คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [sf] รัก....ไม่รู้ตัว2 [YutoYama] >END
Type :: Short Fic
Title :: รัก....ไม่รู้ตัว2
Paring :: Nakajima Yuto x Yamada ryosuke
Author :: Yaoilism
ความรู้สึกหนักๆทำให้เปลือกตาบางขยับและพยายามจะลืมตาขึ้น ง่วงโว้ยแต่ทำไมหนักขนาดนี้วะ หรือว่า.. ผ..ผีอำ ตากลมกระพริบตาซ้ำๆแล้วลืมตามอง ที่นี่ไม่ใช่ห้องเรานี่หว่าคิดได้ดังนั้นก็พลิกตัวบิดขี้เกียจเบาๆแล้วก็เห็นต้นตอของความหนัก ขายาวๆพาดตัวเขาอย่างสบายใจเฉิบ ความคิดร้ายๆผุดเข้ามาในหัวก่อนจะ....
ตึง!!
“โอ๊ยยย”เสียงโอดครวญพร้อมกับคนตัวสูงทำหน้ามึนงงสุดชีวิต ใช่เมื่อกี้เขาใช้ขาถีบอีกคนลงจากเตียงเองนั่นแหละ ตาคมมองมาอย่างคาดโทษ
“ถีบทำไมวะ”ถึงน้ำเสียงจะง่วงงุนเพียงใดก็สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“อยากเอาขาพาดฉันแล้วนอนสบายทำไมล่ะรู้ไหมว่ามันหนักจนฉันตื่นน่ะ และถ้าฉันตื่นแกก็ต้องตื่นไง แฟร์ออก”ว่าแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจเต็มที่
“อ่อเล่นแบบนี้ใช่ไหมได้เลยอ้วน”ว่าแล้วไอ้คนแขนขายาวก็ยันตัวขึ้นแล้วกระโดดทับคนบนเตียงทันที
“อ๊ากก หนักนะเว้ย ออกไปให้พ้นเลย”คนตัวเล็กกว่าทำท่าจะถีบอีกทีแต่นาคาจิม่ายูโตะกลับรู้ทันจับขาอีกคนแยกออกให้ทำอะไรเขาไม่ได้แล้วทิ้งน้ำหนักทับช่วงตัวไปเต็มๆ
เมื่อขาถีบไม่เป็นผลมือก็ยกขึ้นจะต่อยหน้าหล่อๆให้หงายสักทีสองทีแต่คนตรงหน้ากลับหลบได้ซะงั้นเลยเปลี่ยนเป้าหมายใช้มือดันไหล่อีกคนให้พอมีช่องว่างแล้วถีบไปเต็มๆทำให้คนตัวสูงกลิ้งลงจากเตียงอีกครั้ง
“เจ็บนะเว้ยอ้วนน”ว่าแล้วคนตัวสูงก็กระโดดขึ้นทับอีกรอบพร้อมหอมแก้มใสรัวๆ
“ทำบ้าอะไรของแกวะไอ้โย่งออกไปนะเว้ย!!”คนข้างใต้ตะโกนพร้อมกับพยายามถีบคนตรงหน้าให้ออกไป
“เอาคืนไงอ้วน ถีบฉันสองครั้งเลยนะเว้ย แก้มช้ำแน่หมูน้อย หึหึ”แก้มใสโดนหอมซ้ำๆจนกลัวว่าจะช้ำจริงๆอย่างที่คนตัวสูงพูด
“โว้ยอย่ามาตลกออกไปนะโว้ยยย”หมัดหนักๆของคนตัวเล็กเสยเข้าให้ที่หน้าเต็มๆ
“โอ๊ยเจ็บ เดี๋ยวหมดหล่อนะเว้ยต่อยมาได้”คนตัวสูงห็หยุดการกระทำแล้วลุกขึ้นนั่ง
“สมน้ำหน้าแล้วไอ้โย่ง”พูดจบคนตัวเล็กก็ลุกจากเตียงหยิบเสื้อผ้าไปอาบน้ำแปรงฟันทันทีทิ้งให้คนตัวสูงนั่งลอบยิ้มบนเตียงคนเดียว ถึงจะโดนถีบสองรอบแถมโดนต่อยอีกทีก็คุ้มกับแก้มหอมๆล่ะวะ
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเรียวสุเกะน่ารัก น่ารักจนแทบละสายตาไปไม่ได้มันไม่ใช่ความรู้สึกว่าอยากเฝ้ามอง อยากครอบครองรอยยิ้มอย่างที่เขารู้สึกกับยูริแต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่า อยู่ใกล้แล้วไม่อยากให้ห่างไปไหน อยู่ใกล้แล้วสนุกมีความสุข แถมหัวยังตื้อๆเวลาได้กลิ่นกายหอมๆของเรียวสุเกะ
อาจเพราะว่าเรียวสุเกะมีมุมที่น่ารักเยอะเกินไปหรือว่าเพราะเขาเองอาจจะบ้าไปแล้วก็เป็นได้สินะ
“นั่งยิ้มบ้าบออะไรวะแถมยังทำหน้าโรคจิตอีก”เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังเช็ดผมอยู่พูดแล้วมองมายังเขาทำให้คนตัวสูงลุกขึ้นยืนแล้วขโมยหอมแก้มนุ่มนิ่มนั่นอีกที
“คิดถึงแก้มนายอยู่ไงเรียวสุเกะ”แถมกระซิบข้างหูให้อีกทีพร้อมทำหน้ากวนสุดฤทธิ์
“ใครอนุญาตให้แกเรียกชื่อจริงฉันวะ!! ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะเว้ย”เสียงตวาดนั่นไม่ได้เข้าหูคนตัวสูงแม้แต่น้อยแถมยังเรียกรอยยิ้มให้ระบายออกมามากกว่าเดิมอีก ไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไร...ไม่รู้เลยจริงๆ
ทางอีกด้านเองคนตัวอวบก็ใจเต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุเมื่อมองเข้าไปในกระจกกลับเห็นว่าหน้าตัวเองขึ้นสีระเรื่อจางๆ
“บ้าน่า”ริมฝีปากอิ่มพึมพำก่อนจะเช็ดผมตัวเองให้แห้ง ไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรที่ทำให้ไอ้โย่งติงต๊องทำแบบนั้นกับเขาอาจเป็นเพราะอยากล้อเล่นก็ได้ อย่าหวั่นไหวนะเรียวสุเกะ! เขาบอกตัวเองก่อนหายใจลึกๆเลิกคิดเรื่องนี้คงดีที่สุดล่ะมั้ง
นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคนตัวอวบเดินลงเปิดตู้เย็นรื้อของออกมาทำกับข้าวแล้วก็สะดุดตากับกล่องสตรอเบอรี่ แบบนี้ก็หวานหมูสินะว่าแต่เขาต้องขอก่อนไหมนะเพราะมันไม่ใช่บ้านเขานี่นา
“ยืนดูอะไรอยู่ถ้าอยากกินก็หยิบออกมาสิ”เสียงพูดทำให้คนหน้าหวานหันไปขมวดคิ้วใส่หนึ่งที
“ถือว่าให้แล้วนะ”มือบางหยิบกล่องใส่สตรอเบอรี่ออกมาจากตู้เย็นแล้วล้างเบาๆ ใส่ชามไว้ก่อนจะหันไปทำกับข้าวพร้อมกับกินสตรอเบอรี่สีสดไปด้วย
เสียงชัตเตอร์รัวๆทำให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับอาหารเงยหน้าขึ้นมอง
“ถ่ายอะไรของแกวะ”เสียงทุ้มเอ่ยเจือความมพอใจนัยน์ตาคมมองจ้องอีกคน
“ลองกล้องเฉยๆน่ะ เห็นแสงมันสวยดี”คนตัวสูงพูดเหมือนไม่สนใจอะไรความจริงที่สวยน่ะไม่ใช่แสงหรอกแต่เป็นคนตะกละที่กินสตรอเบอรี่ไปทำอาหารไปนี่ต่างหาก
ว่าแล้วก็เดินไปยังห้องล้างฟิล์มแปลกที่เขาไม่ได้หลงรอยยิ้มของยูริในภาพถ่ายเหมือนเดิมแล้ว นิ้วยาวปลดรูปยูริที่แขวนอยู่ในห้องออกก่อนจะเริ่มล้างรูปในกล้องมีทั้งวิวสวยๆท้องฟ้าสวยๆ รวมถึงรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่... ก่อนที่คนตัวอวบจะเห็นเขาถ่ายไว้ได้อีกหลายมุมเลยทีเดียว นาคาจิม่า ยูโตะยิ้มให้กับความบ้าบอของตัวเองเล็กน้อย
“ข้าวเสร็จแล้วนะ!”เสียงตะดกนขึ้นมาทำให้เขาเร่งมือกับการล้างรูปถึงแม้จะเร่งมือแค่ไหนรูปที่ได้ออกมาก็ยังคงสวยงามเป็นมืออาชีพและปรานีตเสมอ
คนตัวสูงลงมากินข้าวพร้อมกับหยอกล้อกับคนตัวเล็กกว่าอย่างสนุกสนานถึงแม้จะเกือบโดนต่อยอยู่หลายทีแต่เขาก็ยังรู้สึกสนุกอยู่ดีหรือว่าเขาอาจจะเป็น M กันนะ?
