ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮองเฮาตำหนักเย็น krislay

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ แปด

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 64


     

     

     

     

     

    ตอนที่ ๘

     

     

     

     

    ช่วงสาย ที่ตำหนักใหญ่

    “ไทเฮาเสด็จ”

    เสียงขันทีหน้าห้องดังขึ้นทำให้อี้ชิงที่นั่งอยู่ที่เตียงเตรียมลุกยืนก่อนที่เหยียนเฟยจะเดินเข้ามาในห้องแล้วยกมือห้ามไม่ให้อี้ชิงลุกก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเตียงแล้วกุมมืออี้ชิงเอาไว้

    “เมื่อคืนข้าได้ข่าวก็อยากจะมาหาเจ้าแล้วแต่ฝ่าบาทห้ามข้าเอาไว้เสียก่อน  คงตกใจน่าดู”
     

    เหยียนเฟยว่าแล้วสำรวจร่างกายอี้ชิงไปด้วยก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมา

    “ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วโปรดวางใจ”
     

    เหยียนเฟยมองคนตรงหน้าอย่างโล่งใจเพราะถ้าหากอี้หมิงเป็นอะไรขึ้นมานางคงรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ออกมาปกป้องอี้หมิงให้พ้นผิด

    “ข้าขอถามอะไรเจ้าสักข้อหนึ่งได้หรือไม่”

    “พ่ะย่ะค่ะ”

    “เจ้าไม่ได้วางยาให้สนมเมิ่งแท้งใช่ไหม”

    อี้ชิงพยักหน้า เพราะเขามั่นใจว่าถึงอี้หมิงนั้นจะร้ายเพียงใดก็ไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ๆและซื่อซื่อและอู๋หมิงก็บอกเขาแล้วว่าอี้หมิงไม่ได้ทำเรื่องนี้แน่นอน

    “ข้าเชื่อเจ้าอี้หมิง  แต่ไม่รู้ฝ่าบาทจะเชื่อเจ้าหรือไม่”

    เหยียนเฟยว่าก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมาถึงแม้ว่าอี้ชิงจะไม่เคยเจออีกฝ่ายเลยแต่ความรู้สึกลึกๆในใจกลับร้องบอกว่าอีกฝ่ายนั้นรักและเอ็นดูเขามาก

    “เห็นเจ้าไม่เป็นอะไรมากข้าก็เบาใจ ข้าให้คนครัวเตรียมขนมมาให้เจ้าด้วย กินสักหน่อยสิ”

    เหยียนเฟยว่าก่อนที่นางกำนัลจะยกถาดขนมเข้ามาส่วนซื่อซื่อก็รับมาก่อนจะคุกเข่านั่งลงข้างเตียงส่งขนมให้อี้ชิง

    “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ชิงยิ้มให้ก่อนจะหยิบขนมเฉียนถั่วขึ้นมากิน

    “เป็นอย่างไร ถูกแกเจ้าหรือไม่”

    “พ่ะย่ะค่ะ  อร่อยมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ชิงตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เหยียนเฟยจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ

    “ทูลไทเฮา ทูลฮองเฮา  พระสนมเมิ่งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

    ขันทีหน้าตำหนักเดินเข้ามารายงานก่อนที่เหยียนเฟยจะหันมามองอี้หมิง

    “หากเจ้ายังไม่อยากเจอนาง  ข้าจะให้คนไปบอกให้นางกลับไปก่อน”

    เหยียนเฟยพูดบอกเพราะนางรู้ดีว่าทั้งสองไม่ถูกกันมากหากไม่ใช่งานพิธีหรืองานสำคัญอี้หมิงจะไม่เจอสนมเมิ่งเด็ดขาด

    “ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ  ให้สนมเมิ่งเข้ามา”

    อี้ชิงยิ้มให้เพราะเขาก็อยากเจออีกฝ่ายอยู่เหมือนกันว่าสนมเมิ่งคนนั้นจะต้องการอะไรจากเขากันแน่

