ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮองเฮาตำหนักเย็น krislay

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 63


     

     

    บทที่ ๑

     

     

     

    ยามดึกสะงัดในค่ำคืนฤดูหนาวที่หิมะโปรยปรายร่วงหล่นสู่พื้นดิน

    ร่างโปร่งในชุดผ้าฝ้ายนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง

    "ฮองเฮาเพคะ  พักผ่อนเถิดนะเพคะ"

    หญิงรับใช้เดินเข้ามาบอกนายเหนือหัวที่เอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอก

    จากฮองเฮาผู้สง่างามเหลือเพียงร่างโปร่งของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบที่มีใบหน้าซีดเซียวตัดกับผมดำขลับที่ถูกมัดเอาไว้หลวมๆ

    จาง อี้หมิง คือชื่อของเขา เด็กหนุ่มจากตระกูลจาง ขุนนางที่รับใช้ราชวงศ์มาอย่างยาวนานและซื่อสัตย์ 

    เด็กหนุ่มที่มีใบหน้างดงามและมีร่างกายที่พิเศษคือเขาสามารถมีบุตรได้ 

    และความพิเศษนี้หาพบได้ยากมาก  ทำให้ถึงแม้ว่าร่างกายจะเป็นชายแต่ความพิเศษนี้ทำให้อี้หมิงได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็นสนมก่อนจะค่อยๆเลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อยๆจนได้เป็นฮองเฮา

    อี้หมิงไม่ได้สนใจในตำแหน่งนี้แต่เป็นเพราะ อี้ฝาน ฮองเต้องค์ปัจจุบันที่เป็นรักแรกของเขาที่ทำให้อี้หมิงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้มาแต่เหมือนสวรรค์จะเล่นตลกกับเขา

    อี้ฝานไม่เคยรักเขาเลย  

    มีแต่อี้หมิงที่รักอีกฝ่ายอยู่เพียงฝ่ายเดียวเมื่อได้ขึ้นมาเป็นฮองเฮาอี้หมิงก็ใช้อำนาจคอยจัดการเหล่าสนมทั้งหลายให้อยู่ใต้อำนาจของเขา

    หลายคนหวาดกลัวหลายคนต่อต้านแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไทเฮาหรือมารดาของอี้ฝานนั้นเอ็นดูอี้หมิงมากแต่นั้นกลับทำให้อี้ฝานยิ่งไม่ชอบอี้หมิงมากขึ้นเพราะเหล่าสนมที่ได้ปรนนิบัติอี้ฝานต่างพากันไปฟ้องเรื่องของเขาให้อีกคนได้ยินอยู่บ่อยครั้ง

    อี้หมิงไม่ได้สนใจเพราะยังไงเขาก็คือฮองเฮาเหนือกว่าทุกคนแต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่ออี้ฝานถูกใจเมิ่งหลาน หญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งจนพานางเข้าวังมา บ่อยครั้งที่อี้หมิงได้เห็นการเอาอกเอาใจได้เห็นสายตารักใคร่ที่เขาไม่เคยได้รับก็ทำให้อี้หมิงโกรธเคือง

    อี้หมิงไม่เคยทำร้ายร่างกายใครหากพวกเขาเหล่านั้นไม่เริ่มก่อน เหล่าสนมทั้งหลายมักหาทางมาทำร้ายเขาจนอี้หมิงต้องปกป้องตัวเองบ้างแต่เพราะตำแหน่งที่อยู่สูงกว่าทุกคนเขาเลยถูกกล่าวหาว่าเป็นฮองเฮาผู้ใจร้ายมักจะทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ  

    ไม่มีใครรู้ว่าอี้หมิงเสียใจมากมายแค่ไหนกับสิ่งที่ได้รับ อี้หมิงหวังว่าสักวันอี้ฝานจะมาหาเขาที่ตำหนักให้เขาได้ปรนนิบัติดังภรรยาคนหนึ่งคววรทำและให้กำเนิดองค์ชายองค์หญิงสักคนสองคน

    แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่อี้หมิงได้แต่ฝันเพราะเมิ่งหลานตั้งท้อง

    เป็นข่าวน่ายินดีของราชวงศ์แต่ไม่ใช่สำหรับอี้หมิง เขารู้ว่าตำแหน่งที่เขาอยู่กำลังสั่นคลอนถ้าหากเมิ่งหลานให้กำเนิดบุตรเป็นชายเล่า

    แต่หน้าเศร้า เมิ่งหลานแท้งเพราะถูกวางยา อี้หมิงอดสงสารอีกฝ่ายไม่ได้แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งอกแต่ทุกอย่างกลับพลิกผันเมื่ออี้หมิงตกเป็นจำเลยเพราะคนที่วางยาที่ถูกจับได้เป็นนางกำนัลที่อยู่ตำหนักของอี้หมิงที่เขาเพิ่งจะรับเข้ามาที่ตำหนักได้ไม่นาน แม้ว่านางจะฆ่าตัวตายไปก่อนที่จะได้บอกว่าใครเป็นคนสั่ง แต่เพราะว่านางเป็นคนของตำหนักเขาทุกคนจึงมุ่งเป้ามาที่เขา

    อี้หมิงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสั่งแต่ครอบครัวอี้หมิงรู้ดีว่าอี้หมิงไม่ได้เป็นคนสั่งแน่นอนแต่เพราะความบาดหมางของฮองเฮากับสนมมีมานานทุกอย่างเลยตกมาอยู่ที่อี้หมิง

    วันหนึ่ง อี้ฝานมาหาอี้หมิงที่ตำหนักในรอบหลายปี

    แต่มาเพราะเรื่องที่เมิ่งหลานแท้งและอี้ฝานอยากให้อี้หมิงสารภาพว่าเป็นคนทำ

    "ท่านไม่เคยเชื่อใจข้า"

    อี้หมิงพูดบอกคนที่เขารักสุดหัวใจทั้งน้ำตาอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองหน้ากันทำให้อี้หมิงเหมือนโดนผลักลงเหว

    "หากเจ้าทำก็ยอมรับมาเสียเถอะ  ข้ารู้ว่าเจ้าอิจฉาที่เมิ่งหลานตั้งท้อง  เรื่องแบบนี้ข้าเคยได้ยินมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก  แต่นึกไม่ถึงว่าพอข้าเป็นฮองเต้ข้าก็ได้เจอเรื่องแบบนี้"

    อี้ฝานพูดเสียงเรียบ

    "หากท่านคิดว่าข้าเป็นคนสั่ง  ก็ได้ข้าจะยอมรับก็ได้  ใช่ข้าอิจฉานางที่ตั้งท้อง ทั้งๆที่ควรเป็นข้าแต่นางกลับได้ทุกอย่างไป"

    "นางไม่เคยได้อะไร"

    "นางได้  นางได้ในสิ่งที่ข้าไม่เคยได้ ฮึ่ก  นางได้ความรักจากท่าน"

    อี้หมิงพูดบอกไปพร้อมๆกับหัวใจที่แตกสลาย

    อี้ฝานหลับตาลงช้าๆ

    "แต่เด็กเขาไม่รู้อะไรด้วย"

    "หึ  ท่านคิดว่าข้าจะให้มันเกิดมาเพื่อแย่งทุกอย่างของข้าไปรึไง  สู้ข้าทำให้มันตายไปตั้งแต่ในท้องไม่ดีกว่ารึไง"

    อี้ฝานหันมามองอี้หมิงด้วยสายตารังเกียจ

    "ข้าไม่นึกว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้จากปากของเจ้า"

    "ท่านก็อยากได้ยินแบบนี้ไม่ใช่หรือ  ถึงยอมมาหาข้าถึงตำหนัก  จะลงโทษข้าอย่างไรข้าก็ยอมแต่อย่าทำอะไรตระกูลของข้าเพราะพวกเขาไม่เกี่ยว"

