ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fiction HSJ SexyZone NEWS Yaoi

    ลำดับตอนที่ #1 : [sf] รัก....ไม่รู้ตัว1 [YutoYama]

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 57


    Type :: Short Fic
    Title :: รัก....ไม่รู้ตัว1
    Paring :: Nakajima Yuto x Yamada ryosuke  
    Author :: 
    Yaoilism

     

     

    ตึก ตึก ตึก ตึก...

     

    เสียงฝีเท้าเดินย่ำไปตามทางเดินทอดยาวของโรงเรียนเอกชนชื่อดังช้าๆเป็นจังหวะอย่างไม่เร่งรีบมือบางเปิดประตูห้องเรียนออกก่อนจะพบกับคนตัวสูงชะลูดที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้กำลังคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนสุดรักสุดหวงทำให้เจ้าตัวรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปหาเพื่อนรัก

     

    “ฉันชอบยูรินะ”คนตัวสูงชะลูดพูดขึ้นพร้อมกับพยายามจะกอบกุมมือบาง

     

    “อ่ะคือ...”ยังไม่ทันได้พูดอะไรมือบางก็ถูกดึงออกมาพ้นจากระยะการกอบกุม

     

    “เสียใจด้วยนะยูริจังคงไม่สนใจคนอย่างนายเชิญไปตามทางของนายเถอะ”เสียงทุ้มนุ่มพูดตัดหน้าทั้งๆที่เพื่อนรักยังไม่ทันพูดอะไรพร้อมยิ้มกว้างแต่ตาสวยไม่ได้ยิ้มตามเลยแม้แต่น้อยตาเรียวจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเชือดเฉือน“รีบไปสักทีสินาคาจิม่า ยูโตะ!

     

    “นายยุ่งอะไรด้วยยามะดะ เรียวสุเกะทำอย่างกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไปได้”คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างสุดขีด แน่ล่ะสิเขาอุตส่าแบกหน้ามาขอความรักจากคนที่ชอบทั้งทีทั้งที่เล็งไว้แล้วแท้ๆว่าวันนี้จะไม่มีก้างขวางคอ ดันมาเจอก้างชิ้นโตซะได้

     

    “ถ้าเป็นเรื่องของยูริล่ะก็ฉันเกี่ยวอยู่แล้วล่ะ”ว่าแล้วคนตัวอวบก็ดึงมือเพื่อนรักมาจุมพิตทันที“ยูริน่ะมีเจ้าของแล้วรู้ไว้ซะนะคนสมองกลวง”แม้รอยยิ้มจะหวานเพียงใดแต่นัยน์ตาคมกริบกลับเดือดพล่านราวกับพร้อมจะฆ่าหากอีกคนคิดจะเปิดศึกแถมคนตัวอวบยังยักคิ้วกวนตีนคนตรงหน้าอีกแหนะ

     

    คนตัวสูงจึงทำเพียงมองแล้วจิ๊ปาก“ฉันไม่ยอมแพ้คนอย่างนายหรอกนะเรียวสุเกะ แล้วจะชอบรึไม่คนที่ตอบคือยูริไม่ใช่นาย”นั่นเป็นคำสุดท้ายที่คนตัวสูงทิ้งไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีไม่พอใจ

     

    พอลับหลังร่างสูงชะลูดคนตัวเล็กสองคนมองหน้ากันแล้วระเบิดหัวเราะออกมาโดยเฉพาะยูริที่หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

     

    “ฮ่าๆ ตลกชะมัดเลยยามะจัง 555”คนตัวเล็กขำจนน้ำตาเล็ด“จูบมือด้วยท่าทางแบบนั้นเนี่ย เห็นหน้าหมอนั่นไหม อย่างขำเลยฉันกลั้นหัวเราะแทบตาย อยากจะพูดออกไปเหมือนกันนะแต่กลัวจะหลุดหัวเราะใส่หน้าน่ะสิ”ว่าแล้วก็ขำพรืดซะเต็มสตรีม

     

    “แน่นอนว่าอีกไม่นานต้องมีข่าวลือของพวกเราแพร่ไปทั่วโรงเรียนแน่ๆทีนี้ฉันคงต้องเก๊กหน้าขรึมทำตัววางก้ามไหมเนี่ย”คนตัวอวบหัวเราะพร้อมกับแกล้งเก๊กหน้าขึงขังยิ่งทำให้คนตัวเล็กระเบิดหัวเราะออกมายิ่งกว่าเดิม

     

    แน่นอนว่า ยามาดะ เรียวสุเกะ และ ชิเน็น ยูริเป็นเพื่อนรักกันมานานแถมทั้งคู่ต่างมีพันธสัญญาในการเล่นละครเป็นไม้กันหมาให้อีกฝ่ายด้วย เพราะด้วยความแมนพอสมควรและมีหน่วยก้านทางกีฬาทำให้ยามะจังรับบทเป็นเมะจอมหาเรื่องได้สบาย และสำหรับคนตัวเล็กเจ้าของรอยยิ้มหวานอย่างชี่จังก็เล่นบทเจ้าหญิงขี้หึงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีคนแบบไหนเข้ามาก็ไม่หวั่นจะเคะจะเมะยังไงก็เขี่ยทิ้งได้สบายๆ

     

    “อยากรู้นักว่าถ้ายูยะมาเห็นจะขำขนาดไหนกัน”คนตัวเล็กว่าแล้วยิ้มหวาน

     

    “เชอะไม่ต้องพูดถึงแฟนนายเลย เพราะรุ่นพี่ไปอยู่หมาลัยแล้วนี่ไงเราเลยต้องมาเล่นตลกกันแบบนี้ ฝันหวานไปถึงรุ่นพี่แล้วมั้งนายเนี่ย”คนตัวอวบดีดเหม่งเพื่อนรักเบาๆก่อนจะนั่งลงที่ที่ประจำของตัวเอง

     

    “ไหนตอนแรกบอกจะมาช้าหน่อยไง”คนตัวเล็กเลิกคิ้วถาม

     

    “ก็เป็นห่วงนายนี่นาชี่จังง ไหนๆรุ่นพี่ก็ฝากฉันดูแลนายแล้วนี่เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นมาฉันนี่แหละจะโดนฆ่าตาย นี่ฉันง่วงจะตายอยู่แล้วรู้ไหมนอนไม่พออ่ะ”คนอวบบ่นพลางนอนแนบหน้าลงกับโต๊ะเรียน

     

    “เอาน่าเดี๋ยวตอนเย็นพาไปเลี้ยงเค้กสตรอเบอรี่เอาไหม?”ว่าจบก็แอบขำเล็กน้อยที่เพื่อนคนเก่งแสดงอาการง่วงงุนเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นตาวาววาบแทบจะทันที

     

    “เอาสิ สตรอเบอรี่จ๋าจะตั้งตารอไปหาถึงที่เลยน้า”ริมฝีปากก็บ่นเพ้อถึงสตอรเบอรี่สีสดในทันใด

     

    “แบบนี้ไงถึงได้อ้วนนนนนนนนน”เห็นเพื่อนรักเป็นแบบนี้ก็อดจะแซวไม่ได้

     

    “ไม่อ้วนสักหน่อยน่าแค่หน้ากลมเองงเนอะ”ว่าแล้วก็ลุกขึ้นโอบเอวแล้วจัดการหอมแก้มเพื่อนรักทันทีเมื่อมีคนเดินเข้ามาในห้องก่อนจะยิ้มแล้วก็เล่นกันตามปกติ

     

    เวลาผ่านไปสักพักอาจารย์คุมห้องก็เดินเข้ามา

     

    “เฮ้ ทุกคนวันนี้จะมีจับฉลากที่นั่งใหม่กันนะ”น้ำเสียงสดใสร่าเริงของอาจารย์ทำให้หลายคนบ่นและประท้วงก็ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เลือกที่นั่งตามใจแท้ๆแต่ฉไหนอยู่ๆกลับจะมาให้จับที่นั่งกันซะอย่างนั้น

     

    “ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”คนตัวอวบบ่น

     

    “เอาน่า ขอให้เราได้นั่งใกล้กันเหมือนเดิมแล้วกันนะ”คนตัวเล็กว่าพลางตบบ่าเพื่อนเบาๆแล้วแถมหอมแก้มไปอีกทีเพราะเห็นว่ามีใครหลายคนกำลังมองอยู่

     

    ทุกการกระทำของคนสองคนอยู่ในสายตาของนาคาจิมา ยูโตะตลอดเวลา ทั้งการโอบกอด หอมแก้มกันบ่อยๆ ทั้งเล่นกันทุกอย่าง เขาแอบชอบจิเน็น ยูริตั้งแต่อยู่คนละห้องกันจวบจนมาอยู่ห้องเดียวกันแบบนี้ยังมีมารมาขวางจนได้เกือบ4เดือนตั้งแต่เปิดเทอมนาคาจิม่า ยูโตะคนนี้ตามถ่ายรูปรอยยิ้มสวยๆใบหน้าหวานๆทุกการกระทำของยูริมาโดยตลอดแต่มักโดนบดบังโดยแผ่นหลังของยามาดะ เรียวสุเกะเสมอ เรียกได้ว่าเป็นก้างขวางคอเขาตั้งแต่ยังไม่เริ่มเข้าหายูริจังจนถึงตอนที่เขาเข้าไปสารภาพรักกับยูริจังเมื่อเช้า เจ็บใจชะมัด!!