“ฉันจะออกไปข้างนอกนะ อยู่คนเดียวก็ระวังผีออกมาล่ะ”ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ก่อนจะก้มลงใส่รองเท้า
“เฮ้ยอย่าทำงี้ดิ อย่ามาล้อเล่นเรื่องนี้ไม่ตลกนะเว้ยยย ไปด้วยดิ ไอ้โย่งรอด้วยย”คนตัวสูงหัวเราะเบาๆบทจะทำตัวเป็นเด็กก็แบ๊วเหลือเกินนะบทจะโหดก็ต่อยเอาต่อยเอา เดาไม่ถูกจริงๆนะว่านายเป็นคนแบบไหนกันแน่น่ะเรียวสุเกะ
“ทำตัวเป็นเด็กสามขวบเลยนะอ้วน”คำจากคนตัวสูงเรียกสายตาอาฆาตพร้อมชี้หน้าคาดโทษได้ดีทีเดียว
“แกไม่กลัวแกไม่รู้หรอกเว้ยย”พูดจบก็ต่อยเข้าที่ไหล่กว้างๆนั่นสักรอบ
“บ๊องว่ะอ้วน”พูดไปคนตัวสูงก็ยีผมคนตัวเล็กกว่าไป
“พูดอยู่นั่นแหละไม่ได้อ้วนเว้ย จะขยี้ทำไมวะยุ่งแล้วเนี่ย”
“ไม่ให้ขยี้งั้นจูบแทนดีไหม”คำย้อนมาทำเอาคนตัวตี้ยกว่าคิ้วกระตุก
“ตลกมากไหมไอ้สลัดด”ตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายพร้อมต่อยไหล่
“สาบานว่านั่นคือคำด่า?”คนตัวสูงเลิกคิ้วถาม
“เออออน่าแล้วนี่จะไปไหน”คนตัวเล็กกว่าเอ่ยถามเพราะเดินตามมันมาตั้งนานแลดูไอ้โย่งข้างๆนี่มันเดินไร้ทิศทางมาก
“ใจง่ายมาด้วยเองก็ไม่ต้องถามหรอก ไม่พาหมูไปขายโรงเชือดแน่นอน”คนตัวสูงชะลูดพูดพร้อมหัวเราะ
“ใจง่ายพ่องง บ้านแกน่ากลัวจะตายใครจะไปอย่คนเดียวได้วะ”เรียวสุเกะพึมพำหากแต่ก็ไม่พ้นหูคนสูงกว่าอยู่ดี ได้ยินทุกคำในประโยคอย่างชัดแจ๋ว
“นายกลัวทุกที่มากกว่าอ้วน”ไอ้โย่งหูผี คนตัวเล็กกว่าด่าในใจ
“เหอะ ไม่พูดด้วยแล้วโว้ย โอ๊ย”พูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะชนเข้ากับร่างโปร่งที่ขนาดตัวพอๆกัน
“อ้าวยามะจัง”คำเอ่ยทักทำให้คนคิ้วขมวดเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ไดจัง? คิดถึงจังเลย”ว่าแล้วก็สวมกอดเข้าเต็มรัก
“ไง มาทำไรล่ะ? แล้วนี่แฟนเหรอ? ผมไดกินะเรียกไดจังแบบยามะจังก็ได้แฟนเจ้าตัวเล็กไม่ถือหรอก”ว่าแล้วไดกิก็ยิ้มสดใสให้คนตัวสูง
“ไม่ใช่แล้วไดจัง..”ยังไม่ทันได้พูดจบคนตัวสูงกว่าก็แทรกขึ้น
“ผมชื่อนาคาจิม่า ยูโตะครับ แล้วยูริไม่ได้เป็นแฟนกับเรียวสุเกะเหรอ?”คำถามจากคนตัวสูงทำให้คนตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาทันที
“นายจะเล่นอำอะไรเนี่ย ชี่จัง กับยามะจังเนี่ยนะ? ไม่มีทางเลย แค่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันเกินไปต่างหาก”ถึงจะมีเสียงเรียวสุเกะแทรกไปว่าไม่ให้พูดแต่ไดจังก็ยังคงพูดต่อไปเหมือนไม่ได้ยิน
“โธ่ หมดกัน ไดจัง! ทำเสียเรื่องแล้ว”มือบางแทบอยากจะทึ้งหัวตัวเอง
“อะไรของนายเล่ายามะจัง อ้อต้องไปแล้วล่ะเดี๋ยวแฟนรอนาน ไปนะแล้วเจอกันใหม่”คนยิ้มสวยดูนาฬิกาก่อนวิ่งจากไป
“ไงอ้วนโกหกนี่หว่า งี้ฉันก็มีความหวังดิ”ที่พูดไปเพราะจะแกล้งแหย่คนตรงหน้าส่วนไอความคิดแบบนั้นกับยูริมันหายไปหมดแล้วเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เออ ไม่ใช่แฟนกัน แต่เสียใจด้วยนะยังไงแกก็แห้วว่ะโย่ง เพราะยูริจังมีตัวจริงอยู่แล้วเป็นเด็กมหาลัย หล่อรวย ใจดี โหยโคตรเพอร์เฟกต์”เสียงแชะของกล้องถ่ายรูปทำให้คนพูดอยู่หันไปมอง
“หน้าเหมือนหมูเพ้อเลยว่ะ”คนตัวสูงพูดแล้วขำ
“ไม่ใช่หมูเว้ยยย”ว่าแล้วก็เตรียมซักหน้าหล่อๆสักทีสองที
“หมูชัดๆ เฮ้ยอย่าต่อยดิ อ้วนอย่าแย่งเดี๋ยวพังแพงนะเว้ย”คนตัวสูงหลบหลีกหมัดพร้อมเอากล้องหลบไปด้วย ไม่ให้คนตัวเล็กกว่าได้จับโดนกล้อง
“ก็เลิกกวนตีนสักทีได้ไหมเล่า!”คนตัวเล็กกว่าแทบจะแยกเขี้ยวขู่คนตรงหน้าเสียด้วยซ้ำ
“ไม่เห็นน่ากลัวเลยอ้วนตะคอกบ่อยๆเดี๋ยวก็เจ็บคอหรอก ไปหาน้ำกินก่อนดีกว่า”ว่าแล้วคนตัวสูงก็ดึงอีกคนเข้าร้านคาเฟ่เล็กๆบรรยากาศดูเป็นกันเอง
“เอสเปรสโซ่ครับ”คนสูงกว่าสั่งก่อน
“สตรอเบอรี่ปั่นครับ”เรียวสุเกะพูดตามหลังในทันทีพร้อมยิ้มละลายใจให้พนักงาน
“เกือบแมนละสั่งสตรอเบอรี่ปุ๊บตุ๊ดเลย”ยังไม่วายแซวคนตัวเล็กกว่าด้วยรอยยิ้ม
“ตุ๊ดอะไรวะ มีข้อห้ามข้อไหนที่ผู้ชายกินสตรอเบอรี่ชอบสตรอเบอรี่ไม่ได้บ้างวะ”เรียวสุเกะสวนกลับไปเป็นชุด
“ดูธรรมดาก็ไม่แมนอยู่แล้วไม่ใช่รึไงนอกจากบ้าพลังไม่เห็นมีอะไรดีเลย”ปากหนายังคงพูดต่อไม่หยุด
“อยากปากแตกรึไงโย่ง!”เส้นความคนทนมันเริ่มเต้นพลาดๆราวกับจะขาดออกจากกันแล้ว ถ้ามีอีกประโยคคงได้วางมวยแน่ๆ
“ทำไมละอ้วน ยอมรับความจริงไม่ได้รึไง? ฮ่าๆๆ โอ๋ๆล้อเล่นน่า เดี๋ยวเลี้ยงเองไม่งอนนะหมูน้อย”เมื่อเห็นคนตรงหน้าแทบควันออกหูคนตัวสูงกว่าทำแค่เพียงยิ้มแถมยังกวนต่ออีกแหนะ
“ปากเหรอวะไอ้โย่ง ใครงอนวะ ถ้าไม่เกรงใจที่ร้านแคบได้ต่อยหน้าหงายไปแล้ว”เรียวสุเกะคาดโทษไว้
“โคตรกลัวเลยอ้วน”คนตัวสูงยังทำไม่สะทกสะท้านแถมยังยื่นมือมายีผมคนตรงหน้าซะเฉยๆ
“ไอ้..”ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเครื่องดื่มก็วางเสิร์ฟบนโต๊ะ“ฝากไว้ก่อนนะโย่ง”พูดจบก็ดูดน้ำสตรอเบอรี่ปั่นแล้วคลี่ยิ้มบางๆถึงจะหงุดหงิดแค่ไหนถ้าได้ลิ้มรสของที่ชอบก็มีความสุขได้ในทันที
