คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ เจ็ด
ตอนที่ ๗
กลางดึกคืนหนึ่ง อู๋หมิงที่นอนหลับอยู่ที่ห้องพักรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นไหม้ของบางสิ่งจนปลุกให้เขาตื่นก่อนที่อู๋หมิงจะเดินออกจากห้องก็พบกลุ่มควันมากมายจากตำหนักเย็นโดยที่มีเพลิงลุกไหม้มาจากเล้าไก่ลามไปที่ตำหนักฮองเฮา
“ไฟไหม้! แย่แล้วไฟไหม้!”
อู๋หมิงตกใจร้องออกมาแล้วรีบวิ่งไปปลุกซื่อซื่อที่ห้อง
“ซื่อซื่อ แย่แล้วไฟไหม้ไฟไหม้ตำหนักฮองเฮา”
อู๋หมิงตบประตูเรียกก่อนที่ซื่อซื่อจะรีบลุกจากเตียงมาเปิดประตูให้อู๋หมิง
“ฮองเฮาละ”
ซื่อซื่อรีบวิ่งมาที่ตำหนักพลางร้องถามอู๋หมิงไปด้วย
“ยังไม่เห็น ข้าคิดว่าฮองเฮาน่าจะยังอยู่ในตำหนัก”
อู๋หมิงตอบอย่างร้อนรน
“ไปตามคนมาเร็วทางนี้ข้าจะพยายามดับไฟ”
“ได้”
อู๋หมิงพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกไปก่อนที่ซื่อซื่อจะไปหยิบถังไม้มาตักน้ำแล้วสาดไปทางตำหนัก
“ฮองเฮาเพคะ ฮองเฮาท่านอยู่ที่ใดเพคะ”
ซื่อซื่อร้องเรียกไปด้วยความหวาดกลัวในใจก็ภาวนาให้อี้ชิงออกมาแล้ว
แต่สิ่งที่ซื่อซื่อภาวนากลับไม่เป็นจริงเพราะอี้ชิงยังคงติดอยู่ภายในตำหนักร่างเล็กสำลักควันไฟอยู่ล่างเตียงเพราะเขาพยายามที่จะออกไปด้านนอกแต่ก็ทำไม่ได้ไฟได้ล้อมรอบตำหนักของเขาอยู่จนเขาไม่รู้จะออกไปได้อย่างไรดี
“แค่กๆ”
อี้ชิงไอออกมาหลายครั้งเขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกว่าจะรู้ตัวเพลิงก็ลุกลามไปทั่วแล้ว
“ฮึ่ก. . .ข้าคงต้องตายอยู่ที่นี้หรือ ท่านย่าข้ายังไม่ได้กลับไปหาท่านเลยฮึ่ก”
อี้ชิงร้องไห้ออกมาอย่างจนหนทางมองไปรอบตัวก็เจอแต่สีแดงของเพลิงที่ลุกไหม้อยู่จนคานบางส่วนหล่นลงมา
“ซื่อซื่อ ฮือช่วยข้าด้วย”
อี้ชิงร้องเรียกสุดเสียงก่อนจะไอออกมาอีกครั้งอี้ชิงได้แต่ภาวนาว่าสวรรค์ยังคงจะเห็นใจให้เขารอดออกไปจากที่นี้
เวลาเดียวกันที่ตำหนักใหญ่
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยไฟไหม้ที่ตำหนักเย็นขอรับ”
อู๋หมิงที่วิ่งมาเจอเข้ากับขันทีหน้าห้องฝ่าบาทพูดบอกอย่างร้อนรน
“เอะอะโวยวายอะไรเสียงดังที่ตำหนักใหญ่ เจ้าอยากโดนลงโทษหรืออย่างไร”
“ขอประทานอภัยท่านหัวหน้าขันที ตอนนี้ที่ตำหนักเย็นเกิดเพลิงไหม้ได้โปรดไปช่วยฮองเฮาของพวกเราด้วยขอรับ”
อู๋หมิงบอกก่อนที่ประตูห้องตำหนักใหญ่จะเปิดออก
“เจ้าว่าอะไรนะ”
อี้ฝานถามเมื่อเขายังไม่ได้นอนแล้วได้ยินเสียงเอะอะจากข้างนอกทำให้เขาต้องเดินออกมาดู
“ที่ตำหนักเย็นเกิดเพลิงไหม้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
หัวหน้าขันทีหันไปบอก
“รีบนำคนไปดับไฟ แล้วอี้หมิงละ”
