ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจไม่ลืมรัก (มีEbookแล้วจ้า)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1/1 ยังไม่ลืม

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 64


    บทที่๑ ยังไม่ลืม

                กลางดึกในช่วงฤดูฝน เม็ดฝนน้อยใหญ่ต่างโปรยปรายลงมาตามหน้าที่ของมันเพื่อให้ยอดไม้ยอดหญ้าที่แห้งเฉากลับมาเบ่งบานอีกครั้ง บ้างก็โหมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งไม่ลืมหูลืมตา สายลมที่พัดผ่านมากับสายฝนชวนให้รู้สึกหนาวจนร่างบางที่นอนซมเพราะพิษไข้บนเตียงกว้างต้องกระชับผ้าห่มผืนหนาเข้าหาตัว

                เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟนเครื่องหรูดังขึ้น พร้อมกับแสงสว่างจ้าจากหน้าจอสี่เหลี่ยมปลุกให้คนที่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพราะพิษไข้ที่เข้ามาเล่นงานต้องตื่นจากภวังค์ความฝัน ร่างบางปรือตาขึ้นมาพร้อมกับมือบางที่ควานหาตัวปัญหาที่ส่งเสียงดังรบกวนในเวลานี้

                “ฮัลโหล” สาวเจ้ากรอกเสียงงัวเงียหาคนปลายสาย เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมารบกวนเวลานี้คือดาริกา เพื่อนสาวที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมปลายพอขึ้นมหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกันไปคนละเส้นทางของตัวเอง โดยที่หล่อนนั้นเลือกเรียนทำอาหาร ส่วนดาริกานั้นเลือกเรียนพยาบาล

                “ฮัลโหลอ้อน คือ…คุณเจตน์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อาการสาหัสเลย ทางนี้ยังติดต่อญาติไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้อยากจะรบกวนแกหรอกนะอ้อน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเวลานี้ใครจะช่วยติดต่อญาติเขาได้นอกจากแก”

                “ฮัลโหลอ้อน แกได้ยินใช่ไหม” เมื่อปลายสายเงียบไป พยาบาลสาวก็เร่งถามซ้ำ และก็ได้เพียงความเงียบตอบกลับมา

                “อ้อน ได้ยินใช่ไหม” ดาริกาเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิม

                “อะ…อืม ได้ยิน” กว่าจะหาเสียงตัวเองได้ก็ต้องให้เพื่อนสาวถามย้ำถึงสองครั้งสองครา ทั้งๆที่คิดว่าลืมเขาได้จริงๆแล้วแต่มาวันนี้ชื่อของเขาก็ยังมีอิทธิพลต่อหัวใจของหล่อนอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปจริงๆ

                วางสายจากเพื่อนสาว อรรัมภาก็ติดต่อทางบ้านของเขาและแจ้งข่าวให้ทางนั้นทราบ หลังจากนั่งเถียงอยู่กับความรู้สึกตนเองอยู่นาน สุดท้ายจึงตัดสินใจฝืนพิษไข้ลุกขึ้นไปล้างหน้าในห้องน้ำพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมตัวบางมาสวม ก่อนจะหยิบกุญแจรถยนต์คันคู่ใจออกมาเพื่อที่จะไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนสาวทำงานอยู่

     

                หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล มีเพียงร่างท้วมของหญิงวัยเลยห้าสิบเท่านั้นที่นั่งบีบมือตัวเองอย่างเป็นกังวล ใบหน้านวลผ่องเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ภาพตรงหน้านั้นทำเอาสาวเจ้าถึงกับตื้อในอก อรรัมภาปาดน้ำตาที่เอ่อคลอออกเบาๆ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งข้างๆท่านพร้อมกับกุมมืออวบอูมของท่านอย่างให้กำลังใจ

                “อ้อน ฮึกฮือ” ท่านโผเข้ากอดหญิงสาวรุ่นลูกตรงหน้า พร้อมกับปล่อยหยดน้ำตาที่อัดอั้นไว้ให้ไหลรินลงมา

                “เพราะแม่เอง ตาเจตน์ถึงเป็นแบบนี้ ถ้าแม่ไม่พูดแบบนั้นเจตน์เขาก็คงไม่ขับรถออกไป ฮือ” ท่านเอาแต่ปล่อยโฮและพร่ำโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำให้เจตนพัทธ์ต้องประสบอุบัติเหตุ

                “อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ อุบัติเหตุคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น” อรรัมภาปลอบท่าน

                สาวเจ้านั่งอยู่เป็นเพื่อนมารดาของชายหนุ่มจนการรักษาของทีมแพทย์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าคนป่วยจะพ้นขีดอันตรายแล้ว เนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุทำให้สมองกระทบกระเทือนจนเกิดเลือดคลั่งในสมอง จึงต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน การรักษาจึงกินเวลาจนเกือบรุ่งเช้าของอีกวัน

                “แม่ขอบใจอ้อนมากนะลูก ที่อยู่เป็นเพื่อนแม่ ไม่ได้เราเมื่อคืนแม่คงจะแย่อยู่เหมือนกัน” คุณหญิงจริยาวางมืออวบอูมลงบนหลังมือเรียวเล็กของหญิงสาวรุ่นลูก ใบหน้านวลผ่องคลี่ยิ้มให้คนตรงหน้า แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้คนมองเศร้าจับใจ

                “อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ” อรรัมภาว่าเสียงอ่อน คนตรงหน้ามีพระคุณกับหล่อนมาก แล้วทำไมเรื่องน้อยนิดแค่นี้หล่อนจะช่วยท่านไม่ได้

                “ถ้าอ้อนกับตาเจตน์ยังคบกันอยู่ก็คงจะดีสิเนอะ” ท่านเปรยๆ ซึ่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารดาของเจตนิพัทธ์มักจะพูดออกมาทำนองนี้ ตั้งแต่หล่อนกับเขาจบความสัมพันธ์กันมาจนถึงตอนนี้ก็ราวๆปีครึ่งแล้ว ซึ่งหล่อนก็ได้แต่คลี่ยิ้มชืดๆส่งให้ท่านไปเพียงเท่านั้นและครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งที่ผ่านมา เพราะระหว่างหล่อนและเจตนิพัทธ์มันคืออดีตไปแล้ว

     

    อัพให้อ่านทุกวันนะคะ เวลา 19.00 น. ค่ะ

    ฝากพี่เจตน์กับหนูอ้อนด้วยน้าา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×