คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่4/1 ปรับตัว
บทที่๔ ปรับตัว
หลังจากเสร็จงานบิดามารดาหนึ่งนทีก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านคุณเพ็ญพักตร์ที่เป็นบ้านใหญ่ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าอยู่ในอณาเขตของไร่เหนือนทีเหมือนกันและตั้งห่างจากบ้านเธอไปไม่กี่ร้อยเมตร โดยท่านให้เหตุผลว่าไม่สบายใจให้เธออยู่ที่บ้านหลังนั้นคนเดียว บ้านที่เคยมี พ่อ แม่ และเธออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน บ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะแต่วันนี้มันไม่มีอีกแล้ว ท่านคงกลัวว่าเธอจะเสียใจจนไม่อาจรับความจริงได้ กลัวว่าเธอจะดึงตัวเองขึ้นจากความเสียใจเหล่านั้นไม่ได้ ซึ่งมันก็ใช่…เธอไม่อาจทำใจยอมรับกับความจริงที่ว่าบิดากับมารดาได้จากไปแล้วได้เลย แม้ยามหลับตาลงภาพใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของท่านทั้งสองยังเด่นชัดไม่เคยเลือนหาย
“ตี๊ด” เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้หนึ่งนทีที่นั่งเหม่ออยู่นานได้สติ ใบหน้าหวานอมเศร้าหันไปทางต้นเสียงทันทีที่ได้สติพร้อมกับดวงตากลมโตที่เบิกโพลงขึ้นและสองเท้าที่ลุกวิ่งไปยังเป้าหมายอย่างไม่คิดชีวิต
“ไขตุ๋น หนูวิ่งออกมาทำไมลูก” ทันทีที่คว้าสุนัขสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียนสุดรักสุดหวงเข้าสู่อ้อมอกก็อดไม่ได้ที่จะดุมัน น้ำเสียงของสาวเจ้ายังติดสั่นเพราะความตกใจไม่หาย ไม่อยากคิดว่าหากเจ้าของรถเขาเบรกไม่ทันเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดจะเป็นเช่นไร เพราะตอนนี้มันไม่ต่างจากที่เพิ่งทางใจสุดท้ายที่เธอหลืออยู่
“ขอโทษค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” หนึ่งนทีค้อมตัวขอโทษเจ้าของรถยนต์คันหรู แต่อีกฝ่ายกลับเร่งเครื่องขับผ่านไป ไม่แม้แต่จะเปิดประตูออกมาถามไถ่หรือลดกระจกลงมาเพื่อรับคำขอโทษเลย ดวงตาคู่กลมมองตามรถยนต์คันนั้นจนสุดสายตา ส่วนมือก็ยังคงลูบหัวเจ้าไข่ตุ๋นไปมาเพื่อปลอบมัน ไม่ได้สนใจว่าคนที่อยู่ในรถคันนั้นคือใคร เพราะที่ไร่ก็มีคนขับรถเข้าออกเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว หากเป็นรถกระบะยกสูงก็จะเป็นรถคนงานในไร่ แต่ถ้าเป็นรถหรู ๆ อย่างคันเมื่อครู่ก็คงจะเป็นแขกหรือลูกค้าของไร่ที่เข้ามาหาเฮียเมฆ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู” นมแจ่มที่ลุกไปล้างมือครู่เดียวออกมาไม่เห็นเจ้าไข่ตุ๋นซ้ำยังเห็นว่าหนึ่งนทีมายืนอยู่ริมถนนก็รีบวิ่งมาหาหน้าตาตื่น
“ไข่ตุ๋นวิ่งออกมาเกือบโดนชนแล้วค่ะ” หนึ่งนทีตอบนมแจ่มพร้อมกับเดินกลับมานั่งที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าบ้าน
“นมเห็นมันนอนตากพัดลมชื่นใจเลยลุกไปล้างมือ ไม่คิดว่ามันจะวิ่งออกไป” นมแจ่มพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดกับความสะเพร่าของตัวเอง หนึ่งนทีเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเป็นอันรู้ดีว่าสาวเจ้าไม่ได้อยากจะสนทนาต่อแล้วนมแจ่มจึงปลีกตัวออกมานั่งมองอยู่ห่าง ๆ
ตกเย็นได้เวลาทานข้าวนางนวลแจ่มก็เอ่ยชวนคุณหนูของนางกลับบ้านใหญ่ แม้คุณเพ็ญพักตร์จะเป็นห่วงหลานสาวแต่ก็ไม่ได้ตามติดจนหลานอึดอัดหรือลำบากใจ ท่านยังคงให้ความเป็นส่วนตัวกับหนึ่งนที เพียงแต่เวลาทานข้าวขอให้ทานเป็นมื้อ ไม่ปล่อยให้หายไปคนเดียวนาน ๆ ก็พอแล้ว
“ไอ้ตัวที่วิ่งดุ๊กดิ๊กมาหารถเมื่อเช้าไปไหนแล้วล่ะ” เสียงนุ่มทุ้มที่ดังมาจากข้างหลังทำให้หนึ่งนทีที่นั่งเหม่อเผลอตกอยู่ในภวังตค์ความเศร้าขณะรอนมแจ่มเก็บของกลับบ้านได้สติอีกครั้งก่อนที่สาวเจ้าจะหันมาหาเจ้าของเสียง
ความคิดเห็น