“น่าจะติดอยู่ภายในพ่ะย่ะค่ะ”
อู๋หมิงตอบก่อนที่อี้ฝานจะรีบไปหยิบชุดคลุมมาใส่
“รีบๆไปเกณฑ์คนไปที่ตำหนักเย็น”
อี้ฝานสั่งก่อนจะรีบเดินนำไปที่ตำหนักเย็นตามด้วยอู๋หมิงและหัวหน้าขันที
หลังจากที่มาถึงตำหนักอี้ฝานก็เจอกับซื่อซื่อที่กำลังตักน้ำมาดับไฟแต่ก็ไม่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเพราะผู้หญิงคนเดียวคงทำให้เพลิงดับไม่ได้หรอกก่อนที่เหล่านางกำนัลและบ่าวไพร่ต่างๆจะเข้ามาช่วยกันตักน้ำมาดับไฟ
“อี้หมิงละ”
“ออกมาไม่ได้เพคะ”
ซื่อซื่อตอบไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
“ทำไมถึงเกิดไฟไหม้ขึ้นได้”
อี้ฝานถามก่อนที่ซื่อซื่อและอู๋หมิงจะส่ายหน้า
“ไม่มีใครรู้พ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันตื่นมาก็เพราะได้กลิ่นไหม้ออกมาดูเพลิงก็ลุกลามไปทั่วแล้ว”
อู๋หมิงตอบ
“ฮองเฮาเพคะ ได้ยินไหมเพคะ”
ซื่อซื่อตะโกนเรียกไปด้วยใจเธอนั้นอยากจะฝ่าเพลิงเข้าไปด้านในไปช่วยอี้ชิงถึงแม้อีกฝ่ายจะเข้ามาอยู่ในร่างของนายเหนือหัวของเธอไม่นานแต่ตลอดระยะเวลาสั้นๆที่เธอได้อยู่กับอี้ชิงนั้นอี้ชิงป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หน้าสงสารจะตายก้ไม่ได้ตายต้องมาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครก็ไม่ได้
“ช่วยด้วย แค่กๆ ช่วยข้าด้วยฮือ แค่กๆ”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากด้านในทำเอาซื่อซื่อและอู๋หมิงถึงกลับหวาดกลัวว่าจะไปช่วยอีกคนไม่ได้
อี้ฝานมองเพลิงที่ลุกไหม้อย่างใจเย็นแต่เพียงได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังออกมาจากด้านในก็ทำเอาใจเขาร้อนรุ่มก่อนที่ร่างสูงจะมองไปรอบๆเพื่อหาทางที่จะเข้าไปช่วยอี้หมิง
ก่อนที่อี้ฝานจะถอดผ้าคลุมที่ใส่อยู่ออกแล้วเดินเอาผ้าคลุมไปชุบน้ำจนเปียกก่อนจะเดินนำผ้ามาคลุมตัวเองแล้วจะฝ่าเพลิงเข้าไป
“ฝ่าบาทอย่าเข้าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ มันอันตราย”
อู๋หมิงว่าเพราะถ้าหากให้เขาเข้าไปคงจะดีกว่าที่จะให้อีกฝ่ายเข้าไป
“ข้าเข้าไปนะดีแล้ว ถ้าไปช้าอี้หมิงอาจจะไม่รอด”
อี้ฝานว่าก่อนที่จะวิ่งเข้าไป
“ฝ่าบาท!!”
เหล่าบ่าวไพร่ต่างร้องออกมากอย่างตกใจ
“พวกเจ้าก็รีบๆช่วยกันตักน้ำมาดับไฟ แล้วเจ้าก็ไปเรียกคนมาอีกไปเร็วๆ”
หัวหน้าขันทีหันมาสั่งเหล่าบ่าวไพร่ก่อนที่ตัวเขาจะไปตักน้ำมาดับไฟตามด้วยซื่อซื่อและอู๋หมิง
เวลาเดียวกันหลังจากที่วิ่งเข้ามาอี้ฝานก็ไอออกมาแล้วพยายามมองหาอี้หมิงไปทั่วห้องก่อนจะเจอร่างเล็กนั่งอยู่ที่พื้นเอาตัวพิงเตียงเอาไว้คล้ายคนหมดสติ
“อี้หมิง! อี้หมิง!”
