ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Gift 5 : งานใหม่
2 days later...
@Coffee & Tea Time café
ถึงจะเจ็บแค่ไหน แต่ปัญหาหัวใจ ยังไงมันก็ยังเล็กกว่าเรื่องเงินๆทองๆ
ลู่หานถอนหายใจเบาๆเมื่อสองล้อจักรยานพาเจ้าตัวมาหยุดอยู่หน้าร้านคอฟฟี่ช็อปขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กแห่งหนึ่ง
หลังจากยืนละล้าละหลังอยู่หน้าร้านตั้งนานสองนาน ร่างเล็กก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ไม่ใช่อะไรหรอกนะ มันยังทำใจไม่ค่อยจะได้น่ะ
ต้องมาเจอหน้าแฟนคนที่แอบชอบอยู่...จะรอดมั๊ยวะเสี่ยวลู่
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงเพลงคลาสสิคไม่คุ้นหูแล่นเข้ามาในโสตประสาททันทีที่ก้าวเข้ามา ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยโทนสีออกน้ำตาลอ่อนๆ ประกอบกับภาพวาดและของตกแต่งสไตล์วินเทจอีกนิหน่อย แต่ก็ทำให้ลู่หานอดประทับใจเล็กๆในความสวยงาม น่านั่งจิบกาแฟร้อนๆไม่ได้
...ติดที่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้มานั่งจิบกาแฟน่ะนะ...
“สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ”
บาริสต้าหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมายืนเอ๋ออยู่หน้าเคาน์เตอร์อยู่ตั้งนานสองนาน ลู่หานสะดุ้งเล็กๆก่อนจะตอบไป
“ผม...เอ้อ มาสมัครงานน่ะฮะ คือ...”
“อ๋อ สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปตามเจ้าของร้านให้”
ไม่นาน ‘เจ้าของร้าน’ ก็ก้าวออกมาจากหลังร้านพร้อมกับคัพเค้กถาดใหญ่ในมือ แน่นอนว่าเรียกน้ำลายคนมาสมัครงานได้ไม่น้อย =_= ง่า น่ากินจังวุ้ย
“คุณคือคนที่จะมาสมัครงานใช่มั๊ยครับ”
“เอ่อ...ครับ” <<<มัวแต่มองเค้ก
“ผมชื่อ ‘จางอี้ชิง’ เป็นเจ้าของร้านครับ’
“อืมมมม”
“หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ”
ลู่หานพูดประโยคนี้กับเพื่อนร่วมงานตัวเล็กแก้มยุ้ยเป็นรอบที่ 3 ของวัน พอรู้ว่าเจ้าตัวเค้ารู้ ‘คิม มินซอก’ ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วหันกลับไปทำงานของตนต่อ
ก่อนจะหันหน้ากลับมาภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที =_=
“ฉันสงสัยอะไรอยู่อย่าง”
“อะไรอ่ะ”
“นายอายุเท่าฉันจริงๆเหรอ นายคือชายหนุ่มที่อายุ 24 เท่าฉันจริงๆน่ะเหรอ”
คนถูกถามมองคู่สนทนางงๆก่อนจะพยักหน้าไป ถามทำไมวะ ???
“บ้าน่ะ! แล้วทำไมนายถึงได้หน้าเด็กเงี้ยยยย ไม่จริ๊งงง นายโกงอายุแหงๆ ความจริงคือนายอายุแค่ 20 ใช่มั๊ย???”
ลู่หานหันไปมองบาริสต้าหน้าหล่อที่ยืนชงกาแฟไปขำไปอย่างขอความช่วยเหลือ ‘คิม จงแด’ หัวเราะเบาๆพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นไปวางบนเคาน์เตอร์
“อย่าไปอะไรกับเค้ามากเลยฮะ พี่มินซอกก็เป็นแบบนี้แหละฮะ ชอบหลุด ไม่ค่อยจะเต็มแบบชาวบ้านเค้าสักเท่าไหร่”
“ย่า!!! คิม จงแด นายอยากมีเรื่องกับฉันเหรอ เดี๊ยะๆ คืนนี้เจอแน่!”
