ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ของขวัญ [HunHan Feat.KrisLay Chanbaek & Exo]

    ลำดับตอนที่ #13 : Gift 13 : พบเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 56


    21.30 p.m.

     

                จักรยานคันเล็กจอดลงอย่างนุ่มนวลหน้าอพาร์ทเมนต์...นุ่มนวลขนาดไหนน่ะเหรอ อืม...ก็แค่เบรกเอี๊ยดดดดด!!! ซะจนทั้งคนขี่และคนซ้อนแทบหัวทิ่มเท่านั่นเอง

     

                ...อันที่จริง แค่จอดแบบคนขี่และผู้โดยสารอยู่รอดครบสามสิบสองก็ถือว่านุ่มนวลสำหรับเซฮุนแล้วล่ะ ฮ่ะฮ่ะ...

     

                ไง ฉันขี่จักรยานเก่งแล้วใช่ป่ะล่ะ

     

                คนที่คิดว่าตนเก่งที่สุดในสามโลกพูดยกยอตัวเองเบาๆขณะเดินขึ้นบันได ซึ่งนั่นทำเอาผู้โดยสารหมาดๆหลุดหัวเราะก๊าก

     

                ...แน่นอนว่าทำให้คนมั่นใจในความสามารถของตนอย่างเซฮุนนั้นเสียเซลฟ์เล็กน้อย...

     

                นี่! หัวเราะอะไรฮะ

     

                “ถามได้ ก็หัวเราะนายนั่นแหละ ไอ้เทวดาบ๊อง ถ้าอย่างนายเรียกขี่เก่งนะ ฉันนี่คงจะระดับเมพแล้วเว้ย 555 เอาน่า ของแบบนี้มันต้องฝึกไปเรื่อยๆ

     

                แปลว่านายจะสอนฉันต่อไปเรื่อยๆใช่ป่ะ

     

                เหอะ

     

                สิ้นประโยคคำถาม ใบหน้าหวานๆของคนฟังก็ส่ายจนคอแทบหลุด ดึงให้ท่าทางดี๊ด๊าราวหมาน้อยของเซฮุนหลุดหายไปตามๆกัน

     

                ทำไม สอนฉันมันแย่นักหรือไงฮะ

     

                ยังมีหน้ามาถาม!!! คราวก่อนฉันไม่หอบแดกตายก็ดีเท่าไหร่แล้วโว้ยยยยยย

     

                อันนี้แค่คิดในใจ เพราะขืนพูดไปก็มีแต่จะเป็นภัยกับตัวเอง เห็นมะๆ ไม่ได้ดีแต่หน้าตา หล่อ (?) แล้วยังฉลาด ไม่มีที่ไหนในโลกอีกแล้วนะเฮ้ย!!

     

                ...ส่วนความจริงน่ะเหรอ...

     

                เปล๊า ฉันก็แค่ขี้เกียจ งานที่ร้านเยอะจะตายนี่

     

                อิโธ่ ก็แค่เด็กเสิร์ฟไม่ใช่เหรอไง ไม่เห็นดูน่าเหนื่อยตรงไหนเลย

     

                คนตัวสูงพูดอย่างไม่หยี่ระ โดยไม่ได้รู้สึกตัวเอาซะเลยว่าได้ไปสะกิดต่อมหมั่นไส้ของคนข้างๆอย่างรุนแรง

     

                งั้นเหรอออ งั้นก็ลองมาทำดูเซ่ะ!! ฉันมั่นใจเลยว่าไม่เกิน 10 นาที นายต้องร้องขอกลับแหงๆ

     

                พูดไปพลางก็ส่งสายตาท่าทางดูถูกคนข้างๆอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบหันขวับเดินลิ่วๆทิ้งห่างไปทันที ทิ้งให้คนถูกสบประมาทยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ

     

                “ดูถูกกันงั้นเหรอ เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน เจ้ามนุษย์ตัวจ้อย!”

     

                ว่าจบก็รีบก้าวฉับๆตามไป หมายจะแก้แค้นคืนให้กับคนที่กล้าพูดจาสบประมาทเทวดาผู้สูงศักดิ์ (ผู้กำลังตกอับ) เช่นเขา

     

                เดินตามมาไม่นาน ดวงตาคมก็เหลือบเห็นแผ่นหลังไวๆของคนตัวเล็กยืนอยู่บริเวณชั้นสอง  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆ เพราะชั้นนี้ไม่ใช่ชั้นที่ร่างเล็กพักอยู่ แต่เพราะความโกรธที่ถูกสบประมาทยังไม่จางหาย ทำให้เซฮุนเลือกที่จะปัดความสงสัยนั้นทิ้งไป

               

                ย่า!! เสี่ยว ลู่...