คนตัวเล็กกำลังเพลินจนไม่รู้ตัวว่าถูกถ่ายรูปไปหลายชอตเหมือนกันก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะยกกาแฟขึ้นจิบช้าๆไม่เร่งรีบนัก แปลกที่ทั้งที่เคยไม่ชอบหน้าคนตรงหน้าสักเท่าไหร่นักเวลานี้เขากลับยิ้มตามรอยยิ้มหวานๆของคนตรงหน้าซะนี่ ตอนแรกก็คิดว่าบาปอยู่หรอกที่กำลังยุ่งกับแฟนคนอื่น แต่คำตอบเมื่อสักครู่ว่าเป็นแค่เพื่อนเนี่ย ลองดูคงไม่เสียหายมั้ง แต่ก็นะติดอยู่ที่ว่าเขาไม่เคยมองคนบ้าพลังแบบเรียวสึเกะน่ะสิ
“อ้วนเอาเค้กเปล่า?”คนสูงกว่าถามขึ้นเพราะดูคนตรงหน้าจะสนใจเค้กในถาดที่พนักงานยกผ่านไป
“แกเลี้ยงใช่ป่ะโย่ง แกได้หมดตัวแน่”ว่าแล้วเรียวสึเกะก็หัวเราะก่อนจะเดินไปสั่งเค้กที่เคาท์เตอร์
“ไม่หมดง่ายๆหรอกน่า นายเถอะกินมากจากหมูน้อยจะกลายป็นแม่หมูนะ”ปากก็เอ่ยแซวทั้งที่ยิ้มไม่หุบกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้า
เขาว่าเขาเริ่มรู้แล้วนะว่าทำไมจู่ๆถึงมองว่าคนตรงหน้าทำอะไรก็น่ารัก ยิ่งโกรธยิ่งหงุดหงิดยิ่งอยากแหย่ ยิ่งเห็นรอยยิ้มนั่นยิ่งมีความสุข แถมถ้าเรียวสึเกะแสดงอาการอยากเอาชนะเขายิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่
มีคนพูดไว้ว่า ‘ความรักของเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จะแสดงออกยังไง ทำให้เด็กคนนั้นอยากแกล้งคนที่ตัวเองชอบ เพื่อที่จะอยู่ในความทรงจำของเด็กที่ชอบตลอดไป’ คงจะจริงล่ะมั้ง แถมคนที่ชอบยังน่ารักขึ้นเมื่อโดนแกล้งแบบนี้ ยิ่งอดใจไม่ไหวจริงไหม?
“เดี๋ยวดิอ้วนอย่าเพิ่งกิน”เมื่อเค้กมาถึงโต๊ะยูโตะก็ห้ามคนที่คิดจะจ้วงสตรอเบอรี่สีสดที่อยู่บนเค้กก่อนจะจัดมุมถ่ายรูปเค้กตรงหน้าแล้วเลยไปถ่ายคนทำหน้าอยากกินจะเป็นจะตายแบบเนียนๆด้วย
“ดูทำหน้าดิไม่แย่งหรอกแค่ถ่ายรูปเฉยๆน่า ฉันมาถ่ายรูปแถวนี้ประจำแต่ไม่เคยลองเค้กร้านนี้แฮะ”คนตัวสูงพูดไปก่อนที่จะเลื่อนดูรูปในกล้อง
“ใคร?”เมื่อเรียวสุเกะเอ่ยทำให้คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นไปมอง“ใครถามวะโย่งง”ทำเสียงพร้อมสีหน้ากวนสุดฤทธิ์ทำให้นิ้วยาวของคนตัวสูงปากครีมเล็กน้อยแล้วป้ายลงบนจมูกสวยพอดิบพอดีพร้อมกับกดชัตเตอร์บันทึกภาพ
“ไอ้โย่ง ไอ้เลวว เปื้อนแล้วเนี่ย ของกินนะเว้ยไม่ใช่ของเล่น”เรียวสุเกะบ่นก่อนจะหยิบทิชชี่มาเช็กคราบครีมออก
“ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นสักหน่อย ใครใช้ให้กวนล่ะ”คนตัวสูงพูดแล้วหัวเราะท่าทีย่นจมูกของคนตรงหน้า
“ฉันไม่ผิดเว้ย”คนตัวเล็กกว่ายังคงเถียงอยู่
“ผิดเห็นๆ กินเร็วๆอ้วนเดี๋ยวไปที่อื่นต่อ”ปากก็พูดไปงั้นแหละจริงๆเขาก็ไม่ได้รีบอะไร
“ไปไหนอ่ะ?”คนตัวเล็กเงยถ้าขึ้นมาถาม
“ซื้อของ”เขาพูดสั้นๆก่อนจะขำเล็กน้อยเพราะครีมสดเปื้อนอยู่ที่มุมปากบางเล็กน้อยก่อนจะกดชัตเตอร์ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ลิ้นเรียวกำลังเลียคราบครีมออกจากมุมปากทำเอาใจสะดุดเพราะทาทีนั้นช่างดูเซ็กซี่เย้ายวนอย่างเหลือเชื่อ
“มองไรวะโย่ง”เมื่ออีกคนว่าเขาถึงได้สติ
“เปล่า”พูดสั้นๆแล้วเรียกพนักงานเก็บเช็คบิลทันที
“เป็นไรป่ะเนี่ย ทำหน้ายังกับแม่จับได้ว่าดูหนังโป๊”คนตัวเล็กว่าแล้วขำ
แม่จับได้ว่าดูหนังโป๊ยังไม่เท่าไหร่ถ้าเผลอจับคนตรงหน้ากินมันซะกลางที่สาธารณะนี่สิเรื่องใหญ่กว่าไหม คนตัวสูงคิดในใจเงียบๆ
คงน่าตกใจเล็กน้อยในสายตาคนทั่วไปที่ผู้ชายสองคนเดินเถียงกันทำท่าจะต่อยกันตลอดทางในขณะที่เดินเลือกซื้อของ ถึงท่าทางจะฆ่ากันแค่ไหนแต่คนทั้งคู่กลับแอบลอบยิ้มเล็กน้อยขึ้นมาซะอย่างงั้น
“โย่งเอานี่ด้วย”มือบางหยิบแพ๊คสตรอเบอรี่ใส่รถเข็น
“อะไรจะคลั่งสตรอเบอรี่ขนาดนั้นวะอ้วน กินเปลืองว่ะ”คนตัวสูงแซว
“เหอะ ทำมาบ่นฉันยังต้องทำกับข้าวให้แกอีกหลายมื้อนะเว้ย ขอมีความสุขบ้างไม่ได้ไง?”คนตัวเล็กกว่าพูดพร้อมต่อยไหล่กว้างแบบไม่ยั้งแรงไปอีกที
“เจ็บนะเว้ย อ้วนเห็นแก่กินตลอดเวลาถึงได้บวมแบบนี้ใช่ป่ะวะ ไม่ต้องซื้อเนื้อเยอขนาดนั้นก็ได้อ้วนไม่ได้เลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านนะเว้ย”พูดจบก็มาจัดการคนตัวเล็กที่รู้สึกจะซื้อเน้นปริมาณมากเกินไป
ทั้งคู่แทบตีกันตายระหว่างทางไม่สิเรียกได้ว่าเรียวสุเกะจะซ้อมคนตัวสูงตายซะมากกว่าจนมาถึงบ้าน
“กลับมาแล้ว”ยูโตะพูดก่อนจะหอบข้าวของที่ซื้อเข้าบ้านตามด้วยอีกคนที่ถือของไม่ต่างกัน
“โอคาเอริฮะ นึกว่าพวกพี่จะตีกันตายระหว่างทางแล้ว ซื้อของมาซะเยอะเลยผมช่วยนะ”คนเป็นน้องพูดแล้วเข้ามาช่วยพี่ชายทั้งสองเก็บของ
“ดีใจใช่ไหมล่ะที่พี่ยังไม่ตาย”คนเป็นพี่พูดก่อนจะโดนหมัดหลุนๆของคนตัวเล็กกว่าเข้าให้หนึ่งดีเพราะไม่ทันได้ป้องกัน“เจ็บนะเว้ยอ้วน”
“แกน่าจะตายนานละไอ้โย่ง”คนตัวเล็กกว่ายืนชี้หน้าหล่อ
“ฉันตายระวังนายจะเสียใจนะอ้วน”ว่าแล้วก็ยักคิ้วกวนตีนไปอีกรอบ
“พวกพี่จะอยู่กันรอดไหมเนี่ยพรุ่งนี้ผมจะไปทัศนศึกษากลับวันพฤหัสเลยนะ”น้องเล็กของบ้านพูดทำเอาร่างอวบเลิกทะเลาะกับคนตัวสูงชั่วคราว
