คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ แปด
ตอนที่ ๘
ช่วงสาย ที่ตำหนักใหญ่
“ไทเฮาเสด็จ”
เสียงขันทีหน้าห้องดังขึ้นทำให้อี้ชิงที่นั่งอยู่ที่เตียงเตรียมลุกยืนก่อนที่เหยียนเฟยจะเดินเข้ามาในห้องแล้วยกมือห้ามไม่ให้อี้ชิงลุกก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเตียงแล้วกุมมืออี้ชิงเอาไว้
“เมื่อคืนข้าได้ข่าวก็อยากจะมาหาเจ้าแล้วแต่ฝ่าบาทห้ามข้าเอาไว้เสียก่อน คงตกใจน่าดู”
เหยียนเฟยว่าแล้วสำรวจร่างกายอี้ชิงไปด้วยก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมา
“ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วโปรดวางใจ”
เหยียนเฟยมองคนตรงหน้าอย่างโล่งใจเพราะถ้าหากอี้หมิงเป็นอะไรขึ้นมานางคงรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ออกมาปกป้องอี้หมิงให้พ้นผิด
“ข้าขอถามอะไรเจ้าสักข้อหนึ่งได้หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่ได้วางยาให้สนมเมิ่งแท้งใช่ไหม”
อี้ชิงพยักหน้า เพราะเขามั่นใจว่าถึงอี้หมิงนั้นจะร้ายเพียงใดก็ไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ๆและซื่อซื่อและอู๋หมิงก็บอกเขาแล้วว่าอี้หมิงไม่ได้ทำเรื่องนี้แน่นอน
“ข้าเชื่อเจ้าอี้หมิง แต่ไม่รู้ฝ่าบาทจะเชื่อเจ้าหรือไม่”
เหยียนเฟยว่าก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมาถึงแม้ว่าอี้ชิงจะไม่เคยเจออีกฝ่ายเลยแต่ความรู้สึกลึกๆในใจกลับร้องบอกว่าอีกฝ่ายนั้นรักและเอ็นดูเขามาก
“เห็นเจ้าไม่เป็นอะไรมากข้าก็เบาใจ ข้าให้คนครัวเตรียมขนมมาให้เจ้าด้วย กินสักหน่อยสิ”
เหยียนเฟยว่าก่อนที่นางกำนัลจะยกถาดขนมเข้ามาส่วนซื่อซื่อก็รับมาก่อนจะคุกเข่านั่งลงข้างเตียงส่งขนมให้อี้ชิง
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
อี้ชิงยิ้มให้ก่อนจะหยิบขนมเฉียนถั่วขึ้นมากิน
“เป็นอย่างไร ถูกแกเจ้าหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ อร่อยมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
อี้ชิงตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เหยียนเฟยจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ทูลไทเฮา ทูลฮองเฮา พระสนมเมิ่งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีหน้าตำหนักเดินเข้ามารายงานก่อนที่เหยียนเฟยจะหันมามองอี้หมิง
“หากเจ้ายังไม่อยากเจอนาง ข้าจะให้คนไปบอกให้นางกลับไปก่อน”
เหยียนเฟยพูดบอกเพราะนางรู้ดีว่าทั้งสองไม่ถูกกันมากหากไม่ใช่งานพิธีหรืองานสำคัญอี้หมิงจะไม่เจอสนมเมิ่งเด็ดขาด
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ให้สนมเมิ่งเข้ามา”
อี้ชิงยิ้มให้เพราะเขาก็อยากเจออีกฝ่ายอยู่เหมือนกันว่าสนมเมิ่งคนนั้นจะต้องการอะไรจากเขากันแน่
“ไปตามสนมเมิ่งมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีหนุ่มเดินออกไปก่อนที่สนมเมิ่งในชุดสีฟ้าอ่อนจะเดินเข้ามา
“ถวายพระพรไทเฮา ฮองเฮา”
อี้ชิงมองหญิงสาวที่กำลังย่อกายลงเคารพเหยียนเฟยและตัวเขา
