The sweet love {one}
นี่...นี่ผมจะเป็นเกย์หรอ? ...ไม่จริง ไม่ใช่แน่ๆ ผมแค่ชอบเค้า ไม่ได้เป็นเกย์ซักหน่อย "ไอ้ริท!ทำไมฉันชอบแกมากขนาดนี้วะ!" , "ผมจะไปรู้กับพี่หรอ!!!" เมื่อหนุ่มร่างเล็กโดนผู้ชายตามจีบจะทำยังไงล่ะเนี่ย ?
ผู้เข้าชมรวม
1,835
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตึก....... ตึก......... ตึก.........
เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบกับพื้นดินอย่างช้าๆบอกถึงจังหวะการก้าวเดิน.........สายลมพัดผ่านหน้าผมไปอย่างช้าๆ........
ผมกลับมาที่นี่อีกแล้ว ...กี่ครั้งแล้วที่ผมมักเดินใจลอยมาที่นี่ ........ต้นไม้ต้นใหญ่ตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นไม้ ดอกไม้เล็กๆ ที่นี่เป็นที่ที่สวยมากๆ ความจริงมันค่อนข้างลับตาคนเพราะมันซ่อนอยู่หลังโรงงานกำจัดขยะ ใครจะคิดล่ะว่าที่สวยๆแบบนี้จะอยู่ใกล้ที่แบบนั้น ........ที่ผมได้รู้จักที่นี่ก็เพราะ...คนๆนั้น.....ใช่แล้ว.......ที่ตรงนี้....ในวันนั้น.....วันที่ผมไม่อาจให้อภัยตัวเอง.....................
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
.
.
.
.
“เฮ้ยยยยยยยยย เชี่ยสายขนาดนี้แล้วหรอวะ!”
เสียงแปดหลอดของผมดังขึ้นเมื่อพบว่านาฬิกาปลุกของผมลอยต่องแต่งอยู่ในแก้วน้ำ ก็ผมรำคาญนี่ครับ ปลุกอยู่ได้ -.- ........เมื่อตั้งสติได้ ผมไม่รอช้าที่จะไปวิ่งผ่านน้ำ...... ภายในเวลา3นาทีผมก็อาบน้ำเสร็จและรีบใส่เสื้อผ้าจนแทบจะลืมใส่กางเกงใน.......โธ่เว้ย ไม่หน้ากระแดะลงเรียนภาคเช้าเลย TT
ผมเดินลงมาจากหออย่างรวดเร็ว
“สายอีกแล้วนะไอ้โตโน่”
ลุงหัวหน้าหอทักผมระหว่างที่ผมควักหาเศษเหรียญเตรียมจ่ายค่ารถเมล์อย่างร้อนรน
“ไปโทษฟีฟ่าเถอะลุงที่จัดคู่ดังๆไว้ตีหนึ่งครึ่งอ่ะ.......ไปก่อนลุง”
ไม่ทันที่ลุงจะพูดอะไรต่อ ผมก็วิ่งออกไปซะแล้ว ...........มหาลัยค่อนข้างอยู่ไกลจากหอผมอยุ่เหมืนกัน ..........ผมวิ่งกรีฑาไปที่ป้ายรถเมล์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นเมื่อรถเมล์กำลังจะออกพอดี......... ผมนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมหอบแห้งๆ ผมไม่ลืมที่จะนั่งสัปหงกบนรถเมล์อย่างที่ทำประจำ .......
.
.
.
“ขะ ขอโทษนะครับ..”
มีเสียงหนึ่งดึงผมออกจากนิทรายามสั้นของผม ผมหันไปมองทันที ก็พบว่ามีเด็กมัธยมที่ไหนไม่รู้มานั่งข้างผมแล้วยังทำหน้าดำหน้าแดงใส่ผมอีก บ้ารึเปล่าวะ - -
“อะไร”
ผมทำไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“มียาแก้เมารถมั้ย...”
“จะไปมีได้ไง ........”
พรวดดด !
“อ้าวเฮ้ยยยยยย ชิปหายยยยยยยยย!!!”
ไอ้เด็กเวรนี่อ้วกใส่ผม!!!!!!!!!!!!!!!!!
.
.
.
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
“ผมขอโทษจริงๆ ขอโทษนะครับๆๆๆ ”
ตอนนี้ผมกำลังเช็ดอ้วกไอ้เด็กบ้านี่อยู่ พอมันอ้วกใส่ผมเสร็จก็เอาแต่ผงกหัวขอโทษ จนผมด่าไม่ลง ........ตอนนี้ผมอยู่ปั๊มน้ำมัน วันนี้ก็เลยเป็นอันว่าไปเรียนไม่ทัน รู้งี้กูนอนต่อดีกว่าเว้ยย - -
“พอเถอะน้อง ...รำคาญ”
สิ้นเสียงผมก็เหลือแต่ใบหน้าเศ้ราๆของไอ้เด็กนี่..........เซ็นซิทีฟจริงๆ ให้ตาย
“ต้องกลับหอเอาเสื้อไปซักแล้วล่ะ เช็ดยังไงก็ไม่ออกหรอก เหม็นชิป”
ผมสบถกับตัวเองดังๆ ทำให้คนตัวเล็กข้างๆยิ่งทำหน้าจ๋อยลงไปอีก
“ไปซักบ้านผมก็ได้นะ ถ้าพี่ขึ้นไปรถเมล์ด้วยกลิ่นแบบนี้...”
“แล้วจะให้ทำไง ให้เดิน?”
ผมท้าวสะเอวเอียงคอถามคนตัวเล็กอย่างกวนๆ
“เดี๋ยวผมให้คนมารับก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วแกจะขึ้นรถเมล์มาทำไม - -”
“ผมแค่อยากลองขึ้นดู”
“ห๊ะ?”
ไอ้นี่ท่าจะประสาท มีรถมารับมาส่งดีๆไม่ชอบ เอาเถอะ คงจะเป็นครั้งแรกครั้งเดียวที่ได้เจอกัน - -
“เอาเถอะ แล้วแต่นาย ขอให้ได้ซักเสื้อก็พอ”
มันไม่ตอบอะไรแต่ก้มกดมือถือรุ่นที่ท่าจะแพงเท่ากับค่าขนมผมทั้งเดือน
“แกชื่ออะไร”
ผมเผลอถามชื่อออกไป ก็เรียกๆ มันๆๆ..... มันดูพิลึกนี่หว่า
“ชื่อ ริทครับ พี่ล่ะ”
“โตโน่” ผมตอบเรียบๆเช่นเคย
:: แม่ครับให้คนมารับผมอยู่ปั๊มXXXถนนXXXหน่อยสิ ::
..
:: ใครบอกว่าผมไม่ไหวล่ะ มีปัญหานิดหน่อยต่างหาก - - ::
..
:: ครับๆ ::
แล้วไอ้ริทก็กดวางโทรศัพท์ไป ผมพึ่งจะได้มองหน้ามันชัดๆ จะว่าไปไอ้หมอนี่หน้าหวานดีแฮะ
“ท่าทางจะคุณหนูนะแก เรียนอยู่ม.ไหนล่ะ”
ผมนั่งลงบนฟุตบาตรหน้าห้องน้ำปั๊ม ดีที่วันนี้ฟ้าครึ้มๆ ไม่ร้อนเท่าใหร่
“ม.XXXXXX ครับ”
เฮ้ยยย นั่นมันชื่อมหาลัยกูนี่หว่า - -
“ใช่เพื่อนเล่นแกมั้ยเนี่ย ฉันถามว่าแกเรียนอยู่ชั้นไหน”
“ผมเรียนมหาลัยแล้วนะครับ ปี1 - - ”
“ ห๊า! ”
ผมมองไอ้ริทตั้งแต่หัวจรดเท้า จะว่าไปมันแต่งชุดนักศึกษานี่หว่า
“หน้าอย่างกะเด็กม.ต้น ....ฉันเรียนมหาลัยเดียวกับแกเลย แต่ปี4แล้ว ”
“บังเอิญจังนะครับ”
ไอ้ริทพูดมาทางผมพร้อมฉีกยิ้มอย่างสดใส.....เหอะ.. ตุ๊ดเปล่าวะ
“อ่า....นั่นรถบ้านผมมาแล้ว”
ไอ้ริทชี้ไปทางรถบีเอ็มสีดำเงาวาววับที่แล่นตรงเข้ามา.....น่ะ.... นั่นรถบ้านมันหรอ ผมมองไปทางไอ้ริทด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ .......ไม่อยากเชื่อว่าชาตินี่ผมจะได้นั่งบีเอ็ม
“มองไร พี่โตโน่ ขึ้นรถสิ”
ว่าแล้วไอ้ริทก็เปิดประตูรถบีเอ็มขึ้นนั่งอย่างเคยชิน ส่วนผมต้องระงับอาการไว้ขึ้นตามไอ้ริทไป ผมขักอยากจะเห็นบ้านมันแล้วสิ - -
“พี่โตโน่เรียนคณะอะไรหรอ”
ริททำลายความเงียบ...เค้าหันหน้ามาถามผมอย่างสนใจ
“ฉันได้ทุนเรียนเชฟน่ะ แกล่ะ”
“โห..พี่คงทำอาหารเก่งน่าดู ผมเรียนหมอน่ะครับ”
“อืม ฉันก็มีดีอย่างเดียวนี่แหละ - -”
รถเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็วเพราะผ่านชม.เร่งด่วนไปแล้ว.....ผมมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย ไม่นานนักรถสีทมิฬคันหรูก็ชะลอความเร็วลง...บอกให้รู้ว่าถึงจุดหมายแล้ว ผมให้ความสนใจไปข้างหน้าทันที..แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ บ้านไอ้ริทใหญ่โตโคตรมโหฬารจริงๆ เหมือนในละครหลังข่าวอย่างไงอย่างงั้น .......เข้าใจความรู้สึกของพจมารแล้ว - -++
ผมอ้าปากค้างแบบไม่รู้จะพูดอะไร ใครจะคิดว่าผมจะได้มาเหยียบบ้านใหญ่ขนาดนี้.........ประตูเลื่อนออกแบบอัตโนมัติ แล้วรถก็เคลื่อนตัวอีกครั้ง เนื่องจากตัวบ้านห่างจากประตูมากอยู่พอควร
“ไอ้ริท พ่อแม่แกทำงานไรวะเนี่ย”
“นำเข้า ขาย เพชร พลอย อัญมณี พวกเครื่องประดับน่ะครับ ^^”
=[]= !
“แล้วพี่ล่ะ”
“ขายข้าวแกง”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ ...กูจนแต่แบบมีศักดิ์ศรีเว้ย....เหอะ........ น่าสงสารคนรวย ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น = =;
“น่าสนุกดีนะครับ *0* ”
ขายข้าวแกงมันสนุกตรงไหนฟะ - -+ ..........ในที่สุดรถก็จอดสนิท ไอ้ริทลงไปก่อน แล้วผมจึงลงตามอย่างระมัดระวัง เราต้องไม่ทำให้รถเป็นรอย = =
“อ้าวริท พาเพื่อนมาด้วยหรอ~”
เสียงนุ่มๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมมองหน้าก็ต้องตะลึง.....แม่ไอ้ริทแม่งโคตรสาว โคตรสวย พูดแล้วก็คิดถึงแม่โอ่งที่บ้าน = =;
“สวัสดีครับ”
ผมยกมือสวัสดีตามมารยาทชาวไทย.....แล้วแม่ไอ้ริทยกมือไหว้ตอบผมเช่นกัน....
“ขอโทษนะ..ที่ริทไปอ้วกใส่แบบนั้น เดี๋ยวป้าให้คนเอาไปซักให้ .. ตามริทไปหลังบ้านเลยจ่ะ ^^”
“ครับๆ ^^; ”
แล้วผมก็ทำตามที่บอกโดยดี ....จะว่าไปไอ้ริทมันสวยไอ้แม่แน่....เฮ้ย! จะบ้ารึไง มันผู้ชายนะเว้ยไอ้โน่ - -+ ....ผมสลัดหัวเบาๆไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองออกไป....ผมเดินตามหลังไอ้ริทไปเรื่อย หลังบ้านกับหน้าบ้านมันห่างกันเป็นกิโลเลยรึไงวะ ไม่ถึงซักที
“พี่โตโน่.......”
ปึ้ก!
ไอ้ริทหันหน้ามากะทันหัน ทำให้ผมเบรกไม่ทันไอ้ริทเลยชนหน้าอกผมอย่างจัง แหม่....ผมนึกว่านกบินชน - -
“โอยย....... ”
ไอ้ริทเซไปด้านหลังพร้อมกุมจมูกตัวเอง ...คนรวยนี่ไม่มีเงินซื้อนมกินรึไงนะ พอมันเข้ามาใกล้ๆถึงได้รู้ว่ามันเตี้ยกว่าผมมหาศาล
“แค่นี้อย่าทำเซน่า....นายจะพูดอะไรนะ”
“ผมจะบอกว่าถึงแล้ว ถอดเสื้อเอาไปซักเลยครับTT”
ไอ้ริทยังคงกุมจมูกไปด้วย พูดไปด้วย .....จะว่าไปก็ดูตลกดี 55555
ผมก็ถอดเสื้อตามที่มันบอกโดยดี
“เดี๋ยวๆจะถอดตรงนี้เลยหรอ”
ไอ้ริทเลื่อนมือที่กุมจมูกไปปิดตาแทน .... อย่าให้กูคิดว่ามึงเป็นเกย์เลยนะขอร้อง - -
“ไม่ถอดตรงนี้จะให้ไปถอดตรงไหนวะ - -”
ผมไม่รอคำตอบจากคนตรงหน้า แต่กลับถอดต่ออย่างรวดเร็ว ผมถอดเสื้อนักศึกษาสีขาวออก เผยให้เห็นแผ่นอกซิกแพค ผลพวงจากการขนน้ำแข็งช่วยแม่ - -
“อะไรของแกเนี่ย”
ริทหันหน้าเข้ากำแพง ตกลงมันรังเกียจหรือมันอาย ชักไม่แน่ใจ -*-
“เปล่าครับ เดี๋ยวผมไปเอาเสื้อมาให้นะ”
ริทปิดตาจะเดินผ่านผมไป แต่ผมนึกสนุกเลยคว้าตัวมันไว้ก่อนที่จะเดินผ่านตัวผมไป.......ผมจับริทมากอดไว้แนบกับอกแน่น
“ทำอะไรอ้ะพี่!”
ไอ้ริทมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่หน้าจะเริ่มสีชมพูระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน - -
“เปล่า...แค่แกล้งเล่นไม่ได้รึไง”
แล้วผมก็ปล่อยไอ้ริทไป.........พอไอ้ริทพ้นสายตา .
