ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Traveling | SF / OS [ JackJae ] #การเดินทางของแจ็คแจ

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] My Old story : EP 1 | JackJae

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.95K
      17
      23 พ.ค. 59



    My Old Story BY IU

    *****************************************************************************


    Episode 1

     

    That tutor, he was...








              เพราะต้องเรียนพิเศษ ตารางกิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนของผมจึงต้องถูกปรับเปลี่ยนสักเล็กน้อย

     

              แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ถูกตัดทิ้งก็คือ...เล่นเกมก่อนนอน

     

              นั่นเกือบทำให้ผมเป็นบ้าไปช่วงหนึ่งเลยล่ะ

     

     

     

             ข้อนี้ทำยังไงอ่ะพี่

     

              เป็นคำพูดที่ผมพูดบ่อยที่สุดตลอดระยะเวลาที่เรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์ชาวฮ่องกง จะว่าผมค่อนข้างไม่ถูกกับภาษาอังกฤษก็คงไม่ผิดนัก เพราะตั้งแต่เริ่มเรียนมา นับครั้งที่ผมได้เกรด B ขึ้นไปในวิชานี้ได้เลย

     

              แต่โชคดีที่พี่แจ็คสันเป็นคนใจเย็นใช้ได้...หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าพี่เค้าใจเย็นล่ะนะ เพราะทุกครั้งที่ผมถามอะไรซ้ำไปซ้ำมา หรือเวลาที่ผมไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่พี่เขาสอนสักที พี่แกก็ยอมลงทุนอธิบายใหม่หมดให้ผมฟังนะ ไม่มีแสดงอาการหงุดหงิดหรือว่ามองบนอะไรใส่ผมด้วย

     

              ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของพี่แจ็คสันที่ผมชอบก็คือ ทุกครั้งที่สอนไปได้สักครึ่งชั่วโมง พี่แกจะสรรหามุกตลกจากไหนก็ไม่รู้แหละมาเล่าให้ผมฟังตลอดเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเครียดมากเกินไป จนบางทีผมก็เริ่มสงสัยเหมือนกันว่าพี่แจ็คสันเรียนวิศวกรรมศาสตร์หรือตลกศาสตร์กันแน่

     

              และทั้งหมดนี่ก็ทำให้ผมรู้สึกว่า...การเรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์คนนี้...มันก็ไม่ได้แย่อะไรมากอย่างที่เคยนึกภาพเอาไว้

     

     

     

     

     

     

     

    Mr. Wang

    อย่าลืมทำการบ้านที่พี่ให้ไว้นะลูกหมู 11.34 pm

     

    Ars_YJ

    11.40 pm ย่าห์! พี่ว่าใครหมู! หยาบคาย!

    11.40 pm ไม่ทำแล้ว พี่ว่าผมเป็นหมู

    11.41 pm -^-

     

    Mr. Wang

    ยังไม่นอนอีกเหรอ นี่ห้าทุ่มกว่าแล้วนะครับเด็กน้อย 11.45 pm

    กินนมนอนได้แล้วป่ะ -_-zZ 11.45 pm

    ทำการบ้านของพี่ด้วย 11.46 pm

    ไม่งั้นพรุ่งนี้โดนตีแน่เด็กดื้อ 11.46 pm

     

    Ars_YJ

    00.00 am คร้าบๆ คุณครู

     

     

     

     

     

              ไม่รู้ว่าเพราะอายุที่ไม่ได้ห่างกันมาก หรือเพราะพี่แจ็คสันเป็นคนเฟรนด์ลี่ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ผมสามารถเข้ากับรุ่นพี่คนนี้ได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ ถึงขนาดสามารถคุยเล่นกันผ่านโปรแกรมแชทได้ ถึงจะเป็นแค่ข้อความสั้นๆแบบข้างบนก็เถอะนะ แต่สำหรับคนเพื่อนน้อย แถมยังโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงแบบผม เชื่อเถอะ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมบ่อยนักหรอก

     