     

    คนตัวสูงได้แต่เข่นเขี้ยวในใจและสาปแช่งให้ก้างชิ้นนี้รีบๆหลุดออกไปสักที แต่ที่ไหนได้.........

     

    “เย้ ได้นั่งข้างยามะจังแหละแถมริมหน้าต่างด้วย”ว่าแล้วก็กอดกันแนบแน่นทำเอาคนตัวสูงชะลูดเผลอทำดินสอหักเป็นสองท่อนคามือเสียนี่หนำซ้ำที่นั่งที่เขาจับได้ดันเป็นนั่งอีกฝั่งของยามาดะ เรียวสุเกะซะนี่

     

    เรียกได้ว่าพวกเขานั่งแถวหลังสุดของห้องยูรินั่งข้างหน้าต่างตามมาด้วยยามาดะเรียวสุเกะแล้วก็ตัวเขา ช่างน่าเจ็บใจอะไรเช่นนี้

     

    มือหนาหยิบกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาเขียนข้อความ

    กลางวันนี้กินข้าวด้วยกันไหมยูริ?

                                                        ยูโตะ

     

    หวังจะส่งให้ยูริจังแต่เขารู้ว่าส่งผ่านหน้ายามาดะเรียวสุเกะคงส่งไม่ถึงแน่เลยส่งขึ้นไปข้างหน้าให้ส่งให้ยูริแทนทว่าเมื่อคนข้างหน้าส่งเลื่อนไปทางขวา1ตำแหน่ง มือเรียวของยามาดะ เรียวสุเกะก็สะกิดคนข้างหน้าให้เอามาให้ตัวเองก่อนจะหันมายิ้มให้เขาแล้วคลี่แผ่นกระดาษโชว์แล้วฉีกมันเป็นชิ้นๆทั้งรอยยิ้ม กวนประสาทเป็นที่สุดอย่าให้เขากวนบ้างแล้วกัน หึ คนตัวสูงได้แต่เคียดแค้นในใจ

     

    ทั้งที่ทางอีกด้านหันไปหายูริแล้วพยายามกลั้นขำแทบตายก่อนจะตั้งสมาธิสนใจเนื้อหาที่เรียนตรงหน้า

     

    ตกกลางวันร่างอวบกับคนตัวเล็กก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยกันสองคน เป็นที่ประจำสำหรับกินข้าวไปแล้วเพราะมันทั้งเงียบสงบและไร้ผู้คน ดูเป็นส่วนตัว

     

    “เห็นหน้าหมอนั่นไหมตอนฉันฉีกกระดาษอ่ะโคตรฮาเลย ทำหน้ายังกับเคียดแค้นมาหลายปีอะไรแบบนั้น ถ้าไม่เกรงใจเซนเซฉันคงหัวเราะลั่นไปแล้ว”คนตัวอวบหัวเราะจนน้ำตาแทบเล็ด

     

    “นายก็ไปว่าเขา 555+ แต่ก็จริงๆแหละนะ เล่นกับใครไม่เล่นคิดจะจีบจิเน็น ยูริคนนี้หมอนั่นโดนปั่นหัวจนเป็นบ้าตายแน่ๆ สงสารก็สงสารนะแต่ตลกมากกว่า”คนตัวเล็กพูดพร้อมรอยยิ้มแล้วลงมือกินข้าวกลางวัน“อร่อยอ่ะ ฝีมือยามะจังนี่สุดยอดไปเลยน้า ถ้าไม่มียูยะเราอาจจะเป็นแฟนกันไปแล้วก็ได้น้าาา”คนตัวเล็กว่าแล้วยักคิ้วพลางเอาไหล่ชนเพื่อนรักตัวเองเอนหัวซบพร้อมใช้หัวถูเบาๆที่ไหล่

     

    “ตลกกก อย่าพูดให้ขนลุกน่า ฉันไม่เอาเดวิลในคราบนางฟ้าอย่างนายมาเป็นแฟนหรอกไม่รู้เหมือนกันนะว่ารุ่นพี่ทนได้ยังไงน่ะ”ว่าแล้วก็จัดการดีดเหม่งเพื่อนรักเข้าให้ทีนึง

     

    “เพราะฉันน่ารักไงเล่า”พูดจบคนตัวเล็กก็หอมแก้มนุ่มๆของเพื่อนรัก

     

     “ขี้อ้อนตลอดด”มือเรียวบีบจมูกเพื่อนตัวเล็กเบาๆแล้วนั่งกินข้าวต่อไป

     

    “ใครเป็นแฟนยามะจังคงต้องโชคดีสุดๆไปเลยนะ ทำอาหารก็เก่ง ยิ้มก็สวย ใจดีแถมยังโรแมนติกอีก ที่สำคัญนายมันเคะด้วยใช่ไหมล่ะ”เกือบจะดีแล้วถ้าไม่ติดว่าคนตัวเล็กกระซิบประโยคสุดท้ายขึ้นมา

     

    “ใครว่าฉันออกจะแมนขนาดนี้ บ๊องเอ้ยกินข้าวไปเลยนายน่ะ”ว่าแล้วคนตัวอวบก็กินข้าวกล่องที่ทำมาเองจนหมดก่อนจะสังเกตเห็นคนตัวสูงชะลูดเดินถือนมสตรอเบอรี่มาแต่ไกลสีหน้าอารมณ์ดีถูกเปลี่ยนเป็นนิ่งโหดภายในทันทีที่คนตัวสูงใกล้เข้ามาแล้วยื่นนมสตรอเบอรี่ให้เพื่อนรักของเขา

     

    “หน้าด้านจังเลยน้าาา คนเขาบอกว่าไม่ได้ชอบแถมเจ้าของก็นั่งหัวโด่อยู่นี่ยังจะตามมารังควานอีกนะ”ตาสวยตวัดมองหัวจรดเท้าก่อนจะลุกขึ้นหยิบนมสตรอเบอรี่ในมือของคนตรงหน้าเจาะแล้วดูดหน้าตาเฉย

     

    “ยูริของฉันไม่มีนโยบายรับของจากคนแปลกหน้าน่ะนะ จะกินแทนให้แล้วกัน”ว่าแล้วก็ยิ้มหวานให้อีกหนึ่งทีทั้งที่นัยน์ตาสวยสื่อความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

     

    “อย่ายุ่งกับเราอีกเลยนะยูโตะ ความรักของฉันกำลังไปได้สวย”ในที่สุดยูริก็เอ่ยปากขึ้นพร้อมกับยามาดะ เรียวสุเกะที่ดึงมือเพื่อนรักให้เดินเลี่ยงออกไป

     

    ลับหลังร่างสูงชะลูดสองเพื่อนซี้ก็หัวเราะกันเช่นเคยเพราะเจ้าตัวคงไม่รู้กระมังว่าหน้าตาตัวเองเหวอและเอ๋อมากจนต้องกลั้นขำแทบตาย

     

    “จริงๆนายต้องปาทิ้งไม่ใช่รึไงของที่ได้มาจากคนอื่นเนี่ย”ยูริพูดแล้วชี้ไปยังนมสตรอเบอรี่ที่ยามะจังดูดจนหยดสุดท้าย

     

    “โหยน่าเสียดายออก แถมยังอยากกินพอดีเลยนะเนี่ย สักวันฉันจะสูงให้ถึง180ให้ดู”ยามะจังพูดแล้วโยนกล่องนมลงถังขยะ

     