อี้ฝานวิ่งเข้าไปหาก่อนจะเรียกอี้หมิงเบาๆแต่พออีกฝ่ายไม่ตอบคล้ายหมดสติไปแล้วทำให้อี้ฝานถอดผ้าคลุมออกคลุมอี้ชิงแล้วอุ้มร่างของอีกคนฝ่ากองเพลิงออกมาอย่างทุลักทุเล
“ฝ่าบาท!! ไปตามหมอหลวง!!”
หัวหน้าขันทีตะโกนบอกก่อนที่จะถอดผ้าคลุมออกมาคลุมให้อี้ฝาน
“ข้าจะพาอี้หมิงไปที่ตำหนักใหญ่ ท่านช่วยสั่งการให้หัวหน้ากองปราบไปสืบว่าทำไมที่ตำหนักเย็นถึงเกิดเพลิงไหม้ ส่วนเจ้าตามข้าไปดูแลอี้หมิง”
อี้ฝานบอกแล้วอุ้มอี้หมิงไปที่ตำหนักใหญ่ตามด้วยซื่อซื่อที่เดินตามอี้ฝานไปส่วนอู๋หมิงก็ช่วยคนที่เหลือตักน้ำมาดับไฟส่วนหัวหน้าขันทีก็รีบไปที่กองปราบทันที
อี้ฝานเดินกลับตำหนักอย่างรีบร้อนก่อนที่เหล่านางกำนัลบางส่วนก็รีบไปเตรียมของและเข้ามาช่วยอี้ฝานก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆวางอี้หมิงลงบนเตียง
“หมอหลวงละ”
อี้ฝานหัน-ปถามนางกำนัลที่นำผ้าและกะละมังเข้ามา
“ให้คนไปตามแล้วเพคะ อีกไม่นานคงจะมาถึง”
“ข้าฝากเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อี้หมิงด้วย”
อี้ฝานพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันมาสั่งซื่อซื่อแล้วเดินออกไปอีกห้องเพื่อเปลี่ยนชุด
“เพคะ”
ซื่อซื่อย่อกายรับคำก่อนจะรีบเข้ามาเปลี่ยนชุดและเช็ดตามเนื้อตัวให้อี้หมิงไปด้วย
“ฝ่าบาท หมอหลวงมาแล้วเพคะ”
นางกำนัลพูดบอกอี้ฝานที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ที่หลังฉากกั้น
“ดี เข้าไปตรวจอี้หมิงได้แล้ว”
“เพคะ”
ไม่นานหมอหลวงก็รีบเข้าไปตรวจอาการอี้หมิงที่เตียงก่อนจะเดินออกมา
“ไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาน่าจะสูดควันไฟเข้าไปมาจนทำให้หมดสติอีกไม่นานน่าจะฟื้น”
“ท่านตรวจดีแล้วใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย ดังนั้นหม่อมฉันจะสั่งยาบำรุงเอาไว้ให้ยามที่ฮองเฮาฟื้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี ขอบใจท่านมาก”
อี้ฝานบอกก่อนหมอหลวงจะโค้งแล้วเดินออกจากห้องไปก่อนที่อี้ฝานจะเดินเข้าไปดูอี้ชิงที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงของเขา
“คืนนี้เจ้าก็เฝ้าฮองเฮาอยู่ที่นี้ก็แล้วกัน”
อี้ฝานพูดบอกซื่อซื่อ
“แล้วฝ่าบาทละเพคะ”
“ข้าจะไปนอนอีกห้องแล้วกัน ถ้าหากมีอะไรให้เรียกทหารได้”
“ขอบพระทัยเพคะ”
ซื่อซื่อย่อกายเคารพก่อนที่อี้ฝานจะเดินออกจากห้องไปเหลือเพียงซื่อซื่อและอี้หมิงที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง
เวลาเดียวกันตำหนักเฟยอี้
เมิ่งหลานทุบโต๊ะอย่างเคียดแค้น
“ตอนนี้ฝ่าบาทพาฮองเฮาไปที่ตำหนักใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเหว่ยพูดบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เมิ่งหลานอารมณ์เสียเพิ่มมากขึ้น
“ทำไมมันถึงยังไม่ตายไปเสีย”
“ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังให้คนที่กองปราบสืบสวนเรื่องนี้อยู่พ่ะย่ะค่ะ พระสนมกระหม่อมอยากให้พระสนมตอนนี้อยู่นิ่งๆก่อนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาอาจจะสาวมาถึงพระองค์ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเหว่ยพูดบอกก่อนที่เมิ่งหลานจะเขวี้ยงแก้วชาทิ้งลงพื้นเสียงดัง
“พวกมันจะสาวมาไม่ถึงข้าหรอก ท่านก็รู้ว่าพ่อของข้าเป็นใคร”
เมิ่งหลานว่าแล้วลุกขึ้น
“แต่พระสนม. . .”
