ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SF/OS] NCT Red Thread ❤ All Couple

    ลำดับตอนที่ #12 : SF : Bet that (Haechan x Renjun) Part II

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 944
      19
      12 ก.ค. 61

    Title: Bet that (Part II)
    Pairing: Haechan x Renjun
    Rate: PG-15
    Author: raining-sahara

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------




    สิ่งที่แฮชานนึกเสียใจที่สุดรองจากเรื่องพนันบ้าบอของนาแจมิน คือการที่ยอมให้หวงเหรินจวิ้นรู้เลขห้องพักของเขา เพราะหลังจากที่นังหมวยมาหาเขาที่ห้องในเวลาตีสามเพื่อให้ผัดข้าวให้กินวันนั้น พื้นที่ส่วนตัวที่แฮชานหวงนักหวงหนานั้นก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าสงบสุขอีกต่อไป 


    ใครบางคนที่ว่านั่นขยันมารบกวนเขาในเวลาแปลกๆเสียเหลือเกิน .. อย่างเช่นในวันนี้ ที่เสียงเคาะประตูห้องของเขาดังขึ้นตั้งแต่หกโมงเช้า


    แม้ว่าเขาจะง่วงจนตาแทบปิดหลังจากเพิ่งพักผ่อนไปได้เพียงสี่ชั่วโมง แต่แฮชานก็จำยอมต้องลากสังขารตัวเองออกไปเพื่อหยุดเสียงทุบประตูดังลั่นนั่นก่อนที่คนข้างห้องเขาจะตื่นมาด่าเสียก่อน


    แค่เพียงแฮชานบิดกลอนประตูให้ปลดล็อคออก แรงผลักมหาศาลก็โถมเข้ามาจนเขาเกือบเซล้ม หวงเหรินจวิ้นก็ได้ก้าวเข้ามาพร้อมกับกระดานวาดรูปขนาดเอหนึ่งและกระเป๋าเป้ใบเดิมที่เขาเห็นจนชินตา


    คนมาเยือนนั้นอยู่ในเสื้อย้วยๆที่เพียงแค่ก้มลงก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนกับกางเกงบ็อกเซอร์ลายมินเนียน เนื้อตัวยังคงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและกลิ่นดินชื้นๆ หน้าตาโทรมเหมือนคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืนทำให้เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายนั้นเพิ่งจะผ่านอะไรมา


    เห็นสภาพแล้วก็รู้สึกสมเพช .. ถ้าลงเรียนวิชาคณะอื่นแล้วจะต้องลำบากขนาดนี้จะลงไปทำซากอะไรวะ


    "หิว ทำอาหารให้กินหน่อย" คำทักทายแรกของวันที่ไม่ใกล้เคียงกับการทักทายเลยสักนิดดังออกมาจากปากหวงเหรินจวิ้น เจ้าตัวถือวิสาสะโยนข้าวของของตัวเองลงบนโซฟาตัวโปรดของเขา(อีกแล้ว) ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโต๊ะอาหารราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้อง


    "หน้าตากูดูเหมือนพ่อครัวส่วนตัวของมึงนักหรออีหมวย"


    "ก็เป็นอยู่ไม่ใช่หรือไง" น้ำเสียงชวนปวดหัวโต้กลับมาแทบจะทันที นัยน์ตาเรียวคมยังคงจ้องมองมายังแฮชาน ไม่มีแววของความสะทกสะท้านหรือความเกรงอกเกรงใจในนั้นแม้แต่น้อย


    เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าไปตกปากรับคำอยากจะเป็นพ่อครัวให้มันตอนไหน นอกจากจะต้องเตรียมพร้อมทำกับข้าวได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพราะเจ้าคนเรื่องมากน่ะอยากจะกินอะไรเวลาไหนก็มาเคาะ แล้วยังไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่แดงเดียว มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้น


    "ไม่ได้เป็น ไม่เคยเป็นด้วย .. หิวมากก็นู่น ร้านสะดวกซื้อเลย"


    "บอกแล้วไงว่าไม่กินอาหารสำเร็จรูป บอกไปตั้งหลายรอบนี่ฟังไม่เข้าใจหรอวะ"


    "คือกูต้องเข้าใจหรอวะ .."


