ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ของขวัญ [HunHan Feat.KrisLay Chanbaek & Exo]

    ลำดับตอนที่ #11 : Gift 11 : มึน & อาซ้อ?!

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 56


                ลู่หานตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการปวดหัวและง่วงนอนสุดจิต จะไม่ให้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ก็ในเมื่อคืนที่ผ่านมา กว่าจะข่มตาให้หลับได้จริงๆนี่ก็ปาไปเกือบๆจะตีห้าได้มั้ง เรื่องนู้นเรื่องนี้ตีรวนในสมองเต็มไปหมดจนแทบนอนไม่ลง จะนอนดิ้น พลิกไปพลิกมาก็ไม่กล้าเพราะมีคนนอนด้วย

     

                จะว่าเครียดเพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆให้ผู้ชายด้วยกันก็ไม่ถูก เพราะในอดีตก็เคยแอบนิยมชมชื่นในตัวคนห้องข้างๆอยู่ถึงขั้นละเมอเพ้อพก ก็ไม่เห็นว่าจะเครียดหัวแทบแตกขนาดนี้ จะว่ากลัวตัวเองแปลงเพศเป็นหนุ่มสวยก็ไม่เชิง เพราะจิตใต้สำนึกยังไงมันก็บอก...กูแมนเว้ยครับ

     

                อาจจะเป็นเรื่อง...กลัวใจตัวเอง...

     

                พอลองมาคิดย้อนดูดีๆ ไอ้เทวดาหน้าหล่อนี่มันเล่นทำเขาแอบใจแกว่งตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า ก่อนจะขยันให้หัวใจเขาออกกำลังกายหนักขึ้นทุกวันๆ วันละนิดวันละหน่อย

     

                ...ไม่ๆๆๆ...มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอกลู่หาน...มันก็แค่...ก็แค่...งื้ออออ ///

     

                จะนอนดีดดิ้นไปถึงไหนฮะ สายโด่งป่านนี้แล้ว ไม่ไปทำงานหรือไง

     

                เสียงเรียบๆจากด้านบนเรียกให้คนที่ตื่น (นาน) แล้ว แต่มัวเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า

     

                ...เมื่อกี๊เซฮุนพูดว่าอะไรนะ...อะไรสายๆ???...

     

                หืมมม นายว่าไงนะเซฮุน

     

                ว่าไปก็ขยี้ตาอ้าปากหาวหวอดๆอย่างคนเพิ่งตื่น

     

    เพี๊ยะ

     

                โอ๊ยย นายตีมือฉันทำไมฮะ ไอ้เทวดาบ้า

     

                โวยวายลั่นทิ้งคราบคนเพิ่งตื่นไปเรียบร้อยเมื่ออยู่ดีๆคนตรงหน้าก็คว้ามือของเขาไปตีซะงั้นอ่ะ แถมไม่ใช่เบาๆนะเฮ้ย เจ็บคร้าบบบบ

     

                อย่าขยี้ตาดิ ไม่ดีไม่ใช่เหรอไง เดี๋ยวก็ตาแดง

     

    ตึกตักๆ

     

                ตาฉัน..ตาฉันมันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉันโว้ยยยยย

     

                ลู่หานรีบโวยวายกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากที่คิดว่ามันจางหายไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน แต่...ให้ตาย...!!!!

     

                ...จะขยันให้ไอ้หัวใจบ้านี่ออกแรงมากไปถึงไหนฮะ ไอ้เทวดาบ้า โรคจิต!!!...

     

                คิดในใจพลางเดินปึงปังไปหยิบผ้าเช็ดตัว เตรียมไปทำธุระในห้องน้ำ ดวงตากลมโตเสไปมองนาฬิกาที่ผนังห้องแวบหนึ่งเพื่อกะเวลาอาบน้ำ ก่อนจะ...

     

    9.30 a.m.

     

    ตึง!!!!

     

                ขอสองคำ...

