คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1
1
..
ร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้าซีด สะพายกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกินตัว ยืนโต้ลมอยู่ริมท่าเรือเล็กของจังหวัดภูเก็ต เบื้องหน้าเป็นท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
กว่าที่หญิงสาวจะมาถึงท่าเรือนี้ได้ทำเอาเสียเวลาไปมากพอสมควร ทุกสิ่งอย่างดูจะเป็นใจกันขัดขวางหล่อน ทุกหนทางดูเหมือนจะมีอุปสรรคไปหมดนับตั้งแต่หล่อนผ่านเข้าตัวจังหวัดนี้มา
ทั้งรถสองแถวเล็กที่โดยสารมาเสียระหว่างทาง
คนบอกทางผิดๆ
รวมถึงอาการหน้ามืดที่แทบจะไม่เคยเป็นเลยในชีวิตนี้ ก็กลับเกิดขึ้นเสียหลายรอบจนต้องหาที่นั่งพักบ่อยๆ
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหน” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามหล่อนขณะเดินมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ สำเนียงของเขาแปร่งและค่อนข้างรัวเล็กน้อย
ท่าเรือส่วนตัว
ดาวล้อมแหงนหน้าขึ้นมองป้ายขนาดใหญ่ก่อนจะกวาดสายตามองสปีดโบ๊ทสามสี่ลำที่จอดอยู่บริเวณนั้น ในยามบ่ายเช่นนี้คนเรือยังคงนอนหลบแสงจ้าอยู่ในเรือของตน หญิงสาวทอดสายตากลับไปที่พื้นน้ำเบื้องหน้าอีกครั้ง ที่สุดเส้นของท้องน้ำและขอบฟ้าจะมีอะไรรอหล่อนอยู่บ้าง เกาะที่เป็นเพียงลมปากนั่นมีอยู่จริงหรือไม่ ต้องใช้เวลาสักกี่แรมเดือนกันถึงจะหาของสองสิ่งนั้นเจอ
ทว่าถึงคิดไปก็ใช่จะมีประโยชน์ ในเมื่อทุกคำถาม มีหนทางให้ค้นหาคำตอบรออยู่ตรงหน้าแล้ว สำคัญว่าหล่อนจะ ‘ไป’ หรือ ‘กลับ’
แต่ดาวล้อมรู้จักตัวเองดี ไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าจะเลือกอย่างไหนด้วยซ้ำ
“คือฉันจะไปที่เกาะดาวล้อมน่ะค่ะ” คนฟังนิ่วหน้าทันทีที่ฟังคำตอบจากหล่อน เขาเดินเลี่ยงไปหากลุ่มเพื่อนที่เป็นคนงานในอู่เรือ ทำทีท่าเหมือนกำลังปรึกษาหารือกัน และแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องของหล่อน
หญิงสาวเดินทางมาทางเครื่องบินโดยสาร ครั้นเมื่อต้องออกมาตากแดดร้อนแรงเป็นเวลานานร่างกายก็ปรับตัวไม่ทันชวนให้หน้ามืดขึ้นมาอีกครั้ง หล่อนตัดสินใจไม่รอฟังคำตอบจากชายหนุ่มคนเมื่อครู่ เดินตรงเข้าไปในท่าเรือเพื่อหาที่นั่งพักกำบังแดด
“ลุงจ๊ะ พอจะรู้ทางไปที่เกาะดาวล้อมบ้างหรือเปล่า” หล่อนเลือกถามชายคนขับเรือที่ดูมีอายุ หลังจากนั่งพักจนรู้สึกดีขึ้น หวังว่าคนเก่าคนแก่น่าจะรู้และคุ้นสถานที่ดี
ไร้เสียงตอบกลับจากชายสูงอายุ ดาวล้อมสังเกตเห็นทีท่าไม่ใคร่จะตอบของอีกฝ่าย จึงเปลี่ยนคำถามเสีย
“เอ่อ คือลุงพอจะรู้บ้างมั้ยจ๊ะ ว่า เกาะที่ว่านั่นมีจริงหรือเปล่า”
“คุณจะไปที่นั่นทำไมกันครับ” เสียงทุ้มต่ำดังแทรกขึ้นมา ดาวล้อมหันไปสนใจเจ้าของเสียงใหม่ซึ่งเป็นชายหนุ่ม ร่างสูงล่ำผิวเกรียมแดดยื่นหน้าออกมาจากหลังคาเรือ ที่ศีรษะสวมหมวกแก๊ปสีขาวสะอาด