    “ห่วงกินก็บอกมาเถอะแล้วไอที่ว่าจะสูงเนี่ยไม่ทันแล้วมั้งงงง”คนตัวเล็กพูดแล้วบีบจมูกเพื่อนรักเบาๆ

     

    “โหยยอะไรไม่ต้องทำเป็นรู้ทันเลยนะชี่จัง นี่ถ้าเป็นหนังนะฉันคงได้รางวัลตุ๊กตาทองไปแล้วแอคติ้งขนาดนี้”ว่าแล้วก็ยีผมเพื่อนรักเบาๆทุกการกระทำอยู่ในสายตาของคนสูงชะลูดตลอดเวลามือหนากำแน่น เขาจะต้องแย่งมาให้ได้ จะต้องแย่งนางฟ้าตัวน้อยอย่างจิเน็น ยูริมาให้ได้

     

    จนถึงเวลาเลิกเรียนสองเพื่อนซี้ก็จูงมือกันขึ้นรถเมลล์ไปยังร้านเบเกอรี่เจ้าอร่อยทันที

     

    “ยูยะ คิดถึงจังงง”ว่าแล้วจิเน็น ยูริก็วิ่งเข้าไปกอดคนรักทันทีทั้งที่อีกฝ่ายยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มร้านแถมในมือยังมีถาดใบโตที่เต็มไปด้วยจานที่เก็บมาจากโต๊ะอีกแหนะ

     

    “เดี๋ยวๆตัวเล็กเดี๋ยวจานตก พี่ไปเก็บจานก่อนเดี๋ยวออกมาหานะครับ”ว่าแล้วคนตัวสูงก็ก้มลงมาหอมแก้มใสเรียกความหมั่นไส้จากคนเป็นเพื่อนมากมายเหลือเกิน

     

    “แหวะจะอ้วก หวานจนมดขึ้นแล้วมั้งงงงเค้กยังเรียกมดขนาดนี้ไม่ได้เลย”คนตัวอวบแซว

     

    “ยามะจังบ้า เงียบไปเลยนะ”ยูริพูดพลางนั่งลงที่โต๊ะ ยูยะก็ยิ้มให้เพื่อนรักของแฟนก่อนจะเอาจานเข้าไปเก็บในครัว

     

    “แหมๆๆๆ ก็คนเขาพูดความจริงนี่ที่ชวนมากินเค้กเนี่ยจริงๆก็แค่อยากมาหาแฟนใช่ไหมล่ะเพื่อนไม่สำคัญหรอกกกกก”ยามะจังลากเสียงยาวแซวกวนๆแล้วแกล้งทำน้อยใจเพื่อนรัก

     

    “บ้าไม่ใช่ซะหน่อย จะกินไหมสตรอเบอรี่น่ะ ฉันเลี้ยงเองเลยนะ”คนตัวเล็กพูด

     

    “จ้าเชื่ออ นานๆทีให้คนงกออกบ้างก็ดีเหมือนกันเนอะแต่ก็น้าร้านนี้ก็ของแฟนคนงกนี่จะได้จ่ายตังไหมน้าาาา”ยังไม่วายจะแซวต่อ ไม่นานนักเค้กและเครื่องดื่มก็มาเสริฟถึงโต๊ะทั้งที่ไม่ได้สั่ง แหงล่ะก็ลูกค้าประจำแถมยังเป็นแฟนกับเพื่อนรักของแฟนเจ้าของร้านทั้งทีนี่นา แน่นนอนว่าร้านเค้กนี่เป็นแฟรนชายย่อยของกลุ่มธุรกิจในเครือทาคาคิที่ ยูยะพูดเองเลยว่าจะลองมาดูแลงานเล็กๆน้อยๆคุมสาขานี้โดยมีเหตุผลแฝงเพราะมันใกล้กับโรงเรียนของยูริทำให้คนตัวเล็กมาหาเขาได้บ่อยๆยังไงล่ะ คนไม่มีแฟนนั่งมองดูรุ่นพี่ที่มานั่งสวีทกับเพื่อนรักเพราะลูกค้าเริ่มซาแล้ว พลางกินเค้กตามด้วยน้ำดื่มแล้วคุยเล็กๆน้อยๆ อิจฉาก็อิจฉานะ แต่เพื่อนมีความสุขมันก็ดีใจใช่ไหมล่ะ เมื่ออิ่มหนำกับบรรดาขนมคนตัวอวบก็ขอตัวลุก ก็ไม่อยากรบกวนเวลาสวีทใครนี่นา

     

    “กลับแล้วนะง่วงอ่ะเมื่อวานปั่นการบ้านแทบตายแหนะ ไปแล้วนะครับรุ่นพี่ยูยะ ไปแล้วนะยูริจัง”เมื่อกล่าวลาขอตัวออกมาเรียบร้อยก็เดินทอดน่องไปยังสถานีรถไฟใช้ตั๋วรายเดือนเข้าไปเป็นจังหวะที่รถไฟมาพอดีร่างอวบเบียดเสียดคนเข้าไปในขบวนก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอคู่กรณีอยู่ตรงหน้าแถมจำนวนคนที่เยอะขึ้นเรื่อยๆทำให้โดนเบียดจนเสียหลักชนอกกว้างของอีกฝ่ายเต็มแรง

     

    ก็รู้อยู่หรอกนะว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าไม่พอใจแต่จะทำยังไงได้ล่ะวะก็คนมันเยอะขนาดนี้เนี่ย! มือเล็กเอื้อมมือจะจับราวแต่มือใหญ่กลับดึงให้เกาะแขนตัวเองแทน

     

    “ตัวก็เตี้ยแค่นี้นายมันมีดีตรงไหนกัน”คนตัวสูงกระซิบริบใบหูเล็กทำให้นัยน์ตาสวยตวัดขึ้นมองอย่างไม่พอใจ

     

    “เตี้ยแล้วมันผิดตรงไหนไม่ทราบ”มือข้างที่ว่างยกขึ้นหวังเล็กต่อยเข้าหน้าหล่อเอ๋อๆนั่นสักทีหากแต่คนสูงกว่าจับไว้ทันแถมยังรวบมือหมุนเอาร่างอวบมาไว้ในอ้อมกอดอีกต่างหาก

     

    กลายเป็นว่าแผ่นหลังบางแนบชิดกับแผ่นอกกว้างมือข้างนึงถูกพันธนาการไว้ด้วยมือแกร่งส่วนมืออีกข้างยังคงเกาะอยู่ที่แขนยาวมองมุมนึงมันคือการจำกัดพื้นที่ให้คนตัวเล็กไม่สามารถทำร้ายอะไรใดๆคนตัวสูงได้ทว่ามองอีกมุมนึงมันคือการลวนลามอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

     

    “แหม่ตัวก็หอมดีเหมือนกันนะเนี่ย มั่นใจรึไงว่านายน่ะเมะจริง?”ถ้อยคำกระซิบข้างหูที่ทำเอาคนในอ้อมแขนกัดฟันกรอด หรือนี่จะเป็นการเอาคืนของนาคาจิม่า ยูโตะกันนะ?

     

    แขนเรียวอีกข้างปล่อยจากที่เกาะเขนอีกคนกระทุ้งศอกเข้าไปเต็มๆ

     

    “อุก เจ็บนะ”แต่มือหนาก็ยังคงไม่ปล่อยมือแถมยังบีบรัดแน่นขึ้นไปอีก

     

    “ก็ทำให้เจ็บนี่ไงสำหรับปากพล่อยๆของนาย ปล่อยนะเว้ยย”จำนวนคนที่เพิ่มขึ้นทำให้สองร่างแนบชิดขึ้นไปอีกจากแรงเบียดทำให้ยากจะขยับตัวได้ถนัด

     

    เมื่อถึงสถานีที่ต้องลงผู้คนทยอยออกกันไปทำให้เขามีที่พอที่จะดีดตัวออกจากคนตัวสูงได้

     

    “ปล่อยจะลงแล้ว”ว่าแล้วก็กระทุ้งศอกใส่อีกรอบจนอีกฝ่ายยอมปล่อย

     

    คนตัวอวบรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากสถานีเดินก้าวยาวๆหวังให้ถึงบ้านเร็วๆ ทว่าเสียงฝีเท้าที่เหมือนจะก้าวตามมาทำให้เขาหันไปมองก็เจอไอคนตัวสูงชะลูดยืนยิ้มอยู่

     