.
.
.
.
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก เมื่อกี๊กูทำอะไรไปแว๊!!! กอดผู้ชายด้วยกัน กูกอดทำไมเนี่ย ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมกุมหัวพร้อมตะโกนแบบออมเสียงให้กับตัวเอง .... ใช่....ผมคงแค่คิดจะแกล้งเท่านั้นแหละ แค่แกล้ง แค่แกล้ง แค่แกล้ง ................แค่แกล้ง !!!
“พี่โตโน่”
“เฮ้ยย !!”
ผมสะดุ้งโหยง เมื่อมีคนมาขัดภวังค์ความคิดผมกะทันหัน
“ผมพูดเบาๆเองนะ - -”
ไอ้ริทนั่นเอง มันยื่นเสื้อมาให้ผมโดยไม่ลืมที่จะปิดตาไว้ ทำอย่างกะไม่เคยเห็น ของตัวเองก็มี -*-
“เออ ขอบใจ”
ผมรับเสื้อยืดสีฟ้าขุ่นๆจากมือริทมาใส่อย่างรวดเร็ว .......... ผมว่าตอนนี้กลับไปเรียนก็ยังคงทันอยู่ วันนี้เรียนภาคทฤษฏี ทำให้ผมขี้เกียจขึ้นมาโดยปริยาย .......ผมเดินออกมาจากห้องซักผ้า ของไอ้ริท และพูดทิ้งทวนไว้
“งั้นเดี๋ยวฉันกลับก่อนละกัน”
“ค่ะ...ครับ”
ผมเดินออกมาจากบ้านไอ้ริทด้วยความลำบาก เนื่องอยากหยิบทุกอย่างติดมือกลับบ้าน แต่ยังพอมีความดีเหลืออยู่บ้างก็เลยไม่ได้ทำตามใจคิด - - ........แม่ไอ้ริทรบเร้าจะไปส่งผม... แต่ผมเกรงใจอย่างแรง กลับรถเมล์สบายตูดกว่า เลยปฏิเสธไป..........แต่กว่าผมจะเดินไปถึงประตูบ้าน เล่นเอาหอบเหมือนกัน - -
ซ่า..........................
อ่ะ น้ำอะไรโปรยลงมา อย่าบอกนะว่า - -
“ฝะ ฝนตก.......”
เชี่ยยยยยยยย เปียกหมดครับ แล้วเนี่ยผมต้องย้อนไปบ้านไอ้ริท(ซึ่งตอนนี้อยู่ประตู)ตอนนั้นผมคงอาจจะปอดบวมตายได้......
ตึกตึกตึกตึก
ผมตัดสินใจวิ่งกลับไปเพราะบ้านมันก็ห่างจากบ้านรถเมล์ไกลอยู่ อีกอย่างฝนก็ตกหนักมากๆซะด้วย ถึงว่าวันนี้ฟ้าครึ้มๆตั้งแต่เช้า.......
“พี่โตโน่ๆๆๆๆ”
เสียงไอ้ริทนี่หว่า ผมเห็นมันวิ่งมาพร้อมกับร่มฝนตกหนักมากจนผมเห็นมันแค่ลางๆ
“ผมเอาร่มมาให้ๆ”
มันตะโกนบอกผมแข่งกับเสียงฝนที่เทลงมา
“ขอบใจ”
ผมรับร่มกับมือมัน ..........
“แล้วทำไมแกเอามาแค่อันเดียววะ - -”
“ผมลืมคิด-*-”
เหตุฉะนี้ทำให้ผมกับมันต้องยัดกันอยู่ในร่มคันเดียว ....ความเตี้ยของมันก็เป็นอุปสรรคเช่นกัน ผมได้ค่อมตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน แถมร่มก็คันนิดเดียว ตอนนี้แก้มเราห่างกันเซน1เป็นอย่างมากครับ - - .........โอเค....ผมจะไม่ทำคิดอะไรที่มันผิดผีนะ ไม่คิดๆ......ทำไมก็รู้สึกเหมือนกับรู้สึกกับผู้หญิงวะ เชี่ยย......กูบ้าแน่ๆ กูบ้า.... เมื่อใหร่จะถึงประตูบ้าน มึงจะสร้างให้มันห่างกับทำห่าไรวะเนี่ย TT:
หลังจากที่ผมคร่ำครวญในใจในที่สุดผมก็ถึงประตูบ้าน ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพลูกหมาตกน้ำ ทำไมวันนี้ซวยอย่างงี้วะ TT
“ตายๆๆ เปียกหมดเลย เดี๋ยวก็เป็นไข้กันพอดี ริทพาพี่เค้าไปอาบน้ำห้องลูกนะ . ให้ป้าไปส่งมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับๆ เดี๋ยวถ้าฝนหยุดตกผมจะกลับเองครับ”
ผมพยักหน้าให้ริท เป็นเชิงว่าให้นำทางไปได้แล้ว ไอ้ริทเดินไปอย่างไม่รีรอ ผมเดินตามมันอีกครั้ง คราวนี้ผมได้ขึ้นบันไดวนสีทองอร่าม นี่คงไม่ใช่ทองแท้หรอกนะ...พ่อจะตัดไปขาย หึหึ
พอขึ้นมาชั้นสอง ผมก็ส่งสายตาสำรวจไปยังจุดต่างๆ ตามสัญชาติญาณ
“พี่เข้าไปอาบเลยนะ เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าให้”
“ห๊ะ เอ่อๆ”
ไอ้ริทเปิดห้องไว้แล้วรีบเดินไปเลย....รีบไปไหนของมันวะ....สงสัยกลัวเราแก้ผ้าใส่ 5555 ว่าแต่...กูเป็นคนแปลกหน้านะเนี่ย -*- ไม่กลัวโดนขโมยของรึไง ดีนะที่ผมเป็นคนดี .......ผมเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตะลึงอีกครั้ง เมื่อห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ต่างกับห้องผมที่ไม่ว่าอะไรก็อยู่ร่วมกับผมได้ (อาทิ หนู มด แมลงสาป เป็นต้น)
ไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ เพราะผมก็พึ่งจะอาบไป(3นาที- -) แถมยังไปตากฝนมาอีกหนาวจะตายชัก ........ ผมออกมาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยด้วยความเร็วเหนือแสงพรางมองออกไปนอกหน้าต่างก็ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกเลย ผมเหลือบไปดูนาฬิกา ก็ปาไปเที่ยงกว่าแล้ว ชักหิวแล้วเหมือนกัน .....
ผมเดินลงไปข้างล่าง ด้วยความลำบากใจเช่นเคย ความจริงผมอยากยกทีวีไอ้ริทกลับบ้านเสียจริงๆ จอใหญ่แบบนี้คงดูบอลมันส์น่าดู - - ............
ในที่สุดวันทั้งวัน ฝนก็ไม่ยอมหยุดตก แถมพายุท่าจะเข้าอีกต่างหาก .....ผมเลย ทั้ง กิน นอน ตีลังกา อยู่บานเค้าเป็นชั่วโมงๆ ครอบครัวนี้แปลกชะมัด แม่ลูกคุยกันสุภาพจนน่าขนลุก ทีบ้านผม คุยกันจนจานร้าว - -
“พี่โตโน่ สงสัยจะได้นอนนี่แล้วล่ะ”
ตอนนี้ผมนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา อย่างไม่เกรงใจใคร เพราะมีแต่ไอ้ริทอยู่ด้วย -.- ......ผมเหลือบดูนาฬิกาก็ปาไป3ทุ่มแล้ว......เฮ้ยเดี๋ยว 3ทุ่มแล้ว ...........3ทุ่ม !!!!!!!
“ไอ้ริท ฉันนอนบ้านแกก็ได้ แต่พาฉันไปดูทีวีเดี๋ยวนี้ ขอห้องแกนะ” ผมพูดเร็วจนฟังไม่ได้ศัพท์
“ทำไมต้องห้องผมล่ะ ทีวีตรงนี้ก็มี - -?”
“อย่าถามมากน่ะ เร็ว ป่ะ”
ผมทนความอืดอาดของมันไม่ไหว จึงดึงมือไอ้ริทไปซะเลย .........ก็เรื่องสำคัญขนาดนี้จะช้าได้ไง 3ทุ่มน่ะ...................... ฝรั่งเศส เตะกับ แอฟริกาใต้ นี่หว่า !!!!! ........ แมตนี้ต้องมันส์ เจ้าบ้านต้องฮึดแน่ คิดแล้วก็อยากเชียร์
“โอ้ยยย วิ่งช้าหน่อยเซ่ะ ผมขาสั้นกว่าพี่เยอะนะ - - ”
“ใครบอกให้แกเกิดมาเตี้ยล่ะ - -”
ถึงแล้วเว้ยย รอช้าใย รีบตรงเข้าไปเปิดทีวี ช่องไหนฟะ ผมไล่ช่องไปเรื่อยๆ จนเห็นสนามบอลสีเขียวสดใสขึ้นหน้าจอlcd จอใหญ่ แล้วผมก็ล้มตัวลงนั่งบนเตียงอย่างไม่สนใจใคร จนลืมไปว่าเจ้าของเตียงนั่งอยู่ข้าง
“ที่แท้ก็ดูบอลเนี่ยนะ - - ดูด้านล่างก็ได้นี่นา”
“ไม่เอา มันไม่มันส์ ฉันไม่อยากมานั่งเกรงใจแม่แกหรอกนะ
แล้วแกไม่ดูหรอ ?”
ผมถามด้วยความสงสัย มีผู้ชายทั้งแท่งที่ไหนบ้างไม่ดูบอล - -
“ไม่อ่ะ ผมดูไม่เป็น”
“ห๊า??.........กะ แกแมนแน่นะ?”
“แมนเซ่! ผมแค่ไม่ดูบอล มาหาว่าผมไม่แมนหรอไง - - !”
“เออๆ ไม่เถียงแล้วเว้ย เฮ้ยยๆๆ นั่นมาแล้ววว แม่งโคตรเซียน นาทีแรกก็จะทำประตูซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
.
.
.
.
.
- - ผมนั่งฟังพี่โตโน่พรรณนาสิ่งสรรพสัตว์ออกมาไม่หยุด ผมได้คำหยาบกลับมามากมาย โคตรซึ้งเลยพี่... ผมนั่งดูหน้าพี่โตโน่ชัดๆ ต้องยอมรับเลยว่าพี่เค้าเป็นคนที่หล่อเอามากๆ จมูกโด่งคม ผิวขาวใสสะอาดตา ........อ่า.....อ้าว.............เฮ้ยริท!!! .....เราจะไปชมเค้าทำไมเนี่ยยยย! ผู้ชายด้วยกันนะเว้ย !
.. 2 ชม. ผ่านไป
“ฮ้าววว”
ผมหาวรอบที่ล้าน ไอ้อยากนอนก็อยากนอนอยู่หรอก แต่ทำไมไอ้พี่โตโน่ต้องตะโกนด้วยเล่า แล้วไอ้บอลบ้านี่ทำไมมันเตะนานจังวะ.....แค่จับมันวิ่งไปยัดใส่ประตูก็พอแล้วไม่ใช่หรอ TT
“เฮ้อ.. มันส์ชิบ แต่ง่วงชะมัด ยังมีคู่ตีหนึ่งครึ่งอีกนะเนี่ย อาร์เจนติน่าซะด้วย”
“ห๊า !!!”
นี่ยังจะดูอีกหรอเนี่ยย!
“ไม่ต้องทำหน้างั้น ฉันไม่ดูก็ได้ นี่เห็นแก่แกนะเนี่ย ดูย้อนเอาก็ได้วะ ฉันก็ง่วงเต็มทีเหมือนกัน”
พี่โตโน่กดปิดทีวี แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง เตียงยวบลงจนผมเสียการทรงตัว คนอะไรตัวใหญ่ชะมัด ~ ผมมองด้วยสายตาค้อนๆ จะว่าไปก็หมั่นไส้เหมือนกัน เจอกันวันเดียวแท้ๆ เหมือนรู้จักกันมานานงั้นล่ะ - -
“พี่โตโน่ๆๆ”
ผมเขย่าตัวพี่โตโน่เพื่อทดสอบดูว่าเค้าหลับไปแล้วจริงรึเปล่า
“หลับซะละ เหมือนเด็กเลยแฮะ - -”
งั้นเรานอนบ้างดีกว่า..........
.
.
.
.
.
อืออออ..........นอนไม่หลับเลย TT; เป็นเพราะมีคนแปลกหน้ามานอนข้างๆแน่ๆ ผมทำท่าจะลุก แต่พี่โตโน่ดันลุกขึ้นมาซะก่อนผมจึงแกล้งหลับต่อไป
“นอนไม่หลับเลยเว้ย สงสัยไม่คุ้นที่แน่ๆ”
งั้นตอนแรกก็แกล้งหลับน่ะสิ - -
“พรุ่งนี้เรียนภาคบ่ายสินะ”
พูดคนเดียวก็เป็นแฮะ
“เยดเข้ - -”
- -+
“ทำไมมันน่ารักงี้วะ”
0.0
“กูว่ากูไม่คิดแล้วนะ”
0-0
“.......................”
ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก ......... พูดอย่างงี้แล้วเงียบ มันรู้สึกแปลกๆ ........ผมตัดสินใจลืมตาขึ้น........แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็คือดวงตาพี่โตโน่ๆ ใกล้ๆ ชัดๆ ระบบHD ใกล้ไปแล้วมึงง !
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย ตุ๊บบ! โอ้ยยยยย~
เสียงด้านบนคือ เสียงผมเอง ผมตกใจมากไป เลยเผลอถอยจนตกเตียงซะงั้น ก้นผมหักมั้ยเนี่ย TT;
“ไอ้ริท !”
พี่โตโน่รีบเข้ามาพยุงผมทันที ....
“โดดลงไปทำไมน่ะ”
“พี่นั่นแหละทำอะไร”
ใครจะบ้าโดดลงไปเล่นๆ - -
“ปละ.....เปล่า....”
พิรุธติดอยู่เต็มไปหมด .....ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อกี๊ใกล้มากจริงๆ เหมือน พี่เค้าจะ...จูบผมเลย
-/////-
.
.
.
บรรยากาศในห้องเงียบมาก จนได้ยินเสียงลมหายใจ..........ไม่มีใครบอมปริปากพูดอะไรออกไป จนกระทั่ง
“ริท...แก้ผ้าให้ดูหน่อยสิ”
“=[]=!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
พี่โตโน่จะปล้ำผมหรอ!!!!
“แกเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาใช่มั้ย!”
ดะ.... ดูหนังมากไปแล้ว แล้วทำไมต้องแก้ผ้าด้วย .....แต่ตอนนี้พี่โตโน่ไม่พูดเปล่า แต่กับพุ่งเข้ามาคร่อมตัวผม แล้วพยายามจะปลดกระดุมผมออก =[]=
“ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะพี่ TT”
“แล้วทำไมแกต้องอายเวลาฉันถอดเสื้อ”
“ก็ผมอายอ่ะ....... แต่ผมก็เป็นผู้ชายอยู่ดี ปล่อยนะๆๆ”
ผมจับมือพี่โตโน่ไว้ไม่ให้ปลดเสื้อผมออกได้
“แล้วทำไมฉันถึงอยากกอดแก ทำไมฉันถึงอยากจูบแก ... แกต้องเป็นผู้หญิงแน่ สารภาพมาซะ!!”
“จะไปรู้กับพี่หรอ แต่ผมเป็นผู้ชายยยยย!”
ผมยังคงดึงดันมือไว้ ตอนนี้ผมเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว ผิดกับพี่โตโน่ ที่ดูไม่เหนื่อยเลย
“พิสูจน์สิเว้ยย”
หมับ !
.
= = ในที่สุดพี่โตโน่พลาดมาจับหน่มน้มผมจนได้ ผมที่ยังอึ้งอยู่ก็ตัวแข็งทื่อ พี่โตโน่ก็ลูบแบบไม่เกรงใจเลย - -
“ไรวะ โคตรแบนเลย”
“ก็บอกแล้ว ว่าผมเป็นผู้ชาย TT;”
“ผู้หญิงหน้าอกแบนมีเยอะไป เหลือด้านล่าง...”
ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาไปอีก
“พอ! หยุดคิดเลยพี่ ”
พี่โตโน่เห็นผมน้ำตาซึมด้วยความกลัวระคนตกใจ ทำให้เบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที
“เออๆๆ เชื่อแล้วเว้ย”
พี่โตโน่ ปลดพันธนาการผม แล้วกลับไปนอนที่เดิมเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น .......ผมก็จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย
“แล้วทำไมฉันถึงอยากกอดแก ทำไมฉันถึงอยากจูบแก ... แกต้องเป็นผู้หญิงแน่ สารภาพมาซะ!!”
คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมไม่ออกไปเลย หมายความว่าพี่โตโน่ชอบเราหรอ ? ทั้งๆที่เราเป็นผู้ชายเนี่ยนะ ? .โอ้ยย แล้วทำไมรู้สึกดีวะ TT
เสียงฝนเทลงมาอยากหนัก พร้อมเสียงพายุพัดอึกทึก มันทำให้ผมนอนไม่หลับยิ่งเข้าไปอีก ผมนอนมองหลังพี่โตโน่ ทำไมใจเต้นรัวขนาดนี้
“ริท”
ผมสะดุ้ง เมื่อเสียงพี่โตโน่ดังขึ้น
“ค่ะครับ”
“หนาวว่ะ”
“ห่มผ้ากับผมก็ได้”
จะว่าไปพี่โตโน่นอนตัวเปล่าเลยนี่ ผมไม่รอคำตอบแต่ลุกขึ้นเอาผ้าห่มมาห่มให้อย่างรวดเร็ว
ตุบบ!
“เฮ้ยยยย !”
พี่โตโน่ดึงผมลงไป ทำให้ผมไปอยู่บนอกพี่เค้าอย่างช่วยไม่ได้
“ขอกอดได้มั้ย ฉันเป็นโรคขาดหมอนข้างแล้วนอนไม่หลับ^^”
พี่โตโน่ส่งยิ้มกวนๆมาให้ แต่มันก็ละลายใจใครได้หลายคน รวมทั้งผมด้วย ......ผมไม่ตอบแต่ส่ายหัวไว้ก่อน .........ก็.......ผมอาย T/////T
“ส่ายหน้า ? แถวบ้านฉันแปลว่าได้ ขอบคุณนะ ฮ่าๆๆ”
ห๊า ! พี่อยู่บ้านแถวไหนวะ! พี่โตโน่คว้าผมไปกอดไว้แล้วหลับตาพริ้มแบบไม่สนใจคำเรียกร้องของผมเลย ผมดิ้นบ้างไม่ดิ้นบ้าง(เพราะผมง่วงนอนหรอก) สุดท้ายผมก็นิ่งเป็นตุ๊กตาให้กอด - -+ เพราะไออุ่นจากตัวพี่โตโน่ ทำให้ผมนอนหลับได้ไม่ยาก ....อ่า.........อุ่นชะมัด แล้วผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างลืมอาย.. - -
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตึก ตึก
เสียงเคาะหนังสือกับโต๊ะ ที่เคาะจนโต๊ะจะเปนรูอยู่แล้ว ......เฮ้อ...พอตื่นเช้ามา พี่โตโน่ก็ยังกอดผมไว้อยู่ แถมปลุกเท่าใหร่ก็ไม่ยอมตื่น มือก็ไม่ยอมปล่อย ตอนนั้นผมเผลอยิ้มออกมาเล็กๆ ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก....ผมชอบเค้าหรอ ? มันน่ากลัวมากถ้าผมชอบเค้า ผมไม่อยากชอบผู้ชายด้วยกัน มันอาจเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบก็ได้ !
“ไอ้ริท แกจะเคาะหนังสือไปถึงเหมือนใหร่วะ”
เสียงไอ้เซนดังขึ้น ทำให้ผมสะดุ้งขึ้นก่อนที่จะไล่ความคิดบ้าๆออกจากสมองตัวเอง
“เออไม่มีอะไรหรอก เหม่อๆนิดหน่อย...ว่าแต่แกมีอะไรอ่ะ”
ผมวางหนังสือลงบนโต๊ะห้องสมุดมหาลัย แล้วหันไปถามไอ้เชนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่
“มีคนมาหาแกอ่ะ อยู่หน้าหอนู่น”
“ใครวะ”
ผมขมวดคิ้วถาม
“ไม่รู้ดิ่ แกลองไปหาเองละกัน ฉันไปก่อนล่ะ”
ไมทันที่ผมจะถามอะไรต่อ ไอ้เชนก็เผ่นไปซะแล้ว - -
ผมเดินเอาหนังสือไปเก็บ และเดินไปหน้าหอตามที่ไอ้เซนบอก ......ใครกันนะ จะเป็นลุงสมรึเปล่า(คนขับรถ) แต่วันนี้เราบอกว่าจะกลับเองนี่หว่า -*- แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ........ เมื่อถึงจุดหมาย ผมก็กระจ่างทันที
“พี่โตโน่! OoO”
พี่โตโน่โผล่มาพร้อมรอยยิ้มกวนๆ แถมยังยักคิ้วให้ผมอีกแหน่ะ - -
“มาทำอะไรหรอครับ ?”
ผมถามพร้อมมองถนน ฟ้า ม้า นกไปเรื่อยก็เรื่องเมื่อคืนมันยังติดตาคาใจอยู่ ........ผมอุส่าตัดสินใจแล้วว่า เมื่อวานจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกัน เพราะผมไม่อยากเป็นเกย์ TT;
“อย่าพูดเหมือนห่างเหินงั้นดิ่ เดี๋ยวฉันพานายกลับบ้านเอง วันนี้นายกลับเองไม่ใช่หรอ ^^”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”
ผมเดินเลยพี่โตโน่ไปโดยไม่สบตา แล้วพี่โตโน่ก็คว้าแขนผมไว้ ผมมองกลับด้วยสายตางงๆ
“กลับกับพี่เถอะ พี่มีไรจะพูดด้วย”
สายตาเจ้าเล่เมื่อกี๊ ถูกกลบด้วยแววตาจริงจัง ทำให้ผมพยักหน้ารับโดยอัติโนมัติ.......เมื่อเห็นอย่างนั้นพี่โตโน่ก็ปล่อยมือผมแล้วเดินนำไปโดยผมเดินตามอยู่
“พี่มีอะไรหรอ”
เมื่อตีคู่ได้ทัน ผมก็เงยหน้าถามทันทีด้วยความสงสัย ก็ตั้งแต่เจอกันพึ่งเคยเห็นพี่โตโน่ทำหน้าจริงจังแบบนี้เป็นครั้งแรก ...มันทำให้พี่โตโน่หน้ากลัวนิดๆ
“ฉันสงสัยตัวเองมาก หลังจากเรื่องเมื่อคืนผ่านไป”
“อือ...”
ผมก้มหน้าลงต่ำ....พี่โตโน่คงจะคิดมากเหมือนกัน วันนี้พี่เค้าอาจจะมาบอกว่าให้เจอกันครั้งสุดท้ายก็ได้
“ฉันว่าฉันชอบนาย”
“อืออ...”
แต่ว่าเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่เลย คงคบกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นแยกกันตรงนี้เถอะ
สินะ
“มันก็หมายความว่าฉันเป็นเกย์..”
“อือ....”
พี่อาจจะหวั่นไหวเพราะผมคนเดียว ถ้าเกิดเจอผู้หญิงดีๆเข้ามาพี่ต้องลืมเรื่องนี้ได้แน่ !
“เรื่องเป็นเกย์น่ะฉันรับไม่หรอก......แต่ว่า!!!”
พรึ่บ !!!
“หา”
อยู่ๆพี่โตโน่ก็หยุดเดิน แล้วคว้าหนังสืออะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพาย แถมยังฉีกยิ้มเหมือนดีใจอะไรอยู่งั้นล่ะ......ผมเพ่งดูหนังสือที่พี่เค้ายื่นมาให้ผมอ่าน
‘คุณเป็นเกย์รึเปล่า’
“ห๊า !?”
ผมขมวดคิ้วเป็นปม ตกลงพี่เค้าจะสื่ออะไรกันแน่เนี่ย
“พอฉันกลับจากบ้านนาย ฉันก็รู้สึกสับสนมาก ก็เลยตัดสินใจไปซื้อหนังสือเล่มนี้มา”
พี่โตโน่ พูดพรางเดินไปนั่งที่ไม้หินอ่อน และพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“พออ่านดูแล้วอ่ะ ไม่เห็นตรงกับฉันสักอย่างเลย ฉันไม่ได้สำอาง ไม่ได้เจาะหู ไม่ได้ชอบดูผู้ชายใส่กางเกงในด้วย”
“แล้วไงล่ะ??”
แต่พี่ชอบผม...พี่ก็ต้องเป็นเกย์อยูดี - -
“ก็แสดงว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์ไงเล่าไอ้ริท! แค่ฉันชอบแกเฉยๆ แต่ฉันไม่ได้เป็นเกย์ ถึงจะคบกับแกไปแต่ฉันก็ไม่ได้เป็นเกย์อยู่ดี ก็ในหนังสือไม่ได้บอกนี่นา”
=[]=!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เหลือเชื่อ โง่ได้เหลือเชื่อมาก TT
“พี่เป็นเกย์สิ!!! ผมเป็นผู้ชายแล้วมาชอบผมที่เป็นผู้ชายนะ! ....ทางออกถ้าพี่ไม่อยากเป็นเกย์นะ .....ผมว่าเราอย่าเจอกันอีกเลย”
.
.
.
สิ้นสุดเสียงผม.......... พี่โตโน่ก็ก้มหน้านิ่ง ไม่มีคำตอบใดๆหลุดจากปาก......
“โอ้ยย ไปดีกว่า ป่ะไอ้ริท”
ไม่นานนักพี่โตโน่ก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปไปเฉยเลย ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่คนเดียว
“เอ้า ยืนบื้อไรอยู่ มาเซ่ะ”
“ค่ะ..ครับ”
โอ้ยยย อะไรเนี่ยย - - แล้ว.........................ทำไมเราเชื่อง เดินตามพี่เค้าง่ายงี้วะ !!!
เดินมาไม่นานก็ถึงป้ายรถเมล์ เป็นครั้งที่สองที่ผมขึ้นรถเมล์ไปเรียน ยังไงผมก็ไม่อยากให้ใครล้อว่าผมลูกคุณหนูอีก ...ผมอยากจะใช้ชีวติแบบธรรมดาๆบ้าง วันนี้ผมเตรียมยาแก้เมารถมาเรียบร้อย !! วะฮ่าฮ่า
รถเมล์เคลื่อนไปเมื่อถึงเวลา พี่โตโน่หันมามองหน้าผม แบบประชั้นชิด
“ไม่เมารถแล้วแน่นะ?”
พี่โตโน่พูดพร้อมทำหน้าระแวง
“ไม่แล้วน่า ”
ผมตอบไปด้วยความไม่แน่ใจ พี่โตโน่ยิ้มให้ผมทีนึงก่อนที่จะมองไปที่หน้าต่าง .....ผมมองตามบ้าง แม้จะเป็นถนนสายเดิม ที่เดิมๆ ........แต่ทำไมผมรู้สึกมันเหมือนเดิม เพราะผมนั่งรถเมล์ หรือเพราะมีใครอยู่ด้วยกันแน่ ....
“ริท”
จู่ๆพี่โตโน่ก็พูดขึ้น ผมไม่ตอบอะไรแต่ส่งสายตาสงสัยไปแทน
“ไปหอฉันมั้ย?”
“ไม่เด็ดขาด !”
ผมตะโกนแบบออมเสียงกลับทันควัน...... ถ้าผมไปได้เสียตัวแน่ - -!
“ฉันไม่ทำอะไรแกหรอกน่า”
“ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้ -0-!”
“ฉันแค่อยากให้นายชิมขนมปังที่ฉันทำ? แค่นี้ไม่ได้รึไง”
พี่โตโน่เริ่มทำให้ผมอ่อนใจ ด้วยใบหน้าและน้ำเสียงอ้อนๆเล็กน้อย ไม่! ผมจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด !!!
“ก็ได้...แต่ไม่เอาหอพี่นะ - -”
แบบนี้ก็คงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ผมไม่ได้ใจง่ายนะ -.-
“งั้น...บ้านนายเป็นไง?”
“อ่า.....งั้นก็ได้ครับ”
“ขอบคุณ ^^”
พี่โตโน่ฉีกยิ้มดีใจ ทำให้ผมจุกขึ้นมาทันที ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย .......อย่าทำอย่างนี้สิ มัน มัน มัน .........