“คือฉันมีธุระ” ดาวล้อมจดจ่อความใส่ใจทั้งหมดไปที่ชายหนุ่มเป็นการถาวร อีกไม่ถึงนาทีต่อมาสปีดโบ๊ทของชายสูงวัยคนแรกก็แล่นจากไปอย่างเร่งรีบ
“ธุระอะไรหรือครับ
คือ
ถ้าคุณผู้หญิงบอก บางทีผมอาจจะช่วยพาคุณไปที่เกาะนั่นได้” เขาอธิบายต่อทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยนั้นตึงขึ้นตอนได้ฟังคำถาม
“เห็นจะไม่ได้หรอกค่ะ” ดาวล้อมปฏิเสธ มองตอบผู้ชายที่ยิ้มกว้างเห็นฟันสีขาวเรียงซี่สวยอยู่ในเรือ
เอาเถิด
อย่างน้อยๆวันนี้หล่อนก็ไม่ได้มาเสียเที่ยวเปล่า
เกาะนั่นมีอยู่จริง ไม่ใช่ดินแดนในความฝันสุดท้ายของคนใกล้ตายอย่างที่คิดมาตลอดการเดินทาง
พรุ่งนี้หล่อนจะมาใหม่
ต้องมีใครสักคนพาหล่อนไปยังที่หมายได้แน่ๆ
ดาวล้อมเดินแบกเป้กลับไปยังท่ารถสองแถว ผ่านกลุ่มคนงานสี่ห้าคนที่มองมาด้วยสายตาประหลาด คืนนี้คงต้องหาที่พักใกล้ๆตัวเมืองก่อน
เสียงคลื่นซัดสาดกระทบชายฝั่งไม่ขาดสายดังระคนกับเสียงจอแจของผู้คน ดาวล้อมนั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่งริมชายหาด ตัวร้านมีเพียงไม้ไผ่ค้ำยันทั้งสี่ด้าน ส่วนของหลังคามุงจากแค่เพียงกันแดดกันฝน โต๊ะและเก้าอี้ก็ล้วนแต่ทำจากไม้ไผ่ทั้งสิ้น
หญิงสาวรวบช้อนเมื่อข้าวคำสุดท้ายถูกตักใส่ปาก เบือนหน้ากลับไปมองท้องทะเลที่กำลังล้อเล่นกับไอแดดยามสายอย่างไม่รู้เหน็ดไม่รู้เหนื่อย
ผ่านมาสามวันแล้ว หล่อนยังไปที่เกาะดาวล้อมไม่ได้เสียที บอกตัวเองว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ที่กรุงเทพ ฯ ยังมีงานที่คั่งค้างรอให้สะสาง
เหนือไปกว่านั้น
แม่กำลังรอหล่อนอยู่
ดาวล้อมไปที่ท่าเรืออีกครั้ง หล่อนพบกับชายหนุ่มจอมเจ้ากี้เจ้าการคนเดิมที่อาสาจะช่วยพาไปส่งที่หมายถึงสามครั้งครา ทว่าก็ได้รับคำปฏิเสธอย่างขาดเยื่อใยจากหล่อนทุกครั้งไป
“คุณนั่นเอง” ร่างสูงที่เอนหลังอยู่ในเรือเอ่ยทักทายเมื่อเห็นดาวล้อมเดินมา
สามวันแล้วที่หล่อนมาที่เดิมตรงนี้ ในเวลาเดียวกันแบบนี้
“ฉันอยากจะคุยกับคุณ ช่วยขึ้นมาบนท่าเรือนี่หน่อยจะได้มั้ยคะ” ดาวล้อมเอ่ยอย่างสุภาพ ใบหน้าของชายหนุ่มระบายด้วยรอยยิ้มสดชื่นทันที เขาออกจะมั่นใจเสียด้วยซ้ำว่าสักวันดาวล้อมจะต้องยอมรับความช่วยเหลือจากเขา อยู่ที่ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไรเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุผลที่ว่า เกาะดาวล้อม
ไม่ใช่ที่สาธารณะที่ใครคิดจะไปก็ทำได้ดั่งใจ
“ผมชื่อการินทร์ แล้วคุณ
”
“เรียกฉันว่าดาวเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“เอ
ดาวนี่
ใช่ดาวล้อมหรือเปล่าน้าา” เขาแหย่อย่างนึกสนุก ผู้หญิงตรงหน้านับว่ามีความมุมานะไม่น้อย หล่อนเทียวไปเทียวมาเพียงเพื่อจะพบกับความผิดหวังที่ท่าเรือแห่งนี้ถึงสามวัน
เกาะดาวล้อมมีความสำคัญยังไงกับหล่อนนะ ?