เป็นหญิงสาวที่งดงามจริงๆไม่แปลกหากฝ่าบาทจะทรงรักและนางจะกลายเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาททั้งกริยาที่อ่อนหวานนั้น ใบหน้าที่งดงามราวกับนางสวรรค์นั้นอีก
“ได้มาเห็นว่าฮองเฮาปลอดภัยดีหม่อมฉันก็ดีใจเพคะ”
สนมเมิ่งบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน
“ขอบใจ”
“หม่อมฉันให้คนเตรียมขนมมาให้ด้วยหวังว่าฮองเฮาจะชอบ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
อี้ชิงบอกก่อนจะให้ซื่อซื่อไปยกขนมมาวางที่โต๊ะ
เหยียนเฟยมองอี้หมิงที่พูดจากับสนมเมิ่งอย่างแปลกใจไม่เพียงแต่พูดตอบด้วยเสียงธรรมดาแล้วยังมองหน้าสนมเมิ่งไม่หลบหลีกอีกด้วย ช่างแปลกยิ่งหนัก
“ยินดีด้วยที่ได้คืนยศกลับมาเพคะ”
สนมเมิ่งยิ้มให้ก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มตอบ
“ฝ่าบาททรงห่วงข้านะ กลัวว่าคนร้ายจะก่อเหตุร้ายขึ้นอีก”
“นั้นสิเพคะ หม่อมฉันก็เป็นห่วงฮองเฮาอยู่เหมือนกัน ได้แต่สวดมนต์ขอให้ท่านปลอดภัย”
“ช่างจิตใจดีเสียจริง”
เหยียนเฟยว่าก่อนที่สนมเมิ่งจะยิ้มให้
“ไม่เลยเพคะ ฮองเฮานั้นเป็นคนสำคัญหากเกิดอะไรขึ้นคงไม่ใช่เรื่องดี”
“ใช่ อี้หมิงนั้นเป็นคนสำคัญ ข้ายังนึกไม่ออกเลยว่าใครกันช่างทำเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้น”
เหยียนเฟยว่า
“นั้นสิเพคะ แต่. . .”
“แต่อะไร”
“ฮองเฮานั้นมีศัตรูมาก คงยากที่จะหาตัวคนร้าย”
สนมเมิ่งพูดเสียงเบา
“ศัตรู?”
เหยียนเฟยหันมามองสนมเมิ่งก่อนที่สนมเมิ่งจะทรุดลงนั่งคุกเข่า
“ขอประทานอภัย หม่อมฉันหมายถึงว่ามีคนไม่พอใจฮองเฮาอยู่มาก อาจจะหาทางทำร้ายฮองเฮาที่อยู่ตำหนักเย็นอยู่นะเพคะ”
“ไทเฮาอย่างทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ เป็นอย่างที่สนมเมิ่งว่า ตัวข้านั้นมีคนที่ไม่พอใจข้าอยู่มาก ไม่แปลกหากจะถูกลอบทำร้าย”
“เรื่องนั้นข้ารู้ แต่เจ้าเป็นถึงฮองเฮาก็ต้องทำเพื่อให้วังหลังนั้นอยู่อย่างสงบหากสนมคนอื่นไม่กลัวเจ้าเกรงว่าวังหลังแห่งนี้คงวุ่นวาย”
เหยียนเฟยว่าแล้วเหลือบมองสนมเมิ่งที่คุกเข้าอยู่ก่อนจะโบกมือบอกให้อีกคนลุกขึ้น
“ขอบพระทัยเพคะ”
“เอาละ เรื่องนั้นปล่อยให้ฝ่าบาททรงจัดการหาตัวคนร้ายไป เจ้าก็รักษาตัวดีๆ”
“ขอบพระทัยไทเฮา”
เหยียนเฟยว่าแล้วลุกขึ้น
“เจ้าก็กลับไปพร้อมข้าเลยแล้วกันนะสนมเมิ่ง ฮองเฮาจะได้พักผ่อน”
“เพคะไทเฮา หม่อมฉันทูลลา”
สนมเมิ่งรับคำก่อนจะย่อกายลาอี้หมิงแล้วเดินตามเหยียนเฟยออกไป
หลังจากที่ทั้งหมดเดินออกไปซื่อซื่อก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ไม่คิดว่าสนมเมิ่งจะมาหาท่านที่นี้”
“นางคงอยากจะมาดูว่าข้าเจ็บมากน้อยเพียงใด”
“ไม่รู้ว่าสนมเมิ่งคิดอะไรอยู่ ระวังตัวเอาไว้ก็ดีนะเพคะ”
อี้ชิงพยักหน้า
“เอาขนมที่นางเอามาให้มาให้ข้าชิมสิ”
อี้ชิงว่าแต่ซื่อซื่อกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เป็นอะไร”
อี้ชิงถาม
“หม่อมฉันไม่ไว้ใขพระสนมเพคะ อย่าทานเลยเพคะ”
ซื่อซื่อว่าก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมา
“นางคงไม่กล้าวางยาในขนมหรอกมันดูเสี่ยงเกินไปในตอนนี้ เจ้าอย่าคิดมากเลย”
