ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Social Online วาดชีวิตได้ดั่งใจฝัน

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 :: เด็กผู้หญิงสายยันเดเระ(?)

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 54


    บทที่ 2 :: เด็กผู้หญิงสายยันเดเระ(?)



    นี่มันอะไรกันเนี่ย
    !!


    อาเทนล่าหันมองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ เมื่อพบว่าตนเองได้ตกลงมาในสถานที่ที่ตนไม่คุ้นเคย พลางคิดทบทวนประโยคที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อครู่


    พนักงานเสิร์ฟไอติมอย่างนั้นหรอ ... นี่มันตามความฝันของตัวเองตรงไหนเนี่ย


    ... ถึงแม้ว่าเธอจะเคยคิดว่าจะได้ทำงานในที่ที่มีของกินรอบด้านก็ตามที แต่มันก็ไม่ใช่ในกรณีนี้
    !!


    “นี่เธอ มานอนเกะกะขวางทางอะไรตรงนี้เนี่ย ? ที่บ้านไม่มีเตียงให้นอนหรือไง ?” เสียงหวานของเด็กสาวอีกคนดังขึ้นจากด้านบนร่างเธอ อาเทนล่าเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างงงๆ


    เด็กสาวผมซอยสั้นในชุดสูทสีดำปรากฏขึ้นแก่สายตา ในมือถือสมุดจดกับปากกาเอาไว้ ที่คอมีกล้องเลนส์รุ่นใหม่ล่าสุดห้อยอยู่ ใบหน้าหวานบึ้งตึงชวนให้อาเทนล่ารู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างไร้มนุษยสัมพันธ์เสียเหลือเกิน


    แต่เมื่อไม่มีใครอยู่แถวนี้ เธอก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า


    “อะ ... เอ่อ เราเพิ่งเข้าเกมมาน่ะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เด็กสาวผมชมพูกระพริบตาปริบๆ แล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างขอความเห็นใจ คนฟังส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก


    “ก็ได้ๆ ... ลุกขึ้นมาจากพื้นสักทีสิ จะนอนไปถึงไหนกัน ?” เด็กสาวปริศนาตกปากรับคำ ก่อนจะยื่นมือไปดึงคนที่นอนอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นมา อาเทนล่าเอื้อมมือไปปัดฝุ่นบนชุดเล็กน้อย


    “ชื่ออะไรน่ะ ?” เด็กสาวผมน้ำตาลเอ่ยถามห้วนๆ อาเทนล่าผงะไปเล็กน้อยกับท่าที่ดุดันของอีกฝ่าย


    “อะ ... เอ่อ ชื่ออาเทนล่า เรียกว่าอาเทนก็ได้” เสียงหวานเอ่ยตอบไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าอาจจะเดินเข้ามากัดคอเธอหลุดเมื่อไหร่ก็ได้


    ... คนอะไรน่ากลัวชะมัดยาด


    “อาชีพล่ะ ?” คำถามสั้นๆถูกส่งมา คนฟังที่ยังคงมึนๆอยู่ก็เอ่ยถามเพราะไม่ทันฟัง


    “หา ... อะไรนะ ?”
    คนฟังถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามกลับมาเช่นนั้น เด็กสาวเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยทวนคำถามให้


    “ก็ถามว่าอาชีพอะไรยังไงล่ะ
    ! หูหนวกหรือไงนะ ?” เด็กสาวปริศนายกมือขึ้นขยี้หัวน้อยๆ อาเทนล่ายิ้มบาง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงใจเย็น


    “อ๋อ ... เป็นพนักงานเสิร์ฟไอติมค่ะ”
    เด็กสาวผมชมพูเอ่ยตอบไป แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีเซ็งๆของคนตรงหน้า


    “พนักงานเสิร์ฟไอติมอีกแล้วหรอ ... คนสร้างเกมนี่ไม่มีหัวคิดเรื่องอาชีพแล้วหรือไง” เด็กสาวผมน้ำตาลบ่นอุบอิบ ก่อนจะสะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ความคิด แล้วเอ่ยพูดต่อ


    “เราชื่อดิเรียร์ อาชีพผู้ประกาศข่าว ... จะแนะนำเกมนี้ให้เธอรู้จักเอง”


    “โดยจุดประสงค์เดิมของเกมแล้ว เกมนี้เป็นเกมที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนหลบเลี่ยงจากโลกความเป็นจริงเข้ามาอยู่ในโลกแห่งความฝัน เพราะว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ติดอยู่ในกรอบบงการของคนรอบข้าง อย่างเช่นพ่อแม่เป็นต้น ... ด้วยกรอบที่ถูกสร้างขึ้นมา ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการได้ ... นี่เธอ เธอยังฟังอยู่หรือเปล่า ?” ดิเรียร์อธิบายเสียยาวยืด แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินคนข้างตัวพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจอยู่