คนแก้มยุ้ยพูดอย่างคาดโทษก่อนจะยกกาแฟไปเสิร์ฟ ซึ่งแน่นนอนว่าคนโดนขู่ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อยก็แหม ขู่ซะน่ากลั๊ววว น่ากลัว~
“จงแดๆ มินซอกเค้าเป็นแบบนี้บ่อยเลยเหรอ”
ทันทีที่คนไม่เต็มเดินออกไป ลู่หานก็เปิดฉากถามเพื่อนร่วมงานที่อายุน้อยกว่าทันที บาริสต้าหนุ่มฉีกยิ้มก่อนจะพูดขำๆ
“แบบนี้ยังน้อยไปพี่ บางวันนะ พี่แกเกิดบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้ ลองเอาชานมกับชาเขียวผสมกันแล้วเอามาให้ผมกิน บอกว่าเป็นชาสูตรใหม่...”
=[]=!!! <<< ลู่หานช็อกไปสามวิ นี่เพื่อนร่วมงานตรูปกติหรือเปล่าวะเนี่ยยยย
“...ดีที่ผมไม่หลวมตัวกินเข้าไป ไม่งั้นล่ะก็ เหอะๆ ไม่อยากจะคิด =_=;;”
ลู่หานได้แต่ยิ้มแหยๆให้คนเล่าเมื่อได้ยินวีรกรรมอันน่าประทับใจ (?) ของเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง เหอะๆ แล้วถ้าวันไหนพี่แกดันบ้าอย่างนี้แล้วเขาไม่ทันระวังตัว...ตูจะตายมั๊ยวะ
“แต่เห็นอย่างนี้ พี่มินซอกเค้าก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรนะฮะ อาจจะดูบ้าๆ เพี้ยนๆนิดนึง แต่ลึกๆแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก”
คนเผาเพื่อนในตอนแรกรีบออกตัวอวยคนถูกเผาทันทีเมื่อเห็นหน้าซีดๆ เจื่อนๆ ของเพื่อนร่วมงานคนใหม่ ลู่หานพยักหน้ารับรู้ ก็นะ คนเรามันจะให้เหมือนกันทุกคนมันก็ไม่ได้ มันก็ต้องมีคนเรียบร้อย คนเงียบๆ คนชอบสังคม หรือแม้แต่คนบ้าๆแบบนี้ก็ด้วย ไม่งั้นโลกคงสงบสุขตายเลย
“คุยอะไรกันอยู่อ่ะ บอกเค้าบ้างดิ”
นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ มาละๆ
“เปล่าหรอกฮะ แค่เรื่องทั่วๆไปอ่ะ จริงมั๊ยฮะพี่ลู่หาน”
“อืมๆ ใช่ๆ”
ลู่หานที่แทบรับมุขไม่ทันตอบไป หากแต่ดวงตาเรียวที่หรี่มองจ้องมาทำเอาเขาได้แต่หัวเราะแห้งๆพลางพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงสนับสนุนว่า ‘ตูพูดจริงจริ๊งงงง’
“อย่าให้รู้แล้วกันนะว่าจงแดนินทาเค้า”
“โธ่ ผมไม่ได้นินทาพี่สักหน่อย เอาอะไรคิดเนี่ย”
“ก็หน้าจงแดมันฟ้องอ่ะ เชอะ อย่าให้รู้นะ ไม่งั้นเจอแน่!”
ทำไมลู่หานถึงรู้สึกว่าเขากำลังดูคู่รักในละครกำลังเล่นบทพ่อแง่แม่งอนกันอยู่เลยวะ =_= ???
นั่นแหละ เป็นสาเหตุทำให้เขาค่อยๆหลบฉากออกมาช้าๆ เนียนๆ โดยการหยิบกาแฟเอสเพรสโซ่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปเสิร์ฟลูกค้า
“เป็นยังไงบ้างครับ ทำงานวันแรก พอไหวมั๊ย”
เจ้าของร้านหน้าสวยทักขึ้นเมื่อลู่หานเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์อีกรอบ ในมือถือถาดเค้กหน้าตาน่าทานอยู่ 4 – 5 ชิ้น ให้ตาย ยั่วน้ำลายลู่หานอีกแล้ว!
