ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮองเฮาตำหนักเย็น krislay

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ ห้า

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 64


    ตอนที่ ๕

     

     

    ช่วงค่ำ

    ฉิงฉินเดินมาที่คุกหลวงพร่อมกับถือตะกร้าอาหารไว้ในมือดวงตากลมของสาวใช้ตัวเล็กรอบมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังก่อนจะโดนทหารยามหน้าคุกยกมือขึ้นห้ามเมื่อหญิงสาวกำลังจะเดินมาถึงที่คุมขังเหล่านักโทษ

    “ข้านำของกินมาให้ใต้เท้าเหริน”

    ทหารยามได้ยินก็เอื้อมมือมาเปิดดูด้านในก่อนจะปิดเอาไว้เหมือนเดิมแล้วให้หญิงสาวเดินเข้าไปด้านในได้

    ฉิงฉินถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอกก่อนที่หญิงสาวจะรีบเดินไปหาใต้เท้าเหรินถูกจองจำอยู่ที่ห้องขัง

    “พระสนมเมิ่งว่าอย่างไรบ้าง”

    ใต้เท้าเหรินที่นั่งอยู่ที่พื้นสกปรกรีบลุกขึ้นแล้วคลานเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าใครเข้ามาหาที่หน้าห้องขัง

    “พระสนมบอกว่าท่านไม่ต้องห่วง พระสนมจะช่วยท่านเอง”

    เหรินซงหลานยิ้มออกมาอย่างโล่งอก เพราะเขาคิดเอาไว้แล้วว่าพระสนมจะต้องมาช่วยเขาแน่ๆ

    “พระสนมบอกให้ข้าเตรียมสำรับพวกนี้มาให้ท่าน”

    ฉิงฉินบอกพร้อมกับหยิบอาหารในตะกร้าส่งเข้าไปให้เหรินซงหลาน

    “ข้าต้องขอตัวก่อน หากอยู่นานอาจจะโดนสงสัยเอาได้”

    เหรินซงหลานพยักหน้ารับก่อนที่ฉิงฉินละลุกแล้วเดินออกจากคุกหลวงกลับไปที่ห้องพักเพื่อที่จะเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นพกติดตัวไปหาคนรักตามที่พระสนมเมิ่งได้ให้คำสัญญาเอาไว้

    ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ฉิงฉินจะรีบพัยม้วนห่อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะค่อยๆแง้มประตูออกก่อนจะเจอเข้ากับขันทีเหว่ย

    “ชู่ พร้อมหรือยัง”

    “เจ้าค่ะ”

    “ตามข้ามา”

    “เจ้าค่ะ”

    ฉิงฉินพยักหน้าก่อนจะออกจากห้องแล้วเดินตามขันทีเหว่ยออกจากวังทางประตูด้านหลังที่เมื่อทหารยามเห็นขันทีเหว่ยก็โค้งให้ก่อนที่พวกเธอจะออกจากวังได้อย่างง่ายดาย

    “จะไม่เป็นไรรึเจ้าคะที่พวกเขาเห็นเราเช่นนี้”

    “เจ้าอย่าได้กังวลไป

    “ทหารพวกนั้นเป็นคนของพระสนม เรื่องที่เจ้าออกจากวังไปในคืนนี้จะไม่มีผู้ใดได้ล่วงรู้”

    ฉิงฉินหมดข้อสงสัยก่อนจะเดินตามขันทีเหว่ยไปเรื่อยๆจนเข้าสู่เขตป่า

    “ท่านขันที คนรักของข้าเล่า”

    ฉิงฉินถามก่อนที่ขันทีเหว่ยจะหยุดเดินทำให้หญิงสาวต้องหยุดตาม

    “เดินต่อไปอีกหน่อยเจ้าจะเจอบ้านร้าง ข้าให้เขารอเจ้าอยู่ที่นั้น แล้วอย่าลืมว่าเรื่องในวันนี้เจ้าต้องลืมไปให้หมดแล้วหนีไปให้ไกลที่สุด”

