ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Meitantei Kaldr

    ลำดับตอนที่ #5 : คดีฆาตรกรรมนายบี (ภาคไขคดี)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 96
      0
      30 ส.ค. 54

                "ว่าแต่... ทางตำรวจสันนิษฐานว่าอย่างไรบ้างครับ"

    "ก็นายสมชายนั่นแหละคือคนร้าย ไดอิงเมสเซจบอกไว้ชัดเจน ปัญหาก็น่าจะมาจากค่าห้อง เขาอาจจะเป็นคนจ่ายค่าห้องให้นายประมวลอย่างลับๆ เพื่อเป็นที่สุงสิงหรือทำธุรกิจกัน จ่ายกันเป็นรายปี อาจจะเป็นเงินของนายสมชายทั้งหมดก็ได้ แม้ว่าเขาจะปฏิเสธเพื่อตัดข้อน่าสงสัยไปยังตนเองออก แต่นายประมวลเอาแฟนมาอยู่อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับเขา เขาจ่ายไปเป็นรายปีเชียวนะคุณ โกงกันอย่างเห็นได้ชัด เราเพียงขาดหลักฐานการให้เงินตรงนี้แค่นั้นเอง ประเด็นอื่นน่ะไม่มีเหลือ"

    "ถ้าเช่นนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลสนับสนุนอะไรเลย"

    "มีสิ หลักฐานที่อยู่ไง แม้ว่ามันจะไม่ละเอียดนัก ต้องโทษทางหอพักนั่นแหละ เขาเข้าไปหลังแฟนนายประมวล หล่อนออกมา เขาก็ยอมรับว่าเขาเข้าไปเจอนายประมาล แปลว่าตอนนั้นนายประมวลยังไม่ตายนะคุณ"

    "เขาอาจจะปกป้องแฟนนายประมวลก็ได้นะ" วาดิลเสนอ "เพราะของถูกขโมยไปด้วยนี่ ถึงแม้เธอจะไม่ได้อะไรหลังจากการตายครั้งนี้ แต่ว่าหล่อนก็ขโมยทรัพย์สินไปได้หลายอยู่นะ"

    "นั่นแหละ นั่นแหละ เราได้อีกข้อสงสัยแล้ว ผมขอจดเอาไว้ก่อนนะครับ คุณคาลด์" สารวัตรกล่าว

    "ตามสบายครับสารวัตร แต่มันค่อนข้างจะน้ำเน่าไปหน่อยนะนายวาดิล แล้วสารวัตรเขาก็บอกว่าเคยสอบถามจากเพื่อนของเขาสองคนกันแล้ว ไม่มีปัญหากันเรื่องนี้"

    "โธ่ คาลด์ อย่าเถียงนักสืบอย่างฉันดิ"

    "เอาเข้าไปสิคู่หู เชิญต่อเลยครับท่านสารวัตร ขอประเด็นเก่าก่อน ที่ผมถามเพราะจากความเห็นของสารวัตรนั้นอาจมีหลักฐานเพิ่มเติมที่หลงลืมหลุดรอดออกมาให้ผมรู้ แล้วเราจะได้แก้ไขข้อที่เข้าใจผิดพลาดกันได้ครบถ้วน"

    "แต่ฉันเกรงว่าฉันจะสงสัยแค่นี้แหละ นอกจากนั้นก็สงสัยนายวิษณุก็ได้ สงสัยนายสาธรณ์ก็ดี เพราะขึ้นลิฟท์ไปคนหลังสุด เป็นผู้พบศพคนแรก"

    "ก็จริงนะคาลด์ ไม่แน่นะคำว่า 'สม' กับ 'สา' มันไม่ชัดอยู่นะ ตวัดใกล้ๆ กันเลยดูนี่ดิ แล้วเป็นไปได้ว่าเหมือนที่นายบอก คนร้ายเห็นเขียนชื่อเขาคือสาธรณ์ เขาเลยปรับเปลี่ยนเอาซะเป็นสมชาย"

    "อืม มีเหตุผล มีเหตุผล นายเรียนรู้เรื่องการสังเกตและตั้งสมมติฐานไปได้มากทีเดียว" คาลด์กล่าวยิ้มๆ

    "จริงไหมล่ะ" วาดิลเอ่ยชมตัวเขาเองอย่างร่าเริง ท่าทางดีใจที่คาลด์จนดูเหมือนจะกระดิกหางอยู่รอมร่อ "ฉันว่าเขาอาจจะก่อเหตุวันก่อนพบศพก็ยังได้ เพราะห้องของนายสาธรณ์ก็เลขใกล้เคียงกับของนายประมวล อาจใช้ทริกอะไรมาจากชั้นบน"

    "ช่างสังเกตดีนี่" คาลด์กล่าวชม ก่อนพูดต่อกับสารวัตรที่ทำหน้างง "ว่าแต่สารวัตร ห้องคู่กับห้องคี่มันคนละฟากกันไม่ใช่หรือ สังเกตจากตอนที่สารวัตรอธิบายห้องชั้นหนึ่ง"

    "จริงทีเดียว" สารวัตรตอบ "แล้วระเบียงก็ห่างจากกลางห้องเยอะ จะว่าลงมาทางระเบียงน่ะก็ยากอยู่ ไม่น่าเป็นไปได้"

    "แต่กล้องที่ลิฟท์กับบันไดไม่สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาไปที่ชั้นไหนเสมอไป" วาดิลยังไม่ยอมแพ้ "เขาอาจจะลงบันไดย้อนมาหนึ่งชั้นก็ได้"

    "โอ้ได้การ นายช่างสังเกตจริงๆ ด้วย" คาลด์ดูจะดีใจจริงๆ

    "นายเห็นแล้วสินะว่าในโลกนี้ บางคนก็ฉลาดและมีความสามารถในการไขปัญหาทัดเทียมนายได้" วาดิลยืดขึ้นอีก

    "และบางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น เหตุผลหนึ่งๆ ที่สันนิษฐานขึ้น บางครั้งก็อาจจะถูกบางครั้งก็อาจจะผิดถ้ามันไม่ได้ตั้งบนความจริงแต่แรกละก็นะ มีทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุผลมาทีหลังการกระทำกล่าวว่า คนถูกหาว่า 'ขี้ขลาด' เพราะเขาไม่กล้าข้ามสะพานไม้ ไม่ใช่ว่าเขาเป็น 'คนขี้ขลาด' เขาจึงไม่กล้าข้ามมัน มนุษย์มักจะหาเหตุผลมารองรับสิ่งที่ตนคิดว่าจะเป็น จะทำ ไม่ใช่มนุษย์จะเป็น จะทำ เพราะเหตุผลนั้นๆ" คาลด์กล่าวเรียบๆ แต่เน้นคำและจังหวะชัดเจน

