คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ทัณฑ์บนที่หก :: ซ้อมบาส
ทัณฑ์บนที่หก :: ซ้อมบาส
“ไนท์ ไปซ้อมบาสกัน !” เสียงหวานจากชายหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยขึ้น แต่คนถูกเรียกเพียงแต่พยักหน้าช้าๆ แต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหน ลาเต้เบ้ปากอย่างไม่พอใจ
“ไนท์ ไปซ้อมบาส ...” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวนอีกครั้ง แต่ปฏิกิริยาตอบสนองยังคงเป็นเช่นเดิม คนชวนที่เริ่มจะทนไม่ไหวกับการเอ่ยประโยคนี้มาเป็นรอบที่สิบ จึงตัดสินใจดึงแขนร่างสูงออกนอกประตูไปทันที
“เฮ้ยๆ อย่าลากดิ กูเดินเองได้ ...” คนถูกลากโวยวายอย่างตกใจ เมื่ออยู่ดีๆคนตัวเล็กกว่าก็ลากร่างของเขาไปเสียอย่างนั้น ลาเต้หันมาตบหัวคนพูดเบาๆ
“ก็กูเรียกแล้วมึงไม่ยอมมาสักทีอะ ไม่ใช่ความผิดกูเลยนะ ...” เสียงหวานแว้ดใส่ ไนท์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเป็นเชิงประชด
“คร้าบๆ กูผิดเองครับ มึงไม่ผิดเลยสักนิด ...” คนพูดลากเสียงยาว ลาเต้หยิกเข้าที่แขนของร่างสูง
“อย่ามาประชดกูนะ !”
เสียงหยอกล้อกันไปมาระหว่างของไนท์และลาเต้เริ่มเบาลงเรื่อยๆตามระยะทางที่ทั้งสองเดินออกไป คนที่ยืนมองเหตุการณ์นั้นอยู่นานก็มองตามไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ร่างบางที่ทำท่าจะเดินตามไป ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของคนข้างกาย
“เอ้า มองเข้าไป มองอยู่นั้น ! มองจนมึงจะถลนออกจากเบ้าอยู่แล้ว ... หวงเขามากนักก็ตามไปดูซะสิ” ฝิ่นเอ่ยปากพูดเมื่อเห็นท่าทีของคนข้างกาย เพ้นท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
“... แล้วมึง ?” ร่างสูงเอ่ยถาม คนถูกถามตอบกลับแทบจะทันที
“อ่าว กูก็ไปด้วยสิ !”
“กูเพิ่งรู้ว่ามึงก็อยากจะไปดูไอ้ไนท์เล่นบาสเหมือนกัน ...” เพ้นท์ถามกลับอย่างงงๆ ฝิ่นนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับคนร่างสูงไปพร้อมกับมะเหงกเข้าที่หัว
“อยากเหี้ยอะไรล่ะ กูโดนสั่งทำโทษอยู่ ทำเป็นลืมนะมึงนี่ !”
ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่คนตัวเล็กเอ่ยมา ก่อนจะตบหัวตัวเองดังป้าบ
“เอ่อเนอะ กูนี่ท่าจะเพี้ยน ...” เพ้นท์พึมพำกับตัวเองเบาๆ ฝิ่นส่ายหน้าไปมาเพราะไม่เคยเห็นคนตรงหน้าเป็นอย่างนี้มาก่อน มือบางแตะเข้าที่หน้าผากของคนตัวสูง ก่อนเอ่ยถามขึ้น
“มึงไม่สบายป่ะเนี่ย แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา ...” ฝิ่นมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพ้นท์ส่ายหน้าไปมาช้าๆ แล้วดึงมือบางออกจากหน้าผากของตน
“เปล่าๆ กูไม่ได้เป็นอะไรเลย ...” คนตัวเล็กหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แต่การพยักหน้ายืนยันจากคนตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องเชื่อจนได้ มือบางจับเข้าที่ข้อมือของร่างสูง ก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยพูดด้วยเสียงหวาน
“ถ้างั้นมึงมัวรออะไรเล่า ไหนว่าหวงนักหวงหนา ไปช้าเดี๋ยวก็ถูกงาบไปกินหรอก !” สิ้นเสียงของคนตัวเล็ก ร่างทั้งร่างของเพ้นท์ก็ถูกคนที่เขาเชื่อมาตลอดว่าแรงน้อย ลากตรงไปยังโรงยิมทันที
คนถูกลากทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พึมพำกับชะตากรรมของตัวเอง
“คนบ้าอะไร ตัวเล็กนิดเดียวแรงอย่างกับช้าง ...”