    อี้หมิงพูดบอกในเมื่อไม่เชื่อกันเขาก็จะยอมรับบทตัวร้ายให้อีกฝ่ายลงโทษในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ

    อี้ฝานลุกขึ้นยื่นก่อนจะเดินออกจากตำหนักไปเหลือเพียงแต่อี้หมิงที่นั่งร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ที่เก้าอี้

    วันต่อมา อี้หมิงได้รับราชโองการให้ไปอยู่ที่ตำหนักเย็นแและถึงไม่โดนถูกปลดออกจากตำแหน่งฮองเฮาก็เหมือนถูกปลดออกจากตำแหน่ง

    บิดาและมารดาของอี้หมิงได้แต่ร้องไห้อยู่นอกวังเพราะไม่รู้จะช่วยเหลือลูกของพวกเขาอย่างไร

    อี้หมิงถูกพามาอยู่ที่ตำหนักเย็นอี้หมิงเอามาเพียงของใช้ส่วนตัวและของมีค่าที่เป็นของเขามาด้วยเท่านั้น ตำหนักเย็นที่อยู่ลึกเข้ามามากจนหลายคนแทบจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของตำหนักนี้

    ตำหนักที่เงียบวังเวงสมชื่อของตกแต่งด้านในไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงนอน ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ชุดโต๊ะไม้กินข้าวธรรมดาที่ทรุดโทรม

    มีนางกำนัลหนึ่งคนและขันทีอีกหนึ่งคนที่ตามมารับใช้เพราะพวกเขารู้ดีว่าอี้หมิงเป็นคนแบบไหนและการถูกใส่ร้ายในครั้งนี้พวกเขาช่วยเหลือนายเหนือหัวไม่ได้พวกเขาสองคนจึงตามมารับใช้อี้หมิงที่นี้

    ช่วงแรกที่มาอยู่อาหารการกินเสื้อผ้าที่ถูกส่งมานั้นมีมาตามวันเวลาที่กำหนดพอนานวันเข้าทุกอย่างกลับไม่เป็นตามเวลาและอาหารจากที่กับข้าวมีถึงสองสามอย่างต่อมื้อก็เหลือเพียงข้าวต้มจืดๆกับผักดองเพียงเท่านั้น

    "ฮองเฮาเพคะ"

    "ข้ามิใช่ฮองเฮาแล้ว  อย่าเรียกแบบนั้นเลย"

    "ท่านยังไม่ได้ถูกปลดเสียหน่อยเพคะ"

    ซื่อซื่อนางกำนัลคนสนิทคุกเข่านั่งลงตรงหน้าอี้หมิงแล้วกุมมือบางที่ผอมซูบและเย็นเฉียบเพราะอากาศเอาไว้แน่น

    "เข้าบรรทมเถอะเพคะ  ดึกมากแล้วอากาศยิ่งเย็นท่านจะป่วยไข้เอาได้นะเพคะ"

    อี้หมิงฝืนยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้าแล้วค่อยๆลุกยืนโดยมีซื่อซื่อช่วยพยุงร่างกายที่ซูบผอมเพราะตรอมใจไปนอนที่เตียงไม้เก่าๆที่อี้หมิงใช้นอนมาเกือบปี

    "ขอบใจเจ้ามากนะซื่อซื่อ"

    อี้หมิงยิ้มให้นางกำนัลที่ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขนางก็อยู่ข้างๆเขามาตลอด

    "ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน  ถ้าไม่ได้ท่านชีวิตของซื่อซื่อคนนี้คงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้ เพราะท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้  บุญคุณครั้งนั้นไม่รู้ว่าชาตินี้ซื่อซื่อจะตอบแทนท่านได้หมดหรือไม่"

