ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ของขวัญ [HunHan Feat.KrisLay Chanbaek & Exo]

    ลำดับตอนที่ #7 : Gift 7 : Sehun Talk & เมา

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 56


    ผีหลอกกก ว้ากกกกก ผีหลอกกกก

     

                นี่คือความประทับใจแรกของมนุษย์คนแรกที่ได้เห็นตัวตนของผม =_= ผมก็พอรู้มาบ้างแหละนะว่ามนุษย์เนี่ย มักจะกลัวพวกสิ่งลี้ลับ เหนือธรรมชาติอะไรแบบเนี้ย

     

                ...แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเข้าขั้นโคม่าขนาดนี้ =_=;;...

     

                เพราะงั้น หลังจากที่เล่าเรื่องจบ ผมก็ทำใจไว้ครึ่งนึงแล้วว่าคนตรงหน้ามีสิทธิ์ไม่เชื่อและส่งผมเข้าโรงพยาบาลบ้าด้วยอาการประสาทหลอนเป็นการตอบแทน

     

                ...โชคดีไปที่หมอนี่ไม่ได้มีความคิดแบบนั้น...ถึงแม้ว่าตาโตๆนั่นจะเบิกกว้างขึ้นมาหน่อยก็เหอะ...

     

                แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วย คนรวยๆมีเต็มเกาหลี ไปอยู่กับพวกนั้นไป๊ ตัวฉันเองคนเดียวยังจะเอาตัวไม่รอดเลย แล้วจะให้เลี้ยงเทวดาอีกตัว...เอ๊ย...อีกคน เนี่ยนะ...

     

                นั่นน่ะสิ ผมก็ไม่เข้าใจท่านพ่อเหมือนกันว่าทำไมต้องส่งผมมาที่นี่ ดูจากสภาพรอบตัวแล้วก็บอกได้เลยว่าไอ้หมอนี่ฐานะคงจะค่อนไปทางคำว่า ยากจนอย่างแน่นอน แล้วยังจะให้ผมไปเป็นภาระให้เขาเนี่ยนะ...เทวดาดีๆที่ไหนเค้าทำกันอย่างนี้วะเนี่ย

     

                ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น เพราะยังไงฉันก็ไม่ไปจากที่นี่แน่ ไม่ใช่อะไร มันไม่มีทางเลือก โอเค้ ส่วนนาย...มีหน้าที่ปรนนิบัติ หาข้าวหาน้ำให้ฉันกิน แค่นั้น โอเคมั๊ย

     

                หน้ามึนๆปนลำบากใจนั่นบ่งบอกชัดเจนเลยว่าเจ้าของห้องคงไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของผมสักเท่าไหร่ เฮ้ นายก็อย่าคิดว่าฉันอยากจะอยู่กับนายนักเลย นี่มันแค่เพราะว่าผมไม่มีทางเลือกต่างหากล่ะ ถ้ามีน่ะเหรอ...อย่าหวังเลยว่าผมจะมานั่งขอร้อง (?) หมอนี่อยู่อย่างนี้น่ะ

     

     

               

     

     

     

                ตั้งแต่เกิดมาเป็นเทวดา สาบานได้ว่าผมไม่เคยได้กลิ่นอะไรที่มันหอมยั่วน้ำลายขนาดนี้มาก่อน ถึงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ตามทีเถอะ แต่ดูจากท่าทางการกินของคนตรงหน้าแล้ว...มันคงอร่อยไม่น้อยเลยแฮะ

     

    โครกกก

     

                ทันทีที่ได้ยินเสียงท้องร้องของผม ไอ้คนที่กินเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยก๊ากเลยครับ ทำไมวะ คนหิวก็ผิดเหรอครับ ??? ยังไงก็ตาม เสียงหัวเราะของหมอนั่นทำให้ผมรู้สึกฉุนปนอายขึ้นมาเล็กๆ ผมเลยแกล้งสั่งเสียงเข้มกลบเกลื่อน แต่หมอนั่นก็ยังมิวายเดินไหล่สั่นยิกๆอยู่ดี จนผมหันไปมองตาเขียวนั่นแหละถึงได้เงียบ...แม่ ง