    “ไปตามสนมเมิ่งมา”

    “พ่ะย่ะค่ะ”

    ขันทีหนุ่มเดินออกไปก่อนที่สนมเมิ่งในชุดสีฟ้าอ่อนจะเดินเข้ามา

    “ถวายพระพรไทเฮา  ฮองเฮา”

    อี้ชิงมองหญิงสาวที่กำลังย่อกายลงเคารพเหยียนเฟยและตัวเขา

    เป็นหญิงสาวที่งดงามจริงๆไม่แปลกหากฝ่าบาทจะทรงรักและนางจะกลายเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาททั้งกริยาที่อ่อนหวานนั้น ใบหน้าที่งดงามราวกับนางสวรรค์นั้นอีก

    “ได้มาเห็นว่าฮองเฮาปลอดภัยดีหม่อมฉันก็ดีใจเพคะ”

    สนมเมิ่งบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน

    “ขอบใจ”

    “หม่อมฉันให้คนเตรียมขนมมาให้ด้วยหวังว่าฮองเฮาจะชอบ”

    “ขอบใจเจ้ามาก”

    อี้ชิงบอกก่อนจะให้ซื่อซื่อไปยกขนมมาวางที่โต๊ะ

    เหยียนเฟยมองอี้หมิงที่พูดจากับสนมเมิ่งอย่างแปลกใจไม่เพียงแต่พูดตอบด้วยเสียงธรรมดาแล้วยังมองหน้าสนมเมิ่งไม่หลบหลีกอีกด้วย ช่างแปลกยิ่งหนัก

    “ยินดีด้วยที่ได้คืนยศกลับมาเพคะ”

    สนมเมิ่งยิ้มให้ก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มตอบ

    “ฝ่าบาททรงห่วงข้านะ กลัวว่าคนร้ายจะก่อเหตุร้ายขึ้นอีก”

    “นั้นสิเพคะ หม่อมฉันก็เป็นห่วงฮองเฮาอยู่เหมือนกัน ได้แต่สวดมนต์ขอให้ท่านปลอดภัย”

    “ช่างจิตใจดีเสียจริง”

    เหยียนเฟยว่าก่อนที่สนมเมิ่งจะยิ้มให้

    “ไม่เลยเพคะ  ฮองเฮานั้นเป็นคนสำคัญหากเกิดอะไรขึ้นคงไม่ใช่เรื่องดี”

    “ใช่  อี้หมิงนั้นเป็นคนสำคัญ ข้ายังนึกไม่ออกเลยว่าใครกันช่างทำเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้น”

    เหยียนเฟยว่า

    “นั้นสิเพคะ  แต่. . .”

    “แต่อะไร”

    “ฮองเฮานั้นมีศัตรูมาก คงยากที่จะหาตัวคนร้าย”

    สนมเมิ่งพูดเสียงเบา

    “ศัตรู?”

    เหยียนเฟยหันมามองสนมเมิ่งก่อนที่สนมเมิ่งจะทรุดลงนั่งคุกเข่า

    “ขอประทานอภัย หม่อมฉันหมายถึงว่ามีคนไม่พอใจฮองเฮาอยู่มาก อาจจะหาทางทำร้ายฮองเฮาที่อยู่ตำหนักเย็นอยู่นะเพคะ”

    “ไทเฮาอย่างทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ  เป็นอย่างที่สนมเมิ่งว่า ตัวข้านั้นมีคนที่ไม่พอใจข้าอยู่มาก ไม่แปลกหากจะถูกลอบทำร้าย”

    “เรื่องนั้นข้ารู้ แต่เจ้าเป็นถึงฮองเฮาก็ต้องทำเพื่อให้วังหลังนั้นอยู่อย่างสงบหากสนมคนอื่นไม่กลัวเจ้าเกรงว่าวังหลังแห่งนี้คงวุ่นวาย”