     

                หืม?! ได้งานแล้วเหรอครับที่ชางมิน

     

                ชางมิน?????

     

                อื้ม ต้องขอบใจเรามากเลยนะที่ให้พี่ยืมจักรยานเมื่อวันก่อน

     

                จักรยาน??????

     

                อ๋อ คงเป็นคนที่ยืมจักรยานของหมอนี่ไปเมื่อวันก่อนนู้นล่ะมั้ง

     

                แหม เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เองพี่ ช่วยๆกัน

     

                อืม ยังไงก็ต้องขอบใจเราอยู่ดีนั่นแหละ ไว้ว่างๆเดี๋ยวป๋าคนนี้เลี้ยงข้าว ว่าแต่... ชางมินว่าพลางทอดสายตายาวเลยไหล่คนตัวเล็กไปอีก จนถึงมุมมืดใกล้ๆบันได ก่อนจะหันมาพูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน “...เรารู้จักคนนั้นหรือเปล่าลู่หาน พี่เห็นเค้ายืนมองเราตั้งนานละ

     

                ???

     

                ลู่หานเอียงคอน้อยๆด้วยความงงงวย ก่อนจะหันไปมองตามทิศทางที่ชายหนุ่มบอก

     

                เฮ้ยยยยยยยยย

     

                เซฮู๊นนนนนนน ไปยืนทำด้อมๆมองๆอะไรตรงนั้นฮะ!! มานี่เลยๆ

     

                พูดเสียงดังพลางเดินไปฉุดกระชากลากถูคนยืนด้อมๆมองๆให้เดินตามมา ปากก็พูดบ่นๆ ไปไม่หยุดปาก

     

                ขึ้นมาแล้วทำไมไม่บอก ไปยืนตรงนั้นทำไมฮะ มืดก็มืด ถ้ามีใครเห็นแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นโจรเป็นผีจะทำไง นายอยากติดคุกเหรอ! แล้วถ้านายเกิดตกบันไดหัวทิ่ม คอหักตายขึ้นมาจะทำยังไงฮะ ไอ้...

     

                นี่นายแช่งฉันเหรอ! เรื่องเมื่อกี๊ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะ

     

                เรื่องอะไร??? อ๋อ ก็มันจริงนี่หว่า แน่จริงนายก็ลองไปทำดิ เอาดิๆๆ

     

                อย่าท้านะ!”

     

                กลัวหรือไง?? โด่ๆๆ...เอ่อ พี่ชางมิน คนนี้เป็นเพื่อนผมเองครับ พอดีผมแชร์ห้องกับเค้า...นี่ เซฮุน ทักทายสิ!”

     

                ลู่หานรีบอธิบายเมื่อเห็นว่าบุคคลที่สามในสถานที่นี้มีสีหน้างงๆ ก่อนจะหันไปเอ็ดเทวดาร่างสูงที่ยังคงอารมณ์บูดไม่หาย

     

                ฉันทำเพราะฉันมีมารยาทหรอกนะ ไม่ใช่เพราะคำสั่งของนาย จำไว้ด้วย หันไปกระซิบเสียงเบาแต่น้ำเสียงกลับห้วนอย่างคาดไม่ถึงกับคนข้างๆ ก่อนจะหันมายิ้มตามมารยาทกับคนตรงหน้า

     

                สวัสดีครับ ผมโอ เซฮุน ยินดีที่ได้รู้จักครับ

     

                อาจเพราะน้ำเสียงที่แสนสุภาพในแบบที่ร่างเล็กไม่เคยได้ยินมาก่อน ลู่หานจึงแอบหันไปโก่งคออ้วกด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะตามมาด้วยมะเหงกเบาๆจากตัวต้นเหตุนั่นเอง

     

                เฮ้ย ไม่ต้องมีพิธีรีตองขนาดนี้ก็ได้ สบายๆน่า ฉันชิม ชางมิน ยินดีที่ได้รู้จัก...เออใช่!!”