    "นายหมายความว่าอย่างไร" วาดิลเอ่ยเหวอๆ คาลด์กำลังแซวอะไรเขาแน่ แต่เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก

    "ก็นายฟังคำจากสารวัตรว่าเขาสงสัยนายสาธรณ์ นายก็ปักธงไปว่าสมเป็นคำเติมมาจากสา ฮ่ะๆ นายไม่คิดว่ามันหุนหันไปหน่อยรึ และห้านาทีสำหรับนายก็ยาวนานเกินไป ทำให้ฉันนึกถึงเพื่อนบางคนที่ชอบให้รอแล้วกล่าวว่า  แป้บนึงห้านาที แต่พวกเขาใช้เวลาจริงๆ สิบถึงสิบห้านาทีเชียว"

    "คาลด์ง่า~~~" วาดิลหางตก '->ไม่ใช่เฟร่ย'

    "เอาเป็นว่าสุดท้ายเราก็สงสัยไปซะทุกคน แต่ฉันไม่ค่อยสงสัยแฟนนายประมวลนี่สักเท่าไร" สารวัตรสรุป

    "ส่วนฉันสงสัยว่ามันจะจบยังไงเนี่ย ฉันหิวข้าวมาก"

    "ทนอีกหน่อยวาดิล เดี๋ยวผมขอสรุปแนวคิดของผมให้สารวัตรฟังแล้วกัน ผมคาดว่าเราคงหาหลักฐานรวบตัวได้ไม่ยาก หากไปถูกทาง ทรัพย์สินต่างๆ ที่คนร้ายนำไปจะเป็นหลักฐานมัดตัวเขาเอง"

    "ก็อยู่ที่ความเร็วนั่นแหละ ว่าคำแนะนำของนายมาเลย"


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

                    "ก่อนอื่น ผมจะขอตั้งข้อสังเกตว่าผู้ตายชอบเรื่องปริศนาเล็กๆ น้อยๆ"

                    "ทำไมล่ะคาลด์ เชื่อเรื่องดวงว่าไปอย่าง ดูจากการย้ายห้องของเขาสิ ใช่ไหมครับสารวัตร"

                    "จริง นายต้องมีหลักฐานมากกว่านี้ ฉันจึงจะเชื่อตามนายได้นะคาลด์"

                    "นั่นแหละครับที่ผมกำลังจะบอก ห้องของเขาที่ไม่ใช่นายสมชาย กับห้องของนายประมวลหรือเรียกให้ถูกคือห้องของนายบี"

                    "ยิ่งพูดยิ่งงงอีกนั่นแหละ นายจะทบทวนเรื่องค่าเช่าห้องอีกเหรอ" สารวัตรกล่าวอย่างหงุดหงิด

                    "คืองี้ครับสารวัตร ขอกระดาษให้ผมแผ่นหนึ่งเถอะจ่าสิงห์ เรามาลองเขียนเลขห้องกันนะครับ
      

    "

    "มันมีอะไรเหรอคาลด์"

                    "ให้ตายสิวา นายไปนั่งกับสารวัตรนู่น"

                    "ใจร้ายว่ะคาลด์ ไปก็ได้..."

                    "ไม่ใช่อย่างงั้น"

                    "เห้ย~~~ ฉันเข้าใจแล้ว นายไม่ต้องอธิบายแล้ว นี่ไงห้อง 'ของเขา' - 'his' จริงๆ แฮะ ไม่ใช่ของนายสมชายอย่างที่นายว่า 'ของเขา' เขาไหนก็ไม่รู้แหละ"

                    "ใช่ ฉันแค่อยากให้นายไปนั่งฟากตรงข้าม นายจะได้เห็นอย่างที่สารวัตรชัยเขาเห็น"

                    "เอาเป็นว่าฉันยกโทษให้ นายติดฉันหนึ่งอย่างแล้วนะวันนี้" วาดิลกล่าวอย่างทึกทักเอาประโยชน์

                    "เอ่อ..."

                    "งั้นเรามาต่อห้องข้างล่าง"

                    'เปลี่ยนเรื่องเร็วเลยนะ เราไปติดอะไรมันห๊ะเนี่ย เฮ่อ' "ห้องนี้แหละสำคัญสุด ทำให้ฉันเข้าใจที่เขาจะสื่อ หลังหลักฐานโดนแก้ไข"

                    "อ้าวงั้นนายสาธรณ์ก็เป็นคนร้าย ว่าแล้วไหมล่ะ แล้วนายจะเถียงฉันทำไมห๊ะคาลด์ ติดฉันไว้สองล่ะนะ"

                    "เฮ่ย ไม่ใช่..."

                    "เอ้าๆ เรามาดูกัน งั้นผมเขียนนะครับสารวัตร" วาดิลเขียนเลข 105 และ 103 พร้อมหมุนกระดาษกลับด้านอย่างรวดเร็ว "'soi', 'eoi' 'ooi'->โอ้ย อะไรฟระเนี่ย ไม่เห็นจะเข้าใจ นายมั่วแล้วล่ะคาลด์"

                    "ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ไม่มีใครเขาแย่งนายหรอกวาดิล เพราะมันแปลความแบบนั้นไม่ได้ ผมว่านะสารวัตร นายประมวลเนี่ยชอบปริศนา"

                    "ฉันเห็นด้วยกับนายแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจเบอร์ร้านเขาอยู่ดี"

                    "อันนี้ออกจะซับซ้อนอยู่สักหน่อย แต่มันไม่ยากนักสำหรับคนที่รู้จักเรื่องพวกนี้ สารวัตรรู้จักรหัสมอร์สหรือเปล่าครับ"

                    "รู้จักสิ ผมเคยอยู่ขมรมวิทยุอะไรเทือกนั้นอยู่นา"

                    "งั้นถ้าผมเขียน 103 เป็น 1000 ล่ะ"

                    "อ้อ เข้าเค้าล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ห้องของนายบีเป็นห้องของเขาจริงๆ"

                    "เข้าใจอะไรกันครับคุณคาลด์ รบกวนบอกผมมั่งดิคร้าบ~~~" วาดิลเหน็บ

                    "ฮ่ะๆ" สารวัตรและคาลด์ขำพร้อมกัน "จ่าสิงห์อธิบายเรื่องรหัสมอร์สสิ ผมว่าจ่าคงเข้าใจ" สารวัตรพูดอย่างภูมิใจ