     

                พอชามบะหมี่ (ตามที่หมอนั่นเรียกน่ะ) มาวางอยู่ตรงหน้า ผมถึงเพิ่งรู้ว่าไอ้ ปอบลงของจริงเนี่ย มันเป็นยังไง...ฟาดเรียบเลยครับ

     

               

     

     

                เพราะผมเป็นเทวดา คงไม่น่าแปลกใช่มั๊ยที่จะไม่รู้จักเครื่องทำน้ำอุ่น ความจริงผมก็กดมั่วๆแหละ โชคดีคือน้ำมันไหลออกมา แต่โชคร้ายคือ น้ำมันร้อน...มาก!!!

     

                แต่ตอนนั้นผมคงมัวแต่ตกใจและเอาแต่โวยวาย จึงไม่ได้สังเกตว่าผ้าที่พันไว้รอบเอวมันตกไปตอนไหน กว่าจะรู้ตัวก็...นั่นแหละ...อย่าไปพูดถึงมันเลย ข้ามๆๆ -///-;;;

     

     

     

     

                ตอนที่รู้ว่าต้องนอนเตียงเดียวกันกับผู้ชายด้วยกัน...ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆสมองผมมันถึงได้คิดไปถึงเรื่องพรรค์นั้นไปได้ เฮ้ย สาบานได้ ไม่ได้ตั้งใจคิดนะ อยู่ดีๆมันก็แวบเข้ามาเองอ่ะ

     

                แต่มันก็น่าคิดอยู่นะ เตียงนั่นมันเป็นเตียงเดี่ยว กว้างพอดีสำหรับคนๆเดียว...แต่โคตรแคบสำหรับคนสองคน

     

                ...เอาเถอะ...มันก็คงดีกว่าไปนอนพื้นท่ามกลางอุณหภูมิติดลบแบบนี้แล้วกัน...

     

     

     

     

                ความคิดแรกที่พุ่งเข้ามาทันทีที่ได้ยินชื่อของคนข้างๆเป็นครั้งแรกคือ แปลกคงเพราะผมเป็นเทวดาเกาหลี (เทวดามีสัญชาติ???) ไม่ค่อยได้ยินชื่อภาษาจีนสักเท่าไหร่น่ะ

     

                พอหมอนั่นถามชื่อผม ผมเลยถือโอกาสย้อนหมอนั่นกลับบ้าง ก็หน้าเวลาโดนยั๊วของลู่หานน่ะ ตลกอย่าบอกใครเลยล่ะ...แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุเล็กๆอย่างปลายจมูกของเราสองคนมาชนกันพอดีอย่างเนี้ย

     

                ตอนนั้นมันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปล๊บผ่านร่าง ชะงักค้างไปเสี้ยววินาทีก่อนที่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนจะเข้ามาแทนที่ และผมก็ขอเดาว่าคนตรงหน้าคงรู้สึกไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่หรอก ถึงได้ตัดสินใจตัดบทสนทนาแล้วพลิกตัวหนีไปอีกข้างแบบนั้น ซึ่งก็...ดีแล้วล่ะ

     

     

     

     

                เช้าวันแรกของผมในฐานะมนุษย์ที่เกือบจะธรรมดาคนหนึ่ง (ที่ต้องเป็นเกือบก็เพราะผมยังใช้เวทมนตร์ได้อยู่ 3 ครั้งไง) อากาศหนาวมากกก~ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้วก็เหอะ

     

                บะหมี่เหรอ

     

                ผมถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันน่าจะมีอยู่อย่างเดียว ก็เจ้าตัวเค้าเล่นบอกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนี่ ความจริงรสชาติมันก็ไม่ได้ถึงขั้นย่ำแย่อะไรหรอก ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ...แต่ถ้ากินอย่างนี้ทุกวันเช้าเย็นๆ มันก็ต้องมีเบื่อบ้างแหละน่า

     

     

     

     

                ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้สังเกตเพื่อนร่วมห้องคนนี้แบบจริงๆจัง มองดีๆแล้วหมอนี่โคตรของโคตรผอมเลยนะ แบบ...ตะเกียบคู่เดินได้อ่ะ ผมว่าผมเคยได้ยินมาว่ามนุษย์เค้าอ้วนขึ้นกันไม่ใช่เหรอ ทำไมหมอนี่ยังผอมอย่างกับไม้เสียบผีอย่างนี้ล่ะ??? สงสัยเป็นเพราะกินแต่บะหมี่ทุกวันแหงๆ

     

     

                เอ๊ะ...แต่เดี๋ยวในอนาคตผมก็อาจจะต้องกินบะหมี่ทุกวันเหมือนกันนี่หว่า...หวังว่าหุ่นของผมคงจะไม่กลายเป็นแบบนั้นนะ TOT...

     

     

     

     

                ไม้กวาด...What is it ???...แต่เหมือนลู่หานจะอ่านสีหน้าอันมึนงงของผมออก ถึงได้สาธิตวิธีใช้ไอ้ไม้กวาดนี่ให้ดู เหมือนจะทำไม่ยากเท่าไหร่นะ

     

                ผมเลยออกไป กวาดบ้านด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าท่ามันต้องถูกต้อง 100%

     

                แต่ลู่หานกลับเอามือกุมขมับแล้วไล่ผมให้ไปนั่งเฉยๆซะงั้นอ่ะ! มันเสียเซลฟ์โคตรๆเลยรู้ป่ะ ไรวะ ผมก็ทำถูกท่านะเฮ่ย (?) แค่ยกไม้สูงไปนิด (?) ไม่เห็นต้องผลักไสไล่ส่งกันขนาดนี้เลยนี่หว่า

     

                เพราะงั้น ตอนที่หมอนั่นบอกให้ผม ถูพื้นผมเลยอาสาทำตอบตกลงทำด้วยความั่นใจ และหวังว่าจะช่วยกู้หน้าจากการกวาดบ้านได้

     

                ...แต่มันก็...ไม่ช่วยอะไร~...

     

                หน้าของลู่หานตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นน่ะซีดยิ่งกว่ากระดาษ ก่อนที่คิ้วของเขาจะค่อยๆขมวดขึ้นเรื่อยตามเลเวลความโกรธปนหงุดหงิด นั่นทำให้ผมต้องถีบส่งตัวเองออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว บทจะระเบิดก็น่ากลัวชิบหายเลย มนุษย์นี่ซับซ้อนจริงๆ

     

     

     

     

                เพราะคิดว่าอย่างน้อยทำผิดก็ควรจะชดใช้ความผิด ผมเลยเข้าไปนวดคลายความเมื่อยขบให้เขาสักหน่อย ขอแอบกระซิบไว้ตรงนี้เลยละกันว่าผมน่ะ...นวดไม่เป็น...ตอนนั้นก็นวดไปมั่วๆแหละ

     

                แต่เหมือนลู่หานจะยังโกรธผมไม่หายถึงได้สะบัดตัวออกแถมยังเดินหนีผมไปนอนแผ่สามสลึงบนเตียงแบบหน้าตาเฉย อะไรว้า คนเค้าอุตส่าห์นวดไถ่โทษแล้วนะเว้ย ยังไม่หายโกรธอีก...ผมชักจะฉุนแล้วเหมือนกันนะเว้ย

     

                ดังนั้นผมเลยใช้วิธี กดดันให้หมอนั่นพูดคำว่า ยกโทษให้ได้...แล้วมันก็สำเร็จซะด้วย เป็นไง ฝีมือซะอย่าง! ถึงมันจะดูไม่ค่อยจริงใจสักเท่าไหร่ก็เหอะ แต่ก็ถือว่าพูดแล้วน่า

     

     

     

     

                คงเป็นเพราะตอนที่หมอนั่นพูดถึงคนที่ชื่อ คริสแล้วมันดูน่าหมั่นไส้แปลกๆ ผมเลยแกล้งพูดแซวออกไป ซึ่งคำตอบมันก็ทำเอาผมตกใจมาก...และอยากรู้อยากเห็นมากด้วย แหะๆ