     

                ด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งหันไปค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าสะพายของตน ก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับใบปลิวแผ่นหนึ่ง

     

                อะไรเนี่ยพี่

     

                ร้านของคนรู้จักน่ะ มันฝากมาโปรโมท เห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่นะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไว้ว่างๆลองไปดูสิ พี่ลองไปครั้งนึงละ ไม่ใช่เล่นๆ

     

                พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งจะขอตัวไปก่อนเพราะต้องกลับไปทำงาน...แน่นอนล่ะว่าต้องสร้างความสงสัยให้กับผู้ฟังทั้งสอง

     

                ...งานบ้าอะไร ไปทำตอนเกือบสี่ทุ่มเนี่ยนะ???...

     

                แต่กว่าจะได้ถามให้หายข้องใจ ร่างสูงเจ้าของสีผิวเข้มก็หายไปจากสายตาซะแล้ว แหม่ ท่าทางจะรีบจริงจัง

     

                งานอะไรของเค้ากันน้า เฮ้อ ช่างมันเหอะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงาน...ป่ะ เซฮุน กลับห้องกัน

     

                ... <<<ไร้สัญญาณตอบรับจากดาวแม่

     

                เซฮุน

     

                ... ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดด

     

                ไอ้เทวดาบ้องตื้น!!! มานี่สิเว้ยยยยยย

     

                ..อะไร จะตะโกนทำไมเนี่ย! ตกใจหมด

     

                นายนั่นแหละเป็นอะไร ฉันเรียกไม่เห็นจะตอบ ฮะ มัวแต่ดูอะไรอยู่

     

                ลู่หานว่าพลางมองใบปลิวที่ชางมินเพิ่งให้มาด้วยความสงสัย เพราะเห็นว่าเทวดาหนุ่มยืนจดจ้องอยู่ตั้งนานสองนาน

     

                ไวเท่าความคิด มือเล็กฉวยเอากระดาษแผ่นนั้นจากมือของเทวดาหนุ่ม กวาดสายตาอ่านรายละเอียดและดูรูปภาพคร่าวๆ

     

                ...ก็ไม่เห็นจะมีอะไร ก็แค่ร้านกาแฟผสมเบเกอรี่ธรรมดาๆ ไม่ต่างจากร้านที่เขาทำงานอยู่สักเท่าไหร่...

     

                ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่

     

                ...งั้นมั้ง

     

                พูดไปพลาง ตาก็ล่อกแล่กๆไปมาอย่างคนกำลังพูดในสิ่งที่ใจไม่ได้คิด ลู่หานเอียงคอมองท่าทางคนตรงหน้าก่อนจะลอบยิ้ม

     

                ...นั่นแน่ อยากไปอ่ะดิ

     

                ...เปล๊า...

     

                “แล้วทำไมต้องเสียงสูง

     

                ...เปล่า

     

                แหม พอบอกไม่ให้ขึ้นสูง พี่แกก็เล่นซะต่ำติดดิน ชนิดเสียงเบสในวงประสานเสียงยังอาย คิดเอาละกันว่ามันจะต่ำขนาดไหน...และทำให้ลู่หานต้องใช้ความสามารถขนาดไหนที่ต้องกลั้นยิ้มกลั้นหัวเราะกับความมีอีโก้สูงของคนตรงหน้า

     

                อืมมม แต่จะว่าไปก็น่าไปลองอยู่นะ เค้กน่ากินไม่หยอก

     

                จริงอ่ะ

     

                แหน่ะๆ ไหนบอกไม่อยากไปไม่ใช่เหรอไง

     

                ก็...นั่นแหละน่า แต่ว่า...ไปจริงๆนะ

     

                ไปไหน???

     

                เอ๊า ก็เมื่อกี๊นายบอกว่าอยากลองไปกินไม่ใช่เหรอ

     

                ฉันบอกว่าน่าลอง ไม่ใช่จะไปสักหน่อย

     

                เท่านั้นแหละ คนที่กำลังจะอ้าปากเถียงต่อก็เป็นอันต้องกลับไปสงบเสงี่ยมดังหมาหงอยอีกครั้ง ลู่หานมองภาพนั้นพลางกลั้นยิ้ม ก่อนจะตีหน้านิ่ง

     

                ก็ได้...ไหนๆพี่ชางมินก็อุตส่าห์แนะนำมา ไปลองกินดูก็ไม่เสียหลาย

     