    “ตามมาทำไมวะ”น้ำเสียงทุ้มเจือความไม่พอใจอย่างเต็มที่ โคตรหงุดหงิด โดนกอดยังไม่พอยังจะตามเขามาอีก ต้องการจะกวนประสาทกันให้ตายไปข้างเลยรึไง

     

    “ไม่ได้ตามบ้านฉันไปทางนี้”คนสูงชะลูดตอบออกมาด้วยท่าทีกวนๆทำให้คนตัวอวบเกิดอาการอยากฝากรอยแผลไว้ที่หน้าหล่อๆสักหมัดสองหมัด มือบางต่อยเข้าไปเต็มๆที่ใบหน้าหล่อจนคนตัวสูงเซแทบล้ม

     

    “หงุดหงิดโว้ยยยย!!”แถมด้วยตะโกนใส่หน้าไปอีกทีนึงแล้วหมุนตัวก้าวท้าวรัวๆจากไป

     

    แปลก ที่ความรู้สึกหงุดหงิดเวลามองหน้าคนตัวเล็กกว่าของนาคาจิม่า ยูโตะเริ่มเปลี่ยนไป มือใหญ่ลูบมุมปากที่เลือดซิบออกมา ชักสนุกกับการได้แกล้งแล้วสิ ถึงแม้ว่าหมัดของคนตัวเล็กกว่าคนนี้จะหนักมากก็ตามที

     

     

     

    “อ๊ะ เรียวสุเกะกลับมาแล้วเหรอ?”เสียงทักของพี่สาวทำให้คนหงุดหงิดหันไปยิ้มให้ทันที

     

    “กลับมาแล้วครับ”เสียงทุ้มพูดพร้อมรอยยิ้ม

     

    “โอคาเอริ พี่เรียวสุเกะ เออเค้ามีเรื่องจะบอกแหละ”คำพูดของน้องสาว

     

    “อะไรเหรอ?”เรียวสุเกะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

     

    “เค้า พี่สาวกับม๊าจะไปหาป๊ากันวันเสาร์แหละแต่ตั๋วมีสามใบเพราะงั้นพี่ชายอยู่บ้านนะคะ”ว่าแล้วก็ยิ้มน่ารักสรุปอะไรไปเฉยเลย ทำเอาเรียวสุเกะขมวดคิ้ว

     

    “อะไรกันทำไมผมไม่ได้ไปล่ะ”เข้าไปกอดอ้อนแล้วถามแม่ทันที

     

    “ก็ตอนจองตั๋วมันเหลือแค่สามที่พอดีนี่นา เอาน่าแม่ไม่ได้จะทิ้งเรียวจังอยู่คนเดียวสักหน่อย แม่รู้ว่าเรียวจังกลัวผี ยังไงไปอยู่บ้านเพื่อนแม่ก็ได้แถมเขายังมีลูกชายอายุเท่าลูก แถมไม่ไกลจากบ้านเราด้วย ถือว่าไปคุยเล่นกับเขาเปลี่ยนบรรยากาศแล้วกันนะจ๊ะ”

     

    “ไม่ยุติธรรมอ่ะ ทำไมแม่ทำกับผมแบบนี้ ไม่ยอมจริงๆนะ”

     

    “แล้วจะแย่งตั๋วน้อง กับพี่เรารึไงหื้ม เป็นผู้ชายต้องเสียสละหน่อยสิ”เจอคำนี้ไปเรียวสุเกะก็ได้แต่เงียบและยังคงไม่ปล่อยมือจากเอวแม่สุดที่รักของตัวเอง

     

    “ไว้จะซื้อสตรอเบอรี่มาฝากเยอะๆเลยนะ กลับมาเดี๋ยวพาไปเลี้ยงเนื้อย่างด้วยเอ้า”จบคำพี่สาวเรียวสุเกะก็ผละตัวออกจากคนเป็นแม่

     

    “จริงนะ รักพี่ที่สุดเลยครับ”พูดถึงของกินตากลมก็วาวขึ้นมาในทันทีเดินไปทั้งกอดทั้งหอมพี่สาวคนสวยของตัวเองในทันที

     

    “เห็นแก่กินแบบนี้ไงพี่ชายถึงใกล้จะเป็นหมูไปทุกทีแล้วไง”คนแซวจากน้องทำให้เรียวสุเกะหันไปย่นจมูกใส่ทีนึง

     

    “เชอะ ไปอาบน้ำดีกว่า คนไม่มีใครรักก็งี้”จบประโยคทั้งพี่ทั้งน้องทั้งแม่ก็หัวเราะตาม ก็เรียวสุเกะน่ารักขนาดนี้จะแกล้งบ้างก็ไม่ผิดใช่ไหมล่ะ

     

    คนอาบน้ำเสร็จทิ้งตัวลงบนที่นอนมือก็เช็ดผมเปียกหมาดๆไปด้วย แต่แล้วภาพคนตัวสูงกลับแวบเข้ามาในความคิดซะเฉยๆ“เฮอะ”ส่งเสียงในลำคอเบาๆอย่างหงุดหงิดก่อนจะตากผ้าเช็ดตัวแล้วลงไปยังชั้นล่างของบ้าน

     

    “หิวแล้วว”คนตัวอวบพูดด้วยสีหน้าโอดครวญ

     

    “หิวก็มาช่วยแม่ในครัวนี่มา”ผู้เป็นแม่พูดทำให้คนตัวอวบเดินเข้าไปในทันทีแล้วหอมแก้มแม่เข้าไปทีนึงก่อนจะช่วยแม่เตรียมอาหารแล้วยกมาวางที่โต๊ะ

     

    มื้ออาหารเย็นของครอบครัวยามาดะผ่านไปพร้อมกับรอยยิ้มเสียงหัวเราะ เป็นความอบอุ่นที่ทำให้ลืมเรื่องหงุดหงิดภายในใจไปจนหมด เมื่อเก็บล้างภาชนะเสร็จแล้วคนตัวอวบก็นั่งพักพลางส่งเมลล์ไปหาเพื่อนรักด้วย

     

    กลับบ้านรึยังชี่จัง? (^^)

    กลับแล้วว ยูยะมาส่งปลอดภัยหายห่วง d(●^o^●)b

    ดีแล้ววว อาบน้ำนอนเลยด้วยนะ ω・`)

    รับทราบนะ ฝันดียามะจัง▽≦)

    ฝันดีพรุ่งนี้เจอกันนะ(^o^)/~

    อื้อ

     

    เขากับยูริเป็นเพื่อนสนิทกันมานานตั้งแต่ยังเด็กมันไม่แปลกเลยที่เขาจะทั้งหวงทั้งห่วงเพื่อนคนน่ารักแถมร้ายลึกอย่างยูริมากมายขนาดนี้คนตัวอวบยิ้มเล็กน้อยก่อนจะอ่านหนังสือทบทวนแล้วเข้านอนในที่สุด

     

    แสงแดดยามเช้าที่แยงตาทำให้คนหลับไม่รู้เรื่องรู้สึกตัว สายแล้ว ไวเท่าความคิดเขารีบเด้งตัวลุกแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวด้วยความเร็วสุดชีวิต

     

    นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบแปดโมงยี่สิบแล้วเขายังไม่ถึงสถานีรถไฟเลย ถึงแม้ปกติจะเผื่อเวลาไว้30นาทีให้ไปถึงทันเวลาแต่วันนี้เขากลับสายขนาดนี้ แปดโมงครึ่งเขาควรไปถึงแล้วสิ แต่ตอนนี้แค่จะไปให้ทันยังยากเลยมากกว่า ขาเรียวเร่งเสต็ปวิ่งเต็มสปีด ก้าวเข้าสถานีพอดีกับรถไฟขบวนที่จะไปจอดเทียบชานชลาพอดี

     

    คนตัวเล็กถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปในขบวนรถไฟแต่แล้วก็ถูกดึงเข้าไปกระแทกสิ่งมีชีวิตสูงชะลูดราวกับเสาไฟฟ้า

     

    “นายอีกแล้วนะ!”คนตัวอวบเข่นเขี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์ใจจริงแทบอยากตะโกนใส่หน้าด้วยซ้ำแต่ติดที่ว่างใจเปล่าฝูงชนทั้งวัยเรียนและวัยทำงานที่แออัดกันอยู่ในรถไฟขบวนนี้ล่ะก็นะ

     