“ค่ะ ดาวล้อม ฉันชื่อดาวล้อม” เสียงเรียบนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะหยอกเอินกับใครทั้งนั้น ดวงตากลมโตมีแต่รอยจริงจัง
“เอ๊ะ ?! คุณชื่อดาวล้อมจริงๆน่ะหรือ ?”
“คือฉันอยากจะให้คุณช่วยพาฉันไปที่เกาะนั่นหน่อย” หล่อนเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่ออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย ชื่อเสียงเรียงนามมีตั้งมากมาย ทำไมหล่อนถึงมีชื่อเหมือนที่หมายของแม่
“จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมจะบอกว่าเรื่องนั้นผมรู้ดีตั้งแต่ตอนเจอคุณครั้งแรกแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ผมต้องการรู้มากกว่านั้นคือ
คุณจะไปที่เกาะนั่นทำไม”
ดาวล้อมถอนหายใจเบาๆ ริมฝีปากบางทั้งบนล่างขบเข้าหากันแน่น แต่การินทร์ไม่ได้ต้องการจะบีบคั้นหรือเร่งรัดเอาอะไรจากหล่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตัดสินใจถี่ถ้วนก่อนดีกว่า
“ผมจะเข้าไปนั่งรอในเรือแล้วกัน ถ้าคุณพร้อมจะให้คำตอบก็เรียกได้” การินทร์บอกหล่อนด้วยรอยยิ้ม ทว่ายังไม่ทันได้กลับเข้าไปหลบแดดในเรือ เสียงของดาวล้อมก็ฉุดให้เขาหันไปเผชิญหน้าหล่อนอีกครั้ง
“ฉันจะไปหาของสำคัญ
ของๆแม่ฉัน”
“ของ ? แม่คุณ ?”
“อย่าถามเลยว่าของที่ว่าคืออะไร ฉันอยากพบคุณอดุลย์ก่อนที่จะตอบคำถามอื่นๆของคุณ”
การินทร์นิ่งไปพักหนึ่ง เขาเพ่งพิศดูดวงหน้าใสไร้เครื่องสำอางค์นั้นอย่างติดใจ เรือนผมดำขลับขึ้นเงาที่ทิ้งตัวลงถึงกึ่งกลางหลัง ดวงตากลมโต ปลายหางตาชี้ขึ้นน้อยๆพองาม หล่อนมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เขานึกย้อนไปถึงผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงที่ชื่อดาหวัน เดือนรัก
ในวัยเด็กการินทร์ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะดาวล้อมกับอดุลย์ผู้เป็นพ่อและอิชย์ซึ่งเป็นพี่ชาย ครั้นพอคนพี่ถูกส่งให้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก การินทร์จึงมีโอกาสได้พบกับดาหวัน ผู้หญิงสาวสวยหมดจด ใบหน้าหล่อนกอปรไปด้วยเครื่องหน้าที่งดงามจนน่าหลงใหล รูปร่างสูงเพรียว ให้ทั้งความรู้สึกปราดเปรียวและน่าทะนุถนอม หล่อนมาอยู่ที่เกาะในฐานะผู้หญิงของพ่อ หากเพียงไม่นานดาหวันก็มีอันต้องไปจากเกาะนี้ ด้วยเหตุอันใดเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้เพราะยังเยาว์อยู่มาก