    อี้หมิงยิ้มออกมา

    "แต่ข้าอยากขอบคุณเจ้าจริงๆ   ที่ถึงตอนนี้เจ้าก็ยังอยู่กับข้า  ไม่รู้ว่าข้าจะอยู่ได้นานอีกเท่าไร"

    "อย่าพูดแบบนั้นสิเพคะ"

    ซื่อซื่อน้ำตาคลอเมื่ออี้หมิงพูดอะไรเป็นรางแบบนี้

    "ข้ารู้ร่างกายของตัวเองดี  พรุ่งนี้ข้าอาจจะตายแล้วก็ได้ใครจะรู้"

    "ไม่เอาเพคะ  ท่านจะตายได้อย่างไรกัน"

    "ซื่อซื่อ  หากข้าตายแล้วเจ้าช่วยพาข้ากลับบ้านทีนะ"

    อี้หมิงยิ้มให้ก่อนที่ซื่อซื่อจะร้องไห้ออกมา

    "หลังจากนั้นเจ้าก็เป็นอิสระ  ไปตามทางที่เจ้าเคยฝันเอาไว้  อย่ารู้สึกผิดกับเรื่องของข้าเลย เข้าใจไหม"

    ซื่อซื่อที่เอาแต่ร้องไห้ได้แต่พยักหน้า

    "เอาละเจ้าไปพักผ่อนเถอะ  ดึกมากแล้ว"

    ซื่อซื่อส่ายหน้า

    "ข้าจะนอนกับท่านที่นี้"

    "เด็กน้อย  ข้าไม่เป็นอะไรหรอก  ข้าก็พูดไปเรื่อยตามประสาคนป่วยเท่านั้น"

    "แต่"

    "ไม่มีแต่  พรุ่งนี้ข้าอยากกินเป็ดตุ๋นที่เจ้าปรุง"

    อี้หมิงยิ้มให้เด็กสาวก่อนที่ซื่อซื่อจะพยักหน้า

    "ได้เพคะ  พรุ่งนี้ข้าจะให้จื่อเทียนเอาแจกันไปขายแล้วซื้อเป็ดมาตุ๋นให้ท่านแต่เช้า"

    "ดี  ไปนอนได้แล้ว"

    ซื่อซื่อเช็ดน้ำตาลวกๆก่อนจะลุกขึ้นยืนโค้งให้อี้หมิงก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    อี้หมิงค่อยๆหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า

     

     

     

     

    เวลาเดียวกัน

    ณ หมู่บ้านเล็กๆอันห่างไกล

    บ้านไม้หลังเล็กหลังหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวเล็กที่มีหญิงชราแก่ๆกับหลานชายคนโตที่เพิ่งอายุยี่สิบได้ไม่นานและหลานชายหลานสาวอายุสิบกว่าปี

    "อี้ชิง  นอนได้แล้วลูก"

    หญิงชราพูดบอกหลานชายที่นั่งเย็บผ้าอยู่ทั้งๆที่คืนนี้อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวันแต่อี้ชิงหลานชายคนโตกลับไปนั่งริมหน้าต่างเพื่อเย็บซ้อมเสื้อผ้าให้น้องชายและน้องสาวที่นอนหลับไปแล้ว

    "อีกนิดก็จะเสร็จแล้วครับท่านย่า  ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ"

    อี้ชิงหันมายิ้มให้ผู้เป็นย่า

    "หนาวขนาดนี้  เจ้ารีบเข้ามานอนเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ"

    หญิงชราบอกด้วยความเป็นห่วง"

    "ขอรับ  เดี๋ยวข้าตามไป"