    เหยียนเฟยว่าแล้วเหลือบมองสนมเมิ่งที่คุกเข้าอยู่ก่อนจะโบกมือบอกให้อีกคนลุกขึ้น

    “ขอบพระทัยเพคะ”

    “เอาละ เรื่องนั้นปล่อยให้ฝ่าบาททรงจัดการหาตัวคนร้ายไป  เจ้าก็รักษาตัวดีๆ”

    “ขอบพระทัยไทเฮา”

    เหยียนเฟยว่าแล้วลุกขึ้น

    “เจ้าก็กลับไปพร้อมข้าเลยแล้วกันนะสนมเมิ่ง ฮองเฮาจะได้พักผ่อน”

    “เพคะไทเฮา  หม่อมฉันทูลลา”

    สนมเมิ่งรับคำก่อนจะย่อกายลาอี้หมิงแล้วเดินตามเหยียนเฟยออกไป

    หลังจากที่ทั้งหมดเดินออกไปซื่อซื่อก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    “ไม่คิดว่าสนมเมิ่งจะมาหาท่านที่นี้”

    “นางคงอยากจะมาดูว่าข้าเจ็บมากน้อยเพียงใด”

    “ไม่รู้ว่าสนมเมิ่งคิดอะไรอยู่  ระวังตัวเอาไว้ก็ดีนะเพคะ”

    อี้ชิงพยักหน้า

    “เอาขนมที่นางเอามาให้มาให้ข้าชิมสิ”

    อี้ชิงว่าแต่ซื่อซื่อกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    “เป็นอะไร”

    อี้ชิงถาม

    “หม่อมฉันไม่ไว้ใขพระสนมเพคะ  อย่าทานเลยเพคะ”

    ซื่อซื่อว่าก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมา

    “นางคงไม่กล้าวางยาในขนมหรอกมันดูเสี่ยงเกินไปในตอนนี้  เจ้าอย่าคิดมากเลย”

    “จะไม่ให้หม่อนฉันคิดมากได้อย่างไรกันเพคะ เมื่อคืนยังเกิดเหตุลอบวางเพลิงขึ้นได้ ตอนนี้ก็ยังหาตัวคนร้ายยังไม่ได้เลย”

    “ข้ารู้  ข้าไม่กินก็ได้  เจ้าจะได้สบายใจ”

    อี้ชิงว่าก่อนที่ซื่อซื่อจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจแล้วยกขนมที่สนมเมิ่งเอามาให้ออกไปทิ้งส่วนอี้ชิงก็นั่งกินขนมที่ไทเฮาเอามาให้อยู่บนเตียง

     

     

     

     

    ********************

     

     

     

     

    “ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ”

    หัวหน้ากองสืบสวนว่าก่อนที่อี้ฝานที่นั่งอ่านฏีกาจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่เข้ามารายงานเรื่องเหตุเพลิงไหม้ที่ตำหนักเย็น

    “ทำไมถึงยังไม่ได้เรื่องอะไรอีก”

    “ตอนเกิดเหตุเป็นช่วงที่เปลี่ยนกะทหารยามพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ฝานวางฏีกาในมือลง

    “ทหารยามมีคนของตระกูลเมิ่งหรือไม่”

    “เรื่องนั้นต้องใช้เวลาตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ  แต่ช่วงสองสามปีหลังมานี้ตระกูลเมิ่งนั้นมีอำนาจมากขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

    “เพราะมีคนสนับสนุกตระกูลเมิ่งมากขึ้นใช่หรือไม่”

    “พ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ฝานพอจะรู้อยู่เหมือนกันว่าตั้งแต่อี้หมิงไปอยู่ที่ตำหนักเย็นแล้วหลายตระกูลที่เคยสนับสนุนอี้หมิงนั้นย้ายไปสนับสนุนสนมเมิ่งนั้นมากพอสมควร