    “แน่นอนอรุณสวัสดิ์นะหมูน้อย เห็นนี่ไหมเพราะนายเลยนะที่ทำร้ายใบหน้าอันหล่อเหลาของฉันน่ะ”ว่าแล้วก็ดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้จนแทบจมไปกับอกตัวเองแล้วดันให้คนตัวเล็กกว่าเข้าไปอยู่ในซอกโดยมีตัวเองกั้นคนตัวเล็กกับคนอื่น ก็ตัวเล็กแค่นี้ถ้ากลืนหายไปกับฝูงชนคงแย่ หมอนี่ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำนะ

     

    “อยากโดนอีกทีไหมล่ะ จัดให้ได้นะ”คนตัวเล็กกว่าส่งยิ้มทั้งๆที่สายตาอาฆาตแค้นเสียเหลือเกิน หากเป็นเมื่อวานเขาคงโมโหอยากต่อยคนตรงหน้าสักทีสองทีทว่าตอนนี้รอยยิ้มนั่นกลับกระตุ้นต่อมอยากแกล้งให้กำเริบขึ้นมาซะอย่างงั้น

     

    “แหม่กลัวจังลองต่อยมาอีกทีสิแล้วจะจัดจูบร้อนแรงให้สักทีสองที อยากรู้เหมือนกันว่านายเวลาโดนจูบเนี่ยจะมีสีหน้ายังไง”คนสูงกว่ายังคงส่งเสียงยียวนด้วยรอยยิ้ม

     

    “เหอะ เก็บไว้จูบกับหมาที่บ้านนายเถอะนาคาจิม่า ยูโตะ”มือบางกระชากคอเสื้ออีกคนอย่างเหลืออด

     

    “กระชากแบบนี้อยากได้จูบก็บอกมา”เพราะคำยียวนทำให้คนตัวเล็กกว่าเม้มปากแล้วกระแทกแผ่นอกกว้างจนอีกฝ่ายเกือบเซล้มไปตามแรง“น่ารักชะมัด..”ยูโตะพึมพำเบาๆจนแทบจะลอยไปในอากาศเขาเองก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอกว่าทำไมจู่ๆถึงพึมพำคำบ้าๆแถมกำลังคิดอะไรบ้าๆอยู่แบบนี้ทั้งที่คนที่เขาชอบในรอยยิ้มคือจิเน็น ยูริแท้ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าการได้แกล้งคนตรงหน้าช่างเป็นเวลาที่ดีอะไรแบบนี้กันนะ

     

    “ห๊ะ ว่าไงนะ?”คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว ได้ยินแค่ลอยๆเหมือนคนตรงหน้าพูดอะไรสักอย่างจับใจความไม่ได้หรือไอ้หมอนี่กำลังด่าเขากันนะ?

     

    “เปล่าไม่มีอะไรหรอกหมูน้อยใกล้จะถึงแล้วนะไม่ลงรึไง แต่ก็นะถึงรีบแค่ไหนวันนี้เราก็สายซะแล้วล่ะ”อีกคนกลับพูดยิ้มๆแล้วเดินออกจากขบวนรถไฟ

     

    “ไม่ใช่หมูน้อยนะเว้ยไอ้โย่ง!”คนตัวเล็กกว่าตะโกนแล้วต่อยไหล่คนตรงหน้าเต็มแรงก่อนจะเร่งฝีเท้าลืมเรื่องสายไปซะสนิทเลย ถ้ายูริโดนใครเข้ามาจีบเข้ามาลวนลามอีกเล่าจะทำยังไง แย่แล้วยามะจังทำไมพลาดแบบนี้นะ!! เขาอยากจะอาหัวตัวเองโขกเสาตายเป็นวิญญาณไปเฝ้าเพื่อนรักให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

     

    ไอ้คนขายาวมันก็วิ่งซะเร็วเลย จำได้ว่าออกเขาวิ่งมาก่อนมันตอนนี้ไอ้หมอนั่นแทบจะวิ่งแซงเขาแล้ว คนแขนขายาวก็ดีแบบนี้สินะ เหอะ!!!!

     

    เขาก้าวเข้ามาในโรงเรียนได้แบบเฉียดฉิวพร้อมหอบจนตัวโยนมือก็ดึงสูทคนตรงหน้าไว้ไม่ได้ลืมตาดูด้วยซ้ำว่าเป็นใครแต่ถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นไอ้โย่งติงต๊องแน่ๆ

     

    “ไหวไหมอ้วน”คนตัวสูงถาม

     

    “ไม่ได้อ้วนเว้ยย”เสียงทุ้มตอบกลับแทบจะทันที

     

    “ไม่ไหวนี่อุ้มขึ้นห้องได้นะ”ยังยังกวนอีกไอ้โย่งไอ้เลวไอ้ขายาว

     

    “ตลกมากมั้ง ไอ้สลัด ไอ้ชิบหาไม่เจอ”คนตัวอวบด่าไปทันทีโดยไม่ได้คิดก่อนเลย

     

    “ชิบหาไม่เจอ?”เมื่อเห็นอีกฝ่ายทวนคำงงๆก็เฉลย

     

    “โง่อีก ชิบหายไง ไปแล้วโว้ยยยย”พูดจบก็ยิ้มสะใจก่อนออกวิ่งขึ้นห้องอย่างรวดเร็ววิ่งไปนั่งที่ตัวเองหอบหายใจแทบขาดใจตายใบหน้าหวานซบลงกับโตะ

     

    “ไหวไหมยามะจัง? ตื่นสายรึไง?”คำทักของเพื่อนซี้ทำให้คนฟุบอยู่หันไปชูสองนิ้วให้

     

    “ไหวววว”สิ้นคำคนตัวสูงก็วิ่งตามมาถึงห้องแล้วนั่งลงที่ ที่ของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน ปอดมึงใหญ่นักรึไงไอ้โย่งถึงไม่แสดงอาการเหนื่อยเลยสักนิดแกแอบไปพักเหนื่อยมาก่อนสินะ เหอะ!! ยิ่งเห็นหน้ามันอยู่ในระยะสายตาก็ยิ่งหงุดหงิดเว้ยย แล้วยิ่งคนตัวสูงหว่าหันมายักคิ้วกวนๆให้อีก

     

    คาบเรียนตอนเช้าผ่านไปแบบสบายๆพอกริ่งเที่ยงดังปุ๊บสองเพื่อนซี้ก็รีบไปยังที่ประจำทันที

     

    “ฮ้าวววว ง่วงชะมัดเลย ยิ่งวิ่งมายิ่งง่วงยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่”พูดจบก็ยืดแขนบิดขี้เกียจเต็มที่

     

    “เออ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว มาไล่เลี่ยกันเลยนะ ยามะจังกับคนสูงๆนั่นเนี่ย”คนตัวเล็กพูดก่อนจะแกะกล่องข้าวที่ยามะจังหอบมาเผื่อในทุกๆวัน

     

    “เหอะ! ความบังเอิญตลกร้ายของพระจ้าชัดๆเลย!”พูดจบก็เข่นเขี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “บังเอิญ? อ้า ฝีมือคุณแม่ใช่ไหม อร่อยยยอ่ะ”คนตัวเล็กเลิกคิ้วถามทั้งที่ยังกินอยู่

     

    “เมื่อวานเจอกันในรถไฟ แถมเช้านี้ก็ยังเจออีกน่ะ เลวร้ายสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ”ว่าจบก็นั่งจัดการข้าวในกล่องของตัวเอง มันน่าโมโหนัก

     

    “บังเอิญจริงน้า ไม่แน่นะหมอนี่อาจจะเป็นคนในพรหมลิขิตของนายก็ได้”คนตัวเล็กพูดแล้วหัวเราะลั่น

     

    “ตลกแล้ว! หมอนั่นชอบนายอยู่ต่างหากเล่า”พูดจบก็สวาปามข้าวในกล่องที่เหลือจนหมด

     

    “แหม่ถ้าลองได้ใกล้ชิดยามะจังของฉันไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นไหวตกหลุมรักนายทั้งนั้นแหละ”พูดจบก็หอมแก้มเพื่อนรักไปอีกสักที

     

    “เดี๋ยวนะ..”คนตัวอวบลุกขึ้นเพราะเห็นแสงแฟรชแวบๆก่อนจะเดินไปยังต้นตอแล้วจับบุคคลที่เจอทุ่มลงทันที

     

    “โอ๊ย เดี๋ยวๆกล้องๆๆ”คนตัวสูงชะลูดพยายามปกป้องกล้องอย่างสุดความสามารถถึงจะเจ็บก็กลิ้งลุกยืนขึ้นให้เร็วที่สุด