“ท่านหยุดพูดได้แล้ว แค่มันยังไม่ตายข้าก็อารมณ์เสียมากพอแล้ว”
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้มันอยู่ที่ตำหนักใหญ่ใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ดี พรุ่งนี้เจ้าให้คนครัวเตรียมของ ข้าจะไปที่ตำหนักใหญ่ไปเยี่ยมฮองเฮาเสียหน่อย”
เมิ่งหลานว่า
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกท่านออกไปได้แล้ว ข้าจะพักผ่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเหว่ยโค้งให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปส่วนเมิ่งหลานก็เดินกลับเข้าไปนอนในห้อง
**********
รุ่งสาง
อี้ชิงลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆก่อนจะมองไปรอบๆตัวอย่างแปลกใจก่อนจะหันไปเจอกับซื่อซื่อที่นั่งหลับอยู่ข้างๆเตียง
“ซื่อซื่อ”
อี้ชิงเรียกเบาๆก่อนที่ซื่อซื่อจะลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ฮองเฮา ท่านเจ็บตรงไหนหรือไม่เพคะ”
ซื่อซื่อรีบเข้ามาประคองช่วยอี้ชิงให้ลุกขึ้นนั่ง
“ไม่ ข้าไม่ได้เจ็บอะไร ใครเป็นคนช่วยข้าออกมาหรือ”
อี้ชิงถามแล้วมองไปรอบๆตัวอีกครั้งเพราะสถานที่แห่งนี้เข้าไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาทฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยท่านออกมา”
ซื่อซื่อตอบทำเอาอี้ชิงเบิกตาโตอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“แล้วที่แห่งนี้. . .”
“ตำหนักใหญ่เพคะ ตำหนักของฝ่าบาท”
“แล้ว. . .ฝ่าบาทละ”
“อยู่อีกห้องเพคะ ฝ่าบาทให้ท่านพักที่ห้องนี้ก่อน ตอนนี้ตำหนักเย็นโดนเพลิงไหม้จนเสียหายทั้งหมดเลยเพคะ”
ซื่อซื่อตอบก่อนจะไปยกชามาให้อี้ชิงดื่ม
“ขอบใจ”
อี้ชิงว่าแล้วรับแก้วชามาดื่ม
“งั้นหม่อมฉันจะออกไปเรียนให้ฝ่าบาททราบว่าท่านฟื้นแล้ว”
ซื่อซื่อบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหลือเพียงอี้ชิงที่นั่งอยู่บนเตียง
“ฝ่าบาทเสด็จมาเพคะ”
ซื่อซื่อที่เดินกลับเข้ามารีบเดินมาบอกอี้ชิงก่อนที่อี้ชิงเตรียมที่จะลุกจากเตียง
“ไม่ต้องลุกหรอก”
อี้ฝานร้องบอกเมื่อเดินเข้ามาเห็นอี้ชิงที่กำลังเตรียมจะลุก
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
อี้ชิงบอกก่อนที่อี้ฝานจะเดินมาหยุดข้างเตียง
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ขอบพระทัยที่ช่วยหม่อมฉันเอาไว้”
อี้ชิงพูดบอกก่อนที่อี้ฝานจะพยักหน้าเบาๆแล้วมองร่างเล็กตรงหน้า
“หมอหลวงละ”
“นางกำนัลกำลังไปตามเพคะ”