     

                ชิ บ หาย!!!!!!!!

     

                เฮ้ยยย สายโด่งขนาดนี้แล้วเหรอวะเนี่ย

     

                ก็เออดิ ขี้เกียจตัวเป็นขนจริงๆเลยนายนี่

     

                ก็เพราะใครล่ะโว้ยยยยยย

     

                อยากจะตะโกนด่าออกไปให้หายเหลืออด แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่งั้นมีหวังต้องถูกถามซอกแซกกลับมาแหงๆ

     

                ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนฮะ ว่ามันสายโด่งป่านนี้แล้ว

     

                ฉันบอกแล้วเหอะ ตอนปลุกไง

     

                เออว่ะ ลืมไป...

     

                หลังจากลองชั่งน้ำหนักอย่างลวกๆ ระหว่างรีบอาบน้ำแต่งตัวดิ่งไปทำงานกับยืนต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้า ดูๆแล้วอันหลังมันคุ้มกว่าสักสามสิบสี่สิบเท่าได้ ลู่หานจึงได้แต่รีบเปลี่ยนร่างกายให้ใส่เกียร์หมา รีบชิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างไวยิ่งกว่าความเร็วแสง ในใจสบถด่าเทวดาหน้าหล่อและสถานการณ์นี้ไว้อย่างพอหอมปากหอมคอ

     

                ว่า...

     

                เชี่ ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

                เดี๋ยว!”

     

                ขาสองข้างที่กำลังใส่รองเท้าคู่ใจอย่างลวกๆชะงักไป ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนเรียกด้วยสีหน้ายุ่งๆ ดูแวบเดียวยังมองออกเลยว่ารีบจัด

     

                ไม่รีบได้ไง เข้างานสายมายี่สิบนาที แถมอีกสิบนาทีจะเปิดร้านแล้วด้วย อ๊ากกก ตรูอยากจะบ้าตาย!!!

     

                อะไร

     

                นาย...เอ่อ...ขี่จักรยานไปร้านใช่มั๊ย

     

                เออ...นี่! มีอะไรก็ช่วยรีบๆพูดมาได้มั๊ยวะ เห็นมั๊ยเนี่ยว่าฉันรีบ!”

     

                ก็...แบบว่า...เดี๋ยวขี่ไปส่ง

     

                เกิดความเงียบปกคลุมระหว่างคนสองคนราวสองวินาที ก่อนจะตามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดปนหวั่นกลัวน้อยๆของลู่หาน

     

                ไม่มีวัน!!! ถ้านายไปส่ง ฉันน่ะถึงแน่...ถึงนรกล่ะสิ!!”

     

                เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย อย่างน้อยเมื่อวานฉันก็พานายกลับมาที่อพาร์ทเมนต์ได้อย่างปลอดภัยนะเว้ย

     

                เหรอออ ฉันเพิ่งรู้ว่าไอ้การเกือบแหกโค้งไปซะ 3 รอบ เฉียดตายศพไม่สวยไปเกือบ 2 รอบ หวิดล้มไปอีกไม่ต่ำกว่า 10 รอบนี่เรียกว่าปลอดภัย

     

                นายอยากตายจริงๆใช่มั๊ยฮะเสี่ยว ลู่หาน

     

                เมื่อโดนดูถูกขนาดนี้ มีหรือเทวดาอย่างเซฮุนจะยอม ดวงตาคมหรี่มองคนตรงหน้าด้วยสายตาอันตราย หากแต่คนรักชีวิตอย่างลู่หานก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ

     

                ดูปากฉันนะเซฮุน ไม่! เอา! เว้ย! ไปล่ะ บ๊ายบา...เฮ้ยยย แกจะลากฉันไปน๊ายยยย ยู๊ดดดดดด เซฮุน!”

     

                ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสูง มีเพียงดวงตาคมที่ฉายแววหงุดหงิดขั้นจอร์จและเสียงกริ๊กเบาๆเป็นสัญญาณว่าห้องพักถูกล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว

     

                งั้นมาดูกัน ว่าฉันจะพานายไปถึงร้านหรือนรก!”