“เพื่อนพี่ไม่มีรึไง ทำไมไม่ให้เพื่อนพี่ชิมเล่า”
“มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนยังไง”
ผมเอียงคอถามคนตรงหน้า .......พี่โตโน่ไม่ตอบอะไรแต่กลับกระตุกยิ้มอย่างกวนๆ - - ....ก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจวิวนอกหน้าต่างต่อ ทิ้งให้ผมนั่งสงสัยอยู่คนเดียว .......
‘ถ้าคนที่ชอบบอกว่าอร่อย มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ’
ร่างสูงคิดพรางยิ้มให้วิวนอกหน้าต่างอย่างใจลอย ........
.
.
.
.
.
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“นี่เป็นไง!! กลิ่มหอมใช่มั้ย ^^”
“แต่จะอร่อยรึเปล่าก็ไม่รู้ -.-”
“นี่ๆ กินเข้าไปก่อนเถอะ”
พี่โตโน่วางจานแล้วหัวเราะแบบผู้มีชัย เห๊อะ อร่อยรึเปล่าก็ไม่รู้ มั่นใจจริงๆนะพี่ชาย ......ผมมองหน้าตาขนมปังกลมๆธรรมดาทั่วไป ด้วยสายตาเย้ยๆ.... แต่ยอมรับว่ากลิ่นยั่วน้ำลายได้ไม่น้อยเลย +,.,+ ผมหยิบขนมปังเข้าปากตามคำคะยั้นคะยอของพี่โตโน่ ที่ยืนเต๊ะท่าอยู่
“เป็นไง....?”
ผมเคี้ยวอย่างช้าๆ..พรางมองหน้าพี่โตโน่ไปด้วย .........อือ....................มัน..............มันอร่อยมาก!!! อร่อยสุดๆ ได้กลิ่นของฟักทองโชยมาเลย ไม่เหม็นยีสด้วย เนื้อขนมปังก็นุ่มลิ้นมากๆ รสชาติกลมกลืน หอมดีด้วย
“ก็งั้นๆแหละ”
ผมตอบหน้าตาย
“หา?? นี่ฉันทำสุดฝีมือแล้วนะ!”
พี่โตโน่ ก้มลงมองหน้าผมด้วยอาการตกใจ. ......หึหึ ใครบอก มันอร่อยมากต่างหาก แต่ถ้าชมไปพี่โตโน่ต้องได้ใจแน่
“ก็แล้วไงล่ะ ก็ผมว่ามันไม่อร่อยนี่ ”
“ฮึ้ยย ฉันไม่ยอมหรอก ฉันจะทำให้มันอร่อยกว่านี้อีก!”
พี่โตโน่ทำหน้าเหมือนจะไปแข่งบอลโลก 5555555 ตลกชะมัด ๆๆ
“ไม่มีทางๆ ยังไงผมก็ไม่มีทางบอกว่าอร่อยหรอก-3-”
“ก็ได้ ฉันจะมาทำให้นายกินทุกวันเลย มันต้องมีสักวันแหละที่นายบอกว่าอร่อย”
พี่โตโน่กอดอกและยิ้มเยาะอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ........
“เดี๋ยวๆๆ พี่จะมาหาผมทุกวันเนี่ยนะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ก็ฉันเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆอยู่แล้ว หึหึ .......เอ้า ได้เวลากลับแล้ว ฉันไปก่อนล่ะ ขนมปังที่เหลือก็อย่าทิ้งซะละ”
พี่โตโน่ไม่รอให้ผมพูดอะไรต่อก็วิ่งไปซะแล้ว ...........
“อ้าววว....”
ผมรอให้เวลาผ่านไปซักพัก และมองซ้ายมองขวา ก่อนที่จะหยุดมองที่ขนมปังของพี่โตโน่ .......อดใจไม่ได้ที่จะกินมันเข้าไปจริงๆ TT อร่อยชะมัด !
“ถ้าได้กินทุกวันก็คงไม่เบื่อหรอกมั้ง......”
...........แล้วทุกๆวันพี่โตโน่ก็มารับผมที่คณะ และทำขนมปังหลายอย่างให้ผมกินทุกครั้งที่ว่าง แม้ผมจะบอกไม่อร่อยทุกครั้ง แต่พี่โตโน่ก็ไม่เคยโกรธผมเลย กลับกัน พี่เค้ากลับยิ้มเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง ......เวลาผ่านไปหลายเดือน......จนถึงวันนี้....ที่ผมได้รู้จักพี่เค้ามากขึ้น ได้รู้แง่มุมความคิดต่างๆ ไว้ใจพี่เค้ามากขึ้น แล้วเค้าก็ยังบอกชอบผมได้อย่างไม่อายแล้วด้วย ......พี่จะรู้มั้ยว่าผมลำบากใจมาก...... ผมชอบพี่ไม่ได้ ชอบพี่ไม่ได้....... ผมไม่ได้ชอบพี่ .........ไม่ได้ชอบ..
“วันนี้เป็นครัวซอง ทำยากมากๆเลยนะ แต่ฉันทำให้แกโดยเฉพาะเลยนะเว้ยย”
พี่โตโน่ วางจานที่มีขนมปังรูปเสี้ยวพระจันทร์ส่งกลิ่มหอมกรุ่นเช่นเคย ......ผมรีบยัดขนมปังเข้าปากอย่างไม่รอช้า .......ยังอร่อยเหมือนเดิม ......ครัวซองอันนี้อร่อยกว่าทุกอันที่เคยได้กินเลย
“อือ...... ก็เหมือนเดิม ไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลย ”
“เห๊อะ อร่อยก็บอกมา สีหน้ามันออกนะจะบอกให้”
พี่เค้ายืนกอดอกมองดูผมอย่างรู้ทัน
“ก็บอกว่าไม่อร่อยไงเล่า”
ผมตะโกนเถียงด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“เออๆ โอเคๆ”
พี่โตโน่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆให้กับความดื้อด้านของผม ......
“นี่.......พี่โตโน่... ถ้าผมบอกว่าอร่อย พี่ยังจะทำให้ผมกินมั้ย....?”
“แน่นอนถ้านายชอบ ^^”
-//////- แล้วเลือดก็สูบฉีดจนหน้าแดงขึ้นมาจนได้ .........เป็นคำพูดที่ชวนขนลุกชะมัด ......
“เอ้อ.....ริทพาฉันไปเลือกซื้อของขวัญให้เพื่อนหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรอ่ะ พี่ก็ไปเองสิ”
“ก็จะซื้อให้เพื่อนผู้หญิง ฉันไม่รู้ว่าเค้าชอบแบบไหนนี่นา”
“แต่ผมก็เป็นผู้ชายนะ - -+”
พูดอย่างนี้หมายความว่าไงวะ !
“เอาเหอะน่า ยังไงแกก็หน่อมแน้มล่ะวะ”
พี่โตโน่ลากแขนผมไปทันทีที่พูดจบ
“เฮ้ยยย เดี๋ยวๆ ไอ้ที่หน่อมแน้ม หมายความว่าไง.........”
พี่โตโน่ไม่ฟังเสียงผมแต่ลากผมไปท่าเดียว .......ยังไม่ถามผมเลยว่าผมจะไปหรือเปล่า TT .............แล้วพี่โตโน่ก็ลากผมมาถึงสยามโดยนั่งรถเมล์มา(บัดนี้ผมชินแล้ว) .......พี่โตโน่จริงจังในการเลือกของขวัญมาก จนทำให้ผมอยากรู้แล้วสิว่าใครกันที่พี่โตโน่ให้ความสำคัญขนาดนี้
“อันนี้เค้าจะชอบมั้ยอ่ะ ถ้าเป็นแก แกจะชอบมั้ย?”
พี่โตโน่หยิบกระเป๋าตังค์หนังสีน้ำตาลแก่ขึ้นมา
“ดูแก่ชะมัด”
“อ้าว ก็เห็นแม่แกใช้”
“แม่ผมจะ40แล้ว - -+”
“อ่า...หรอ”
พี่โตโน่หันไปเลือกของขวัญต่อ แววตาจริงจังที่นานๆจะได้เห็นที .......เห็นแล้วอารมณ์ไม่ดีเลย!!
“แล้วอันนี้ล่ะ”
คราวนี้เป็นกระเป๋าตังค์สีชมพูแลดูปัญญาอ่อน -*- รสนิยมในการเลือกของให้ผู้หญิงไม่ดีจริงๆด้วย
“แบบนั้นจะซื้อให้เด็กรึไง มาๆเดี๋ยวผมเลือกเอง”
ผมดันตัวพี่โตโน่ออกอย่างอารมณ์เสีย ซึ่งพี่เค้าก็ทำหน้าประหลาดใจเหมือนกันที่เห็นผมอารมณ์ไม่ดีแบบนี้
“เอ้านี่ ต้องถูกใจแน่!”
ผมพูดเสร็จก็ยัดกระเป๋าหนังสีดำประดับตกแต่งด้วยสีทองดูหรูหรา.......เข้าไปในมืออย่างแรง...จนพี่โตโน่ถึงกับมองหน้าผมด้วยความตกใจอีกครั้ง
“เป็นอะไรวะริท ประจำเดือนไม่มาหรอ?”
“จะบ้ารึไง - -!”
ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาพี่โตโน่ที่จ้องไม่กระพริบ
“เอาเถอะๆ........ห่อให้ด้วยนะครับ”
แล้วพี่โตโน่ก็หันไปบอกเจ้าของ ก่อนที่จะกลับมามองที่ผมเหมือน ....คราวนี้จ้องด้วยสายตาจะกลืนกินผมเข้าไปอย่างไงอย่างงั้น
“เป็นไร?”
“ก็เปล่า”
ผมตอบคนข้างหน้าแต่สายตากลับไปจับจ้องที่อื่นซะอย่างนั้น
“แล้วแกหลบตาทำไม ...บอกมาว่ามีอะไร โกรธอะไรฉันวะ?”
“บอกว่าเปล่าไง!”
ผมขึ้นเสียง
“เฮ้ยริท แกไม่ใช่คนแบบนี้นะเว้ย”
พี่โตโน่ทำหน้าเอือมละอากับผมเต็มที .......ทำหน้าแบบนั้นทำไม ใช่สิผมมันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่ พี่ก็ไม่ชอบผมแล้วใช่มั้ยล่ะ ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องมาลำบากใจอีก ผมน่ะ ผมน่ะ....ต้องการให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว !!!!
“ได้แล้วครับ”
ก่อนที่ผมจะระเบิดอารมณ์ออกไป พี่เจ้าของร้านก็เรียกความสนใจเราสองคนไปซะก่อน
“คะ ครับ เท่าใหร่ครับ”
พี่โตโน่เดินไปที่จ่ายเงินทันที ทิ้งให้ผมยืนไม่พอใจอยู่ตรงหน้าประตู ..........นี่ผมอารมณ์เสียเรื่องอะไรเนี่ย แต่หงุดหงิดใจชะมัด! ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย.... โธ่เว้ยยย TT
ผมตัดสินใจเดินออกมานอกประตูร้าน ด้วยความที่ผมแทบจะพุ่งตัวออกมานั้น ทำให้บังเอิญไปชนผู้หญิงคนนึงเข้าอย่างจังจนเธอล้มลงไป แต่ผมสิแทบจะตีลังกา ใช่เซ่! ผมมันตัวเล็กนี่ TT;
“ขอโทษนะคะ เป็นอะไรมั้ย ??”
ผมค้ำมือพยุงตัวขึ้นก่อนที่จะยกมือขอโทษขอโพยผู้หญิงคนนั้น ก็ผมเป็นคนเดินออกมาไม่ดูเองนี่นะ
“ผมต่างหากที่ผิด...ขอโทษนะครับ”
ผมหยุดมองผู้หญิงคนนั้น ก็ทำให้ผมตะลึงในความสวยของเธอ.....ผิวขาว สูง สวย ! อ่า นางแบบ !
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ได้ดูเหมือนกัน”
อ่า...สวยแล้วยังจิตใจดีอีก ผมยืนยิ้มให้เค้าอยู่นาน ไม่มีใครไปไหนสักที - - ก็ผมรอพี่โตโน่อยู่ ...แต่ก็ไม่รุ้ว่าเค้ารออะไร
“อ้าวว เกรซ มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะ!”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลังผม ผมหันหลังกลับไปตามสัญชาติญาณ ก็เห็นพี่โตโน่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ แต่ไม่ได้ยิ้มให้ผมหรอกครับ เพราะสายตาพี่โตโน่จ้องไปทางผู้หญิงคนนั้น ......
“เห็นฉันเป็นคนผิดเวลาบ่อยรึไง”
คนที่ชื่อเกรซทักกลับอย่างกันเอง .....
“เออนี่ เมื่อวานวันเกิดใช่มั้ย สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ ^^”
พี่โตโน่ยื่นกล่องของขวัญกระดาษสีแดงโบว์สีเงินให้เกรซ ผ่านหน้าผ่านตาผมไป .......คนนี้น่ะหรอ คนสวยๆนี่น่ะหรอ TT ....ผมกำมือแน่น แต่ก็พยายามสะกดใจไว้ ไม่ให้อารมณ์เสียออกนอกหน้า
“ว้าวว งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงข้าวเอามั้ย!”
“เอาสิๆ ^^”
เฮ้ๆๆ ทุกคน......ผมยืนอยู่ตรงนี้มองเห็นผมมั้ย TT
“เอ้อ นี่ริทไง ที่เล่าให้ฟัง”
พี่โตโน่จับแขนผมเพื่อเป็นการแนะนำตัวให้
“อ่าหรอ แหม.... ตอนแรกนึกว่าเด็กม.ต้นที่ไหนซะอีก”
“ไอ้ริทมันเตี้ยนี่ ฮ่าๆๆๆๆ”
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะร่วนด้วยความเอ็นดูผม .........แต่ไม่ ผมไม่ต้องการ ผมสะบัดแขนจนมือพี่โตโน่หลุดออก ทั้งสองแปลกใจจนหยุดมองหน้าผม....
“อ่ะ อ้อ ปกติเราก็เล่นกันงี้แหละ ฮ่าๆๆๆ”
พี่โตโน่หัวเราะกลบเกลื่อน และดูเหมือนพี่เกรซจะเชื่อสนิท พี่โตโน่โอบผมแล้วกระซิบข้างหูเบาๆ
:: คุยกันหน่อย ::
ผมได้ยินก็ถึงกับขนลุกซู่ เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของพี่เค้า ทำให้ผมรู้ถึงความเอาจริงของพี่โตโน่
“เกรซ เดี๋ยวไปรอที่ร้านตรงนู้นเลยนะ ขอไปเข้าน้ำกับไอ้ริทแปป”
พูดเสร็จก็ลากผมไปแบบทุลักทุเล เพราะผมพยายามที่จะรั้งตัวเองไว้ แต่ก็แพ้แรงช้างพี่โตโน่จนได้ ......จนมาถึงมุมลับตาคน...พี่โตโน่ก็ตั้งคำถามใส่ผมทันที
“หงุดหงิดอะไร บอกฉันสิ ไม่ใช่มาพาลแบบนี้ ”
“ไม่ได้หงุดหงิดอะไรทั้งนั้น ผมบอกพี่หลายครั้งแล้วไง!!”