“เหตุใดตำหนักเย็นถึงเกิดไฟไหม้ได้”
อี้ฝานถามก่อนที่อี้ชิงจะเงยหน้ามองอี้ฝานแล้วส่ายหน้า
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นขึ้นมาไฟก็ลามไปทั่วแล้ว”
อี้ชิงตอบ
“ไม่ใช่เจ้าทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอกรึ”
อี้ฝานถามเพราะเขาต้องการรู้สาเหตุที่เกิดไฟไหม้ครั้งนี้และเขาก็คิดว่าอี้หมิงไม่น่าจะทำเพราะหากจะทำแบบนี้คงทำไปนานแล้ว แต่เขาต้องการถามเพื่ออยากรู้ว่าอี้หมิงจะตอบเขาว่าอย่างไร
“เฮ้อ”
อี้ชิงถอนหายใจออกมาเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าฝ่าบาทจะต้องคิดแบบนี้เพราะดูเหมือนว่าตอนที่อี้หมิงยังมีชีวิตอยู่อีกฝ่ายไม่เคยที่จะเชื่อในสิ่งที่อี้หมิงพูดเลยและตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น
“ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าท่านต้องคิดจะถามแบบนี้”
อี้ชิงว่าแล้วมองอี้ฝานนิ่ง
“แต่ข้าจะบอกท่านเอาไว้ ว่าถ้าข้าอยากจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แบบเมื่อคืนข้าไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนแบบนี้หรอก ข้าเผาตำหนักท่านยังจะดีกว่าอีก”
อี้ชิงว่า
“ฮองเฮาเพคะ”
ซื่อซื่ออุทานออกมาอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยินแล้วทรุดนั่งข้างๆอี้ชิงพร้อมกับจับมืออีกฝ่ายเอาไว้เพื่อเรียกสติ
“ก็ข้าพูดจริง เผาตำหนักใหญ่ยังจะดีกว่าอีก”
อี้ฝานตกตะลึงกับคำตอบที่ได้ยินมองอี้หมิงอย่างไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดกับเขาแบบนี้
“เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ได้ทำเรื่องนี้”
“ก็ใช่นะสิ ถึงแม้ข้าจะอยากเรียกร้องความสนใจจากท่านข้าไม่ก็ทำเรื่องแบบนี้หรอก เกือบได้ตายอีกรอบ”
อี้ชิงว่าแล้วเมินไปทางอื่น
“ตายอีกรอบ?”
อี้ฝานขมวดคิ้วก่อนที่อี้ชิงจะชะงักแล้วหันมามองซื่อซื่ออย่างตกใจ
“ฮองเฮาน่าจะยังสับสนอยู่ ฝ่าบาทโปรดอย่าถือสาเลยเพคะ”
ซื่อซื่อหันมาบอกก่อนที่อี้ชิงจะหลุดพูดอะไรออกไปให้อี้ฝานมองว่าอี้ชิงเป็นบ้าไปเสียก่อน
“ได้ ข้าจะเชื่อว่าเรื่องเพลิงไหม้เจ้าไม่ได้ทำ ตอนนี้ข้าให้ฝ่ายกองปราบสืบเรื่องนี้อยู่และข้าจะคืนฐานะเดิมให้เจ้ากลับมาอยู่ที่นี้”
อี้ฝานบอกเพราะเขาคิดมาทั้งคืนสำหรับเรื่องนี้เพราะถ้าหากคนที่ทำเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องใต้เท้าเหรินตอนนี้อี้หมิงกำลังตกอยู่ในอันตรายและเขาต้องทำให้ทุกอย่างกระจ่างให้เร็วที่สุด
“ที่นี้?”