     

                ไม่อ๊าววววววววววววววว

     

     

     

     

     

     

                ...และแล้ว...

     

                ก็มาสายจนได้ แหะๆ...

     

                อันที่จริงก็สายตั้งแต่แรกแล้วแหละ เพราะเวลาเข้างานน่ะ คือเวลาที่เขาเพิ่งติ่นเมื่อเช้านั่นเอง

     

                โชคยังดีที่ร้านนี้เจ้าของร้านใจดี น่ารัก น่ากราบไหว้ สถานะทางการงานและการเงินของลู่หานจึงยังปกติคงเดิมอยู่ ไม่สั่นคลอน แต่เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์ทิ้งท้ายไว้ซะคนฟังขนลุก

     

                คราวนี้ผมยกโทษให้ก็ได้ครับ แต่อย่าให้มีคราวหน้าอีกนะครับ ไม่งั้นคงไม่จบแค่คำว่าขอโทษแน่ๆครับ

     

                นี่ไงล่ะ...แม่นางจางของแท้ -_-;;

     

                หลังจากรอดพ้นสถานการณ์เสี่ยงแก่การตกงานและตัดเงินเดือนมาได้อย่างหวุดหวิด คนมาทำงานสายก็พยายามตั้งใจทำงานในวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อทดแทนเวลาที่ตนมาเข้างานสาย

     

                แต่ก็เหมือนโบราณเค้าว่า...

     

                ...พอคนเราจะทำดี...มั๊นนนน ก็ต้องมีมารมาขัดอยู่ร่ำไป...

     

                            ...เหมือนตอนนี้...

     

                ผู้ชายคนนั้นใครเหรอลู่หาน O_O”

     

                เด็กเสิร์ฟแก้มป่องประจำร้านเดินดุ่มๆเข้ามาถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ในขณะที่ลู่หานกำลังตั้งใจทำงานเต็มร้อย

     

                คนไหนล่ะ?

     

                อย่ามาทำไขสือน่า ก็คนที่ขี่จักรยานมาส่งนายไง นั่นแน่ แฟนนายใช่มั๊ยล่า คิกๆๆ

     

                ...แฟน...

     

     

              ...‘น้องสองคนนั้นน่ะน่ารักดีเนอะ’...

     

     

     

              ...‘เมะก็หล่อ เคะก็น่ารักน่ากิน โอ๊ยยย ในอพาร์ทเม้นต์นี้จะมีคู่วายน่ารักๆเยอะไปไหนเนี่ย น้องคริสกับน้องอี้ชิงก็คู่นึงละ แล้วนี่ยังมี โอ๊ยยยย แทนี่ ฉันจะละลายยยย’...

     

     

     

    ตึกตักๆๆ

               

                บะ...บ้า! ใช่ซะที่ไหน นั่นเป็น...เอ่อ...เพื่อนฉันเองต่างหากเล่า

     

                แล่วๆๆๆ มีติดองติดอ่าง น่าสงสัยๆ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ

     

                กาแฟโต๊ะสามได้แล้วคร้าบบ พี่ชายทั้งสองช่วยกรุณาหยุดเม้าท์แล้วมาช่วยผมทำงานด้วยสิคร้าบบบบ

     

                ราวกับสัญญาณช่วยชีวิตลู่หาน มินซอกหันไปมองค้อนแฟนหนุ่มอายุน้อยนิดๆ ก่อนจะหันมาพูดประโยคคาดโทษกับเพื่อนร่วมงานตรงหน้า

     

                ไว้ว่างเมื่อไหร่ ฉันจะมาเค้นคอนายแน่ บุ่ยยยยว่าจบก็รีบเดินดุ่มๆกลับไปหาร่างสูงที่หลังเคาน์เตอร์พล่งบ่นงุ้งงิ้ง จงแดอ่ะ ชอบขัดฉันอยู่เรื่อย งุ้งงิ้งๆๆ

     

     

     

     

              ...‘อย่ามาทำไขสือน่า ก็คนที่ขี่จักรยานมาส่งนายไง นั่นแหน่ แฟนนายใช่มั๊ยล่า คิกๆๆ’...