“ถ้าแค่นี้ยังไม่ไหว พี่คงไม่ต้องไปทำอะไรกินแล้วล่ะ”
คนถูกถามพูดติดตลก แต่ก็จริงอยู่นะ
งานนี้ถือเป็นงานที่ค่อนข้างเบามากๆงานหนึ่งที่เขาเคยทำมาเลยก็ว่าได้ ทำแค่เดินไปเสิร์ฟกาแฟบ้าง เค้กบ้าง ทำในห้องแอร์ แถมลูกค้าก็ไม่ได้แน่นทั้งวัน แถมยังมีช่วงที่ลูกค้าบางตาให้ได้นั่งพักหายใจหายคออยู่บ้าง เงินเดือนก็อยู่ในเกณฑ์กำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป...
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คาดว่าลู่หานคงจะสิงสถิตอยู่กับงานนี้ไปอีกนาน
“อี้ชิงอา~ อบเค้กสูตรใหม่อีกแล้วเหรอ”
พนักเสิร์ฟแก้มยุ้ยพูดขึ้นพลางเดินเข้ามาหาเจ้านายอย่างออดอ้อน ดวงตาเรียวกระพริบวิบวับๆ อย่างเด็กอย่างได้ขนม
“เฮ้ย ไม่เอาน่าพี่ ของเค้ามีไว้ขาย พี่ไปขอกินได้ไง” จงแดพูดปรามๆ
“โธ่! ฉันขอกินนิดเดียวเองอ่ะ นะๆ แล้วฉันจะตั้งใจทำงานที่ซู้ดดดดดด นะอี้ชิงคนดี อี้ชิงคนเก่ง ขอฉันชิมนี๊ดดดดดดดดดดดนึงน้า~”
นอกจากจะไม่ฟังแล้ว มินซอกยังเริ่มเกาะแขนเกาะขาอี้ชิงอย่างอ้อนวอน แน่นอนว่ามันไม่ได้ดูน่าสงสารแต่อย่างใด =_= เห็นได้จากจงแดที่ยืนกุมขมับ กับลู่หานที่ยืนตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ
...ไม่ใช่อะไรหรอก...ขำว่ะ...555...ตลกได้อีกวุ้ย...
“ก็ได้ครับ นิดเดียวจริงๆนะครับพี่”
“Yessss รักอี้ชิงที่สุดเลย^O^”
ว่าไปก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนจะเดินตามเจ้าของร้านหน้าสวยไปหยิบเค้กชินเล็กออกมาจากตู้แช่ แน่นอนว่าลู่หานกำลังแอบกลืนน้ำลายเป็นรอบที่ 3 ของวัน
ก็มันน่ากินจะตายนะ!
“เป็นไงบ้างครับพี่ รสชาติพอใช้ได้มั๊ย”
“ถ้าไม่อร่อยก็คงไม่ใช่ฝีมืออี้ชิงหรอก ง่ำๆๆๆ “
“พี่นี่น้า เมื่อวานเพิ่งบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่าจะลดความอ้วนน่ะ”
“เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวานสิ จงแดก็...” มินซอกพูดพลางหันไปค้อนวงโตใส่หนุ่มรุ่นน้อง “เอาน่า พี่กินนิดเดียวมันไม่ทำให้อ้วนขึ้นหรอก”
“ผมก็เห็นพี่พูดอย่างนี้ทุกวันอ่ะ”
“ย่า! คิมจงแด นายอยากมีเรื่องงั้นเหรอ”
“ก็มันจริงนี่...โอ๊ย! นี่พี่เอาช้อนตีหัวผมเหรอ” จงแดพูดพลางเอามือลูบหัว “อี๋ มีคราบเค้กด้วยอ่ะ ต้องมีน้ำลายพี่ติดมาด้วยแหงเลย”
“สมน้ำหน้า”
เอาอีกแล้ว =_= สร้างโลกส่วนตัวงุ้งงิ้งๆกันอยู่ 2 คนอีกแล้วคู่นี้ ลู่หานชักสงสัยความสัมพันธ์คู่นี้แล้วนะเฮ่ย!