    "ถ้ามึงไม่โง่มึงก็จะเข้าใจอะไรง่ายๆอะแฮชาน ไปทำอาหารมาให้กูกินได้แล้ว หิวจนไส้จะขาด อีกนิดกระเพาะก็ทะลุ ถ้ากูเข้าโรงบาลไปหยอดน้ำเกลือก็ความผิดมึงเลยที่ปล่อยให้กูอดข้าว" เหรินจวิ้นตอบกลับมาด้วยประโยคยาวยืด เหตุผลที่ไม่ค่อยจะเป็นเหตุผลของคนเอาแต่ใจทำให้แฮชานลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย .. เถียงไปก็ไม่ชนะ


    ".. จะกินอะไร" สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องจำนนต่อสายตากดดันและสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของหวงเหรินจวิ้น ตกปากรับคำว่าจะทำมื้อเช้าให้จนได้


    เอาเถอะ ถือว่าทำบุญสงเคราะห์ผู้ยากไร้ก็แล้วกัน ..


    "อะไรก็ได้ที่มึงทำอะ"


    อยากรู้เหลือเกินว่าไอ้ 'อะไรก็ได้' ของอีหมวยเนี่ย ถ้าเขาเอาข้าวคลุกพริกป่นให้มันกิน นี่มันจะยอมกินเข้าไปจริงๆหรือเปล่า


    แต่ก็นั่นแหละ คนอย่างแฮชานไม่ได้ใจจืดใจดำกับคนที่มีสภาพใกล้เคียงผีดิบขนาดนั้น หลังจากยืนพิจารณาหน้าตู้เย็นอยู่นาน หมูสามชั้นของโปรดที่เพิ่งซื้อเข้าตู้เย็นมาเมื่อวานนี้ก็ถูกหยิบออกมาใช้ก่อนที่ตั้งใจเอาไว้


    "แฮชาน ขอใช้ห้องน้ำมึงได้มั้ย เหนียวตัวโคตรๆ อยากอาบน้ำ" เสียงเรียกร้องจากแขกผู้มาเยือน(ที่แฮชานไม่ได้เต็มใจจะรับ)ดังขึ้นอีกหน แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เสียงเลื่อนเก้าอี้ออกจากที่ก็พอจะทำให้รับรู้ได้ว่าเหรินจวิ้นไม่ได้นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารอีกต่อไป


    "อันนี้เป็นประโยคคำถามหรือขอร้อง"


    "ไม่ใช่ทั้งสอง กูแค่พูดตามมารยาทไปงั้น" หวงเหรินจวิ้นตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ไม่ผิดจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้นัก เจ้าของห้องได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย พยายามไม่สนใจอีกฝ่ายแล้วตั้งหน้าตั้งตาหั่นหมูให้ได้ชิ้นเท่ากันที่สุด


    "แฮชาน กูใช้ผ้าเช็ดตัวมึงนะ"


    ไม่ทันได้รอให้แฮชานได้ตอบรับ เสียงปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าอีกฝ่ายได้คว้าผ้าเช็ดตัวของเขาเข้าไปเสียแล้ว พ่อครัวจำเป็นส่ายหน้าไปมาช้าๆ ในที่สุดเขาก็มีสมาธิโฟกัสกับการทำอาหารเสียที


     .. แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดที่หวงเหรินจวิ้นยังอยู่ที่นี่ ห้องที่เขารักนักหนาเข้าสู่ความสงบได้ไม่นานนักหรอก


    "แฮชาน มีเสื้อผ้าให้กูยืมมั้ย"


    ให้ตายเถอะ จะอะไรนักหนาวะเนี่ย !! อีกนิดก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเลยมั้ยถ้าจะใช้ของทุกอย่างของเขาขนาดนี้ .. เป็นเมียก็ไม่ใช่


    "ตัวมึงผอมอย่างกับไม้เสียบผี ใส่ของกูได้ที่ไหน กลับไปเอาของตัวเองสิวะ" 


    "มึงช่วยแหกตาดูด้วยว่าตอนนี้กูอยู่ในสภาพไหน จะให้กูกลับห้องตัวเองไปด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหรอ .."