                ว่าไปพลางก็แอบเหล่ตามองคนหูลู่หางตกอยู่ข้างๆที่เกือบจะแสดงสีหน้าดีอกดีใจ แต่พอเห็นตาโตๆที่มองมาแบบล้อๆ คนมีมาดก็แกล้งทำเป็นกระแอมกระไอ เฉไฉไปเรื่องอื่นทันที

     

                ก็ดี ลงมาข้างล่างนี่ตั้งนาน น่าเสียดายที่ต้องมาอยู่กับคนขี้งก เลยไม่ค่อยได้ออกข้างนอก ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็น่าจะดี

     

                ไอ้....ไอ้นี่!!! หลอกด่ากันงั้นเหรอ!!!!!!!!!!

     

                “ฮ้าวววว ชักง่วงแล้วล่ะ กลับห้องเถอะลู่หาน

     

                เซฮุนแกล้งทำเป็นเหมือนง่วงเสียเต็มประดา แต่ริมฝีปากกลับยกขึ้นยิ้มเยาะร่างเล็กที่ยืนถลึงตาใส่เขา ถ้าหากสายตาคมดั่งใบมีด เซฮุนคงจะถูกมีดนั้นทั้งฟันทั้งแทงเป็นแน่

     

                เดี๋ยวนี้ชักปีกกล้าขาแข็งนะ ไอ้เทวดา

     

                อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน!!!!!

     

     

                ว่าแต่....

     

                ...หมอนี่หาเรื่องให้เราเสียตังค์อีกแล้วสินะเนี่ยยยยย แมร่งงงงงงง...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    @Super Baker

     

                ชักช้าอยู่ได้ลู่หาน เร็วๆสิ

     

                คนบอกว่าไม่อยากมา (ย้ำว่าไม่อยากมา) พูดเร่งคนตัวเล็กที่กำลังจอดจักรยานอยู่ด้านหลัง ลู่หานย่นจมูกด้วยความหมั่นไส้ ทำปากขมุบขมิบ แขวะเทวดาร่างสูงที่ยืนกวักมือเร่งให้ตามมาอยู่หน้าร้าน

     

                ไหนบอกไม่อยากมาๆ พอเราถามก็บอก เปล่าๆ อิโธ่ น่าหมั่นไส้เป็นบ้า ทำเป็นกลัวเสียเซลฟ์ ชิ

     

                มัวบ่นอะไรอยู่ได้ รีบมาได้แล้วน่า

     

                นี่!! ฉันไม่ใช่คนใช้นะเว้ยย สั่งอยู่ได้ นายนั่นแหละ เป็นคนขี่แท้ๆ ทำไมถึงไม่เป็นคนเก็บฮะ ชิ

     

                ประโยคหลังร่างเล็กพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินตามร่างสูงที่ยืนรออยู่แล้วเข้าไปในร้านพร้อมๆกัน

     

                สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นหอมน่าลิ้มลองของเมล็ดกาแฟสดๆ ผสมกันอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมหวานของขนมเบเกอรี่ทั้งหลายแหล่ที่ไม่เพียงมีกลิ่นชวนฝัน หากแต่หน้าตาก็ชวนให้ลิ้มลองไม่ต่างกัน

     

                หอมจังเนอะ ลู่หาน ร้านที่นายทำงานมีกลิ่นหอมๆแบบนี้ด้วยมั๊ยเนี่ย

     

                ...งั้นมั้ง

     

                คำถามจากร่างสูงถูกคอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ เรียกความไม่พอใจให้กับเทวดาหนุ่มได้เล็กน้อย แต่เพราะบรรยากาศสบายๆชวนผ่อนคลาย ทำให้ความรู้สึกนั้นเป็นอันต้องถูกปัดทิ้งไป

     

                “อ้าว ยินดีต้อนรับครับ

     

                เสียงที่แฝงไปด้วยความขี้เล่นเล็กๆดังขึ้นมาจากร่างที่เพิ่งออกมาจากห้องครัวหลังร้าน ในมือถือขนมปังถาดใหญ่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตรที่โปรยอยู่ทั่วใบหน้า ดูๆไปแล้วก็ไม่ต่างจากคุณลุงอารมณ์ดีคนหนึ่งเท่านั้น

     

                แต่...

     

                ...แต่ทำไมมันถึงได้คุ้นหน้าแปลกๆวะเนี่ย...อย่างกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อ...!!!