     

     

     

    ตึกตักๆๆ

     

                งื้อ เอาอีกแล้วอ่ะ แมร่งงงง นายไม่ได้คิดอะไรกับเซฮุนสักหน่อยนะลู่หาน ใจเย็นๆ เข้าหนอ ออกหนอ ไม่ๆๆ

     

    ตึกตักๆๆ

     

                แล้วเมื่อไหร่แกจะหยุดเต้นแรงฮะ ไอ้หัวใจบ้า ไอ้หัวใจไม่รักดี เดี๋ยวพ่อยิงไส้แตก! (เอ่อ...แรงไปนะคะเสี่ยวลู่ เดี๋ยวพี่ฮุนกลายเป็นพ่อหม้ายนะคะ -_-;;)

     

                อันที่จริง ลู่หานเองก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกนึกคิดยังไงกับเพื่อนร่วมห้องคนนี้ เพียงแต่ว่า...

     

                ...อยากจะขอเวลาสักหน่อย...

     

                ...ขอเวลาที่จะ...ทบทวนตัวเอง..

     

                เฮ้ยยย ไอ้การที่เราจะยอมรับว่า ช..ชอบ...ชอบใครสักคนนี่บางทีมันก็ไม่ง่ายนะเว้ย ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยกันนี่ยิ่งคิดยาก...

     

                เอ่อ...ในกรณีคริส...ถือเป็นข้อยกเว้น เพราะเค้าเรียก love at first sight รักแรกพบ ไม่มีเวลาให้เครียด เจอปุ๊บเพ้อปั๊บ แฮ่ๆ...

     

                โอเคๆ เข้าเรื่องต่อ มันเหมือนกับ...เหมือนกับยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นเกย์ไปแล้วซะครึ่งตัว ถึงจะหวั่นไหวแค่ไอ้หมอนี่คนเดียวก็เหอะ มันก็...

     

                แล้วยิ่งเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้ด้วย

     

                ...ถ้าเกิดแบบ...เค้าไม่ได้คิดเหมือนเราขึ้นมาล่ะ...

     

                ...แล้วถ้าเค้ารู้...แล้วกลายเป็นรังเกียจเราล่ะ...

     

                ...มัน...เฮ้อ..ให้ตายสิ...

     

    กรุ๊งกริ๊งๆ

     

                "ยินดีต้อนรับครับ"

     

                เสียงหวานพูดต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาใหม่ทันทีที่ได้เสียงกระดิ่งช่วยเรียกสติ ทว่า...

     

                "อาซ้อ!...หืม? อ้าว พี่ลู่หาน พี่มาทำไรที่นี่อะ มากินกาแฟเหรอ แล้วนี่ซ้อชิงไปไหน อ้อ พี่มินซอกหวัดดีครับ โย่จงแด คิดถึงจั๊งงงง"

     

                ว่าจบ ร่างไม่อ้วนไม่ผอมของแบคฮยอนก็พุ่งแหลนไปหาเจ้าของชื่อสุดท้ายทันที เรียกได้ว่าไม่แคร์สายตาคนที่เดินตามหลังมาสักกะติ๊ดดด

     

                "อ้าว พี่ลู่หาน หวัดดีครับ พี่มาทำไรที่นี่อ่ะ"

     

                "ใส่ชุดอย่างนี้ มานั่งขายข้าวแกงมั๊ง"

     

                "ถุงเท่าๆไหร่อ่ะพี่...555 ผมพูดเล่นน่า" คนตัวโย่งรีบกลับลำเรือทันทีเมื่อเห็นคนอายุมากกว่าหันมามองตาขวางๆ "แล้วไอ้แบคอ่ะพี่"