ทันทีที่ดาหวัน เดือนรัก จากเกาะดาวล้อมไป อดุลย์ก็เริ่มตรอมใจ การินทร์ไม่เคยเห็นพ่อพาผู้หญิงคนไหนมาที่เกาะอีกเลย ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เนินใหญ่ท้ายเกาะซึ่งถูกบ้านหลังใหญ่ทอดตัวกำบังไว้จึงเป็นสถานที่สร้างเงื่อนงำขึ้น
เนินใหญ่ที่ใช้ชื่อผู้หญิงคนนั้นเป็นนามเรียกขาน
เนินดาหวัน
ด้านล่างของเนินดาหวัน ถูกทำเป็นอุโมงค์แคบ มีห้องลับเล็กๆซ่อนตัวอยู่ ห้องที่คนรักทั้งสองมักใช้เวลาอยู่ด้วยกันเงียบๆ ความทรงจำมากมายถูกกักเก็บไว้ในนั้นจนมันกลายเป็นเขตหวงห้าม คำประกาศิตสุดท้ายจากผู้เป็นเจ้าของเกาะในตอนนั้น ที่สั่งห้ามทุกชีวิตบนเกาะไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับห้องลับ บ่งบอกได้ดีว่าที่แห่งนั้นเปรียบเสมือนเรือนรักเรือนตายของคนทั้งคู่
“คุณรู้จักคุณอดุลย์ด้วยงั้นหรือ” การินทร์ถาม หลังจากยินเสียงกระแอมไอจากผู้หญิงตรงหน้า เขาอยู่ในภวังค์นานจนผิดวิสัย
“ค่ะ
คือ
ฉันไม่เคยพบตัวแต่มีคนสั่งให้ฉันมาพบคุณอดุลย์” คนตอบหวนนึกถึงแม่ แม้แต่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายดาหวันก็ยังเอาแต่พร่ำเพ้อหาผู้ชายที่ชื่ออดุลย์
อดุลย์เป็นข้อมูลอย่างเดียวที่มีชีวิตและจับต้องได้มากที่สุด ถึงแม้ดาวล้อมจะไม่มั่นใจว่าการได้พบกับผู้ชายคนนั้นจะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการมาก็ตาม
“ตกลงว่าผมจะพาคุณไปที่นั่น” การินทร์เอ่ยออกมาในที่สุด ดาวล้อมไม่ใช่คนอื่นคนไกลสำหรับเขาอีกต่อไป
เพราะคนทั่วไปแถวนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของทางเกาะทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะรู้ว่าอดุลย์คือเจ้าของเกาะดาวล้อมตัวจริง เนื่องจากเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนยังไม่มีใครล่วงล้ำเข้าไปถึงเขตของเกาะแห่งนั้นได้ แม้กระทั่งตอนนี้ ผู้ได้รับอภิสิทธิ์จริงๆเท่านั้นจึงจะสามารถไปที่นั่นได้
แต่ผู้หญิงคนนี้รู้
หล่อนรู้จักพ่อของเขา ถึงจะไม่รู้ว่าพ่อของเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่นั่นก็แสดงว่า ‘ใคร’ ที่ใช้ให้หล่อนเดินทางไปที่เกาะ ต้องสนิทชิดเชื้อกับพ่อของเขามานานนม
หรือดาวล้อมจะเป็นลูกสาวของดาหวัน เดือนรัก ?