     

    “นี่นายอีกแล้วเหรอ มาถ่ายรูปยูริของฉันงั้นเรอะ เอาเมมโมรี่ มาเลยนะ”คนตัวเล็กกว่าพยายามขว้างกล้องที่คนตัวสูงชูขึ้นสุดแขน“เอามาสิเว้ยยยย”

     

    “เรื่องอะไรจะให้เล่าเตี้ยเอ้ยยย อุก”ไม่มีคำอธิบายอะไรมากไปกว่าจุกก็คนตัวเล็กต่อยเข้ามาเต็มๆท้องทว่าเขาก็ไม่ยอมให้เอาเมมโมรี่การ์ดไปเช่นกัน

     

    “ไม่ได้เตี้ยโว้ย แกสูงเองต่างหากไอ้โย่ง”ถึงจะขำแค่ไหนกับการทะเลาะครั้งนี้แต่จิเน็น ยูริก็ต้องเข้าไปห้ามทัพ

     

    “ไม่เอาน่าช่างมันเถอะนะที่รัก เราไปที่อื่นกันเถอะเนอะ”ว่าแล้วก็หอมแก้มใสของเพื่อนรักแล้วดึงออกมาก่อนจะมีเรื่องน่ะสิ การชกต่อยในโรงเรียนนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ ถ้าถูกเอาไปฟ้องอาจารย์ล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกัน

     

    “หงุดหงิดชะมัดเลยโว้ยย”คนตัวอวบสบถออกมาอย่างหัวเสีย

     

    “เอาน่า.. แต่จะว่าไปทะเลาะกันแบบนั้นน่ารักดีออกนะ ไม่เห็นยามะจังโดนกวนแบบนั้นมานานแล้วนะ”แทนที่จะช่วยปลอบเพื่อนให้หายอารมณ์เสียคนตัวเล็กกลับมาแซวซะนี่

     

    “เชอะ ไม่รักกันแล้วใช่ไหมล่ะ ฉันหงุดหงิดอยู่นะ”พูดจบก็ย่นจมูกใส่

     

    “โอ๋ๆ รักสิรักยามะจังที่สุดเลยน้า แต่ว่า มันน่ารักจริงๆนะเวลานายอยู่กับหมอนั่น”เพื่อนตัวเล็กยังไม่วายเอ่ยแซวอีกจนได้

     

    “พูดงี้เลิกยุ่งกันเลยดีกว่าเชอะ”คนตัวอวบหันหน้าไปอีกทางแต่คนตัวเล็กก็กอดเพื่อนตัวเองไว้

     

    “ล้อเล่นน่าาา เออพรุ่งนี้ฉันจะไปเที่ยวที่มัตสึชิมะกับยูยะแหละเดทกันในวันครบรอบ”สีหน้าที่ดูมีความสุขทำเอาคนตัวอวบอดไม่ได้ที่จะดีดเหม่งเบาๆอย่างหมั่นไส้

     

    “ดีจังนะคนมีแฟนเนี่ยยย พรุ่งนี้ทุกคนทิ้งฉันไปเที่ยวกันหมด ดีสุดๆไปเลย!”น้ำเสียงแกมประชดทำให้คนตัวเล็กหอมแก้มเพื่อนอีกที

     

    “หมายความว่าไงเนี่ย ไม่ได้ทิ้งสักหน่อยนะรึว่ายามะจังจะไปกับฉันด้วยล่ะ?”คนตัวเล็กยิ้มกว้าง

     

    “ไม่เอาอ่ะไม่อยากขัดจังหวะคนจะไปสวีทกัน พรุ่งนี้พี่สาว น้องสาว แล้วก็แม่ของฉันจะไปหาป๊าที่นิวยอร์กน่ะสิ แถมยังไล่ให้ฉันไปอยู่บ้านเพื่อนแม่ด้วยนะ ใจร้ายสุดๆไปเลย”เห็นเพื่อนรักทำหน้านอยด์ๆคนตัวเล็กก็วางมือลงที่แก้มเพื่อนรักเบาๆ

     

    “ฉันไม่ไปกับยูยะแล้วก็ได้เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนยามะจังเองดีไหม”

     

    “เดี๋ยวรุ่นพี่ก็ตามมาฆ่าฉันหรอก ไปเถอะทำใจแล้วล่ะ เที่ยวให้สนุกซื้อของมาฝากฉันด้วยแล้วกัน”มืออวบขยี้ผมคนตัวเล็กกว่าเบาๆ

     

    “โอเคได้เลย แต่แน่ใจนะว่าอยู่ได้น่ะ”

     

    “แน่สิ เข้าเรียนกันเถอะ”ว่าแล้วก็ดันเพื่อนตัวเล็กเข้าห้อง

     

    ระหว่างคาบเรียนก็มีกระดาษส่งไปถึงจิเน็นอีกซึ่งได้ถูกสต๊อปไว้โดยยามาดะ เรียวสุเกะเช่นเคยมืออวบฉีกกระดาษทิ้งแล้วขยำโยนใส่หัวเจ้าตัวด้วยรอยยิ้มอีกแหนะ

     

    เสียงออดเลิกเรียนทำให้นักเรียนในห้องรีบเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้านเช่นเดียวกับสองเพื่อนซี่ที่ควงกันออกจากห้องเรียนไปโดยแยกกันไปคนละทางเพราะบ้านไกลกันคนตัวอวบเดินเอื่อยๆไปยังสถานีรถไฟ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วขึ้นไปเมื่อขบวนรถมาถึง

     

    วันนี้ไม่เจอแฮะ ดีชะมัด คนตัวอวบคิดในใจรอให้ถึงป้ายที่ต้องลงแล้วเดินลงไปช้าๆไม่เร่งรีบ

     

    “กลับมาแล้วครับ”เสียงทุ้มเอ่ยออกไปแล้วถอดรองเท้าออก

     

    “โอคาเอริจ้า เก็บของเรียบร้อยแล้วใช่ไหมเรียวจัง?”เสียงของคนเป็นแม่ทำให้นึกคนได้

     

    “เอ๊ะ ลืมไปเลย เดี๋ยวผมไปจัดกระเป๋าก่อนนะครับ”แค่สองสามวันเลยเอาแค่ของจำเป็นใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กไปเท่านั้นมือเรียวกดส่งเมลล์ไปหาเพื่อนรัก

     

    วันนี้จะไปอยู่บ้านเพื่อนแม่แหละ แม่บอกว่าเพื่อความเคยชิน รู้สึกไม่อยากไปเลยแฮะ(╥╥)

    อยู่ได้จริงป่ะเนี่ย? ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนแทนดีกว่าไหม(。。;)

    ไม่เป็นไรอ่ะ แค่รู้สึกไม่อยากไปที่อื่นเฉยๆ ยังไงก็เก็บของแล้วล่ะ นายก็เที่ยวให้สนุกนะเที่ยวเผื่อฉันด้วย โอเคนะ? (^o^)/~~

    อื้อดูแลตัวเองล่ะ รักยามะจังที่สุดเลยน้า

    รักยูริจังนะ จุ๊บๆ(^з^)

    อื้อ(^^)

     

    ส่งเมลล์เสร็จก็เปลี่ยนเสื้อแล้วหยิบกระเป๋าลุกเดินลงมายังชั้นล่าง

     

    “เสร็จแล้วล่ะ ทำไมไม่ให้ผมไปพรุ่งนี้อ่ะครับแม่”

     

    “พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้านี่นา กลัวเขาไม่รู้ว่าเป็นลูกชายแม่จะทำยังไงล่ะ พาไปแนะนำเลยดีกว่าด้วยนะ”คนเป็นแม่วางมือบนผมนุ่มของลูกชายเบาๆ

     

    “รักแม่นะครับ พรุ่งนี้เดินทางดีๆด้วยนะ”ว่าแล้วก็กอดหอมคนเป็นแม่หลายทีด้วยกัน

     

    “ไปกันเถอะบ้านนู้นคงรอแย่แล้ว”พูดจบคนเป็นแม่ก็พาลูกชายเดินถัดไปอีก3บล๊อค บ้านหลังโตสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหลังแบบฉบับญี่ปุ่นโบรานแถมมีสวนสวยเรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจพอดูเลยทีเดียว ถึงแม้จะมีการสร้างต่อเติมชั้นบนด้วยปูนก็ไม่ได้ทำให้ดูขัดตาเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    ไม่นานนักก็มีเด็กผู้ชายออกมาเปิดประตู