“หมายความว่าพี่ต้องอยู่กับไอ้โย่งสองคนไม่มีไรยะงั้นเหรอ?”ตากลมเบิกกว้างพร้อมคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่น
“อ่า คงต้องอย่างงั้นน่ะฮะ ผมคงอยู่ห้ามศึกพวกพี่ไม่ได้ ยังไงก็อย่าทะเลาะกันจนข้าวของเสียหายล่ะฮะ อ้อแล้วก็ผมทำมื้อเย็นไว้แล้วเพราะเห็นว่าพวกพี่ยังไม่กลับกันเลยแช่อยู่ในตู้เย็นอุ่นกินกันตามสบายนะครับผมไปเตรียมตัวแล้วเข้านอนดีกว่า”พูดจบคนเป็นน้องเล็กก็ยิ้มกว้างแล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องของตัวเอง
“ซวยชิบหาย”เรียวสุเกะพึมพำออกมา
“ไม่ซวยขนาดนั้นหรอกน่า”คนสูงกว่าพูดแล้วขำ
“อยู่กับแกแหละคือความซวยของฉันไอ้โย่งบ้า”พูดจบก็เดินไปอุ่นอาหารออกมากินไม่รอคนตัวสูงเลยสักนิดพอกินเสร็จคนตัวเล็กก็เก็บล้างแล้วตรงไปอาบน้ำทันที
แช่น้ำอุ่นนี่มันสบายสุดๆไปเลยแฮะคนตัวอวบอ้อยอิ่งในอ่างน้ำเกือบชั่วโมงได้เก็บแรงเผื่อต้องไปรบกับคนตัวสูงอีก ขาเรียวลุกหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดแล้วนึกได้ว่าลืมหยิบชุดตัวเองลงมาเปลี่ยนที่ให้แค่เอาผ้าขนหนูพันเอวแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องทั้งอย่างงั้น
“อ้วนอยากโชว์รึไงทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าวะ”ถึงปากจะพูดไปแต่สมองกลับเบลอไปหมอก็คนตรงหน้าเล่นผิวขาวซะน่าสัมผัสขนาดนี้แถมดูท่าว่าใต้ผ้าเช็ดตัวผืนนั้นจะไม่มีอะไรห่มเรือนกายขาวอยู่ด้วยน่ะสิ คนตัวสูงต้องแอบเม้มปากสูดลมหายใจเข้าลึกๆหวังให้พัดความคิดอนาจารในหัวออกไปให้หมด
“ก็คนมันลืมนี่หว่าแล้วแกจ้องอะไรมากมายวะโย่ง อิจฉาที่ฉันมีซิกแพคดิ?”ไม่ใช่แค่ไม่รู้ตัวคนตัวขาวยังเดินเข้ามาใกล้อีก จับปล้ำซะตอนนี้ดีไหมวะ คนตัวสูงได้แค่คิดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้อง
สายฝนโปรยปรายลงมาช้าๆและเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆทำให้การแช่น้ำอุ่นเป็นอะไรที่ช่วยให้หัวโล่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ นาคาจิม่า ยูโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนตัวเล็กในห้องนอนเขาช่างปั่นป่วนความรู้สึกคนอื่นเก่งซะจริง ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ ใจนึงก็อยากให้เวลาผ่านไปไวๆเพราะไม่อยากเผลอจับอีกคนปล้ำซะก่อน แต่อีกใจก็อยากให้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมันยืดยาวขึ้น คิดได้ดังนั้นก็ถอนหายใจอีกเฮือกก่อนจะลุกขึ้นจากน้ำเมื่ออารมณ์สงบลง
คนตัวสูงแต่งตัวแล้วเช็ดผมให้หมาดก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำขึ้นไปยังห้องนอนที่มีคนตัวขาวอยู่คนตัวสูงเดินเข้าไปเห็นคนตัวเล็กง่วนอยู่กับกระเป๋าทันใดนั้น
พรึบ!! ไฟที่เปิดสว่างอยู่ดับลงในทันทีที่เขานั่งลงบนเตียง
“อ๊ากกกกกกกกก ไม่นะ!! มืดอ่ะ มืดดยูโตะช่วยด้วยย”คนตัวเล็กโวยวายก่อนที่จะรู้สึกถึงน้ำหนักที่ทับลงมาบนตัวเขามือบางกอดคอแกร่งไว้แน่นเสียด้วยเป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กเรียกชื่อเขาเต็มๆแบบนี้
“อย่าขยับมากได้ไหม!”ยูโตะเค้นเสียงตัวเองออกมาถึงจะมืดแต่มันก็พอเห็นลงๆว่าหน้าหวานๆของคนบนตักมันใกล้แค่คืบจนต้องกลืนน้ำลาย ในหัวนึกไปถึงภาพลิ้นเล็กที่แลบเลียริมฝีปากสีสดในร้านเค้ก เรียกได้ว่าตอนนี้สมองเขากำลังอยู่ในโหมดที่มีแต่ความคิดอนาจารย์ก็ว่าได้ แถมยังกลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยมาถึงจะเป็นสบู่และแชมพูยี่ห้อเดียวกับที่เขาใช้มานานทว่ามันกลับหอมหวานขึ้นยังไงไม่รู้
“ก็คนมันกลัวนี่หว่าแกไม่กลัวแกไม่รู้หรอก มันมืดอ่ะ มืดดดด”คนบนตักบังคงสั่นไม่เลิกพร้อมขยับตัวไปมาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าไอคนที่เขาโดดมานั่งตักมันเนี่ยเส้นความอดทนแทบจะขาดแล้ว
“บอกให้เลิกขยับไงเล่า!”เสียงทุ้มโพล่งออกมาเหมือนว่าเส้นความพยายามอดทนของคนตัวสูงได้ขาดไปเป็นที่เรียบร้อยเพราะตัวขาวๆที่เบียดแนบชิดเขาอยู่
“ก็มัน... อื้อ ด..เดี๋ยว... อื้อ”ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงที่หลุดออกมาจากปากของเรียวสึเกะก็กลายเป็นเสียงที่เปร่งอยู่แค่ในลำคอแทนเพราะริมฝีปากสีสดถูกครอบครองขบเม้มดูดดึงอย่างร้อนแรงก่อนที่ลิ้นร้อนจะสอดแทรกเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากสวยอย่างตะกละตะกราม
กลิ่นกายหอมๆตรงหน้ายิ่งกระตุเนให้เขาแทบคลั่ง ริมฝีปากร้อนลุกไล่คนบนตักอย่างร้อนแรง คนบนตักทำได้เพียงกำคอเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น เพราะไม่ว่าจะทุบจะอะไรคนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเขาจากจูบร้อนแรงนี้แม้สักนิด