    ขันทีเหว่ยหันมาพูดบอก

    “เจ้าค่ะ ท่านได้โปรดวางใจเรื่องในวันนี้จะไม่มีใครได้ล่วงรู้”

    “ดี  เจ้ารีบไปได้แล้ว”

    “เจ้าค่ะ  ขอบคุณท่านขันที”

    ฉิงฉินโค้งให้อย่างงดงามที่สุดก่อนจะรีบเดินไปตามที่ขันทีเหว่ยบอก

    ขันทีเหว่ยมองตามหญิงสาวที่เดินไปตามที่เขาบอกก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วออกเดินเพื่อกลับวัง

    “กรี๊ดดด”

    เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นทำให้ขันทีเหว่ยยิ้มออกมาแล้วออกเดินต่อเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

     

     

     **********

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    อู๋หมิงวิ่งเข้ามาภายในห้องโถงอย่างรีบร้อน

    “มีเรื่องอันใด เจ้าถึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแบบนี้”

    อี้ชิงถามก่อนที่อู๋หมิงจะโค้งให้

    “ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ  พอดีข้าน้อยเพิ่งได้รีบข่าวด่วนมา”

    “ข่าวด่วนอะไรอีก”

    “ใต้เท้าเหรินถูกวางยาพ่ะย่ะค่ะ”

    “ได้อย่างไรกัน แล้วตอนนี้เล่า”

    “ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ชิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    “แปลว่าต้องมีใครสักคนวางยาฆ่าใต้เท้าเหรินปิดปากเรื่องที่ไม่ส่งอาหารมาที่ตำหนักเย็นแน่ๆเพค่ะ”

    ซื่อซื่อพูดบอกแล้วเก็บถ้วยจานอาหารเช้าออกจากโต๊ะ

    “รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ”

    อี้ชิงถามต่อ

    “เห็นบอกว่าเป็นนางกำนัลที่ชื่อฉิงฉินพ่ะย่ะค่ะเพราะนางเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในวังตอนนี้”

    “ฉิงฉินอย่างนั้นรึ”

    ซื่อซื่อถามย้ำก่อนที่อู๋หมิงจะพยักหน้า

    “นางเป็นนางกำนัลตำหนักไหนรึ?”

    อี้ชิงถามก่อนที่ซื่อซื่อจะหันมามองอี้ชิง

    “นางเพิ่งย้ายมาทำงานที่ห้องเครื่องเพค่ะพระสนม”

    “นางโดนย้ายมาจากตำหนักไหน”

    “ตำหนักพระสนมเซียงเพคะ”

    “สนมเซียง”

    อี้ชิงทำหน้าครุ่นคิดพยายามจะคิดให้ออกว่านางเป็นใครแต่สุดท้ายก็นึกไม่ออก

    “เป็นพระสนมเอกที่ฝ่าบาททรงโปรดคนหนึ่งเพค่ะ  แล้วก็….”

    “ไม่ถูกกับข้าด้วย”

    ซื่อซื่อพยักหน้าช้าๆ

    “บางทีก็อาจจะไม่ใช่คำสั่งของพระสนมเซียงก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

    “หมายความว่าอย่างไร?”

    อี้ชิงถามอย่างสงสัย

    “นางอาจจะทำงานในตำหนักพระสนมเซียงก็จริงแต่บางที่นายเหนือหัวของฉิงฉินอาจจะไม่ใช่พระสนมเซียงก็ได้นะสิเพคะ”

    ซื่อซื่อคลายข้อสงสัยให้อี้ชิงทำเอาเด็กหนุ่มในร่างของฮองเฮาถึงกลับเบิกตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน

    “ในวังหลวงแห่งนี้ช่างมีแต่เรื่องที่ทำให้ข้าตกใจได้ทุกวันจริงๆ”

    “มีมากกว่านี้อีกเพค่ะหากท่านอยากรู้”

    ซื่อซื่อบอกพร้อมรอยยิ้มก่นอที่อี้ชิงจะส่ายหน้า

    “แค่นี้ก็มากเกินพอที่จะทำให้ข้าปวดหัวแล้ว อย่ามีมากกว่านี้เลย”

    “ข้าน้อยก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเพคะ”

