ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ของขวัญ [HunHan Feat.KrisLay Chanbaek & Exo]

    ลำดับตอนที่ #1 : Gift 1 : ปีใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 55


    31/12/XX

    11.00 p.m.
     
     จะขึ้นปีใหม่แล้วววววว ^O^ สิ่งร้ายๆกำลังจะหายไป สิ่งดีๆกำลังจะเข้ามา...
     
     ...ซะที่ไหนกันล่ะ =O=^^...
     
     ด้วยว่าคืนนี้ถือเป็นค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลอง เสียงเพลง แสงไฟระยิบระยับต่างๆจึงยังคงอยู่ แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเกือบจะขึ้นวันใหม่แล้วก็ตาม
     
     ...ไม่สิ ต้องเรียกว่าขึ้นปีใหม่มากกว่า...
     
     “ฮัดชิ่ว!!”
     
     คนตัวเล็กใต้เสื้อโค้ตตัวหนาจามออกมาก่อนจะสบถออกมาเบาๆกับสภาพอากาศที่หนาวยะเยือก ดวงตากลมโตเหลืบมองหิมะสีขาวสะอาดตาที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มโปรยรายลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยว่าเขาจะจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปหน่อยมั้ง
     
     ก็มันน่ามั๊ยล่ะ! คนเค้าทำงานอยู่ดีๆ ปัญหาอะไรก็ไม่เคยมี ดันมาไล่ออกซะงั้น!! แถมเหตุผลก็งี่เง่าซะจนคนถูกไล่ออกแทบจะลุกไปต่อยหน้าเจ้าของร้านสักที
     
     
     ‘ก็เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดี ลูกค้าก็น้อย แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาจ้างนายล่ะ’
     
     ‘แล้วทำไมคุณต้องไล่ผมออกด้วยล่ะ ผมไม่ได้ทำงานแย่อะไรสักหน่อย ทำไมไม่เอาคนอื่นออกเล่า!!’
     
     ไม่ได้จะยอตัวเองหรอกนะ แต่มันจริงนี่ เขาก็ไม่ได้ทำงานแย่ ออกจะดีด้วยซ้ำไป ทำไมถึงไมเอาพวกขี้เกียจๆ ชอบโดดงานไปนั่งเล่นหลังร้านออกบ้างล่ะวะ
     
     ‘ก็ฉันเห็นว่านายเก่ง นายขยัน ถึงโดนไล่ออกไปก็คงหางานทำใหม่ได้ไม่ยาก ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดมากไงตอนไล่นายออก...เอาล่ะ หมดเรื่องสักที ขอให้โชคดีนะ’
     
     ‘...งั้นตอนนี้ ผมก็ไม่ได้เป็นลูกจ้างคุณแล้วใช่มั๊ย’
     
     ‘อ่าฮะ ทำไมเหรอ เฮ้ย!!!’
     
    พลั่ก!!!!
     
     
     
     นั่นแหละ หลังจากนั้น ‘เสี่ยว ลู่หาน’ ก็แทบจะถูกถีบออกจากร้านอาหารชื่อดังแห่งนั้นท่ามกลางเสียงก่นด่าของไอ้เจ้าของร้านบ้านั่น มีใครที่ไหนเค้าคิดแบบแกกันบ้างโว้ยยยย
     
     “ชิ บ้าเอ๊ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยว้า”
     
     เสียงหวานบ่นออกมาเบาๆพลางนึกน้อยใจในโชคชะตาของตนเองที่ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างเอาซะเลย ดันมาโดนไล่ออกในวันที่เงินเก็บเกือบจะหมดพอดีเนี่ยนะ ซวยเป็นบ้า
     
    โครก...
     
     มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบของตนเบาๆด้วยความหิว ก่อนจะถอนใจเบาๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ห้องก็มีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ตนเคยซื้อมายกลังตอนโบนัสออก...ก่อนจะหวนคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่ของตนขึ้นมาตะหงิดๆ
     
     ...กับข้าว...ที่ชาตินี้ตนคงไม่มีวันได้ลิ้มรสอีกแล้ว...
     
