ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SF/OS] NCT Red Thread ❤ All Couple

    ลำดับตอนที่ #6 : SF : What if (Jaemin x Renjun) Part I

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 795
      35
      3 พ.ค. 61

    Title: What if (Part I)
    Pairing: Jaemin x Renjun
    Rate: PG-13
    Author: raining-sahara
    *Omegaverse
         - Previous story : If only (Haechan x Mark) [Click]

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------




    หวงเหรินจวิ้นเคยมีความเชื่อว่าตนเองจะได้พบกับคู่แห่งโชคชะตาจนอายุสิบห้าปี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเมื่อโตขึ้น แต่หลังจากได้พบกับใครคนหนึ่ง เขาก็คิดว่าเรื่องแบบนั้นน่ะมันไร้สาระทั้งเพ


    มือเรียวบางโยนหนังสือนิยายรักโรแมนติกที่เขายืมมาจากเพื่อนสนิทตัวดีทิ้งลงกับพื้นด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย ด้ายแดงแห่งรักที่ผูกเชื่อมระหว่างนิ้วก้อยของหนึ่งอัลฟ่าและหนึ่งโอเมก้า ความรู้สึกพิเศษที่สัมผัสได้ตั้งแต่เมื่อแรกพบสบตา ตามมาด้วยชีวิตรักที่สมบูรณ์แบบ และจบด้วยการครองรักกันไปทั้งชาติ


    .. ไม่รู้ว่าทำไมคนแบบอีดงฮยอกถึงชอบอ่านอะไรแบบนี้นัก สำหรับเหรินจวิ้นแล้วมันไม่เห็นจะสนุกเลยสักนิดเดียว


    "เฮ้ยพี่ประธาน เข้าชมรมทั้งทีเพื่อมานั่งอ่านนิยายเนี่ยนะ มาเล่นกับผมสักตาดีกว่ามา .." เสียงติดจะแหบแห้งจากใครคนที่เขาคุ้นเคยดีดังขึ้น ร่างสูงโปร่งของรุ่นน้องในชมรมนั่งลงตรงหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสจนดวงตาเล็กๆนั้นเหลือเพียงขีด


    นัยน์ตาเรียวคมช้อนขึ้นมองคนที่ใครๆในชมรมต่างก็ขนานนามว่าเด็กอัจฉริยะ ปาร์คจีซองมือหนึ่งตลอดกาลของชมรมหมากรุกสากล พ่วงมาด้วยตำแหน่งรองประธานชมรมทั้งที่เจ้าตัวเด็กกว่าเขาถึงสองรุ่น และคงจะได้เป็นประธานชมรมคนต่อไปเมื่อเหรินจวิ้นจบการศึกษา


    เขาส่ายหน้าตอบเป็นเชิงบ่ายเบี่ยงรุ่นน้องคนสนิท ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะเล่นหมากรุกสักเท่าไหร่นัก หากแต่เขาลืมไปว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาดีกว่าที่คิด เพราะถึงเขาจะปฏิเสธคอแข็งยังไง สุดท้ายแล้วเขาก็โดนเจ้าเด็กนี่บีบบังคับให้เล่นได้อยู่ดี


    ".. ไม่ซ้อมนานๆเดี๋ยวก็เป็นที่สามไปตลอดหรอกครับ" ประโยคแทงใจดำจากจีซองเป็นเหมือนธนูที่พุ่งเข้าปักกลางหัวใจของคนฟัง ยิ่งไปกว่านั้นกลับสะกิดแผลในใจให้เปิดออกกว้างกว่าเดิม หวงเหรินจวิ้นเหลือบมองคนที่อยู่ห่างออกไปสองช่วงโต๊ะ ก่อนที่มือเรียวจะคว้าเอากระดานขนาดแปดคูณแปดช่องมากระแทกลงบนพื้น


    "เออ เล่นก็เล่น !" เสียงที่เอ่ยตอบกลับไปนั้นแฝงแววความไม่พอใจอย่างชัดเจน ระหว่างที่ปาร์คจีซองกำลังยิ้มแป้นเรียงตัวหมากรุกอย่างอารมณ์ดี เขาก็ได้แต่จ้องมองร่างของใครบางคนที่กำลังสอนวิธีการเดินหมากรุกให้กับรุ่นน้องสาวสวยในชมรมด้วยแววตาไม่พอใจ


    ในชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดใครได้เท่ากับที่เป็นกับนาแจมินมาก่อน .. เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามากลางเทอมคนนั้นพลิกเอาชนะหมากรุกของหวงเหรินจวิ้นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมือสองของชมรมตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เตะให้ตอนนี้เขากลายเป็นที่สามอย่างที่รุ่นน้องตัวสูงเพิ่งจะย้ำไป