    “แต่เรื่องนี้อาจจะบานปลายมากกว่าที่เราคิดก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

    “นั้นนะสิ  แค่คิดข้าก็ปวดหัวแล้วล่ะ”

    อี้ชิงถอนหายใจจออกมาเบาๆ

    “เฮ้อ ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเถอะ ไปดูแปลงผักสักหน่อยดีกว่า”

    อี้ชิงพูดบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่แปลงผักที่ทำไว้ที่สวนข้างตำหนักตามด้วยซื่อซื่อและอู๋หมิงที่เดินตามไปช่วยอี้ชิงรดน้ำแปลงผักที่พวกเขาช่วยกันปลูก

     

     

    **********

     

     

    ตำหนักเซียงซิน

    “ข้าไม่ได้เป็นคนสั่งนาง ถึงแม้ว่านางจะเคยเป็นคนของตำหนักข้ามาก่อนก็เถอะ”

    พระสนมเซียงพูดอย่างเหลืออดเมื่อตอนนี้นางตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ทำให้ใต้เท้าเหรินตาย

    “ตอนนี้กระหม่อมยังไม่ได้กล่าวหาท่านแต่เพียงอยากทราบเรื่องของนางกำนัลฉิงฉินก่อนที่จะย้ายไปทำงานที่ห้องเครื่องก็เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

    ทหารกองสืบสวนเอ่ยบอกก่อนที่สนมเซียงจะหันไปมองอย่างไม่พอใจ

    “แต่การที่พวกท่านบุกมากันทั้งกรมก็แปลว่าพวกท่านกล่าวหาข้าว่าข้าเป็นคนสั่งแล้วล่ะ”

    “เพื่อต้องการหาคนผิดพวกกระหม่อมต้องทำพ่ะย่ะค่ะ”

    “ได้  หากพวกท่านต้องการแบบนี้ เชิญพวกท่านค้นตำหนักข้าได้เลย หากไม่เจอสิ่งที่พวกท่านหาข้าจะขอให้ฝ่าบาทลงโทษพวกท่านให้หมด”

    “พ่ะย่ะค่ะ  ถ้าอย่างนั้นพวกกระหม่อมขอตรวจค้นตำหนักของพระสนมเอก หากไม่เจอสิ่งที่สิ่งต้องสงสัยพวกกระหม่อมยินดีรับโทษพ่ะย่ะค่ะ”

    “เชิญ”

    สนมเซียงตอบแล้วสะบัดหน้าหนีก่อนที่เหล่าทหารจะกระจายกำลังกันค้นหาทั่วตำหนักเซียงซิน

    ผ่านไปไม่นานทหารนายหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับของบางอย่างในมือแล้วนำมาให้หัวหน้ากองสืบสวนดู

    “พระสนมเซียง กระหม่อมขอถามท่านสักหน่อยว่าสิ่งนี้ทำไมถึงมาอยู่ที่ตำหนักของท่านได้”

    หัวหน้าฝ่ายสืบสวนโจเหวินหนานถามพร้อมกับขวดยาที่บรรจุยาบางอย่างอยู่ในขวดทำเอาสนมเซียงถึงกับตกใจว่าทำไมสิ่งของเช่นนั้นถึงมาอยู่ที่ตำหนักของเธอ

    “ต้องมีคนจะใส่ร้ายข้าแน่ๆ”

    “หากท่านว่าเช่นนั้น กระหม่อมขอนำสิ่งนี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เสื่อมพระเกียรติ์ของพระสนม”

    “ได้ พวกท่านจงตรวจสอบให้ละเอียด และข้าจะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้ายข้าแบบนี้แน่ๆ”

    “กระหม่อมขอทูลลา”

    สนมเซียงโบกมือไล่ก่อนที่เหล่าทหารจะพากันเดินออกจากตำหนักไป

    “สุ่ยหลง”

    “เพคะ”

    “ไปสืบมาให้รู้ว่าใครมันกล้าบังอาจมาใส่ความข้าแบบนี้”

    “เพคะพระสนม”