โอเค เราปล่อยพวกเค้าสร้างโลกส่วนตัวกันไป แล้วกลับมาหาคนที่เหลือกันบ้างดีกว่า...
“สองคนนั้นเป็นอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ”
“ครับ งุ้งงิ้งๆอย่างนี้แหละพี่ เดี๋ยวก็ชิน ฮะๆ”
อี้ชิงพูดพลางยกเค้กไปเก็บในตู้แช่เหมือนเดิม ก่อนจะกลับมาพร้อมกับลาเต้ร้อนๆสองแก้วแล้วยื่นให้กับพนักงานใหม่
“สักหน่อยพี่ แก้ง่วง”
“อ๊ะ ขอบคุณๆ” ลู่หานพูดพลางรับกาแฟแก้วนั้นมาดื่ม อืม...รสชาติใช้ได้ ไม่สิๆ เข้าขั้นอร่อยเลยเชียวล่ะ “แล้วเอามาให้พี่ดื่มอย่างนี้ไม่เป็นไรเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ใช้หมดยังไงก็ดีกว่าเหลือให้มันเสีย”
...ใจดีจัง...
นี่คือคำแรกที่ผุดเข้ามาในหัวสมองของลู่หานหลังจากฟังคำพูดของคนตรงหน้าจบ
“ว่าแต่...พี่ลู่หานเป็นเพื่อนกับพี่คริสเหรอฮะ”
“ก็...เพื่อนข้างห้องน่ะ พอดีพี่ไประบายกับเค้าว่าตกงาน เค้าเลยแนะนำมา”
“อ๋อ”
คำพูดสั้นๆหลุดออกมาจากปากคนอายุน้อยกว่าก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งจิบกาแฟต่อไปเงียบๆ...ในขณะที่อีกคนแอบเหงื่อตกเล็กๆ
ก็รู้อยู่นะว่าคำถามแบบนี้มันก็เป็นแค่คำถามทั่วๆไป แต่คนถูกถามที่ดันคิดไม่ซื่อกับ ‘แฟน’ คนถามนี่สิ กลับอดคิดมากไม่ได้ หรือว่าอี้ชิงจะสงสัยความสัมพันธ์ของเขากับคุณคริส!?
...ไม่หรอกๆ คิดไปนู่นแล้วลู่หาน...ใจเย็นๆ...
“ผมก็ว่าอยู่ เพราะพี่คริสไม่ค่อยมีเพื่อนคนจีนที่นี่ ซึ่งผมก็พอรู้จักอยู่เกือบหมด ไอ้เราก็นั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าใคร”
ลู่หานได้แต่ยิ้มแห้งๆให้กับคนฝั่งตรงข้ามแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง บรรยากาศชิลๆเมื่อครู่กลับกลายเป็นความอึดอัดไปในทันทีในความคิดของเขา
...จะให้ถามเหรอว่า ‘นายสงสัยในตัวพี่กับคุณคริสหรือเปล่า’ จะบ้าหรือไง ใครมันจะไปกล้าวะ...
แต่เขาไม่ชอบอะไรที่มันค้างคาใจว่ะ แม่ง
“อี้ชิง”
“ครับ?”
“เอ่อ...ที่ถามพี่เกี่ยวกับคุณคริสนี่ คงไม่ใช่ว่าอี้ชิง...เอ่อ...สงสัยเรื่องพี่กับ...” เพราะนิสัยไม่ชอบอะไรที่ค้างๆคาๆ ทำให้ลู่หานตัดสินใจถามคนตรงหน้าไปแบบกล้าๆกลัวๆ
“กับพี่คริสน่ะเหรอฮะ...555 จะบ้าเหรอพี่ ผมคิดอย่างนั้นซะเมื่อไหร่ล่ะ” จางอี้ชิงพูดกลั้วหัวเราะ ทิ้งให้คนชอบคิดมากนั่งหน้าแตกดังเพล้ง
อ้าว? ซะงั้นไป ไอ้เราก็มานั่งคิดมากอยู่คนเดียว แม่ ง
“เหรอ แหะๆ พี่ก็คิดว่า...เราจะสงสัยซะอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับคุณคริสนะ”
พอถึงตอนนี้ทุกคนคงรู้ว่าลู่หานแอบโกหกนิดหน่อย ใช่ เขาคิดกับคริสเกินคำว่าเพื่อนข้างห้องก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งผู้ชายคนนี้มาจากคนตรงหน้านะเฮ่ย เพราะงั้นจะพูดความจริงไปให้เจ้านายคิดมากไปทำไมกันล่ะ
...บางที...โกหกไปก็ดีกว่าพูดความจริงนี่นะ...