“จะไม่ให้หม่อนฉันคิดมากได้อย่างไรกันเพคะ เมื่อคืนยังเกิดเหตุลอบวางเพลิงขึ้นได้ ตอนนี้ก็ยังหาตัวคนร้ายยังไม่ได้เลย”
“ข้ารู้ ข้าไม่กินก็ได้ เจ้าจะได้สบายใจ”
อี้ชิงว่าก่อนที่ซื่อซื่อจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจแล้วยกขนมที่สนมเมิ่งเอามาให้ออกไปทิ้งส่วนอี้ชิงก็นั่งกินขนมที่ไทเฮาเอามาให้อยู่บนเตียง
********************
“ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้ากองสืบสวนว่าก่อนที่อี้ฝานที่นั่งอ่านฏีกาจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่เข้ามารายงานเรื่องเหตุเพลิงไหม้ที่ตำหนักเย็น
“ทำไมถึงยังไม่ได้เรื่องอะไรอีก”
“ตอนเกิดเหตุเป็นช่วงที่เปลี่ยนกะทหารยามพ่ะย่ะค่ะ”
อี้ฝานวางฏีกาในมือลง
“ทหารยามมีคนของตระกูลเมิ่งหรือไม่”
“เรื่องนั้นต้องใช้เวลาตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ แต่ช่วงสองสามปีหลังมานี้ตระกูลเมิ่งนั้นมีอำนาจมากขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะมีคนสนับสนุกตระกูลเมิ่งมากขึ้นใช่หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อี้ฝานพอจะรู้อยู่เหมือนกันว่าตั้งแต่อี้หมิงไปอยู่ที่ตำหนักเย็นแล้วหลายตระกูลที่เคยสนับสนุนอี้หมิงนั้นย้ายไปสนับสนุนสนมเมิ่งนั้นมากพอสมควร
“เจ้าไปสืบมาให้หมดเรื่องคนของตระกูลเมิ่ง เพราะเรื่องนี้ข้าไม่อาจอยู่นิ่งได้”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไปได้แล้ว”
“กระหม่อมทูลลา”
หัวหน้ากองสืบสวนเดินออกไปก่อนที่ขันทีชราจะเดินเข้ามา
“มีเรื่องอะไร”
“เมื่อช่วงสาย สนมเมิ่งไปเยี่ยมฮองเฮาที่ตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”
อี้ฝานขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“และฮองเฮาทรงให้สนมเมิ่งเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“แปลก”
อี้ฝานว่า
“พ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้จะมีไทเฮาทรงอยู่ด้วยแต่น่าแปลกที่ฮองเฮาให้สนมเมิ่งเข้าเฝ้า”
“ตอนนี้ละ”
“ไทเฮาและสนมเมิ่งทรงกลับตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อี้ฝานพยักหน้าก่อนจะโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายออกไป
ส่วนอี้ฝานก็นั่งนึกถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของอี้หมิงที่เขาได้เจอ
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”
“ฮัดชิ้ว”
อี้ชิงจามออกมาเบาๆ
“ให้หม่อมฉันไปตามหมอหลวงมาดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”
อู๋หมิงถามก่อนที่อี้ชิงจะโบกมือไม่ต้องไปตามหมอหลวงให้วุ่นวาย
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย พวกเจ้าอย่ากังวลมากเกินไปเลย”
“ไม่ให้กังวลได้อย่างไรเพคะ ท่านเพิ่งจะผ่านเรื่องความเป็นความตายมา”
ซื่อซื่อว่าก่อนที่อี้ชิงจะยิ้มออกมาโชคดีจริงๆที่เขาได้มาเจอคนทั้งสอง
“ฮองเฮา ใต้เท้าจางขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าจาง?”