              โปรแกรมแชทที่มีติดโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น ไม่ค่อยได้ถูกเปิดขึ้นมาใช้ยกเว้นเวลาเพื่อนส่งการบ้านมาให้ลอก (จุ๊ๆนะครับ :P) ถูกเปิดใช้งานบ่อยขึ้นตั้งแต่ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษกับพี่แจ็คสัน เนื้อหาที่คุยก็มีตั้งแต่ถามพวกวิชาความรู้ นัดหมายวันเวลาเรียน ไปจนถึงคุยเล่นเรื่องปัญญาอ่อนกัน

     

              นั่นเป็นครั้งแรกเลย ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มติดโทรศัพท์มือถือโดยไม่รู้ตัว

     

              เชื่อเถอะ ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวจริงๆนะว่าติดโทรศัพท์มือถือขนาดไหน จนโดนแม่ทักว่าอย่าเล่นไปกินข้าวไปนั่นแหละ ถึงได้เริ่มรู้สึกตัว

     

     

     

              นานแค่ไหนแล้วนะ...ที่ผมได้มีเพื่อนคุยเล่นแบบนี้

     

     

              จำไม่ได้แล้วจริงๆ

     

     

     

     

             

             

     

     

    ~ I believe I can fly. I believe I can touch the sky. I think about it every night and day. Spread my wings and fly away ~

     

    ปากกาในมือถูกเคาะกับโต๊ะตามจังหวะเพลงโปรด ผมร้องคลอตามเนื้อเพลงภาษาอังกฤษไปด้วยอย่างลืมตัว ในหัวกำลังคิดวิธีแก้สมการวิชาคณิตศาสตร์ที่วางอยู่ตรงหน้า

     

    เวลาทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ ผมมักจะชอบเปิดเพลงคลอไปด้วยแบบนี้แหละครับ บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันทำให้เสียสมาธิ แต่สำหรับผม มันทำให้ผมไม่เครียดแล้วก็ไม่รู้สึกเบื่อกับการอ่านหนังสือจนเกินไป ที่สำคัญ...มันทำให้ผมไม่หลับคากองหนังสือด้วยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

     

    ~ I believe I can soar. I see me running through that open door. I believe I can fly. I believe I can fly. ~

     

    ก๊อกๆ

     

              เสียงเคาะประตูดึงให้ผมหลุดออกจากโลกของเสียงเพลงก่อนหันไปหรี่ลำโพงบลูทูธที่เปิดทิ้งไว้

     

              “มาแล้วครับ...อ้าว พี่แจ็คสัน? ทำไมมาเร็วจัง?”

     

              ผมเอ่ยถามคนตรงข้ามขณะเบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาข้างในห้อง

     

              อ่า...อย่าเพิ่งคิดไปไหนไกลกันนะครับ เรื่องของเรื่องก็แค่ว่า เพราะวันนี้พี่แจ็คสันแวะมาทำธุระแถวๆบ้านผมพอดี ผมเลยเสนอไปเองแหละว่าให้มาติวที่บ้านผมมั๊ย จะได้ไม่ต้องนั่งรถย้อนไปย้อนมา เพราะสถานที่ที่ผมนัดเรียนพิเศษกับพี่แจ็คสันเนี่ย อยู่คนละทิศกับที่นี่เลยล่ะครับ

     

              เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ...ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดไปไกลกันแล้วอ่ะ กลับมาครับกลับมา

     

     

              “เมื่อกี๊เราเป็นคนร้องเพลงเหรอ”

     

              “อ่าฮะ...เดี๋ยวนะ นี่ผมร้องเพลงดังไปถึงข้างนอกเลยเหรอ ให้ตายเถอะ นี่ดังลงไปถึงข้างล่างหรือเปล่าเนี่ย อายจัง”

     

              ผมว่าพลางหัวเราะเขินๆ เป็นคุณคุณไม่เขินเหรอครับ คือเวลาเราร้องเพลงแบบเนี้ย มันก็แค่การแหกปากไปใช่มั๊ยล่ะ...อารมณ์เหมือนเวลาร้องเพลงตอนอาบน้ำนั่นแหละ ไม่ได้สนใจหรอกว่ามันจะเพราะหรือไม่เพราะ ก็แค่อยากร้อง ก็เลยร้องออกมา ก็แค่นั้น

     

              “...”