“อย่าโกหก”
พี่โตโน่บอกเสียงเข้มพร้อมเอามือไปแนบกำแพงที่ผมพิงอยู่ และดวงตาคมก็จับจ้องมาที่ผม ด้วยความใกล้ ทำให้ผมหลบสายตาไม่ได้เลย
“ผมอยากกลับบ้าน......”
ผมส่งสายตาไปทางอื่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ผมกลั้นน้ำตาที่เอ่อออกมาพยายามไม่ให้มันไหล ผมกำลังรู้สึกแย่มาก ความคิดตอนนี้คือผมอยากหนี !
“เฮ้ออ....ทำไมเข้าใจยากแบบนี้”
พี่โตโน่ถอนมืออกพร้อมท้าวสะเอวหันหลังให้ ...........เหมือนเข็มทิ่มลงบนหัวใจ........ ผมก้มหน้าลงต่ำมองพื้นราวกับมีเรื่องราวให้อ่าน ..........ต่างคนต่างเงียบอยู่นาน เหมือนคิดอะไรในใจกันอยู่ ............เฮ้ออ......ผมเจ็บปวดจัง .....ผมต้องกลั้นน้ำตา และพยายามเปล่งเสียงออกมาจนได้
“ผมกลับบ้านนะ.......”
ผมเดินออกไปอย่างช้าๆ เหมือนรอให้ใครรั้ง ......แต่ผมไม่ได้รอ......จริงๆนะ ผมแค่รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงมันหายไปหมด
“ริท......”
เสียงอ่อนๆของพี่โตโน่ ไม่ทำให้ผมคิดจะหันหลังกลับไป.......... ...ผมเดินออกมาจนพ้นสายตาพี่โตโน่................แต่พี่โตโน่ก็ไม่ได้รั้งอะไรผมไว้ เค้าปล่อยให้ผมเดินไป ......ทั้งๆที่รู้ว่าผมไม่เคยขึ้นรถเมล์คนเดียว ทั้งๆที่รู้ว่าผมไม่คุ้นกับที่นี่ ทั้งๆที่รู้ว่าผมกลัว ............ผมมันอ่อนแอ...................น้ำตาที่กลั้นมานานไหลปริ่มล้นออกมาจนได้ ผมหยุดยืนอยู่ในที่ๆไม่คุ้นเคย ผมเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เพราะที่นี่คนเยอะเหลือเกิน .....ให้ตายสิ น่าอายชะมัด .........ผมเดินมาเรื่อยๆตามทางที่เคยมา ผมเดินถามอยู่นานว่ารถสายไหนจะไปบ้านผมได้บ้าง สุดท้ายก็มีคนใจดีบอกผม จนได้ ..........รถเมล์เคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ .......ผมคิดถึงเรื่องราวต่างๆวนเวียนในหัวสมอง นึกถึงตอนที่พี่เค้าตั้งใจทำขนมให้ผมกิน ตอนที่พี่โตโน่มารับผมที่คณะ เวลาพี่โตโน่บอกว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ แต่บอกชอบผม............ ทำไมผมต้องรู้สึกเสียใจขนาดนี้นะ ทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วย ........ตอนนี้ผมเจ็บปวด กับคำถามหลายคำถามที่อยู่ในใจ ไม่มีใครตอบได้ นอกจากตัวผมเอง ผมรู้คำตอบดี แต่ผมไม่อยากจะยอมรับมันเลย........
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
.
.
.
“ริท .....ริท........ริท!!!!!”
เสียงดังๆแหลมๆของแม่ผม ทำเอาหูแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ
“โหยย แม่ พูดเบาๆก็ได้”
ผมหันไปทำหน้ายับใส่แม่ พรางจับใบหูเพื่อเช็คความปลอดภัย ......ก่อนที่แม่จะนั่งลงข้างๆอย่างช้าๆ
“นึกว่าอยู่ไหน อยู่ห้องรับแขกนี่เอง .......หมู่นี้ริทเป็นอะไรน่ะ ซึมๆนะ แล้วนี่ โตโน่ก็ไม่ได้มาอีกเลยนิ่ ทะเลาะกันหรอ ?”
อึก...ชื่อพี่โตโน่ทำให้ผมแทบสะอึก ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ไม่เห็นพี่โตโน่อีกเลย
“เปล่าหรอกครับ พอดีพี่เค้าไม่ว่าง ว่าแต่...แม่มาหาผมมีอะไรหรอ?”
ผมปั้นหน้าให้เหมือนไม่ได้ซึมเศร้าอะไร และถามผู้เป็นแม่ที่ทำหน้ากังวลอยู่
“แม่ว่าจะไปหาพ่อเค้าที่อเมริกาน่ะ ริทจะไปด้วยมั้ย”
“ไปก็ไปครับ แล้วไปกี่วันล่ะครับ”
ผมตอบเสียงเนือยๆ ........ก็ดีเหมือนกัน บางที ผมอาจจะได้ลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นที่นี่
“ไม่รู้สิ คงไม่นานหรอก เริ่มเดินทางพรุ่งนี้เลยนะ”
แม่ตอบพรางฉีกยิ้มดีใจ .........อะไรของเค้า นี่เค้าดีใจอะไรเนี่ย ........
“ครับ”
แม้จะสงสัย แต่ตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรให้มากมาย แค่ตอนนี้ก็จะปวดหัวตายอยู่แล้ว ...........
.
.
.
.
ผู้เป็นแม่หันหลังให้กลับลูกชาย สีหน้าเปลี่ยนสีเป็นเรียบสนิท .......
“ขอโทษนะริท แม่จำเป็น”
เสียงแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ หลุดจากปากผู้เป็นแม่ .......ร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาพรางจ้องไปนอกหน้าต่างนั้นไม่รู้เลยว่า เค้ากับจะจากที่นี่ไปนานเท่าใหร่กันแน่ ....?
.
.
3วันที่แล้ว...........
.
.
.
ท่ามกลางคนจำนวนไม่น้อยเดินขวักไข่วกันเต็มไปหมด ผมต้องเดินแหวกผู้คน เพื่อจะตามตัวไอ้ริท ที่หายไป .............กูไม่น่ายืนอึ้งเลยเว้ย ! ถ้าตามไปตอนนั้นต้องทันแน่
หลังจากที่ไอ้ริทสติแตกเดินออกไปนั้น ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ผมไม่รู้ว่าเค้าหงุดหงิดอะไร ผมไม่รู้ว่าเค้าโมโหใส่ผมทำไม จนผมกลับไปเล่าให้เกรซฟัง เกรซบอกนี่เป็นอาหารหึงแน่นอน ! ไอ้ริทเอ้ยยย คิดไปได้ไงวะ ............ ก็เกรซน่ะ ...............เค้าเป็นศิราณี ให้ฉันปรึกษาเรื่องแกนี่แหละเว้ยยย แล้วทำไมไม่บอกฉันว่ะ TT
ผมรู้สึกดีใจที่รู้ว่าริทอาจมีใจให้ผมแล้ว และเสียใจทำให้เค้าต้องไม่สบายใจแบบนี้ ....ใช่แล้ว ผมต้องไปขอโทษเค้า .......ผมต้องไปบอกเค้าให้รู้ว่า ผมรักเค้าแค่ไหน .........ผมต้องบอกเค้า ก่อนที่เค้าจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ !
ผมเดินชนไหล่คนไปทั่ว รู้สึกผมจะโดนคนก่นด่าหลายครั้งแล้วล่ะ โธ่เว้ยอยู่ไหนของมันวะ !
“นี่”
มีคนมาแตะไหล่ผม
“อะไร!”
ผมหันน่าไปตะคอกใส่อย่างอารมณ์เสีย แต่ผมต้องเปลี่ยนกิริยาทันทีเมื่อคนที่แตะใหล่ผมนั้น เป็นชายร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อสีดำ หน้าตาเหมือนบอดี้การ์ดที่เห็นได้ในหนัง
“มาด้วยกันหน่อยสิ”
มันไม่รอให้ผมพูดอะไรแต่กลับลากแขนผมไปอย่างทารุณ เจ็บนะโว้ยยย ....แล้วนี่มันเรื่องอะไรเนี่ย มาจับตูทำไมฟะ........เดี๋ยวก่อนนะ .........อย่า .... อย่าบอกนะ ว่าจะมาเรียกค่าไถ่ผมอ่ะ !!! เห็นหน้าตาดีหน่อยไม่ได้เลยนะ ไอ้พวกเวรรร!
“ปล่อยนะเว้ยยย”
ผมพยายาม แงะ แกะ งัด มือไอ้ยักษ์นี่เต็มแรง แต่ก็ไม่สะเทือนมันสักนิดเลย มันลากผมมาถึงรถตู้สีบลอนเทาคันหนึ่ง พร้อมเปิดประตู โยนผมเข้าไปเรียบร้อย........... ฉากแบบนี้ เรียกค่าไถ่ชัวร์ !!
“เว้ยย โยนเบาๆไม่เป็นรึไงวะ!”
ผมหันไปตะโกนด่าไอ้ยักษ์ก่อนมันจะปิดประตูไป.......ไม่ทันที่ผมจะสำรวจสิ่งรอบตัว ก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นซะก่อน
“สวัสดี โตโน่”
0.0
“หือ... เห้ยย คุณป้า !!!”
ผมหันไปก็แทบจะหงายหลัง เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือ แม่ไอ้ริท !
“เออ สวัสดีครับ เออ....แล้วมายังไง....ผมงงไปหมดแล้ว”
ผมทำหน้าเหมือนไก่ มองเลิ่กลั่ก แบบ เฮ้ย กูงง ........
“ไม่ต้องเข้าใจอะไรมากหรอกนะ .......เอาเป็นว่า เข้าเรื่องเลยดีกว่า.......ช่วงนี้...ริทเปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่เจอกับเธอ”
แม่ไอ้ริทบอกเสียงเรียบ ผมตีหน้าหน้างงใส่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ?? ...คุณป้าพูดต่อ
“ริทดูมีความสุข เหมือนมีความรัก ลูกชายป้า ป้ารู้ว่าเค้ากำลังสุขเรื่องอะไร ตั้งแต่เธอมาทำขนมให้ริทกิน รับส่งริททุกวัน ......แต่ป้าก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะ วันนี้เลยสะกดรอยริทไปดู .....อะไรๆมันก็ชัดเจนมากขึ้น ป้าไม่เคยเห็นริทร้องไห้แบบนี้มาก่อน”
“ร้องไห้....?”
นี่ผมทำเค้าร้องไห้หรอ .....แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น คุณป้ารู้แล้วว่าผมชอบเค้า ตายแน่ !!..... ผมหลบตาคุณป้าอย่างช่วยไม่ได้ มันจะไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชาย
“โตโน่.....ริทเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลป้า ........เป็นผู้สืบทอดบริษัทค้าพลอยอันดับหนึ่งของประเทศ......ป้าไม่อยากให้เรื่องนี้มาขวางทางเจริญของเค้า..........และสำหรับหัวอกคนเป็นแม่ ......ไม่มีใครหรอกนะ อยากให้ลูกตัวเองเป็นเกย์ ..”
ผมก้มหน้าต่ำมองพิ้น อย่างรู้สึกผิด จะว่าไปมันก็จริง ...... แต่.....ผมก็รักเค้า
“ป้าเลยมีเรื่องอยากจะขอร้อง”
ผมมองตาคุณป้าทันที ......หวังว่าสิ่งที่คุณป้าจะพูดต่อไปคงไม่ใช่...
“เลิกเจอกับริทซะ!”
เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น ......ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา เหมือนมีคนเอามีดมาแทงตรงกลางใจ .........ไม่เจอ .........ไม่เห็น ..........ไม่ได้บอกรัก .........ไม่ได้บอกขอโทษ เค้างั้นหรอ .....แค่คิดก็ .....น้ำตาปริ่มตรงขอบตา จนปวดตาไปหมดเพราะผมพยายามไม่ให้มันไหล ผมเบือนหน้ามองไปที่อื่นเพื่อซ่อนดวงตา แต่แล้วเสียงของคุณป้าก็ดึงผมมาอีกครั้ง
“เรื่องริท...ป้าจะส่งเค้าไปเรียนต่อที่อเมริกา....เธอไม่ต้องห่วง.....หน้าที่ของเธอคือเลิกเจอเค้าก็พอ........หวังว่าคงเข้าใจนะ”
“อเมริกา! ทำไมต้องไปด้วยล่ะครับ ผมจะไม่เจอก็ได้ แต่ทำไมต้องให้เค้าไปอเมริกาด้วยล่ะ !”
ไอ้ฉากน้ำเน่าแบบนี้ ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ !
“ยังไงก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ ยังเธอก็ไม่ได้เจอกับริทอยู่ดี กลับไปได้แล้ว ........เชิญเค้ากลับ!”
คุณป้าตะโกนบอกไอ้ยักษ์ข้างนอกรถตู้ มาลากผมกลับไป ผมพยายามเกาะประตูรถ หน้าต่าง เก้าอี้ แต่ไม่เป็นผลเลย ทำไม...........ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย! ผมจะไม่ยอมหรอก ไม่ยอม !
“ผมสัญญาว่าจะไม่เจอริทก็ได้ แต่อย่าให้ริทไปเลยนะครับ ผมขอร้อง”
ตอนนี้ผมพ้นประตูมาข้างนอกเป็นอันเรียบร้อย แต่โดนไอ้ยักษ์ล๊อคไว้อยู่ เนื่องจากผมพยายามที่จะกลับเข้าไปในรถตู้อีกครั้ง
“คุณป้า ! คุณป้า !”
ผมตะโกนเรียกแบบสุดเสียง แต่ไม่มีเสียงได้ตอบรับมาเลย เห็นเพียงสีหน้าเรียบๆมองไปด้านหน้าอย่างไม่สนใจ ผมดิ้นไปมาจนปวดไปหมด มือที่ถูกล๊อคไว้ด้านหลังถูกบีบให้แน่นขึ้น จนผมร้องเสียงหลง ....
“อ๊ากกกก!”