การินทร์บอกตัวเอง
ไม่แปลกเลยสักนิดหากเขาจะสงสัยเช่นนี้
ผู้หญิงที่ชื่อดาวล้อมคนนี้ หล่อนรู้ข้อมูลบางอย่างลึกเกินไป จุดประสงค์การมาของหล่อนก็ดูชัดเจนและสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิด
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาและดาวล้อมยังไม่สนิทชิดเชื้อมากพอที่จะเปิดเผยตัวตนต่อกัน เขาไม่ควรถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องแม่ของหล่อนมากนัก เพราะนั่นมีแต่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้หมดความเชื่อมั่นและไม่ไว้ใจเขาเท่านั้นเอง
“แต่
มีข้อแม้ว่าเราจะต้องออกเดินทางกันตอนกลางคืน” ดาวล้อมขมวดคิ้ว พยายามมองหาความไม่ชอบมาพากลบนใบหน้าของคนพูด
“ทำไมต้องตอนมืดด้วยคะ”
“ตอนนี้เขตแดนบริเวณเกาะถูกสั่งเป็นเขตหวงห้ามส่วนบุคคลครับ มีแขกสำคัญเดินทางมาพักที่เกาะ คนที่นั่นไม่มีทางต้อนรับแขกขาจรอย่างคุณแน่
เราต้องมีวิธีไปที่นั่นอย่างแนบเนียน”
“ดูเหมือนคุณจะรู้ดี
ไปเสียหมด” หล่อนเริ่มมองคนทำหน้าเจ้าเล่ห์อย่างไม่ไว้ใจ จนการินทร์ต้องรีบปฏิเสธ
“เปล่าเลยครับ ผมก็รู้เท่าๆกับที่คนเรือคนอื่นเขารู้นั่นล่ะ ถ้าคุณไม่ไว้ใจผมก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างผมยกให้เป็นการตัดสินใจของคุณ” ดาวล้อมไตร่ตรองถึงเส้นทางที่แทบจะไม่มีแยกไหนๆให้เลือกเดิน
เมื่อไม่มีทางให้เลือก ก็อย่าพยายามคิดจะเลือก อย่าบั่นทอนพลังงานของตัวเองด้วยการพยายามหาทางออกจะดีกว่า
หญิงสาวเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทุกย่างก้าวของหล่อนเต็มไปด้วยความมาดหมายและมั่นคง คราใดที่หนทางข้างหน้ามืดมน หล่อนจะปล่อยตัวเองให้หยุดพัก แต่จะไม่มีวันถอยหลังกลับไปทางเดิมเป็นอันขาด
ถ้าหันหลัง ก็มีแต่ทางตันเท่านั้นที่รออยู่ !
“ตกลงค่ะ สองทุ่มคืนนี้ฉันจะมาที่นี่” ดาวล้อมตอบตกลง สมองเตือนว่าหล่อนไม่มีเวลามากนัก ในเมื่อคิดว่าจะเสี่ยงมาตั้งแต่ต้นแล้ว มัวอ้อยอิ่งไปก็ไร้ประโยชน์
“ยังเร็วไปครับ ถ้าคุณจะกรุณาไว้ใจผม
ห้าทุ่มเห็นจะกำลังดี”
“คะ ?”
“ผมมีวิธีที่จะทำให้คุณได้ไปถึงเกาะนั้นแล้ว คืนนี้ก่อนออกเดินทาง ผมจะบอก ขอแค่เพียงคุณมาเถอะ”
การินทร์จบการสนทนาด้วยการมองสบตาหญิงสาวนิ่ง ดาวล้อมเองก็ไม่ใคร่จะถามอะไรอีก หล่อนควรจะกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมเผชิญหน้ากับ ‘หลายสิ่ง’ ที่รออยู่
ชายหนุ่มเฝ้ามองหญิงสาวเดินจากไปจนไกลลิบๆ ร่างสูงทอดกายลงนอนบนเตียงผ้าใบในเรือ
ดาวล้อมอาจจะเป็นกุญแจสำคัญของปริศนาทั้งหมด ทำไมที่เนินดาหวันนั่นถึงได้กลายเป็นที่ฝังศพของพ่อเขารวมถึงมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป
ห้องเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ทึบ เบื้องล่างผืนดินคือที่กลบร่างของอดุลย์ การินทร์อยากจะรู้นักว่าในห้องนั้นเก็บงำความลับใดไว้อยู่ ตลอดเวลาที่ผ่านมามีใครบางคนจ้องจะทำลายห้องเล็กๆนั่น
อุโมงค์มืดทึบนั้นถูกวางเพลิงซ้ำถึงสองครั้งสองคราโดยที่จับมือใครดมไม่ได้ รวมถึง ‘ลุงพ่วง’ คนเก่าแก่ของบ้านที่เคยได้รับมอบหมายให้ดูแลที่นั่น ก็ถูกไฟคลอกตายทั้งเป็นในกองเพลิงรอบที่สองด้วย
ชายหนุ่มทอดถอนใจ ได้แต่หวังว่าดาวล้อมจะช่วยคลี่คลายปมปัญหาลงได้บ้าง เขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่วางเพลิงเป็นใคร และมีจุดประสงค์เพื่อทำลายหรือต้องการสิ่งใดในห้องนั้นกันแน่ เพราะ ‘มัน’ ไม่ใช่เพียงแค่คนร้าย แต่เป็นฆาตกร !