                    "คืออย่างนี้นะครับคุณวาดิล รหัสมอร์สเนี่ยประกอบด้วยจุดสั้นกับเส้นยาว" จ่าจบลงอย่างห้วนๆ

    "อ้าวจ่าจะอธิบายให้มันจบๆ ไปก็ไม่ได้" สารวัตรตำหนิ

    "ก็ผมไม่ถนัดอะไรพวกนี้นี่ครับสารวัตร แฮะๆ"

    "เอางี้ จุดกับเล้นน่ะเรียกว่า 'ดอทส์' กับ 'แดชส์' หรือ 'ดิทส์' กับ 'ดาห์ส์' แต่ละอักษรก็จะสามารถแทนด้วย 'ดอทส์' กับ 'แดชส์' เหล่านี้ หนึ่งเส้นต่อด้วยสามจุดน่ะคือตัว B"

    "แล้ว?"

    "แล้ว 1000 ก็คือ เส้นจุดจุดจุด ก็คือ B ไงล่ะ และถ้านายจะถามว่า มันเกี่ยวกับเลขห้องตรงไหนก็ '103' ไง"

    "รู้แล้วน่า 1000 กับ 103 น่ะ"

    'ฮ่ะๆ ทำเป็นเด็กไปได้นะนาย' คาลด์คิดไปอมยิ้มไป

    "เออ สุดท้ายเราไขปริศนาห้องผู้ตายได้แล้ว แล้วเราได้อะไรล่ะ" สารวัตรประกาศเสียงสิ้นหวัง

    "สารวัตรครับ ไดอิ้งเมสเซจมันชัดยิ่งกว่านี้อีกนะครับ"

    "ใช่คาลด์ นี่ไงดูรูปสิ มีจุดกับเส้นเหมือนที่นายบอกด้วยล่ะ จุดจุดตามด้วยเส้นจุด"

    "อ้อ ฉันเข้าใจนายแล้วนายคาลด์"

    "ใช่ครับ โชคดีที่เราไม่สับสนว่ามันเป็นแบบของอเมริกัน อินเตอร์หรือแบบอื่นๆ อย่างไรก็ตามมันน่าจะเป็นแบบอินเตอร์อยู่แล้ว เพราะจะไม่สับสน นี่อธิบายได้ด้วยว่าทำไมช่องไฟหายไป"

    "ถูก มันเป็นนิสัยทั่วไปที่คำว่าชื่อแล้วต้องทิ้งช่องไฟไว้อย่างที่คู่หูนายทักไว้ตอนแรก"

    "ท่านสารวัตรคงรู้ตัวคนร้ายแล้ว"

    "มั่นใจทีเดียว เขาหลอกเรา หลอกเรามาตั้งแต่แรกแล้ว เราก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันกำกวมอยู่ แต่เราดันไปสงสัยผิดคน คาดเดาต่างๆ นาๆ นายอินทร์นั่นเองเป็นคนทุบหัวเขา"

    "หลังจากทะเลาะกันเรื่องร้าน ผมว่า"

    "ไม่ต้องสงสัย เป็นเช่นนั้นแน่"

    "สาเหตุจูงใจควรตรวจสอบอยู่ครับ เพราะผมทำได้แค่คาดเดาตามหลักจิตวิทยาเท่านั้น แต่ผมแนะนำให้ท่านสืบหาจากทรัพย์สินของนายประมวล เช่น แบงค์ของนายอินทร์มีรอยนิ้วมือของผู้ตายอยู่มากหรือไม่ เขาอ้างว่าไม่เจอกัน แล้วเขาก็ไม่ได้เจอกันมาสักระยะ คงไม่เป็นเรื่องบังเอิญที่จะมีรอยนิ้วมือของนายประมวลอยู่หลายใบหากเขาไม่ได้ขโมยไป" คาลด์หยุดแล้วกล่าวต่อ "อีกอย่างนะครับ เขากล่าวว่าผู้ตายถูกฆ่าชิงทรัพย์ สารวัตรพอนึกได้ไหมครับว่าแจ้งอะไรเขาไปบ้างตอนนั้น เขารู้ได้ไงว่านายประมวลตาย"

    "ผมบอกเขาไปแหละว่านายประมวลถูกฆ่า เพราะตอนนั้นเราคิดกันว่าถูกฆ่าแน่ๆ ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือฆ่าตัวตาย ส่วนเรื่องทรัพย์สินไม่ได้บอกเขานะ"

    "นั่นคืออีกจุดหนึ่ง แต่นี่ไม่ใช่นิยายเล่มละบาทเขาจะอ้างได้ว่าเขาคาดเดาเอา ปากก็พูดไปเอง แต่จริงๆ แล้วเขาพยายามสร้างหลักฐานขึ้นมา ซึ่งแม้การกระทำจะรัดตัวเขาภายหลัง เขาก็กล้าที่จะเสี่ยงเพราะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้"

    "แต่ทำไมนายประมวลต้องทำไดอิงเมสเซจซะซับซ้อน จะใช้รหัสมอร์สทำไม" วาดิลแทรกขึ้น

    "จริงของเขา" สารวัตรสนับสนุน

    "อำพรางจากคนร้ายไงครับสารวัตร ท่านคงเห็นแล้วว่าเขาทำลายไดอิงเมสเซจได้ง่ายๆ เช่นเปลี่ยน 'สา' เป็น 'สม' อย่างที่เพื่อนผมกล่าว หรือแม้แต่แทรกคำว่า 'สม' ลงไปตรงช่องไฟแบบนี้ มันเป็นความจงใจอำพรางของผู้ตาย และเพื่อนของผู้ตายสักสองสามคนอาจจะรู้เรื่องพวกนี้ หรือรู้ว่าเขาชอบเรื่องพวกนี้ หากคนร้ายไม่ไปต่อเติมน่ะเพื่อนเขาก็จะรู้ได้โดยง่าย สารวัตรก็คนหนึ่งนะผมว่า"

    "จริงทีเดียว ถ้าไม่มีคำใดๆ มีแต่จุดกับเส้นแล้ว ผมจะเดาได้เลย" สารวัตรกล่าว

    "ท่านควรแจ้งหลักฐานมัดตัวอื่นๆ แก่นายอินทร์ สุดท้ายงัดไม้เด็ดโดยบอกนายอินทร์ว่าหลักฐานไดอิงเมสเซจนี้เอาผิดได้ โดยอธิบายเรื่องรหัสมอร์ส และให้เอกสารเรื่องอักษรพร้อมภาพ ณ ที่เกิดเหตุประกอบ แอบอัดเทปเผื่อว่าเขาจะสารภาพ"