     

    “ไรยะคุง สวัสดีจ้า”แม่เขาเอ่ยทักคนตัวอวบมองเด็กชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือน... เหมือนไอ้โย่งติงต๊องมากยกเว้นแค่ส่วนสูงดูคนตรงหน้าจะเตี้ยกว่าหน่อย ทำไมมันจะบังเอิญขนาดนั้น แต่คนเรามันหน้าคล้ายกันได้นี่เนอะ

     

    “คุณน้าสวัสดีครับ เชิญเข้ามาก่อนสิฮะ มีอะไรรึเปล่าฮะคุณพ่อกับคุณแม่บินไปยุโรปแต่เช้าแล้ว ถ้าเรื่องด่วนฝากผมไว้ก็ได้นะฮะ”รอยยิ้มน่ารักถูกส่งมาทำเอาต้องยิ้มตอบไป

     

    “ไม่มีอะไรหรอกจ้า แค่น้าจะฝากลูกชายไว้สักสองสามวันน่ะ น้าบอกแม่เราไว้แล้วไม่ได้บอกเหรอ?”เด็กชายทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะยกชามาเสริฟ

     

    “สงสัยแม่คงลืมน่ะฮะยังไงอยู่ทานข้าวเย็นไหมฮะ?”

     

    “ไม่เป็นไรจ้าน้าไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ด้วยยังไงก็ฝากเรียวจังด้วยนะไรยะคุง อย่าไปกัดน้องเขาล่ะเรียวจัง”คนเป็นแม่เอ่ยแซวลูกชายสุดที่รักของตัวเองเล็กน้อย

     

    “แม่อ่ะผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย”ย่นจมูกเล็กน้อยแล้วเดินไปส่งที่หน้าบ้าน

     

    “ไปแล้วนะดูแลตัวเองดีๆล่ะ”พูดแล้วก็หอมแก้มลูกชายอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินไป

     

    “แม่ด้วยนะ อากาศที่นู่นคงหนาวระวังป่วยล่ะ”คนตัวอวบตะโกนตามไปก่อนเดินเข้าไปในบ้าน

     

    “ผมได้ยินว่าพี่เรียนที่เดียวกับพี่ชายผมด้วยแหละ พี่ผมเท่มากเลยนะทั้งถ่ายรูปเก่งแถมยังตีกลองเก่งมากๆเลยด้วย”เด็กชายตัวเล็กมาชวนคนตัวเรียวสุเกะคุย

     

    “เห งั้นเหรอ แล้วพี่ชายไรยะชื่ออะไรล่ะ?”มีพี่ชายอยู่โรงเรียนเขาด้วย? หวังว่าคงไม่ใช่...

     

    “ยูโตะ นาคาจิม่า ยูโตะน่ะ พี่รู้จักรึเปล่า?”นั่นไงซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ!

     

    “เหอะ! พี่ชายไรยะไม่ได้เท่อะไรขนาดนั้นหรอกนะ”มือบางเอื้อมไปแตะที่ไหล่ของเด็กชายเบาๆแล้วพูด

     

    “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ หรือพี่ผมทำอะไรไม่ดีให้พี่ไม่พอใจ เอ๊ะหรือว่าโดนพี่ผมรังแกเหรอ? ผมจะปกป้องพี่เองนะ”เด็กชายพูดด้วยรอยยิ้มทำให้เรียวสุเกะอดจะลูบผมนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดูไม่ได้

     

    “อืมม มันเข้าใจยากน่ะนะ ชักหิวแล้วสิมาทำอะไรกินกันดีกว่า”ว่าแล้วเรียวสุเกะก็ชวนไรยะเข้าครัวจริงๆแล้วก็อยากกลับบ้านล่ะนะ ถ้าไม่ติดว่าเขากลัวผี กลัวความมืดล่ะก็ ไม่ทนจริงๆนั่นแหละ ดันอยู่บ้านเดียวกับใครไม่อยู่ มีหวังได้บ้านแตกตายกันไปข้างแน่ๆ

     

    “ฮะผมช่วย”เด็กชายหัวเราะด้วยรอยยิ้มน่ารักแล้วช่วยรุ่นพี่คนสวยเต็มที่

     

    กว่าจะทำอาหารและจัดโต๊ะเสร็จก็ปาไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว

     

    “กลับมาแล้ว เอ๊ะ?”คนตัวสูงชะลูดชะงักเล็กน้อยที่เห็นใครอีกคนอยู่ในบ้านของตัวเอง

     

    “โอคาเอริฮะพี่ชาย”คนเป็นน้องยิ้มน่ารักให้

     

    “เหอะ”ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากเหอะในลำคอออกมาจากริมฝีปากสวย

     

    “ทำไมหมูน้อยมาอยู่นี่ได้ล่ะเนี่ย แหม่ๆคิดถึงกันขนาดนี้เลยเหรอ?”หมาในปากของนาคาจิม่า ยูโตะเริ่มอยากทำงานขึ้นมาตงิดๆเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    “ตลกแล้วไอ้โย่ง แล้วใครมันคิดถึงแกวะ”เรียวสุเกะทำท่าจะลุกขึ้นไปเปิดศึก ทว่า..

     

    “ใจเย็นสิฮะพี่ๆ พี่ยูโตะไปอาบน้ำก่อนสิจะได้กินข้าวไง”เป็นน้องชายตัวเล็กที่คอยห้ามทัพที่ทำท่าจะตีกันกลางบ้าน นาคาจิม่า ยูโตะทำเพียงยิ้มเล็กน้อยแล้วเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปยังห้องของตัวเอง

     

    “หงุดหงิดชะมัด”เรียวสุเกะพึมพำด้วยความไม่พอใจ

     

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่น้องเล็กของบ้านอย่างไรยะจะรีบลุกขึ้นแล้วไปรับโทรศัพท์เรียวสุเกะถอนหายใจเบาๆ

     

    “กินแล้วนะครับ”ว่าจบก็เอาตะเกียบคีบอาหารในจานก็มีเสียงขัดขึ้นจนได้

     

    “กินไม่รอใครเลยนะหมูน้อย”จะเป็นใครอีกเล่าถ้าไม่ใช่ยูโตะน่ะ กวนประสาทแบบนี้มีคนเดียว

     

    “หุบปากไปโย่งฉันไม่ใช่หมูน้อยด้วยเว้ย”พูดจบก็กินต่อในทันที

     

    “อ..เอ่อ คือว่าจะเป็นอะไรไหมถ้าพี่เรียวสุเกะจะต้องนอนห้องพี่ยูโตะ”เสียงน้องเล็กดังขึ้นทำให้เรียวสุเกะหันไปขมวดคิ้วในทันที“ค..คือม๊าโทรมาบอกเมื่อกี้ว่าให้พี่เรียวสุเกะนอนห้องพี่ยูโตะ”

     

    “อ่า ไม่เป็นไรยังไงก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่เนอะ”คนตัวสูงชะลูดพูดด้วยรอยยิ้ม

     

    “ใครเพื่อนนายวะ ไม่เอาเว้ยย”เรียวสุเกะพูดอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “หรือว่านายไม่กล้านอนห้องเดียวกับฉัน ป๊อดนี่หว่า”น้ำเสียงกวนประสาทแถมยังส่งสายตาดูถูกกันขนาดนี้

     

    “ไม่ได้ป๊อดเว้ย เออนอน จบไหม”พูดด้วยความโมโหก่อนจะลงมือจัดการข้าวในชามอย่างอารมณ์เสีย โมโหแล้วมันต้องกิน กิน กิน!!!

     

    “อร่อยกว่าทุกทีแฮะ”คนเป็นพี่เอ่ยปากชม

     

    “พี่เรียวสุเกะเป็นคนทำฮะ อร่อยทุกอย่างเลยล่ะ”ไรยะพูดด้วยรอยยิ้ม งานนี้เขาแค่ช่วยนิดๆหน่อยๆคนจัดการทั้งหมดคือรุ่นพี่คนสวยทั้งนั้น

     

    “แหม่ หมูน้อยนี่ก็มีดีเหมือนกันเหรอนี่ ทำกับข้าวทุกวันเลยนะ”เหมือนจะชมแต่ทุกถ้อยคำแฝงความกวนประสาทไว้แล้วทั้งนั้น

     

    “ทำไมฉันต้องทำวะ?”เรียวสุเกะสวนขึ้นทันที

     

    “อย่าลืมนะว่านายอยู่บ้านฉันน่ะ”

     

    “ไอ้....”ยังไม่ทันจะได้ด่าอะไรต่อ

     

    “อย่าทะเลาะกันเลยฮะนี่โต๊ะอาหารนะ”ดูท่าคนลำบากใจที่สุดในโต๊ะคงจะเป็นน้องเล็กของบ้านเป็นแน่ท่าทางว่าศึกนี้ยังคงอีกยาวไกลแถมน้องเล็กคนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ห้ามได้ในทุกครั้งที่เกิดศึกสักหน่อย พรุ่งนี้ไรยะเองก็มีเรียนพิเศษด้วย

     

    การอยู่ร่วมกันถึงจะไม่กี่วันนี่จะรอดไหมนะ?...........