    แน่นอนว่าแฮชานไม่ได้หันกลับไปมองร่างผอมแห้งนั้นให้เสียลูกตาเล่นๆ นัยน์ตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เนื้อหมูและผักในกระทะ แต่เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ว่าคนไร้ยางอายอย่างอีหมวยคงไม่ได้ออกจากห้องน้ำในสภาพเรียบร้อยเท่าไหร่แน่ๆ


    "ก็เสื้อผ้าที่มึงใส่มาไง ก็ใส่กลับไปดิ"


    "พูดอะไรไม่คิด กูเพิ่งอาบน้ำเสร็จดีๆจะให้กูกลับไปใส่เสื้อผ้าตัวเดิม แบบนี้กูก็ต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบสิ"


    "เรื่องมากจังวะมึงนี่ .." คนที่สาละวนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้าสำหรับสองที่จำใจต้องละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ กดปิดเตาเพื่อไปค้นตู้เสื้อผ้าของตัวเองตามคำสั่งของคนเรื่องมาก


    จะขอยืมเสื้อก็ยังพอไหว แฮชานก็พอจะมีเสื้อตัวเล็กๆอยู่บ้าง อย่างมากก็แค่ดูโคร่งๆนิดหน่อยบนร่างกายของเหรินจวิ้น แต่กางเกงนี่สิ .. เขาจะไปหากางเกงจากไหนให้มนุษย์ที่เอวเท่ากระดาษเอสี่อย่างมัน


    "ตัวเล็กสุดได้แค่นี้ ใส่ไม่ได้ก็เรื่องของมึงแล้ว" เจ้าของห้องพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน พลางโยนเสื้อผ้าในมือไปให้คนที่กำลังอยู่ในสภาพตัวเปียกๆนุ่งผ้าเช็ดตัว ก่อนจะเดินกลับไปหน้าเตา ก้มมองเนื้อหมูที่ผัดค้างไว้ในกระทะ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใส่ใจผิวขาวๆกับเอวบางๆที่มีผ้าคาดอยู่หมิ่นเหม่ที่เขาบังเอิญเห็น .. น่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่ภาพมันติดตาเขาเหลือเกิน


    อันที่จริงเหรินจวิ้นก็ควรจะคิดสักหน่อยว่าการมาอยู่ในห้องผู้ชายคนอื่นในสภาพแบบนี้นั้นไม่ปลอดภัยต่อตัวเองเลยสักนิด ถ้าไปห้องนาแจมินรับรองว่าไม่มีทางรอดกลับออกมาด้วยสภาพเดิมแน่ๆ และที่จริงแฮชานเองก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงที่ก็มีอารมณ์และความรู้สึกไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนเหมือนกัน


    นัยน์ตาคู่สวยละจากอาหารที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า หันกลับไปมองใครอีกคนในห้องด้วยท่าทางระมัดระวัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเจ้าตัวปัญหาที่ว่านั้นใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยดีแล้ว


    ถึงเขาจะพนันกับเพื่อนเอาไว้ว่าใครจะได้นังหมวยนี่ก่อนกัน แต่มันต้องไม่ออกมาในสภาพที่หวงเหรินจวิ้นอดหลับอดนอนทำงานมาทั้งคืน แถมยังหิวจนไส้จะขาด และพวกเรากำลังจะมีเรียนในอีกไม่ถึงสามชั่วโมงข้างหน้า


    "ยังไม่เสร็จอีกหรอ กูหิวจนจะเป็นลมแล้วนะ" คนเรื่องมากยังไม่เลิกโวยวายเหมือนอย่างทุกที เสียงที่ดังก้องข้างหูทำให้แฮชานพอจะเดาได้ว่าคนพูดคงกำลังเดินเข้ามาใกล้เขา


    .. แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลดระยะห่างระหว่างเราให้เหลือเพียงแค่คืบอย่างตอนนี้


    "กำลังจะเสร็จแล้ว บ่นมากจังวะ นั่งรอไปนั่---------" น้ำเสียงนุ่มละมุนเอ่ยค้างเอาไว้ได้แค่นั้น กลิ่นสบู่จางๆแบบที่เขาชอบลอยเข้ามาแตะจมูกพร้อมๆกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดซอกคอของเขา หวงเหรินจวิ้นกำลังชะโงกหน้ามามองอาหารในกระทะที่เขาทำอย่างสนอกสนใจ


    "หมูสามชั้นผัด !! ของโปรดกูเลย"


    คนตัวสูงกว่าได้แต่ยืนเกร็งไม่กล้าขยับหนี ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง พยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับมือสั่นๆของตัวเองให้เทอาหารจากกระทะที่ถืออยู่ลงในจานโดยไม่ให้หกเลอะเทอะ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าแค่การจะดูว่าอาหารมื้อเช้าของวันนี้คืออะไรทำไมถึงต้องขยับเข้ามาใกล้กันขนาดนี้