     

                ลู่หานไม่ตอบ แต่พยีดเพยิดไปทางเคาน์เตอร์

     

                เท่านั้นแหละ เหมือนเครื่องทำความร้อนในร้านมันเสียกระทันหัน บรรยากาศเย็นเฉียบชวนขนลุกแผ่รังสีออกมาซะจนลูกค้าคนอื่นๆในร้านรู้สึกได้และหันมามอง

     

                ส่วนตัวแผ่รังสีน่ะเหรอ...ไม่น่าถาม ก็ไอ้โย่งหยอยข้างลู่หานนี่ไงเล่าา บรึ๋ย น่ากลัวชิ บ

     

                โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ แบคฮยอนที่เมื่อกี๊วิ่งไปทักทายกับจงแดรีบวิ่งดุ๊กๆๆกลับมาทันที แถมด้วยการกอดและออเซาะซะ...อื้อหือ

     

                "ง่า อย่างอนสิยอล เค้าแค่ไปทีกทายเพื่อนเองน้า"

     

                "อืม ไม่งอน ไม่โกรธ ไม่หึง"

     

                ...อะหือ นี่ขนาดไม่หึง แล้วถ้าหึงขึ้นมาจริงๆนี่ไม่ตายยกร้านเลยเหรอแว๊...

     

                นี่คือสิ่งที่ลู่หานทำได้เพียง...คิดในใจ

     

                แหงะ ก็ยังกลัวอยู่ง่ะ

     

                "เอ้อ แล้วตกลงพี่ลู่หานมาทำไรเนี่ย มาหากาแฟกินเหรอ"

     

                "เปล่า ฉันทำงานที่นี่น่ะ แล้วพวกแกมาทำไร"

     

                "มาหาซ้อ"

     

                "ฮะ??"

     

                เท่าที่จำได้ ร้านนี้ไม่มีพนักงานชื่อนี้นะเฟ้ยยย

     

                "ซ้อไหนวะ ไม่มีเหอะ"

     

                "จะไม่มีได้ไง ก็ในเมื่อ...ซ้อชิงชิง~"

     

                หือ???

     

                ยังพูดไม่ทันจะจบ ไอ้คู่สนทนาก็วิ่งฉิวผ่านตัวเขาไปเรียบร้อยซะแล้ว แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้คนหน้าหวานต้องยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก ก็ไอ้หมาแบคน่ะสิ วิ่งไปกอดกันกลมกับคุณเจ้าของร้านอย่างกับลูกหมาออเซาะเจ้านายก็มิปาน (ดูมันเปรียบ -_-;;)

     

                อ้าว แบคฮยอน ชานอยล หวัดดีๆ มาได้ไงเนี่ย??

     

                งือออ คิดถึงซ้อจัง ซ้อไม่เห็นไปหาผมที่บ้านมั่งเลยอ่ะ ไอ้แฟนซ้อก็พอกัน บ้านช่องไม่ค่อยจะกลับ คุณป้าจะอกแตกตายอยู่เเล้วรู้มั๊ยเนี่ยยยยย

     

                ว่าไปก็เขย่าแขน ซ้อไปด้วย เขย่าแรงซะจนคนมองกลัวว่าแขนเล็กๆนั่นจะหลุดออกมา -_-

     

                เบาๆแบค แขนพี่จะหลุด

     

                ไม่รู้ล่ะ พี่ต้องเอาของมาเซ่นผมเดี๋ญวนี้เลย ไม่ยอมไปหา งอน!!!...โอ๊ยยย ไอ้ยอล! ตบหัวกูทำไมวะ...โอ๊ยยย ซ้อ เจ็บนะ ทำไมทุกคนถึงแกล้งผม ทำมายยยยยยยยT^T”

     

                เพราะแกเป็นแบบนี้ไงแบค -_-

     

     

     

     

     

                ห๊า!!! แกว่าไงนะไอ้หมา!”