    “เจ้าไปสืบมาให้หมดเรื่องคนของตระกูลเมิ่ง  เพราะเรื่องนี้ข้าไม่อาจอยู่นิ่งได้”

    “รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

    “เจ้าไปได้แล้ว”

    “กระหม่อมทูลลา”

    หัวหน้ากองสืบสวนเดินออกไปก่อนที่ขันทีชราจะเดินเข้ามา

    “มีเรื่องอะไร”

    “เมื่อช่วงสาย สนมเมิ่งไปเยี่ยมฮองเฮาที่ตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ฝานขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

    “และฮองเฮาทรงให้สนมเมิ่งเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

    “แปลก”

    อี้ฝานว่า

    “พ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้จะมีไทเฮาทรงอยู่ด้วยแต่น่าแปลกที่ฮองเฮาให้สนมเมิ่งเข้าเฝ้า”

    “ตอนนี้ละ”

    “ไทเฮาและสนมเมิ่งทรงกลับตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ฝานพยักหน้าก่อนจะโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายออกไป

    ส่วนอี้ฝานก็นั่งนึกถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของอี้หมิงที่เขาได้เจอ

    “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่  เจ้าถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”

     

     

    “ฮัดชิ้ว”

    อี้ชิงจามออกมาเบาๆ

    “ให้หม่อมฉันไปตามหมอหลวงมาดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”

    อู๋หมิงถามก่อนที่อี้ชิงจะโบกมือไม่ต้องไปตามหมอหลวงให้วุ่นวาย

    “ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย พวกเจ้าอย่ากังวลมากเกินไปเลย”

    “ไม่ให้กังวลได้อย่างไรเพคะ  ท่านเพิ่งจะผ่านเรื่องความเป็นความตายมา”

    ซื่อซื่อว่าก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมาโชคดีจริงๆที่เขาได้มาเจอคนทั้งสอง

    “ฮองเฮา  ใต้เท้าจางขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

    “ใต้เท้าจาง?”

    อี้ชิงทำสีหน้าฉงนมองซื่อซื่อกับอู๋หมิงอย่างสงสัย

    “นายท่านเพคะ  บิดาของท่าน”

    ซื่อซื่อบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนที่อี้ชิงจะตกใจ

    “ให้ใต้เท้าจางเข้ามา”

    อี้ชิงว่าก่อนที่ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางชั้นสูงจะเดินเข้ามาพร้อมหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมๆกัน

    “ถวายพระพรฮองเฮา”

    ใต้เท้าจาง หรือจางรุ่ยฮวงจะโค้งให้ตามด้วยจาง ซีซี

    “ท่านพ่อ  ท่านแม่”

    อี้ชิงเรียกเสียงเบา จู่ๆเขาก็รู้สึกอิจฉาอี้หมิงทีมีพ่อและแม่ส่วนเขานั้นเติบโตมาโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตนเป็นใคร

    “แม่ดีใจที่เจ้าปลอดภัยเหลือเกินอี้หมิง

    ซีซีเดินเข้ามานั่งข้างๆอี้ชิงพร้อมกอดบุตรชายแน่นอย่างคิดถึงเพราะนางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงคืนยศให้อี้หมิงและยกโทษให้อี้หมิงออกจากตำหนักเย็น นางคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอบุตรชายคนนี้เสียแล้ว

    “ขอใต้เท้าและนายหญิงโปรดลงโทษข้าน้อยที่ดูแลฮองเฮาได้ไม่ดีเจ้าค่ะ”

    ซื่อซื่อว่าแล้วคุกเข่านั่งลงก้มศีรษะจนติดพื้นตามด้วยอู๋หมิง

    “หาใช่ความผิดของพวกเจ้าไม่  ลุกขึ้นเถิด”

    เป็นรุ่ยฮวงที่พูดบอกก่อนที่ซื่อซื่อและอู๋หมิงจะเงยหน้าขึ้น

    “ใช่ เพียงแค่พวกเจ้าไม่ทิ้งลูกข้าไปไหนพวกข้าก็ดีใจมากแล้ว  อย่าโทษตัวเองเลย”