     

              “...ทำไมพี่ต้องมองหน้าผมเหมือนเห็นผีด้วยล่ะ นี่เสียงผมทำพี่สติหลุดเลยหรือไง...ย่าห์! พี่แจ็คสัน!

     

              ผมโวยวายใส่คนอายุมากกว่าที่นิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรสักอย่างอยู่ ง่ะ ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ ชักเสียเซลฟ์แล้วนะ!

     

              แต่นอกจากพี่แจ็คสันจะไม่ตอบคำถามของผมแล้ว พี่แกยังลนลาน รีบวางข้าวของแล้วคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนด้วยท่าทางรีบร้อนจนคนมองอย่างผมงงเป็นไก่ตาแตก

     

              อะไรของเขาเนี่ย?

     

     

              “เฮ้ยแจบอม...กูหานักร้องให้มึงได้แล้ว...เออน่า ลองฟังดูก่อน...น้องมันอยู่ข้างๆกูเนี่ย เดี๋ยวให้ร้องให้ฟัง...ช่วยร้องเพลงที่เราร้องเมื่อกี๊ให้มันฟังหน่อยสิยองแจ”

     

              ประโยคสุดท้ายพี่แจ็คสันหันมาพูดกับผม แถมยังกดเปิด speaker แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือมาทางผมอีกด้วย เฮ้ย! เดี๋ยว! คือไร อธิบายหน่อยมั๊ยล่ะ!

     

              “ฮะ?”

     

              “ร้องเพลงไง เพลงที่เราร้องเมื่อกี๊อ่ะ I Believe I can fly อ่ะ ร้องเร็วๆ”

     

              อาจจะเพราะตอนนั้นผมกำลังงงๆ เลยทำตามคำสั่งของคนตรงหน้าด้วยการร้องเพลงเมื่อครู่ไปแบบงงๆ ไม่คิดอะไรมาก

     

     

    ~ I believe I can fly. I believe I can touch the sky. I think about it every night and day. Spread my wings and fly away ~

     

     

     

              [เชี่ย! แบบนี้เลยที่กูอยากได้ มึงไปหามาจากไหนวะแจ็คสัน!]

     

              ผมสะดุ้งเบาๆหลังคนปลายสายอุทานออกมาซะดังหลังผมร้องเพลงจบ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังงงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น พี่แจ็คสันให้ผมร้องเพลงทำไม? แล้วคนปลายสายคือใคร? ทำไมผมต้องร้องเพลงให้เค้าฟัง? แบบนี้ที่อยากได้คืออะไร? อะไรๆๆ ทำไมๆๆ ตอนนี้ในหัวผมมีแต่สองคำนี้วิ่งวนอยู่เต็มไปหมดแล้ว

     

              และสงสัยว่าเครื่องหมายคำถามบนหน้าผมมันคงจะชัดเจนไปหน่อย พี่แจ็คสันเลยหยุดสนทนากลับปลายสายแล้วหันกลับมาอธิบายทุกอย่างให้ผมฟัง

     

              “คืองี้ยองแจ ไอ้คนปลายสายนี้...เพื่อนพี่เอง ชื่ออิม แจบอม มันอยู่คณะนิเทศฯ มันเป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์ละครเวทีของมหาลัยที่จะแสดงอาทิตย์หน้า ทีนี้ เมื่อสองวันก่อน นักร้องที่ไอ้แจบอมเคยเลือกไว้ให้ร้องปิดการแสดงดันป่วย เป็นต่อมทอลซินอักเสบหรืออะไรเนี่ยแหละ เข้าโรงพยาบาล มาแสดงไม่ได้ มันเลยกำลังหัวหมุน หานักร้องใหม่ให้ทันขึ้นแสดงวันเสาร์หน้า”

     

              “แล้ว?”