     

                อื้ม ผมนี่แหละ ญาติแท้ๆของพี่คริส นี่พี่เป็นพี่รหัสผมจริงป่ะเนี่ย แค่นี้ยังไม่รู้ ฮู่ว์ ไม่ไหวเล้ยยยย...โอ๊ยยย พี่ลู่ตบหัวผมไม เจ็บ!”

     

                สมน้ำหน้า

     

                ไอ้ยอล!”

     

                ฉันเป็นแค่พี่รหัสแกเว้ย ผิดหรือไงที่ฉันไม่รู้เรื่องนี้ แถมแกไม่เคยพูดถึงคริสสักแอะ ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไง ไอ้หมาบ้า

     

                ว่าจบก็คว้าแก้วเอสเพรสโซ่หอมๆมาดื่มซะอีกรอบ อ๊ะๆ ไม่ต้องสงสัยว่ามาจากไหน...ก็จากร้านนี้เนี่ยแหละ มีเจ้าของร้านใจดีก็ดีเงี้ย

     

                แล้วเชื่อเหรอว่าที่นั่งคุยกันอยู่เนี่ยมีแค่เสี่ยวลู่กับบยอนแบค

     

                ไม่น่าเชื่อเลยนะฮะ ว่าพี่ลู่หานจะรู้จัแบคฮยอนับชานยอล โลกกลมจริงๆ

     

                เค้าถึงเรียกพรหมลิขิตไงจงแด ฮิๆ

     

                มันก็เหมือนพรหมลิขิตที่บันดาลให้ผมกับพี่มาเจอกันใช่มั๊ยฮะ...555 โอ๊ยยย ใจเย็นสิพี่มินซอก ผมเจ็บ

     

                หยอดเองก็เขินเอง แต่แน่นอนว่ามคนที่เขินยิ่งกว่า เพาะตอนนี้เปาน้อยมินซอกกำลังเอาหัวไปโขกกับแผ่นหลังแฟนอายุน้อยแก้เขินซะแรงอย่างลืมตัว

     

                เห็นมั๊ย ว่าอู้กันยกร้าน -_-

     

                อ้อๆ ยังขาดไปอีกคน...ใครน่ะเหรอ ก็เจ้าของร้านหน้าสวยนั่นไงล่ะ!

     

                ซ้อชิง!! เค้กเสร็จยังคร้าบบบบ

     

                อีกแป๊บนะแบค เดี๋ยวพี่ยกไปให้

     

                คร้าบบบบ

     

                เจริญเถอะ ใช้เจ้าของร้านทำของกินให้

     

                แต่ก็อย่างว่าแหละ เจ้าของเค้าใจดี...มันก็ดิอย่างนี้ล่ะเน้อ ฮิๆ

     

                มาแล้วๆ

     

                ยังไม่ทันขาดคำ จางอี้ชิงก็เดินดุ่มๆมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยกเค้กถาดใหญ่ออกมาซะด้วย...คงไม่ต้องบอกว่าแกนนำในการกินครั้งนี้คือใคร

     

                ...เครื่องเซ่น...เครื่องเซ่น...อ๊ากกก อยากิ๊นนน...

     

                และตามด้วยผู้ช่วยแกนนำ

     

                ...เค้กรสใหม่...เค้กรสใหม่...งึ่มๆ หวานปากแล้วเรา...ฮี่ๆๆ... >>มินซอก

     

                แบค เก็บอาการหน่อย น้ำลายจะหกใส่แก้วฉันอยู่แล้ว

     

                ชานยอลว่าพลางขยับแก้วน้ำของตนให้ห่างไกลจากคนรักมากที่สุด พลางคิดในใจเป็นรอบที่ล้านว่าชอบคนแบบนี้ลงไปได้ยังไง ??

     

                ...เรียบร้อย???...ไม่มีในพจนานุกรมบยอน

     

                ...มารยาทดี ขี้อาย???...ก็ยังคงไม่มีในพจนานุกรมบยอน...

