คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ทัณฑ์บนที่หนึ่ง :: ยิ้ม(?)
ทัณฑ์บนที่หนึ่ง :: ยิ้ม(?)
“เพ้นท์ ! มึงอยู่ไหนวะสัด ! รีบมาหากูที่โรงอาหารตอนนี้เลย !” ร่างสูงกระแทกเสียงใส่โทรศัพท์ ก่อนจะตัดสายอย่างหงุดหงิด พลางหันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะ
“ฝิ่น ! มองหาเชี่ยไรมึง หาเรื่องกูหรอ !”
“กูเปล่าเหอะ มึงอะแหละมาหาเรื่องกูเอง .. กูว่านะ ไหนๆแม่งก็ต้องอยู่สภาพนี้ไปอีกนาน กูกะมึงก็น่าจะลองญาติดีกันหน่อย คือ ... กูคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ” ร่างบางเอ่ยตอบ พลางทำท่าครุ่นคิด
“ญาติดีห่าไรของมึง กูไม่เป็นเพื่อนกับคนอย่างมึงหรอก !”
“แล้วมึงคิดว่ากูอยากทำนักหรือไงวะ ! ที่มานั่งกับมึงตรงนี้กูอยากนั่งงั้นสิ ! คือถ้า’จารย์แม่งไม่สั่งมา กูก็ไม่ได้อยากจะนั่งนักหรอก ! แต่นี่กูคิดไง ... แม่งต้องอยู่ไปอีกนาน กูก็ไม่อยากให้เราฆ่ากันตายซะก่อน กูก็เลยพูดไง เข้าใจบ้างไหม ! แต่ก็นะ คนไม่มีสมองอย่างมึงจะมาเข้าใจอะไรได้ ...” ฝิ่นพูดอย่างหงุดหงิด เมื่อคนตรงหน้าพูดราวกับว่าเขาอยากเป็นเพื่อนมันนักหนา จนต้องอ้อนวอนให้มาเป็นเพื่อนด้วย ทั้งที่จริงๆเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างกับอีกฝ่ายนักหรอก
“สัด ! หลอกด่ากูไง ?” คนที่เพิ่งถูกด่าว่าไร้สมองฉุนกึก ร่างบางมองด้วยแววตานิ่งๆ
“กูเปล่า ก็แล้วแต่มึงจะคิด” ฝิ่นเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยอ่อน
หลับไปซะยังจะดีกว่าต้องตื่นมาเจอหน้าของศัตรูคู่แค้นตลอดชาติอย่างไอ้ไนท์
“ไนท์ ! กูมาแล้ว รีบฉิบหาย มึงโทรมาแล้วพูดอย่างกับแม่มึงจะตาย .. มีเรื่องเหี้ยไรรีบนักหนาวะ !” เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้น ร่างสูงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด พลางมองไปที่คนที่ฟุบหน้าอยู่ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“มีดิแม่ง ! จารย์แม่งสั่งให้กูอยู่กับเชี่ยนี่ตลอดเวลา เป็นมึงมึงไม่โมโหไง !? กูเกลียดแม่งอย่างกับอะไรดี มึงก็รู้นี่ !”