    อี้ชิงยิ้มให้ก่อนที่หญิงชราจะยอมเดินกลับไปนอนรวมกับหลานๆที่เตียง

    อี้ชิงนั่งเย็บผ้าจนเสร็จก่อนจะเอาชุดที่ซ้อมเสร็จแล้วไปเก็บก่อนที่อี้ชิงจะดินไปหยุดที่เตียงที่เหล่าน้องๆและย่านอนอยู่ก่อนจะหันไปที่เตียงของตัวเองที่เป็นเตียงไม้เล็กๆก่อนที่อี้ชิงจะหยิบผ้าห่มที่เขาใช่มาห่มให้น้องๆและย่าอีกชั้นส่วนตัวเขาก็ใช้เพียงผ้าห่มเก่าๆที่แทบจะไม่รู้สึกถึงความอุ่นมาห่มถึงแม้จะช่วยคลายหนาวไม่ได้แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรห่ม

    พวกเขายากจนนั้นเป็นสิ่งที่อี้ชิงรับรู้มาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้เขาก็อยู่กับย่าและน้องชายอายุขวบกับน้องสาวที่อายุไม่ถึงขวบ ส่วนพ่อแม่ย่าบอกว่าพวกเขาตายเพราะโรคระบาด

    ตั้งแต่จำความได้อี้ชิงก็ช่วยย่าทำงานมาโดยตลอดได้เงินมาก็พอแค่ค่าอาหารไปวันๆเท่านั้นถึงแม้จะมีเงินเก็บเพียงน้อยนิดแต่ไม่นานมานี้อี้หลิงน้องชายของเขาป่วยหนักอี้ชิงเลยต้องเอาเงินที่เก็บเอาไว้มาใช้รักษาน้องชายจนหมด ทั้งๆที่ตอนแรกเขาจะเก็บเอาไว้ซื้อที่นอนกับผ้าห่มไว้ใช้ตอนหน้าหนาว

    แต่ถ้าเพื่อแลกกับการได้ช่วยชีวิตน้องชายแล้วอี้ชิงรู้ดีว่าเงินนั้นเขาหาใหม่เอาได้ขอเพียงแค่น้องชายของเขาหายป่วย

    อี้ชิงนอนมองทั้งสามที่นอนอยู่ที่เตียงใหญ่ก่อนจะยิ้มออกมา

    "ข้าสัญญาว่าข้าจะทำให้ท่านย่าสบายให้ได้  อดทนอีกนิดนะขอรับ"

    อี้ชิงพึมพำก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

     

     

     

    จิ๊บๆ จิ๊บๆ

    เสียงนกร้องปลุกให้อี้ชิงลืมตาตื่นก่อนที่ร่างโปร่งจะลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงก่อนที่ดวงตากลมจะเบิกกว้างอย่างตกใจอี้ชิงเห็นทุกอย่างรอบๆตัวชัดขึ้น

    "ที่นี้ที่ไหน"

    อี้ชิงพึมพำออกมาแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆเพราะที่นี้ไม่ใช่บ้านของเขาแน่ๆ

    อี้ชิงก้มลงมองสำรวจตัวเองก็พบว่าตัวเขาไม่ได้อยู่ในชุดเมื่อวานที่ใส่นอนเนื้อผ้าดีกว่าที่เขาใส่อยู่ที่บ้านมากโขจนอี้ชิงอดแปลกใจไม่ได้ว่าใครพาเขามาที่นี้กัน

    อี้ชิงก้าวเท้าลงจากเตียงสำรวจห้องกว้างนี้ก่อนจะหยุดที่กระจกทองเหลืองบานใหญ่ที่ทำให้อี้ชิงเห็นใบหน้าที่เหมือนเขาจนแยกเกือบไม่ออกแต่ความซูบผอมที่ไม่ต่างจากคนป่วยทำให้อี้ชิงต้องยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเองช้าๆ

    "นี้มันเกิดอะไรขึ้น"

    อี้ชิงพึมพำออกมาอย่างตื่นตระหนก

    เพราะสิ่งเดียวที่เขารู้คือคนที่ส่องกระจกทองเหลืองอยู่นี้ไม่ใช่ร่างกายของเขา

     

     

     

     

     

     

     

    ****************************

    ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ

    ขอบคุณค่ะ

     *แก้ไขคำผิด

     

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×