“อื้ออ”คนตัวเล็กกว่าทุบอกกว้างอีกครั้งเพราะหัวเขาเริ่มเบลอไปหมด เหมือนคนจะขาดอากาศ แถมหัวใจยังเต้นรัวราวกลับกลองชุดจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา คนตัวสูงกว่าผละริมฝีปากออกเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้สูดอากาศเข้าปอดนัยน์ตากลมที่มองเขาในความมือสั่นระริกทำให้คนตัวสูงรั้งร่างอีกคนเข้าหาแล้วมอบจูบแสนร้อนแรงอีกครั้ง
“นายสวยมากนะเรียวสุเกะ”คำเอ่ยขานข้างใบหูพร้อมการขบเม้มเบาๆทำให้มือบางยิ่งกำคอเสื้ออีกคนแน่นเรียวสุเกะรู้ดีว่าเวลานี้เขาแทบไม่มีแรงขัดขืนอะไรคนตรงหน้า ทั้งรู้สึกตกใจ วาบหวาม ปนกับความกลัวเขาจึงได้แต่หลับตาแน่นปล่อยให้คนตัวสูงทำตามใจตัวเอง... คนตัวสูงเลื่อนหน้าลงมาขบเม้มตามซอกคอสวยดูดดึงทิ้งรอยไว้ ทั้งนุ่มทั้งหมอจนความคิดในสสมองเขาเตลิดไปหมดเหลือแค่อยากครอบครองคนตรงหน้าเหลือเกิน อยากเป็นคนๆเดียวกันทั้งที่ยังไม่มีสถานะอะไรริมฝีปากร้อนเงยขึ้นประกบจูบกับริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง
เมื่อมีจูบครั้งที่สามจูบครั้งที่สี่ก็ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน อุณหภูมิของสองร่างสูงขึ้นเรื่อยๆจากมือที่กำคอเสื้อของอีกคนแปรเปลี่ยนเป็นโอบรัดรอบคอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ความรู้สึกของทั้งคู่ราวกับถูกดึงดูดด้วยสิ่งเสพติดที่หอมหวาน ราวกับอยู่ในฝันก็ไม่ปานทว่าทันทีที่มือหนาไล้เข้าไปใต้เสื้อก็เรียกสติของเรียวสุเกะกลับขึ้นมามือบางจับมือหนาให้หยุดแค่นั้น
“ย..ยูโตะ..อย่า.. อย่าทำแบบนี้”ถึงเสียงจะไม่มั่นคงและติดขัดเท่าไรนักแต่คิดว่าคงพอเรียกสติที่เหลืออยู่ของยูโตะขึ้นมาได้บ้างอย่าให้อะไรสายเกินไปถ้าทั้งหมดมันเป็นเพราะความเผลอไผลมันก็ควรจะหยุดแค่จูบแสนหวานที่เหมือนฝันแบบนี้ก็พอแล้ว คนตัวสูงผละออกอย่างเสียดายเล็กน้อย ก้อนเนื้อในอกก้าวงเต้นรัวๆจนแทบจะทะลุออกมาจากอกได้แล้ว
ไฟที่กลับมาติดได้จังหวะพอดีทำให้เห็นแก้มขาวที่ซับสีระเรื่อนัยน์ตาหวานเชื่อมที่จ้องมองเขาช่างมีแววสั่นไหวเหลือเกินริมฝีปากอิ่มที่บัดนี้เจ่อและช้ำเล็กน้อยเพราะเขาเวลานี้คนตรงหน้ากลับดูเปราะบางราวกับเครื่องแก้วที่หากแตะต้องแรงๆอาจจะแหลกสลายคามือได้
“ขอโทษนะเรียวสึเกะ ถ้าโกรธอยากจะต่อยก็ต่อยได้เลยนะ”คนตัวสูงกระซิบชิดริมใบหูเล็กพร้อมสูดดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มแล้วหอมเบาๆบนแก้มใสคนตัวเล็กไม่ได้พูดอะไรแค่หอบหายใจเบาๆเท่านั้นเมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้า คนสูงกว่าก็ดันให้อีกคนนอนราบลงกับเตียงก่อนที่ตัวเองจะลุกเดินออกไป
เขากำลังกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะเผลอปล้ำคนตรงหน้าเมื่อกี้ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่าระยะความใกล้ชิดแบบนั้นมันโคตรจะอันตรายเลยจริงๆ
ได้แต่หวังว่าคนบนเตียงจะไม่เกลียดเขาก็เท่านั้น ก็จู่ๆมาโดนคนที่ทะเลาะกันมาตลอดคนที่ทำให้โกรธนักหนาจูบแถมยังลวนลามขนาดนี้ ใครจะไม่รู้สึกแย่กันบ้างคนตัวสูงกางร่มไปยังเรือนแยกก่อนจะหยิบไม้กลองของตัวเองซ้อมกลองจนรุ่งสาง
ทางด้านคนบนเตียงก็ได้แต่เอามือแตะริมฝีปากเบาๆความร้อนรุ่มจากจูบนั้นยังคงติดตรึงอยู่เช่นนั้น ในอกเหมือนมีคนมารัวกลองอยู่ในนั้น บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขากำลังรู้สึกยังไง แต่ก็ไม่ได้รังเกียจกับสัมผัสของคนตัวสูง เขากำลังหวั่นไหวทีละน้อยกับผู้ชายที่หลงรักเพื่อนสนิทเขาหมดใจ ณ วินาทีนั้นเขาไม่มีแรงแม้แต่จะต่อยคนตรงหน้าด้วยซ้ำ เหมือนว่าแรงทั้งหมดถูกกลืนหายไปกับจูบนั่น ริมฝีปากเจ่อเม้มเข้าหากันอย่างครุ่นคิด จู่ๆน้ำตาใสๆกลับไหลรินลงมาซะเฉยๆมือบางยกขึ้นปาดมันออกลวกๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา ทำไงได้ก็ในชีวิตนี้เขามีคนให้ปรึกษาอยู่แค่ไม่กี่คนนี่เนอะ
‘คิดถึงยูริจัง เป็นไงบ้าง? (^ー^) ’
‘มีความสุขแหละ ยูยะพาไปกินของอร่อยเยอะแยะเลยเสียอย่างเดียวฉันต้องจ่ายค่าอาหารซะปวดตัวไปหมดเลย( ≧∇≦) ’
‘ฉันโทรไปได้ไหม (¯▽¯;) ’
‘ได้สิ ยูยะหลับแล้วล่ะ มีอะไรรึเปล่า? (=^▽^=)’
มือบางกดโทรหาเพื่อนรักในทันทีรอไม่กี่อึดใจปลายสายก็รับด้วยเสียงเริงร่า
‘มีอะไรเหรอยามะจังของฉัน’
“เวลารักใครน่ะ เป็นยังไงเหรอ?”ในที่สุดก็ถามออกไปเพราะเขาไม่เคยรักหรือใส่ใจใครอย่างน้อยก็อยากมั่นใจว่าไอที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร
‘แหนะถามแบบนี้มีอะไร ยามะจังของฉันกำลังมีความรักเหรออ อืมม ความรักน่ะมันมีหลายรูปแบบจะตายไป สำหรับฉันนะ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ยูยะอยู่ใกล้ๆใจสั่นเวลาใกล้ชิดกันถึงบางครั้งฉันจะงี่เง่าเอาแต่ใจไปบ้างอ่ะนะ บางทีก็ทำให้เสียน้ำตาง่ายๆกับเรื่องคิดมากเล็กๆ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเขาจะไม่ไปไหน และเป็นคนเดียวที่ทำให้เราอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ทำให้เขินได้ทั้งที่เป็นคนกล้าในทุกเรื่องอย่างฉันนี่ไง บางทีก็ทำให้ยอมแพ้ในหลายๆเรื่อง เหมือนที่ฉันยอมแพ้กับยูยะราบคาบขนาดนี้’เขาจินตนาการจากน้ำเสียงของเพื่อนได้เลยว่าเจ้าตัวมีความสุขแค่ไหน