     

                สักครู่นะครับ...ซองมิน!! ซองมินเอ้ย!! ออกมารับลูกค้าหน่อยลูก!”

     

                สิ้นเสียงเรียก ร่างเล็กๆในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูแหววก็วิ่งดุ๊กๆออกมาจากครัวหลังร้าน  ใบหน้าแม้จะเปื้อนคราบแป้ง คราบครีมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารัก น่าชม น่ามองของร่างตรงหน้าลดลงไปได้เลย

     

                ...เอาอีกละ...คุ้นอีกละ...อย่างกับว่า เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอย่างนั้นแหละ

     

                            ...อืมมมมม...

     

                มาแล้วครับๆ อ่า รับอะไรดีครับ ทางร้านเราขอแนะนำ...

     

    ติ๊ง!!!!!!

     

                พี่ซองมิน!!!”

    ต่อค่ะ

    ครับ???

     

                คนถูกเรียกพูดเอ่ยถามขึ้นงงๆ เมื่อเห็นว่าอยู่ดีๆคุณลูกค้าก็โพล่งชื่อของเขาขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ดวงตาโตราวกระต่ายป่ามองคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนดวงตาที่โตอยู่แล้วจะโตขึ้นกว่าเดิมอีกราว 2 เท่า!

     

                อาลู่!! อาลู่นี่นา

     

                พี่ซองมินนนน

     

                ลู่หานนนนนนน

     

                ร่างเล็กสองร่างพุ่งเข้าชาร์จใส่กันโดยไม่แคร์สายตางงงวยของเทวดาหนุ่มในที่นั้นเลยสักนิด ต่างฝ่ายต่างกอดกันกลม ราวกับไม่ได้เห็นหน้ากันมาสักสามชาติ

     

                ซองมิน...อ้าว นั่นไปกอดกับใครนะ นอกใจไอ้หนุ่มคยูหรือไง หืม??

     

                ไม่ใช่สักหน่อย พ่ออย่าใส่ไฟดิ สร้างความร้าวฉานให้ลูก เดี๊ยะๆ คำพูดเหมือนจะเอาเรื่อง แต่เมื่อมาอยู่คู่กับเสียงหวานแบบนี้ ใครจะไปโกรธลง เนอะๆ นี่พ่อ พ่อจำไม่ได้จริงๆเหรอ นี่อาลู่ไง ลู่หานอ่ะ คนที่เคยอยู่ข้างๆบ้านเราไง!”

     

                ชายวัยกลางคนยืนเพ่งมองหน้าของคนถูกพาดพิงชื่ออยู่ครู่หนึ่ง แต่เหมือนจะมองไม่ชัดตามสังขารคนเริ่มมีอายุ (ฉึก แรว๊งงง) ทำให้ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายืนตรงหน้าลู่หาน

     

                โอ๊ะ!!! อาลู่หาน!!! อาลู่หานที่อยู่บ้านข้างๆ ที่เชจูใช่มั๊ย!!!”

     

                ฮะ ลุงมินอู ไม่ได้เจอตั้งนานเลย สบายดีมั๊ยฮะ

     

                ดีสิไอ้หลานชาย มาๆๆ นั่งก่อนๆ

     

                ลี มินอูว่าพลางดึงให้อดีตเพื่อนบ้านนั่งลง ณ ตอนนั้นเอง พ่อลูกตระกูลลีก็เพิ่งจะสังเกตได้ว่าในที่นั้น ยังมีบุคคลที่ 4 อยู่อีก 1 คน

     

                อ๋อ คนนี้ โอ เซฮุน ฮะ เป็น...เป็นเพื่อนผมฮะ นี่เซฮุน นี่ลุงมินอูกับพี่ซองมิน ทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนบ้านฉันที่เชจูน่ะ รู้จักกันไว้ดิ

     

                ร่างสูงทักทายผู้สูงวัยกว่าทั้งคู่อย่างเก้ๆกังๆ หลังจากอาหารทั้งเค้ก ทั้งกาแฟมาวางเรียงกันพร้อมหน้าบนโต๊ะตัวเล็ก เซฮุนก็ถูกปล่อยให้กลายเป็นบุคคลส่วนเกินของวงสนทนาไปในบันดล เพราะลุงๆหลานๆเค้าก็อยากจะคุยถามสารทุกข์สุขดิบ อาทิเช่น...

