ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : SF : Jealousy (Jaemin x Haechan)
Title: Jealousy
Pairing: Jaemin x Haechan
Rate: PG-13
Author: raining-sahara
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ดงฮยอกเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นมิตรต่อคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม ถึงบางทีจะแกล้งกวนประสาทจนทำให้คนอื่นหัวเสีย แต่เขาก็ไม่ใช่ประเภทที่จะหัวร้อนอารมณ์เสียเพราะใครง่ายๆ
แต่สงสัยตอนนี้จะต้องยกเว้นไว้คนนึง
ผู้ชายในชุดนักศึกษาที่รีดเรียบลงแป้งแข็งเสียจนหารอยยับบนเสื้อแทบไม่เจอ ผมสีเข้มถูกแสกข้างแล้วหวีให้เรียบตามแฟชั่นยุคคุณพ่อ แว่นตาทรงกลมแบบกรอบครึ่งเดียวที่ยุคนี้ไม่มีใครเขาใส่กันอีกแล้ว
คนที่มองกี่ครั้งก็ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่เสมอ
.. นาแจมิน
อันที่จริงแล้วหมอนั่นไม่ควรจะควรจะมานั่งหน้าสลอนขวางหูขวางตาเขาแบบนี้ด้วยซ้ำ ในเมื่อนี่มันเป็นห้องเรียนของเอกฟิสิกส์ ดงฮยอกก็อยากจะตะโกนถามออกไปเหลือเกิน ว่าเด็กนิติศาสตร์มาทำอะไรในคลาสเรียนวิชาไฟฟ้าวะ !
โอเค ที่จริงอาจารย์ประจำวิชาก็เคยแจ้งไว้ตั้งแต่ต้นเทอมแล้ว ว่าจะมีเพื่อนต่างคณะขอมาเรียนด้วยหนึ่งคน เพราะว่าหมอนั่นมีความสนใจในวิชาไฟฟ้ามากกกกกกกกก (ก ไก่ล้านตัว) เลยทำเรื่องขอลงเป็นวิชาเลือกเสรี อยากให้นักศึกษาทุกคนดูแลเพื่อนใหม่คนนี้ด้วย ซึ่งดงฮยอกไม่เข้าใจสักนิด ..
.. ไม่เข้าใจว่าทำไมคะแนนสอบกลางภาคที่เพิ่งประกาศไปเมื่อครู่ ไอ้เด็กเนิร์ดนิตินี่มันถึงได้คะแนนสูงกว่าเขาที่เป็นหนึ่งในว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของเอกนี้ตั้ง 1 คะแนน !
บอกเลยว่านี่มันหยามหน้ากันชัดๆ หนึ่งในตัวท็อปสาขาถูกเด็กคณะอื่นทำคะแนนแซงในวิชาเอกตัวเองเนี่ยนะ แถมยังเป็นเด็กจากคณะที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดอีก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น .. ยังดีที่อีเจโน่ว่าที่อันดับหนึ่งสาขายังคงสอบได้คะแนนในระดับที่มนุษย์มนาทั่วไปไม่น่าทำได้และครองอันดับท็อปของวิชาได้เหมือนเคย เอกฟิสิกส์ของเราจึงยังไม่ขายหน้าไปมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่าหงุดหงิดอยู่ดี
"ไอ้เด็กเนิร์ดนั่นหน้าตาโคตรน่าหมั่นไส้ ! นี่ถ้ากระทืบคนไม่มีความผิด กูจะให้ไปหยอดน้ำเกลือเล่นที่โรงบาลสักสองคืน ! ที่มันมาลงวิชานี่แม่งต้องตั้งใจมาหยามหน้าพวกเราแน่ๆอะมึงงงงงง" เสียงแว้ดๆที่ดังขึ้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหวงเหรินจวิ้นเพื่อนสนิทตัวดีที่นั่งข้างๆเขาเอง
โถ่ .. มึงอินกว่ากูอีกเพื่อน
"อิหมวย ดูสารรูปตัวเองด้วย ตัวเท่าลูกหมามึงจะไปทำอะไรเขา มึงสิจะได้นอนหยอดน้ำเกลือ" ดงฮยอกส่ายหน้าตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ ถึงเด็กเนิร์ดนั่นจะดูตัวบางๆท่าทางไม่สู้คนก็เถอะ แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะทำได้มากกว่านังหมวยเพื่อนเขาแน่นอน
"แง ก็กูไม่อยากให้เพื่อนเครียดอ่า .. เอางี้มั้ยมึง คืนนี้ไประบายอารมณ์กันหน่อย รับรองว่าเหล้าเข้าปากกรึ้บเดียวเท่านั้นแหละ มึงจะหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง !"
