ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไม่...ลืม

    ลำดับตอนที่ #2 : จากวันนั้น.....

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 50


    .....Coffee Cafe'

        กาแฟคาปูชิโนถ้วยใหญ่ พิเศษใส่วิปครีมและเชอรี่ลูกใหญ่ 2 ลูก ถูกนำมาวางลงตรงโต๊ะมุมสุดของร้าน ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะอยู่หลังนอร์ดกั้นแผ่นใหญ่ที่มีรูปของคนสำคัญๆต่างๆที่เคยเข้ามาใช้บริการติดอยู่เต็มบอร์ด รวมถึงรูปของสาวน้อยตรงหน้าด้วย แต่เจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจ ด้วยถูกใจนักหนากับกาแฟ "พิเศษ" ยิ่งที่วางอยู่ตรงหน้า 

             "ตายแล้ว สั่งอะไรเนี่ย ยัยแซนด์" 
             “พี่ปายไม่เคยทานเหรอ ก็กาแฟไง” สาวน้อยแกล้งทำหน้าเหรอหรา จนพี่สาวต้องตีเอาที่แขน

                  “ไม่ใช่ย่ะ พี่หมายถึงทำไมกินแบบนี้ ดูสิ วิปครีมปาเข้าไปครึ่งแก้ว” ปาลิดาว่า ส่ายหัวเบาๆอย่างเอ็นดู
    แซนดราหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจพลางงับลูกเชอรี่เข้าไปทีเดียวทั้ง 2 ลูก
                  “ก็แหม ตอนอยู่กะพี่แพทตี้ แซนด์เคยได้แตะที่ไหนอ่ะ เซ็งจะแย่อยู่แล้ว แล้วก็ช่วงนี้ เข้าฉากยันดึกทุกคืนเลย ก็ต้องโด๊ปหน่อยดิ โด๊ปอ่ะ พี่ปายเข้าใจป่ะ”
                  “จ้าๆ เอาให้พอใจเลยนะ แล้ววันหลัง อย่ามาบ่นอีกล่ะว่า ทำไมกล้องถ่ายแซนด์บวมงี้ล่ะ” ปาลิดาว่าพลางเอามือหยิกแก้มยุ้ยๆของน้องสาวเบาๆ ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ พี่แพทตี้เป็นผู้หญิง (เอ่อ... ผู้ชาย) ที่ค่อนข้างจะเข้มงวดและมีวิญญาณของผู้จัดการดาราเต็มเปี่ยม มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่แพทตี้ตามน้องสาวของเธอไปเที่ยวที่บ้าน พอเห็นปาลิดาลงท้องร่องสวนพร้อมกับบรรดาลูกจ้างเพื่อตักโคลนขึ้นมาถมต้นไม้ หล่อนก็กรีดเสียงร้องเสียจนปาลิดาแทบกระโดดขึ้นจากน้ำไม่ทัน
     
    -----“ต๊ายๆๆๆๆๆ คุณน้องปายขา ทำอะไรค้า ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เชียว”
    “อะไรกันคะพี่แพทตี้ ปายกำลังรอกคลองอยู่ค่ะ” ว่าพลางเอามือโกยโคลนขึ้นมาอีกครั้ง
    “ไม่ได้ค่ะ น้องปายเป็นเด็กผู้หญิง หน้าตารึก็น่ารัก ทำไมลงไปทำอย่างนั้นล่ะคะ ไม่เอาๆ พี่แพทตี้ไม่ให้ทำแล้ว ขึ้นมาค่ะ ดูสิ เละไปหมดเล้ย”  พี่ชายคนสวยของเธอว่าพลางส่ายหัวดิกๆ จนปาลิดาต้องรีบทำตามด้วยกลัวหัวของพี่แพทตี้จะหล่นลงโคลนมาด้วยอีกคน