    นางกำนัลโค้งลาก่อนจะรีบเดินออกไป

    “ดื่มชาให้สักหน่อยเพคะ”

    แม่นมคนสนิทพูดบอกเมื่อรินชาใส่แก้วให้

    “มันบังอาจยิ่งที่นำขวนยานั้นมาทิ้งไว้ที่นี้ มีคนต้องการใส่ความข้าเรื่องใต้เท้าเหริน”

    “ไม่นานเรื่องนี้ต้องกระจ่างแน่ๆเพคะ พระสนมอย่าได้กังวลไป”

    สนมเซียงยกแก้วชาดื่มชาๆอย่างเคียดแค้นว่าใครกันช่างกล้าที่ทำเรื่องสกปรกเช่นนี้ได้

     

     

     

    เวลาเดียวกัน ที่ตำหนักใหญ่

    “ได้เรื่องอย่างไรบ้าง”

    อี้ฝานเอ่ยถามกับขันทีถึงเรื่องการตายของใต้เท้าเหริน

    “ตอนนี้ทางกองสืบสวนกำลังตรวจสอบขวดยาที่พบที่ตำหนักพระสนมเซียงอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

    “ขวดยาที่ตำหนักสนมเซียง”

    “พ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นของพระสนมเซียงหรือมีใครเอามาไว้ที่ตำหนักพระสนมเซียงหรือไม่”

    “แล้วตำหนักอื่นละ”

    “ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดๆพ่ะย่ะค่ะ”

    “อี้หมิงละ”

    “เอ่อ. . .”

    “เกิดอะไรขึ้น”

    อี้ฝานเงยหน้าจากกองงานตรงหน้าแล้วมองขันทีที่มีท่าทางแปลกไป

    “เห็นว่ากำลังรดน้ำแปลงผักอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

    “แปลงผัก?”

    “พ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าทำมาได้สักพักแล้ว”

    อี้ฝานขมวดคิ้ว

    “อี้หมิงนะรึทำ”

    “พ่ะย่ะค่ะ ตอนแรกกระหม่อมก็ไม่อยากจะเชื่อแต่พอได้ไปเห็นมาแล้วก็เป็นไปตามสิ่งที่ถูกรายงานพ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ฝานยิ่งขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยินมาเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องคราวก่อนเขาเองก็รู้สึกว่าอี้หมิงนั้นดูเปลี่ยนไปมากไม่ใช่เพราะจากอาการป่วยแต่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน อี้หมิงในตอนนี้ไม่เหมือนกับอี้หมิงที่เขาเคยรู้จักและนั้นทำให้อี้ฝานรู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจในการกระทำของอี้หมิงในตอนนี้

    “ฝ่าบาทจะเสด็จไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

    ขันทีชราถามเมื่อเห็นอี้ฝานลุกขึ้นยืน

    “ไปตำหนักเย็น ข้าจะไปดูอี้หมิงเสียหน่อย”

    อี้ฝานพูดบอกก่อนจะเดินออกจากตำหนักไปตามด้วยขันทีคนสนิทและองครักษ์อีกสองคนไปที่ตำหนักเย็น

    ไม่นานร่างสูงใหญ่ของอี้ฝานจะมาหยุดตรงหน้าตำหนักเย็นที่ตอนนี้อี้ฝานก็ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังออกมาเป็นระยะๆจนเขาเองต้องค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปดูเงียบๆโดยที่หันมากำชับให้ผู้ติดตามห้ามส่งเสียงให้อีกฝ่ายได้ยิน

    “ให้ข้าน้อยทำเถอะเพคะ”

    “ไม่ต้องๆ  ข้าทำได้”

    “ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ พระองค์เพิ่งหายประชวรไปนั่งพักด้านในเถอะพ่ะย่ะค่ะ ทางนี้ข้าน้อยจะจัดการให้”

    “ข้าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว พวกเจ้าอย่าเป็นห่วงไปเลยข้าทำได้”