    ซีซีว่าเพราะนางก็รักและเอ็นดูซื่อซื่อและอู๋หมิงไม่น้อยเพราะเห็นทั้งสองมาตั้งแต่ยังเล็กทั้งยังดูแลอี้หมิงไม่ห่างแค่นั้นนางก็รู้สึกขอบคุณทั้งสองมากแล้ว

    “เรื่องในวังหลังพวกข้านั้นเข้าใจดี  แค่พวกเจ้าดูแลอี้หมิงไม่ถอดทิ้งอี้หมิงยามตกทุกข์ข้าก็รู้สึกอุ่นใจและรู้สึกขอบคุณพวกเจ้าจริงๆ”

    ซีซียิ้มให้

    “เห็นเจ้าปลอดภัยดี พ่อก็เบาใจ”
    รุ่ยฮวงว่าแล้วลูบศีรษะอี้หมิงเบาๆส่วนอี้ชิงที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดามารดาก็ร้องไห้ออกมา ช่างดีจริงๆความอบอุ่นจากพ่อแม่เป็นเช่นนี้เอง 

    “โธ่ ร้องไห้เสียแล้ว”
    ซีซียิ้มให้กับท่าทางเหมือนเด็กน้อยของบุตรชายที่ร้องไห้ราวกับเด็กน้อยแล้วยกมือลูบศีรษะบุตรชายเบาๆอย่างเอ็นดู

     

     

     

    หลังจากที่รุ่ยฮวงและซีซีกลับไปอี้ชิงก็นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างจนซื่อซื่อและอู๋หมิงต่างเป็นห่วง

    “ฮองเฮาเพคะ”

    ซื่อซื่อร้องเรียกก่อนที่อี้ชิงจะหันมามองอย่างแปลกใจ

    “มีอะไรหรือ”

    “อย่าทรงเศร้าแบบนั้นสิเพคะ”

    ซื่อซื่อว่าแล้วนั่งลงตรงหน้าอี้ชิง

    “ข้าไม่ได้อยากเศร้า  แต่การที่มีท่านพ่อท่านแม่มันดีแบบนี้นี่เอง”

    อี้ชิงว่าเพราะเขาไม่เคยได้สัมพัสถึงความรักหรือความอบอุ่นจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาและมารดาเลยสักครั้งไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อแม่ของเขานั้นมีชีวิตอยู่หรือไม่ พวกเขาจะคิดถึงอี้ชิงแบบที่อี้ชิงคิดถึงพวกท่านหรือไม่

    “โธ่ ตอนนี้ท่านอยู่ในร่างของฮองเฮาอี้หมิงแล้ว นายท่านและนายหญิงก็เปรียบเสมือนท่านพ่อท่านแม่ของท่านนะเพคะ”

    ซื่อซื่อว่า

    “แต่ข้างในไม่ใช่  พวกเจ้าก็รู้ว่าคนที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่  ข้าจะหลอกพวกเขาต่อไปแบบนี้นะหรือ”

    อี้ชิงว่าอย่างเศร้าสร้อย

    “หากบอกนายท่านและนายหญิงไปไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเชื่อหรือไม่  หรืออาจจะมองว่าท่านนั้นป่วย”

    อู๋หมิงว่า

    “แต่พวกเขาก็อยู่กับฮองเฮาอี้หมิงมานานก็ย่อมรู้ว่าสิ่งที่ข้านั้นพูดไปเป็นจริงก็ได้”

    อี้ชิงว่า

    “ข้าว่าพวกเราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า  หากวันหน้านายท่านและนายหญิงสงสัยเรื่องของท่านถึงตอนนั้นเราค่อยบอกความจริงก็ไม่สายนะเพคะ”

