ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic saint seiya] I think I hate you (Deathmask X Aphrodite)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 :: Truth or Dare !?

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 55


      Ha.ha


    “อะโฟรดิเต้ มานั่งด้วยกันสิ ทุกคนกำลังสนุกกันเลย ..” น้ำเสียงร่าเริงของมูเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม คนถูกชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางกวาดตามองคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มช้าๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย



    มู ชากะ ชูร่า เดธมาสก์ ไอโอเรีย คามิว มิโร่... ดูไม่เห็นจะเข้ากันตรงไหนเลย



    “ทำอะไรกันอยู่น่ะ ?” น้ำเสียงนิ่งๆกับใบหน้าหยิ่งยโสของคนพูดทำเอาคนที่นั่งอยู่ในวงอดหมั่นไส้ไม่ได้ เดธมาสก์เงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งของพิซเซสเซนต์ด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปมากกว่านั้น



    “กำลังเล่นทรูทออร์แดร์ มาเล่นด้วยกันสิ นายน่ะไม่เคยมาสนุกกับพวกเราเลยสักครั้ง มาๆ ทุกคนเขยิบให้อะโฟรดิเต้นั่งด้วยสิ” ชายหนุ่มผมชมพูยังคงปั้นหน้ายิ้ม แล้วชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนเช่นเคย ทางฝ่ายคนถูกชวนก็เริ่มลำบากใจ เมื่อมูเริ่มมองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อน แต่อีกคนในวงนี้กลับมองมาราวกับต้องการไล่เขาไปให้พ้นๆสายตา



    อะโฟรดิเต้รับรู้มาตลอดว่าร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงนั้นเกลียดในความหยิ่งยโสของตนมากเพียงไร แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดใส่ใจ จึงกลายเป็นเหมือนกับการประกาศสงครามย่อมๆให้เกิดขึ้นในแซงค์ทัวรี่แห่งนี้



    ไม่สิ .. บางครั้งอาจจะเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่ไม่ว่าใครอยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเดินหลบเข้าข้างทางเลยก็เป็นได้



    “ฉันไม่อยากเล่นเกมแบบนั้นกับคนบางคนในวงนี้หรอก” อะโฟรดิเต้กระแทกหางเสียงน้อยๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น พลางปรายตามองไปที่เดธมาสก์ด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คนที่ถูกมองก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นมาซัดหมัดใส่คนยโสเสียให้น่วม



    “ไม่เอาน่า อะโฟรดิเต้ เดธมาสก์ เป็นเพื่อนกันก็ดีๆกันไว้หน่อยสิ ถือว่าฉันขอร้องละกันนะ” ในตอนแรกอะโฟรดิเต้ตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่ทว่ารอยยิ้มหวานๆของมูที่ถูกส่งมาทำเอาคนที่กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ แล้วยอมตกลงเสียจนได้



    “ก็ได้ ก็ได้ เป็นเพราะมูขอหรอกนะ ..” ร่างบางรับคำด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเดินตรงไปนั่งลงข้างๆชายหนุ่มผมสีชมพูอย่างถือวิสาสะ มือบางเอื้อมไปขยี้ผมนิ่มๆของคนข้างๆด้วยความสนิทสนม โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำดังนั้นทำให้ชากะที่นั่งอยู่อีกข้างของมูตาลุกเป็นไฟ



    “เฮ้ย พวกนายจะส่งสายตาจิกกัดกันไปมาอีกนานไหม ทั้งอะโฟรดิเต้ ทั้งเดธมาสก์ แล้วไหนจะชากะอีก ถ้าจะมีเรื่องก็ไปมีทีหลังได้ไหม เสียอารมณ์เล่นหมด .. คามิวหมุนต่อเลยๆ” ชูร่าโพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่เอาแต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้เดธมาสก์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันพอดิบพอดี



    แค่นั้นยังไม่พอ ชากะที่ไม่เคยโมโหอะไรใคร ก็เริ่มจะแผ่ออร่าดำทะมึนออกมารอบๆตัวแล้วเหมือนกัน ..