    ที่น่าโมโหคือเขากำลังจะเสียสิทธิ์ตัวแทนลงแข่งหมากรุกระหว่างสถานศึกษาที่เคยเป็นตำแหน่งของเขามาโดยตลอด เพียงเพราะว่าตำแหน่งนักกีฬานั้นลงได้เพียงประเภทละคนจากทั้งหมดสามประเภท 


    เกมมาตรฐานที่กินเวลานานนับชั่วโมง นั้นเป็นที่รู้กันว่าคงจะตกเป็นของปาร์คจีซองอีกเช่นเคย เหลือเพียงเกมเร็วแบบ Rapid และ Blitz ที่เจ้าตัวสละที่ให้คนอื่นได้ลงแข่ง หากแต่เหรินจวิ้นกลับแพ้นาแจมินในเกมทั้งสองประเภทนั้น แม้ผลจะออกมาว่าเสมอกันในเกมมาตรฐาน แต่มันกลับไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย


    น่าเจ็บใจก็ตรงที่ในเกมประเภท Blitz ที่ต้องใช้ความเร็วแบบสายฟ้าแลบในการแข่งขัน เกมประเภทที่เขาเคยมั่นใจที่สุดในเกมทุกรูปแบบ ถึงขั้นที่เคยเล่นชนะเจ้าของฉายาอัจฉริยะของชมรมหมากรุกติดต่อกันสามกระดาน แต่แล้วเหรินจวิ้นก็ยังพ่ายแพ้ให้กับคนอื่นจนได้


    "พี่เดินก่อนเลย เดี๋ยวผมเล่นสีดำเองครับ" เสียงเรียกจากคนตรงหน้าเรียกให้เหรินจวิ้นหลุดจากภวังค์ความคิด เขาพยักหน้ารับรุ่นน้องหนุ่มช้าๆ ก่อนที่มือเรียวจะขยับตัวหมากสีขาวให้เริ่มเดิน


    เบี้ยขาว C 4 


    ม้าดำ F 6


    ม้าขาว C 3


    เบี้ยดำ E 5


    "เดินอะไรน่าเบื่อจังเลยจีซอง" น้ำเสียงหวานบ่นกระปอดกระแปด การเปิดเกมแบบที่เหรินจวิ้นคุ้นเคยนั้นเริ่มขึ้นอีกรอบ แต่เขาก็ยังโยกตัวหมากตัวต่อไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่เปลี่ยนความคิดใดๆ


    แน่นอนว่าเจ้าของฉายาเด็กอัจฉริยะนั้นตอบโต้การเดินหมากของเขาแทบจะทันที


    "ใครกันแน่ครับที่น่าเบื่อ พี่นั่นแหละที่เป็นคนต้องหยุดการเปิดเกมด้วยแพทเทิร์นเดิมๆอะ" จีซองตอบกลับประโยคของประธานชมรมหมากรุกด้วยท่าทางสบายๆ นิ้วเรียวยาวเคาะพื้นเบาๆระหว่างรอให้คนเป็นพี่เดินหมากตัวต่อไป


    เหรินจวิ้นนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจขยับเบี้ยขึ้นไป รุ่นน้องตัวสูงก็เอื้อมไปขยับเบี้ยของตัวเองเช่นกัน มือเรียวบางเลือกที่ขยับเบี้ยไปกินเบี้ยของอีกฝ่าย ก่อนที่เบี้ยของตัวเองจะถูกกินกลับโดยม้าสีตรงข้าม บิชอปขวาถูกเลือกเดินในตาถัดมา จีซองนิ่งคิดไปพักหนึ่ง แล้วเลือกที่จะร่นม้าสีดำถอยกลับไป


    ตัวหมากสีดำและสีขาวเดินรุกไล่สลับกันอยู่อย่างนั้นจนเข้าที่ เหรินจวิ้นโยกม้าสีขาวขึ้นไปแทนที่ม้าสีดำของอีกฝ่าย ก่อนที่ตัวหมากที่เพิ่งเดินไปจะถูกเบี้ยต่างสีที่รอไว้อยู่แล้วกินกลับ ขยับได้อีกเพียงไม่กี่ตา เหรินจวิ้นก็ได้แลกม้าของตัวเองกับบิชอปของฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง


    นับว่าเป็นการแลกที่สมน้ำสมเนื้อดี ..