    อี้ฝานแอบมองคนทั้งสามที่แย้งกันจะรดน้ำแปลงผักก่อนที่อี้ชิงจะแย้งขันมาถือได้แล้วตักน้ำในถังมารดแปลงผักอย่างคุ้นชินและนั้นทำให้อี้ฝานอดแปลกใจไม่ได้ว่าอี้หมิงเคยทำอะไรแบบนี้ด้วยหรือ

    “ฝ่าบาท”

    ซื่อซื่อร้องออกมาอย่างตกใจก่อนจะโค้งให้ตามด้วยอู๋หมิงที่หันไปด้านหลังแล้วโค้งให้อี้ฝานแล้วรีบเดินไปยืนข้างๆซื่อซื่อก่อนที่อี้ชิงจะหันไปมองผู้มาใหม่อย่างแปลกใจ

    “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”

    อี้ฝานถามก่อนที่อี้ชิงจะมองขันในมือแล้วหันไปมองอี้ฝาน

    “ข้ารดน้ำแปลงผักอยู่”

    “เจ้าปลูกผักเองทั้งหมดเลยรึ?”

    “ใช่ ข้า ซื่อซื่อ แล้วก็อู๋หมิงช่วยกันปลูก”
    “ทำไมต้องปลูกด้วย ในเมื่อห้องเครื่องก็ทำสำรับมาให้พวกเจ้าอยู่แล้ว?”

    “ตอนนี้อาจจะใช่ แต่วันข้างหน้าอาจจะไม่ส่งมาแบบที่เคยทำอีก  ข้ากลัวว่าจะไม่มีอะไรกินเลยปลูกผักเอาไว้”

    อี้ชิงตอบ

    “แล้วเจ้าไปเรียนวิธีปลูกมาจากไหน ตั้งแต่รู้จักกับเจ้ามา ข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำอะไรแบบนี้”

    อี้ฝานถาม

    อี้ชิงเม้มปากก่อนจะหันมามองซื่อซื่อและอู๋หมิงเพื่อขอความช่วยเหลือว่าจะตอบอะไรออกไปดี

    “คือความจริงแล้วเป็นข้าน้อยเองเพคะที่เคยทำงานพวกนี้มาก่อน พอฮองเฮาอยากปลูกผักพวกข้าน้อยจึงช่วยกันบอกวิธีให้ฮองเฮาทำเพคะ”

    ซื่อซื่อช่วยตอบแทนส่วนอี้ชิงก็ได้แต่พยักหน้าในสิ่งที่ซื่อซื่อตอบ

    “อย่างนั้นรึ”

    อี้ฝานพยักหน้าก่อนจะขยับเข้ามาดูแปลงผักตรงหน้าใกล้ๆ

    ก่อนจะหันมามองอี้ชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ

    “ท่านอยากลองทำหรือไม่?”

    อี้ชิงถามทำเอาผู้ติดตามและคนอื่นๆต่างมองมาอย่างตกใจรวมทั้งอี้ฝานเองด้วย

    “เอ่อ. . .”

    “เอาสิ”

    อี้ฝานตอบก่อนจะแย้งขันในมืออี้ชิงไปรดน้ำแปลงผัก

    “ฝั่งนู้นด้วยสิฝ่าบาท ท่านเอาแต่รดฝั่งนี้เดี๋ยวผักของข้าก็ได้ตายหมดพอดี”

    อี้ชิงบอกพร้อมชี้นิ้วให้อี้ฝานเปลี่ยนที่รดน้ำให้ทั่วทั้งแปลง

    “ฝ่าบาท”

    อี้ชิงเรียกอีกฝ่ายเสียงเบาแต่มันก็มากพอที่จะให้อี้ฝานหันมามอง

    “ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”

    “เรื่องอะไร  หากไม่ยากเกินไปข้าจะจัดการให้”

    “เรื่องนี้ไม่ยาก ท่านทำได้อยู่แล้ว”

    อี้ชิงยิ้มออกมา

    “เรื่องอะไรที่เจ้าอยากขอร้องข้า”

    อี้ฝานทำเป็นเมินรอยยิ้มของอีกฝ่ายหันไปสนใจแปลงผักตรงหน้าโดยที่ภาพที่อีกฝ่ายยิ้มให้ยังคงติดตาอยู่

    “ข้าอยากขอเลี้ยงไก่ได้หรือไม่?”