    "ไปนั่งรอไป เดี๋ยวกูตักข้าวไปให้" แฮชานกดเสียงต่ำ เพิ่งรู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองมันควบคุมให้นิ่งยากแค่ไหนก็คราวนี้ โชคดีที่เหรินจวิ้นดูจะไม่ติดใจอะไร ยอมผละออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ริมฝีปากบางนั้นยังคงพึมพำว่าหมูสามชั้นซ้ำไปซ้ำมา ท่าทางอารมณ์ดีเสียจนน่าหมั่นไส้


    .. ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าทำใครเขาว้าวุ่นใจไปหมด


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------


    "เฮ้ยมึง ไม่ไปกับพวกกูจริงดิ พี่จอห์นนี่เลี้ยงเลยนะเว้ย"


    "กูไม่ว่างจริงๆมึง ไว้คราวหน้า ไม่พลาดแน่ๆ" แฮชานได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยท่าทางเบื่อหน่าย กระชับกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่แน่น ถอนหายใจหนักๆอย่างนึกเสียดาย


    เพื่อนสนิททั้งสองดูจะรู้ว่าที่จริงแล้วเขาอยากจะไปด้วยกันขนาดไหน ถึงได้โน้มน้าวเขาไม่หยุด


    "ธุระอะไรที่ทำให้คนอย่างลีแฮชานปฏิเสธของกินวะ นั่นเนื้อย่างเลยนะมึง เนื้อหวานๆนุ่มๆที่มึงเคยบอกว่ารักนักหนาไง"


    "เออ เนื้อลายหินอ่อนสวยๆ ละลายในปากเลยนะ"


    รู้แล้วว้อย รู้แล้วว่ามันอร่อย !! ถึงได้กำลังนั่งเสียดายอยู่นี่ไง !!


    "พอแล้วมึง อีกนิดนี่กูจะร้องแล้ว กูก็อยากไป แต่น่าจะว่างหลังทุ่มนึงนู่น" คนไม่ว่างได้แต่โอดครวญ ในใจนึกไปถึงลายสวยๆของเนื้อตามคำบอกเล่าของมาร์คลีแล้วได้แต่น้ำตาตกใน .. จะไม่ว่างวันไหนก็ได้ แต่ก็ดันมาไม่ว่างเอาวันนี้ วันที่พี่จอห์นนี่จะเลี้ยงเนื้อย่าง


    ชีวิตของคนหล่อมันจะเศร้าอะไรขนาดนี้ล่ะครับ ..


    "พลาดมาก ของฟรีนานๆมีทีนะ"


    "พลาดแล้วพลาดเลย อย่ามาเสียใจทีหลังนะมึง"


    .. แถมคู่หูนรกสองคนนี้ก็ตอกย้ำกันอยู่นั่นแหละ


    "เออๆ คราวหน้ากูไม่พลาดแล้ว ฝากขอโทษพี่จอห์นด้วย กูเทนัดไม่ได้จริงๆอะ ถ้าพวกมึงไปต่อกันที่ไหนก็โทรบอกด้วยก็แล้วกัน ถ้าว่างจะตามไป"


    "แหม นัดใครเอาไว้ล่ะถึงได้ยอมอดกินเนื้อย่างที่มึงบ่นอยากกินมาทั้งอาทิตย์"


    "นัดสาวแน่ๆ เดี๋ยวนี้เก็บเงียบไม่ให้เพื่อนรู้หรอวะ"


    ไม่เพียงแค่เอ่ยแซว แต่เพื่อนสนิทตัวแสบยังจ้องมองมาด้วยแววตาล้อเลียนด้วย แฮชานได้แต่เบือนหลบสายตาทั้งสองคู่ แล้วปฏิเสธออกไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มที


    "มันไม่ใช่อย่างนั้น .."