     

              [แล้วพี่ก็มาเจอน้องนี่แหละครับ น้องชื่ออะไรนะไอ้แจ็ค]

     

              “ยองแจ...ชเว ยองแจ”

     

              [โอเค คืองี้นะน้องยองแจ พี่อยากให้น้องมาลอง...ไม่สิๆ ตอนนี้เลยก็ได้นี่หว่า น้องร้องเพลง A goose’s dream เป็นมั๊ย?]

     

              “เอ่อ..เป็นครับ”

     

              [ลองร้องให้ฟังหน่อยได้มั๊ย]

     

              เพราะยังงงๆอยู่ ผมเลยหันไปหาคนข้างๆเพื่อถามความเห็น ก่อนที่พี่แจ็คสันจะรีบพยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงว่า ร้องๆไปเหอะ ผมถึงได้เริ่มร้องเพลงตามที่คนปลายสายขอมา

     

    꿈이 있었죠,

    I have a dream

    버려지고 찢겨 남루하여도

    Even if I’m thrown away or ripped to shreds

     

     

    [พี่ขอท่อนฮุกเลยได้มั๊ย]

     

              เป็นคนปลายสายที่เอ่ยแทรกขึ้นมา ผมเงยหน้ามองเพดานห้อง นึกไล่เนื้อเพลงอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่ค่อยได้ฟังเพลงนี้สักเท่าไหร่ก่อนเริ่มร้องอีกครั้ง

     

    그래요 꿈이 있어요.

    Yes I have a dream.

    그 꿈을 믿어요 나를 지켜봐요.

    I believe in that dream. Please watch over me

    차갑게 있는 운명이란 벽앞에

    Standing in front of that cold wall called fate

    당당히 마주칠 있어요

    I can firmly face it

     

    언젠가 벽을 넘고서

    One day I will pass over that wall

    하늘을 높이 날을 있어요

    And be able to fly as high as the sky

    무거운 세상도 나를 묶을 없죠

    This heavy thing called life can’t tie me down

    삶의 끝에서나 웃을 날을 함께해요

    At the end of my life, on the other day that I can smile, let’s be together.

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้น ผมก็ถูกเรียกตัวไปที่มหาวิทยาลัยที่พี่แจ็คสันเรียนอยู่เพื่อไปออดิชั่นร้องเพลง และได้เข้าร่วมการแสดงละครเวทีของมหาวิทยาลัยก่อนการแสดงจริงเพียง 1 สัปดาห์

     

    ทีแรก พ่อกับแม่ผมท่านก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะอีกไม่กี่เดือนผมก็จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ท่านคงอยากให้ผมเอาเวลาไปอ่านหนังสือมากกว่า แต่เพราะทั้งพี่แจ็คสันและพี่แจบอม (คนที่พี่แจ็คสันโทรหาเมื่อวันนั้นน่ะครับ) เป็นคนเข้ามาขอร้องพวกท่านโดยตรงถึงบ้าน สุดท้ายพวกท่านก็เลยยอม

     

    สิ่งที่ผมต้องทำก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่ร้องเพลงปิดการแสดงร่วมกับพี่ๆจากคณะดุริยางคศิลป์ของมหาวิทยาลัย แค่นั้นเองครับ...