    ปาลิดาเป็นหญิงสาวร่างสูงโปร่ง แม้ไม่บอบบางอย่างน้องสาว แต่ก็มีรูปร่างสวยงามแบบที่ใครๆเรียกกันว่าระหง ยิ่งหน้าตาด้วยแล้ว ยิ่งดูสวยสง่าแบบนางแบบ ต่างกับน้องสาวต่างบิดาที่จะดูไปทางหวานซึ้งเหมือนตุ๊กตา ผมของเธอซอยสั้นเพื่อความทะมัดทะแมงในอาชีพการงาน แถมไม่เคยรู้จักเครื่องสำอางค์อื่นใดนอกจากลิปกลอส ไม่ใช่ว่าแต่งไม่เป็น เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องแต่ง หญิงสาวช่วยดูแลสวนลิ้นจี่และส้มโอของมารดา และมีอาชีพเสริมเป็นไกด์ทัวร์ให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แค่นี้ก็ทำให้เธอไม่มีเวลาทำอย่างอื่นอีกแล้ว แพทตี้เคยโอดครวญเรื่องนี้กับมารดาของเธอเสมอ ว่าอยากให้เธอเข้าวงการ แต่ปาลิดาเองก็ปฏิเสธทุกครั้งไปอีกเช่นกัน-----
    น้องสาวคนสวยทำหน้ามุ่ย แต่ก็ยังนั่งละเลียดวิปครีมเฉยอยู่ จริงอย่างที่แซนด์บอก ช่วงนี้กำลังเร่งถ่ายทำละครเรื่องใหม่ “ตะวันรัก” ที่นางแบบสาวอย่างแซนดรากระโดดลงมาเล่นเป็นครั้งแรก ประกบคู่กับพระเอกหนุ่มไฟแรง “ทิวา” หรือ ซัน พระเอกดังจากค่ายยักษ์ใหญ่ของคุณพ่อเธอเอง ชาร์ล ฌอน เฟลลิ่ง ผู้ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นมือฉมังด้านกำกับ ไม่มีละครเรื่องไหนไม่ดังถ้าผ่านมือของเขา
    ปาลิดาผินสายตากลับมายังหนังสือตรงหน้า ไม่ต่อความกับน้องสาวต่อไป หลังจากที่เธอเข้ามาช่วยดูแลงานต่างๆให้น้องสาว ก็ทำให้ต้องปรับตัวหลายๆอย่าง และคอยจัดตารางคิวให้กับน้องสาวเพิ่มขึ้นด้วย
    “พี่ปาย นั่นพี่ท๊อปใช่ป่ะ” เสียงน้องสาวดังขึ้น พลางชี้มือชี้ไม้ข้ามไหล่ของเธอไปด้านหลัง ชื่อนั้นทำให้ใจของหญิงสาวกระตุกวูบ ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองตามมือของน้องสาว
    “น้องแซนด์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ทำไมวันนี้มานั่งอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ไม่ถ่ายละครหรือครับ” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังของเธอ พร้อมกับรู้สึกถึงแรงฝ่ามือที่กดลงเบาะด้านหลัง ไหนพี่เคนเจ้าของร้าน บอกว่านั่งตรงนี้ไม่มีคนเห็นไง โกหกชัดๆ
    “แซนด์ว่างค่ะวันนี้ พักกองน่ะ พี่ท๊อปไปไหนมาคะ” สาวน้อยว่าพลางส่งยิ้มการค้าแบบดารา
    “พี่มาทำธุระให้คุณแม่ครับ ดีจริงที่ได้เจอน้องแซนด์กับปาย” น้ำเสียงนั่นเน้นที่คำสุดท้ายชัดเจน “ปายสบายดีหรือครับ”
    “ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ ปลายเสียงห้วนอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ผินหน้ามามองชายหนุ่มแม้แต่น้อย