“ครับ ฮะๆ พี่ลู่หานนี่ชอบคิดมากจัง ผมไม่ได้คิดมากอะไรสักหน่อย”
“...”
“ผมรักพี่คริส ผมก็ไว้ใจเค้าและมั่นใจในตัวเค้าครับ”
“...”
“เพราะงั้นพี่ไม่ต้องคิดมากนะ ผมเข้าใจว่าคนบ้านใกล้เรือนเคียง มีอะไรมันก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา”
“...”
“อย่าคิดมากเลยครับ งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
“อื้ม พี่ก็ต้องไปเหมือนกันแหละ”
ลู่หานตอบพลางลุกขึ้นยืน หัวสมองคิดทบทวนคำพูดของหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังเดินหายเข้าไปในครัวหลังร้าน
ก็จริงอย่างที่อี้ชิงว่านั่นแหละ
คนเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นเหมือนนักข่าวที่ต้องรายงานตัวกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หรือเป็นนักสืบที่เอาแต่สงสัยเรื่องคนโน้นคนนี้ที่เข้ามาเกาะแกะแฟนเรา
เพียงแค่มีความ ‘ไว้ใจ’ ความรักก็สามารถขับเคลื่อนไปได้แล้ว
“คุณคริส ผมอิจฉาคุณจริงๆเลยที่ได้มีแฟนดีๆอย่างนี้ ขอให้...คบกันไปนานๆนะครับ”
20.00 p.m.
...ร้านปิดแล้ว...
แต่ยังมีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะที่ยังนั่งกินกาแฟอยู่ อี้ชิงก็ไม่ได้ไปไล่หรือไปอะไร แค่ตอนนี้ไม่รับลูกค้าเพิ่มแล้ว ก็แค่นั้น
ลู่หานช่วยเพื่อนร่วมงานแก้มยุ้ยยกโต๊ะยกเก้าอี้เก็บให้เรียบร้อย จงแดจัดการเก็บข้าวเก็บของบนเคาน์เตอร์ให้เรียบร้อย ส่วนคุณเจ้าของร้านก็ไปล้างถ้วยล้างชามอยู่ในครัว
...ทำไมงานมันดูสลับๆกันยังไงก็ไม่รู้วะ...
“ฮ้า เสร็จสักที วันนี้ลูกค้าเยอะจังเลยเนอะจงแด”
“นั่นสิฮะ แล้วพี่ลู่หานเป็นยังไงบ้าง งานใหม่ เริ่มชินบ้างหรือยังฮะ” ประโยคแรกตอบคำถามรุ่นพี่แก้มยุ้ย ก่อนจะหันไปถามพนักงานใหม่ที่ยืนเรียงถ้วยชามอยู่อีกมุมหนึ่ง
“อื้ม สบายกว่างานก่อนๆเยอะเลยแหละ”
“ช่ายยยย ทำงานที่นี่นอกจากจะสบายแล้วนะ บางทียังได้กินของอร่อยๆด้วยแหละ ฮุๆ” <<มินซอก
“พี่ก็คิดแต่เรื่องกินตลอดอ่ะ เลยไม่ผอมสักที”
“ย่า!!! คิมจงแด มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!” คนแก้มยุ้ยพูดพลางเดินมาหยุดอยู่ข้างๆลู่หาน “โป้งจงแดแล้ว เชอะ เรามารักกันดีกว่าเนอะลู่หานเนอะ”
ว่าไปก็เริ่มเอียงคอซบไหล่เพื่อนร่วมงานคนใหม่ ลู่หานก็ได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกไป
“แต่ฉันเห็นด้วยกับจงแดนะ”
“ย่า!!! พวกนายสองคนไปตายซะไป๊!!”