อี้ชิงทำสีหน้าฉงนมองซื่อซื่อกับอู๋หมิงอย่างสงสัย
“นายท่านเพคะ บิดาของท่าน”
ซื่อซื่อบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนที่อี้ชิงจะตกใจ
“ให้ใต้เท้าจางเข้ามา”
อี้ชิงว่าก่อนที่ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางชั้นสูงจะเดินเข้ามาพร้อมหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมๆกัน
“ถวายพระพรฮองเฮา”
ใต้เท้าจาง หรือจางรุ่ยฮวงจะโค้งให้ตามด้วยจาง ซีซี
“ท่านพ่อ ท่านแม่”
อี้ชิงเรียกเสียงเบา จู่ๆเขาก็รู้สึกอิจฉาอี้หมิงทีมีพ่อและแม่ส่วนเขานั้นเติบโตมาโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตนเป็นใคร
“แม่ดีใจที่เจ้าปลอดภัยเหลือเกินอี้หมิง
ซีซีเดินเข้ามานั่งข้างๆอี้ชิงพร้อมกอดบุตรชายแน่นอย่างคิดถึงเพราะนางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงคืนยศให้อี้หมิงและยกโทษให้อี้หมิงออกจากตำหนักเย็น นางคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอบุตรชายคนนี้เสียแล้ว
“ขอใต้เท้าและนายหญิงโปรดลงโทษข้าน้อยที่ดูแลฮองเฮาได้ไม่ดีเจ้าค่ะ”
ซื่อซื่อว่าแล้วคุกเข่านั่งลงก้มศีรษะจนติดพื้นตามด้วยอู๋หมิง
“หาใช่ความผิดของพวกเจ้าไม่ ลุกขึ้นเถิด”
เป็นรุ่ยฮวงที่พูดบอกก่อนที่ซื่อซื่อและอู๋หมิงจะเงยหน้าขึ้น
“ใช่ เพียงแค่พวกเจ้าไม่ทิ้งลูกข้าไปไหนพวกข้าก็ดีใจมากแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย”
ซีซีว่าเพราะนางก็รักและเอ็นดูซื่อซื่อและอู๋หมิงไม่น้อยเพราะเห็นทั้งสองมาตั้งแต่ยังเล็กทั้งยังดูแลอี้หมิงไม่ห่างแค่นั้นนางก็รู้สึกขอบคุณทั้งสองมากแล้ว
“เรื่องในวังหลังพวกข้านั้นเข้าใจดี แค่พวกเจ้าดูแลอี้หมิงไม่ถอดทิ้งอี้หมิงยามตกทุกข์ข้าก็รู้สึกอุ่นใจและรู้สึกขอบคุณพวกเจ้าจริงๆ”
ซีซียิ้มให้
“เห็นเจ้าปลอดภัยดี พ่อก็เบาใจ”
รุ่ยฮวงว่าแล้วลูบศีรษะอี้หมิงเบาๆส่วนอี้ชิงที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดามารดาก็ร้องไห้ออกมา ช่างดีจริงๆความอบอุ่นจากพ่อแม่เป็นเช่นนี้เอง
“โธ่ ร้องไห้เสียแล้ว”
ซีซียิ้มให้กับท่าทางเหมือนเด็กน้อยของบุตรชายที่ร้องไห้ราวกับเด็กน้อยแล้วยกมือลูบศีรษะบุตรชายเบาๆอย่างเอ็นดู
หลังจากที่รุ่ยฮวงและซีซีกลับไปอี้ชิงก็นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างจนซื่อซื่อและอู๋หมิงต่างเป็นห่วง
“ฮองเฮาเพคะ”
ซื่อซื่อร้องเรียกก่อนที่อี้ชิงจะหันมามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรหรือ”
“อย่าทรงเศร้าแบบนั้นสิเพคะ”
ซื่อซื่อว่าแล้วนั่งลงตรงหน้าอี้ชิง
“ข้าไม่ได้อยากเศร้า แต่การที่มีท่านพ่อท่านแม่มันดีแบบนี้นี่เอง”
อี้ชิงว่าเพราะเขาไม่เคยได้สัมพัสถึงความรักหรือความอบอุ่นจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาและมารดาเลยสักครั้งไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อแม่ของเขานั้นมีชีวิตอยู่หรือไม่ พวกเขาจะคิดถึงอี้ชิงแบบที่อี้ชิงคิดถึงพวกท่านหรือไม่