ดงฮยอกถอนหายใจเบาๆกับประโยคที่ได้ยิน นัยน์ตากลมโตเหม่อมองไปยังปึกข้อสอบที่ถูกเก็บกลับไปวางบนโต๊ะอาจารย์ด้วยแววตาเหม่อลอย
"เอาจริงๆนะ กูเห็นคะแนนแล้วไม่มีอารมณ์เที่ยวเลยว่ะ แม่งนอยด์ไปหมด"
"หรือมึงจะไม่ไป .. ?"
เขาเงียบไปอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ยอมตอบประโยคที่ทำให้เพื่อนสนิทแย้มรอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิด
"เปล่านี่ .. ยังไม่ได้บอกสักคำเลยว่าจะไม่ไป"
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาเที่ยงคืนยี่สิบเจ็ดนาที ดงฮยอกก็พาร่างของตัวเองมาถึงร้านที่นัดเพื่อนสนิทตัวดีเอาไว้จนได้ แม้ว่าจะสายกว่าเวลาที่อีกฝ่ายนัดเกือบครึ่งชั่วโมงก็ตาม ที่จริงคือตอนแรกเขาตั้งใจจะนอนงีบสักพักหนึ่งค่อยออกมา แต่กลายเป็นตื่นอีกทีก็ตอนที่เหรินจวิ้นรัวข้อความหาเขาเกือบร้อยข้อความ โทรศัพท์อีกเกือบสิบมิสคอล จบลงตรงที่อีกฝ่ายตะโกนด่าใส่โทรศัพท์จนหูเขาแทบดับ
พนันเลยว่าเข้าไปในร้านเมื่อไหร่ อิหมวยต้องกรี๊ดใส่หูเขาแน่ๆ
.. เป็นเพื่อนหรือเมียวะแม่ง ดุจังโว้ย
"กว่าจะมาได้นะมึง .. กูรอจนหมดไปหลายแก้วละ นี่จะแดกโต๊ะเข้าไปด้วยแล้ว ! .. เออ สั่งเผื่อมึงแล้วนะ" เสียงทักทายที่ดงฮยอกคุ้นเคยดีดังขึ้นมา ใบหน้าสวยคมของเพื่อนสนิทดูไม่มีแววหงุดหงิดอย่างที่ควรจะเป็น
ปกติมันต้องวิ่งเข้ามาเขย่าคอเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน ต่อด้วยประโยคตัดพ้อต่างๆนานาว่าทำไมเขาถึงมาสาย มิตรภาพระหว่างเรามันไม่เคยสำคัญเลยหรือยังไง คำว่าเพื่อนเขียนด้วยมือลบด้วยตีน และอะไรอีกมากมายที่ดงฮยอกขี้เกียจจะจำ ตบท้ายด้วยการสะบัดตูดงอนแต่ก็ไม่วายยังหันมาบอกว่ามื้อนี้มึงจ่าย ! .. ประมาณนี้
.. แต่ความร่าเริงผิดปกติทั้งๆที่เขามาไม่ทันนัดมันนี่คืออะไรวะ
"มึงแปลกๆนะวันนี้ .. ดูอารมณ์ดีอ่ะ" ดงฮยอกเลือกใช้น้ำเสียงเรียบๆเนิบๆเอ่ยถามหยั่งเชิง ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนสนิทด้วยความระมัดระวัง
"เหย .. ดูออกขนาดนั้นเลยอ่อวะ จะพูดก็เขินอ่า แต่คืองี้ๆ ตะกี้กูเจอผู้ชายคนนึงอยู่โต๊ะฝั่งนู้น สูงๆหุ่นดี หน้าคมๆ หล่อมากเลยอ่ามึง .. กูก็เลยแบบ แวะไปชนแก้วมา โอ๊ย เขายิ้มให้กูด้วย แต่กูไม่ได้อยากให้จบแค่เขายิ้มให้กู คือกูก็อยากยิ้มเขาด้วย !" เหรินจวิ้นสาธยายเสียยืดยาวด้วยใบหน้าแบบสาวน้อยวัยแรกแย้มแม้เนื้อความจะส่อไปทางสิบแปดบวก บางทีดงฮยอกก็รู้สึกขนลุกกับเพื่อนคนนี้อยู่บ้างเหมือนกัน
"มึงใจเย็นๆนะ ตอนนี้มึงดูใจร่านมาก อะไรมันจะขนาดนั้น หล่อสู้กูได้ป้ะเหอะ .."