“ไนท์ มึงใจเย็นๆก่อนเว้ย ... ฝิ่นก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย ...” เพ้นท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็น แล้วหันไปมองเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนที่ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องที่เขาคุยกันอยู่
“ฝิ่น .. กินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวเราไปซื้อให้”
“ไปด้วยกันก็ได้นี่เพ้นท์ ให้เพ้นท์ไปซื้อให้จะรบกวนเปล่าๆ” ร่างบางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพ้นท์กลอกตาไปมา ก่อนจะตอบกลับไป
“อ่าว แล้วถ้างั้นใครจะเฝ้าโต๊ะล่ะ ? ฝิ่นไปกับไนท์ไม่ดีกว่าหรอ อาจารย์จะได้ไม่ว่า เดี๋ยวเราเฝ้าโต๊ะให้เองก็ได้”
“ไม่เอา ให้ไนท์เฝ้าไปนั่นแหละ ก็ถ้าจะห่างกันแค่ห้านาทีไม่ได้ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” ฝิ่นเอ่ยตอบแล้วฉุดข้อมือของคนสูงกว่าให้ลุกขึ้นยืน เพ้นท์หันไปถามว่าคนข้างๆจะกินอะไรหรือเปล่า ก่อนจะจำยอมให้ฝิ่นลากเข้าร้านนั้นร้านนี้แต่โดยดี
“นายศิลปิน ! ณัฐพัชร์ไปไหน ทำไมไม่มาเดินด้วย !!” เสียงหวีดแหลมทำเอาคนที่กำลังจะอ้าปากสั่งข้าวชะงักไปในทันที ร่างบางหันไปยิ้มเจื่อนๆให้
“จนได้สินะ” ฝิ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ว่ายังไงนายศิลปิน ! ณัฐพัชร์ไปไหน ฉันสั่งแล้วไม่ใช่หรือไงว่า ...” ก่อนที่อาจารย์จะพูดจบ คนที่กำลังถูกเทศน์ก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ณัฐพัชร์รออยู่ที่โต๊ะครับอาจารย์ ไม่งั้นใครจะเฝ้าโต๊ะล่ะครับ ไม่เชื่อถามธาวินทร์ดูสิครับว่าจริงไม่จริง” ฝิ่นโยนงานไปให้เพ้นท์ อาจารย์ฝ่ายปกครองเบนความสนใจไปหาเด็กหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าประพฤติเรียบร้อย ผิดกับเพื่อนสนิทของเขา เพ้นท์พยักหน้ายืนยัน พลางชี้ไปที่โต๊ะที่ไนท์นั่งอยู่
“จริงๆครับอาจารย์ นู่นไงครับณัฐพัชร์”
“ก็ได้ อย่าให้รู้นะว่าแยกกัน !” หญิงสาววัยกลางคนพูดค้างไว้เพียงเท่านั้น คนที่เกือบถูกทำโทษถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ถ้าจะห่างกันแค่ห้านาทีก็ไม่ได้ ...” ฝิ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนจะจ่ายเงินซื้อข้าวแล้วรีบเดินกลับโต๊ะอย่างหงุดหงิด คนที่ถูกลากมาด้วย ก็จำใจตามไปทั้งที่จริงๆยังอยากจะซื้อน้ำปั่นเพิ่มอีกแก้ว
“อ่ะ ของมึง !” ร่างบางกระแทกจานลงตรงหน้าไนท์เสียงดัง ก่อนจะเดินไปนั่งอีกฝั่ง แล้วลงมือจัดการกับอาหารมื้อเที่ยงด้วยความเร็วแสง
“ฝิ่น ระวังติดคอนะ ... อ่ะนี่ น้ำ” เพ้นท์ยื่นแก้วน้ำเปล่าให้คนข้างตัว ฝิ่นคว้าแก้วมาดื่มอึกๆ ก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ
“ขอบคุณนะ” ร่างบางเอ่ยปากขอบคุณ ไนท์เงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
อาหารเที่ยงมื้อนั้นผ่านไปด้วยความอึดอัด ฝิ่นพยายามทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ เอาแต่พูดคุยกับเพ้นท์เพื่อลบเรื่องที่ว่าเขาต้องอยู่กับไนท์ตลอดเวลาออกไปจากสมอง