    "ได้การล่ะ อาจจะง่ายกว่าไปตามหาทรัพย์สินที่หายไปของผู้ตาย"

    "อย่างไรก็ตามท่านควรตามหาทรัพย์สินของผู้ตาย ส่วนเรื่องบุหรี่ผมคาดว่านายประมวลล้างที่เขี่ยบุหรี่รอเพื่อนรักเขา จะได้ไม่เหม็นกลิ่นบุหรี่ เพราะฉะนั้นเขาคงพยายามอดใจไม่สูบบุหรี่ในห้อง แต่พอรุ่นน้องมาก็สูบบุหรี่ด้วยกัน เพราะคอเดียวกัน"

    "ถูกของคุณ แต่แค่นี้พอเพียงแล้วแหละสำหรับเรา คุณช่วยนำทางไว้ได้มาก ชีวิตการทำงานของผมก็เป็นแบบนี้ผมรู้ดี ถ้าหากผมไม่มีทฤษฎีอะไรสักอย่าง ผมก็จะทำนู่นทำนี่ไม่ได้ เรื่องตรวจสอบขี้บุหรี่ของคุณนั่นก็เหมือนกัน"

    "ผมว่ามันมีสิทธิเป็นไปได้แล้วใช่ไหม"

    "อาจจะ ความเป็นไปได้น่ะมากขึ้น แต่ผมก็ไม่ทราบเรื่องทางเทคนิคนักหรอกนะว่ามันจะเป็นไปได้ไหม"

    "ผมก็ไม่รู้เช่นกันว่าคุณจะตรวจสอบกันไหม ยิ่งถ้าเขาสูบยี่ห้อเดียวกันทุกประการก็แล้วใหญ่ มันเป็นเพียงจุดเชื่อมโยงที่ผมคาดว่าเขาได้สูบบุหรี่ด้วยกันภายในห้องนั้นนั่นเอง ก่อนที่นายอินทร์จะยกที่เขี่ยบุหรี่ไปทุบหัวนายบี แล้วออกมาจากห้อง"

                    "ตรวจสอบคราบน้ำลายอะไรพวกนี้อีก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างเราละกัน นายช่วยเราได้มากนายคาลด์"

                    'แต่ค่าจ้างน่ะไม่คุ้มกันเลย' วาดิลแอบบ่นในใจ หลังคาลด์ว่าตัวเลขค่าจ้างให้ฟังเมื่อตอนสายที่บอกเรื่องงานกับเขา 'ทำงานกับรัฐบาลมันก็แบบนี้ เงินน้อยงานหนัก จำกัดเรื่องหลักฐาน'

                    "บ่นอะไรอยู่วาดิล"

                    "คิดในใจนะเว้ย"

                    "หน้านายมันฟ้อง ลาสารวัตรกับจ่าเขาซะ เขาจะไปกันแล้ว"

                    "อาหะ สวัสดีครับสารวัตรชัย จ่าสิงห์" 'จ้างพวกเราคราวหน้าขอค่าแรงยี่สิบเท่านะครับ'

                    "ลาก่อนครับ" คาลด์ลาส่งท้าย

     

    "เป็นนักสืบเอกชนนี่มันก็ยากเนอะวาดิล"

    "นายไม่ได้สืบตามวิธีการของนายเองเสมอไป เหมือนในนิยายที่นายชอบอ่าน" วาดิลแทรกขึ้นอย่างรู้ดี

    "จริงที่สุดวาดิล นายจะเห็นได้จากหลายๆ ครั้ง รวมทั้งวันนี้"

    "นายทำให้ดีที่สุดตามข้อมูลที่นายจะหามาได้ก็พอ" วาดิลปลอบ เขารู้ดีว่าจริงๆ แล้วคาลด์ค่อนข้างเซ็งอยู่เหมือนกันด้วยว่าหากเขาสืบหาหลักฐานและสอบสวนเองจะได้ความมากกว่านี้ แม้ว่าเขาจะเห็นว่าการไขคดีนี้ของคาลด์ก็สุดยอดแล้ว แต่หลักฐานรวบตัวนั้นก็ต้องรอตำรวจดำเนินการเอาเอง มันต่างกับเรื่องราวในหนังสือที่คู่หูของเขาชอบอ่าน แม้จะน่าสนุกแต่ไม่น่าพอใจเท่า

    "เรื่องโกหกน่ะมันมีอยู่ทุกที่แหละ รวมทั้งชีวิตจริง" เรียวโผล่มาจากไหนไม่รู้ มากล่าวทิ้งท้ายอย่างเท่

    'ตัดหน้ากันชัดๆ' วาดิลเคือง พอเห็นอารมณ์ขุ่นของวาดิล คาลด์ก็ขำออกมาทันที จริงๆ แล้วเขาไม่ได้คิดมากอะไรตั้งแต่แรก วาดิลนั่นเองที่คิดเกินไป แต่เขาก็ดีใจที่คู่หูของเขาเป็นห่วง ความจริงเขากำลังคิดว่าเขาจะเอาชีวิตของเขาไปเขียนเป็นนิยายรหัสคดี สุดท้าย 'เขาไม่ได้ติดนิยายรหัสคดีน้า~~~' หัวชนฝาเชียวแหละ

    'จะเอาชีวิตตัวเองไปเขียน ยังเถียงว่าไม่ติดได้อีกนะนาย': วาดิล

     

    ค่ำวันนั้น

    คาลด์ยังคงอยู่ในชุดยูกาตะ เพราะคู่หูไม่ยอมให้เปลี่ยน โดยอ้างว่า หล่อดีน่า แบบนี้สาวหลงตรึม 'แต่มันมีสาวที่ไหนวะแถวนี้' คาลด์นึกแล้วก็งงๆ อยู่ดี เอาเถอะเขาก็ขี้เกียจเปลี่ยนอยู่เหมือนกัน จากนั้นวาดิลก็ลากเขาไปแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้งจำลอง เรียวเจ้าของสถานที่ก็เข้ามาแจมด้วย

    "ไงครับคุณทั้งสอง" เรียวทักทายขณะเดินเข้ามา

    "ดีครับ" คาลด์ทักตอบ

    "ดี" วาดิลทักตอบ "นายเข้ามาได้ไงเนี่ย" เขาไม่ค่อยจะชอบผู้คนเท่าไรนัก ยกเว้นกับคาลด์เนี่ยแหละที่เขาชอบที่จะอยู่ด้วย หรือเพราะชอบแกล้งก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน

    "อ่าว ก็นี่บ่อรวมแล้วก็บ้านผมนี่ครับ แฮะๆ ผมร่วมวงด้วยไม่ได้เหรอครับ"

    "ยินดีเลยครับ" คาลด์ยิ้มตอบ

    "คือผมจะมาขอบคุณวาดิลเรื่องที่ช่วยนำภาพจีโอคอนดาของแท้มาคืนให้เมื่อคราวที่แล้ว"

    "ขอบคุณคาลด์เถอะ เขาเป็นคนไขปริศนาที่จอมโจรมายาทิ้งเอาไว้ท้าทายเขา ยังไงเจ้าโจรนั่นก็ต้องแพ้ฝีมือคาลด์ของฉันอยู่แล้ว ฮาๆๆๆ" วาดิลหงายมือกำไว้ ชักเข้าหาตัวด้วยอารมณ์สะใจ เมื่อพูดถึงจอมโจรคู่ปรับของเขาสองคน

                    "เพราะนายนั่นแหละฉันเลยไม่ลำบากในการหลบกับดักของเขา" คาลด์ยิ้มที่เห็นเพื่อนเขาอารมณ์ดี และดีขึ้นอีกเมื่อเขากล่าวชม

                    "แต่ผมอยากเล่นกับสุนัขของคุณจังเลย จะได้ไหมครับคาลด์"

                    "ถามวาดิลได้เลยครับ ผมไม่ขัดข้องแน่นอน"

                    "แง่ง~~~ อย่ามายุ่งกับฉันนะเฟร่ย" วาดิลขู่

                    "คือ ค่อนข้างดุน่ะครับ" คาลด์สรุป

                    "ช่วยหาโอกาสให้ผมหน่อยนะครับ จริงๆ ผมน่ะอยากเลี้ยงสุนัข แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่เหมาะเพราะผมเปิดบ้านของผมให้แขกเข้าพัก"

                    "ได้ครับ"

                    "ไปตบปากรับคำมันได้ไงเนี่ย คาลด์ สามครั้งแล้วนะวันนี้ที่นายติดฉันไว้นะ"

                    คาลด์หน้าซีดอย่างสังเกตได้ เขาพอเดาได้แล้วว่าต้องเจอกับอะไรจากการนับครั้งมากมายของคู่หู

                    "ไข้ขึ้นเพราะแช่น้ำนานเกินละสิ ไปเราขึ้นกันคาลด์" วาดิลกล่าวพร้อมพยุง เอ๊ะ ลากคาลด์ขึ้นจากน้ำตามตนเองไป ผลักเขาเข้าห้อง แล้วจับเขาใส่ยูกาตะชุดใหม่ด้วยความไม่เต็มใจของเจ้าตัว

                    "เฮ่ เฮ่ เฮ่ นายจะทำอะไรฉัน ไม่เอา"

                    "เสร็จเรียบร้อย"

                    ก็อีกนั่นแหละ โวยวายจบก็สภาพเดิม วาดิลซึ่งไม่สนอีกต่อไปลากเพื่อนมาดื่มนมขวดที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้แขก

                    "กินนมเข้าจะได้แข็งแรงอย่างฉัน" วาดิลแหย่พร้อมเบ่งกล้ามโชว์ จริงๆ แล้วคาลด์ก็หุ่นดีอยู่ แต่เห็นมีเรื่องนี้ที่เขาต้องยอมแพ้เพื่อนของเขาอยู่ดี

                    "เดี๋ยวก็ฆ่าตายซะหรอก" คาลด์กล่าว

     

                    ไม่นานนักเรียวก็ตามออกมาจากการแช่น้ำ แต่งตัวเสร็จก็ไปเจอกับคาลด์และวาดิลที่ห้องนั่งเล่น

                    "มาเล่นกันสักกระดานสองกระดานดีไหมครับคาลด์" เรียวถามขึ้นพร้อมชูตัวหมากโชกิ หลังจากสังเกตเห็นความล้มเหลวของคาลด์ในการชวนวาดิลเล่นหมากรุกขณะเขาเดินเข้ามา

                    "ดีเลยครับ ผมกำลังเบื่ออยู่พอดีเลย เจ้านี่ไม่ชอบเล่นสักอย่าง" คาลด์บ่นพร้อมชี้ไปที่คู่หูของเขา ที่นั่งดื่มนมอยู่ข้างๆ โดยไม่สนใจคำชวนของเขาเอาซะเลย "โห หมากโชกินายมีหลายแบบมากเลย" 'มีตัวเทงงุ นกยูงกับควาย ด้วยแฮะ เล่นไทโชงิได้แน่เลย' "งั้นเรามาเล่นไทโชงิกันนะเรียว" ใจหนึ่งคาลด์ก็พยายามถ่วงเวลาอยู่กับเรียวไว้ เพราะไม่รู้ว่าไอ้คนข้างๆ มันจะแกล้งอะไรเขา จึงเสนอหมากกระดานที่สามารถยื้อเกมให้เล่นได้โครตยาวนาน สำหรับเรียวนั้นก็ไม่ต้องกังวล เขาก็เล่นเป็นอยู่แล้ว เพราะคาลด์ก็เคยเล่นกับเขาอยู่หลายแบบ ไทโชงิก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น 'เอาให้มันถึงตะวันรุ่งพรุ่งนี้ไปเลยวะ เจ้าวามันจะได้ลืมๆ'

    "จะชวนผมโต้รุ่งเหรอครับคาลด์ เล่นเทนจิกุโชงิแทนแล้วกันนะครับ"

    "ได้ครับ" 'เห็นทีต้องชวนเล่นเกมอื่นต่อแทนแล้ว' คาลด์ร้อนใจได้ไม่นานก็เลิกคิด พอเรื่องเกมทีไรเขาจะรวมสมาธิเล่นอย่างจริงจัง

    ...