"โหดงฮยอกเพื่อนรัก มึงเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บเขาอะ มือเขายังงานดีกว่าหน้ามึงอีก .. เออเนี่ย คือแบบคนอะไรแค่มือยังสวย นิ้วเรียวๆยาวๆ ดูนุ่มๆ พูดละกูก็อยากจับขึ้นมาเลย มึงว่าถ้ากูไปอ่อยเขาเขาจะเอากูป้ะวะ" เพื่อนสนิทตัวดียังไม่จบกับการชื่นชมหนุ่มในฝันของมัน ดงฮยอกได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจพลางยกเครื่องดื่มแก้วสวยของตัวเองขึ้นมาจิบบ้าง
"ล่าสุดคือเพื่อนกูเป็นบ้าไปแล้ว กูเริ่มอยากเห็นแล้วสิว่าจะหล่ออะไรขนาดนั้น" เขาสัมผัสได้ถึงประกายวิบวับในตาของอีกฝ่าย เหรินจวิ้นดูตื่นเต้นมากๆหลังจากที่ได้ยินเขาเอ่ยปากว่าอยากเจอหนุ่มหล่อที่มันบ่นอยากได้นักหนา
"รับรองเลย ถ้ามึงเห็นมึงจะต้องอึ้ง .. นั่นเขามาพอดีเลยมึง คนนั้นๆ" ยังพูดไม่ทันขาดคำ เพื่อนสนิทของเขาก็ยกนิ้วชี้ไปทางฝูงชนจำนวนมากที่เบียดเสียดกันอยู่
ไม่รู้ว่านังหมวยนี่เอาสมองส่วนไหนไปคิดว่าเขาจะแยกแยะได้ว่านิ้วมันชี้ตรงไปที่คนไหนจากคนที่ยั้วเยี้ยเป็นหนอนแบบนี้
"คนไหนของมึงวะ .." เขาเอ่ยถามออกไปตามตรง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากคนฟังคือสายตาค้อนๆกับเสียงจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด
"โอ๊ยคือมึงตาถั่วมาก ตรงนั้นก็มีหล่ออยู่คนเดียวมั้ยมึง .. เสื้อดำอะ คนที่ยิ้มสวยๆ"
ไม่รู้เป็นโชคดีของเหรินจวิ้นหรือโชคร้ายของดงฮยอกกันแน่ คนที่กำลังถูกพูดถึงในบทสนทนาถึงได้ฝ่ากลุ่มคนออกมาให้เขาเห็นหน้าชัดๆ ดูเหมือนจะมองตรงมาทางโต๊ะที่เขานั่งอยู่เสียด้วย
ที่เหรินจวิ้นบอกมาว่าเขาเห็นแล้วจะต้องอึ้ง เขาก็กำลังตกใจจนแก้วเกือบจะร่วงหล่นจากมือไปแล้วจริงๆ แต่ที่อีกฝ่ายบอกเมื่อตอนก่อนมาว่าเหล้าเข้าปากกรึ้บเดียวจะหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง
.. สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คืออีดงฮยอกคนนี้กำลังเครียดหนักกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษารีดเรียบชุดนั้น ไม่ได้หวีผมจนเรียบแปล้ รวมถึงไม่ได้ใส่แว่นตาทรงกลมเชยๆแบบที่เขานึกรำคาญนักหนา แม้สีหน้าท่าทางจะเปลี่ยนจากเด็กเนิร์ดจอมแหยที่มีที่นั่งประจำคือหน้ากระดานไปเป็นหนุ่มสุดฮอตที่ใครๆก็มองตามในผับ .. แต่ก็ไม่ใช่ว่าดงฮยอกจะจำดวงตาคู่สวยหลังกรอบแว่นนั่นไม่ได้
นาแจมิน .. ไอ้เนิร์ดนั่นมาทำอะไรที่นี่วะ !!