    เรือของฝั่งสีดำเดินตรงมากินเบี้ยสีขาว ก่อนที่จะถูกเรือสีขาวกินกลับไป และตามด้วยบิชอปดำในเวลาต่อมา บิชอปขาวถูกเดินไปกินเบี้ยสีดำที่อีกมุมกระดาน หากแต่บิชอปดำนั้นก็ถูกวางลงแทนที่เบี้ยสีขาวของเขาในตาเดินถัดมาเช่นกัน


    เกมเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆเมื่อตัวหมากบนกระดานนั้นเหลือน้อยลงไปทุกที เหรินจวิ้นกำลังจ้องมองกระดานสี่เหลี่ยมตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง ผิดกับใบหน้าของปาร์คจีซองที่ยังคงดูเรียบเฉยเหมือนอย่างทุกๆครั้งที่เล่น นิ้วมือเรียวยาวของคนตรงหน้ายังคงขยับหมากด้วยท่าทางสบายๆ


    "จีซองนี่จริงจังป้ะ .. กำลังหลอกอะไรกันอยู่" โอเมก้าร่างบางโวยวายขึ้นมาหลังจากประเมินสถานการณ์บนกระดานในขณะนี้ หากเขาเลือกขยับควีนในเทิร์นนี้ ควีนของเขาอยู่ในตำแหน่งที่กำลังจะกินบิชอปและเรือของอีกฝ่ายได้ ซึ่งนั่นจะส่งผลเสียต่อหมากสีดำแน่ๆ


    ดูเผินๆแล้วหมากขาวของฝั่งเขาจะกำลังเป็นต่ออยู่ แต่เหรินจวิ้นนั้นมั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจว่ามีบางอย่างที่กำลังผิดพลาด ไม่มีทางหรอกที่มือหนึ่งชมรมอย่างเจ้าเด็กนี่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้


    "หืม ก็ไม่นี่ครับ" จีซองยังคงตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามปกติ ก่อนที่เจ้าตัวจะเลือกขยับควีนสีดำไปกินเรือและอยู่ในตำแหน่งที่กำลังรุกคิงของสีขาวพอดิบพอดี


    "รุก"


    เมื่อได้ยินดังนั้น เหรินจวิ้นก็ขยับบิชอปของตัวเองไปกินควีนของอีกฝ่ายทิ้งอย่างไม่ลังเล แม้ในใจจะยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง คนตรงหน้าไม่ควรจะมาเสียควีนที่มีแต้มสูงสุดบนกระดานไปง่ายๆเช่นนี้


    "โอ๊ะโอ๋ .. ติดกับซะแล้วนะหวงเหรินจวิ้น" น้ำเสียงติดจะทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังของคนถูกเรียก แม้ไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เจ้าของชื่อก็รับรู้ได้จากกลิ่นไม้โอ๊คของอัลฟ่าที่ลอยขึ้นมาเด่นชัด ว่าคนที่กำลังป่วนประสาทเขาอยู่คือใคร


    "ชู่วววว .. พี่เองก็อย่าเพิ่งไปบอกพี่ประธานเขาสิ" เสียงตอบรับจากรุ่นน้องตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้คนฟังยิ่งหัวร้อนหนักไปกว่าเดิม


    "นี่ นา-แจ-มิน .. ฉันไม่ได้ร้องขอความเห็นจากนายเลยสักนิด !! ถ้าว่างมากวนคนอื่นมากนัก ก็กลับไปสอนน้องผู้หญิงคนนั้นเดินหมากต่อสิ จะไปสอนกันต่อที่บ้านหรือที่ไหนก็ไป !!" ร่างบางตวาดแว้ดใส่คู่แข่งตลอดกาลด้วยน้ำเสียงชวนแสบแก้วหู พลางโบกมือไล่อีกฝ่ายให้ไปให้พ้นๆจากสายตาของเขา ก่อนจะเบนความสนใจกลับมาที่เกมกระดานตรงหน้า


    "ส่วนนาย ปาร์คจีซอง .. ไหนบอกไม่ได้กำลังหลอกกันไงเล่า"


    เจ้าของชื่อได้แต่หัวเราะแห้งๆในขณะที่ขยับเรือสีดำจากฟากกระดานหนึ่งมายังอีกฟากหนึ่ง และวางลงไปในแถวเดียวกันกับที่มีคิงของเขาอยู่


    "รุก"


    "ประชดกันซะขนาดนี้ นี่หึงกันอยู่หรือไงเนี่ย"


    เสียงสองเสียงจากคนสองคนรอบตัวเหรินจวิ้นดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เสียงแรกจากปาร์คจีซองที่กำลังเดินหมากกับเขาอยู่ ส่วนอีกเสียงจากนาแจมินคนหน้าด้านที่เขาโบกมือไล่แล้วก็ยังไม่ยอมออกไปเสียที


    "ไม่ได้หึง !! เลิกกวนสมาธิกันสักทีเถอะ !!" คนที่หัวเสียอยู่เป็นทุนเดิมกลับหัวเสียหนักขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดที่เด็กอนุบาลยังรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะกวนประสาทเขา


    มือเรียวบางหยิบคิงสีขาวออกมาจากกระดาน ก่อนที่จะกระแทกกลับลงไปแรงๆอีกครั้งในตำแหน่งที่ต่างจากเดิม ตัวหมากอื่นๆที่วางอยู่โดยรอบกระเด้งขึ้นมาตามแรง หากแต่ยังดีที่ไม่ได้มีหมากรุกตัวใดเคลื่อนออกไปจากตำแหน่งเดิม


    บิชอปสีดำถูกเลื่อนเข้าใกล้คิงสีตรงข้ามโดยปาร์คจีซอง ก่อนที่น้ำเสียงแหบแห้งจะเอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง


    "รุก"


    "โธ่เว้ย !!"


