่อย” พสุธาเลิกคิ้วถาม น้ำเสียงเขายังคงนุ่มหูไม่ต่างจากวันแรกที่ได้คุยกัน

    “ไม่ลึกมาก แต่ก็ต้องล้างแผลอยู่ดี ลุกไหวหรือเปล่า” หลังจากประเมินอาการคนเจ็บ พสุธาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของใบหน้าหวานอีกครั้งเพื่อรอคำตอบ ด้านหนึ่งนทีก็พยักหน้ารับก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีเขาช่วยพยุง

    “โอ๊ย!” สาวเจ้าอุทานขึ้นมาอีกรอบเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บที่ข้อเท้า พสุธาเห็นดังนั้นจึงย่อตัวลงให้คนตัสเล็กขึ้นขี่หลังแทน แต่สาวเจ้ากลับยืนนิ่งคล้ายว่ายังลังเลจนเขาต้องถามซ้ำ

    “จะเดินเหรอ?” จบประโยคนั้นหนึ่งนทีจึงยอมขึ้นขี่หลังเพื่อให้เขาพากลับเข้าไปในบ้าน

    แน่นอนว่าเมื่อเข้ามาในบ้าน  ใครที่เห็นสภาพหรึ่งนทีในตอนนี้ก็ต่างวิ่งเจ้ามาหาแล้วก็อุทานด้วยความตกใจ ไม่เว้นแม้แต่คุณย่าอรุณกับป้าเพ็ญที่ตามมาดู

    “ตายแล้วลูก! ไปทำยังไงให้เลือดตกยางออกแบบนี้ ใครอยู่ข้างนอกน่ะ ลุงเพิ่มอยู่หรือเปล่า เตรียมรถพายัยหนึ่งไปโรงพยาบาลหน่อย” เป็นคุณเพ็ญพักตร์ที่ตกใจกว่าใครจนทำอะไรไม่ถูก นึกได้ก็ตะโกนหาคนขับรถของบ้าน

    “ให้ตาดินพาไปก็ได้แม่เพ็ญ ดินพาน้องไปหน่อย” สบโอกาสคุณอรุณรัศมิ์ก็รีบเอ่ยอาสา ก่อนประโยคหลังจะหันไปสะกิดหลานชาย พสุธาจึงต้องจำใจพนักหน้ารับและพาคนเจ็บไปโรงพยาบาล

     

    “ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวนพี่ดิน” หนึ่งนทีเงยหน้าขึ้นบอกกับคนที่เดินไปรับยามาให้ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่บ่งบอกได้ว่าเกรงใจคนตรงหน้ามากขนาดไหน หากวันนี้ลุงเพิ่มไม่ลากลับบ้าน และคนอื่น ๆ ไม่ไปช่วยเฮียเมฆขนกล้าไม้เข้าโรงเพาะชำก็คงจะไม่ต้องรบกวนเขา

    “ไม่เป็นไรครับ” พสุธายิ้มปฏิเสธคนตัวเล็กก่อนที่เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงจะดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมากดรับตรงนั้นข้าง ๆ สาวเจ้าไม่ได้เดินเลี่ยงออกไปรับแล้วทิ้งน้องไว้ตรงนั้นคนเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×