    "สาวของมึงน่ะใคร มึงบอกพวกกูมาเลยนะ"


    "จะให้บอกอะไร กูไม่ได้นัดสาว"


    "พูดแบบนี้คือมึงนัดหนุ่มน้อยน่ารักเอาไว้ล่ะสิ"


    "ใครวะ มีรูปมั้ย ไหนเอามาให้พวกกูแสกน"


    มาร์คลีกับนาแจมินยังคงคะยั้นคะยอไม่เลิก โดยเฉพาะคนแรกที่ดึงดันจะคว้าเอามือถือจากมือเขาไปเปิดค้นความลับให้ได้ .. ซึ่งแฮชานก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าจะเอาไปเปิดดูอะไร ในเมื่อในมือถือเขาน่ะมันไม่ได้มีความลับอะไรซ่อนไว้เลยจริงๆ


    "แสกนเหี้ยอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พวกมึงอะคิดเยอะกันเกินไปละ" คนถูกซักไซ้ได้แต่ยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกง แล้วบอกปัดไปด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ เรื่องจริงมันไม่ได้ใกล้เคียงกันที่เพื่อนสนิทของเขาคิดเลยแม้แต่น้อย


    "ความลับเยอะนักนะมึงอะ อย่าให้กูรู้นะว่าใคร กูจะป่าวประกาศเอาให้รู้กันค่อนมหาลัยเลยคอยดู"


    "ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร .. กูไปก่อนล่ะ" แฮชานเอ่ยปากขอตัวจากกลุ่มเพื่อน โบกมือพอเป็นพิธี รีบหันหลังกลับไปในทิศทางของหอพักตัวเองก่อนที่จะโดนซักไซ้อะไรไปมากกว่านี้


    นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองข้างทางด้วยอารมณ์ว่างเปล่า เท้าเดินเตะพื้นแบบคนไม่มีกะจิตกะใจอยากทำอะไรทั้งนั้น ใจยังคงนึกเสียดายกับปิ้งย่างฟรีจากรุ่นพี่คนสนิทที่อุตส่าห์วางแผนว่าจะไปกินมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์


    นั่นเนื้อที่เขาชอบเลยนะ .. เนื้อที่เขาเคยประกาศกร้าวเอาไว้ว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานก็ได้แต่ไม่มีเนื้อไม่ได้


    แถมของฟรีจากพี่จอห์นนี่ที่ชาตินึงจะเลี้ยงทีเลยด้วย ..


    แต่ตอนนี้แฮชานกำลังต้องพรากจากเนื้อหวานนุ่มละลายในปากที่ตัวเองรักนักหนา มาหยุดลงที่ครัวในห้องของเขาเอง ที่มีเพียงแค่เนื้อสัตว์ลดราคาแช่เอาไว้


    .. ส่วนนัดของเขาน่ะหรอ ยังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมง แค่เขามีอะไรที่จะต้องทำก่อนเฉยๆหรอก


    มือเรียวสวยเปิดตู้เย็นด้วยท่าทางอ่อนแรง ทอดมองแพ็คสามสี่ห่อที่วางเรียงรายไว้ในตู้ พยายามสะบัดความเสียดายเนื้อย่างให้ออกไปจากหัว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจคว้าเนื้อไก่พร้อมกับวัตถุดิบอีกไม่กี่อย่างออกมาจากตู้เย็น


    ท่องเอาไว้ในใจว่าปิ้งย่างมีโอกาสกินได้หลายครั้ง แต่กับไอโฟนรุ่นล่าสุดน่ะมีแค่โอกาสเดียว ..


    ถ้าถามว่าธุระอะไรที่ทำให้คนอย่างลีแฮชานยอมปฏิเสธอาหาร .. แน่นอนว่าคงมีได้คำตอบเดียวคือหวงเหรินจวิ้น


    อาหารที่ทำเสร็จเรียบร้อยถูกบรรจงจัดลงในกล่องข้าวลายน่ารักที่แฮชานเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีมันเอาไว้ในครอบครอง .. ก็แค่จับฉลากได้มาในงานปีใหม่ของสาขา การ์ตูนติงต๊องแบบนี้เขาไม่ดูมันหรอก


    เสียงโปรแกรมแชทที่คุ้นเคยดังขึ้นในตอนที่เขาปิดฝากล่องข้าวเสร็จพอดิบพอดี แฮชานเหลือบมองหน้าจอมือถือเครื่องสวยที่เพิ่งจะสว่างวาบขึ้นมา ปรากฏการแจ้งเตือนข้อความใหม่จากใครบางคน


    'หกโมงครึ่งห้อง 624 หวังว่ามึงคงจะไม่ได้ลืมนัดกูนะ'


    คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างนึกรำคาญ รัวแป้นพิมพ์ตอบกลับข้อความไปก่อนจะหย่อนมือถือลงกระเป๋ากางเกงโดยไม่สนใจมันอีก


    'จำได้น่า'


    ห้อง 624 ที่ว่านี่ไม่ใช่ห้องพักของใครแต่อย่างใด แต่คือห้องเรียนห้องหนึ่งในตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ที่แฮชานไม่เคยแม้แต่จะไปเหยียบ .. ซึ่งวันนี้คงจะได้ก้าวเข้าไปเป็นครั้งแรก


    ปกติแล้วนอกจากโรงอาหารกับตึกเรียนคณะตัวเอง คนขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างเขาก็ไม่เคยคิดจะย่างกรายไปสถานที่อื่นในมหาวิทยาลัยอีก จึงเป็นสาเหตุที่แฮชานหมดเวลาไปเกือบยี่สิบนาทีกับการเดินหลงในเขตของคณะสายศิลป์ที่ซับซ้อนยิ่งกว่าเขาวงกต


    เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากหาจนเจอแล้วว่าตึกไหนเป็นของคณะศิลปกรรม เขาก็ยังมาเดินหลงอยู่ในอาคารที่ไม่มีแม้แต่แผนที่บอกห้องเรียนต่ออีก มือถือที่อยู่ในกระเป๋านั้นยังคงสั่นรัวๆ แฮชานค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นข้อความจากใครคนที่เขากำลังจะไปหา .. ไม่รู้ว่าจะเร่งอะไรกันนัก เขาไม่ได้มาสายสักหน่อย แต่กำลังหลงทางอยู่ในตึกเนี่ย


    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาหกโมงเย็นนั้นไม่ใช่เวลาที่จะมีนักศึกษาเดินเพ่นพ่านในมหาวิทยาลัยมากนัก เขาจึงนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งผู้ชายหน้าตาน่ารักที่ดูแล้วน่าจะเป็นเด็กของคณะนี้ให้เดินผ่านมาทางเขาแฮชาน


    "ขอโทษนะครับ .. ห้อง 624 นี่ต้องเดินไปทางไหน" แฮชานเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงสุภาพที่สุด ไม่ลืมที่จะส่งสายตาอ้อนวอนแบบลูกหมาหลงทางไปให้อีกฝ่ายด้วย


    ".. มาด้วยกันก็ได้ กำลังจะไปห้องนั้นอยู่พอดีเลย"


    "อ่าครับ .. รบกวนด้วย"


    "ไม่ใช่เด็กสินกำแล้วมาทำอะไรตึกนี้อะ เพื่อนเรียนสินกำหรอ เพื่อนชื่ออะไร ปีไหน" นักศึกษาเจ้าถิ่นคนนี้ดูจะเป็นมิตรกับผู้มาเยือนจนเกินเหตุ ถึงได้ถามคำถามรัวๆจนเขาตอบไม่ทันแบบนี้ หรือไม่ก็เพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนของคนรู้จักล่ะมั้ง 


    ลีแฮชานได้แต่ส่งยิ้มกลับแห้งๆ ก่อนจะตอบออกไปตามความจริง


    "อันที่จริงก็ไม่เชิง .. เขาแค่มาเลือกเรียนวิชาประติมากรรมเฉยๆครับ"


    ดูเหมือนคนที่ตรงกับเงื่อนไขที่เขาเพิ่งจะเอ่ยออกไปนั้นคงไม่มีมาก .. หรือบางทีหวงเหรินจวิ้นคงจะเป็นคนเดียวในมหาวิทยาลัยที่เลือกทำอะไรเสี่ยงตายแบบนี้ เพราะหลังจากที่ตอบกลับไปแบบนั้น คนฟังก็ร้องอ๋อแทบจะทันที


    ".. เด็กวิศวะน่ารักๆคนนั้นใช่มั้ย ขาวๆ ยิ้มสดใสๆ จริงๆเก่งจนน่าเสียดายเลยอะ น่าจะมาเรียนคณะนี้ จะได้มีคนน่ารักเป็นอาหารตาเพิ่มอีกคน"