    อี้ฝานชะงักมือก่อนจะหันมามองอี้ชิงเมื่อได้ยินสิ่งที่ร่างเล็กร้งขอ

    “ไก่?”

    อี้ชิงพยักหน้าก่อนที่อี้ฝานจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเล็ก

    “ทำอะไรของท่านกัน ข้าไม่ได้ป่วยเสียหน่อย”

    อี้ชิงว่าแล้วปัดมืออี้ฝานออกจากหน้าผากของเขาอย่างไม่เข้าใจแถมยังมองเขาแบบแปลกๆอีกก็แค่ขอเลี้ยงไก่เอง

    “เหตุใดเจ้าถึงขอเลี้ยงไก่?”

    “เพราะข้าจะได้เก็บไข่ของมันมาทำอาหารอย่างไรเล่า”

    “เลี้ยงไก่ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วเจ้าเคยเลี้ยงไก่อย่างนั้นหรือ”

    “เคยสิ ท่านยายชอบให้ข้าไปเก็บไข่มาทำอาหาร”

    อี้ชิงตอบก่อนจะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดพูดอะไรออกไป

    “น่าแปลก ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”

    อี้ฝานพูดแล้วจ้องใบหน้าอี้ชิงนิ่งอย่างจับผิดส่วนอี้ชิงก็เสหลบสายตามองไปทางอื่นอย่างร้อนรน

    “หากเจ้าอยากเลี้ยง พรุ่งนี้ข้าจะให้คนมาเตรียมให้”

    “จริงหรือ ท่านจะให้ข้าเลี้ยงไก่จริงๆใช่ไหม”

    อี้ชิงหันมามองอี้ฝานอย่างดีใจ

    “ใช่”

    “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

    อี้ชิงพูดบอกก่อนจะโค้งให้อีกฝ่าย

    “หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ไปบอกข้าที่ตำหนัก”
    อี้ฝานพูดบอกก่อนจะวางขันในมือลงในถังไม้แล้วเดินออกจากตำหนักไปตามด้วยเหล่าผู้ติดตาม

    “เจ้าว่า ฝ่าบาทจะเชื่อในสิ่งที่ข้าตอบไปหรือไม่?”

    อี้ชิงถามเสียงเบา

    “อาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพคะ”

    “ช่างเถอะ  ถ้ารู้ว่าข้าไม่ใช่ฮองเฮาตัวจริงก็ดีสิ ข้าจะได้ออกจากที่นี้ไปหาท่านยายกับน้องๆเสียที”

    อี้ชิงพึมพำออกมาอย่างเศร้าสร้อย

     

    ขณะเดียวกัน

    “พวกเจ้าไปสืบเรื่องของอี้หมิงมาให้ข้าทีว่าอี้หมิงเคยทำอะไรบ้างในช่วงวัยเด็ก”

    “พ่ะย่ะค่ะ  แล้วเรื่องไก่. . .”

    “ให้คนจัดเตรียมเล้าไก่และไก่ไปให้อี้หมิงในวันพรุ่งนี้ด้วย”

    “พ่ะย่ะค่ะ”

    อี้ฝานหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองตำหนักเย็นอีกครั้ง เขารู้สึกแปลกกับอี้หมิงในตอนนี้จริงๆไม่ใช่เพียงคำพูดแต่เป็นบรรยากาศรอบตัวของอีกคนที่ทำให้อี้ฝานรู้สึกว่าอี้หมิงในตอนนี้ช่างแตกต่างจากอี้หมิงในเมื่อก่อนมากแต่เขาก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น

     

     

     

     

     

    ******************************

    สวัสดีทุกคนนนนเรามาต่อแล้วนะคะ

    ตอนนี้เรากลับมาอยู่ไทยแล้วและตอนนี้ก็ซื้อโน๊ตบุ๊กใหม่เรียบร้อย

    หลังจากนี้จะพยายามจะมาอัพให้บ่อยๆนะคะ

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต่างๆและคนที่รอเรื่องนี้อยู่

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะแล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×