“อ่า ฉันว่ากลับมานายจะต้องตกใจแน่ๆ จะกลับมากี่โมงเหรอ?”พยายามกรอกเสียงร่าเริงกลับไปทั้งที่ในหัวมีอะไรให้คิดมากเหลือเกิน
‘คิดว่าคงถึงเที่ยงๆอ่ะ ถ้าเกิดว่าแม่ยามะจังยังไม่กลับฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะ อ๊ากก ยูยะอย่าจับบ แค่นี้ก่อนนะเหมือนยูยะจะตื่นแล้วล่ะ ฝันดีนะ’มีเสียงรุ่นพี่ยูยะแทรกขึ้นมากลายๆทำให้เขาหลุดขำกับเสียงโวยวายของเพื่อน
“อื้อแล้วเจอกันนะ ฝันดีนะยูริ”ใบหน้าสวยระบายยิ้มช้าๆ คนที่สมหวังในความรักคงมีความสุขมากสินะ แต่ตัวเขาคงไม่โชคดีแบบนั้น ความรู้สึกที่เขามีกับคนตัวสูงโย่งนั่นอาจจะเป็นความรัก...หรือแค่..ชอบก็ได้
คนตัวเล็กถอนหายใจหนักๆก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างมองประตูห้องที่ปิดเงียบจนหลับไป
ขายาวก้าวขึ้นมาบนห้องของตัวเองตอนฟ้าเกือบสว่างแล้วสวนกับน้องชายที่ลงไปข้างล่างพอดี
“อ้าว? พี่ไม่ได้นอนอยู่เหรอ?”น้องชายทักขึ้น
“ซ้อมกลองเพลินน่ะจะไปนอนแล้วไปดีๆนะไรยะระวังตัวด้วย”คนเป็นพี่พูดแล้วยิ้มบางๆไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มนั้นถึงเจือไปด้วยความกังวลจนผู้เป็นน้องสัมผัสได้
“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร หรือว่าทะเลาะกับพี่เรียวสุเกะ?”คำถามนั้นเหมือนโดนยิงธนูแสกหน้าดังจึ๊ก
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”คนตัวสูงบอกปัดด้วยรอยยิ้มซึ่งไรยะก็ทำเพียงวางมือลงบนไหล่พี่ชายเบาๆก่อนจะเดินลงไป มือยาวเปิดประตูห้องของตัวเองเบาๆแล้วหยุดลงที่เตียงกว้าง
ใบหน้าสวยที่หลับพริ้มอย่างสบายเหมือนดึงดูดให้มือใหญ่ยื่นไปสัมผัสแก้มใสเบาๆแต่ว่าอีกคนยังคงหลับไม่รู้เรื่องสัมผัสเปียกชื้นเบาๆทำให้เขาตกใจเล็กน้อยเขาทำให้เรียวสุเกะร้องไห้? แค่คิดก็เหมือนโดนมีดนับพันเล่มแหกอกยังไงอย่างงั้นมือเล็กดึงคนตัวสูงกว่าล้มลงนอนแล้วกอดไว้อย่างไม่รู้ตัว อาจจะละเมอหรือคิดว่าเขาเป็นหมอนข้างก็ตามแต่ ......ขออยู่ใกล้อีกสักนิดแล้วกัน.....
มือหนาโอบรัดเอวบางให้เข้ามาใกล้เบาๆราวกับกลัวว่าคนตรงหน้านี้จะหายไป อกกว้างยื่นที่พักพิงให้อีกฝ่ายอย่างเต็มที่และเต็มใจที่สุด
คนตัวสูงตื่นมาอีกครั้งในช่วงบ่ายๆคงเพราะเขาอยู่กับกลองจนเช้าก็ได้ล่ะมั้งทำให้เพลียและหลับลึกได้ขนาดนี้เมื่อพลิกตัวไปก็พบกับพื้นที่เตียงอีกข้างที่ว่างเปล่า ไร้กลิ่นหอมๆบสัมผัสนุ่มนิ่ม มือมองไปรอบะเป๋าเป้ของเรียวสุเกะที่เคยอยู่ตรงมุมห้องของเขามันหายไป
หรือว่า....? จะรังเกียจกันซะจนไม่อยากเจอหน้าเลย? คนตัวสูงถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยวระบายยิ้มเศร้าๆก่อนจะไปอาบน้ำแปรงฟัน แล้วเดินมายังห้องครัวที่เมื่อวานยังมีคนตัวอวบคอยทำอาหารให้เขากินอยู่เลย ตาคมมองเลยไปเห็นแผ่นโน๊ตแผ่นเล็กๆที่แปะอยู่หน้าตู้เย็นมือยาวเอื้อมไปดึงมันออกมา
‘ ทำกับข้าวให้แล้วนะโย่ง อุ่นกินซะเดี๋ยวอดตาย
ฉันกลับบ้านแล้วนะ บาย
เรียวสุเกะ ’
หลังจากอ่านรอบแรกก็ไล่สายตาอ่านรอบที่สองเพื่อที่จะได้ไม่ตาฝาดอ่านอะไรผิดไปถึงจะเป็นข้อความสั้นๆแต่ก็ยังสัมผัสได้ว่าคนตัวเล็กก็ห่วงเขาอย่างน้อยก็นิดนึงล่ะนะ รอยยิ้มบางๆระบายออกมาช้าๆก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มลงมือสำรวจกับข้าวในตู้เย็นที่มีคนสวยทำไว้ให้
ทางอีกด้าน เรียวสุเกะช่วยเพื่อนยกกระเป๋าเข้าบ้านจนเหมือนว่าคนตัวเล็กกว่าไม่ได้ถืออะไรเลย
“จริงๆฉันถือเองก็ได้นะกระเป๋าใบเล็กๆใบเดียวแท้ๆ”คนตัวเล็กพูดแล้วมองเพื่อนสนิท
“เดี๋ยวรุ่นพี่ก็กัดฉันหรอกที่ไม่ดูแลแฟนเค้าดีๆน่ะ กับคนอื่นที่ไม่ใช่นายหน้างี้โหดจะตาย”เรียวสึเกะยิ้มแล้วพูดติดตลก
“บ้า ทำเป็นพูดไป”คนตัวเล็กว่าอย่างเขินๆ
“ออกไปลากันก่อนไหม ฉันไปรอที่ห้องนะ”เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ยูยะแฟนเพื่อนเขายังไม่ไปไหนเลยเอ่ยปากบอกให้เพื่อนไปร่ำลากับแฟนก่อนไม่งั้นคงยืนจ้องบ้านเขาอีกนานเป็นแน่ ขาเรียวก้าวขึ้นไปยังห้องของตัวเองช้าๆ จู่ๆในใจก็มีความรู้สึกที่ว่าห้องตัวเองมันกว้างเกินไปอะไรแบบนั้นขึ้นมาทั้งๆที่ก็อยู่คนเดียวมาตลอด มือบางวางทั้งกระเป๋าตัวเองแล้วก็ของเพื่อนรักลงก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม
“ย๊าาาา คิดถึงจังงงง คิดถึงยามะจัง”จู่ๆเพื่อนตัวเล็กก็กระโดดขึ้นมาทับเขาแถมยังหอมแก้มเขาแรงๆอีก
“ใจเย็นน โอ๊ยยอย่าทับสิ คิดถึงจริงรึเปล่าก็ไม่รู้อยู่กับพี่ยูยะสองคนเพื่อนไม่สำคัญหรอกกกกก”ถึงปากจะพูดไปแต่ก็หอมแก้มเพื่อนรักคืนไปเรียบร้อยแล้ว
“เอ๊ะ??”แต่แล้วคนตัวเล็กก็หยุดฟัดเพื่อนขึ้นมาซะเฉยๆแถมทำหน้างงใส่อีกต่างหาก
“อะไรเหรอ?”