    “ดิเรียร์ เดียร์ เดียร์ ... เดียร์ แปลว่า กวาง ...” เด็กสาวผมชมพูพึมพำกับตัวเอง ในสมองกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องว่าจะตั้งชื่อเล่นในอีกฝ่ายอย่างไรดี เพราะรู้สึกว่าชื่อดิเรียร์มันช่างเรียกยากเหลือเกิน


    ทางฝั่งเด็กสาวผมน้ำตาลที่รู้สึกว่าตัวเองถูกเมินก็แทบจะกระโดดบีบคออีกฝ่ายเสียให้ได้ เมื่อเธอเสนอว่าจะแนะนำเกมให้แล้ว แถมยังเปลืองน้ำลายเป็นลิตรๆเพื่ออธิบายที่มาของเกม แต่เด็กสาวผมชมพูกลับเมินเธอเสียอย่างนั้น


    น่าหงุดหงิดที่สุด
    !


    ดิเรียร์เบ้ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตัดสินใจกระชากคอเสื้อของคนข้างตัวขึ้นมา แล้วตวาดใส่อย่างไม่พอใจ


    “นี่อาเทนล่า ฟังกันหน่อยสิ
    !!!


    คนที่ถูกตะคอกใส่หน้าเหวอไปพักหนึ่ง อาเทนล่าแกะมือของดิเรียร์ออกด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษคนตรงหน้าไปที่เธอไม่ตั้งใจฟัง


    “ขอโทษที่ทำให้โกรธนะ ... อาเทนไม่ได้ตั้งใจ เอ้อ อาเทนเรียกดิเรียร์ว่ากวางได้ใช่มั้ย ?” เด็กสาวผมชมพูเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทำเอาคนที่เคยโกรธอยู่ต้องลบความโกรธทั้งหมดที่เคยมีทิ้งไป ก่อนจะพึมพำเบาๆกับชื่อเล่นที่เพื่อนคนใหม่เพิ่งตั้งให้


    “กวางหรอ ...” ดิเรียร์ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นานจนอาเทนล่าเริ่มใจเสีย


    “ไม่ได้หรอ ... ขอโทษนะ” เด็กสาวก้มหน้าสำนึกผิดเมื่อเห็นท่าทีนิ่งๆของคนตรงหน้า ก็เข้าใจว่าเธอโดนโกรธเข้าเสียแล้ว เด็กสาวผมน้ำตาลส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ


    “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้นี่ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ...”
    ดิเรียร์เอ่ยตอบ ก่อนจะเดินหนีอย่างรวดเร็วจนอีกคนที่มาด้วยเกือบตามไปไม่ทัน


    ถึงแม้คำพูดและน้ำเสียงจะดูห้วนๆ ท่าทางดุดันที่ใครๆก็ต่างเกรงกลัว แต่อะไรบางอย่างบอกกับอาเทนล่าว่าเพื่อนคนใหม่คนนี้ ใจดีกว่าที่เธอคิดมากนัก


    “เดี๋ยวสิกวาง รออาเทนด้วยสิ ไหนบอกว่าจะแนะนำเกมให้ไง ...” อาเทนล่าตะโกนไล่หลังไป พลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อตามคนที่เดินนำไปก่อนให้ทัน


    มือบางเอื้อมไปคว้าชายเสื้อของดิเรียร์ไว้ได้ทัน เด็กสาวก้มหน้าหอบหายใจด้วยความเหนื่อย


    “แฮ่กๆ กวางไม่รออาเทนเลยอะ
    !


    “... ดิเรียร์ นี่ใครหรอ ?” น้ำเสียงติดจะห้าวจากหญิงสาวปริศนาที่ยืนอยู่ตรงหน้าดิเรียร์ดังขึ้น พร้อมกับชี้ตรงมาที่อาเทนอย่างงงๆ คนถูกชี้เอียงคอมองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป


    “ชื่ออาเทนล่าค่ะ เพิ่งเข้าเกมมา ...” เด็กสาวผมชมพูเอ่ยตอบ แล้วพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด


    หญิงสาวผมสีดำสนิทยาวถึงสะโพก ดวงตาสีเดียวกับเส้นผม เธอใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตกับกางเกงขาสั้นสีขาว ใบหน้าหวานที่ยิ้มกว้างตลอดเวลา ทำให้อาเทนล่าคิดว่าคนตรงหน้าน่าจะคบด้วยได้