    เมื่อเห็นว่าตัวหมากฝั่งของตัวเองกำลังจะจนมุม เขาจึงได้แต่สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ นิ้วเรียวบางของเหรินจวิ้นขยับให้หมากของตนรอดพ้นจากการถูกกิน ท่ามกลางท่าทางไม่เดือดร้อนของรองประธานชมรม และเสียงหัวเราะเบาๆของนาแจมิน


    บิชอปสีดำตัวเดิมถูกขยับให้เลื่อนไปสองช่องตามแนวทแยงมุม และเกมนี้ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ


    "รุกฆาต"


    โดยที่ปาร์คจีซองก็ยังคงเป็นคนที่ไม่มีใครล้มได้เช่นเคย


    "เออ เก่งเหมือนเดิม สมเป็นมือหนึ่ง เป็นความหวังชมรม" แม้น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปจะฟังดูติดจะประชด แต่คนพูดก็หมายความแบบนั้นจริงๆ มือเรียวบางยื่นไปจับมือของอีกฝ่ายตามมารยาท บีบมือที่ใหญ่กว่ากลับไปเบาๆด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม


    "โถ่ พี่ประธานก็พูดไป แต่ก็ขอบคุณครับ .. ที่จริงพี่ก็ไม่น่าพลาดกับดักอะไรง่ายๆอะ วันหลังตอนเล่นก็โฟกัสกับกระดานหมากรุกหน่อยสิ ไม่ใช่ใจลอยไปหาใครที่ไหนไม่รู้" ปาร์คจีซองตอบกลับรุ่นพี่คนสนิทไปด้วยท่าทางสดใสเหมือนอย่างเคย ไม่วายที่จะเอ่ยแซวในตอนท้าย


    "หืม น้องหมวยของเราใจลอยไปหาใครหรอ" เสียงนุ่มทุ้มจากอัลฟ่าหนุ่มเจ้าของกลิ่นไม้โอ๊คเอ่ยถามขึ้นมาเป็นเชิงล้อเลียน แถมยังมีหน้ามาเรียกสรรพนามแบบที่เขาสงวนสิทธิ์เอาไว้ให้อีดงฮยอก เพื่อนสนิทตัวดีของเขาใช้เพียงคนเดียวอีกด้วย 


    คนฟังนึกอยากจะต่อยริมฝีปากสวยๆนั้นให้พูดต่อไปไม่ได้สักสองสามวัน


    "หมวยบ้านพ่อนายสิ ! แล้วฉันจะใจลอยไปหาใครมันไม่ใช่เรื่องของนายด้วย !! ส่วนจีซอง .." หวงเหรินจวิ้นกดเสียงต่ำในท้ายประโยค ก่อนจะหันมาสบสายตารุ่นน้องรองประธานด้วยแววตาที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ


    ".. รู้อะไรมาก็เหยียบเอาไว้ให้มิดเลยนะ"


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------


    ชีวิตประจำวันของโอเมก้าสักคนนั้นน่ารำคาญเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สัปดาห์ของอาการฮีทนั้นได้วนกลับเข้ามาอีกรอบ แม้ว่าในปัจจุบันนั้นจะมียาระงับฟีโรโมนหลากหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อได้ทั่วไป หากแต่มันก็ยังเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดอยู่ดีที่ยาเหล่านั้นทำได้เพียงบรรเทาอาการให้ทุเลาลง ไม่ได้ช่วยให้กลับเป็นปกติแต่อย่างใด อันที่จริงยาระงับอาการฮีทให้หายขาดนั้นก็มีอยู่ เพียงแต่เขาไม่ได้ใช้มันบ่อยนักเนื่องจากกลัวว่าจะหากใช้มากๆแล้วเกิดดื้อยาขึ้นมา ชีวิตของเขาคงไม่เป็นอันต้องทำอะไรแน่