"ไงมึง อึ้งเลยดิ หล่อสมกับที่กูบอกมั้ยล่ะ กูบอกมึงแล้วว่าเขางานดีๆ มึงแม่งก็ไม่ตื่นเต้นไปกะกูเลย"
"เออ อึ้ง .." เขาตอบกลับไปเพียงสั้นๆ ถึงแม้ว่าเขากับมันจะไม่ได้หมายความถึงเรื่องเดียวกันก็ตาม
เขาตอบรับไปยังไม่ทันขาดคำ น้ำเสียงที่คุ้นเคยจากคนข้างๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ดงฮยอกไม่มีสติรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
".. เออ แล้วตะกี้คือเขามองกูป้ะมึง สงสัยติดใจจากที่กูไปขอชนแก้ว เนี่ย กูว่าเขาชอบกูแน่ๆ มึงๆ หัวกูยุ่งมั้ย กูดูน่ารักยัง .. ดงฮยอกอ่า มึงฟังกูอยู่มั้ย แล้วมึงจะลุกไปไหนเนี่ย !"
แม้เพื่อนสนิทจะตะโกนไล่หลังมา แต่ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากดงฮยอกออกจากคนที่เขาจับจ้องอยู่เลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าสติการรับรู้ของตัวเองเริ่มขาดหาย แม้ว่าเหล้าจะเข้าปากไปเพียงแก้วกว่าๆก็ตาม
.. รู้ตัวอีกที เขาก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายเสียแล้ว
เขายืนนิ่ง .. หมอนั่นก็ยืนนิ่ง ไม่มีใครปริปากพูดจาออกมาก่อน ดงฮยอกจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย พอๆกับที่อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตางุนงง
.. ระยะห่างเพียงสิบกว่าเซน ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคือใคร
มือเรียวบางออกแรงดึงร่างของอีกฝ่ายให้หลบเข้ามายังมุมหนึ่งของร้าน ไกลจากโต๊ะที่เขาเคยนั่งอยู่พอสมควร .. ใช่ เขากลัวว่าเหรินจวิ้นจะเห็น
อย่างน้อยเขาก็ยังไม่อยากทำลายผู้ชายในมโนภาพของอิหมวยมัน ..
"อ่า .. มาชนแก้วกับผมหรอครับคนสวย" แม้ว่าท่าทางจะยังดูงุนงง แต่หมอนั่นก็ยังเลือกพูดประโยคชวนเลี่ยนใส่เขา แถมด้วยการฉีกยิ้มหวานที่ใครๆก็คงจะต้องหลงเสน่ห์เข้าเต็มๆ
.. แต่โทษทีเถอะ อีดงฮยอกคนนี้ไม่หวั่นไหวไปกับอะไรแบบนี้หรอก
เขาเลือกที่จะพยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายแทนที่จะพูดอะไรออกมา ขยับแก้วในมือไปกระทบกับแก้วอีกใบที่อีกฝ่ายถืออยู่ด้วยท่าทางขอไปที
"ผมนานะครับ แล้วคุณ .. ?" คนตรงหน้าเอ่ยแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ริมฝีปากสวยยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มหวานแบบที่เขาเห็นเมื่อครู่ แต่เขาไม่ได้รู้สึกอยากเคลิ้มตามไปกับมันเลยสักนิดเดียว
ได้ .. จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยนาแจมิน
"แฮชาน" ดงฮยอกเลือกที่จะตอบกลับไปด้วยชื่อปลอมๆที่เขาตั้งเป็นไอดีในเกม ในเมื่อหมอนั่นเลือกที่จะปิดบังตัวตนก่อน เขาเองก็ไม่เห็นจะต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นใคร
เขาคิดว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงความสับสนในแววตาคนฟังเพียงแวบหนึ่ง แต่เพียงกระพริบตา เขาก็เห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกับแววตาหวานหยาดเยิ้มชวนให้ใจสั่นแบบเดิม .. บางทีเขาอาจจะตาฝาด
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณแฮชาน"
"อืม"
เขาไม่คิดว่าคนอย่างนาแจมินจะจำเด็กหลังห้องที่เรียนในคลาสเดียวกันอย่างเขาได้หรอก อันที่จริงคิดว่าหมอนั่นน่าจะจำใครในสาขาเขาไม่ได้เลย เข้ามาในห้องเรียนก็เอาแต่มองหน้ากระดาน เลิกเรียนก็เก็บของกลับออกไป ..