     

     

     

     

    ...ซะที่ไหนเล่าให้ตาย! แค่คิดว่าจะต้องไปร้องเพลงท่ามกลางคนดูเป็นร้อยเป็นพันแบบนั้น ผมก็แทบลมจับแล้ว! นี่ยังต้องมาร้องร่วมกับพี่ๆสายโหดอีก Oh my god! ชเว ยองแจเป็นลมตอนนี้ทันมั๊ยครับท่านผู้ชม

     

    พอถามไปว่าทำไมต้องเป็นผม พี่ๆเอกวอยซ์ร้องเพลงเก่งๆมีอีกตั้งหลายคน ทำไมไม่ให้พวกพี่ๆเค้ามาร้อง พี่แจ็คสันก็ตอบมาซะผมไปต่อไม่ถูกเลย

     

     

     

    เสียงของนักร้องแต่ละคนแตกต่างกันนะ ถึงจะร้องเพลงเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเสียงไม่เข้า ไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่ และพี่มั่นใจว่ายองแจสามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ และเราจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง

     

     

     

    โอเค๊! พูดมาขนาดนี้ผมจะปฏิเสธอะไรได้อีกล่ะจริงมั๊ย ก็แค่หวังว่าประสบการณ์ประกวดร้องเพลงในโรงเรียนจะช่วยให้ผมไม่ตื่นเต้นจนเกิดเป็นลมกลางเวทีก็แล้วกันนะ

     

     

     

     

     

     

    คนเยอะเป็นบ้าเลยอ่ะพี่แจ็คสัน โอย ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม

     

    อย่าเพิ่งเป็นลมดิยองแจ หายใจเข้าลึกๆ...นั่นแหละๆ...ใจเย็นๆ มีสติ เข้าใจมั๊ย

     

    แล้ว...แล้วถ้าผม...ถ้าผมทำพลาดล่ะ...ถ้าผมเกิดร้องเพี้ยน หรือ...หรือร้องผิดจังหวะ...หรือ...

     

    ฟังนะยองแจ พี่มั่นใจว่าเราทำได้...และเราทำได้แน่ๆ ซ้อมมาตั้งนาน แถมเราก็เสียงดีอยู่แล้วด้วยจริงมั๊ย วันที่พี่ได้ยินเสียงเราจากทะลุจากประตูห้องนอนวันนั้นพี่ขนลุกเลยนะ ไม่คิดว่าเราจะร้องเพลงได้ดีขนาดนี้

     

    ...อันนี้ชมใช่มั๊ย

     

    ชมสิ เอ๊ะ เด็กคนนี้นี่ยังไง พี่ว่าเราตรงไหนเนี่ยฮึ

     

    ‘…’

     

    เราทำได้อยู่แล้ว เชื่อพี่สิ เอางี้...เดี๋ยวพี่จะนั่งดูอยู่ที่ชั้นสอง ถ้าเรารู้สึกไม่มั่นใจหรือว่าประหม่า...ให้มองหาพี่ โอเคมั๊ย

     

    เพื่อ?

     

    เพราะบนชั้นสองเค้ากั้นไม่ให้คนดูขึ้นน่ะสิ ถ้าเรามองขึ้นไปบนนั้น เราก็จะไม่เห็นคนดูคนอื่นเลยนอกจากพี่...เหมือนเรากำลังร้องให้พี่ฟังคนเดียวเหมือนตอนซ้อมไง...แบบนี้ดีมั๊ย

     

    ...ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลยอ่ะ...

     

    เอาน่า...เดี๋ยวพี่ต้องไปละ สู้ๆยองแจ เราทำได้อยู่แล้ว Fighting!’

     

     

     

     

     

    วินาทีที่ผมต้องก้าวข้นไปบนเวที ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะเงียบไปหมด

     

    ขาผมแข็งจนแทบก้าวไม่ออก มือสั่นจนถือไมค์แทบไม่ได้ แสงสปอร์ตไลท์ก็สว่างจ้าจนผมมองอะไรแทบไม่เห็น

     

    ดนตรีดังขึ้นมาแล้ว แต่ผมยังดึงสติตัวเองกลับมาไม่ได้เลย

     

     

    ..ทำยังไงดี...

     

     

     

     

    ถ้าเรารู้สึกไม่มั่นใจหรือว่าประหม่า...ให้มองหาพี่ โอเคมั๊ย

     

     

     

    วินาทีนั้น คำพูดของพี่แจ็คสันก็เด้งขึ้นมาในหัว ผมรีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นสองของหอประชุมเหมือนเป็นปฏิกิริยา reflex ของร่างกาย ก่อนจะพบใครบางคนอยู่บนนั้น

     

     

     

     

    ยองแจอา Fighting!!!’