“รอยแบบนั้นมัน..? ยามะจังของฉันโดนใครปล้ำมาเนี่ย เอ๋ หรือว่า.. ยามะจังของฉันมีแฟนแล้ว โหยยยฉันไม่อยู่แค่สองคืนนายมีแฟนเลยเหรออ”คนตัวเล็กเอ่ยแซวจนใบหน้าหวานของเรียวสุเกะซับสีระเรื่อจางๆ
“ไม่ได้โดนปล้ำสักหน่อยมันก็แค่จูบ...”ปากก็พูดไปแต่ก็หลบสายตาจากเพื่อนรักที่จ้องราวกับจะจับผิด
“เล่าให้ฉันฟังบ้างสิยามะจังง เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรักของฉันกันล่ะเนี่ยยย”คนตัวเล็กนั่งฟังเพื่อนซี้ตาแป๋วเล่าเรื่องราวทั้งหมดก่อนจะหลุดขำออกมาเบาๆ
“ขำอะไรเล่าา”คนตัวอวบก้มหน้าซ่อนใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยของตัวเอง
“ไหนบนดาดฟ้านายบอกว่าตลกน่าแบบมั่นใจขนาดนั้นตอนนี้กลับต้องมาคิดมากเพราะยูโตะ เพื่อนฉันตกหลุมรักคนๆนั้นจริงๆด้วยนะ”ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ยิ้มแซว
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า ก็เขาชอบนายอยู่นี่”พูดจบก็ถอนหายใจเล็กน้อยเขาทำใจแล้วส่วนนึงล่ะนะว่าความรักน่ะ ยังไงก็คงไม่สมหวังหรอก
“นี่ จะบอกอะไรให้นะ”มือเล็กเอื้อมมาจับแก้มนิ่มให้เงยหน้ามาสบตา“สำหรับความรักน่ะ มองด้วยตาเปล่าไม่รู้หรอกนะ มันมองไม่เห็น แต่ใจเราจะสัมผัสได้จากการกระทำ วิธีแสดงออกมันก็มีหลากหลาย แต่สิ่งนึงที่ฉันรู้คนเราน่ะไม่ได้ชอบกันง่ายๆเพราะเฝ้ามองดูห่างๆหรือเจอกันครั้งแรกหรอกนะ มันอาจจะมีความสนใจแต่ไม่ใช่ความรักหรอก ความรักน่ะจะเริ่มเกิดจริงๆเมื่อคุยหรือใกล้ชิดกัน ถึงจะเป็นเวลาสั้นแค่ไหนก็ตามการที่เราได้รู้จักใครบางคนทีละนิด ทำให้ตกหลุมรักได้ไม่ยากเลยนะ และเมื่อความรักเกิดขึ้นแล้วสายตาที่เคยมองคนอื่นก็จะไม่เบนไปไหนอีก ฉันว่าเพื่อนฉันน่ารักพอที่จะหยุดสายตาของยูโตะนะ สิ่งที่หมอนั่นรู้สึกกับฉันน่ะเป็นแค่สนใจมากกว่า หมอนั่นไม่ได้รู้จักฉันเลยด้วยซ้ำ ถ้าเจอนิสัยฉันจริงๆหมอนั่นรับไม่ได้แน่ๆยังไงซะในโลกนี้คนเดียวที่ทนแล้วก็น่ารักกับฉันตลอดมีแค่ยูยะเท่านั้นแหละ ไม่ต้องมองแบบนั้นเลยนะขอเพ้อถึงแฟนบ้างมันผิดตรงไหนกันเล่าาา”คำพูดของยูริซึมเข้ามาในความคิดของเรียวสึเกะก่อนที่จะยิ้มขำเอ่ยแซวเพื่อนรักที่เพ้อหารุ่นพี่สุดที่รักอีกแล้ว
“เพ้อถึงแฟนเนี่ยไม่ผิดดด แต่หมั่นไส้อย่าลืมนะว่าเพื่อนนายคนนี้โสดอยู่น่ะ”คนตัวอวบพูดแล้วหัวเราะ
“เดี๋ยวก็ไม่โสดแล้วมั้งง”ว่าแล้วมือเล็กก็บีบจมูกเพื่อนรักเบาๆ
เสียงโทรศัพท์ทำให้ต้องผละออกจากเพื่อนรักเป็นการชั่วคราว
“ครับแม่ กลับมาเมื่อไหร่เหรอ?”
‘ขอโทษนะเรียวสึเกะพอดีว่าติดปัญหาทางสภาพอากาศน่ะทำให้ยังกลับไม่ได้ยังไงซะคงไม่เกินอาทิตย์หน้าหรอกแม่จะกลับไปหานะ’
“โหยยย นานเลยนะ ผมจะอยู่ยังไงเนี่ย”
‘ก็อยู่บ้านเพื่อนแม่ไปก่อนไง หรือยังไงก็ให้ยูริจังมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้’
“ครับ โอเคยังไงก็ดูแลตัวเองนะแม่แค่นี้นะครับ”กรอกเสียงลงโทรศัพท์ด้วยสีหน้าหงอยๆจนเพื่อนรักต้องขำออกมาคนตัวอวบหันไปค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะวางโทรศัพท์
“โดนทิ้งอีกแล้วสิ? ไม่เป็นไรน้าเดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน”พูดจบคนตัวเล็กก็หอมแก้มเพื่อนรักอีกที
“ไอเหตุผลหลักที่อยากมาอยู่เพราะอยากกินของอร่อยด้วยรึเปล่า?”อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวเพื่อนรักตัวเล็ก
“ก็ส่วนนึงอ่ะนะ แต่ฉันรู้ว่ายามะจังอยู่ไม่ได้แน่ๆคนเดียวน่ะ กลัวทั้งผีทั้งความมืด”ว่าแล้วก็หัวเราะแล้วบีบจมูกเพื่อนเบาๆ“ว่าแต่หิวแล้วอ่ะ หาอะไรให้กินหน่อยดิ”
“รอก่อนแล้วกันนะชี่จัง”คนตัวอวบพูดแล้วลุกไปทำกับข้าวในครัว
นับว่าเป็นวันที่ดีวันนึงที่ในบ้านเขามีเสียงหัวเราะทั้งเล่นทั้งแซวกันของเพื่อนรักเป็นความอบอุ่นของคำว่า‘เพื่อนสนิท’ล่ะนะ กินข้าว เข้านอน และตื่นด้วยกัน ทำให้ไม่สายเกินไปจนต้องรีบเหมือนตอนนอนคนเดียวด้วย เพราะว่าออกจากบ้านมาเช้ากว่าปกติเหตุการณ์เลยยังสงบอยู่ ไม่มีร่างของคนตัวสูงบนรถไฟอย่างที่คิด ความบังเอิญคงจบแล้วล่ะมั้ง?