     

                ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของหมอนั่นกันแน่ ถึงจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา แต่คนที่เคาะกลับเป็นหัวข้อสนทนาไปซะงั้น

     

                ผมไม่ได้ยินหรอกนะว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน แต่รู้สึกเหมือนหน้าของคนที่ชื่อคริสเนี่ยจะแดงนิดๆนะ สงสัยจังว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ หรือว่าหมอนี่จะชอบลู่หานเหมือนกัน?!

     

                ทันทีที่ประตูปิดลง ผมก็เตรียมจะแซวต่อ...แต่กลับกลายเป็นว่าหมอนี่เขื่อนแตกซะงั้น ส่วนสาเหตุก็ไม่ใช่ใคร...ก็ไอ้คนที่เพิ่งจะเดินออกไปนั่นแหละ เฮ้อ หมอนี่มาช้าไปสินะ

     

                ชาตินี้ผมไม่เคยปลอบคนร้องไห้มาก่อน เลยทำได้แต่พูดอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกดีขึ้น แต่กลายเป็นว่าหมอนี่สวนด่าผมขึ้นมาซะงั้น!!! โคตรจุกเลย แม่ ง มาต่อยกันเลยมั๊ยวะพูดอย่างเงี้ย เด๊ยะๆ

     

                ถึงจะยั๊วะแค่ไหน แต่ผมก็ยังเป็นเทวดาผู้แสนดี (?) และเทวดาแสนดีอย่างผมไม่ควรที่จะไปซ้ำเติมคนที่กำลังอกหักอย่างคนตรงหน้านี่ ผมเลยดึงทิชชู่สองสามแผ่นส่งให้แล้วพยายามพูดปลอบใจหมอนี่ต่อไป...และเหมือนว่ามันจะได้ผล...

     

                ...เปล่าหรอก...เพราะหมอนี่ทำท่าจะเขื่อนแตกอีกรอบแล้ว =_= คราวนี้ผมเลยต้องงัดไม้เด็ดออกมาใช้...

     

                ผมไม่รู้หรอกว่าลู่หานมีสีหน้ายังไงตอนโดนผมกอดเข้าให้ อาจจะเหวอ โกรธ หรือแม้แต่ขยะแขยงก็ตาม นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมคิดว่า...ไม่รู้ดีกว่า

     

                แต่เค้าคงไม่รู้หรอกว่าผม...แอบยิ้มบางๆกับตัวเอง

     

                จะว่าไงดีล่ะ แบบ...ปากก็พูดๆไปเรื่อยแหละ แล้วก็ยิ้มไปด้วยพูดไปด้วย...ทำไมยิ่งพูดผมเหมือนยิ่งดูบ้าวะ คนอะไรพูดไปยิ้มไป แม่ ง โรคจิตแล้วหรือเปล่าวะ โอ เซฮุนเอ๊ย

     

     

     

     

                 ผมโกรธหมอนั่นจริงๆนะ ตอนที่เขากลับบ้านมาตั้งเกือบสามทุ่มโดยทิ้งให้ผมนั่งแหง่วรอกินข้าวด้วยอย่างเงี้ย!!!

     

                ก็เพราะความคิดบ้าๆที่บอกว่า ปล่อยให้หมอนั่นกินข้าวคนเดียวคงเหงาน่าดู รอกินเป็นเพื่อนแล้วกันน่ะสิ!!! ทำให้ผมนั่งหิวรอกินเป็นเพื่อนทั้งๆที่ตัวเองก็ต้มบะหมี่เป็นเรียบร้อยแล้ว

     

                แต่พอจะบอกเหตุผลที่อุตส่าห์นั่งรอจนถึงขนาดนี้ให้หมอนั่นได้ยินและซาบซึ้งในความมีน้ำใจของผม...

     

                ...ผมกลับพูดไม่ออกซะงั้น...เจริญเถอะ...