    "ให้อสูรอัคคีไปทำลายเสือดาวดุร้ายข้างหน้าซ้ายและเผารอบๆ นั้นให้สิ้นซาก พยัคฆ์ตาบอด, ทหารกองตั้ง และนายพลเหล็กของนายเสร็จฉัน" เรียวกล่าวหลังเดินอสูรอัคคีพิฆาตทัพของคาลด์

    "ฉันขอเดินช้างเมาขึ้นไปขนาบท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่โปรโมทเป็นรัชทายาท"

    "เฮ้อ ผมไม่น่าปล่อยทหารรถศึกของนายให้ขึ้นมาแต่แรกเลย เอ้า วิหคเพลิงบินเฉียงขวาขึ้นไปเตรียมเป็นจักรพรรดินภาเจ้าวายุ"

    "ชิโอ (กริฟฟิน) บินทแยงไปขวางดักจับวิหกเพลิงซะ ไม่ถอยนายเสร็จแน่เรียว" คาลด์กล่าวเมื่อเดินชิโอของเขาไปดักหน้าวิหคเพลิงของเรียวหนึ่งช่อง "แต่ถ้าคิดจะหลบก็ระวังราชันย์มังกรของนายไว้ให้ดี"

    "ผมไม่หนีหรอกครับ สั่งวาฬถอยมาเล็งช่องราชันย์มังกร" เรียวป้องกันพร้อมโจมตีหมากอื่นไปในตัว

    "นั่นแน่ อย่าหวังจะกินยูนิคอร์นของผมกลับ สั่งวัวบินมาหนุนยูนิคอร์น และดักทางวิหคเพลิงไม่ให้หนี" วาดิลยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนของเขาเป็นต่ออยู่ ถึงเขาจะไม่ชอบเล่นแต่ก็ชอบดู แล้วที่ไม่ชอบเล่นก็ต้องโทษคาลด์เนี่ยแหละ เขาว่า

    "หนอยคาลด์ ชั้นจะกินจอมพลจักรพรรดิของนายให้ได้"

    "ฮ่ะๆ จอมพลจักรพรรดิผู้มั่งคั่งอย่างนายสั่งกองทัพฝ่าหัวหน้าใหญ่จอมพลของฉันเข้ามาให้ได้ก็แล้วกัน นอกจากนั้นอย่าลืมว่ากษัตริย์ของฉันมีรัชทายาทแล้ว โดยอยู่ภายใต้การคุ้มกันจากจ้าวจาตุมหาราช"

    "หึๆ คุณนี่ วาดิลนายมาช่วยฉันหน่อยดิ" เรียวขอความช่วยเหลือ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว

    "เรื่อง"

    'นายเริ่มเพลินแล้วล่ะดิวา แบบนี้ลืมแน่' คาลด์อมยิ้มมุมปาก

    ...

    "ว้า อย่าว่าแต่ต้องรุกกินให้ได้สองตัวเลย ตัวเดียวฉันยังไม่ได้ แต่สนุกมากครับคาลด์"

    "นายก็เล่นเก่งเหมือนเดิมนะเรียว"

    "ชมเกินไปละครับ คุณก็ชนะผมอยู่เนี่ย มาครับผมขอแก้มือด้วยรีเวอร์ซีสัก 3 ตา ใครชนะสองในสามชนะไปนะครับ" คาลด์โล่งอกที่เรียวเป็นฝ่ายเริ่มชวนเบ่นเกมต่อไป แปลว่าเขาต้องพยายามชนะเรียวให้ได้ต่อไปเรื่อยๆ เผื่อว่าเรียวจะยังอยากเล่นต่อไปนานๆ "มาครับมาลุ้นกันว่าออเตลโลกับเดสดิโมนาฝั่งไหนจะเป็นผู้เหลือรอดบนทุ่งสีเขียวมากกว่ากัน" เรียวกล่าวต่อ "ผมขอเริ่มเป็นออเตลโลก่อนละกันนะครับ คุณเป็นฝ่ายเดสดิโมนาไปก่อน แล้วเราค่อยสลับกัน"

    "อย่างไรก็ได้ครับ" คาลด์รับคำท้าอย่างมั่นเหมาะ เกมนี้แหละที่เขาถนัดที่สุดแล้ว และเริ่มทีหลังก็ใช่ว่าจะเสียเปรียบ

                    "อ้อ แล้วอย่าประมาทผมนะครับ 'A Minute to Learn...'"

                    "' A Lifetime to Master'" คาลด์กล่าวปิดท้ายให้

                    "เริ่มกันเลยละกัน ฮ่ะๆ" เรียวพูดจบก็วางตาแรกที่ริมด้านหนึ่งข้างสีขาว

                    แล้วเกมแรกก็ดำเนินไป...

                    "ผ่าน~~~ ครับ" เรียวลากเสียงยาน

                    "ผมว่าตานี้นายเกลี้ยง" คาลด์ยอมรับว่าคู่แข่งเขาคงพลาดไปเพราะความชุลมุน เขาทั้งคู่ตีเส้นกันอยู่ที่แถวที่สามของมุมข้างหนึ่ง คาลด์จึงวางเคล็ดไว้ เมื่อต่างฝ่ายต่างออกมาสู่ขอบกระดานคาลด์ฉวยขอบและมุมนั้นเอาไว้ได้ และเนื่องจากเขาวางหมากแค่ด้านนี้โยงไปกับตัวของเขากลางกลุ่มหมากดำของเรียวแล้ว พอเขาเข้าริมหมด เรียวจึงกินเขากลับไม่ได้ เขาเล็มจากขอบจนหมากดำเกลี้ยงไปหมด รอบแรกคาลด์จึงเป็นฝ่ายชนะอย่างรวดเร็ว แต่เอ๊ะ! 'เวร ลืมถ่วงเวลา เล่นมันไปหน่อย'

                    "ตาต่อไปผมไม่แพ้แน่"

                    แล้วก็เป็นดังที่เรียวพูดไว้ทั้งคู่เสมอกันที่สามสิบสองแต้ม เกมสุดท้ายจึงเริ่มขึ้นแล้วจบลงด้วยชัยชนะของคาลด์อีกครั้ง

                    "เฮ้อ~ คิดว่าผมจะชนะแล้วเชียว" เรียวร้องอย่างเสียดาย "นายเสนอเกมมาสิคาลด์"

                    คาลด์นึก 'เกมอะไรหว่าที่มันช้าๆ นานๆ หน่อย อืม อ้อ เจ๋ง เอานี่ละกัน' "ไหนๆ ก็ไหนๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศ เรามานั่งโขกหมากรุกไทยกันหน่อยไหมครับ" คาลด์ตอบเรียวด้วยรอยยิ้ม

                    "เข้าบรรยากาศยังไงวะคาลด์ ผู้เล่นทั้งสองใส่ยูกาตะ นั่งอยู่ข้างกอไผ่ริมอ่างน้ำที่เลี้ยงปลาคาร์ปแหวกว่ายไปมาเนี่ยนะ" วาดิลแย้ง