    ตัวเลือกของหวงเหรินจวิ้นในช่วงฮีทนั้นมีแค่ไม่มาก ระหว่างการนอนเป็นผักอยู่กับบ้านกับการหอบเอาสภาพร่างกายที่กึ่งมีสติกึ่งไม่มีสติมาเรียนตามปกตินั้น เหรินจวิ้นเลือกอย่างหลัง เพราะอย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องผ่านวันน่าเบื่อๆนี้ไปโดยไม่ได้ทำอะไร แม้ว่าทางสถานศึกษาของเขาจะมีข้อยกเว้นให้โอเมก้าลาเรียนได้สามวันต่อเดือนในช่วงฮีทก็ตาม


    "นี่ไหวป่ะเนี่ย แน่ใจนะว่ากินยาไปแล้ว" อีดงฮยอกเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เหรินจวิ้นพยักหน้าตอบช้าๆเพื่อไม่ให้คู่สนทนาต้องเป็นกังวล


    วันนี้เพื่อนสนิทของเขาดูเหมือนจะใส่น้ำหอมมาเยอะกว่าปกติ เพราะเขาได้กลิ่นน้ำหอมแบล็กเบอร์รี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ดงฮยอกมักจะทำแบบนี้อยู่เสมอในทุกครั้งในช่วงที่สัปดาห์ฮีทของเขาวนมาถึง แม้ว่าเจ้าตัวจะคอยปฏิเสธอยู่ตลอดว่าแค่บังเอิญมือลื่นเลยเผลอฉีดหลายที แต่เขาก็รู้ดีว่าหมอนั่นตั้งใจใส่น้ำหอมมาเพื่อกลบกลิ่นหวานๆของเขาในเวลาที่เดินด้วยกัน


    "ยังไหวๆ กินยาไปแล้วเมื่อกี้นี้" แม้ว่าในใจอยากจะตะโกนตอบว่าไม่ไหวแล้วนั่งรถกลับบ้านไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เหรินจวิ้นก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทเป็นห่วงเกินกว่าเหตุ มือเรียวเขี่ยข้าวในจานไปมาด้วยท่าทางอ่อนแรง เขาไม่มีอารมณ์อยากอาหารเลยสักนิด


    "รู้หรอกว่าไม่หิว ข้าวน่ะไม่อยากกินหรอกเพราะมีอย่างอื่นที่อยากกินมากกว่า .. แต่นายช่วยหลับหูหลับตากลืนๆมันลงคอไปได้มั้ย ไม่กินอะไรแบบนี้ร่างกายจะไม่ไหวเอานะ" น้ำเสียงนุ่มละมุนของคนตรงหน้าเอ่ยบอกพลางใช้สายตากดดันให้เขาทำอะไรนอกจากเขี่ยอาหารไปมาสักที หากแต่เนื้อความในประโยคก็ทำให้คนฟังอยากจะเอาจานข้าวคว่ำใส่หัวคนตรงหน้ามากกว่า


    "เออ ล้อกันนัก ไม่มาเกิดเป็นโอเมก้าเองก็ไม่รู้หรอก ! นายพูดได้ก็พูดไปเหอะ เย็นนี้ฉันจะได้ไปหามาร์คลีที่ห้องกรรมการนักเรียน ห้องปิดแบบนั้นน่าจะทำอะไรสะดวกดี" เหรินจวิ้นไม่ยอมให้เพื่อนสนิทได้แซวเขาอยู่ฝ่ายเดียว ริมฝีปากบางโต้ตอบประโยคที่ทำให้คนฟังชะงักไปได้ไม่แพ้กัน


    ชื่อของใครคนที่ถูกพูดถึงในบทสนทนาทำให้ดงฮยอกร้อนรนจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ก็แน่ล่ะ ในเมื่อคนๆนั้นพ่วงเอาไว้ด้วยตำแหน่งแฟนของเพื่อนสนิทเขา แถมยังเป็นอัลฟ่าอ่อนหัด (อย่าไปพูดให้ดงฮยอกได้ยินเชียว) ที่ควบคุมสติของตัวเองตอนได้กลิ่นฟีโรโมนในช่วงฮีทของโอเมก้าไม่ได้ ชื่อของมาร์คจึงกลายเป็นเหมือนแต้มต่อที่อ้างถึงเมื่อไหร่เพื่อนเขาต้องเป็นอันต้องหัวร้อนทุกที


    .. เหมือนอย่างตอนนี้เป็นต้น


    "หยุดเลยนะ หยุดเลย !! ห้ามแม้แต่จะโผล่หน้าไปให้มาร์คของฉันเห็นเด็ดขาด ถ้าเขามาบอกว่าเขาได้กลิ่นสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ตเลี่ยนๆของนายแม้แต่นิดเดียว ฉันจะตามไปบีบคอนายถึงบ้านเลยคอยดู !!"


    ใช้คำว่า 'มาร์คของฉัน' ด้วยนะเนี่ย เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนของเขาน่ะกล้าขนาดนี้แล้ว ..


    เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทตัวดีกำลังหัวเสียกับเรื่องที่เขาพูดจนสติหลุด เหรินจวิ้นจึงได้แต่ยกยิ้มด้วยสีหน้าร่าเริงที่เอาคืนกลับไปได้สำเร็จ เขายักไหล่ใส่เพื่อนสนิทเป็นเชิงไม่ใส่ใจ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาแกล้งไม่รับรู้ประโยคที่อีกฝ่ายพูด


    "เฮ้อ .. กินข้าวดีกว่าเนอะ" โอเมก้าร่างบางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ นัยน์ตาเรียวคมก้มลงมองจานข้าวตรงหน้าราวกับเป็นสิ่งที่น่าสนใจนักหนา


    .. ราวกับจะรู้ว่าการกระทำนั้นปั่นหัวอีดงฮยอกได้ดี


    "เย็นนี้เลิกเรียนแล้วตรงกลับบ้านไปเลยนะนังหมวย !!"


    หวงเหรินจวิ้นเลยเอาแต่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังในทันทีที่ได้ยินเสียงนุ่มๆของอีกฝ่ายตวาดแว้ดกลับมา


    "ไม่เอาด้วยหรอก วันนี้ไม่รีบ .." มือเรียวบางโบกไปมาด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะฝืนตักอาหารเข้าปากให้ดูเป็นธรรมชาติทั้งๆที่ท้องของเขาไม่ได้อยากอาหารเลยสักนิด


    ดวงตาที่ปกติก็ดูโตมากอยู่แล้วของดงฮยอกกลับดูโตขึ้นอีกเมื่อคนตรงหน้าถลึงตาใส่เขา เหรินจวิ้นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปคลายปมที่หัวคิ้วบนหน้าผากของเพื่อนสนิท ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างแบบที่คิดว่าน่ารักที่สุด แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสดใส


    ".. อย่าทำหน้าตาน่ากลัวสิดงดง ไม่ได้จะไปหามาร์คสักหน่อย จะเข้าชมรมต่างหากล่ะ"


    แม้ว่าหลังจากนั้นจะตามมาด้วยเสียงบ่นจากเพื่อนสนิทตัวดีจนหูของเขาแทบดับ ว่าในช่วงเวลาฮีทนั้นไม่ปลอดภัยที่จะกลับบ้านดึกดื่น ไม่มีสติแบบนี้เกิดถูกอัลฟ่าคนไหนฉุดเข้าให้จะทำยังไง จนเหรินจวิ้นต้องมานั่งอธิบายว่ามันก็แค่ฮีท ไม่ได้ไปกินเหล้าเมาที่ไหนถึงจะได้ขาดสติอย่างที่อีกฝ่ายว่า แล้วเขาก็กินยาระงับฟีโรโมนไปแล้วด้วย แต่อีดงฮยอกก็คืออีดงฮยอก ผู้ซึ่งยังคงมีอีกล้านแปดเหตุผลที่จะใช้บังคับให้เขากลับบ้านทันทีหลังจากกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น


    ถามว่าเขาฟังเพื่อนคนนี้หรือเปล่าน่ะหรอ ..


    .. ก็ถ้าเขาฟังหมอนั่น ป่านนี้ก็คงไม่ได้มานั่งตากแอร์เย็นฉ่ำในห้องขนาดห้าสิบตารางเมตรเพื่อมาจ้องกระดานขนาดแปดคูณแปดช่องที่มีตัวหมากรุกวางเรียงรายอยู่แบบนี้หรอก


    "วันนี้พี่ประธานไม่เล่นจริงดิ มานั่งตากแอร์เฉยๆแบบนี้น่าเบื่อแย่เลยอะ" คำถามกึ่งรบเร้าจากรุ่นน้องคนสนิทดังขึ้นมาเป็นรอบที่สามของวัน ปาร์คจีซองกำลังทำหน้าเหมือนลูกหมาที่เจ้าของไม่ยอมเล่นด้วย ทั้งที่เจ้าตัวเองก็กำลังเล่นกับคนอื่นอยู่แท้ๆ


    "ไว้วันอื่นนะจีซอง วันนี้เล่นไปก็คงจะโดนนายรุกฆาตตั้งแต่แปดตาเดิน" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปด้วยคำพูดเชิงหยอกล้อ หากแต่มันไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย หวงเหรินจวิ้นในเวลานี้คิดอะไรที่มันซับซ้อนไม่ไหวหรอก แค่จะโฟกัสกับหมากรุกที่ตนเองเป็นเพียงผู้ชมยังทำได้ยากเลย