     

                แต่ถ้าคนข้างๆ ไม่ใช่แบคฮยอนที่...ง้องแง้ง งุ้งงิ้ง กวนตี น ปากหมา แก่น เซี้ยว เปรี้ยว ซ่า <<<สรุปแบคมีไรดีบ้างเนี่ย -_-;;

     

                ...ปาร์ค ชานยอล ก็คงจะรักไม่ลงอยู่ดี...

     

                ...เป็นอย่างที่เป็นนี่แหละ...ดีที่สุดแล้ว..เนอะ...

     

                "เหม่อไรหยอย ง่ำๆๆ"

     

                แบคฮยอนเอ่ยถามขึ้นทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารอยู่ค่อนปาก เมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะรู้สึกได้ว่ามีคนมอง ถึงได้เงบหน้าขึ้นมาจากจาน ก่อนจะป๊ะเข้ากับสายตาของคนข้างๆ

     

                อย่าบอกนะว่าคุณกำลังคิดว่าคนอย่างแบคฮยอนจะเขิน

     

                ...เหอะๆ...ก็บอกแล้วไงว่าความขี้อาย มันไม่มีฝนพจนานุกรมของคนอย่างบยอน แบคฮยอน...

     

                "รักมึงนะ ไอ้หมาบ้า"

     

                "จะมาไม้ไหนเนี่ยหยอย จะแย่งเค้กฉันหรือไง อย่าหวังเลย นี่ของฉันเฟ้ย"

     

                ว่าจบก็รีบโอบจานตนเองอย่างหวงเเหน พลางเขยิบออกห่างจากคนข้างๆนิดนึง ชานยอลมองอาการ 'ไม่รู้ไม่ชี้' ของคนรักพลางลอบยิ้มบางๆ

     

                ถึงคำว่า 'เขิน' 'อาย' หรืออะไรเทือกนี้จะไไม่มีในพจนานุกรมของแบคฮยอน

     

                แต่ 'แอบเขิน' นี่เหมือนจะเป็นข้อยกเว้นนะ

     

                ก็แหม ถึงจะทำไม่รู้ไม่ชี้แค่ไหน แต่คนตาไวอย่างชานยอลก็ยังทันเห็นใบหูที่ขึ้นสีแดงนิดๆล่ะน่า

     

                ...ก็บอกแล้ว...ถ้าไม่ใช่แบคฮยอนคนเนี้ย...ยังง้ายยย ยังไง ปาร์ค ชานยอลก็รักไม่ลงร้อกกก

     

                ...ก็คนอะไร น่า 'รัก' ซะขนาดนี้...

     

                            ...เนอะ ^^…

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    TBC.

     

    Writer Talk

     

    กลับมาแล้วววว อิๆ ตอนนี้แต่งเสร็จไอ้เราก็งง ขึ้นต้นด้วยฮุนหาน ไหงมาจบด้วยชานแบควะ 555

    และในตอนนี้ ชมขอฉลองครบรอบ 10 ตอน!!! ปิ้วๆๆๆ *จุดพลุ* <<ตอนที่แล้วลืมไป แฮ่ๆ

    ขอบคุณทุกคน ทุกวิว ทุกเม้นมากๆ ที่เป็นกำลังใจให้กันมาจนถึงตอนนี้

    โดยเฉพาะคุณ Hibari Kyoya ที่เม้นให้ชมทุกตอน ขอบคุณจริงน้า *โค้ง*

    เม้นสั้นเม้นยาว เม้นไม่เม้นไม่เครียดค่ะ 555

    มันเป็นไรที่แบบ..ภูมิใจเล็กๆอ่ะ นิยายกูมีคนติดตามแล้วเว้ยยย ถึงแม้จะน้อยนิด แต่ไม่เป็นไร เราจะพยายามต่อไป fighting!

    บ๊ายบายค่า เจอกันตอนหน้านะ จุ๊บุๆ -3-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×