    "ก็นายจับฉันใส่เองนิ" คาลด์ตำหนิ

                    "งั้นนายลดโคนกับตะแคงเรือซะ"

    "ชี้โกงกันชัดๆ" วาดิลบ่นเรียว

    "ช่วยไม่ได้นี่ครับ แล้วผมก็ไม่ค่อยถนัดหมากรุกไทยด้วย"

    'ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ดูเหมือนผมเล่นถ่วงเวลา ตัวเร็วๆ โดนหักไป' "ตกลงครับ" คาลด์กล่าวจบเกมก็เริ่มต้นขึ้น

    แม้ว่าเรียวจะบอกว่าตนเล่นไม่เก่งนัก แต่จริงๆ แล้วออกจะกล่าวเกินจริงอยู่นิดหน่อย เพราะเขามาพักที่ไทยก็หลายครั้งแล้วจึงได้เล่นกับคนรู้จักที่มาพักด้วยอยู่เสมอ คาลด์จึงเริ่มด้วยความเสียเปรียบ

    'แลกเรือเลยละกันวะ พอหนีได้อยู่' คาลด์คิดแล้วจับเรือกินม้าของเรียว เรียวกินกลับด้วยเรือ คาลด์กินกลับด้วยขุน

    เขาเป็นคนวางทริคใส่เรียวไว้ก็จริง แต่ว่าเรียวก็ป้องกันด้วยการเดินเรืออีกตัวเข้ามาล่วงหน้าแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ของคาลด์จึงเสี่ยงมาก เรียวลากเรือมารุกเสียม้าใส่คาลด์

                    แต่คาลด์เล็งไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาหนีโดยการประชิดขุนเข้ากับม้าของอีกฝ่ายแทน

                    "โอ๊ะ ถ้าผมแลก ม้าอีกตัวของคุณจะมาซุกซนกับขุนและโคนของผมล่ะสิ" เรียวเลยได้แต่ชักม้ากลับอย่างเสียดาย เขาไม่อยากเสียโคนไปอีกตัว และไม่อยากถูกรุกต่อเนื่องตอนนี้ เพราะขุนของเขาถูกล่อออกมาในจุดที่ป้องกันยาก อีกทั้งเขายังมีเรืออยู่คงได้เปรียบอยู่ไม่น้อย

                    แต่ไม่ช้าด้วยความที่ยังมือใหม่อยู่ดีของเรียว เขาจึงโดนรุกฆาตเข้าให้ เขาคิดว่าเป็นการแลกกันซื่อๆ แท้ๆ

                    "เอาใหม่นะครับ" เรียวหยอก

                    "เฮ่ย ไม่ได้ๆ เล่นแล้วห้ามเปลี่ยน" กองเชียร์ของคาลด์รักษาผลประโยชน์ให้เต็มที่

                    "ถ้าคุณยอมแพ้ก็เล่นกระดานใหม่ได้" คาลด์แซวกลับ

                    "ฮ่ะๆ ไล่ผมให้จนก่อนละกัน"

                    สุดท้ายคาลด์ก็กลับพลิกชนะเกมนี้ไป รอบถัดไปเรียวเสนอให้คาลด์เล่นด้วยกฎหมากป้องและต่อโดยชักสองโคนออก คาลด์ขอชักม้าตัวขวาออกหนึ่งตัวแทนโคนด้านขวาหนึ่งตัว จากนั้นเปิดเกมม้าขโมยด้วยม้าตัวที่เหลือ พยายามเก็บเบี้ยของเรียว ฝั่งตนก็ขึ้นอังแพลม ท้ายกระดานเรียวแกล้งดันเบี้ยใส่ขุนที่เปิดโล่ง คาลด์จึงต้องยอมกินและเริ่มนับศักดิ์หกสิบสี่ แต่สุดท้ายเขาก็ปิดฉากได้ โดยเรียวถูกรุกจนด้วยอังแพลม

                    "เฮ้อ แพ้สองตาซ้อนเลย เปลี่ยนเกม เปลี่ยนเกม"

                    "ยังจะเล่นกันอยู่เหรอ" วาดิลเริ่มโวยวาย

                    'ตายแล้ว เจ้าวามันเริ่มไม่พอใจ เอาไงดีวะ' "อีกสองสามตาน่าวา นายไปนอนก่อนก็ได้"

                    "ใช่วาดิลไปนอนก่อนได้เลยครับ"

                    แต่วาดิลก็ยังนั่งแกร่งอยู่เหมือนเดิม

                    "รอบนี้ผมขอเป็นโกะละกัน ถ้างั้นนายฝั่งขาวแล้วนายต่อให้ผม ผมไม่แพ้แน่"

                    "ก็ได้ครับ จะเอาสักกี่จุดล่ะครับ ให้แบบวางได้ตามอิสระเลยครับ" คาลด์รับข้อเสนออย่างเต็มใจ เพราะเขาถือคติว่า เกมโกะนั้น 'เล่นช้าชนะช้า เล่นเร็วแพ้เร็ว' เรียวก็คงรู้เช่นกัน ฉะนั้นเกมนี้คงช่วยให้กินเวลาได้อีกสักพักใหญ่

                    "งั้นแค่สี่จุดละกัน" เรียวเสนอ

                    "เก้าจุดไปเลย เล่นโกะกับคาลด์อ่ะ นายไม่ชนะหรอก" วาดิลพูดอย่างรู้ดี ถึงเขาจะเล่นนานๆ ทีก็เหอะ

                    "ฮ่ะๆ ไม่ไหวนะเรียว" คาลด์เหงื่อตก 'เจ้าวาดิลมันฆ่าเพื่อนตัวเองชัดๆ' เขาคิดเมื่อนึกถึงฝีมือของเรียว

                    "ครับ ครับ ผมเอาแค่สี่พอ ยิ่งให้วางอิสระผมก็พอมั่นใจอยู่ แต่ขอกฎญี่ปุ่นละกันนะครับ"

                    "ตกลง"

                    เมื่อตกลงได้แล้วเรียวจึงวางแต้มต่อ

                    "หืม โหดนะเนี่ย" คาลด์กล่าวถึงการวางหมากของเรียว โดยเรียววางที่โคโมกุ โฮชิ เสริมอีกตัวแถวที่วางโฮชิ และอีกมุมที่ทากา-โมกุฮาสึชิ