    “แซนด์ กลับกันเถอะ พี่ต้องไปธุระให้แดดดี๊ของแซนด์ต่อ” ว่าพลางหยิบกระเป๋าถือลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจกับเสียงทักท้วงของน้องสาวที่เพิ่งละเลียดวิปครีมไปได้ครึ่งแก้ว
    “พี่ปาย เดี๋ยวดิ พี่ปาย โอ๊ย แซนด์ตามไม่ทันแล้วนะเนี่ย”
    “อ่ะ .. พี่ขอโทษ” ปาลิดาหยุดเดินเมื่อออกมาจากร้านไกลพอควร และเขา... ไม่ตามมา
    “พี่.... เฮ้อ ...โอยเหนื่อย ยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ” แซนดราพูดพลางหอบหายใจ
    หญิงสาวไม่ตอบคำใดๆ ผินมองกลับไปยังที่ตั้งของร้านนั้นอีกครั้ง ถอนหายใจแผ่วเบา
    “กลับกันเถอะ”
    สี่ทุ่มครึ่ง ปาลิดานั่งอยู่ริมระเบียงคอนโดของน้องสาว แซนดราหลับไปนานแล้ว แต่เธอกลับไม่หลับ ไม่หลับเพราะใจยังไม่หลับ ภาพของชายหนุ่มเมื่อกลางวันยังติดตามมาจนบัดนี้ ผู้ชายที่ชื่อ ท๊อป ผ่านมา 2 ปี แล้วนับจากวันนั้น แต่ความทรงจำยังคงเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
    -----ปาลิดาสอบติดคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความยินดีของผู้คนรอบข้าง ที่นั่นหญิงสาวได้พบกับเขา พี่ท๊อป หรือ บดินทร์ ประธานนักศึกษาคนเก่งของน้องๆทุกคณะ งานรับน้องที่สุดแสนจะน่าประทับใจเป็นเครื่องการันตีความสามารถ ปาลิดาเองตอนนั้นมองเห็นเพียงว่า พี่ท๊อปเป็นผู้ชายที่ “น่ายกย่อง” แต่ก็ไม่เคยได้เอาไปใส่ใจ จนถึงวันแข่งกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคณะ ที่มีปาลิดาเป็น staff หลักของ stand เชียร์ (หลังจากที่ปฏิเสธตำแหน่งเชียร์ลีดเดอร์ไป 10 กว่ารอบ)
    “ปาย เราว่าเอาฉากลงมาข้างล่างดีกว่าป่ะ” เจน หรือเจนจิรา เพื่อนสนิทของเธอพูดพลางชี้มือไปที่ฉากไม้บานใหญ่ที่ตั้งอยู่บนสุดของ stand
    “เอางั้นเหรอ แต่ตรงที่เรายืนนี่ มันจะล้นแล้วนะ” ปาลิดาว่า พลางหันซ้ายขวาดูตรงบริเวณที่เธอยืนอยู่ ซึ่งเป็นด้านล่างสุดของ stand ที่ยกสูงขึ้นจากพื้นด้านล่าง ที่มีพื้นที่จำกัดเพียงแค่ให้คนนั่งเป็นแถวยาวได้ 1 แถว ซึ่งก็มี staff นั่งกันอยู่หลายคน
    “ก็เข้าใจแหละ แต่ข้างบนอันตรายนะ เดี๋ยวมันล้มลงมาน่ะ”
    “เอ้า งั้นก็ให้พวกนายต้นยกลงมานะ เดี๋ยวเราเคลียร์พื้นที่ให้”
    เจนจิรายิ้มรับพลางให้เหล่า “GB” หรือ General เบ๊ ขึ้นไปยกฉากอันใหญ่ลงมาจากด้านบน จริงอย่างที่เธอว่า ฉากอันนั้นอยู่ข้างบนแล้วน่าอันตรายว่าจะล้มลงมา ขณะกำลังขนย้ายอยู่นั่นเอง นายต้นก้าวเท้าลงมาถึงตรงจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ ก็เสียหลัก ฉากไม้เทเอียงเข้าใส่ปาลิดาทันที
    “ปาย ระวัง!!!”