คุณป้ามองมาทางผมนิดนึงก่อนที่จะมองไปที่เดิม
“ขึ้นรถ”
คุณป้าพูดเสียงเรียบ แล้วไอ้ยักษ์ก็เหวี่ยงผมไปกระทบกำแพงอย่างแรง
“ถ้ารักริทจริง ก็เลิกทำร้ายเค้าซะ”
ตุบ !
นั่นเป็นคำบอกกล่าวสุดท้ายของคุณป้า ก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตู ........ผมมองตามรถคุณป้าไปจนลับสายตา ผมอยากจะวิ่งตามเหลือเกิน ผมอยากจะบอกเค้าว่า ผมรักลูกคุณป้าจริงๆนะ. .........น้ำใสๆไหลออกจากตาผมจนได้ แสงแดดตอนเย็นเริ่มจางลงแล้ว บ่งบอกถึงเวลาพลบค่ำ ... ผมนั่งพิงกำแพง ความเจ็บที่หลังเทียบไม่ได้เลยที่หัวใจผมกำลังทุรนทุรายอยู่ ......ปริมาณน้ำตาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดในใจผมตอนนี้ เรื่องราว และความทรงจำดีๆผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ก่อนนี้ผมเคยนึกถึงมันอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้ เพียงนึกถึงเสี้ยวความทรงจำ ก็ราวกับหัวใจจะแตกสลาย เมื่อรู้ว่ามันจะไม่มีอีกแล้ว ...............ไม่มีอีกแล้ว .....................ไม่มี
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
.
.
.
.
.
“ดึกป่านนี้แล้วหรอเนี่ย”
ผมมองดูนาฬิกาก็สบถขึ้น นี่ผมเดินไปเดินมาจนเวลาขนาดนี้เลยหรอ ? ไม่รู้ตัวเลยแฮะ ผมมองไปยังแม่น้ำในสวนสาธารณะทีนึง ก่อนที่จะหันหลังกลับ ..............พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่ไอ้ริทจะจากที่นี่ไป
ผมพูดคำนี้หลายครั้ง สามวันที่ผมไม่เจอหน้าริท มันทรมานจริงๆ แต่เพื่อเค้าผมต้องทำให้ได้
.
“นี่มันดึกแล้วนะ แกยังไม่กลับหรอ”
“ขอเดินอีกหน่อยน่า ฉันไม่อยากกลับบ้านนี่หว่า พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้วนะ”
เสียงบทสทนาของสองคนดังขึ้นจากด้านหลัง .................ซึ่งผมรู้สึกคุ้นเสียงหนึ่งจริงๆ และแล้ว ผมก็ตัดสินใจหันกลับไปดู.............แล้วก็เหมือนอะไรมาดึงใจผมไป เมื่อคนตรงหน้าคือ ...
“ริท.........”
ผมเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว นึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าเค้าซะแล้ว
“พี่โตโน่.......” ริททำสีหน้าแบบเดียวกัน แต่แล้วก็ชักสีหน้ากลับเป็นบูดบึ้งใส่ผม
“กลับเหอะว่ะ เซน”
ไอ้ริททำท่าจะหันหลังกลับไป ............ผมวิ่งไปดักหน้าอย่างไม่รอช้า
“อย่าพึ่งไป...”
ผมส่งสายตาอ้อนวอนไป น้ำเสียงอ่อนๆของผมบ่งบอกว่าผมคิดถึงเค้าแค่ไหน ริทเองก็มองมาทางผมด้วยสายตาลังเล
“ผม...ผมจะกลับ บะ บ้าน”
เสียงสั่นของคนตรงหน้าพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาเหมือนถูกเก็บไว้มานาน มันทำให้ผมใจแทบขาด ความเจ็บปวดแปล๊บตรงหน้าอกทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมไปด้วย
“ริท...ฉันรักนายนะ”
ผมพูดเสียงอ่อยพร้อมเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน.... ริทตกใจตาโพลงขึ้น น้ำตาเปื้อนแก้มใสแดงระเรื่อ....
“พี่ว่าไงนะ?”
ริทถามย้ำอีกครั้ง
“ฉันรักนายริท...ฉันรักนาย”
ริทสะบัดมือผมออกอย่างแรง...ผมมองหน้าริทด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ริทร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
“พี่รักผมหรอ รักแล้วทิ้งผมไปอย่างนี้ทำไม วันนั้นทำไมพี่ไม่ตามผมมา แล้วสามวันที่ผ่านมาพี่ทำอะไรอยู่ แล้ววันนี้ถ้าผมไม่มาบังเอิญเจอพี่ พี่ก็ไม่คิดจะมาหาผมเลยใช่มั้ย... พ่ะ พี่ ฮึกๆ รู้มั้ย...ว่าผมเจ็บปวดแค่ไหน....ฮืกก”
เสียงสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์บ่งบอกถึงความเจ็บปวดข้างในใจ ผมเดินเข้าไปใกล้เค้าและมองดวงตาแดงก่ำของเค้า
“ขอโทษ.......แม่แกมาบอกว่าไม่อยากให้แกต้องมาเสียอนาคตเพราะฉัน....แบบนี้แหละดีแล้ว....คิดว่าถ้าได้ห่างกันคงทำใจได้......แต่สามวันมานี้ ฉันทนแทบไม่ไหวจริงๆ... ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ บอกถึงความจริงใจในทุกคำพูดและประโยคที่บอกเค้า.........ริทมองตาผมกลับเช่นกัน.....ก่อนที่จะผลักอกผมอย่างเต็มแรง ......ถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยเข้าใจการกระทำของเค้าเลย.. ให้ตาย
“พี่อย่าเอาความรู้สึกของพี่มาตัดสินคนอื่นได้มั้ย!”
ริทตะโกนเต็มเสียง
“ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเสียอนาคตเพราะพี่ ผมไม่เคยเสียใจที่มีพี่เข้ามาในชีวิต ........ผม......ผมรักพี่นะ.......ฮืออออ”
ริทปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กๆ และหันไปกอดเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน .........ทำไมผมถึงทำให้เค้าเสียใจได้ขนาดนี้นะ ผมเคยบอกเค้าเสมอว่า ผมจะทำให้เค้ายิ้มอย่างมีความสุข แล้วนี่อะไร...?
“บอกแม่ไอ้ริทหน่อยนะ ขอยืมตัวริทหน่อย”
ผมบอกไอ้เพื่อนของริท ก่อนที่จะดึงออกมาจากอ้อมกอด แล้วจูงมือวิ่งไปแบบไม่สนใจใครอีกแล้ว ทิ้งให้เพื่อนไอ้ริทงงเป็นลิงอยู่ตรงนั้นล่ะ ......ถือดียังไง มากอดไอ้ริทฟะ !
ผมเดินมาเรื่อยๆ......ตอนนี้ดึกมาแล้ว ทำให้คนไม่มีเลย ตลอดทางที่เดินอยู่ มีเพียงเสียงสะอื้นของไอ้ริทเท่านั้น .....สวนสาธารณะตอนดึกนี่น่ากลัวใช่เล่นเลย ......
5นาทีผ่านไป.......................
“เดี๋ยวๆ.... พี่จะพาผมไปไหน”
เมื่อตั้งสติได้...........ไอ้ริทก็หยุดเดินแล้วถามผมทันทีขณะที่เช็ดน้ำตาไปด้วย ..............ทำให้ผมตั้งสติได้ไปด้วยหลังจากสติแตกไปพักใหญ่
“เออ....ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน -*-”
“- -”
“ก็สถานการณ์แบบนี้ใครจะไปคิดเล่า! .........งั้น ไปหอฉันมั้ย -..-”
“ไม่เด็ดขาด !”
ริทตอบเสียงแข็ง กลัวอะไรของเค้าฟะ -*-
“แล้วจะไปไหนล่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ให้แกกลับบ้านนะเว้ย”
“ผมรู้แล้วน่า.......อ่าจริงสิ! ผมมีที่หนึ่งที่อยากให้พี่ไป”
ริมพุ่งตัวมาหา ผมยิ้มออกมากับความน่ารักของไอ้ริทอย่างช่วยไม่ได้ ...........หายโกรธเร็วจริงๆ
“ที่ไหนล่ะ ??”
ริทไม่พูดอะไรแต่จูงมือผมไปแทน ...... แปลกคนนะเมื่อกี๊ยังร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับร่าเริงซะงั้น น้ำตายังไม่ทันแห้งเลยด้วยซ้ำ ........แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมชอบตอนที่เค้ายิ้มมากว่า ^^
ผ่านไป5นาทีเศษๆ ริทก็จูงมือผมไปเรื่อย พอถามว่าไปที่ไหน ก็ตอบกลับว่า เดี๋ยวก็รู้เอง .........มันคงเป็นสถานที่ที่โรมแมนติกสุดๆ ..........บนเรือ หรือ บนหอ อะไรเทือกนั้นแน่ อ่าแกน่ารักจริงๆว่ะ ไอ้ริท !
“ถึงแล้ว !”
“จริงอ่ะ ไหน..........เฮ้ยยย”
เมื่อผมแหงนหน้าขึ้นดูก็ตะลึงกับควงามงดงามของ...............................
“โรงงานกำจัดขยะ”
ผมอ่านป้ายอย่างงๆ...........ผิดที่แน่ๆ พาผมมาผิดที่แน่ๆ !
“ใช่โรงงงานขยะ ~”
“แกพามาที่นี่ทำไมเนี่ยยยย”
“เอาน่า เข้าไปก่อนเถอะ”
ริทไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดอะไรต่อ และเดินเข้าไปในโรงงานกำจัดขยะทันที ผมก็ได้แต่เดินตามเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ ..........อะไรวะ เหม็นก็เหม็น หมดอารมณ์เลยตู -*- ....................ริทพาผมเดินลัดเลาะไปจนถึงด้านหลังของโรงงาน แล้วมีรั้วตาข่ายที่มีพุ่มไม้บังจนไม่เห็นอีกด้านของรั้ว ........ริทมุดรูรูหนึ่งเข้าไปอย่างง่ายดาย ...........ผมมุดเข้าไปบ้าง แต่มัน ติด!!
“โอ้ยยย ไอ้ริทช่วยดึงหน่อยสิเว้ยย”
ตัวผมไปติดกับรูรั้วตาข่าย เห็นไอ้ริทรอดเข้าไปง่ายๆแล้วจะรอดได้มั่ง แต่ลืมไปอย่างว่าผมกับมันคนละไซส์
“อะไร ...แค่นี้รอดไม่ได้หรอไง”
“ดูตัวฉันหน่อย อย่าพูดมากน่ารีบมาดึงเร็วเข้า”
ผมรอดไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เหลืออีกครึ่งที่ยังไม่รอดออกมา ผมเอื้อมมือให้ไอ้ริท เป็นเชิงให้ช่วยดึง ........ไอ้ริทก็ทำตามโดยดี
“ฮึ่ยยยยย”
ไอ้ริทดึงสุดแรงเกิด ..............ไม่นานนักตัวผมก็หลุดจากพันธนาการนี้ได้ แต่เนื่องจากไอ้ริทดึงผมแรงมากเกินไป ...ทำให้ผมหลุดอกมาทับไอ้ริทพอดี
“อ่ะเอ่อ...”
ตอนนี้ผมคร่อมไอ้ริท แถมปลายจมูกยังชนกันอีกต่างหาก แต่ผมไม่ออกสักที จนไอ้ริทท้วงขึ้น ..........เพราะผมกำลังถูกสะกดจากอะไรสักอย่าง ทำให้ผมไม่อยากออกจากตรงนี้เลย ............ดวงตาใสมองตาผมอย่างกลัวๆ ปากบางพยายามบอกผมให้ออกไปสักที แต่ทว่าโสตประสาทผมไม่ทำงานซะแล้ว ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง ที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่สายตาก็เลื่อนลงไปจับจ้องที่ริมฝีปากริท .............ในที่สุดผมก็ทำตามใจตัวเอง ผมค่อยๆก้ม แนบริมฝีปากกับอีกฝ่ายอย่างเบาๆ ร่างเล็กตกใจพยายามดันตัวผมออก ผมยิ่งบดขยี้ริมฝีปากหนักขึ้นไปอีก .........ก่อนที่ผมจะทำอะไรไปมากกว่านี้ ไอ้ริทก็ดันผมออกสำเร็จจนได้........และถอยกรูดออกไปดานหลังพร้อมตาเบิกโพลงมองมาทางผมอยากหวั่นๆ
“เออ...แกไม่ต้องตกใจเว่ออย่างนั้นก็ได้”
เห็นแล้วอนาถใจชะมัด
“พ่ะ พี่ทำอะไรลงไป เมื่อกี๊ o//////////o”
หน้าไอ้ริทแดงเป็นลูกมะเขือ ผมอดขำกับความไร้เดียงสาของมันไม่ไหว เลยเผลอหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“นี่พี่หัวเราะทำไม - -”
ริทพูดอย่างเคืองๆ
“ขอโทษ....อดใจไม่ไหวจริงๆ^^”
ผมกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ที และเดินเข้าไปหา แต่ไอ้ริทมันกลับวิ่งหนีซะอย่างนั้น - -
“นี่ๆจะวิ่งหนีทำไม-*- บอกแล้วไงว่าขอโทษน่ะ”
ผมพูดไปด้วยและวิ่งตามไปด้วย .............ไอ้ริทเอ้ยยย ฉันน่ะนักกรีฑาเก่าเลยนะเว้ย หึหึ ..............ไม่นานนักที่เราสวมวิญญาณเป็นเด็กปัญญาอ่อนวิ่งไล่จับกัน สุดท้ายผมก็จับมันได้จนได้ .........ผมโอบกอดเค้าจากด้านหลังแต่ผมเสียหลักทำให้ผมเซไปด้านหลัง เลยไปนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ใจกลางสวนนี่พอดี
“ปล่อยยยยเซ่”
ริทหน้าแดงพร้อมตะโกนส่ายหัวอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“อย่าดื้อน่า ไม่หนาวหรอไง คืนนี้นอนมันที่นี่แหละ มีดาวให้ดูด้วย ฮ่าๆ”
ผมมองจ้องท้องฟ้าที่มีดาวเต็มไปหมด แถมด้วยบรรยากาศที่นี่ดีสุดๆถึงตอนนี้จะมืดจนผมมองไม่ค่อยเห็นอะไรแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าที่นี่เป็นที่ที่สวยจริงๆ ..............
“ผมง่วงแล้ว”
ริทพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน..........ก่อนที่จะผล๊อยหลับไปในอ้อมกอดของผม ..............ก็ร้องไห้ขนาดนั้นนี่น่า ...........ผมชักไม่อยากให้เค้าไปจากผมแล้วสิ ...........