     

    เมื่อกินข้าวเสร็จเรียวสุเกะก็ตรงไปอาบน้ำทันทีหวังให้น้ำเย็นๆลบความหงุดหงิดออกจากหัวให้หมดทว่ามันไม่ได้หมดไปอย่างที่คิดน่ะสิเพราะเมื่อออกมาก็เจอกับใบหน้าที่แสนกวนอยู่ตรงหน้าแบบนี้

     

    “มองอะไรวะ”เรียวสุเกะพูดอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “เปล่านี่ มาจะพาไปที่ห้อง”คนตัวสูงกว่าจับข้อมือแล้วดึงขึ้นไปยังห้องของตัวเอง

     

    “เบาๆดิไอ้โย่ง!”เมื่อแรงบีบที่ข้อมือเริ่มแรงไปคนตัวเล็กกว่าก็โวยขึ้น

     

    “เรื่องมากน่าอ้วนอย่าเสียงดังด้วย”พูดจบก็ดันคนตัวเล็กกว่าเข้าไปในห้อง

     

    “นี่มันห้องหรือตู้เก็บรองเท้าวะ?”ทีที่ไฟเปิดเรียวสุเกะก็พูดทันทีก็ระดับสายตาเห็นรองเท้าคอนเวิร์ดเป็นคอเล็กชั่นอยู่ในตู้กระจกใสข้างผนัง

     

    “ไม่ได้มีแค่รองเท้านะ”มือหนาเปิดชั้นกล้องออกมาให้ดูอีกแถมยังมีเลนส์มากมาย เรียวสุเกะก้าวเข้ามาในโลกส่วนตัวของยูโตะโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ยูโตะเองก็เปิดให้เรียวสุเกะก้าวเข้ามาง่ายๆแบบไม่รู้ตัวเหมือนกันถึงปากจะจิกกันตลอดเวลาก็เถอะ

     

    “ทำยังกะเด็กอนุบาลอวดของเวลาเพื่อนมาบ้าน”

     

    “ก็แค่บอก”คนตัวสูงยักไหล่อย่างไม่สนใจอะไรแล้วล้มตัวลงบนเตียง“ห้องฉันมีเตียงเดียวแถมเป็นเตียงคู่ด้วยถ้าไม่นอนด้วยกันก็หาผ้ามาปูบนพื้นเองแล้วกัน”จบคำคนตัวสูงมันก็เอื้อมมือไปปิดไฟซะเฉยๆ

     

    “เฮ้ยอย่าปิดไม่เอา”คนตัวเล็กวิ่งไปเปิดไฟแทบจะทันที

     

    “ฮ่าๆๆ กลัวความมืดรึไง เหมือนเด็กเลย”เมื่อเห็นท่าแบบนั้นคนตัวสูงก็หัวเราะขึ้นมาทันที

     

    “แล้วมันผิดอะไรวะ”คนตัวเล็กวางกระเป๋าที่หอบมาลงก่อนจะมองหน้า“หยุดขำได้แล้วโว้ย! อยากโดนต่อยรึไงไอ้โย่ง ไอ้เลวบอกให้หยุดไงเล่า”ว่าแล้วคนตัวเล็กกว่าก็เข้าไปหมายจะต่อยคนบนเตียง

     

    “ฮ่าๆ เฮ้ยย อย่านะเว้ยเดี๋ยวก็ปล้ำซะหรอก”มือใหญ่รับหมัดของคนตัวเล็กกว่าได้อย่างเฉียดฉิว

     

    “กลัวตายยอ่ะ โคตรกลัวเลย”ว่าแล้วก็บิดมือ ออกแล้วต่อยลงไปอีกครั้ง

     

    “มันเจ็บนะเว้ย”พูดจบก็พลิกคนตัวเล็กมาอยู่ข้างใต้ คนตัวเล็กกว่าดิ้นให้หลุดแต่ก็โดนทับจากน้ำหนักตัวทำให้ตอนนี้เขาพลิกคว่ำหน้าลงกับหมอนโดยคนตัวสูงกว่าล๊อกแขนเขาไว้

     

    “แล้วใครให้หัวเราะล่ะวะ โอ๊ยเจ็บๆๆ”เพราะแรงล๊อกซะแน่นทำให้คนข้างใต้ร้องโอดโอย

     

    “เล่นก่อนเองนะอ้วน”ว่าแล้วก็ยิ่งเพิ่มแรงกดที่ล๊อกแขนคนข้างใต้ไว้

     

    “เจ็บๆๆ ปล่อยย ปล่อยดี๊”คนตัวเล็กร้องโอยโอยแถมยังดิ้นอีกทำให้ตัวเองยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่

     

    “อยู่นิ่งๆดิเดี๋ยวเจ็บกว่าเดิมหรอก พูดดีๆเป็นป่ะวะ”คนตัวสูงมองคนตัวเล็กขำๆ

     

    “ไอ้คุณนาคาจิม่า ยูโตะครับปล่อยเถอะ”เรียวสุเกะเค้นเสียงออกมา

     

    “พูดไม่เพราะว่ะมีไอ้ด้วยเอาคำลงท้ายเพราะๆทำเสียงดีๆกว่านี้ด้วย พูดด้วยว่าจะไม่ต่อยฉัน”พูดจบก็ยิ่งเพิ่มแรงกดที่แขนเข้าไปอีก

     

    “โอ๊ยเรื่องมากว่ะ เฮ้ยอย่ากดดิเจ็บบ ก็ได้ๆ คุณนาคาจิม่า ยูโตะครับ ปล่อยผมเถอะครับปวดแขนแล้วเนี่ย เออจะไม่ต่อยแล้วในวันนี้อ่ะนะ”ในที่สุดเรียวสุเกะก็พูดออกมาทั้งที่น้ำเสียงเจือความไม่พอใจไว้

     

    “แค่นั้นแหละ หมูต๊องเอ้ยย”เมื่ออีกคนปล่อยคนตัวเล็กก็พลิกตัวนอนหงายแล้วหอบหายใจเบาๆ

     

    “ก็บอกว่าไม่ใช่หมูไง”พอหายเหนื่อยก็เถียงทันที

     

    “ใช่ดิดูดิบวมขนาดนี้หมูน้อยชัดๆ”คนตัวสูงยังคงกวนประสาทไม่เลิก

     

    “อยากโดนต่อยใช่ไหม”ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาต่อยจริงๆ

     

    “ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำดิไหนว่าจะไม่ต่อย”พอโดนย้อนเรียวสุเกะก็ได้แต่เข้นเขี้ยว หงุดหงิด

     

    “เออโว้ย นอนแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาต่อย”ตะโกนใส่หน้าคนสูงกว่าก่อนจะหันหน้าไปอีกข้างแล้วหลับตา

     

    “เอ้าเชิญเลยหมูน้อย”คำเรียกยิ้งทำให้คิ้วกระตุกเส้นเลือดปูดโปนด้วยความโมโห

     

    “เลิกเรียกแบบนั้นสักทีเถอะน่า!”คนตัวเล็กกว่าทำน้ำเสียงไม่พอใจ

     

    “อยากเรียกไง ฝันดีนะหมูน้อย”จบคำก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ

     

    “โว้ยยไอ้โย่งนิสัยไม่ดีฝันร้ายไปเลย เหอะ!”คนถูกขัดใจซ้ำๆหันไปตะคอกก่อนจะพยายามหลับลง

     

    แค่คืนแรกในบ้านนาคาจิม่าก็มีสองเสียงเถียงกันขนาดนี้วางมวยกันขนาดนี้แล้วน่ากลัวว่าวันต่อๆไปบ้านนาคาจิม่าคงได้แตกจริงๆซะล่ะมั้ง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×