    "อย่างนั้นหรอครับ .." แฮชานได้แต่ตอบกลับในลำคอหลังจากได้ยินข้อเท็จจริงบางอย่างจากคนข้างตัว ใจจริงอยากจะพูดต่อเหลือเกินว่าให้หมอนั่นย้ายมาเรียนศิลปกรรมก็คงน่าเสียดายพอๆกัน นั่นน่ะก็ท็อปห้าวิศวะเครื่องกลเหมือนกันนะ


    ห้อง 624 ที่แฮชานเดินวนหาอยู่หลายสิบนาทีนั้นดูจะหาพบได้ง่ายเหลือเกินเมื่อเป็นนักศึกษาเจ้าของตึก ภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีพวกเขาก็พาร่างของตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่ถูกเปิดอ้าซ่า .. บางทีเขาก็นึกสงสัยว่าเด็กคณะนี้ต้องมีสกิลการหาทางออกจากเขาวงกตกันทุกคนหรือเปล่า


    เขาก้มหัวขอบคุณคนที่พาเขามาส่ง แล้วหยิบมือถือตั้งใจจะส่งข้อความเรียกหวงเหรินจวิ้นให้ออกมาหา แต่เสียงดังแปดหลอดจากใครบางคนในห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน


    "เฮ้ย พาใครมาอะเตนล์ กิ๊กใหม่หรอ หล่อไม่เบานะเนี่ย"


    "กิ๊กอะไรกัน เพื่อนคิ้วท์บอยวิศวะเขาหรอก" คนข้างตัวที่เขาเพิ่งจะรู้ชื่อเมื่อกี้นี้ตะโกนตอบกลับไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี แต่แฮชานกลับนึกตะหงิดใจกับคำเรียกแปลกๆนั่น


    โห นี่เพิ่งรู้นะว่านังหมวยถูกเรียกด้วยฉายาอะไรแบบนี้ .. น่ารักตายล่ะ


    ทีแรกเขานึกว่าอาจจะมีแค่คนๆนี้คนเดียวที่เรียกแบบนี้ก็ได้ เพราะเห็นว่าออกปากชมว่าอีหมวยน่ะน่ารักงั้นงี้อยู่ตลอดทาง แต่หลังจากได้ยินคนในห้องตะโกนโหวกเหวก เขาก็ได้รู้ว่านั่นเป็นฉายาที่ถูกบัญญัติให้เรียกโดยทั่วกัน


    "คิ้วท์บอยวิศวะ มีคนมาหา !!" เสียงตะโกนเรียกนั้นดังขึ้นพร้อมๆกับใครสักคนที่ลากเขาเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยเด็กต่างคณะเสียแล้ว หวงเหรินจวิ้นชะโงกหน้าขึ้นมาจากมุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะโบกไม้โบกมือบอกให้เขาหยุดรอก่อน เพื่อที่ตัวเองจะได้ไปล้างมือเปื้อนดินนั้นให้สะอาด


    การมาถึงของเขาดูจะสร้างความตื่นเต้นให้กับนักศึกษาสาขาประติมากรรมเหลือเกิน ได้ยินเสียงแว่วๆว่าคนนอกคณะมาทำอะไรที่นี่ หรือแม้แต่เสียงซุบซิบว่าเพื่อนคิ้วท์บอยวิศวะหน้าตาดีมาก .. ถึงจะเป็นคำชมก็เหอะ แต่สำหรับเขามันก็กระอักกระอ่วนพอตัวเหมือนกัน


    ไม่รู้ว่าหวงเหรินจวิ้นไม่รู้หรือว่าตั้งใจจะกวนตีนเขากันแน่ เจ้าตัวถึงได้ดูไม่รีบร้อนสักนิดที่ปล่อยให้เขายืนรออยู่หลายนาที กล่องลายการ์ตูนสีหวานถูกส่งให้คนตัวปัญหาที่ดูจะร่าเริงเสียเหลือเกินหลังจากรู้ว่าตัวเองกำลังจะได้กินมื้อเย็น


    "อ่ะ เอาไป ถ้าหลังจากนี้ไม่มีอะไรแล้วกูกลับนะ" แฮชานตั้งท่าจะเดินกลับออกไปจริงๆ อยากจะออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้ใจจะขาด แต่เหรินจวิ้นก็รั้งเขาเอาไว้


    "รีบไปไหนอะ อยู่ช่วยงานกันก่อนดิ"