    ซื่อซื่อว่าก่อนที่อู๋หมิงจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “ใช่พ่ะย่ะค่ะ  ตอนนี้ท่านควรพักผ่อนเสียก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง”

    อู๋หมิงบอกอย่างเป็นห่วง

    “ก็ได้  งั้นพวกเจ้าออกไปเถอะ  ข้าจะนอนสักงีบ”

    “เพคะ”

    ซื่อซื่อยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพยุงอี้ชิงไปนอนที่เตียงก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป

    ส่วนอี้ชิงก็ได้แต่นอนมองเพดานห้องนิ่งและก็คิดว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไปดีจนกระทั่งยาที่ดื่มไปก่อนหน้านี้จะออกฤทธิ์ทำให้ดวงตากลมปรอยปรือและหลับลงในที่สุด

     

     

    ********************

     

    หลายวันต่อมา

    ด้วยความที่รู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งๆนอนๆอยู่ในตำหนักอี้ชิงก็ได้ออกมาเดินเล่นที่สวนโดยที่อี้ฝานนั้นอนุญาติให้อี้ชิงออกมาได้โดยที่มีเหล่าองครักษ์มากมายติดตามไปด้วย

    “ข้าแค่ออกมาเดินเล่นแค่นี้ต้องให้คนตามขนาดนี้เชียวหรือ”

    อี้ชิงบ่นเมื่อเห็นเหล่าผู้ติดตามที่เดินมามากมาย

    “เป็นธรรมดาเพคะ และเพราะว่าเกิดเรื่องกับท่านตอนนี้ฝ่าบาทเลยให้เพิ่มคนคุ้มกันท่านมากขึ้นไปอีก”
    ซื่อซื่อว่าก่อนที่จะหยุดเดินเมื่อเห็นสนมเซียงเดินมาหยุดตรงหน้า

    “ถวายพระพรฮองเฮา”

    สนมเซียงย่อกายให้อี้หมิงส่วนอี้ชิงได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

    “พระสนมเซียงเพคะ”

    ซื่อซื่อกระซิบบอกก่อนที่อี้ชิงจะพยักหน้าเบาๆ

    “เห็นพระองค์ทรงปลอดภัยหม่อมฉันก็ดีใจเพคะ  โปรดทรงอภัยด้วยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมฮองเฮาที่ตำหนักใหญ่เลย หม่อมฉันกลัวว่าจะไปรบกวนเลยรอให้พระองค์แข็งแรงกว่านี้เสียหน่อยค่อยไปเยี่ยม ไม่คิดว่าจะได้เจอพระองค์ที่นี้”

    “ไม่เป็นไร  ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อุดอู้อยู่ที่ตำหนักมาก็หลายวัน วันนี้เลยออกมาเดินเล่นเสียหน่อยนะ”

    อี้ชิงว่าแล้วมองอีกคนอย่างสำรวจ ก็พบว่าสนมเซียงนั้นก็มีใบหน้าที่งดงามไม่ต่างจากสนมเมิ่งแต่สนมเซียงนั้นดูเหมือนจะชอบสีแดงมากเพราะริมฝีปากเล็กนั้นทาด้วยสีแดง และชุดที่นางใส่ก็ปักด้วยดอกเหมยสีแดง

    และกิริยาต่างๆต่อหน้าเขาดูก็รู้ว่าไม่ค่อยชอบอี้หมิง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอาการออกมามากนักเพราะตำแหน่งของอีกคนนั้นอยู่ต่ำกว่า

    “งั้นหม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว ไว้หม่อมฉันจะไปเยี่ยมที่ตำหนักนะเพคะ”

    สนมเซียงว่าก่อนจะย่อกายลงแล้วเดินหลบออกไป

    “ระหว่างสนมเซียงกับสนมเมิ่งข้าคิดว่าสนมเมิ่งน่ากลัวกว่าสนมเซียงอีก”

    “เพคะ แต่ตอนนี้ไม่มีใครน่าไว้ใจทั้งนั้นเพคะ”