ตลอดเวลาที่ดาวล้อมอยู่บนเกาะ หากหล่อนต้องการอะไร เขายินดีจะให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ขอเพียงปริศนาได้รับการคลี่คลายลง
บางทีอาจจะเป็นพวกจากเกาะใกล้เคียง ที่ลอบวางเพลิงเพื่อหมายจะขึ้นมาชิงทรัพย์ก็ได้
การินทร์รู้ดีว่านี่มันแค่การปลอบใจตัวเองเท่านั้น เพราะเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด มีระยะห่างออกไปร่วมร้อยกิโลเมตร อีกทั้งลักษณะทางกายภาพของเกาะที่รายล้อมไปด้วยหินโสโครกนับร้อยก้อน หากใครมันคิดจะสวมคราบโจรสลัดมาทำอวดเก่งล่ะก็
บอกได้คำเดียวว่าโง่ถนัด !!!
22.45 น. ดาวล้อมเดินทางไปถึงท่าเรือ ยังไม่เห็นแม้เงาของคู่นัดหมาย หล่อนพยายามระงับความตื่นเต้นไม่ให้จิตใจน้อยๆถูกสั่นคลอนได้ กลิ่นอายของความรัก ความทุกข์ และอันตรายตลบอบอวลไปทั่วจนไม่สามารถแยกแยะออกว่ามีอย่างไหนมากกว่ากัน
กลัวหรือ ?
หญิงสาวหลับตาลงช้าๆไม่ตอบคำถามของตัวเองที่ดังก้องอยู่ในหัว คนอย่างดาวล้อมไม่เคยเดินถอยหลัง ไม่เคยกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นหรือยังไม่ได้เผชิญหน้ากับมัน
แต่ลึกๆแล้วหล่อนรู้ดี
หล่อนกำลังกลัวสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรู้สึก’ หล่อนกำลังหวาดหวั่นต่อสิ่งที่ไม่อาจ ‘จับต้อง’ ได้
“คุณดาว มาถึงเร็วจังครับ” เสียงของการินทร์ฉุดหล่อนออกจากภวังค์อันมืดมิดและวังเวง ดาวล้อมยิ้มน้อยๆผิดกับอีกฝ่ายที่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองรู้สึกพอใจที่คู่นัดของตนรู้จักรักษาเวลา
ห้าทุ่มตรงดาวล้อมลงมานั่งอยู่ในเรือเป็นที่เรียบร้อย สองมือบางประสานเข้าหากันตรงหน้าตัก รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่รายล้อมรอบกาย อากาศกลางทะเลในเวลาดึกสงัดแบบนี้ ไม่ได้ส่งผลดีสภาพร่างกายและจิตใจของหล่อนแต่อย่างใด
“คุณตื่นเต้นหรือเปล่าครับ” การินทร์ถามยิ้มๆ ขณะนำเรือออกจากฝั่ง
“ฉันแค่รู้สึกแปลกที่แปลกทางเท่านั้นเองค่ะ”
“จากตรงนี้ไปจนถึงที่เกาะ เสียงเรืออาจจะดังจนเราคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ยังไงขอให้คุณไว้ใจผมนะครับ” การินทร์ย้ำอีกครั้งด้วยแววตาและน้ำเสียงซื่อตรง ดาวล้อมรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อสบตาตอบอีกฝ่าย หล่อนพยักหน้าน้อยๆก่อนจะจ้องมองไปยังเบื้องหน้า
ที่มีแต่ความมืดมิด
แม้แต่ ‘ความหวัง’ ที่เคยจุดประกายเจิดจ้ามาตลอดชีวิต ถึงตอนนี้กลับคล้ายจะดับวูบลงไปทีละน้อย ด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเบื้องหน้า