     

                อาลู่มาอยู่โซลตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่มีบอกกันบ้างล่ะ แล้วพักอยู่ที่ไหนเนี่ย

     

                ผมอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แถวนี้แหละฮะ

     

                แล้วเป็นไง ห้องพักสุขสบายมั๊ยลูก

     

                ก็ดีฮะ

     

                แล้ว...

     

                นี่พ่อ ทีผมมาอยู่โซลไม่เห็นจะถามถี่ยิบขนาดนี้มั่งเลย ลำเอียงนี่หว่า ผมเป็นลูกพ่อนะ!”

     

                ถึงลูกแท้ๆจะพูดขนาดนี้ก็ตาม ก็ไม่อาจนำพาชายหนุ่มสูงวัย (ฉึก) ที่กำลังออกอาการเป็นห่วงลูกเพื่อนสนิทอย่างออกนอกหน้าให้กลับมาสนใจตนได้เลย ซองมินฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นบุคคลภายนอกที่กำลังละเลียดชานมไข่มุกของโปรดอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เงียบๆ แต่หน้าเงี๊ยะ ฟินนนนน~ เชียะ

     

                นี่ๆ นายชื่อโอ เซฮุนใช่มั๊ย พี่ชื่อลี ซองมิน อายุ 27 อย่าหาว่าแก่ ขอร้อง อยู่กับพี่ไม่ต้องเกร็.นะ สบายๆ เออใช่ แล้วนี่อายุเท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย? เฮ้ยยยย ตื่นยัง ทำหน้ามึนใส่พี่อยู่ได้ ส่งสัญญาณหาดาวแม่อยู่หรือไง

     

                ...เปล่า!...ตรูตามที่เอ็งพูดไม่ทันต่างหากล่ะเฟ้ย คนอะไร พูดเป็นหูดับตับไหม้ (หือ??? เปรียบเปรยอะไรของแกฮะ เน่ฮุนนนน)

     

                ประโยคด้านบนนั้นทำได้เพียงคิดในใจ มิเช่นนั้นอาจได้รับอันตรายจากกระต่ายข่วนได้ (ข่วน?) เซฮุนปั้นหน้ามึนๆของตนให้กลับมาเหมือนคนปกติ เรียบเรียงคำพูดของแม่กระต่ายป่าตรงหน้าสักครู่ ก่อนจะตอบไป

     

                ผมอายุ 22 ครับ

     

                อ้าว ยังเรียนอยู่นี่ แล้วทำไมไม่ไปเรียน อย่าบอกนะว่าโดดเรียนมา???

     

                อ่า...คือ...ผมเรียนจบแล้วน่ะครับ พอดี...เอ่อ...เรียนเร็วนิดนึงน่ะครับ

     

                อ๋ออออ อย่างนี้นี่เอง

     

                เทวดาหนุ่มแอบปาดเหงื่อหลังจากที่คนตรงหน้าดูเหมือนจะเชื่อคำแถจนสีข้างถลอกเหวอะหวะของตนจนสนิทใจ จึงไม่ถามอะไรต่ออีก

     

                นั่งจ้อนั่งเม้าท์กันได้อีกไม่เท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์ก็เรียกให้หนุ่มอาวุโสสุดในกลุ่มให้จากไป ก่อนจะกลับมาพร้อมกับบอกว่าจะออกไปธุระข้างนอกสักพัก

     

                ดูร้านได้นะซองมิน

     

                แน่นอนอยู่แล้วฮะ แค่นี้ ซำบายมั่กๆ

     

                เออใช่ แล้วไอ้หนุ่มคยูที่มันบอกจะมาช่วยเราล่ะ ยังไม่เห็นมาเลย

     

                คนหน้าอ่อนกว่าวัยเงียบไปหลังจบประโยคคำถามของผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเบ้ปากเล็กๆอย่างหมั่นไส้พร้อมๆกับตอบไป

     

                ...ไม่ต้องห่วงฮะ ไอ้เด็กนั่นมันคงไม่มาแล้วล่ะ ร้านผมดูแลได้แน่นอนฮะ ตามสบายเลยพ่อ

     

                เดินไปส่งผู้เป็นพ่อที่หน้าร้าน แล้วเดินกลับมาหาคนอายุน้อยกว่าทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านใน พร้อมกับทำปากขมุบขมิบๆ เหมือนกำลังบ่น...หรือไม่ก็กำลังสาปส่งใครสักคน