     

     

     

    ถึงจะไม่มีเสียงออกมาจากคนคนนั้น แต่ผมก็มั่นใจว่าตัวเองอ่านปากเขาไม่ผิด พี่แจ็คสันยืนอยู่บนนั้นตามที่สัญญาไว้กับผม แถมยังชูนิ้วโป้งให้ผมทั้งสองข้างอีกด้วย

     

     

    และเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผมในตอนนั้น ผลักดันให้ผมยกไมค์ขึ้นมาและเริ่มร้องเพลง

     

     

     

    ร้องเหมือนเวลาที่เราร้องให้พี่ฟังตอนซ้อมไง แบบนั้นดีมั๊ย

     

     

     

     

     

    ตลอดทั้งการแสดงนั้น ทั้งที่มีคนดูเป็นร้อยเป็นพัน แต่คนที่สายตาผมจับจ้องไป...มีเพียงคนคนเดียว...




    Fin


    23/5/2016

    11:04 pm


    Continue reading in Episode 2

    Coming Soon



    Song's Credit

    1. I Believe I Can Fly BY R Kelly

    เนื้อเพลงภาษาอังกฤษ : http://www.azlyrics.com/lyrics/rkelly/ibelieveicanfly.html


    2. A Goose's Dream BY In Sooni

    เนื้อเพลงภาษาอังกฤษ : https://notesanotes.wordpress.com/2011/05/27/insooni-a-gooses-dream-mv-lyrics-rom-han-eng/

    เนื้อเพลงภาษาเกาหลี : http://www.plearnkid.com/?p=5282



    Let's Talk


    ปล่อยมาแล้วค่ากับ EP แรกของเซ็ทนี้ หวังว่าคงถูกใจกันนะคะ เนื้อเรื่องจะไม่หนักหน่วงเท่ากับเรื่องที่แล้วค่ะ จะพยายามสื่ออารมณ์เหมือนเรากำลังฟัง old story ของคนคนนึงที่ชื่อ ชเว ยองแจ ค่ะ แต่ถ้าถามว่ามีม่ามั๊ย ระดับนี้ไม่พลาดค่ะ ชอบมาม่าเป็นชีวิตจิตใจ 55555 ใครรอม่าหนักๆ รออีกนิดนะคะ ตอนหน้าเจอแน่ค่า



    ขอ เม้าท์มอยเรื่องเพลงที่ใช้ในตอนนี้นิดนึงนะคะ เพลง A goose's dream ที่ยองแจร้องในตอนนี้ จริงๆแล้ว Original Version เป็นของคุณ In Sooni ตาม Credit ที่ให้ไว้ข้างบนเลยค่ะ แต่ที่กำลังจะพูดถึงนี้ จะขอพูดถึงเวอร์ชั่น Cover ของสาวๆ วง Bestie ค่ะ เราว่าเป็นอีกเวอร์ชั่นที่ใช้ได้เลย ชบรองลงมาจากเวอร์ชั่นออริจินอลเลยค่ะ สามารถลองเข้าไปฟังได้นะคะ (https://www.youtube.com/watch?v=AHFJjMp7BMk) (เราแนบลิ้งค์ไม่เป็นอ่ะ ขอแปะไว้แทนเเล้วกันนะคะ)


    ปล. เห็นช่วงนี้อัพถี่ๆก็อย่าแปลกใจนะคะ ปิดเทอมค่ะ ว่างจัดมากๆ ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วก็อยู่ในช่วงกำลังมีไฟแต่งค่ะ ไอเดียนี่มาพึบพับๆๆๆๆ เลยลงค่อนข้างถี่ค่ะ แต่จะพยายามรักษามาตรฐานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะคะ ^^


    จะรีบกลับมาต่อนะคะ ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ รักทุกคนค่ะ อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×