    “หมุนละนะ ..” คามิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปหมุนขวดแก้วที่อยู่ตรงกลางวง ท่ามกลางความลุ้นระทึกของคนทั้งวง แล้วในที่สุด ขวดแก้วที่หมุนมานานก็หยุดลงตรงหน้าของคนที่เพิ่งจะเข้าวงมาใหม่



    “อะโฟรดิเต้
    !” ทุกคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ทางฝ่ายคนที่ถูกเรียกชื่อก็สะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะซีดลงนิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่าจะโดนคนในวงทำอะไรต่อ



    “แหม นายนี่ดวงดีจริงๆเลยนะ เพิ่งเข้าวงมาก็โดนซะแล้ว” มิโร่ผิวปากแซวอย่างอารมณ์ดี เมื่อคิดได้ว่าความลับของคนที่แทบจะไม่ยอมเปิดปากบอกอะไรใครอย่างอะโฟรดิเต้ อาจจะต้องยอมเปิดเผยความลับกลางวงนี้ก็ได้



    “อะโฟรดิเต้ ทรูทออร์แดร์” เสียงเรียบๆของคามิวเอ่ยถามขึ้น ร่างบางได้แต่ปาดเหงื่อแล้วเสยผมสีฟ้าที่ลงมาปรกหน้าขึ้นไป อะโฟรดิเต้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ



    “แดร์ ..” เสียงหวานเอ่ยตอบออกไปสั้นๆ ที่จริงในตอนแรกเขาก็กะจะตอบทรูทอยู่หรอก แต่เมื่อคิดว่าความลับอะไรก็ตามของเขาจะต้องถูกเปิดเผยต่อหน้าเดธมาสก์แล้ว เลยต้องจำใจตอบแดร์เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง



    ยังไงเขาก็ยอมให้เดธมาสก์มารู้อะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องนั้น ..



    “เป็นคนที่ไม่ยอมเปิดเผยความลับจริงๆเลยนะนายเนี่ย” ไอโอเรียพึมพำออกมาอย่างเสียดายที่ไม่อาจจะล้วงความลับของบุรุษวิหารสุดท้ายได้ แต่ก็ยังคงปลอบใจตัวเองว่าต้องมีสักตาที่อีกฝ่ายจะต้องยอมคายความลับออกมาแน่ๆ



    “ก็ฉันบอกแล้วไง สำหรับคนบางคนในวงนี้น่ะนะ .. ต่อให้เกิดใหม่สิบชาติ ฉันก็ไม่มีทางยอมให้คนอย่างนั้นมายุ่งเกี่ยวอะไรกับชีวิตฉันหรอก” ร่างบางยังคงพูดด้วยน้ำเสียงถือดีเหมือนเช่นเคย เดธมาสก์ที่ได้ยินดังนั้น ก็ยังข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมาต่อยกับคนปากร้ายกลางวงสนุกสนาน



    “อย่างกับว่าฉันอยากรู้เรื่องของนายมากมายนักล่ะ คนอย่างนายมันก็ทำได้แค่ปากดีไปวันๆเท่านั้นแหละ” ร่างสูงแกล้งยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่าในใจจะนึกโมโหคนที่นั่งตรงข้ามกันจนแทบระเบิดออกมา



    ดูเหมือนมูจะสายตาไวพอที่จะสังเกตเห็นเส้นความอดทนที่กำลังจะขาดผึงของเดธมาสก์ จึงรีบเอ่ยปากห้ามด้วยความรวดเร็ว



    “พอกันได้แล้วทั้งสองคน จะทะเลาะอะไรกันนักกันหนา คามิวสั่งเลย ..” แอเรียสเซนต์ยังคงรักษาความร่าเริงในน้ำเสียงไว้ได้เหมือนเคย ถึงแม้ว่าในใจจริงๆแล้วอยากจะลุกขึ้นมาอาละวาดที่ทั้งสองคนทะเลาะกันไม่รู้จักจบจักสิ้น มือบางเอื้อมมือไปแตะมือของคนที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆเบาๆ



    “ไม่เอาน่าอะโฟรดิเต้ นานๆได้เล่นสนุกกันที ร่าเริงหน่อยสิ ขนาดคามิวยังยิ้มเลยเห็นไหม” คนฟังเมื่อได้ยินดังนั้น จึงต้องฝืนยิ้มหวานออกมาทั้งๆที่ในใจไม่ได้รู้สึกสนุกเลยแม้แต่น้อย