“ใช่ อยู่ที่นี้กับข้า”
อี้ฝานตอบก่อนที่อี้ชิงจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เพราะถ้าหากเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของใต้เท้าเหริน ตอนนี้เจ้าก็ตกอยู่ในอันตรายและข้าก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายๆในวังอีก”
อี้ฝานตอบ
“เอ่อ. . .ข้าว่าให้ข้ากลับไปอยู่ที่ตำหนักเดิมแล้วท่านให้ทหารมาคุ้มกันไม่ดีกว่าหรือ”
อี้ชิงถามเพราะถ้าหากอยู่ร่วมกันอีกฝ่ายต้องจับได้แน่ๆว่าคนที่อยู่ในร่างนี้ไม่ใช่อี้หมิงคนเดิมแล้วแต่เป็นอี้ชิง
“ยังไงก็คงไม่ดีเท่านที่นี้ เพราะทหารที่คุ้มกันตำหนักข้าเป็นคนของข้าที่ข้าคัดมา แต่ถ้าหากเจ้ากลับไปทหารที่คุ้มกันเจ้าข้าไม่แน่ใจว่าจะคนของฝ่ายนั้นหรือไม่ถ้าเกิดมีเจ้าอาจจะไม่รอดมาแบบนี้ได้อีก”
อี้ชิงเม้มปากอย่างคิดหนักอยู่ที่ไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นทำไมไมให้เขาตายๆไปซะทุกอย่างจะได้จบไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้
“ทำตามที่ฝ่าบาทบอกเถอะเพคะ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถึงขั้นวางเพลิงแล้วท่านยังรอดมาได้แบบนี้ข้าว่าอีกฝ่ายคงไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้แน่ๆเพคะ”
ซื่อซื่อว่าเพราะเธอกังวลมากๆจริงว่าต่อจากนี้อี้ชิงจะโดนอะไรอีก
“ฟังข้าสักครั้ง หากเจ้าเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา พ่อแม่เจ้าคงเสียใจมาก”
อี้ฝานพูดบอกก่อนที่อี้ชิงจะลังเล
“รักษาชีวิตเอาไว้ เพื่อกลับไปหาท่านยายกับน้องๆไงเพคะ”
ซื่อซื่อกระซิบบอกเพราะซื่อซื่อรู้ดีว่าที่อี้ชิงยอมทำทุกอย่างอยู่ที่นี้ก็เพื่อได้มีชีวิตรอดกลับไปตามหาท่านยายและน้องๆ
“ก็ได้ ข้าจะทำตามที่ท่านบอก”
“ตอนสายท่านก็ประกาศให้ทุกคนรู้ด้วยว่าข้าคืนยศให้อี้หมิง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าขันทีโค้งรับคำก่อนที่อี้ฝานจะเดินออกจากห้องไป
ช่วงสาย
ไม่นานราชโองการคืนยศให้อี้หมิงก็กระจายไปทั่ววังและสร้างความยินดีให้กับเหล่าคนที่สนับสนุนอี้หมิงแต่สำหรับคนที่ไม่ได้สนับสนุนอี้หมิงต่างเริ่มออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
“อี้หมิงปลอดภัยดีใช่ไหม”
ไทเฮาเหยียนเฟยพระมารดาขององค์ฮ่องเต้เอ่ยถามขึ้นเมื่ออี้ฝานมาหาที่ตำหนักในช่วงสาย
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”
“แม่ดีใจที่เจ้าคืนยศให้อี้หมิง เพราะเรื่องคราวก่อนยังไม่กระจ่างว่าอี้หมิงทำให้เมิ่งหลานแท้งจริงหรือไม่ เจ้าก็ลงโทษอี้หมิงไปเสียแล้ว”
“ที่ลูกคืนยศให้เพราะกลัวว่ามีคนทำร้ายอี้หมิงพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่รู้ แม่รู้ว่าวังหลังนั้นน่ากลัวเพียงใด ตำแหน่งฮองเฮาตำแหน่งอันสูงส่งที่ไม่ว่าหญิงคนไหนก็อยากได้อยากครอบครอง และเรื่องที่วางเพลิงดูจะสิ้นคิดไปเสียหน่อยนะ”
เหยียนเฟยว่าเพราะถ้าหากจับได้ไม่ใช่เพียงแค่ปลดออกจากตำแหน่งแน่
“บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการตายของใต้เท้าเหรินพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ก็คิดแบบนั้น เจ้าก็ลองคิดดูว่าใครจะได้ผลประโยชน์จากการตายของอี้หมิง”
“คนที่ได้ผลประโยชน์หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ คนที่จะได้ประโชน์หากอี้หมิงตาย เช่นตำแหน่งฮองเฮา”
เหยียนเฟยว่าเพราะเธอก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นกันแต่เพราะตอนนั้นเธอมีอำนาจของบิดาที่คอยหนุนอยู่เลยทำให้ใครก็ทำอะไรเธอไม่ได้แต่กับอี้หมิงแล้วนั้นไม่ใช่เพียงแค่บิดาของอี้หมิงเท่านั้นที่มีอำนาจแต่ก็มีขุนนางบางคนที่มีอำนาจพอๆกับบิดาของอี้หมิงที่ต้องการให้ลูกของตนขึ้นเป็นฮองเฮาเพื่อเสริมบารมีของครอบครัว
“คนที่แม่คิดคือ สนมเมิ่งและสนมเซียง”
เหยียนเฟยว่าก่อนจะยกแก้วชาขึ้นจิบ
“เมิ่งหลานคงไม่ใช่หรอกพ่ะย่ะค่ะ นางเพิ่งแท้งลูกไป”
“แล้วเจ้าไม่คิดว่านางจะทำให้ตนเองแท้งลูกบ้างหรือ”
เหยียนเฟยว่าเพราะในตอนที่เธอเป็นสนมมีสนมบางคนทำให้ตัวเองแท้งเพื่อโยนความคิดไปให้คนอื่นเพื่อได้รับโทษและตัดคู่แข่งออกไป
“แต่ท่านแม่. . .ถ้าทำแบบนั้นจริง. . .”
“แม่รู้ว่าเจ้าไม่คิดว่าสนมเมิ่งทำนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าและเจ้าก็โปรดสนมเมิ่งมากแม่รู้ฝ่าบาท แต่แม่อยากให้เจ้าคิดเอาไว้ว่าบางคนอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เจ้าคิดก็ได้ อย่าลืมว่าในวังหลังแห่งนี้มีเพียงศัตรูเท่านั้นและผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ตำแหน่งฮองเฮา”
เหยียนเฟยพูดเตือนสติลูกชายเพราะนางเคยผ่านมาแล้วเรื่องราวในวังหลังนั้นน่ากลัวและดำมืดมากกว่าที่ลูกชายของเขาคิด และเหยียนเฟยก็รู้ดีว่าอี้หมิงนั้นต้องทำเป็นร้ายเพื่อปกป้องตัวเองและตำแหน่งที่ใครๆต่างก็อยากได้ หากไม่ร้ายให้คนอื่นกลัวแล้วละก็อี้หมิงอาจจะไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้
“กลับไปคิดให้ดีฝ่าบาท เปิดใจเสียหน่อยอี้หมิงก็เป็นเด็กดีคนหนึ่งและอี้หมิงก็รักเจ้ามาก บางทีเรื่องราวทุกอย่างอาจจะกระจ่างในไม่ช้า”
เหยียนเฟยบอกเมื่อเห็นสีหน้าของลูกชายที่กำลังคิดมากถึงเรื่องที่เธอบอกไป
“ขอบพระทัยเสด็จแม่”
“ตอนนี้อี้หมิงก็อยู่ที่ตำหนักของเจ้าใช่ไหม”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ว่าจะเข้าไปเยี่ยมอี้หมิงสักหน่อย คงขวัญเสียไม่น้อย”
“พ่ะย่ะค่ะ งั้นลูกขอทูลลา”
เหยียนเฟยพยักหน้าก่อนที่อี้ฝานจะลุกเดินออกจากตำหนักไป
“ไปบอกคนครัวว่าเตรียมขนมเฉียนถั่วให้ข้าด้วย ข้าจะเอาไปเยี่ยมอี้หมิง”
“เพคะไทเฮา”
นางกำนัลรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปเหลือเพียงไทเฮาที่นั่งจิบชายามสายอยู่ที่ตำหนัก
******************************************
มาแล้วค่าาาา
ตอนนี้แบบยาวๆเลย
เจอกันตอนหน้าค่าาาา
ความคิดเห็น