หล่อนกำลังหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การินทร์ดับเครื่องยนต์ลงอีกครั้ง ผู้โดยสารสาวรู้สึกพะอืดพะอมกับวิธีการขับของเขาพอสมควร หล่อนเพิ่งรู้ว่าจุดหมายปลายทางใกล้กว่าที่คิดไว้มาก เมื่อเขาชี้ให้มองภาพตรงเบื้องหน้า เกาะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นน้ำสีเข้มทึบ มีบ้านหลังใหญ่ที่ประดับประดาด้วยไฟหลากสีตามทางเดินโรยกรวดนั้น หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดแม่ถึงได้พูดราวกับว่าเกาะนี่ลึกลับและหายากนักหนา
บางทีอาจเป็นเพราะการินทร์เป็นคนพื้นที่ รู้ทางและวิธีที่จะลัดเลาะมาถึงเกาะนี้ได้กระมัง
ในความมืดเช่นนี้การินทร์เพียงผู้เดียวที่รู้ว่าเบื้องหลังความสว่างไสว มีห้องเล็กๆอีกห้องซ่อนตัวอยู่
ห้องลับใต้เนินดาหวันที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่เคยได้รับแม้แต่การทำความสะอาด ไม่มีแสงไฟ ไม่มีน้ำ
แต่มี ‘ชีวิตชีวาและลมหายใจ’
ในขณะเดียวกันก็มีใครบางคนต้องการทำลาย ‘ทุกอย่าง’ ที่อยู่ในห้องลับนั้น
ถึงตัวการินทร์จะเติบโตมาบนเกาะแห่งนี้แต่ชีวิตส่วนใหญ่ก็โลดแล่นอยู่ในท้องทะเลเสียมากกว่าบนฝั่ง ครั้นพอจะปริปากพูดก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
เมื่อดาวล้อมขึ้นไปถึงบนเกาะนั้นได้ ‘อิชย์’ พี่ชายของเขาคงจะสั่งห้ามหล่อนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเนินร้างนั้นด้วยตัวเอง เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะกับผู้มาเยือนหรือทุกคนบนเกาะ
“คุณว่ายน้ำเป็นมั้ยครับ”
“คะ ?” ดาวล้อมหันไปมองหน้าผู้นำทางด้วยความฉงน
“อย่างที่ผมบอก ตอนนี้ที่เกาะไม่อนุญาตให้คนนอกล่วงล้ำเข้าไป ทางเดียวที่จะทำให้คุณไปถึงที่นั่นได้
คือไปแบบเงียบๆ คุณพอจะว่ายน้ำไปจากตรงนี้ไหวมั้ย” ดาวล้อมคิดตามพลางมองไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลนัก
“จากตรงนี้ก็ราวๆสามสิบกว่าเมตร ผมเข้าใกล้ที่สุดได้แค่นี้เท่านั้น เพราะเสียงเรืออาจทำให้พวกคนใช้แห่ออกมาดู” การินทร์อธิบายต่อ ดาวล้อมสบตาของเขาเงียบๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอีกครั้ง ด้วยเชื่อว่าการินทร์ช่วยหล่อนอย่างสุดกำลังแล้วจริงๆ
“คุณจะคิดค่าจ้างเท่าไหร่คะ”
“ไม่คิดครับ” เขาตอบทันควันด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับเดิม
“แต่ผมจะขอให้คุณทิ้งข้าวของพวกนี้ไว้กับผมก่อน คุณยังเอามันติดตัวไปด้วยไม่ได้” ดาวล้อมกวาดตามองกระเป๋าสัมภาระ ภายในมีทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ค
“แล้วฉันจะได้มันคืนมั้ยคะ” การินทร์หัวเราะดังลั่นกับคำถามนั้น
“ได้สิครับ ผมจะทยอยส่งคืนให้คุณด้วยวิธีของผม ตอนนี้คุณพาตัวขึ้นไปบนเกาะนั่นให้ได้ก็พอ