     

                ยังดีที่อย่างน้อยลู่หานก็ยังมีของมาง้อผม ถึงแม้ว่าหน้าตา รวมถึงสีที่ค่อนไปทางขุ่นๆของมันจะดูไม่น่ากินอย่างแรง แต่ด้วยความหิว ผมเลยลองดูดไปอึกหนึ่ง...

     

                ...ก่อนจะเนียนดูจนเกือบหมดแก้ว เพราะมันอร่อยโคตร! เจ้าจอร์จ!!!! ลูกค้นพบของกินที่อร่อยขั้นเทพบนโลกมนุษย์นี้แล้วครับ!!!

     

     

     

     

                สาบานได้ว่าผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมปล่อยให้หมอนั่นไปไอ้สถานที่ที่เรียกว่า ผับ’ ...อันที่จริง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสถานที่นั้นมันเป็นยังไง

     

                พอลองมาย้อนคิดๆดูก็...เออว่ะ...ทำไมผมถึงไม่อยากให้หมอนั่นไปขนาดนั้นวะ...

     

                ความจริง การอยู่ที่ห้องคนเดียวมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก เพราะผมเริ่มปรับตัวชินกับโลกมนุษย์ได้แล้ว พวกเครื่องไม้เครื่องมือในบ้านก็เริ่มใช้คล่องแล้วเกือบหมด

     

                ...เป็นห่วงเหรอ...อาจจะใช่มั้ง...ไม่รู้สิ...

     

                พอหมอนี่เริ่มพูดขอร้องมากๆเข้า จากความรู้สึกที่ไม่อยากให้ไปเฉยๆ ก็เริ่มจะกลายเป็นฉุนกึก เออ! อยากไปนักใช่ป่ะ งั้นก็เชิญไปเลยไป๊ ไปเลย ไม่ต้องมาสนหรอก ยังไงซะผมมันก็แค่ผู้อาศัยนี่!

     

                “...นายเป็นอะไร ทำไมวันนี้ทำตัวงี่เง่าเงี้ย

     

                อย่าว่าแต่ลู่หานเลย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร

     

                นายไปได้...แต่ฉันห้องไปด้วย

     

                นี่ก็เหมือนกัน อะไรทำให้ผมพูดเรื่องแบบนี้ออกป๊ายยยยยยยยย TOT

     

     

     

     

    2.00 a.m.

     

                จำไว้เลยนะ ถ้านายตื่นเมื่อไหร่ สาบานได้เลยว่าฉันเอานายตายแน่!”

     

                ผมพูดคาดโทษคนที่ยืนให้ผมประคองอยู่ข้างๆ แต่พูดไปก็เหมือนพูดคนเดียวว่ะ ก็ไอ้คนข้างๆนี่มันมีสติสตังกับเค้าซะที่ไหนกันเล่า!

     

                ตอนแรกนะบอกว่านิดเดียวๆ ไม่เป็นไรร้อกกก โอ๊ย!! ผมล่ะอยากจะบ้าตาย อยากให้หมอนี่ได้มาเห็นสภาพตัวเองตอนนี้ชะมัด

     

                “อือ~ อีกแก้วววว ม๊ายยยย มาวววววว”

     

                ว่าไปก็พยายามดิ้นๆให้หลุดจากการเกาะกุมของผม แต่มีเหรอที่คนเมาจะมีแรงมากกว่าคนมีสติเต็มร้อย แค่ผมออกแรงเพิ่มอีกนิด หมอนี่ก็เดินงอกแงกๆมาตามทิศทางที่ผมต้องการได้ละ

     

    ฟุ่บ

     

                ทันทีที่ก้าวผ่านประตูห้องเข้ามาได้ ผมก็แทบจะโยนคนข้างๆไปที่เตียงทันที ให้ตายเถอะ กลิ่นเหล้านี่มันเหม็นเอาเรื่องเลยว่ะ มนุษย์กินกันเข้าไปได้ไงเป็นขวดๆ (แบบหมอนี่ไง)

     

                งืม~ แจ๊บๆๆ

     