หลังจากมานอนฟุบบนโต๊ะที่โรงเรียนแต่เช้าคนตัวอวบก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงเพื่อนร่วมห้องที่ทะยอยเข้ามาในห้องเปลือกตาบางกระพริบถี่ๆแล้วบิดขี้เกียจเบาๆเมื่อหันไปโต๊ะข้างๆก็เจอสายตาที่มองมาเหมือนกัน สายตาพี่พาลทำให้ใจสั่นเบาๆ
“อ้วน เอานี่มาให้”แขนยาวยื่นกล่องสตรอเบอรี่มาตรงหน้ามือเรียวทำแค่ดึงกล่องมาไว้ใต้โต๊ะเรียนโดยไม่พูดอะไร จังหวะเดียวกับที่อาจารเข้ามาเตรียมสอนคาบแรกแล้วเมื่อหันไปอีกทางก็เห็นเพื่อนรักส่งยิ้มล้อเลียนให้แล้วชี้ไปที่ของที่เพิ่งได้รับจนหน้าหวานซับสีระเรื่อจางๆ
บทเรียนคาบเช้าผ่านไปช้าๆเหมือนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับแปลกไปเพราะสายตาที่จับจ้องเขามาตลอดเวลาตั้งแต่เช้าของคนสูงเมื่อออดเที่ยงดังขึ้นแต่ละคนต่างแยกไปเพื่อกินอาหารกลางวัน สองเพื่อนซี้ก็เช่นกันเดินขึ้นไปยังที่ประจำของพวกเขา จะแปลกก็ตรงที่คนขายาวสะพายกล้องเดินตามมาด้วยทั้งที่สายตาจ้องอยู่แค่กับคนตัวอวบโดยไม่กลัวว่าจะเผลอสะดุดอะไรหน้าทิ่มกลางอากาศเลยสักนิด
“มองอะไรนักหนาวะโย่ง”ในที่สุดเป็นเรียวสึเกะเองที่ทนไม่ไหวกับสายตาแปลกๆจนต้องถาม
“มอง..คนน่ารัก ถามจริงโกรธฉันรึเปล่าเรียวสุเกะ?”ถึงในประโยคจะมีล้อเล่นหากแต่เสียงทุ้มกลับจริงจังมากเหลือเกิน
“แค่โกรธน้อยไปมั้งง”คนตัวอวบก็พูดไปทำท่าทีไม่สนใจพร้อมเปิดกล่องข้าวของตัวเองตากลมไม่มองอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป
“เอาดีๆดิ ขอโทษ”คนตัวสูงว่าแล้วทำสีหน้าสำนึกผิด
“นี่ๆ จะบอกอะไรให้นะ เห็นแล้วรำคาญอ่ะ จะขอโทษง้องอนเหมือนพระเอกนางเอกในหนังอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าพูดความรู้สึกว่าอยากเป็นอะไรกับเพื่อนฉันก็ว่าไปอย่าง วันนี้ใจดีจะไม่อยู่เป็นก้างวันนึงแล้วกันนะ”ว่าแล้วคนน่ารักก็หยิบกล่องข้าวเดินจากไปทันที
“เดี๋ยวดิยูริไปด้วย”คนตัวอวบทำท่าจะเดินตามแต่มือหนาก็ดึงไว้พร้อมกับคนตัวเล็กที่หันหน้ากลับมาพร้อมทำท่าเหมือนปล่อยพลัง
“สต๊อปปป!! ไม่ต้องตามมาเลยคุยกันให้รู้เรื่องสักทีน่า เป็นกำลังใจให้อยู่นะ”ว่าแล้วคนน่ารักก็ยิ้มหวานๆยกกำปั้นขึ้นว่าสู้ๆแล้วเดินหายไป ตากลมมองไปยังมือที่จับแขนเขาไว้อยู่
“ฉันน่ะไม่รู้หรอกนะว่านายคิดยังไง แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ฉันมองว่าทุกอย่างที่นายทำมันน่ารัก อยากอยู่ข้างๆนาย ถึงนายจะไม่ชอบ แต่ฉันก็อยากอยู่ข้างนาย ให้นายยิ้มหัวเราะหรือโกรธใส่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ฉันถ่ายรูปนายโคตรเยอะเลย มันเรียกว่ารักหรืออะไรก็ไม่รู้หรอกนะ แต่อย่าเมินฉันเลยนะ อีกอย่างตอนนี้ไม่มีคนทำกับข้าวแล้ว ไรยะไปทัศนศึกษา ถ้าไม่รังเกียจกลับไปอยู่บ้านฉันได้นะ ถ้าไม่พอใจก็ต่อยได้เลยนะ”คนตัวสูงว่าจบก็รอฟังคำตอบของคนตัวเล็กกว่าอย่างตั้งใจ
“โรคจิตชัดๆ แล้วก็นะฉันไม่ได้ใช้ความรุนแรงตลอดสักหน่อย ไว้จะคิดดูแล้วกันเรื่องกลับไปอยู่บ้านนาย”เรียวสุเกะเม้มปากแล้วพูดช้าๆ
“น่ารักชะมัดด”ว่าแล้วคนตัวสูงก็กอดร่างตรงหน้าแน่นแถมหอมแก้มใสๆไปอีกทีสองทีด้วย
“อย่ารุ่มร่ามสิโว้ยย แค่สงสารกลัวนายจะอดตายต่างหากเล่า!!”
“แน่ใจเหรอ? คืนวานฉันเผลอไปจริงๆนะมันควบคุมตัวเองไม่ได้รู้แค่อยากสัมผัสนายรู้สึกว่าเท่าไหร่ก็ไม่พอแค่อยู่ใกล้นายสมองมันก็เบลอไปหมด”คำพูดของคนตัวสูงทำเอาคนในอ้อมแขนหน้าขึ้นสีแดงจัดราวกับสตรอเบอรี่สีสด“ลองคบกันไหมเรียวสุเกะ”คำกระซิบข้างใบหูสั้นๆแต่ดังก้องไปทั้งใจจนแทบจะมุดดินหนี
“ง่ายๆงี้เลย?”ถึงจะวางฟอร์มแต่ใจของเรียวสุเกะเต้นระรัวอ่อนยวบไปหมดแล้ว
“รักเรียวสุเกะนะ”คำที่ย้ำข้างหูอีกรอบทำเอาไปไม่เป็นจริงๆ
“เออ”คำพูดสั้นๆดังออกจากริมฝีปากสีสด
“ตกลงแล้วใช่ไหม”เสียงทุ้มถามอีกรอบก่อนจับคนตรงหน้าหมุนตัวมา
“คิดเองเด้ อ๊ากก อย่านะเว้ยย..อื้ออ”ยังไม่ทันได้พูดจบมือหนาก็เชยคางขึ้นมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่นแต่ก่อนจะได้ทำอะไรมากกว่านี้..
พลัก!!
“ไหนว่าไม่ได้ใช่ความรุนแรงตลอดไง”คนตัวสูงค้อนเข้าให้แล้วลูบบริเวณที่โดนต่อยเบาๆ
“ก็มือมันไปเองนี่”คนตัวเล็กกว่าตอบอ้อมแอ้ม ใบหน้าขาวที่ขึ้นสีระเรื่อไปถึงใบหูช่างน่ารักเหลือเกินในสายตาเขาตอนนี้
“ยังไงก็ รักนะเรียวสุเกะของฉัน”คนตัวสูงพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วจัดการหอมแก้มใสอีกที
ความรักน่ะ.. ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะใช้เวลามากมายหรือสั้นแค่ไหน ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่จะรู้ได้เมื่อทุกการกระทำถูกควบคุมด้วยความรู้สึกที่ไปไวกว่าสมองสั่งการ
ไม่ต้องรู้ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ หรือจบลงตรงไหน รู้แค่ว่ามันเป็นสายใยบางๆที่เชื่อให้คนสองคนอยู่ใกล้กันก็พอ ความรักนั้นมันวนเวียนอยู่รอบตัวเราเสมอลองใช้ใจสัมผัสมันดูสิ แล้วจะรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น.... <3
END
TALK *-*
เอาฟิคเก่ามาหากินในบล๊อคก็ลง 5555+ เป็นอะไรที่ใสๆสบายๆ น่ารักไหม คึคึ
5555+ ถึงจะเขียนด้วยความมึนก็เถอะ เอาเป็นว่าฝากด้วยนะงับ!!
ความคิดเห็น