คนถูกด่าทั้งสองคนหัวเราะร่วนในขณะที่มินซอกเดินหน้าบูดเข้าไปในครัว อีหรอบนี้ต้องเข้าไปก่อกวนเจ้าของร้านแหงๆ
“ผมก็เห็นพี่โดนแกล้งทุกวันนะครับ ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“อะไรอ่ะ ทำไมมีแต่คนรุมเค้า แม้แต่อี้ชิงคนดี แม่มมมม โป้งแล้ว!! มินซอกโป้งทุกคนในร้านนี้!!”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินไปนั่งกอดเข่าอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน แน่นอนว่าสามคนที่เหลือก็ได้แต่ลอบขำเบาๆกับความติงต๊องของเพื่อนร่วมงาน ก่อนที่บาริสต้าหนุ่มต้องรับหน้าที่ไปง้อคนติงต๊องตามเคย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ขอตัวกลับก่อนละกันนะอี้ชิง เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ครับ...อ๊ะ เดี๋ยวครับพี่ลู่หาน” อี้ชิงพูดก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับแก้วชานมแบบถือกลับบ้าน 1 แก้ว “ถือซะว่าเป็นของขวัญต้อนรับฮะ”
“โห ขอบคุณมากนะอี้ชิง งั้นพี่ไปละนะ มินซอก!! จงแด!! ฉันกลับก่อนนะ”
ลู่หานบอกลาคนในร้านก่อนจะเดินออกมาที่จักรยานของตัวเอง แน่นอนว่าอากาศหนาวๆกับชานมเย็นๆแบบนี้ไม่ได้เข้ากันแม้แต่น้อย แต่เพราะความว้อนท์ ทำให้ลู่หานลองดูดชานมเข้าไป 1 อึก
...อร่อย...
ก่อนจะตามด้วยอึกที่ 2 และ 3 ตามลำดับ =_=
แต่พอนึกถึงตาคมๆที่ชอบมองมาแบบละห้อยๆทำให้ลู่หานหยุดดูดชานมแก้วนั้น เอ...ถ้าเอาไปฝาก...จะชอบมั๊ยน้า
คิดได้ดังนั้น เจ้าตัวก็จัดการแขวนแก้วชานมไว้กับแฮนด์จักรยานแล้วขี่ออกไปทันที
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงอพาร์ทเมนต์ คนตัวเล็กรีบจอดจักรยานแล้วขึ้นไปบนห้องอันแสนอบอุ่นของตนทันที
“กลับมาแล้ววว~”
“มาช้า!! หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย!!!”
ยังไม่ทันปิดประตูสนิทดี เสียงห้วนๆของคน ‘หิวข้าว’ ก็ลอยมากระแทกหูซะแล้ว เซฮุนมองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยสายตาโกรธๆ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้เขารอกินข้าวถึงสองสามทุ่มแบบเนี้ย!!
“หิวแล้วทำไมไม่ทำกินเองเล่า ฉันก็สอนวิธีต้มบะหมี่ไปแล้วนี่นา”
“ก็...” ...รอนายกลับมากินด้วยกันไงเล่า!!
พูดไม่ออก
เซฮุนหยุดประโยคไว้แค่นั้นแล้วเดินกลับมานั่งกอดหมอนอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เออ เขาผิดเองที่ไม่ต้มบะหมี่กินไปก่อนคนเดียว แม่ ง
พอได้เห็นหน้าบูดๆของเทวดาตกสวรรค์ ลู่หานเลยต้องเอา ‘ของฝาก’ มาล่อสักหน่อย ด้วยการหยิบแก้วชานมไปให้
“อ่ะ”
“...” <<<เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
“เจ้าของร้านเค้าให้มา อร่อยดี ลองกินดิ”
พอรู้ว่าเป็นของกิน ไอ้คนที่จงใจเมินก็เหลือบตามามองน้อยๆ ก่อนจะหันไปอีกทางอย่างถือทิฐิ แม้ว่ากระเพาะของตนจะเรียกร้องอาหารมากแค่ไหนก็ตาม
...จะเอาของกินมาล่อเทวดาอย่างโอ เซฮุนน่ะเหรอ เฮอะ อย่าหวังซะให้ยาก...