                เสียงครางอือออเบาๆเรียกให้ผมหันไปมองคนที่สลบไสลอยู่บนเตียงอีกครั้ง... ยี๋ คนอะไรเนี่ย นอนก็น้ำลายยืด แถมยังละเมออีก ไม่ไหวๆ

     

                ผมส่ายหัวให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ แม้ว่านี่จะเป็นเวลาตีสองกว่าๆแล้วก็ตาม โทษหมอนี่คนเดียวแหละ เลยทำให้ผมติดนิสัยรักสะอาดเกินไปมาจนได้

     

                เพราะอุณหภูมิที่ยิ่งกว่าติดลบ ทำให้ผมแทบจะวิ่งผ่านน้ำออกมา (ไหนบอกว่ารักสะอาด???) ฮ่วย ก็มันหนาวนี่หว่า ถึงจะรักสะอาดขนาดไหน เจออุณหภูมิติดลบอย่างนี้มันก็ต้องมีบ้างแหละน่า

     

                อือ ร้อน~”

     

                หืมมมม??? หนาวขนาดนี้เนี่ยนะ คนบ้าที่ไหนมันมาบ่นร้อนวะ เพี้ยนไปแล้วหรือไงกัน

     

                ผมคิดอย่างไม่ใส่ใจพลางรีบใส่เสื้ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะตามด้วยตรวจเช็คหน้าตาตัวเองในกระจกในห้องน้ำอีกครู่หนึ่ง ฮี่ๆ เป็นเทวดาก็จริง แต่ผมก็ห่วงหล่อเหมือนกันนะครับ!

     

    แอ๊ดดด

     

                ตอนแรก...ผมกะว่าจะออกมาแล้วพุ่งไปสลบบนเตียงเลย เพราะตอนนี้ความง่วงงุนเริ่มเข้ามาจู่โจมจนแทบจะทนไม่ไหว

     

                ...แต่ภาพตรงหน้า...ทำเอาผมตาค้าง...หายง่วงกันไปเลยทีเดียว...

     

                โอเค ผมรู้แล้วว่าไอ้บ้าที่ไหนมันบ่นร้อนเมื่อกี๊...

     

                ย่า!! เสี่ยว ลู่หาน นายทำบ้าอะไรของนายวะ!!!!!”

     

                ผมตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ ดังขนาดไหนน่ะเหรอครับ ดังขนาดที่ว่าสามารถทำให้คนข้างห้องตะโกนด่าด้วยความรำคาญได้อ่ะครับ

     

                แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น จุดสำคัญมันอยู่ที่คนตรงหน้าผมต่างหาก ว้ากกกกกกกกกก หมอนี่เป็นบ้าอะไรของม๊านนนนนนนนน

     

                ตอนนี้ผมกำลังชะงักค้าง ยืนมองคนตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ จิ้มลิ้มหน่อยๆ ละเมอขึ้นมาสะบัดเสื้อผ้าออกจากร่างกายตัวเองทีละชิ้นๆ โดยที่ปากยังคงพึมพำๆ บ่นร้อนๆอยู่นั่นแหละ

     

                ว้ากกกกกกกกกกก นี่ไม่ใช่เวลาจะมาบรรยายนะเว้ยยย โอ เซฮุน!!!

     

                โดยไม่ต้องอาศัยเสียงพรายกระซิบอะไรทั้งสิ้น ผมรีบวิ่งเข้าไปยั้งมือของคนที่กำลังจะถอดเสื้อกล้ามสีขาวๆ ซึ่งเป็นปราการตัวสุดท้ายก่อนจะถึงแผ่นอกขาวๆนั่น โอยย ใครบอกกันว่าคนเมามันมีแรงน้อย (แกนั่นแหละ) ตอนนี้แรงของลู่หานน่าจะมากกว่าผมสักสามเท่าได้มั้งครับ

     

                แต่ก็นั่นแหละ ผมยังคงฉุดกระชาก ขืนแรง (ควายๆ) ของคนตัวเล็กไม่ให้เลิกเสื้อของตัวเองขึ้นไปมากกว่านี้ ให้ตายเถอะลู่หาน นายจะดิ้นหาอะไรฮะ อยู่นิ่งๆสิเว้ยยยย