น้ำตรงนี้ไม่ลึกมากนักแต่ต้องระวังปะการังด้านล่างหน่อย อ้อ แล้วอีกอย่าง อย่าตกใจถ้ารอบตัวคุณจะมีแต่หินโสโครกเต็มไปหมด พยายามว่ายไปในแนวเส้นตรงให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ แค่นั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วครับ” ดาวล้อมพยักหน้ารับ หล่อนชะโงกลงมองพื้นน้ำทะมึน รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“ทันทีที่ไปถึงเกาะได้ ขอให้จำไว้ว่าคุณจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น คุณต้องนอนสลบอยู่ที่ริมหาด รอให้คนที่เกาะมาช่วยพาคุณไปรักษาตัว บนเกาะนั่นมีห้องพยาบาลพร้อมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่ต้องถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในตัวเมือง เข้าใจที่ผมพูดมั้ยคุณดาวล้อม” เขาเรียกหล่อนเสียเต็มยศ ดาวล้อมรู้ได้ทันทีจากคำพูดของเขา การขึ้นไปบนเกาะนั้น อาจทำให้ดาวล้อมคนนี้หายสาปสูญไป เธออาจต้องเป็นในสิ่งที่ไม่ได้เป็น และทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
อย่างแรกเลยก็คือการแสดงละครตบตาคนบนเกาะตามที่การินทร์บอก
หญิงสาวรับคำสั้นๆ ก่อนจะค่อยๆปีนลงจากเรือ ทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่าง
ทันทีที่ปลายเท้าสัมผัสผิวน้ำ ความกลัวก็แล่นเข้าจับที่ขั้วหัวใจ
บางทีน้ำทะเลเย็นเยียบตอนกลางคืนอาจจะมีอุณหภูมิสูงกว่าก็ได้เมื่อเทียบกับความเหน็บหนาวที่ขั้วหัวใจของดาวล้อมในยามนี้
ชายหนุ่มให้เหตุผลกับตัวเองว่าที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะ ถ้าบอกดาวล้อมว่าเขาคือลูกชายของอดุลย์ หล่อนจะพุ่งเป้าหมายมาที่เขาแทนที่จะไปหาของเหล่านั้นด้วยตัวเอง เมื่อหาเจอทุกอย่างก็จบ ปริศนาที่มีก็จะยังคงอยู่ต่อไปเช่นเดิม การส่งหล่อนขึ้นไปที่เกาะแบบนี้ อาจจะทำให้มีปัญหายุ่งยากตามมาบ้าง แต่ในเร็ววันนี้เขาจะต้องเปิดเผยตัวต่อหล่อนแน่
จะหาว่าเขาหลอกใช้หล่อนก็ได้ แต่มั่นใจเหลือเกินว่าดาวล้อมคนนี้จะนำพาทุกคนไปสู่ ‘คำตอบ’ ทั้งหมดได้
ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกการินทร์เอ๋ย
เมื่อเห็นร่างบางทิ้งตัวลงหาดทรายเรียบร้อยแล้ว คนบนเรือจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ต่อสายไปยังบ้านหลังใหญ่บนเกาะ พยายามถึงสามครั้งจึงมีคนรับสาย
“คนเรือลำนึงบอกผมว่ามีอุบัติเหตุครับพี่ใหญ่ เห็นว่ามีคนจมน้ำสูญหายแถวเกาะเราด้วย ผมกำลังจะออกเรือช่วยตามหา พี่ใหญ่ช่วยออกไปสังเกตการณ์ที่ชายหาดหน้าเกาะให้ผมอีกแรงทีสิ” การินทร์บอกปลายสายด้วยน้ำเสียงร้อนรนจนคนฟังเชื่อสนิทใจรีบวางสายไปทันที เมื่อบรรลุจุดประสงค์การินทร์จึงออกเรือกลับไปยังท่าที่จากมาก่อนหน้านี้
นานทีจะได้ทำอะไรแบบนี้
ตื่นเต้นไม่น้อยเลยสำหรับคนที่เคยชินกับการพูดความจริงอย่างการินทร์คนนี้ หากลึกๆแล้วการินทร์ได้แต่หวังว่าอันตรายที่แฝงตัวอยู่บนเกาะดาวล้อม คงไม่ร้ายแรงจนถึงเนื้อถึงตัวหญิงสาวผู้นั้น หรือคงไม่ทำให้หล่อนทดท้อใจเสียก่อนที่จะหา ‘ของสำคัญ’ พบ
ความคิดเห็น