    ซื่อซื่อว่าก่อนที่อี้ชิงจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ซื่อซื่อพูดมา

    “เดินไปตรงนั้นกัน”

    อี้ชิงว่าแล้วชี้ไปที่ศาลากลางน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลก่อนที่อี้ชิงจะเดินนำทุกคนไปที่นั้น

    “ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย”

    อี้ชิงว่าแล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจเพราะอยู่แต่ที่ตำหนักไม่ได้ออกไปไหนกว่าอี้ฝานจะยอมให้อี้ชิงออกมาเดินเล่นก็หลายวันจนหมอหลวงยืนยันว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรมาแล้วอีกฝ่ายถึงยอมให้เขาออกมาเดินเล่นแบบนี้ได้

    “อุดอู้อยู่แต่ในตำหนักมาตั้งหลายวัน  น่าเบื่อจนข้าอยากกลับไปอยู่ที่ตำหนักเย็น”

    อี้ชิงว่าก่อนที่ซื่อซื่อและอู๋หมิงจะหัวเราะออกมา

    “อยู่ที่นั้นข้าไม่ต้องได้เจอใคร อยากทำสิ่งใดก็ได้โดยที่ไม่ต้องระวังอะไร”

    “แต่อยู่ที่นี้ก็สบายกว่าอยู่ที่ตำหนักเย็นนะเพคะ”

    “สบายก็จริง  อยู่ที่นั้นข้าก็สบายดีสบายกว่าตอนอยู่ที่นี้เสียอีก”

    อี้ชิงว่า

    “เจ้าจะบอกว่าเจ้าอยากกลับไปอยู่ที่ตำหนักเย็น”

    เป็นเสียงอี้ฝานที่พูดขึ้นทำเอาซื่อซื่อและอู๋หมิงรีบโค้งเคารพแล้วหลับฉากออกไปเมื่ออี้ฝานโบกมือไล่ทั้งสองให้ออกไป

    “ข้ายังไม่ได้บอกเสียหน่อย  แค่บอกว่าอยู่ที่นั้นสบายใจดีก็เท่านั้น”

    อี้ชิงว่าก่อนที่ร่างสูงในชุดมังกรจะเดินมายืนข้างๆ

    “แล้วอยู่ที่นี้ไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ”

    อี้ฝานถามแล้วมองร่างเล็กที่เอาแต่มองไปยังสระบัวไม่ยอมมองเขา

    “ไม่สบายใจเท่าไร”

    อี้ชิงตอบ

    “น่าแปลก  ใครๆต่างก็ไม่ชอบตำหนักเย็น”

    “ที่นั้นสงบ  และข้าก็ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร”

    “อยากกลับไปที่อยู่ที่นั้นอีกรึไม่ละ”
    อี้ฝานถามก่อนที่อี้ชิงจะหันมามองอีกฝ่าย

    “อยากไป  แต่ต้องไม่ใช่ไปอยู่เพราะมีความผิด”

    อี้ชิงว่า

    “แต่ที่นั้นเป็นที่สำหรับผู้ที่ทำผิด”

    “แปลว่าข้าก้ไม่สามารถกลับไปอยู่ที่นั้นได้อีกแล้วนะสิ”

    “ก็ไม่แน่”

    อี้ฝานว่าก่อนที่อี้ชิงจะหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด

    “ข้าไม่ได้มีความผิดใหญ่หลวงอะไรที่ต้องไปอยู่ที่นั้น”

    “เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ”

    “ใช่ เรื่องที่สนมเมิ่งแท้งนั้นข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะข้าไม่มีทางทำร้ายเด็กน้อยตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องเป็นอันขาด  และท่านอย่าลืมว่าอี้หมิงนั้นอยากจะมีบุตรมากแค่ไหน”