    “ฉันไม่รู้จะสั่งอะไร ยกให้นายสั่งแทนก็แล้วกันนะมิโร่” คามิวเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆแล้วจัดการโยนหน้าที่การสั่งให้อีกฝ่ายทันที ทางฝ่ายอะโฟรดิเต้เมื่อเห็นดังนั้น ก็ยิ่งหน้าซีดลงไปอีก



    ถ้าคามิวสั่งมาก็ยังจะพอรับได้ แต่ถ้าเป็นมิโร่สั่งขึ้นมา ..



    “เอาล่ะอะโฟรดิเต้ ฉันขอสั่งให้นายไปขโมยกางเกงในอัลเดบารัน”



    เพียงได้ยินคำสั่งของมิโร่ อะโฟรดิเต้ก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรจะหลวมตัวเข้ามาเล่นเกมในวงนี้เลย ..



    การเล่นเกมทรูทออร์แดร์ยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความสนุกสนานในการกลั่นแกล้งอะโฟรดิเต้ ที่ดูเหมือนว่าจะโชคร้าย หมุนขวดกี่ทีๆ ปากขวดก็มาหยุดตรงหน้าเซนต์ราศีมีนเสียหมด และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตัวก็เอาแต่ตอบแดร์กลับมาตลอดเสียด้วย



    “พวกนายล็อคเอาไว้หรือเปล่า ทำไมถึงได้มีฉันที่โดนอยู่คนเดียว ..” คนที่ถูกสั่งมาหลายสิบตาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าปากขวดยังคงชี้มาทางตนอีกเช่นเคย มูก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เพราะในตอนแรกเขาเพียงจะชวนอีกฝ่ายมาสนุกด้วยกันเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ได้กลายเป็นรายการกลั่นแกล้งไปเสียได้



    “นายคงจะซวยจริงๆนั่นแหละ ตั้งแต่เล่นมาไม่เคยเจอใครโดนบ่อยเท่านายเลย” ไอโอเรียพูดด้วยน้ำเสียงสงสารนิดๆ แม้ว่าในตอนแรกเขาออกจะสะใจอยู่มากที่ได้แกล้งคนมาดมากอย่างอะโฟรดิเต้ให้ไปทำนู่นทำนี่ แต่เมื่ออีกฝ่ายโดนบ่อยขนาดนี้ คนอย่างเขาก็ใจร้ายไม่ลงหรอก



    “เอาล่ะ อะโฟรดิเต้ ทรูทออร์แดร์” หนุ่มราศีสิงห์เอ่ยปากถามอย่างใจเย็น เพราะกลัวว่าจะไปกระตุกต่อมโมโหของอีกฝ่ายได้ คนถูกถามได้แต่ส่ายหัวไปมาช้าๆ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยคำที่ทุกคนเคยชิน



    “แดร์” ร่างบางตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้คนทั้งวงต้องถอนหายใจ



    “ตอบทรูทบ้างไม่ได้หรอ ฉันไม่รู้จะสั่งอะไรนายแล้วจริงๆนะ สั่งให้ขโมยกางเกงในอัลเดบารันก็แล้ว สั่งให้ขอความรักจากท่านอาเธน่าก็แล้ว สั่งให้ไปกอดจูบลูบไล้ท่านโดโกก็ยังทำมาแล้ว นายจะให้ฉันสั่งอะไรนายอีกเนี่ย ..” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาหวังว่าจะให้คนฟังเปลี่ยนใจไปตอบทรูท แต่ดูเหมือนอะโฟรดิเต้จะทำเพียงมองกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ



    “ไม่รู้จะสั่งอะไรก็ไม่ต้องสั่งสิ จบตานี้ฉันจะเลิกเล่นแล้ว เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นจะสนุกเลย”



    “อะโฟรดิเต้จะไม่ตอบทรูทบ้างเลยจริงๆหรอ .. เล่นกันมาตั้งหลายตา ยังไม่รู้ความลับอะไรของอะโฟรดิเต้เลย” มูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดาย พลางทำหน้าออดอ้อนใส่เพื่อให้อีกฝ่ายใจอ่อน แต่ทว่าการกระทำนั้นกลับไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย เมื่ออะโฟรดิเต้สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง



    “ไม่มีทางหรอก ฉันบอกไปแล้วว่าไม่อยากจะให้คนบางคนมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตฉัน ตราบใดที่ใครบางคนนั้นยังนั่งอยู่ในวงนี้ล่ะก็นะ ฉันไม่มีทางยอมเปิดเผยความลับของฉันหรอก” พิซเซสเซนต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆตามแบบฉบับ ทำให้ใครบางคนที่ถูกเอ่ยถึงในบทสนทนาแทบจะระงับความโกรธของตัวเองไม่อยู่



    เกลียดนักเชียวพวกที่ยกตัวเองเหนือคนอื่น ใครที่ต้อยต่ำกว่าก็เชิดใส่ไปเสียหมด ทำอย่างกับว่าตัวเองสูงส่งนัก เก่งจริงก็หยิ่งให้ได้แบบนี้ตลอดด้วยล่ะ



    “ไม่เอาน่า อะโฟรดิเต้ก็ยอมบอกทรูทไปสักตาเถอะ .. ถือว่าฉันอยากรู้ก็แล้วกันนะ น่านะ” มูพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางส่งสายตาออดอ้อนขอความเห็นใจมา อะโฟรดิเต้พยายามจะหลบตา แต่ทว่ามือนิ่มๆที่กำลังเขย่าแขนของเขาอยู่ก็ทำให้เขาต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะปฏิเสธอีกฝ่ายลงในทันที



    “ก็ได้ๆ ทรูทก็ทรูท” เสียงหวานเอ่ยพูดขึ้นมา แล้วก็ต้องถอนหายใจให้กับความใจอ่อนของตนเอง ไม่ว่าใครจะทำอะไรยังไง เขาก็ไม่เคยสนใจเลยสักครั้ง แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นมูแล้วเขาก็ไม่เคยจะปฏิเสธอะไรได้เลย



    “ในที่สุดทิฐิที่มีต่อเดธมาสก์ก็พ่ายแพ้ลูกอ้อนของมูจนได้สินะ” เสียงของใครสักคนพูดขึ้นมากลางวงสนทนา แต่อะโฟรดิเต้กลับยกยิ้มอย่างพอใจกับประโยคนั้น



    อะไรที่คนอย่างอะโฟรดิเต้ลั่นวาจาไว้แล้ว เขาก็ไม่เคยผิดคำพูดหรอก ..



    “จะถามอะไรก็รีบๆถามมา จะได้เลิกเล่นสักที เบื่อขี้หน้าคนบางคนแถวนี้ ..” ร่างบางเร่งไอโอเรียให้รีบถาม แต่ก็ยังไม่วายจิกกัดบุคคลที่นั่งฝั่งตรงข้ามของตนอีกตามเคย ไอโอเรียส่ายหน้าไปมาน้อยๆ ก่อนจะแตะมือคนที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นเชิงห้าม แล้วหันไปถามอะโฟรดิเต้ด้วยคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อน



    “นายชอบใคร ?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวของคนฟัง คำถามที่เขาไม่อยากให้ถามที่สุดถูกเอ่ยออกมา ใบหน้าสวยนิ่งค้างไปพักหนึ่งด้วยความตกใจ แต่ก็ยังรวบรวมสติที่เหลืออยู่น้อยนิด ปั้นหน้าเรียบเฉยตามแบบที่ทำอยู่เป็นประจำ



    “ถามอะไรแปลกๆนะ คนที่ฉันชอบก็มูไง ..” อะโฟรดิเต้เอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะลุกหนีไปจากวงสนทนาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้รู้เลยว่ามีใครบางคนมองตามหลังไปด้วยหัวใจที่กระตุกวูบ


     

    ====================================================

    ฟิควายเซนต์เซย่าเรื่องแรก ! จริงๆคืออยากอ่านคู่นี้มานานแล้ว แต่ว่าหาอ่านแทบไม่ได้เลย

    เลยลองแต่งเองดู ดีไม่ดียังไงบอกกันได้นะครับ ..

    สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับสาวกเซนต์ย่าทุกคนด้วยนะครับ xD

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×