    แม้หน้าตาของจีซองจะดูงอแงอย่างเห็นได้ชัด แต่เจ้าเด็กตัวสูงก็ยอมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันกลับไปขยับตัวหมากรุกฝั่งตัวเองแทนการหันมารบเร้าเขา หากแต่ใครอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามรุ่นน้องหนุ่มกลับกลายเป็นคนที่มีปัญหากับเขาแทน


    ".. ไม่เล่นก็ไม่รู้ว่าจะมาชมรมทำไม ไม่รู้หรือไงว่าทำคนอื่นเขาเสียสมาธิ" เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยพูดกับเขาเป็นประโยคแรกของวัน ที่จริงหวงเหรินจวิ้นไม่แน่ใจนักหรอกว่าที่อีกฝ่ายทำนั้นเรียกว่าพูดกับเขาได้หรือเปล่า เพราะมันฟังดูเหมือนบ่นลอยๆให้กระทบหูเขาเสียมากกว่า


    "นายจะอะไรกับฉันนักหนาวะนาแจมิน แค่จะมานั่งดูเนี่ยคงไม่ได้รบกวนมากเท่าไหร่หรอกมั้ง" โอเมก้าหนุ่มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเชิงประชด เขาไม่เข้าใจสักนิดว่ากะแค่ที่เขามานั่งเงียบๆมองกระดานหมากรุกที่ห่างออกไปเกือบครึ่งเมตรจะทำให้คนที่กำลังเล่นอยู่เสียสมาธิได้ยังไง


    "รบกวน .. มากเลยด้วยเนี่ย รำคาญกลิ่นโยเกิร์ตเลี่ยนๆของนายจะแย่" 


    แต่ประโยคที่นาแจมินเลือกตอบกลับมานั้นทำให้คนฟังต้องถอนหายใจหนักๆแล้วกลอกตาซ้ำไปซ้ำมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินประโยคทำนองนี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้แค่อยากจะหาเรื่องเหรินจวิ้น แต่กำลังรำคาญจริงๆอย่างที่ว่า


    ก็พอรู้มาบ้างว่านาแจมินไม่ชอบกินโยเกิร์ต ไม่กินสตรอเบอร์รี่ด้วย และเขาเองก็ดันมีฟีโรโมนที่ประกอบขึ้นจากสองสิ่งนั้นพอดิบพอดี แต่เขาก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายเก็บอาการไม่ชอบของตัวเองไว้ในใจไม่เป็นหรือยังไง


    เพราะถ้าเขาเลือกได้ก็ไม่ได้อยากเกิดมามีฟีโรโมนกลิ่นนี้ให้คนนั่งด่าเล่นเหมือนกันนั่นแหละ !


    "นายกำลังชวนทะเลาะด้วยเรื่องระดับเดียวกันกับเด็กประถมสี่ .." เขาตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยท่าทางเหนื่อยใจ ในสภาพร่างกายที่กึ่งมีสติกึ่งไม่มีสติแบบนี้เขาก็ไม่ได้อยากจะเอาแรงของตัวเองมาทะเลาะกับคนอื่นนักหรอก


    แต่นาแจมินก็ยังเอาแต่พูดจาชวนตีอยู่ได้ ..


    "ก็กลิ่นนายมันน่ารำคาญ !! ฉันไม่มีสมาธิเล่น !!" ยังไม่ทันขาดคำ อัลฟ่าหนุ่มก็เริ่มชวนทะเลาะขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ 


    เหรินจวิ้นนึกอยากจะส่งอีกฝ่ายไปเข้าอบรมคลาสความรู้พื้นฐานของโอเมก้า เผื่อว่าจะเข้าใจขึ้นมาบ้างว่ากลิ่นที่ลอยออกมานั้น เจ้าของไม่ได้เลือกได้เหมือนเดินซื้อน้ำหอมตามห้างสรรพสินค้า และฟีโรโมนของโอเมก้าก็ไม่ใช่อะไรที่เจ้าตัวควบคุมได้ง่ายๆ จะมาโทษกันว่าเป็นเพราะเขาแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลยสักนิด


    "ดูเหมือนที่นายบอกว่าไม่มีสมาธิเล่นจะเป็นเพราะว่าเอาแต่สนใจจะมาเถียงกับฉันเองมากกว่ามั้ง สนใจกระดานหมากรุกไปดิ ควีนของจีซองจะกินเรือนายทิ้งแล้วนั่น .."