    “ยินดีที่ได้รู้จักนะอาเทนล่า ... น่าสงสารจริงๆที่เพิ่งเข้าเกมแล้วมาเจอกับดิเรียร์ ยังไงๆก็ระวังเค้าเอามีดปาดคอก็แล้วกันล่ะ ยัยนี่ยันเดเระสุดๆ ...” หญิงสาวผมสีดำก้มลงกระซิบข้างหูของอาเทนเบาๆ แต่นักข่าวหูดีอย่างดิเรียร์กลับได้ยินมันชัดเจน มือบางที่ถือสมุดจดอยู่ก็ฟาดเข้าที่กลางศีรษะของคนจอมเผา


    “อย่างกับเธอดีตายแหละยัยวา
    ! เธอเองก็ยันเดเระพอกันนั่นแหละ !! เด็กสาวผมน้ำตาลตอบกลับไปแทบจะทันที ก่อนจะเบ้ปากอย่างไม่พอใจ


    “อ่า ... อย่าทะเลาะกันสิ” คนกลางอย่างอาเทนล่าได้แต่เกาหัวน้อยๆอย่างไม่รู้จะทำอะไร


    “เฮ้ยๆ ลืมอาเทนล่าไปเลย ... เราชื่อวาเลเรีย เรียกสั้นๆว่าวาก็ได้ อาชีพนักแต่งเพลง
    ! แล้วเธออาชีพอะไร ?” หญิงสาวผมดำเอ่ยพลางยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงไปเมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำจากคนข้างตัว


    “วาว่า วาว่า ชิวาว่า ...” ดิเรียร์ยืนพึมพำกับตัวเองหน้าตาเฉย โดยที่ไม่ลืมเอ่ยให้เสียงดังพอที่คนที่เธอพาดพิงได้ยินด้วย วาเลเรียหันขวับอย่างไม่พอใจ แต่ทว่าคนพูดก็ยังคงปั้นหน้าตาย แล้วยักคิ้วให้อีกฝ่ายอย่างผู้ชนะ


    วาเลเรียสะบัดผมตบหน้าดิเรียร์ แต่ด้วยความเร็วของเด็กสาวผมน้ำตาล ทำให้เธอหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ในใจพลางนึกคาดโทษหญิงสาวผมดำตรงหน้า


    “... แล้วอาเทนล่าเป็นอาชีพอะไรหรอ”
     ทางฝ่ายวาเลเรียก็ยิ้มร่า เมื่อเห็นใบหน้าหงุดหงิดของดิเรียร์ หญิงสาวนักแต่งเพลงยิ้มกว้าง ก่อนจะหันความสนใจไปหาเด็กสาวอีกคนแทน คนถูกถามยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป


    “จริงๆวาเรียกว่าอาเทนเฉยๆก็ได้นะ ... อาเทนเป็นพนักงานเสิร์ฟไอติมค่ะ” เด็กสาวผมชมพูเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม คนฟังเมื่อได้ยินคำตอบ ก็แทบจะกระโดดกอดคนพูดในทันที


    “ทำงานร้านไอติมหรอ
    ! งี้ก็ที่เดียวกับเด็กชายฟูฟ่องของวาน่ะสิ !! ดีจังเลยนะ ...” วาเลเรียฉีกยิ้มกว้าง พลางทำหน้าเคลิบเคลิ้ม อาเทนล่ามองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามถึงบุคคลที่สามในบทสนทนา


    “ใครคือเด็กชายฟูฟ่องหรอ ?”
    เด็กสาวอาชีพพนักงานเสิร์ฟขมวดคิ้วถาม คนฟังตอบกลับมาแทบจะในทันที แต่ทว่าคำพูดนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อาเทนเข้าใจอะไรมากขึ้นเลย


    “... เด็กชายฟูฟ่องเป็นเนื้อคู่วาค่ะ
    !!” หญิงสาวผมดำยกยิ้มอย่างพอใจ ดิเรียร์ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปอธิบายให้คนมาใหม่เข้าใจ


    “จริงๆเขาชื่อ อัลฟองเซ่ น่ะ ทำงานอยู่ร้านไอติม เดี๋ยวอาเทนก็คงได้เจอเองแหละมั้ง ตอนนี้เราไปกันเถอะ ปล่อยยัยนั่นเอาไว้แบบนั้นแหละ ...” เด็กสาวผมน้ำตาลอธิบาย ก่อนจะดึงแขนอาเทนให้เดินห่างออกจากวาเลเรียอย่างรวดเร็ว


    คนที่รู้ตัวว่าถูกทิ้ง ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปในทันที


    “นี่
    !! รอกันด้วยสิยัยยันเดเระ !!


    ===========================================================

    ตัวละครโผล่มาอีกสอง ด้วยอารมณ์เมาๆ =______=b

    ... ตั้งชื่อตอนได้ไร้สาระมาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×