คนกลางที่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรอย่างเพ้นท์ ก็ได้แต่เออออตามไปอย่างขัดไม่ได้ แม้ว่าในใจจะอยากลุกออกไปให้พ้นๆ แต่ทว่าเขาก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มต่อไป
ส่วนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างไนท์ ก็ได้แต่นั่งก้มหน้ากินข้าวไปให้หมดๆ และพยายามเมินร่างบางที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม แม้ว่าจะแอบเหลือบมองอยู่บ่อยครั้งก็ตาม
“เอ่อ ... พวกนายสองคน ... คือหมายถึงมึง และ นาย” เพ้นท์พูดอย่างงงๆเพราะไม่รู้ว่าจะใช้คำแทนทั้งสองคนว่าอะไรดี ฝิ่นเมื่อเห็นอาการแบบนั้น ก็หลุดขำออกมาน้อยๆ
“พูดกับเราเหมือนพูดกับไนท์ก็ได้ เราไม่ว่าอะไรหรอก” ร่างบางพูดแล้วตบไหล่อย่างเป็นกันเอง เพ้นท์นิ่งไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา
“ก็ได้ ... คือกูว่าพวกมึงสองคนน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ลองพูดกันดีๆดูสักครั้งล่ะ ... ไนท์ มึงอย่าหาว่ากูอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ กูคิดว่าอยู่สภาพแบบนี้ไปเรื่อยๆสุขภาพจิตเสียกันพอดี แม่งเอ๊ย ... คือกูเป็นคนกลาง กูโคตรอึดอัดอะ ขอร้องล่ะ พวกมึงสองคนช่วยญาติดีต่อกันสักนิดนึงได้ไหมวะ !? กูจะประสาทกินตายห่าแล้ว ...” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างหมดความอดทน เพียงครึ่งชั่วโมงที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ มันก็มากพอให้คนอย่างเพ้นท์ต้องประสาทเสียเข้าจริงๆ ฝิ่นได้แต่กระพริบตาปริบๆ รอว่าอีกฝ่ายจะตอบเช่นไร แม้ว่าในใจลึกๆจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว คนที่ใจร้อนเป็นไฟอย่างไนท์ ก็ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นตวาดเพื่อนรักเสียงดัง
ป้าบ !
“เหี้ยเพ้นท์ ! มึงแม่ง !” ร่างสูงเอ่ยพลางจะลุกขึ้นกลับห้องเรียน แต่มือของเพื่อนสนิทรั้งตัวเขาเอาไว้เสียก่อน ไนท์มองค้อนอย่างไม่พอใจ แต่ว่าคนที่รั้งไว้ก็ใจเย็นมากพอ แล้วลุกขึ้นกดไหล่เพื่อนสนิทให้นั่งลงที่เดิม
“ไนท์ ... มึงนั่ง” เพ้นท์กดเสียงต่ำ แล้วโถมแรงสุดตัวเพื่อบังคับให้คนตรงหน้ายอมนั่งลง
“โอเค ทีนี้มึงฟังกู ... กูรู้มึงไม่เห็นด้วยกับความคิดของกู ... คือกูเดาว่าน่าจะมีคนพยายามพูดแบบนี้กับมึงมาแล้วรอบนึง แล้วพอกูมาพูดอีก มึงก็อาจจะยิ่งโมโหเข้าไปอีก ...” ร่างสูงพูดอย่างใจเย็นที่สุด คนที่โดนเดาใจถูกได้แต่ทำเสียงจิ๊ในลำคออย่างไม่พอใจ แต่ก็จำยอมฟังเพื่อนอย่างช่วยไม่ได้
“ที่กูขอก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ... คือกูคิดว่ามึงเป็นเพื่อนกับฝิ่นได้ไง ความเป็นศัตรูอาจจะทำให้มึงมองข้ามไปว่าฝิ่นเป็นคนดีขนาดไหน จริงๆมันก็แค่เรื่องเบลล์ไม่ใช่หรือไงที่มึง ...” เพ้นท์ยังไม่ทันพูดจบประโยค คนที่พยายามทนฟังก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“พอแล้ว ! เรื่องเบลล์มันไม่ใช่แค่ แต่แม่งคือทั้งหมด ... คนที่ไม่เคยมีความรักอย่างมึงจะเข้าใจอะไร ! เบลล์เป็นทั้งชีวิตของกู มึงไม่เข้าใจหรือไง !!” ไนท์ตะคอกเสียงดัง อีกคนที่เงียบมาตลอดการสนทนาก็ลุกขึ้นด่ากราดอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาคู่สวยมองคนตรงหน้าอย่างอาฆาตแค้น