    สิ้นเสียงเพื่อนสาว ปาลิดาซึ่งยืนหันหลังอยู่ก็รู้สึกเหมือนอะไรหนักๆกระแทกเข้ากลางหลัง ร่างบางเสียหลักถลาตกลงไปจาก stand ทันที
    “ว๊าย..” ร้องได้แค่นั่น ทุกอย่างก็เลือนลางหายไป หญิงสาวสิ้นสติไปทันที
    เมื่อปาลิดารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็ที่โรงพยาบาล มีเพื่อนๆห้อมล้อมอยู่รอบตัว แถมด้วยเจนจิราที่ร้องไห้ตาบ่วมเป่งอยู่ข้างๆ
    “ฮือๆๆ ปาย ชั้น .. นึกว่า ..ฮึก .. แกจะเป็นอะไรไปซะแล้ว”
    “ไอ้เจนบ้า ปายมันแค่แขนหักเอง แล้วก็ เอ่อ..หัวแตกนิดหน่อยด้วย” นายต้นว่าพลางทำหน้าสำนึกผิด
    “อูย ใครถีบเราอ่ะ นายเหรอ นายต้น” ปาลิดาแกล้งว่าพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผาก
    “ฮ่าๆๆ ยัยบ้า เคราะห์ดีแล้วที่ไม่เป็นไรมาก อย่าลืมขอบคุณพี่ท๊อปเค้าด้วยล่ะ” เจนจิราหัวเราะทั้งน้ำตา เพื่อนสาวขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
    “พี่ท๊อป?”
    “ช่ายยยย พี่ท๊อปเค้าเป็นคนช่วยอุ้มแกมาส่งโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เท๊เท่” ยัยเจนไปซะแล้วเมื่อพูดถึงฉากเหตุการณ์นั้น
    แล้วเรื่องราวก็ถูกถ่ายทอดไปสู่หญิงสาว พอฉากไม้กระแทกเธอจนเสียหลักตกลงมา ในขณะที่ทุกคนตกใจกันอยู่ บดินทร์ก็วิ่งเข้ามาเป็นคนแรก ตรงเข้าอุ้มหญิงสาวออกวิ่งไปที่รถทันที และเป็นคนนำเธอมาส่งโรงพยาบาลทันท่วงที
    “แล้ว เอ่อ.. ตอนนี้ พี่ท๊อปอยู่ไหน”
    “จัดการเรื่อง admid ให้อยู่แน่ะ เดี๋ยวก็คงเข้ามา แน่ะ ว่าก็มาเลยแฮะ” นายต้นว่าพลางชี้มือไปที่ประตูห้อง พี่ท๊อปวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
    “ปาย เป็นไงบ้าง”
    “เจ็บนิดหน่อยค่ะ ขอบคุณพี่ท๊อปนะคะ ไม่ได้พี่ ปายแย่แน่” หญิงสาวพูดพลางยกมือขึ้นไหว้ ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
    “ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี”
    “และเต็มใจมากกกกก” เจนจิราแกล้งต่อประโยคลากเสียงยาว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เล่นวิ่งมาคนแรกอย่างนี้นี่
    “ฮะๆๆ ใช่ พี่เต็มใจ” ประธานนักศึกษารับออกมาตรงๆ
    จากวันนั้น ไม่มีใครในมหาวิทยาลัยที่ไม่รู้ว่าทั้ง 2 คนเปลี่ยนสถานะภาพจากพี่น้องในมหาวิทยาลัยมาเป็นคนรู้ใจ เมื่อบดินทร์คอยตามรับตามส่งหญิงสาวไม่ได้ขาด เช้าก็ขับรถมารับ เย็นก็ขับรถมาส่ง ทำอย่างนี้ทุกวันจนหญิงสาวใจอ่อน และตกลงเป็นคนรู้ใจในที่สุด
    จากปีแรกของการเรียน จวบจนเข้าสู่ปีสาม บดินทร์เรียนจบและไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษพร้อมด้วยคำสัญญาจะกลับมาหมั้นเมื่อหญิงสาวเรียนจบ แต่จากวันเป็นเดือนจากเดือนเลื่อนเป็นปี จนหญิงสาวเรียนจบมหาวิทยาลัย ท่ามกลางความภูมิใจของคนในครอบครัว แต่...ไร้เงาของผู้ชายชื่อบดินทร์