     

                เฮอะ ป่านนี้คงไปซุกอยู่กับสาวแหง อย่าให้จับได้นะไอ้หมาหัวงู พ่อจะจับฆ่าล้างบางซะให้เข็ด

     

                แต่เหมือนจะบ่นดังไปสักหน่อย คนอายุน้อยกว่าที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาถึงได้แอบทำหน้าผวาดผวาเล็กๆ

     

                พี่พูดถึงใครเหรอฮะพี่ซองมิน ทำไมขู่ซะน่ากลัว

     

                เพราะความอยากรู้อยากเห็นเป็นเหตุ ทำให้ลู่หานเผลอหลุดปากถามออกไป และทันทีที่ได้เห็นพี่ชายสุดน่ารักในโหมด ดาร์กซองมินที่ไม่ค่อยโผล่ออกมาให้เห็นบ่อยนัก ลู่หานก็แทบจะตบปากตัวเองให้บวมกันไปข้าง

     

                ...ขอสามคำ...กด...ดัน...โคตร!!!...

     

                ...ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...หมาตัวหนึ่งที่กำลังจะชะตาขาดน่ะ หึๆ

     

                จบคำพูดพร้อม option เสริมเป็น รังสีดาร์กที่เหมือนจะแพร่กระจายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ถามว่าน่ากบัวขนาดไหนน่ะเหรอ ก็ขนาดที่ว่าเทวดาหนุ่มอย่างเซฮุนที่แม้จะเคยสัมผัสรังสีอันน่ากดดันแบบนี้แล้วครั้งเมื่อไปทัวร์นรกเมื่อสองสามปีก่อนยังอดขนลุกไม่ได้เลยน่ะเซ่!

     

                ...รังสีท่านลอร์ดในนรกยังชิดซ้าย ยิ่งรังสีความพิโรธของท่านพ่อในขั้นแม็กซ์ยังต้องรีบชิดขวาอย่างรวดเร็ว...

     

                ...แล้วอย่างนี้คนธรรมดา ธรรมดิ๊วอย่างลู่หานจะไปเหลืออะไรล่ะค๊าบบบบบบบบ...

     

                ...ให้ตาย สงสารบุคคลผู้โชคร้ายคนนั้นจริงๆ...

     

    กรุ๊งกริ๊ง

     

                เสียงกระดิ่งหน้าประตูเรียกให้บุคคลทั้งสามหันไปมอง และแทบจะหันกลับมาในทันที...อ่อ ยกเว้นไว้คนนึงนะ

     

                ปี๊บๆ ส่งสัญญาณจิตถึงเซฮุน

     

                นี่ ฉันว่าเราน่าจะเตรียมจองโลงไว้เลยดีมะ

     

                ปี๊บๆ ส่งสัญญาณจิตถึงลู่หาน

     

                จะบ้าเหรอ ไม่ต้องจองโลงแล้ว ฉันว่าระดับเนี้ย เตรียมสวดศพเลยเถอะ

     

                ปี๊บๆ ส่งสัญญาณจิตถึงเซฮุน

     

                ไอ้บ้า นี่นายคิดว่ามันตลกนักใช่มั๊ยเนี่ย     

     

                ปี๊บๆ ส่งสัญญาณจิตถึงลู่หาน

     

                เปล่าตลกสักหน่อย นายไม่เห็นรังสีดาร์กของพี่ซองมินหรือไง ฉันว่านะ...คนคนนั้นน่ะ ไม่ชะตาขาดก็ปางตายนั่นแหละ

     

                ปี๊บๆ ส่งสัญญาณจิตถึงเซฮุน

     

                นี่นายเป็นเทวดานะ ทำไม...

     

                ซองมินนนน ไม่เจอตั้งนาน คิดถึงจัง มาให้ผมกอดหน่อยสิคนดี

     

                ตู๊ดดดดดดดดด สัญญาณถูกตัด ณ บัดนาว

     

                อนึ่ง การส่งสัญญาณทางจิตนี้ถือกำเนิดขึ้นจากรังสีดาร์กที่แพร่กระจายอย่างรุนแรงของซองมิน ทำให้ไม่มีใครสักคนกล้าเปิดปากพูด

     

                อนึ่งสอง สัญญาณจิตถูกตัดเนื่องจาก ปัจจุบัน รังสีดาร์กได้วิวัฒนาการเป็น รังสีโคตรมหาดาร์กเป็นที่เรียบร้อย

     

                อนึ่งสาม บุคคลผู้มาใหม่...อาจตายโดยไม่รู้ตัว

     

                ซองมิ...