“โธ่ ตอนนี้ท่านอยู่ในร่างของฮองเฮาอี้หมิงแล้ว นายท่านและนายหญิงก็เปรียบเสมือนท่านพ่อท่านแม่ของท่านนะเพคะ”
ซื่อซื่อว่า
“แต่ข้างในไม่ใช่ พวกเจ้าก็รู้ว่าคนที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่ ข้าจะหลอกพวกเขาต่อไปแบบนี้นะหรือ”
อี้ชิงว่าอย่างเศร้าสร้อย
“หากบอกนายท่านและนายหญิงไปไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเชื่อหรือไม่ หรืออาจจะมองว่าท่านนั้นป่วย”
อู๋หมิงว่า
“แต่พวกเขาก็อยู่กับฮองเฮาอี้หมิงมานานก็ย่อมรู้ว่าสิ่งที่ข้านั้นพูดไปเป็นจริงก็ได้”
อี้ชิงว่า
“ข้าว่าพวกเราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า หากวันหน้านายท่านและนายหญิงสงสัยเรื่องของท่านถึงตอนนั้นเราค่อยบอกความจริงก็ไม่สายนะเพคะ”
ซื่อซื่อว่าก่อนที่อู๋หมิงจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านควรพักผ่อนเสียก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง”
อู๋หมิงบอกอย่างเป็นห่วง
“ก็ได้ งั้นพวกเจ้าออกไปเถอะ ข้าจะนอนสักงีบ”
“เพคะ”
ซื่อซื่อยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพยุงอี้ชิงไปนอนที่เตียงก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป
ส่วนอี้ชิงก็ได้แต่นอนมองเพดานห้องนิ่งและก็คิดว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไปดีจนกระทั่งยาที่ดื่มไปก่อนหน้านี้จะออกฤทธิ์ทำให้ดวงตากลมปรอยปรือและหลับลงในที่สุด
********************
หลายวันต่อมา
ด้วยความที่รู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งๆนอนๆอยู่ในตำหนักอี้ชิงก็ได้ออกมาเดินเล่นที่สวนโดยที่อี้ฝานนั้นอนุญาติให้อี้ชิงออกมาได้โดยที่มีเหล่าองครักษ์มากมายติดตามไปด้วย
“ข้าแค่ออกมาเดินเล่นแค่นี้ต้องให้คนตามขนาดนี้เชียวหรือ”
อี้ชิงบ่นเมื่อเห็นเหล่าผู้ติดตามที่เดินมามากมาย
“เป็นธรรมดาเพคะ และเพราะว่าเกิดเรื่องกับท่านตอนนี้ฝ่าบาทเลยให้เพิ่มคนคุ้มกันท่านมากขึ้นไปอีก”
ซื่อซื่อว่าก่อนที่จะหยุดเดินเมื่อเห็นสนมเซียงเดินมาหยุดตรงหน้า
“ถวายพระพรฮองเฮา”
สนมเซียงย่อกายให้อี้หมิงส่วนอี้ชิงได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“พระสนมเซียงเพคะ”
ซื่อซื่อกระซิบบอกก่อนที่อี้ชิงจะพยักหน้าเบาๆ
“เห็นพระองค์ทรงปลอดภัยหม่อมฉันก็ดีใจเพคะ โปรดทรงอภัยด้วยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมฮองเฮาที่ตำหนักใหญ่เลย หม่อมฉันกลัวว่าจะไปรบกวนเลยรอให้พระองค์แข็งแรงกว่านี้เสียหน่อยค่อยไปเยี่ยม ไม่คิดว่าจะได้เจอพระองค์ที่นี้”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อุดอู้อยู่ที่ตำหนักมาก็หลายวัน วันนี้เลยออกมาเดินเล่นเสียหน่อยนะ”
อี้ชิงว่าแล้วมองอีกคนอย่างสำรวจ ก็พบว่าสนมเซียงนั้นก็มีใบหน้าที่งดงามไม่ต่างจากสนมเมิ่งแต่สนมเซียงนั้นดูเหมือนจะชอบสีแดงมากเพราะริมฝีปากเล็กนั้นทาด้วยสีแดง และชุดที่นางใส่ก็ปักด้วยดอกเหมยสีแดง