     

                อือ ~”

     

                บอกผมทีว่าหมอนี่เมาจริงๆ แรงโคตรพ่อโคตรแม่เยอะเลยครับผู้อ่านทุกท่าน

     

                หลังจากยื้อยุดกันมาได้เกือบๆ 5 นาที ผมชักรู้สึกว่าผิวสีน้ำนมนั่นเริ่มทำให้ตาผมพร่ามัว เอวคอดๆที่แวบไปแวบมาตามแรงดึงเสื้อของคนตรงหน้าทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอไปช้าๆ พร้อมกับสะกดกลั้นความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น หัวใจอยู่ดีๆก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ไหนจะริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เผยอขึ้นน้อยๆนั่นอีก Oh Goddd เกิดอะไรขึ้นกับผมกัน

     

                ร่างกายผมชะงักไปทันทีที่ความรู้สึกนั้นเริ่มประดังประเดเข้ามา ผมเลียริมฝีปากนิดๆอันเป็นนิสัยติดตัวที่มักทำประจำเวลาประหม่า...เอ๊ะ แล้วผมจะประหม่าทำไม งง?

     

                ดังนั้น ผมต้องจัดการเผด็จศึก (?) หมอนี่ให้เรียบร้อยก่อนที่สติสตังของผมจะล่องลอยไปมากกว่านี้ ใช่ๆ ผมคงง่วงมากเกินไปน่ะ

     

                ย่า!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะลู่หาน!!!”

     

                ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายจัดการกระชากมือของเขาออกมาจากเสื้อกล้ามสีขาวนั่นได้สำเร็จ เย่!!! สำเร็จแล้วว้อยยยยย ^O^

     

    พรืดดดด

     

                เอ๊ะ เสียงเหมือนอะไรลื่นน่ะ ???

     

                ขณะที่ผมยังคงทำหน้าเหรอหรา งงๆกับเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่อยู่นั่นเอง โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กๆ ขาวๆ ก็ทาบทับลงมา ส่งผลให้ผมเสียหลักล้มลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียง!!

     

                แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ...!!!

     

    จุ๊บ

     

                OoO!!!!!!!

     

                ปาก...ปากโพ้มมมมมมมมมมมม T^T

     

                ไม่รู้ว่าลู่หานล้มลงมาอีท่าไหน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ทำผมมึนๆไปเมื่อครู่ถึงได้ทาบทับลงมาบนริมฝีปากของผมแบบเป๊ะๆ ตาของผมเบิกกว้างด้วยความช็อกผสมตกใจ ร่างกายเหมือนถูกแช่ฟรีซไปชั่วขณะ

     

    แต๊ง! แต๊ง! แต๊ง!

     

                เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาตีสามเป๊ะๆ ช่วยดึงผมให้หลุดออกมาจากห้วงอารมณ์เหล่านั้น ไม่รู้ว่าผมกับลู่หานเรา จุ๊บกันอยู่นานเท่าไหร่ รู้แค่ว่าผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะผลักคนตรงหน้าออกไปสุดแรงจนเขาล้มไปนอนแหมะอยู่อีกฝั่งของเตียง

     

                พระเจ้าช่วย...เมื่อกี๊ผม...ผมทำอะไรลงไป...

     

                เสียงหอบหายใจแฮกๆของผมที่ดังควบคู่ไปกับหัวใจที่รัวกระหน่ำแบบไม่เป็นจังหวะก้องไปทั่วห้องพักสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กแห่งนี้ ผมแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆในขณะที่สายตาเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย

     

                ...ผม...จุ๊บ...ผู้ชายด้วยกันเอง...

     

                ...ผม...จุ๊บ...ลู่หาน...

     

                ...อย่างไม่มีรังเกียจรังงอนอะไรด้วย...