“พี่ไนท์สู้ๆๆ” เสียงเชียร์จากเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่ข้างสนาม ลอยมากระทบโสตประสาทของคนเพิ่งมาใหม่ ฝิ่นเชิดใส่อย่างไม่พอใจ แล้วกระแทกเท้าเดินขึ้นไปนั่งบนอัฒจรรย์ เพ้นท์เดินตามขึ้นไปสะกิดคนที่รีบร้อนขึ้นไปนั่งก่อน พร้อมกับเอ่ยพูดด้วยเสียงเบาให้ได้ยินเพียงสองคน
“ฝิ่นๆ เข้าไปดูใกล้ๆได้ไหม ...” เพ้นท์พูดพลางมองลงไปที่สนามด้วยแววตาที่สื่อความหมาย ฝิ่นเมื่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงใส
“อ๋อ ได้สิ ... แหมๆ กูนี่ก็ลืมเนอะว่าคนมันหวง !” ร่างบางกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของคนตรงหน้า เพ้นท์ปั้นหน้าดุ ก่อนจะพูดออกมาเป็นเชิงปรามคนตรงหน้า
“นี่ อย่าแซวสิ !” ร่างสูงกดเสียงต่ำ คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นฉุดมือคนข้างตัวไปนั่งแถวหน้าสุดด้วยกัน
“กรี๊ด ! พี่ไนท์ชู้ตลงอะเธอ!” เสียงแว้ดแสบแก้วหูดังขึ้นจากผู้หญิงกลุ่มเดิม พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักๆ ฝิ่นหันมองค้อนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพึมพำเบาๆ
“เหอะ ก็ไม่เห็นจะน่ากรี๊ดตรงไหนกะอีแค่ชู้ตลงลูกเดียว ...” ร่างบางมองลงไปในสนามอย่างหงุดหงิด คนตัวสูงที่เขาหมั่นไส้เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยักคิ้วให้อย่างผู้ชนะ ฝิ่นแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ อยากลงไปเอาน้ำสาดหน้ามันให้รู้แล้วรู้รอด
... ก็แล้วทำไมผู้หญิงถึงไปกรี๊ดแต่มันล่ะ ! มีอะไรน่ากรี๊ดกันนักหนา !
“พี่ลาเต้น่ารักเนอะ พี่ไนท์ก็เท่ระเบิด ...” เสียงพูดคุยยังคงดังขึ้นเรื่อยให้ชายหนุ่มเพียงสองคนบนอัฒจรรย์ได้ยิน ความหงุดหงิดทวีคูณขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนประโยคที่ได้ยิน
ฝิ่นเบ้ปากมองร่างสูงในสนามด้วยความหมั่นไส้ที่ไนท์มีแฟนคลับมากมายตามกรี๊ด ผิดกับอีกคนที่อยู่ข้างๆ เพ้นท์มองชายหนุ่มหน้าหวานในสนามด้วยสายตาที่ฉายแววความหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน
... เสียงพูดคุยของกลุ่มเด็กผู้หญิงข้างสนามยังคงดังอยู่เรื่อยๆ
“เสียดายนะ ถ้าพี่ลาเต้เกิดเป็นผู้หญิง ต้องน่ารักมากแน่ๆเลยอะ ...” เสียงเด็กสาวคนนึงพูดขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคัก เพ้นท์ปรายตามองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ใช่ๆ แต่เป็นผู้ชายก็ดีนะ จะได้คู่กับฉันไง” เด็กสาวอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้นตาม พลางทำท่าเคลิบเคลิ้มราวกับคนที่พูดถึงนั่งอยู่ข้างๆตน คนที่ฟังอยู่ตลอดพยายามสงบสติตัวเอง ไม่ให้เดินลงไปฉุดชายหนุ่มหน้าสวยที่เล่นบาสอยู่กลางสนามออกไปจากโรงยิม
คนที่คอยสังเกตคนข้างตัวตลอดเวลาอย่างฝิ่น สาบานได้ว่าตลอดปีกว่าที่อยู่ห้องเดียวกันมา เขาไม่เคยเห็นเพ้นท์เป็นแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เพ้นท์ ... ไหวไหมนั่น ...” ร่างบางเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง เมื่อร่างสูงข้างๆเขาดูจะนั่งไม่ติดที่ยิ่งกว่าเขาเสียอีก
... ที่เขาเคยหงุดหงิดเรื่องผู้หญิงมากรี๊ดไนท์กันเยอะแยะ ดูจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปถนัดตา
“กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ...” คนถูกถามเอ่ยตอบ แล้วฝืนยิ้มเพื่อให้คนถามสบายใจ ฝิ่นจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาของคนข้างกาย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังเกินครั้งไหนๆ
“เป็นอะไรก็พูดมาสิ อย่าโง่คิดว่ากูดูไม่ออกว่ามึงโกหก ... ไหนมึงว่าเป็นเพื่อนกัน มีอะไรก็ต้องบอกกันไง ...” ความห่วงใยถูกส่งผ่านแววตาและน้ำเสียง คนฟังถอนหายใจแรงๆ แล้วบอกปัดไป