     ใช่ คุณพ่อกับคุณแม่ของลู่หานเสียไปแล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุสิบสี่เองมั้ง นั่นแหละ เด็กน้อยวัยสิบสี่อย่างเขาจึงต้องย้ายถิ่นจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนมาอยู่กับญาติห่างๆที่ใจดีอุปการะเลี้ยงดูเขาที่เกาหลี
     
     พอเรียนจบมหาลัย ลู่หานก็ขอแยกตัวมาใช้ชีวิตเองคนเดียวด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เกรงใจ’ ลูกก็ไม่ใช่ หลานก็ไม่เชิง แล้วยังจะมาหน้าด้านขออยู่ด้วยทั้งๆที่โตเป็นควายขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ เหอะ...ไม่ใช่ลู่หานแน่ๆถ้าทำแบบนั้น
     
     แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าการหางานในเมืองหลวงใหญ่ๆอย่างโซลนี่มันจะยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร!! แยกตัวมาได้ 2 ปี หางานดีๆยังไม่ได้เลยสักที่ ให้ตายเหอะ!!
     
    โครก...
     
     โอยยยย ร้องอยู่ได้ รู้แล้วโว้ยว่าหิว รอแป๊บนึงเซ่!!! ยังไม่ถึงห้องเลย
     
    เมี้ยววว
     
     เอ๊ะ...ทำไมเสียงท้องร้องของเขามันแปลกไปล่ะ???
     
     ลู่หานก้มลงมองที่ปลายเท้าของตนก่อนจะพบกับ...
     
     แมวตัวเล็ก ขนสีน้ำตาลอ่อนแซมด้วยสีขาวเล็กน้อย กำลังมองหน้าเขาตาแป๋วด้วยดวงตากลมๆ ใสๆ ของมัน 
     
     แอร๊ยยยย...น่ารักอ่ะ >_<
     
     ด้วยความเป็นคนรักสัตว์ เสี่ยวลู่จึงย่อตัวลงเล่นกับเจ้าแมวตัวน้อยอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่แคร์อุณหภูมิที่ติดลบเกือบ 5 องศา กับเสียงท้องร้องโครกครากของตนแม้แต่น้อย
     
     “น่าสงสารจัง คนใจร้ายที่ไหนทิ้งแกมาฮึแมวน้อย” 
     
     พูดไปพลาง เจ้าตัวก็เกาคาง ลูบหัว ‘แมวน้อย’ ไป รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่ริมฝีปาก เมื่อเจ้าแมวน้อยเดินเข้ามาออเซาะใกล้ๆ
     
    โครก...
     
     ...แต่สุดท้าย...ก็ทนความหิวไม่ไหว...
     
     คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้มหน้ามองเจ้าแมวน้อยนั่นเป็นครั้งสุดท้ายด้วยแววตาเสียดายสุดซึ้ง
     
     ...จะเก็บไปเลี้ยงก็ใช่ว่า...ตัวเองยังเลี้ยงไม่รอดแล้วนี่ริอ่านจะเลี้ยงแมว...เหอะ...
     
     “บ๊ายบายนะแมวน้อย ขอให้แกโชคดีมีคนใจดีๆเก็บไปเลี้ยงน้า”
     
     เสียงเล็กๆพูดขึ้นก่อนจะเดินจากไป...ยังไม่ทันจะเดินห่างจากตรงนั้นถึง 10 ก้าว
     
    เมี้ยววว
     
     ...นั่นไง =_=;...
     
     ใบหน้าหวานหันกลับไปมองแมวตัวนั้นอีกครั้ง คราวนี้ตาใสๆ กลมๆ มองตอบกลับมาด้วยแววตาอาวรณ์ ขาเล็กๆสี่ขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเหมือนจะเดินตามมา
     
     ...เฮ้ยยย...อย่านะเฟ้ยยย...
     
    เมี้ยววว
     
     ลู่หานถึงกับปลงตก เดินกลับไปหาแมวตัวนั้นอีกครั้งก่อนจะนั่งยองๆ พูดเสียงละห้อย “ฉันเอาแกไปเลี้ยงไม่ได้ เข้าใจป่าว แค่ตัวฉันเองยังเลี้ยงไม่รอดเลย”
     
    เมี้ยววว
     
     “ขืนเอาแกไปเลี้ยง ก็จะมีแต่ทรมาณแกเปล่าๆน่า”
     
    เมี้ยววว
     
     เสียงร้องนั่นเหมือนจะเป็นการบอกว่า ‘ไม่เป็นไร ถ้าเป็นเจ้านาย ผมพร้อมรับทุกสภาพความป็นอยู่ แต่ได้โปรดเก็บผมไปเลี้ยงทีเถอะนะ พลีสสสสส’
     
     และนั่นทำให้ลู่หานปลงตกป็นรอบที่ 2 ของวัน
     
     “ไม่ได้ๆ...หยุด!! อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างนั้นนะ อยู่เฉยๆ นิ่ง!! เออ อย่างนั้นแหละ”
     
     ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็ต้องใช้ไม้แข็ง ลู่หานเดินถอยหลังออกมาช้าๆหลังจากพูดจบ ก่อนจะเริ่มเดินเร็วๆหนีไปทันที
     
    เมี้ยวววว
     
     ...ไม่ๆๆๆ...อย่าไปฟัง...
     