บรรยากาศระหว่างเรากลับมาตึงอีกครั้งหลังจากตัวเขาเองเลือกที่จะถามคำตอบคำ ดงฮยอกไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ แต่สมองของเขามันตีรวนไปหมดจนเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ได้
ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะกระอักกระอ่วนนิดหน่อยกับท่าทีของเขา ถึงได้ยอมเอ่ยปากชวนด้วยเสียงหวาน
"ชอบเต้นหรือเปล่าครับ .. ถ้าไม่รังเกียจอะไร ผมอยากให้คุณแฮชานไปเต้นด้วยกันมากเลย"
เพราะทนความอึดอัดระหว่างกันอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาถึงได้ตอบตกลงเดินตามอีกฝ่ายมาที่กลางฟลอร์ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะนัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มคู่นั้นหรอกนะ
.. อ่า ยอมรับก็ได้ว่าตอนที่นาแจมินคนนั้นมองมาก็แอบเขวไปนิดนึง
ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดจนแทบจะไม่มีช่องว่าง ร่างของดงฮยอกกับคนที่เพิ่งจะลงมาในฟลอร์เต้นด้วยกันก็บดเบียดเขาหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความหงุดหงิดจากเรื่องคะแนนสอบถูกโยนทิ้งไปชั่วขณะ รวมถึงความจริงที่ว่าเราทั้งคู่เป็นใครนั่นก็ด้วย
ในเมื่อนาแจมินเลือกที่จะโกหกกัน เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ ..
มือเรียวสวยของอีกฝ่ายที่วางลงบนเอวของเขาค่อยๆเลื่อนไปด้านหลังราวกับต้องการโอบร่างของเขาเข้ามาแนบชิด แต่ดงฮยอกก็เลือกที่จะเบียดตัวเองเข้าไปหาเสียก่อน นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นมองคนตรงหน้า ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ สายตาของเราสบกันพอดี
เขารู้สึกเหมือนเวลาถูกหยุดลง แม้ดนตรีที่ชอบจะดังขึ้น แต่หูทั้งสองข้างของเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว
ริมฝีปากสีแดงอมส้มของคนตรงหน้าประกบลงมาแนบชิดกับริมฝีปากของดงฮยอก ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก คนถูกรุกล้ำไม่ได้ยอมโดนเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดกลับไปอย่างไม่ยอมกัน
สัมผัสนุ่มละมุนราวกับขนมมาร์ชเมลโล่ รสชาติหวานๆของเชอร์รี่ปะปนไปกับรสชาติเปรี้ยวของมะนาวที่เขาชอบ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยขึ้นมาจางๆขับไล่สติการรับรู้ของดงฮยอกไปเสียหมด
.. ถึงไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าจูบนี้มันดีเป็นบ้า
แม้ดวงตาคู่หวานจะยังปิดอยู่ แม้สติจะเหลืออยู่เพียงเลือนลาง แต่ดงฮยอกก็รับรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่กลางฟลอร์อีกต่อไปแล้ว มือเรียวสวยของคนตรงหน้าดันแผ่นหลังของเขาให้ติดกับกำแพงสักด้านของร้าน
ริมฝีปากของเรายังไม่แยกออกจากกัน ดูเหมือนคนด้านบนจะยิ่งบดเบียดลงมาแนบชิดกว่าเดิมเสียอีก สัมผัสจากอีกฝ่ายเริ่มดุดันขึ้นทุกวินาที รสชาติหวานอมเปรี้ยวกลับแผดเผาให้รู้สึกร้อนราวกับไฟลน เขารู้สึกว่าลมหายใจเริ่มขาดเป็นห้วงๆ แต่สมองของดงฮยอกก็หนักเกินกว่าจะปฏิเสธอะไร
.. ได้แต่รอจนคนตรงหน้าถอนจูบออกไปเอง เขาถึงกลับมาหายใจเป็นปกติอีกครั้ง
"ทำไมคุณน่ารักขนาดนี้ .." เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำอย่างแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่กลับเรียกสติอันเลือนลางของดงฮยอกให้กลับเข้าสู่โลกความเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย นึกขอบคุณที่อีกฝ่ายยังคงก้มหน้าอยู่ จะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีกับแววตาสับสนของเขา
"อืม .."