“สัดเอ๊ย ! เบลล์เป็นแฟนกู ! มึงนั่นแหละไม่เข้าใจ กูบอกให้มึงเลิกยุ่งกับเบลล์ได้แล้ว ! พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไงว่าอย่ามายุ่งกับแฟนชาวบ้านเขา !” ร่างบางตวาดอย่างเหลืออดเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงแฟนของตน เพ้นท์ได้แต่ถอนหายใจมองการโต้เถียงของอีกสองคนอย่างเหนื่อยใจ
ไนท์รักเบลล์มาก เขารู้ดี ... แต่ฝิ่นก็รักและหวงเบลล์มากไม่แพ้กันเลย
“กูมาก่อนมึงอีก ! กูชอบเบลล์ก่อนมึง มึงนั่นแหละ ที่มาแย่งเบลล์ไปจากกู ! ถ้าไม่มีมึงสักคน ป่านนี้เบลล์ก็เป็นแฟนกูไปแล้ว !” ไนท์กำมือแน่นอย่างเจ็บใจ เขาชอบเบลล์มาตั้งแต่ม.สาม แต่พอฝิ่นเข้ามาตอนม.สี่ กลับกลายเป็นว่าฝิ่นขอเบลล์เป็นแฟน ตัดหน้าเขาที่หลงรักเบลล์มาเกือบสองปี ฝิ่นที่โดนกล่าวหาว่าไปแย่งเบลล์มาก็โมโหไม่แพ้กัน
“มึงชอบเบลล์ก่อนแล้วไงล่ะ ! ก็ตอนนี้เบลล์เป็นแฟนกู แล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งมาด้วย ! เบลล์เขาเลือกกูเอง !”
“พอๆ พอเลยทั้งสองคน ... นั่งลงก่อนได้ไหม คือกูเข้าใจนะว่ามึงสองคนรักเบลล์มาก แต่นี่แม่งคนละเรื่องกัน มึงเข้าใจไหม ! คือกูบอกให้มึงสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ได้บอกให้มึงมาเถียงกันเรื่องเบลล์ !” เพ้นท์พูดแล้วจับไหล่อีกสองคนให้นั่งลงตามเดิม
“... คือกูก็ไม่ได้จะขออะไรมากมายขนาดนั้น ... มึงคงเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ได้ แต่แค่ทำตัวดีๆต่อกันสักหน่อย มันจะตายหรือไงกันวะ” ไนท์และฝิ่นขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำพูดของเพ้นท์ คนพูดเมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังฝืนยิ้ม แล้วพูดต่อไป
“นะ ... ถือว่ากูขอร้อง ... มึงไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอก กูบอกให้ทำอะไรก็ทำตามที่กูบอกก็เท่านั้น ... ง่ายนิดเดียวเอง”
“อือ ...” ฝิ่นตอบในลำคอเบาๆ แล้วหันไปมองหน้าคู่กรณีช้าๆ
“... แล้วมึงว่าไง”
“งั้น ... ก็ได้” ไนท์เองก็ตอบกลับมาสั้นๆ เพราะรู้ตัวดีว่าคงเถียงไม่ชนะเพื่อนสนิทตนเป็นแน่ เพ้นท์เมื่อได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ ก่อนจะเอ่ยปากประโยคต่อไปด้วยรอยยิ้มจากใจจริง
“โอเค เยี่ยมไปเลย ! ... บทเรียนแรกของการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ... ยิ้มให้กันหน่อยสิ !” สิ้นเสียงของเพ้นท์ คนพูดทั้งสองคนก็แทบลมจับ คิดได้ว่าเมื่อครู่ไม่น่าพลั้งปากรับคำไปเลย
=========================================================
อัพตามคำเรียกร้องของบางคน ... เม้นกันด้วยนะครับ =/\=
ความคิดเห็น