    เมี้ยวววววว
     
     ...โนวววว....ไม่ๆๆๆๆ...
     
    เมี้ยววววว
     
     ...โอ้วววว...ใครก็ได้เอาๆไอ้แมวช่างตื๊อนี่ไปเก็บทีเท้ออออออ TOT...
     
     
     
     
     
     
     
    11.50 p.m.
     
    แกร๊ก
     
     เสียงลูกบิดประตูหมุนดังขึ้นภายในห้องที่มืดสนิท ร่างเล็กๆของเจ้าของห้องก้าวเข้ามาก่อนจะเดินไปเปิดไฟอย่างคุ้นชิน
     
     ‘บ้าน’ ของเขาก็เป็นแค่อพาร์ทเมนต์ธรรมดาๆ ห้องนอนเล็กๆที่มีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้าที่ไว้ใส่ทั้งเสื้อผ้าและของอีกจิปาถะ โต๊ะ ทีวีและโซฟาตัวเล็กๆเสร็จสรรพ ถัดไปอีกนิด หลังฉากกั้นเล็กๆเป็นห้องครัวทีมีแค่เตาแก๊ส ตู้เย็น อ่างล้างจานเล็กๆและเครื่องครัวอีกนิดหน่อย (พูดไปพูดมาชักเยอะแล้วแฮะ)
     
     ...แค่นี้ก็พอแล้ว...สำหรับเขา..
     
    เมี้ยววว
     
     ...แต่จะพอสำหรับเขาที่พ่วงด้วยลูกแมวตัวเล็กๆอีกตัวหรือเปล่านี่...ไม่รู้แฮะ...
     
     ถ้าจะถามว่าอะไรทำให้เสี่ยวลู่หานเก็บเจ้าลูกแมวนี่มาทั้งๆที่ตัวเองคนเดียวก็แทบจะเอาไม่รอด และที่สำคัญ...
     
     ...อพาร์ทเมนต์แห่งนี้..ห้ามเลี้ยงสัตว์!!!...
     
     ซึ่งเสี่ยวลู่ก็ได้แหกกฏข้อนั้นซะพังเละเรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ...
     
     ...ก็เพราะไอ้ตากลมๆ แบ๊วๆนี่ไงเล่าที่ทำให้เขาใจอ่อน ยอมอุ้มมันกลับมาเนี่ย!...
     
      ...นี่ถ้าป้าเจ้าของอพาร์ทเมนต์มาเจอเข้านะ...ตายหยังเขียดแน่ผม...
     
    โครกกก
     
    เมี้ยวววว
     
     “เออๆ รู้แล้วๆ แม่ม ร้องพร้อมกันสองอย่างเลยนะ”
     
     ลู่หานพูดเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปตั้งกาน้ำร้อน เตรียมต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน ระหว่างรอ เจ้าตัวก็เดินไปที่ตู้เย็นพลางมองหาของที่จะให้ไอ้แมวเหมียวตัวนี้กินรองท้องไปก่อน
     
     ...จะกินนมไปก่อนได้มั๊ยน้า...คงกินได้แหละ ยังไงซะ...มันก็เหลือแค่อย่างเดียวแล้วนี่หว่า...
     
     ยังไม่ทันจะหาชามมาใส่นมได้ แสงสว่างแวบที่หลังฉากกั้นก็ดึงสายตาและขาทั้งสองข้างให้รีบวิ่งไปดูซะก่อน
     
     ...แสงอะไรวะนั่น!!!...
     
      ...หวังว่าเจ้าแมวนั่นคงไม่ได้ทำอะไรเสียหายหรอกนะ...
     
     การสันนิษฐานของลู่หานถูก...แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แสงสว่างวาบนั่นมาจากเจ้าแมวตัวเล็กนั่นจริง แต่มันไม่ได้ทำอะไรเสียหาย...
     