.
.
“โตโน่.....ริทเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลป้า ........เป็นผู้สืบทอดบริษัทค้าพลอยอันดับหนึ่งของประเทศ......ป้าไม่อยากให้เรื่องนี้มาขวางทางเจริญของเค้า..........และสำหรับหัวอกคนเป็นแม่ ......ไม่มีใครหรอกนะ อยากให้ลูกตัวเองเป็นเกย์ ..”
คำพูดของแม่ไอ้ริทผุดเข้ามาในหัวผมจนได้ ...........ผมควรทำยังไงดี ริทรู้รึเปล่าว่าตัวเองต้องไปเรียนต่ออเมริกา แล้วริทต้องไปเรียนนานแค่ไหน ........ผมควรทำยังไงดีวะ
ผมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นราวกลับว่ากลัวใครจะมาขโมยไป ........ตอนนี้ผมรู้สับสนเหลือเกิน สับสนเหลือเกิน.................
โอ้ยยย ขี้เกียจคิดแล้วเว้ยยยย !! ถึงตอนนั้นค่อยคิดแล้วกัน ตอนนี้ผมได้กอดเค้าทั้งคืนแบบนี้ ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
วันรุ่งขึ้น............
~ จะต้องทำยังไงให้เธอมารัก ถามเธอจริงๆ ช่วยตอบได้ไหม...............
“ขอต่ออีก5นาทีนะ~”
เสียงสะลึมสะลือผมดังขึ้นเมื่อเสียงโทรศัพท์ผมร้องพร้อมแสงแดดอ่อนๆที่แยงตาผมบ่งบอกถึงเวลาที่เรียกว่ายังเช้าเกินไปสำหรับผม ........ผมก้มดูโทรศัพท์เจ้าปัญหา ที่ตอนนี้ก็ยังร้องไม่หยุด หน้าจอปรากฏเบอร์ไม่คุ้มขึ้นมา ผมเอียงคอสงสัย ใครกันวะ โทรมาเช้าขนาดนี้
“หวัดดีครับ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียและหวังว่าคงเป็นแค่เบอร์โทรผิด
:: โตโน่ใช่มั้ย ::
“ใช่ครับ แล้วนี่ใคร”
:: ป้าเอง แม่ริท ::
ชิปหาย!! ผมมองหน้าไอ้ริทที่ยังนอนอยู่สักพักแล้วไปพูดต่อ
“ผมตัดสินใจ จะไม่ทำตามที่คุณป้าขอแล้วครับ”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวออกมา
:: โตโน่ ! เธออยากทำให้ริทเสียอนาคตหรือไง บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าริทอยู่ไหน! ::
ปลายสายเริ่มขึ้นเสียงแสดงถึงความโกรธ
“ไม่......นอกจากว่าคุณป้าจะไม่พาริทไปไหน!”
:: เธอเป็นใคร! เธอมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินลูกชั้น บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ริทอยู่ไหน ::
“ไม่บอก ผมไม่บอก !”
ผมมองหน้าริทและยืนยันออกไป
“ชั้นถามเธอหน่อย เธอจะทำยังไงต่อไป เธอจะให้ริทเค้าจากพ่อจากแม่ไปหรอ วันนี้เธออาจจะไม่คิดอะไร แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ วันต่อๆไปล่ะ ริทเค้าเป็นลูกคุณหนูทำอะไรก็ไม่เป็น เธออย่าเอาความสุขเล็กๆของเธอมาพรากทุกอย่างไปจากเค้า!”
“................”
จะว่าไปมันก็ใช่ .......ที่ผมทำอยู่เพราะความสุขของผมนี่
:: ริทอยู่ไหน ::
เสียงเรียบถามผม
“อยู่สวนหลังโรงงานกำจัดขยะแถว....ครับ”
ผมบอกไปเหมือนคนไร้สติ ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ผมสับสนไปหมด ขนาดตอนนี้ผมยังตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย แล้ววันต่อๆไปล่ะ ! แบบนี้....อาจจะดีที่สุดแล้ว
คลิก !
เสียงวางดังขึ้นทันทีที่พูดที่อยุ่เสร็จ ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่หลังอาจเป็นเพราะให้ริทพิงทั้งคืน ตอนนี้ริทยังหลับสนิทอยุ่ ผมมองหน้าเค้า จดจำทุกๆอย่างของเค้าให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะไม่ได้เห็นมันอีก
“อือ....”
อยู่ๆริทก็ตื่นขึ้น พร้อมส่ายหัวเบาๆ และสำรวจรอบข้าง
“ตื่นแล้วหรอ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“นี่ผมนอนหลับนานขนาดนี้เลยหรอ”
ริทมองหน้าผมพร้อมทำหน้างงๆ
“ใช่ ....หลับสบายมั้ยล่ะ พิงฉันทั้งคืน ปวดไปหมดเลยนะเว้ย”
ผมพูดพร้อมนวดหลังตัวเองเพื่อความสมจริง ความจริงมันก็ไม่ปวดมากอะไรหรอก
“จริงอ่ะ ผมขอโทษษ”
ริททำหน้ารู้สึกผิดอย่างโจ่งแจ้งพร้อมเอื้อมมาเหมือนจะนวดให้ผม
“ล้อเล่นเว้ยย แค่นี้สบายๆ ฮ่าๆ”
ผมหัวเราะแห้งๆ พยายามทำตัวอารมณ์ดีมากที่สุด
“มันเจ็บมากหรอ”
ริทมองด้วยสายตาเจ็บปวด
“อะไร . ก็บอกว่าสบายมากไง ”
“แล้วทำไมพี่ต้องทำหน้าเศร้าๆด้วยล่ะ เหมือนพี่แสร้งแกล้งทำมีความสุขอย่างงั้นแหละ”
ผมอึ้งกับคำพูดของเค้า นี่กูเป็นนักแสดงไม่ได้แน่ๆ
“ริท.... ถ้าเราต้องจากกันล่ะ”
ผมมองมุมต่ำ และพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ
“ทำไมล่ะ ! เราไม่ได้จากกันอยู่แล้ว วันนี้ผมจะกลับบ้าน ไปเยี่ยมพ่ออยู่อเมริกา แล้วไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากังวลเลย...~ ”
ริทบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง ...........เฮ้อออ ผมไม่อยากทำลายรอยยิ้มนั่นเลย ..................ผมไม่รู้พูดอะไร ผมไม่รู้จะทำอะไร ผมจะรอ รอให้แม่ไอ้ริทมารับตัวไอ้ริทไป แล้วโกหกว่าไอ้ริทไม่ได้ไปเรียนต่อเมริกา ........ไม่ได้จะจากผมไปนาน ไม่ได้ไม่เจอกันอีก ได้กินขนมฝีมือผม ได้ฟังคำบอกรักจากผม อย่างเคย........
แค่นั้นเอง .............. ผมต้องทำให้ได้
“เงียบทำไมอ่ะ พี่ไม่สบายหรอ หรือปวดหลัง ผมบอกขอโทษแล้วไง โกรธผมหรอ”
ริทพยายามถามผมด้วยความเป็นห่วง .......ให้เค้าไม่รับรู้อะไรนั่นแหละดีแล้ว
“ฉันแค่นอนไม่พอ”
ผมปั้นเสียงให้เรียบที่สุด ทั้งๆในใจผมสั่นจะแย่อยู่แล้ว
“’งั้นนอนเถอะ ผมไม่กวนหรอก”
ผมหลับตาพริ้มพิงต้นไม้ต้นเดิม ............เสียงริทเงียบไป .................เค้าหายไปไหนแล้ว คุณป้ามาแล้วหรอ
“ไอ้ริท!”
ผมตะโกนสุดเสียง
“อะไร !? 0.0”
ผมลืมตาแล้วก็เห็นไอ้ริทสะดุ้ง มันไม่ได้ไปไหนมันอยู่ตรงนี้ตลอด โอ้ยย โตโน่แกบ้าไปแล้ว
“เห็นแกเงียบๆ นึกว่าไปไหน”
“ก็พื่บอกจะนอนอ่ะ ผมเลยเงียบๆไว้ ..........พี่เป็นไรมากมั้ยเนี่ย -*-”
“ริทฉันมีอะไรจะบอกแก!”
ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะบอกเรื่องที่เค้าจะเรียนไปอเมริกา!
“ริท !!!”
เสียงแหลมดังขึ้นขัดซะก่อน ทั้งสองคนหันไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว ก็พบว่า แม่ไอ้ริท พวกพรรคพวกบอดี้การ์ดมาเต็มไปหมด
“แม่!!”
ริทวิ่งเข้าไปหาแม่ทิ้งผมให้ยืนอึ้งอยู่คนเดียว
“ไปไหนมาลูก โทรศัพท์ก็ไม่รับ ดีนะที่แม่หาเบอร์โตโน่มาจนได้ ...ป่ะเรารีบไปเยี่ยมพ่อกันเถอะ”
“ครับ^^”
ริทมองหน้าแม่และยิ้มอย่างสดใส ...........ผมควรจะบอกดีมั้ย .........ริทหันมายิ้มและโบกมือให้ผมเป็นเชิงบอกลา ............ถ้าริทรู้ในตอนนั้นริทจะเสียใจมั้ย...............ริทมองมาหาผมพร้อมทำหน้าแปลกใจที่ผมไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ .......................ผมไม่อยากโกหกเค้าเลย...................ริทเดินหันหลังกลับไป พร้อมกับคุณป้า .............ผมควรทำยังไง!
“ริท! แม่แกจะพาแกไปเรียนต่อที่อเมริกา!!”
ผมบอกออกไปจนได้ ทุกคนหันมามองผมคนเดียว ..........ริทมองหน้าผมสลับกับแม่ของตัวเองอย่างสงสัย
“พูดเรื่องอะไร จริงหรอครับแม่”
ผมกำหมัดแน่น เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนอะไร หัวใจเต้นถี่รัวเป็นกลองชุด.............. มันเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดเท่าที่เคยได้เจอมา
“ริท...”
ริทมองหน้าของแม่ตัวเองอย่างหาคำตอบ มีเพียงเสียงแผ่วเบาเท่านั้นที่ตอบกลับมา
“ทำไมแม่ไม่ตอบผมล่ะ! แสดงว่ามันเป็นเรื่องจริงหรอ... แล้วทำไมผมต้องไปเรียนต่อที่นั่นด้วย ทำเพื่ออะไร? ”
ริทพูดกึ่งตะโกนถามแม่ตนที่คอยหลบตาอยู่
“แม่ทำเพื่อริทนะ”
“ยังไง? ผมงงไปหมดแล้ว”
ริทเสียงอ่อนลง ความสงสัยคลืบคลานไอ้ริทจนเต้มไปหมดแล้วล่ะมั้ง
“คุณป้ารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว...เรื่องของเรา”
ผมอาสาตอบให้แทน และสายตาของแม่ไอ้ริทก็มองกลับมาทางผมอย่างเคืองๆ
“แม่............ แต่ผมไม่อยากไปจากที่นี่ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น แม่เข้าใจผมนะ”
เร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ผูเป็นแม่กลับทำสายตาเกรี้ยวกราดใส่
“ไม่ริท ริทต้องไป ริทต้องลืมโตโน่ให้ได้ นี่เป็นทางเดียว!”
เสียงแผดออกมาทำริทแทบสะดุ้ง ริทมองหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เห็นแม่เป็นอย่างนี้มาก่อน
“แม่...แต่ริทไม่อยากไป”
ริทน้ำตาซึมด้วยความตกใจระคนเศร้าใจ
“ริท อย่าดื้อได้มั้ย แม่บอกว่าไปก็ต้องไปสิ แม่เก็บของไว้ให้แล้ว ไปมันตอนนี้เลย”
คุณป้าไม่พูดเปล่าแต่กลับจับมือไอ้ริทลากไปด้วย ไอ้ริทอยากขัดขืน แต่ก็ไม่กล้า .........
’ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่อยากไป ทำไมแม่ไม่เข้าใจผมเลย!’
ผมตัดสินใจสะบัดมืออกเต็มแรงแล้ววิ่งไปทางพี่โตโน่
“ริท!”
แม่เดินเข้ามาตามผมแล้ว ดึงแขนผมกลับไป แต่ผมคว้ามือพีโตโน่ไว้ ....ผมเห็นน้ำตาพี่โตโน่ไหลเป็นทาง ทำให้ต่อมน้ำตาของผมทำงานอีกครั้ง พี่โตโน่จับมือผมไว้แน่น ผมก็พยายามสะบัดมือแม่ออกจนเจ็บข้อไปหมด แต่ดูเหมือนแม่ก็จะยิ่งพยายามกำมันให้แน่นขึ้น ฮืออ....ผมเจ็บนะ T-T
“ไปจับแยกกันสิ!”
แม่ผมสั่งลูกน้องที่มาด้วยกัน ...เมื่อได้รับคำสั่ง ชายร่างยักษ์3คนก็ตรงไปด้านหลังพี่โตโน่ พยายามที่จะดึงพี่โตโน่ออกจากผม
“ไม่ ! ฮึกก แม่ ปะ ปล่อยผมนะ ฮือออ พี่โตโน่......”
ผมโวยวายออกมาด้วยความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
“แม่ ผมรัก ฮืออ ผมรักพี่โตโน่ ฮึกๆๆ อย่าให้ ผะผม ฮืออ ไปเลย ฮือออออ TTOTT”
น้ำตาจำนวนมหาศาลไหลมาจนชื้นไปหมด และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องด้วย ผมมองไปทางพี่โตโน่ มองด้วยสายตาอ้อนวอน อย่าให้ผมไปจากพี่เลยนะ .............ใบหน้ารวดร้าวแสดงออกทางสีหน้าพี่โตโน่อย่างชัดเจน แม้จะโดนดึงจากยักษ์สามคนด้านหลัง พี่โตโน่ก็ไม่คิดจะปล่อยผมออกเลย ............
ไม่ไหวแล้ว !
เจ็บมือชะมัดเลยเว้ย !
ไอ้บ้าสามตัวนี่ จะมาดึงทำไม !
โตโน่ แกอย่าปล่อยมือริทนะเว้ย ไม่นะ อย่าพึ่งหมดแรงนะเว้ย !
“ริททท!!!!”
