ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6- ออกเดินทาง
หลังจากเสร็จพิธีศพของทริช และไวโอเลตได้พักฟื้นจนหายดีแล้ว ไวโอเลตจึงลุกขึ้นมาเตรียมข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมที่จะออกจากบ้าน
“นี่เธอจะไปไหนน่ะไวโอเลต” โรมิวลัสเข้ามาเห็น
“ฉันจะไปฆ่ามัน” ไวโอเลตเงยหน้าขึ้นแล้วตอบด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น
“คนเดียวน่ะเหรอ”
“ใช่....คนเดียว......” ไวโอเลตมองรูปพ่อที่วางอยู่ข้างๆ
“จะไหวเร๊อ คนอย่างเธอน่ะไม่ต้องคิดก็รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะเจ้านั่นได้หรอกเธอก็เห็น ว่าพลังมันแกร่งขนาดนั้น” เรมัสพูดดูถูก
“งั้นฉันไปด้วย” โรมิวลัสเรียกร้อง
“อ้าว...โรมิวลัส นายก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยเหรอ นายก็รู้ ว่าไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก” เรมัสคัดค้าน
“นายก็เห็นไม่ใช่เหรอว่ามันฆ่าพ่อ แม่เรา และก็พ่อไวโอเลตด้วย แถมมันยังเป็นอันตรายต่อโลกทั้งสี่อีกด้วย ฉันไม่ยอมปล่อยให้มันลอยนวลแน่ๆ” โรมิวลัสยืนยัน
“งั้นก็ตามใจพวกนายแล้วกัน แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไร” โรมิวลัสสงสัย
“ให้ฉันไปด้วย” พอเรมัสพูดจบ ทั้งโรมิวลัส และไวโอเลต มองหน้าเรมัสแล้วยิ้มด้วยความโล่งใจ
และแล้วทั้งสามคนก็เตรียมสัมภาระแล้วออกเดินทางอย่างไม่มีจุดหมาย แต่ปลายทางคือการกำจัดคนที่เป็นอันตรายต่อโลกทั้งสี่และกำจัดความชั่วร้ายที่กำลังจะมาเยือนที่ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ทั้งสามคนเดินทางไปพวกเขารู้สึกได้ถึงท้องฟ้าที่ทมึนด้วยพลังความชั่วร้ายที่กำลังมาเยือนท้องฟ้าเปลี่ยนจากความสดใสกลายเป็นสีเลือดพลังแห่งความตายและหายนะเข้ามาแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้างชาไทร์บาดแผลของเจ้าหายดีหรือยัง” โพรมิเธียเดินเข้ามาที่ห้องขณะที่ชาไทร์เสร็จจากการทำพิธีรักษาบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้กับ ไวโอเลต โรมิวลัส และเรมัส
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณท่านราชาที่เป็นห่วงข้า” ชาไทร์ลุกขึ้นมาจากแท่นพิธี
“แล้วทำไมเจ้าไม่ฆ่าเจ้าไม่รีบจับตัวนังเด็กนั่นมาแล้วฆ่าเจ้าปีศาจตัวกระจ้องสองคนนั้นซะล่ะ เจ้าก็รู้ไม่ใช้เหรอ ว่าพวกมันเป็นเสี้ยนหนามของเรา” โพรมิเธียสสงสัย
“ที่ข้าปล่อยเจ้าสามคนนั่นไป เพราะข้ามีลางสังหรณ์ว่าในภายหน้ามันจะมีประโยชน์กับเราน่ะสิ” ชาไทร์พูดแล้วมองไปที่ประตูปีศาจเหมือนแฝงนัยอะไรบางอย่าง
“แล้วนี่..เราจะขับรถไปเรื่อยๆอย่างนี้น่ะเหรอ” เรมัสเริ่มเบื่อ
“แล้วจะให้ทำไงล่ะ หรือว่านายรู้ทาง ถ้านายรู้นายก็ไปขับเองสิไป” ไวโอเลตพูด
“ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่เราก็ต้องมีจุดหมายอะไรบ้าง ดีกว่าขับไปเรื่อยๆแบบนี้ มันเบื่อรู้มั้ย” เรมัสเถียง
“นายไม่รู้ก็เงียบไปเลย นายไม่พูดยังดีกว่าอีก” ไวโอเลตรำคาญ
“พอได้แล้วทั้งสองคนน่ะ ฉันไม่มีสมาธิขับรถ” โรมิวลัสว่าทั้งสองคน “ตอนนี้.....เราก็ยังไม่รู้อะไรเลยฉันว่าเราควรทำอะไรสักอย่าง ดีกว่าที่จะมานั่งทะเลาะกันแบบนี้” โรมิวลัสเสนอ
“แล้วทำไงล่ะ” ไวโอเลตกับเรมัสถามพร้อมกัน
แต่แล้วเมฆที่ดำทมึนก็ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นความมืดเข้ามาเยือน แต่แล้วในความมืดนั้นก็มีลำแสงอะไรบางอย่างพุ่งตรงออกมาจากปลายทางที่โรมิวลัสกำลังขับรถมุ่งหน้าไป
“นั่นแสงอะไรน่ะ” ไวโอเลตกับเรมัสถามพร้อมกัน
“ฉันก็ไม่รู้ ดูเมือนว่ามันจะนำทางเราไปที่ใดสักแห่ง” โรมิวลัสตอบ แล้วขับรถตามแสงนั่นไป และหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่พูด
และแล้วมันก็เป็นอย่างที่ทุกคนหวังไว้ ลำแสงนั่นนำพวกเขามายังชายป่าแห่งหนึ่ง แต่ก็ผิดไปจากเมื่อไม่นานมานี้พวกเขายังนั่งรถอยู่ในเมืองที่มีตึกรามบ้านช่อง แต่ที่นี่มีแต่ป่าที่ธุระกันดานไม่มีแม้แต่บ้านคน
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” ไวโอเลตมองลอดออกมาจากกระจกรถ
“ฉันว่าเราลงเดินต่อกันดีกว่า เราคงขับรถเข้าไปไม่ได้แน่” โรมิวลัสแนะนำ
“จะดีเหรอ ดูสิเรามาเดินในป่ามืดๆอย่านี้เนี่ยนะ” เรมัสค้าน
“แต่เราก็ไม่มีทางเลือกหรือว่านายจะกลับไป แล้วให้ฉันไปเอง” โรมิวลัสพูด
แล้วทุกคนก็เดินลงจากรถมุ่งหน้าเดินเข้าไปในป่า แต่พอเดินเข้าไปเรื่อยๆ ความมืดก็ค่อยๆหายไป แสงสว่างค่อยๆปรากฏขึ้นทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไป ยิ่งเดินความน่ากลัวก็ยิ่งหายไป
“นี่มันป่าอะไรกัน ต่างจากเมื่อกี้ลิบลับเลย” ไวโอเลตหันกลับไปมองท้องฟ้าข้างหลัง
“นั่นสิ ที่นี่ที่ไหนกันแน่” โรมิวลัสหันหลังมองตามไวโอเลต
“มันก็ป่าน่ะสิ แถมไม่ใช่ป่าธรรมดาซะด้วย เพราะเจ้านั่นมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว” เรมัสไม่สนใจที่จะมองไปข้างหลัง เขาเดินนำหน้าไป
“โรมิวลัส ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ” ขณะที่กำลังจ้ำเดิน อยู่ดีๆไวโอเลตก็หันมาพูดกับโรมิวลัส
“อืม ถามมาสิ” โรมิวลัสขานตอบ
“ทำไมนายถึงมากับฉันล่ะ ทั้งๆที่เจ้านั่นต้องการตัวฉันคนเดียว ความจริงพวกนายก็ไม่จำเป็นต้องมาด้วยซ้ำ” ไวโอเลตถาม
“เธอลืมแล้วเหรอ ว่าแม่ฉันส่งฉันไว้ว่ายังไงก่อนที่ท่านจะตาย” โรมิวลัสตอบ “แล้วอีกอย่าง....ฉันจะมาแก้แค้นแทนพ่อกับแม่ของฉัน และก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำในสิ่งที่พ่อเธอกับพ่อฉันให้มันเสร็จสิ้นซะที”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น