"ถ้าเกิดว่าผมอยากจะชวนคุณไปที่อื่นด้วยกันต่อ คุณจะไปกับผมได้หรือเปล่าครับ" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานๆที่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวจงใจใช้มันมาอ้อนเขา ดงฮยอกกลอกตาไปมาซ้ำๆกับประโยคที่เพิ่งได้ยิน
ถ้าเหรินจวิ้นรู้ความคิดของเขาจะต้องตีเขาจนช้ำแน่ที่เขามัวมาลังเลว่าจะทิ้งเจ้าตัวไว้ที่นี่คนเดียวเพื่อไปต่อกับคนที่กำลังปิดบังตัวตนจริงๆจากกันแบบนี้
".. นะครับ"
เมื่อเสียงออดอ้อนจากชายหนุ่มคนเดิมดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เขาคิดว่าเขาพลาดโดยสมบูรณ์แบบที่เลือกจะมาเล่นอะไรไร้สาระ
"ไปบอกลาเพื่อนคุณก่อนก็ได้ แล้วไปกับผมนะ"
.. แต่ดูเหมือนจะมีคนพลาดหนักกว่าเขาแล้วสิ
"แต่ฉันไม่เห็นจำได้ว่าเคยพูดว่าวันนี้มากับเพื่อน แล้วนายรู้ได้ยังไงหรอ .. อืม นา-แจ-มิน ใช่ไหมนะ" ดงฮยอกเน้นชื่อของอีกฝ่ายอย่างจงใจ
นัยน์ตาคู่สวยวูบไหว รอยยิ้มที่อีกฝ่ายบรรจงปั้นมาตลอดคืนก็หายไปจากใบหน้าคมนั่นด้วย เหมือนว่าคนฟังจะเพิ่งรู้ว่าตัวเองก้าวตกลงไปในหลุม .. ที่จริงดงฮยอกเองก็นึกแปลกใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายจำเขากับเหรินจวิ้นได้ แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว
"รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ .."
".. ก็แน่นอนว่าตั้งแต่แรก" ดงฮยอกยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มขึ้นน้อยๆ
"ฮะๆ พลาดจนได้สิเนี่ย .. เห็นว่าเหรินจวิ้นดูไม่ออก ก็เลยไม่ทันคิดว่าจะโดนนายรู้ทัน ดงฮยอกรู้ได้ยังไงกันเนี่ย .." แจมินหัวเราะแบบฝืนๆ แสร้งทำเป็นสดใสไปอย่างนั้น ที่จริงน่าจะเสียฟอร์มพอตัวเลยทีเดียว
"คิดเอาเองสิว่าทำไม .."
.. นาแจมินคนโง่ ใครๆเขาก็จำคนที่ชอบได้ทั้งนั้นแหละ
END
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ นี่ไม่ใช่ฟิคเรื่องแรกในชีวิต แต่ก็เป็นฟิคเรื่องแรกของเอ็นซีทีเลย
ถ้าถามว่าชื่อเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาตรงไหน ผู้เขียนตั้งใจว่า Jealousy นี่แปลได้สองแบบค่ะ แบบแรกคือแปลว่าอิจฉา ซึ่งก็เห็นๆกันอยู่ว่าทำไม ส่วนแบบที่สองแปลว่าหึงหวง ประเด็นนี้ลองสมมติว่าตัวเองเป็นดงฮยอก แล้วหนุ่มเนิร์ดคนที่ตัวเองแอบมองเงียบๆ(แม้แต่เพื่อนก็ไม่ยอมบอก)มาตลอดเทอม อยู่ดีๆก็ไปโผล่ในผับกลายเป็นหนุ่มฮอตที่ใครๆก็อยากเข้าหา แบบนี้จะไม่หึงหวงก็จะใจแข็งเกินไปแล้วจริงมั้ยคะ
ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นบอกกันเลย หรือจะไปสครีมกันที่ #ด้ายแดงอซท ก็ได้นะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น