    อี้ชิงบอกเพราะเขารับรู้เรื่องราวของอี้หมิงผ่านซื่อซื่อและอู๋หมิงมาหลายเรื่องและเรื่องที่สำคัญมากๆก็คืออี้หมิงนั้นอยากมีทายาทให้อี้ฝานมากและจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากอี้หมิงจะทำเพราะไม่อยากให้สนมเมิ่งตั้งท้อง

    อี้ฝานหันมามองอี้หมิงที่มองเขาอยู่

    “และข้าก็อยากให้ท่านหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ความจริงเรื่องนี้กระจ่างคืนความยุติธรรมให้ข้าและบุตรของท่านด้วย”

    “แล้วเจ้าสงสัยใครหรือไม่”

    อี้ฝานถามก่อนที่อี้ชิงจะส่ายหน้า

    “ข้าบอกท่านไม่ได้ เพราะถ้าหากบอกไปท่านอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดก็ได้”

    อี้ชิงตอบแล้วหันหน้าไปมองสระบัวอีกครั้ง

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

    “เพราะท่านไม่เคยเชื่อคำพูดของข้าอยู่แล้ว”

    อี้ฝานเงียบลงเมื่อสิ่งที่อี้หมิงพูดนั้นก็ถูกทั้งหมดแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจลึกของเขากลับบอกว่าอีกฝ่ายนั้นพูดความจริงและเขาสามารถเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาได้

    “นั้นอาจจะเป้นแต่ก่อน”

    อี้ฝานว่าก่อนที่อี้ชิงจะหันมามองคนด้างข้างอย่างตกใจก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากอี้ฝานเบาๆ

    “ตัวท่านก็ไม่ร้อน  เหตุใดถึงพูดอะไรแปลกๆออกมากัน”

    อี้ชิงว่าก่อนที่อี้ฝานจะจับมืออี้ชิงให้ออกจากหน้าผากตัวเองส่วนนางกำนัลและผู้ติดตามทั้งหลายถึงกับตกใจกับภาพตรงหน้า

    “ข้าไม่ได้เป็นอะไร”

    “ท่านอาจจะทำงานหนักจนสมองล้า  ข้าว่าท่านควรจะพักผ่อนเสียหน่อยนะ”

    อี้ชิงว่าก่อนที่อี้ฝานจะหลุดขำออกมากับท่าทางขมวดคิ้วคิดหนักนั้น

    “ยังจะมาขำอีก  แดดร้อนจนท่านเพี้ยนไปแน่ๆ”

    อี้ชิงว่าแล้วขยับตัวออกห่าง

    “คนที่เพี้ยนอาจจะเป็นเจ้าไม่ใช่ข้า  เพิ่งหายป่วยไม่นานก็ออกมาตากแดดตากลมแบบนี้”

    “ข้าแข็งแรงดี  ท่านหมอหลวงก็บอกอยู่  ท่านต่างหากละให้หมอหลวงมาตรวจอาการหน่อยก็ดีนะช่วงนี้ท่านยิ่งพูดจากแปลกๆ”

    อี้ชิงว่าแล้วมองอีกคนอย่างไม่ไว้ใจบางทีนี้อาจจะเป็นแผนของฝ่าบาทที่หลอกให้อี้ชิงตายใจและเชือดเขาทิ้งที่หลังก็ได้

    “ข้าว่าข้ากลับตำหนักก่อนดีกว่า  ท่านก็อย่าลืมให้หมอหลวงมาตรวจอาการท่านด้วยละ”

    อี้ฝานหลุดหัวเราะออกมาก่อนที่อี้ชิงจะรีบเดินออกจากศาลาไปส่วนอี้ฝานก้ได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางแปลกๆนั้นของอี้หมิงดูท่าคนที่เพี้ยนจะไม่ใช่เขาแต่เป็นอีกฝ่ายต่างหาก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ********************************

    ฝ่าบาทเริ่มใจอ่อนยอมคุยกับน้องดีๆแล้วค่ะ

    ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ

    ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×