    "พี่ประธานก็อย่าไปบอกเขาสิครับ !!" เสียงโวยวายจากปาร์คจีซองดังขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานานเมื่อพบว่าเกมหมากรุกที่เขาวางแผนหลอกล่อเอาไว้นั้นถูกเฉลยโดยรุ่นพี่คนสนิท ใบหน้าอ่อนวัยฉายแววเสียดายออกมาชัดเจนเมื่อเรือสีตรงข้ามที่เขาตั้งใจเล็งไว้นานแล้วกำลังจะไม่อยู่ที่เดิมอีกต่อไป


    มือเรียวสวยของแจมินคว้าตัวหมากรุกของฝั่งตัวเองขึ้นมาแล้วกระแทกลงไปในตำแหน่งที่ห่างจากเดิมด้วยท่าทางหงุดหงิดแบบไม่ปิดบัง


    "ก็ฉันไม่เข้าใจว่านายมานั่งทำตัวไร้ประโยชน์ในห้องชมรมทำไมแทนที่จะรีบๆกลับบ้านไปสักที จะมานั่งแผ่ฟีโรโมนเลี่ยนๆของนายจนฟุ้งเต็มห้องรอให้อัลฟ่าที่ไหนมากัดคอหรือยังไง" น้ำเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดีเริ่มหาเรื่องเหรินจวิ้นขึ้นมาอีกรอบ และในตอนนี้โอเมก้าหนุ่มจะไม่อดทนอีกต่อไป


    เหรินจวิ้นกัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความไม่พอใจ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรกับช่วงสัปดาห์ฮีทของเขานักหนา เขารู้ว่ากลิ่นของตัวเองมันคงจะเข้มข้นกว่ายามปกติอยู่บ้าง แต่พอกินยาระงับแล้วมันก็ไม่ได้มากถึงขนาดที่จะทำให้ทุกคนต้องมาสนใจเสียหน่อย 


    ในเมื่ออัลฟ่าคนอื่นๆในห้องชมรมก็ยังนั่งอยู่อย่างปกติ ก็ไม่รู้ว่านาแจมินจะเอ่ยปากพูดเรื่องงี่เง่าที่ไม่มีวันเกิดขึ้นให้เขานั่งเสียวคอเล่นๆขึ้นมาทำไม


    "เป็นบ้าอะไรของนายอีกนาแจมิน ฉันนั่งอยู่นี่แล้วมันทำไม นายจะกัดคอฉันหรือไง !" น้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็นมาตลอดวันของหวงเหรินจวิ้นได้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงตะคอก นัยน์ตาเรียวคมจ้องมองอีกฝ่ายกลับด้วยสายตาพร้อมจะกินเลือดกินเนื้อ 


    นาแจมินรู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมาถึงสมองเมื่อได้ยินเสียงชวนแสบแก้วหูนั่นปรี๊ดขึ้นมา มือเรียวสวยสีน้ำผึ้งตบลงบนพื้นข้างกระดานหมากรุกแรงๆด้วยสีหน้าไม่พอใจที่ฉายชัด ก่อนจะตะคอกกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่แพ้กัน


    "ไม่ใช่ฉันแน่ ! แค่คิดว่ากลิ่นเลี่ยนๆของนายจะแทรกเข้ามาผสมกับฟีโรโมนฉันก็รู้สึกรับไม่ได้แล้ว"


    ดูท่าว่าบางทีการมีปากเสียงของหนึ่งโอเมก้าและหนึ่งอัลฟ่าในครั้งนี้จะหนักเกินไปเสียหน่อย เพราะสมาชิกคนอื่นที่นั่งอยู่ในห้องชมรมเริ่มหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน เขาแอบเห็นปาร์คจีซองบุ้ยใบ้ไปว่าไม่มีอะไรไม่ต้องสนใจ สายตาที่จ้องมองมาจึงได้ลดน้อยลงไป


    "เออ ไม่ใช่นายก็ไม่มีใครแล้วแหละ .. คนอื่นเขาก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ก็เห็นมีแค่นายคนเดียวที่มีปัญหากับฟีโรโมนฉันนักหนาเนี่ย !"


    ให้ตายเถอะ สักวันเหรินจวิ้นจะต้องประสาทกินเพราะหมอนี่จริงๆ ..


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    ในที่สุดพาร์ทของน้องหมวยเหรินจวิ้นก็มาเสิร์ฟแล้วค่ะ !!
    เรื่องนี้เป็นซีรีย์ต่อมาจาก If only ของดงฮยอกและมาร์คตามที่แปะลิ้งค์เอาไว้ด้านบนค่ะ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ไปอ่านได้ แต่ถ้าไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเนื้อเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนักค่ะ
    และเนื่องจากผู้แต่งเพิ่งจะเคยเขียนแนวโอเมก้าเวิร์ส หากพบข้อมูลส่วนไหนไม่ถูกต้องสามารถท้วงติงได้ค่ะ

    หนึ่งคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆของผู้แต่งนะคะ หรือจะตามไปสครีมฟิคที่แท็ก #ด้ายแดงอซท ก็ได้ค่ะ


    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×