    วันแห่งความสำเร็จ ปาลิดาโทรหาคนรัก เป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย หลังจากที่ 1 ปีที่ผ่านมา เธอได้รับจดหมายจากเขาเพียง 2 ฉบับ และไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากชายหนุ่มเลย ถือสายรอพักใหญ่ ท่ามกลางเพื่อนๆที่รุมถ่ายรูปในชุดครุย ก็มีคนรับสาย โชคดี นึกว่าจะโทรไปกวนเวลานอนของเขาเสียแล้ว เพราะตอนนี้ ทางนั้นเป็นช่วงกลางคืน
    “พี่ท๊อป นี่ปายเองนะ”
    “What ?” เสียงปลายสายดังอย่างงงงัน นั่นไม่เท่ากับเป็นเสียงผู้หญิง!! ร่างบางเกร็งแน่นเอ่ยขอสายบดินทร์เป็นภาษาอังกฤษ มีเสียงกุกกักดังอยู่พักใหญ่ ก็มีเสียงงัวเงียของเขาดังอยู่ข้างๆถามว่าใครโทรมา
    “พี่ท๊อป นี่ปายเองค่ะ บอกพี่ท๊อปว่าปายโทรมาค่ะ” หญิงสาวละล่ำละลัก
    “ปาย อือ โทรมาทำไม วางสายไปเลยเคท ผมจะนอน” เสียงเขาบ่นมาตามสาย
    นอน เคท แค่นี้ก็มีความหมายมากมายเพียงพอสำหรับเธอ ทุกอย่างที่เธอเคยคิดเป็นจริงแล้ว! ปาลิดากดวางสายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหมือนโลกทั้งโลกที่เคยมองเห็นอยู่เมื่อครู่ อันตรธานหายไปในชั่วพริบตา เจนจิราเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น
    “เฮ้ย ปาย เป็นไร”
    “เจน เราโทรหาพี่ท๊อป เค้าว่ากำลังนอนอยู่” ร่างบางสั่นสะท้าน
    “เอ๊ะ ตานี่ ไม่รู้รึไงว่าเรากำลังถ่ายรูปจบกันอยู่ เดี๋ยวเหอะ” เจนว่าพลางแกล้งทำท่าทางฮึดฮัด
    “ไม่รู้หรอกเจน...” เธอพูดอย่างยากลำบากกับการกลั้นก้อนสะอื้นที่มาจุกอยู่ที่คอ “ผู้หญิงรับน่ะ”
    เจนจิราตาโต จับต้นชนปลายถูกทันที เท่านั้นเอง เพื่อนสนิทก็ทรุดลงนั่ง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นสาย
    “อย่าร้องยัยปาย ช่างหัวมันผู้ชายแบบนี้ แกอย่าร้อง คนอย่างนี้ไม่มีคุณค่าพอให้เสียใจหรอก”-----
    ใช่ คนอย่างเขาไม่มีค่าเพียงพอ แต่กว่าที่คนที่ไม่มีค่าเพียงพอจะถูกลบหายไปจากความทรงจำของเธอ ก็ใช้เวลานานกว่า 2 ปี ปาลิดาได้ข่าวว่า ชายหนุ่มกลับมาจากอังกฤษ และเคยโทรมาหาเธอหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยรับสาย จนในที่สุดก็เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ไป
    ปาลิดาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากวันนั้นผ่านมา เธอเชื่อว่าเธอลืมผู้ชายคนนี้หมดสิ้นแล้ว แต่แผลที่เคยบาดลึกอยู่ในใจเมื่อครานั้น กลับยังมีรอยเจ็บอยู่ เธอจึงได้หลบหน้าเขามาเช่นนี้ ร่างบางถอนหายใจยาว ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันนะ กว่าที่เธอจะเปิดใจให้คนอื่นเข้ามาแทนที่ เขาได้สักที
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×