    คนรอบข้างดูจะเริ่มโฟกัสไปที่กล่องข้าวที่เขาเอามา แฮชานเองก็ไม่เข้าใจว่ามันอะไรนักหนากับแค่ข้าวกล่อง ผู้ชายตัวสูงโย่งราวกับเสาไฟฟ้าถึงกับต้องเดินมาจากมุมห้องเพื่อที่จะพาดแขนลงบนไหล่ของหวงเหรินจวิ้นแบบนี้


    "อะไรกัน คนน่ารักมีแฟนซะแล้วหรอเนี่ย เสียดายชะมัด"


    สมทบตามด้วยผู้หญิงหน้าตาสะสวยอีกคนที่ดูจะสนิทกันดี


    "ทำหนุ่มสินกำแถวนี้อกหักดังเป๊าะกันเป็นแถวเลย"


    "เลิกแซวน่า เป็นเพื่อนที่สาขาเฉยๆ" เหรินจวิ้นกดเสียงต่ำ บอกปัดไปอย่างไม่ใส่ใจ พยายามยกแขนหนักๆที่พาดบ่าอยู่ออกไป แต่ดูเหมือนเพื่อนต่างคณะจะโถมน้ำหนักลงมามากกว่าเดิมเสียอีก นัยน์ตาเรียวคมส่งสายตาค้อนกลับไปให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นมีเพียงรอยยิ้มกว้างๆ สายตาวิบวับ กับน้ำเสียงที่ฟังดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน


    "เพื่อนที่สาขาเฉยๆจริงป่ะ ทำไมถึงมีมาส่งข้าวส่งน้ำด้วยอะ"


    "ดูอย่างพวกเราสิ กินแต่มาม่าคัพกับข้าวกล่องเซเว่น"


    "ยังไงกันอะ เป็นอะไรกับเหรินจวิ้น"


    ลีแฮชานเริ่มจะปวดหัวกับเสียงเอ่ยแซวที่ดังขึ้นไม่หยุด ไม่รู้ว่าคนที่เรียนศิลปกรรมนี่คิดไปเองกันเก่งทุกคนหรือเปล่า ถึงได้ยัดเยียดจะให้เขาเป็นแฟนกับนังหมวยนี่ให้ได้ กะแค่เอาข้าวกล่องมาให้เนี่ยนะ เวลาเขาทำอาหารเหลือก็ห่อไปฝากเพื่อนบ่อยๆเถอะ


    ".. สรุปคนนี้เป็นแฟนเหรินจวิ้นหรอ"


    "ก็บอกแล้วไงว่าเพื่อนที่สาขา"


    "งั้นเราก็จีบได้ใช่มั้ย เธอๆ ขอเบอร์หน่อยดิ อยากมีคนคอยทำข้าวกล่องให้บ้าง" หลังจากไม่ได้รับคำตอบที่ถูกใจ เพื่อนต่างคณะสาวก็เริ่มเบนเข็มมาทางแฮชานคนที่อุตส่าห์ยืนเงียบอยู่นาน สายตาจริงจังที่ส่งมาให้ทำให้เขาเกือบจะกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงในมือถือสีหวานนั้นแล้ว .. ถ้าใครบางคนไม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน


    "พอเลยชานมี จะขอเบอร์ผู้ชายทุกคนที่เดินผ่านแบบนี้ไม่ได้ !! .. ส่วนมึงอะจะยืนอยู่ทำไม ไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปสิ !!" น้ำเสียงแสบแก้วหูแบบที่แฮชานนึกรำคาญเริ่มแว้ดใส่เขาอีกหนแล้ว


    .. ตอนแรกเขาจะกลับแล้วก็บอกไม่ให้กลับ พอเขายังยืนอยู่นี่ก็ความผิดเขาหรอวะ


    "เอ๊า ไหนตะกี้บอกจะให้อยู่ช่วยงาน"


    "ไม่ต้องแล้ว !! จะไปไหนก็รีบๆไปสักที !!"



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    หลังจากดองค้างไปนาน สุดท้ายก็สำนึกผิดกลับมาอัพต่อแล้วค่ะ

    น้องหมวยก็ยังคงเป็นน้องหมวยคนแสบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกวนตีนมากขึ้น

    จากพาร์ทนี้พอจะเดาอะไรได้บ้างหรือเปล่านะ ..

    คอมเม้นเป็นกำลังใจ หรือจะไปสครีมที่ #ด้ายแดงอซท ก็ได้นะคะ


    S
    N
    A
    P
    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×