“ไม่กินใช่ป่ะ โอเค ฉันกินเองคนเดียวก็...”
“ฉันไม่ได้บอกสักคำว่าจะไม่กิน”
คราวนี้เสี่ยวลู่หลุดขำออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่เบาเกินกว่าคนขี้งอนจะไม่ได้ยิน เซฮุนหันมาค้อนขวับใส่ก่อนจะคว้าชานมแก้วนั้นมาดูดเงียบๆ
...และเนียนดูดต่อไปจนหมดแก้วเพราะรสชาติมันอร่อยดีและลู่หานก็ไม่ทวงคืน...
...เจริญเถอะคนเรา...
“อ่ะ บะหมี่ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก”
ไม่นาน คนตัวเล็กก็กลับมาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองชาม เซฮุนหมดความสนใจกับแก้วชานมที่หมดเกลี้ยง แล้ววิ่งมาหาชามบะหมี่ที่กำลังส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่บนโต๊ะอาหารแทน
“กว่าจะเสร็จ หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” แต่ก็ยังมิวายบ่นอยู่ดี
“นี่ ให้มันน้อยๆหย่อย นายมันผู้อาศัยนะอย่าลืม ฉันทำอะไรให้กินก็บุญท่วมหัวแค่ไหนละ”
“โหหห ซึ้งใจที่ซู้ดดดดดดด เลี้ยงด้วยมาม่าเนี่ยนะ โคตรซึ้งเลย”
“โอเค๊!!! งั้นไม่ต้องกิน เอามานี่!”
“เฮ้ยยยย ฉันพูดเล่นเฟ้ย”
เซฮุนหน้าเหวอ รีบคว้าชามบะหมีกลับมาอย่างไวว่อง ร่างสูงรีบกระซวก...ย้ำอีกทีว่ากระซวก =_= บะหมี่ทั้งชามหมดภายในเวลาไม่กี่วินาทีเพราะความหิว ลู่หานมองภาพนั้นอย่างนึกขันก่อนจะเดินไปหยิบแก้วชานม กะจะเอามาดูดให้ชื่นใจสักหน่อย
หืมมมม???
ทำไมมันดูดไม่ขึ้นวะ???
หรือว่า...
“ย่า!!!~ โอเซฮุน!! นี่นายดูดชานมของฉันจนหมดเกลี้ยงเลยงั้นเหรอ!!”
คนทำแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ยังคงตั้งหน้าตั้งตาซดบะหมี่ต่อไปราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ซึ่งนั่นยิ่งเรียกความหมั่นไส้จากคนโดนแย่งของกินได้โข
“ทีเมื่อกี๊ล่ะบอก ไม่เอ๊า ไม่เอา เป็นไงล่ะ ดูดหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือให้คนเอามาฝากสักหยดอ่ะ”
“ก็นายอยากไม่เอาคืนเองนี่ ช่วยไม่ได้”
ปากก็อยากจะด่าไอ้คนตรงหน้าให้หายหมั่นไส้สักสองสามคำ แต่สมองเจ้ากรมดันคิดไม่ออกนี่สิ! ลู่หานเลยได้แต่ทำปากขมุบขมิบใส่ร่างสูงแทนที่กำลังนั่งหันหลังให้อยู่นี่แทน แน่นอนว่าเซฮุนก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาหรอก
“มัวโอ้เอ้อยู่ได้ รีบมากินได้แล้วน่า เดี๋ยวก็อืดหมดหรอก”
“เออ รู้แล้วล่ะน่า”
...และแล้ว...ชีวิตการทำงานวันแรกของเสี่ยวลู่...ก็จบลงเอวังละประการฉะนี้นั่นเองงง~...
.
.
.
.
.
TBC.
Writer Talk
หายไปนาน เดี๋ยวอัพเพิ่มให้อีกตอนเลยอ่ะ เจอกันตอนหน้าค่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น