     

                ให้ตายเถอะ ถึงแม้ว่านี้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เจ้าตัวเค้าไม่ได้รู้เรื่องเลยก็ตามทีเหอะ แต่ว่ามันก็...อ่ะนะ...

     

                ผมยังคงนั่งคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย จนกระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ตอนนี้บวมแดงขึ้นมาเล็กน้อยจากการกระทำของผมเมื่อครู่...อีกครั้ง

     

                อ๊ากกกกกกกกก ไอ้อาการใจเต้นแปลกๆมันกลับมารังควานผมอีกแล้ว แม่ ง เอ๊ยยย

     

                ผมกัดฟัน กดอารมณ์พวกนั้นให้อยู่ต่ำที่สุด ก่อนจะเดินไปจัดท่านอนให้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักอย่างให้ดีๆ พร้อมกับห่มผ้าให้เรียบร้อย เพราะเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายของลู่หานตอนนี้มีแค่เสื้อกล้ามบางๆกับกางเกงขายาวเท่านั้น...เจ้าช่วย! เอาอีกแล้วครับ นี่ผมเป็นห่าอะไรวะเนี่ย

     

                ไม่ได้...ยังก็ตาม..คืนนี้ผมไม่ทางกลั้นใจนอนเตียงเดียวกับคนตัวเล็กได้แน่ๆ

     

                อือ~ เซฮุนอา~”

     

                ฮึก! ชิ บหายแล้วไง โอ เซฮุน

     

                ผมรีบถีบส่งตัวเองมาที่โซฟาพร้อมกับหมอนและผ้าห่มอีก 1 ผืนทันที ก่อนที่อะไรๆมันจะหยุดไม่อยู่ T^T ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ แน่ล่ะ เทวดาที่ไหนจะเป็นเกย์ได้วะ แต่ว่า...

     

                ..งือ...ไม่รู้แล้วโว้ยยย...

     

                พระเจ้า...ขอให้ผมสามารถผ่านค่ำคืนนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพด้วยนะครับ...

     

                ...และแล้ววว...ผมก็สามารถผ่านคืนนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                            ...ซะที่ไหนล่ะว้อยยย...

     

                ก็ลู่หานเล่นละเมอตื่นขึ้นมาจะแก้ผ้าอีกตั้ง 2 รอบ สรุปคืนนี้ไม่ต้องนงต้องนอนแล้วผม ได้แต่วิ่งไปห้ามไม่ให้ไอ้เจ้าของห้องมันทำอนาจารเท่านั้นแหละ...ทำไมชีวิตเทวดาหน้าตาดีอย่างผมมันถึงได้เศร้าอย่างนี้กันแว๊!!!!!!!!! เซฮุนไม่เข้าจายยยยยยย

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    TBC.

     

    Writer Talk

    เมื่อวันก่อนเปิดหน้าเด็กดีมา เห็นเม้นท์พุ่งจาก 4 เป็น 14 กรี๊ดดดดดดดด ดีใจว้อยยยยยย ><

    อารมณ์แบบ ปลาบปลื้มเว่อร์ๆ ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนมากๆน้าา *โค้ง*

    สำหรับตัวชมแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเขียนเก่งหรอก ออกจะไม่เก่งด้วยซ้ำไป 555

     เพราะงั้น ได้แค่นี้ก็ดีละ ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนเม้น TT ...แต่ถ้าได้มากกว่านี้ก็ดีนะ อิๆ -,-

    เปิดเทอมแล้วอ่ะ หยุดปีใหม่ 10 วันผ่านไปโคตรเร็ว แบบ...ตูยังไม่ได้พักเลยนะเฟ้ยยยย

    คาดว่าหลายๆคนคงเป็นแบบเดียวกันกับชม...ใช่มั๊ย ฮือ T^T

    เอาล่ะ ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะเบเบ๋ แล้วจะมาอัพฟิคต่อให้เรื่อยๆนะคะ บายค่า

     

    ปล ปล้ำลิง...สต๊อกหดหาย สต๊อกหดหาย ฮือ ชิ บหายแล้วกรู รีบปั่นด้วน!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×