    ฟิ้ววว ปุ้งๆๆๆ
     
     เสียงพลุดังก้องไปทั่ว เป็นสัญญาณบอกว่าปีใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้ว เสียงโห่ร้องจากห้องข้างๆยังคงดังมาไม่ขาดสาย
     
     ...แต่ลู่หานยังคงนิ่ง...
     
      ..ไม่สิ...เขาช็อคไปแล้วต่างหากล่ะ...
     
     “เฮ้อ เมื่อยชะมัด โลกมนุษย์นี่ลำบากจังน้า”
     
     “...”
     
     “อ้อ...นายสินะที่พาฉันมาที่นี่ ขอบใจมาก...”
     
     “...”
     
     “เฮ้ ตอบกันหน่อยสิ นายไม่ได้เป็นไบ้นี่”
     
     “...”
     
     “เฮ้...”
     
     “...”
     
     “ช่วยด้วย!!! ไฟไหม้!!!!!!”
     
     “ไหนๆๆๆ ไฟไหม้อยู่ไหน”
     
     ได้ผล คนที่ยืนนิ่งค้างด้วยความช็อคเมื่อครู่สะดุ้งเฮือกก่อนจะร้องโวยวายด้วยความตกใจทันที ดวงตากลมโตหันซ้ายหันขวาอย่างตื่นๆ ก่อนจะตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
     
     ใช่...ตกใจยิ่งกว่าไฟไหม้อีก
     
     “นาย...คือ...แมวตัวเมื่อกี๊...”
     
     “อ่าฮะ...มันอาจจะน่าตกใจไปหน่อยแต่...”
     
     ยังไม่ทันที่คนแปลกหน้าจะพูดจบ ลู่หานก็สติหลุดเรียบร้อย ร่างเล็กวิ่งรี่ไปหลบอยู่หลังโซฟา ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวตามประสาคนกลัวสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ
     
     “ผีหลอกกก ว้ากกกกก ผีหลอกกกก”
     
     “เฮ้ยยย หยุดก่อน!! ฟังฉันก่อนสิวะ เฮ้ย หยุด!!!”
     
     “ว้ากกกกกก พี่หลอกกก TOT ว้ากกก ผี...อุ๊บ!!!”
     
     เสียงหวานสะดุดไปเมื่อมือใหญ่ๆของ ‘ผี’ เลื่อนมาปิดไว้แน่น เหลือเพียงแต่เสียงอู้อี้ดังลอดออกมาเบาๆเท่านั้น
     
     “เฮ้ย ฟังกันก่อนสิ ฉันไม่ใช่ผีสักหน่อย”
     “อื้อ อ้วยอ้วย อี๋ออก อ้วยอ้วย อี๋ออก T^T” <<< อื้อ ช่วยด้วย ผีหลอก ช่วยด้วย ผีหลอก T^T
     
      “ก็บอกว่าไม่ใช่ผีไงวะ ฟัง! จะฟังมั๊ย”
     
     “อี๋ออก ฮือๆๆ” <<< ผีหลอก ฮือๆๆ
     
     จากที่โวยวายอยู่ดีๆ คนตัวเล็กดันก๊อกแตกซะงั้น ทำเอาคนตัวสูงไปต่อไม่ถูกกันเลยทีเดียว สัมผัสเปียกชื้นที่ฝ่ามือทำให้ร่างสูงตัดสินใจเอามือออกช้าๆก่อนจะหันคนตังเล็กให้หันหน้ามาคุยกับตน
     
     “โอเคๆ หยุดร้องไห้ หยุดโวยวาย แล้วฟังฉัน ที่สำคัญ ฉันไม่ใช่ผี โอเค๊”
     
     “แน่นะ”
     
     “เออสิ”
     
     “อื้อ ฮึก T_T”
     
     ถึงจะปนอยู่กับเสียงสะอื้น แต่ร่างสูงก็พอจะฟังออกมาว่าคนตรงหน้าตอบตกลง เขาเรียบเรียงคำพูดในหัวอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ออกจะ...พิสดาร...นิดหน่อย ก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
     
     “ฉันเป็น...เทวดาตกสวรรค์...”

    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    TBC.
     
    Writer Talk
     
     
    สวัสดีนักอ่านทุกๆท่านค่าาาา^^
     
    จบไปแล้วสำหรับตอนแรก หวังว่าคงถูกใจกันนะคะ
     
    สนุกไม่สนุกยังไงบอกกันได้น้า
     
    ไปละค่า เดี๋ยวรีดเบื่อ 55...Lula



    ᅠᆪ

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×