ในที่สุดมือผมกับริทก็ผลักออกจากกันจนได้ผมล้มลงอย่างแรงทำให้ข้อศอกกระทบพิ้นจนของเหลวสีแดงฉานไหลออกมาเป็นทาง ผมมองไปทางไอ้ริททันที แต่ก็พบว่ามันปลอดภัยดี .........ไอ้ริทวิ่งกระโจนเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมรับมันด้วยอ้อมกอด น้ำตาเปรอะแก้มไอ้ริทเต็มไปหมด ผมกอดมันไว้อย่างแน่นหนา แม้ร่างกายจะระบมไปหมดแล้วก็เถอะ .......
“ริท มาหาแม่เดี๋ยวนี้นะ!”
ริทกอดผมแน่นขึ้นบ่งบอกถึงความในใจ ริทไม่อยากไปขนาดนั้น แล้วทำไมแม่ไอ้ริทยังจะบังคับให้ไปอีก
“ริท!”
เสียงแม่ผมเรียกดังขึ้นอีกครั้ง แต่ผมก็หลับตาปี๋พร้อมกอดพี่โตโน่แน่นขึ้นไปอีก ทำไมแม่จ้องบังคับผมขนาดนี้ด้วย ผมอดทนต่อกฎที่แม่ตั้งไว้มาตลอด ผมจะขอสักเรื่องได้เลยรึไง! .............แม่ตรงเข้ามาพยายามเอาผมออกจากพี่โตโน่จากด้านหลัง ......ผมดึงเสื้อพี่โตโน่ไว้ .........แต่แล้วก็แพ้แรงแม่ผม เพราะตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยมาก ........กระดุมเสื้อพี่โตโน่หลุดออกทั้งแถบ ผมคว้าอะไรไปอีกไม่ได้ .......
“ฮือออ...แม่...ปล่อยผมนะ ฮึกๆ TTOTT”
แม่ผมก็ดูท่าจะเหนื่อยเหมือนกัน ทำให้ผมดิ้นหลุดออกมาได้อีกครั้ง ผมคลานไปหาพี่โตโน่ที่โดนพี่ยักษ์คนนึงล๊อคแขนไว้อย่าลำบาก ผมพบาบามจะเปล่งเสียงเรียก แต่เหมือนมันจุก มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้นที่ออกมาได้
“จับตัวริทขึ้นมา เบาๆนะ” เสียงออกคำสั่งแม่ของผมขึ้นมาอีกครั้ง ผมเอื้อมือไปอีกครั้ง
‘จะถึงแล้ว มือเราจะถึงกันแล้ว พี่โตโน่ ส่งมือมาจับผมไว้นะ อย่าทิงผมนะ T-T’
‘ริท แกเข้มแข็งไว้นะ ยังไงฉันก็จะปกป้องแกไว้เอง ส่งมือมา ฮันจะไม่ทิ้งแกแน่ !’
“อ๊ะ”
เมื่อปลายนิ้วเราสัมพัสกันได้นิดนึง ผมก็โดนล๊อคแขนแล้วยกผมขึ้นที ผมพยายามดิ้นอย่างสุดความสามารถที่มีตอนนี้
พี่ยักษ์จับผมหันหน้าไปทางแม่ ผมมองหน้าแม่ด้วยสายตาอ้อนวอน แต่สายตาที่มองกลับกลับเยือกเย็นและหน้ากลัวเหลือเกิน .........แม่คนเดิมผมไปไหน ?
เพี๊ยะ !
.
.
.
“แม่....”
แม่ตบผมเต็มแรงจนหน้าผมหันไปอีกข้าง ........ตอนนี้ทุกคนมองมาทางเดียวกันหมด แม่แต่พี่ยักษ์ก็ยังตกใจจนเผลอปล่อยผมออก .....ผมกุมหน้าข้างที่โดนตบ ความเจ็บแผดซ่านไปทั่วรวมทั้งหัวใจผมที่จะแตกสลายให้ได้ ....
“ชั้นไม่เคยสอนให้แกเป็นคนแบบนี้ ทำไมนอกคอกอย่างนี้ห๊ะ!”
“TTOTT”
เจ็บ ! เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ผมไดแต่อึ้ง สมองขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก ผมอยากหลับ ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
“ความรักผิดผีแบบนี้ ชั้นไม่รับหรอก ไปเรียนต่อที่อเมริกาซธนี่คือคำสั่งของแม่ ถ้ายังอยากเป็นแม่ลูกกันต่อไปก็ทำตามที่บอกซะ”
โหดร้าย ....... นี่แม่รักผมจริงๆน่ะหรอ ......ที่ยืนอยู่ตรงนั้นแม่ผมหรอ .......
แม่จูงมือผมไป แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆเมื่อผมทำตามโดยดี ผมเหมือนร่างไร้วิญญาณที่ใครจพาไปไหนก็ไป ......สติผมเลื่อนลอยไปแล้ว ..........ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว .......... ลาก่อนพี่โตโน่ .....เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ......ผมพยายามที่สุดแล้ว TT-TT
“ไอ้ริท!!!!!!!!!!!!!”
ผมตะโกนตาม แต่ร่างกายก็ไม่ทำตามที่บอกเลย โธ่เว้ยย ! ไอ้โตโน่ แกไม่น่าบอกที่อยู่ไปเลย ไม่น่าเลย! แกมันโง่จริงๆ วะ บัดซบเอ้ยย ! T-T
ผมได้แต่ยืนเตะต้นไม้ไปเท่านั้น ผมร้องไห้อีกครั้ง ผมบ่น้ำตาลึกมาก แต่ทำไมผมต้องมาร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่าให้กับไอ้ริท .........ผมพิงต้นไม้พร้อมเอามือกุมหน้าไว้ ไม่ให้ใครเห็นน้ำตาของผม ไม่อยากให้ใครเห็น มันน่าสมเพชจริงๆ ชิ!
.
.
.
.
.
.
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
.
.
.
.
เรื่องราวในอดีตมากมายไหลเวียนเข้ามาสมองผม ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ก็1ปีได้แล้ว ........ผมมีแฟนเป็นผู้หญิงหลายคนจนนับไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมา กลับเป็นเครื่องหมายยืนยันว่า ผมลืมริทไม่ได้จริงๆ ทำมันกันนะ ทำไม..
ผมลูบลำต้นต้นไม้ที่คุ้นเคยอย่างช้าๆ พร้อมตั้งคำถามในใจมากมาย.....
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะช้าๆดังขึ้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้าตามเสียง ...........แล้วหัวใจผมก็แทบหล่นลงไปบนพื้น หัวใจเต้นถี่แรงเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ .........เพราะคนตรงหน้า คือคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอด1ปี..
“ไอ้ริท.......”
ผมพูดพรางวิ่งโผไปกอด .............ผมกอดเค้าแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ บ่งบอกถึงความคิดถึงที่มีอยู่ในใจ ให้ตาย ผมอยากร้องไห้อีกสักครั้งจริงๆ .............
“นี่ๆ ทำอะไรอ่ะ! ปล่อยผมนะ”
เสียงแผดกร้าวใส่ผม และแรงมหาศาลที่พยายามดันผมออก ........ทำให้ผมถึงกับผงะออกทันที ...........ไอ้ริทมันเปลี่ยนไป ??
“ริท”
ผมสบตาและเอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างประหลาดใจ
“ริทบ้าอะไร! คุณบ้ารึเปล่าเนี่ย”
หืออออ..............
เฮ้ยยยยยยย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมสั่นหัวแรงๆหนึ่ง ไอ้ริทที่ผมกอดไปเมื่อกี๊ก็หลายเป็นคนอื่น ! นี่ผมคิดถึงเค้าเกินไปหรอเนี่ย !!!
“เฮ้ยย เออ.... ผมตาลายไปหน่อย ขอโทษนะครับ”
ผมผงกหัวขอโทษแทบไม่ทัน ก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมไอ้ริทตัวใหญ่ขึ้น - -++
“ขอตัวก่อนนะครับ”
พูดเสร็จก็แจ้นออกไปทันที ด้วยความอายที่ยังพอมีอยู่บ้าง ......หมู่นี้เป็นคนไม่ค่อยเต็มคนเท่าใหร่ ไอ้ริทเว้ย เจอหน้าแกเมื่อใหร่ จะซัดให้หายคิดถึงเลย !!
จะว่าไปคนเมื่อกี๊ หน้าตาหน้ารักเหมือนกันนะ .....ทำให้เราตาลายมองว่าเป็นไอ้ริทได้ แล้วมาทำอะไรในที่แบบนั้นน่ะ.... ชั่งเถอะ .
ผมสะบัดความคิดบ้าๆของผมออกพร้อมเดินไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย เสียงความวุ่นวายของเมืองหลวงตอนนี้ไม่ได้เข้าโสตผมเลย ผมนั่งลงที่เก้านั่งรอรถเมล์ด้วยอาการคอตก .......น่าเบื่อจริงๆ
.ให้ตาย
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
.
.
.
สายนี้ถูกเปล่าหว่า......
แต่ถามป้าคนเมื่อกี๊แล้ว คงใช่ล่ะมั้ง อืออ
ผมเดินอ้าปากหวอ ถามทางไปบ้านตัวเอง ผมหนีพ่อมาจากอเมริกา แม่คงคิดไม่ถึงแน่ๆ ........ยังไงผมก็จะไม่ยอมอีกแล้ว.....หลังจากที่ลงจากเครื่อง ผมก็ไปต่อแทบไม่เป็น .....ตอนนี้ผมขี่รถชมเมืองเสียจนหายคิดถึงแล้ว...แม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“เอ...ลงตรงนี้รึเปล่านะ”
ผมสบถขึ้นกับตัวเองเบาๆ ........แล้วผมก็ลงจนได้ เนื่องจากไอ้อาการวินๆมันเริ่มกลับมาแล้วน่ะสิ ....พูดถึงเรื่องเมารถ ทำให้ผมคิดถึงคนๆนึงที่ผมรักมากอย่างอัตโนมัติ เฮ้อออ....พี่โตโน่จะเป็นยังไงบ้างนะ
ผมแบกเป้ใบใหญ่มหึมาลงมานั่งที่เก้าอี้ป้ายรถเมล์ พร้อมวางสัมภาระอันหนักอึ้งไว้ข้างๆ........ เหนื่อยชะมัด ....ผมปาดเหงื่อที่ไหลเป็นทาง...................ขึ้นแท็กซี่ดีมั้ยเนี่ย......... ไม่ๆๆ เราสัญญากับตัวเองแล้ว ว่ายังไงเราต้องขึ้นรถเมล์กลับบ้าน เผื่อเจอคนๆนั้น....
ผมสะบัดหัวเบาๆเป็นเชิงเตือนสติ... แล้วสายตาผมก็ไปสะดุดกับ คนๆนึงที่ดูคุ้นมาก เค้านั่งเหม่อมองถนนอยู่อย่างใจลอย....... ช่ะ...ใช่พี่โตโน่รึเปล่าน่ะ ..? ผมพยายามดูหน้าเค้าให้ชัดขึ้น ..............คิ้วแบบนี้ ปากแบบนี้ จมูกแบบนี้ .....
........พ่ะ พี่โตโน่จริงๆด้วย !!!!!!
ผมยิ้มออกมาโดยสัญชาติญาณ และไม่ลืมที่จะวิ่งเข้าไปหาเหมือนเด็กเจอของเล่น
“พี่โตโน่!”
ผมวิ่งไปตรงหน้าพร้อมตะโกนชื่ออย่างดีใจ ......พี่โตโน่มองขึ้นมาตามเสียงเรียก..แล้วสีหน้าพี่โตโน่เปลี่ยนเป็นตกใจเช่นเดียวกัน
“อ่ะ...ไอ้ริท!!!”
พี่โตโน่ลุกพรึ่บขึ้นพร้อมจะทำท่าจะกอดผม.... แต่แล้วก็ชะงักซะก่อน ........ -0-??
“เออ... ผมคงตาลายแน่ๆเลย ขอโทษนะครับผมทักคนผิด”
แล้วพี่โตโน่ก็เดินหันหลัง พร้อมทุบหัวตัวเองเบาๆไปด้วย ...................
อะ.....อะไรของเค้า...........ผิดคนที่ไหนละเว้ยยย !
“พี่โตโน่!”
ผมวิ่งไปเรียกพี่โตโน่อีกครั้ง .......พี่โตโน่หันมาพร้อมผงกหัวให้เหมือนจะขอโทษ
“นี่จำผมไม่ได้หรอ”
ผมถามอีกครั้งด้วยเสียงเศ้ราๆ... ทรงผมผมก็ไม่ได้เปลี่ยน หน้าตาก็เหมือนเดิม ทำไมจำกันไม่ได้ !
หรือ.....เค้าลืมเราไปแล้ว....
“หือออ ...”
พี่โตโน่ตาโพลงด้วยความตกใจ............เดี๋ยวตกใจ เดี๋ยวขอโทษ อะไรของเค้าวะ !
“ริทจริงหรอ ?”
น้ำเสียงตื่นเต้นพี่โตโน่ถามผม พร้อมเดินเข้ามาใกล้
“ผมนี่แหละริท จำไม่....อ๊ะ อุ๊บบ”
ปากผมถูกปิดด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างกะทันหัน ....การจูบที่นุ่มนวลแล่ะอนโยนแบบนี้ ..............ก็ดีนะ....
แต่ .......นี่มันกลางเมืองกรุงเทพนะเฟ้ยยย !
ผมผลักอกพี่โตโน่เบาๆ พี่โตโน่รู้ความหมายจึงถอนริมฝีปากออกก่อนที่จะกอดผมและรัดแน่นเหมือนจะไม่ให้ไปไหนอีก
“แกทำฉันเกือบบ้า”
เสียงสั่นๆทำให้ผมรู้ว่าพี่โตโน่พยายามกลั้นน้ำตาอยู่ ......แต่ผมมัวแต่หน้าแดงอยู่นั่น ทั้งแดงทั้งร้อน เหมือนหน้าจะระเบิดออกมาให้ได้...
“ทำขนมให้ผมกินสิ....”
ผมบอกเสียงเรียบข้างหู
“ฉันเป็นเชฟของโรงแรม5ดาวเชียวนะ แกต้องบอกอร่อยแน่”
น้ำเสียงกวนประสาทของพี่โตโน่กลับมาอีกครั้ง....
“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่อร่อยล่ะ”
ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงคงเดิม
“ฉันก็จะทำให้แกกินทุกวัน....ตนกว่าแกจะบอกว่าอร่อยนั่นแหละ..... ^^ ”
ทั้งคู่ยิ้มอย่างมีความสุข ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ...........
จะอายอะไรก็เรารักกันนิ่ครับ ^____________^
THE END
** ฝากนิยายเรื่องอื่นด้วยนะเบ่บี๋
ผลงานอื่นๆ ของ Re-u ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Re-u
ความคิดเห็น