และกิริยาต่างๆต่อหน้าเขาดูก็รู้ว่าไม่ค่อยชอบอี้หมิง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอาการออกมามากนักเพราะตำแหน่งของอีกคนนั้นอยู่ต่ำกว่า
“งั้นหม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว ไว้หม่อมฉันจะไปเยี่ยมที่ตำหนักนะเพคะ”
สนมเซียงว่าก่อนจะย่อกายลงแล้วเดินหลบออกไป
“ระหว่างสนมเซียงกับสนมเมิ่งข้าคิดว่าสนมเมิ่งน่ากลัวกว่าสนมเซียงอีก”
“เพคะ แต่ตอนนี้ไม่มีใครน่าไว้ใจทั้งนั้นเพคะ”
ซื่อซื่อว่าก่อนที่อี้ชิงจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ซื่อซื่อพูดมา
“เดินไปตรงนั้นกัน”
อี้ชิงว่าแล้วชี้ไปที่ศาลากลางน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลก่อนที่อี้ชิงจะเดินนำทุกคนไปที่นั้น
“ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย”
อี้ชิงว่าแล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจเพราะอยู่แต่ที่ตำหนักไม่ได้ออกไปไหนกว่าอี้ฝานจะยอมให้อี้ชิงออกมาเดินเล่นก็หลายวันจนหมอหลวงยืนยันว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรมาแล้วอีกฝ่ายถึงยอมให้เขาออกมาเดินเล่นแบบนี้ได้
“อุดอู้อยู่แต่ในตำหนักมาตั้งหลายวัน น่าเบื่อจนข้าอยากกลับไปอยู่ที่ตำหนักเย็น”
อี้ชิงว่าก่อนที่ซื่อซื่อและอู๋หมิงจะหัวเราะออกมา
“อยู่ที่นั้นข้าไม่ต้องได้เจอใคร อยากทำสิ่งใดก็ได้โดยที่ไม่ต้องระวังอะไร”
“แต่อยู่ที่นี้ก็สบายกว่าอยู่ที่ตำหนักเย็นนะเพคะ”
“สบายก็จริง อยู่ที่นั้นข้าก็สบายดีสบายกว่าตอนอยู่ที่นี้เสียอีก”
อี้ชิงว่า
“เจ้าจะบอกว่าเจ้าอยากกลับไปอยู่ที่ตำหนักเย็น”
เป็นเสียงอี้ฝานที่พูดขึ้นทำเอาซื่อซื่อและอู๋หมิงรีบโค้งเคารพแล้วหลับฉากออกไปเมื่ออี้ฝานโบกมือไล่ทั้งสองให้ออกไป
“ข้ายังไม่ได้บอกเสียหน่อย แค่บอกว่าอยู่ที่นั้นสบายใจดีก็เท่านั้น”
อี้ชิงว่าก่อนที่ร่างสูงในชุดมังกรจะเดินมายืนข้างๆ
“แล้วอยู่ที่นี้ไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ”
อี้ฝานถามแล้วมองร่างเล็กที่เอาแต่มองไปยังสระบัวไม่ยอมมองเขา
“ไม่สบายใจเท่าไร”
อี้ชิงตอบ
“น่าแปลก ใครๆต่างก็ไม่ชอบตำหนักเย็น”
“ที่นั้นสงบ และข้าก็ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร”
“อยากกลับไปที่อยู่ที่นั้นอีกรึไม่ละ”
อี้ฝานถามก่อนที่อี้ชิงจะหันมามองอีกฝ่าย
“อยากไป แต่ต้องไม่ใช่ไปอยู่เพราะมีความผิด”
อี้ชิงว่า
“แต่ที่นั้นเป็นที่สำหรับผู้ที่ทำผิด”
“แปลว่าข้าก้ไม่สามารถกลับไปอยู่ที่นั้นได้อีกแล้วนะสิ”
“ก็ไม่แน่”
อี้ฝานว่าก่อนที่อี้ชิงจะหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด
“ข้าไม่ได้มีความผิดใหญ่หลวงอะไรที่ต้องไปอยู่ที่นั้น”
“เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ใช่ เรื่องที่สนมเมิ่งแท้งนั้นข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะข้าไม่มีทางทำร้ายเด็กน้อยตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องเป็นอันขาด และท่านอย่าลืมว่าอี้หมิงนั้นอยากจะมีบุตรมากแค่ไหน”
อี้ชิงบอกเพราะเขารับรู้เรื่องราวของอี้หมิงผ่านซื่อซื่อและอู๋หมิงมาหลายเรื่องและเรื่องที่สำคัญมากๆก็คืออี้หมิงนั้นอยากมีทายาทให้อี้ฝานมากและจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากอี้หมิงจะทำเพราะไม่อยากให้สนมเมิ่งตั้งท้อง
อี้ฝานหันมามองอี้หมิงที่มองเขาอยู่
“และข้าก็อยากให้ท่านหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ความจริงเรื่องนี้กระจ่างคืนความยุติธรรมให้ข้าและบุตรของท่านด้วย”
“แล้วเจ้าสงสัยใครหรือไม่”
อี้ฝานถามก่อนที่อี้ชิงจะส่ายหน้า
“ข้าบอกท่านไม่ได้ เพราะถ้าหากบอกไปท่านอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดก็ได้”
อี้ชิงตอบแล้วหันหน้าไปมองสระบัวอีกครั้ง
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“เพราะท่านไม่เคยเชื่อคำพูดของข้าอยู่แล้ว”
อี้ฝานเงียบลงเมื่อสิ่งที่อี้หมิงพูดนั้นก็ถูกทั้งหมดแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจลึกของเขากลับบอกว่าอีกฝ่ายนั้นพูดความจริงและเขาสามารถเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาได้
“นั้นอาจจะเป้นแต่ก่อน”
อี้ฝานว่าก่อนที่อี้ชิงจะหันมามองคนด้างข้างอย่างตกใจก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากอี้ฝานเบาๆ
“ตัวท่านก็ไม่ร้อน เหตุใดถึงพูดอะไรแปลกๆออกมากัน”
อี้ชิงว่าก่อนที่อี้ฝานจะจับมืออี้ชิงให้ออกจากหน้าผากตัวเองส่วนนางกำนัลและผู้ติดตามทั้งหลายถึงกับตกใจกับภาพตรงหน้า
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
“ท่านอาจจะทำงานหนักจนสมองล้า ข้าว่าท่านควรจะพักผ่อนเสียหน่อยนะ”
อี้ชิงว่าก่อนที่อี้ฝานจะหลุดขำออกมากับท่าทางขมวดคิ้วคิดหนักนั้น
“ยังจะมาขำอีก แดดร้อนจนท่านเพี้ยนไปแน่ๆ”
อี้ชิงว่าแล้วขยับตัวออกห่าง
“คนที่เพี้ยนอาจจะเป็นเจ้าไม่ใช่ข้า เพิ่งหายป่วยไม่นานก็ออกมาตากแดดตากลมแบบนี้”
“ข้าแข็งแรงดี ท่านหมอหลวงก็บอกอยู่ ท่านต่างหากละให้หมอหลวงมาตรวจอาการหน่อยก็ดีนะช่วงนี้ท่านยิ่งพูดจากแปลกๆ”
อี้ชิงว่าแล้วมองอีกคนอย่างไม่ไว้ใจบางทีนี้อาจจะเป็นแผนของฝ่าบาทที่หลอกให้อี้ชิงตายใจและเชือดเขาทิ้งที่หลังก็ได้
“ข้าว่าข้ากลับตำหนักก่อนดีกว่า ท่านก็อย่าลืมให้หมอหลวงมาตรวจอาการท่านด้วยละ”
อี้ฝานหลุดหัวเราะออกมาก่อนที่อี้ชิงจะรีบเดินออกจากศาลาไปส่วนอี้ฝานก้ได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางแปลกๆนั้นของอี้หมิงดูท่าคนที่เพี้ยนจะไม่ใช่เขาแต่เป็นอีกฝ่ายต่างหาก
********************************
ฝ่าบาทเริ่มใจอ่อนยอมคุยกับน้องดีๆแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ความคิดเห็น