     

                คุณเป็นใคร

     

    ตึง!!!!!!!

     

                ความรู้สึกว่าถูกหินหนักๆทับมันเป็นยังไง โจว คยูฮยอนก็เพิ่งจะได้สัมผัสเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วตั้ง 25 ปี

     

                ...

     

                อยู่ดีๆมากอดกันแบบนี้...ไม่กลัวตายเหรอ

     

                ...

     

                ว่าไง จะปล่อยได้หรือยัง หรือจะให้ผมโทรแจ้งตำรวจจับคุณข้อหาทำอนาจาร

     

                ซองมินอา ฉันคยูไง คยูฮยอนอ่ะ แฟนนายไง

     

                ผ่าง!

     

                ผ่าง!!!

     

              ผ่าง!!!!!!

     

                คราวนี้ถึงตาผู้ฟังอย่างลู่หานช็อคบ้าง อั๊ยย่ะ แฟน!!! ผ...ผู้ชายคนนี้...คือ...คือแฟนพี่ซองมินที่เขาเคารพรักเหรอเนี่ย!!!

     

                เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยมีแฟน โดยเฉพาะผู้ชายหมาๆ หน้าปลาไหล จอมไหลลื่น มีกิ๊กเป็นหมื่นเป็นแสน คะแนนความกวนตี นเต็มล้านอย่างคุณ!!!!!!”

     

                อึ้งไปกับคำด่าอย่างมีชั้นเชิงได้ไม่นาน ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าแม่กระต่ายป่าโหมดดาร์กได้ระเห็จระเหิน เดินก้าวฉับๆเข้าไปหลังร้านเป็นที่เรียบร้อย ร้อนถึงแฟนหนุ่มที่ต้องรีบเดินดุ่มๆตามไปง้ออย่างด่วนๆ

     

                แหม่ แม้แต่ขนาดด่ายังเป็นคำคล้องจอง น่าให้คะแนนวิชาภาษาไทย (?) เต็มร้อยจริงๆเลยพี่ซองมิน
     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    TBC.

    Writer Talk

    มาต่อแล้วจ้าาาา พร้อมๆกับเปิด 3 ตัวละครใหม่ (ซึ่งอาจไม่ค่อยมีบทบาทนักในบทต่อๆไป แฮ่ๆ) ลุงมินอู ณ ชินฮวา พี่ซองมินและคุณชายโจว ณ ราชวงศ์ลิงเค่อะ อิๆ

     

    รีดเดอร์รู้มั๊ยว่าเพลง Mama มันมีอาถรรพ์แหละ -.,- เพราะเวลาแต่งฟิคชมจะเปิดเพลงไปด้วยใช่ป่ะ ที่เนี้ย บางทีหัวมันไม่แล่นไง แต่พอเปิดมาม่านี่แบบ ลื่นปรื๊ดลื่นปรื๊ด 555 ทุกครั้งเลยด้วยนะ แบบ...สุดยอดมาก 555

     

    ไปละค่ะ ขอให้รีดทุกคนมีความสุขกับการอ่านน้า เพราะชมเองก็มีความสุขกับการเขียนเรื่องนี้เหมือนกัน ฮี่ๆ สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณุกคนที่เข้ามาชม มาเม้นท์ มาแอด Fav นะคะ เป็นกำลังใจได้มากเลย ไฮ่ย่า!!

     

    อ้อๆ เกือบลืมแหน่ะ Happy Birthday นะคะ Kim Minsuk มีความสุขมากๆนะพี่ชาย สุขภาพแข็งแรงๆ เป็นเปาน้อยๆ น่ารักๆของพวกเราตลอดไปน้าาา แล้วก็ขอโทษด้วยที่น้องสาว (?) คนนี้มาอวยพรช้า (มาก) แฮ่ๆ แต่ก็ดีกว่าไม่มานะ อิๆ

     


























    แหม่ คนอาร๊ายยยยย น่ารักจีๆ คิๆ (รูปนี้ทำร้ายพี่หมินป่ะเนี่ย อิๆ)


     

    ไปแล้วจ้า บ๊ายบาย เจอกันตอนหน้าน้า ม๊วฟฟฟ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×