“เรื่องเล็กน้อยน่า ช่างมันเหอะ ...” เพ้นท์เอ่ยไปเช่นนั้นแล้วยิ้มเพื่อให้คนที่อยู่ด้วยสบายใจ แต่คนฟังกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ฝิ่นเรียกชื่อร่างสูงอย่างไม่พอใจ
“... เพ้นท์ !” ร่างบางกดเสียงต่ำ คนถูกกดดันจำใจบอกอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
“ก็ได้ๆ บอกก็ได้ ... ก็ลาเต้แม่งชอบทำตัวเป็นเป้าสายตา ... แค่สายตาลุกวาวเวลาพวกผู้ชายมันมองลาเต้ กูก็ลำบากใจพออยู่แล้ว ไหนจะผู้หญิงอีกล่ะ ... แล้วตอนนี้กูก็ทำอะไรไม่ได้เลย แค่พูดกับกูสักคำ เขายังไม่พูด ...” ร่างสูงซบใบหน้าลงกับฝ่ามือ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเครียด แม้ว่าเขาจะพยายามทำตัวว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่ทว่าอาการของเขาก็ยังไม่รอดพ้นสายตาคนข้างตัวไปได้
ฝิ่นยิ้มบางๆกับอาการนั้น ก่อนจะตบไหล่คนข้างตัวเป็นเชิงให้กำลังใจ
“กูไม่รู้นะว่ามึงกับลาเต้เคยมีปัญหาอะไรกัน แต่กูเชื่อว่ามึงเป็นคนดี ลาเต้ต้องยกโทษให้มึงแน่ๆ ...” ร่างบางเอ่ยแล้วฉีกยิ้มหวาน คนฟังส่ายหน้าไปมา ก่อนพูดด้วยเสียงเบา
“... มึงรู้ไหม จริงๆกูไม่ใช่คนดีหรอก” เพ้นท์พูดขึ้น ในหัวสมองของเขาเต็มไปด้วยอดีตที่ผ่านมา เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่เกิดขึ้น เขายังคงจำมันได้ดี สิ่งที่เขาเป็นในวันนี้ มันต่างกับตอนนั้นราวฟ้ากับเหว
ฝิ่นขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากปากของคนที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดตั้งแต่เขารู้จักมา
“แล้วรู้อะไรไหมเพ้นท์ ... ถ้ามึงไม่ใช่คนดี คนทั้งโลกแม่งก็เลวกันหมดอะ” ร่างบางเอ่ยเป็นเชิงเปรียบเทียบ แล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อคนฟังไม่ขำด้วย
เพ้นท์เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร จนฝิ่นต้องพูดซ้ำอีกครั้ง
“มึงเป็นคนดีจริงๆนะเพ้นท์ ทั้งชีวิตที่กูเกิดมา กูยังไม่เคยเจอใครที่แม่งเป็นคนดีได้เท่ามึงเลยอะ ! ขนาดกูเป็นศัตรูของไอ้ไนท์ มึงแม่งก็ยังพูดกับกู ทั้งที่จริงๆไอ้ไนท์แม่งก็เคยห้ามมึงตั้งหลายครั้ง ... เวลาใครมีปัญหาอะไรมึงก็ช่วยตลอดไม่ใช่หรอวะ แล้วมึงจะเป็นคนไม่ดีได้ยังไง ...” คนตัวเล็กเอ่ยยาวเหยียด แล้วบีบมือคนข้างตัวเป็นเชิงให้กำลังใจ เพ้นท์ถอยหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยประโยคที่ฝิ่นไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
“เพราะกูเคยเลวมาก่อนไง วันนี้กูถึงได้เป็นคนดีอย่างที่มึงเห็น ...”
ฝิ่นกลอกตาไปมาเพราะคิดคำพูดไม่ออก แม้ว่าจะยังไม่ค่อยเข้าใจคนข้างกายเท่าไหร่นัก แต่ทว่าเขาก็ยังอยากให้เพ้นท์กลับมายิ้มเหมือนเดิมอยู่ดี
ร่างบางนิ่งไปสักพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาด้วยคำพูดที่เขาคิดว่าดีที่สุดในเวลานี้
“เอาเถอะๆ กูไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึง ... แล้วก็ลาเต้ แต่กูอยากให้มึงรู้เอาไว้นะเว้ย ว่าสำหรับกู มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตเลย” สิ้นเสียงหวานของฝิ่น มือบางก็เลื่อนไปโอบไหล่ของคนตัวสูงเอาไว้ ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้ร่างสูงยิ้มตาม
คนในสนามเหลือบตาขึ้นมามองเล็กน้อย รอยยิ้มหวานๆของคนที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์ กับท่าที่สนิทสนมเกินเพื่อน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าอก
... ในวินาทีนั้น ลูกบาสก็ร่วงหล่นจากมือคนที่กำลังจะชู้ตลูกสามแต้มลงกระแทกพื้นทันที พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ของคนที่เดินออกจากโรงยิมไปอย่างเงียบๆ
============================================================
จบไปอีกตอนกับความไร้สาระ 55+
.. มาทายกันดีกว่าว่าใครเป็นคนที่ทิ้งลูกบาส ~
ความคิดเห็น