    เมื่อการวางแต้มต่อจบลงเกมก็เริ่มขึ้น ทั้งสองเปิดเกมโจเซกิกันอย่างดุเดือดที่มุมหนึ่งที่เหลือเพื่อเป็นการท้าทายกัน จากนั้นเรียวจึงดันสู้ที่ทากา-โมกุฮาสึชิของเรียว ก่อนจะขยับไปเล่นกันกระจายจนทั่วกระดาน แล้วไม่ค่อยสู้รบกันอีก

    "หมากนายนี่เรียบง่ายดีนะ" เรียวกล่าวชมคาลด์

    "ขอบคุณครับ"

    "อ้าวๆ ส่งเสียงบูรพา เข้าตีประจิมนี่นา" เรียวว่าขึ้นหลังคาลด์เหวี่ยงไปเล่นอีกทิศของกระดาน

    "แหะๆ ก็ผมไม่อยากเข้าไปใกล้กลุ่มอิทธิพลของนายเหมือนกันนี่"

    "รบครั้งนี้ฉันยกให้ แต่ชัยชนะในสงครามเป็นของฉันแน่"

    การต่อสู้มีประปราย และเกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนใกล้สิ้นสุด

    'เรานำอยู่ระดับหนึ่ง ชนะแน่' คาลด์คิดหลังนับแต้มในใจ

    'คาลด์นำอยู่หน่อยเหรอเนี่ย ผมเสร็จนายอีกแล้ว' เรียวคิดแต่เขายังไม่ถอดใจ 'อ้อ นึกอะไรดีๆ ออกแล้ว ฮ่ะๆๆ' เรียวนึกอุบายสนุกๆ ขึ้นมาได้ "ผมชนะแน่ครับตานี้ มาเริ่มโยเสะกันเลย" เรียวกล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมส่งสัญญาณปิดเกม

    'เห เราไม่น่าพลาดนะ ดูรูปการณ์ฝ่ายเราน่าจะชนะ' คาลด์เก็บอารมณ์สงสัยไว้

    "นั่นคาลด์ นายเสร็จผมแน่ วาดิล เพื่อนนายแพ้ฉันแล้วแหละฉันว่า ตานี้"

    "เว้ย เลิกเล่นได้แล้ว" วาดิลกล่าวพร้อมปัดหมากล้มกระดาน เขาไม่อยากเห็นคาลด์แพ้นั่นเอง <- เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะเรา

    "อ้าวเห้ยวา อีกไม่กี่ตาก็จะจบและเริ่มนับคะแนนแล้วอ่ะ นายรอหน่อยไม่ได้เหรอ ฉันว่าฉันชนะนะ" คาลด์กล่าวอย่างซื่อๆ

    "ก็ฉันง่วงนี่หว่า" วาดิลกลบเกลื่อน

    "วาดิลล้มกระดาน ก็ถือว่านายแพ้ไปนะคาลด์" เรียวกล่าวตัดบทอย่างรวดเร็ว พร้อมหัวเราะชอบใจ

    "ไม่น้า ฉันว่าฉันชนะนะ แต้มเกมเมื่อกี้"

    "ยังไงซะวาดิลก็ล้มกระดานไปก่อน เราไม่รู้หรอก"

    "???": วาดิล <- ถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวอีก

                    +พรึบ+

                    "ไฟดับ" เรียวกล่าวอย่างน้ำเสียงธรรมดาเป็นที่สุด "ประเทศนี้ชอบไฟตกจัง"

                    คาลด์รู้สึกวูบเหมือนใครมาลูบหน้า สักพักไฟก็เปิดขึ้นใหม่

                    "เฮ่ คาลด์มีกระดาษอะไรวางอยู่ข้างๆ นายน่ะ" วาดิลร้องทักถึงกระดาษที่พับวางอยู่ข้างตัวคาลด์

                    เรียวคว้ากระดาษไป "มีอะไรเขียนอยู่ด้วยครับ เดี๋ยวผมอ่านให้ฟังครับ" เรียวกล่าว "อีก 3 เดือน ผมจะมาขอรับ 'ดาวเด่นแห่งแอฟริกา' เมื่อเวลาถอยกลับ หวังว่านายจะรับคำท้านี้นะ คาลด์ --- บุรุษปัจเจก"

                    "เจ้าจอมโจรนั่นอีกแล้ว มันรู้ได้ไงฟระ" เรียวฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้งเป็นสองส่วน และปัดถูกขวดสาเกของเขาหกกระจาย พลางบ่นอย่างหงุดหงิด

                    "อะไรเหรอครับเรียว การโจรกรรมครั้งนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณนี่ครับ" คาลด์ถาม

                    "เกี่ยวกับผมอย่างแน่นอนครับ แล้วก็เกี่ยวกับการค้าครั้งสำคัญของผมด้วย"

                    "นายหมายความว่ายังไง ฉันก็สงสัย"

                    "คืองี้ครับวาดิล 'ดาวเด่นแห่งแอฟริกา' มันคือหนึ่งในคอลเลคชันของผม"

                    "'คอลเลคชันของนาย' อีกแล้ว"

                    "เขาหมายถึงเพชรคัลลินันหนึ่งที่อยู่บนคฑากางเขนของคิงชาร์ลส์ที่สองในสมัยเอ็ดเวิร์ดที่เจ็ดไม่ใช่เหรอ"

                    "ใช่ครับ ทางประวัติศาสตร์น่ะนะ"

                    "ยิ่งฟังนายสองคนฉันยิ่งงง" วาดิลบ่นครางกับบทสนทนาของเพื่อนเขา

                    "ผมคงปิดคุณไว้ไม่ได้ ถ้าคุณจะกรุณาช่วยผม"

                    "ฉันจะรับคดีนี้แต่ไม่ใช่เพื่อนายหรอกนะ เพราะจอมโจรมายานั่นต่างหาก" วาดิลไฟลุกท่วมตัวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงจอมโจรมายาหน้าหยก ที่ชอบเล่นกับเพื่อนเขาซะเหลือกัน

                    "พวกเราช่วยนายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เข้าใจว่านายจะให้ช่วยอะไรเลย" คาลด์กล่าวอย่างสงบ แม้ว่าการชิงไหวชิงพริบกับบุรุษปัจเจกมักจะนำความยุ่งยากพร้อมความตื่นเต้นมาให้เขาได้เสมอ

                    "เอาเถอะผมเชื่อใจว่านายสองคนจะช่วยผมปิดความลับนี้ไว้ เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ 'ดาวเด่นแห่งแอฟริกา' หรือชื่อเดิมของมันคือคัลลินันหนึ่งอย่างที่นายทราบนั่นแหละ มันถูกขายให้ตระกูลผมเมื่อนานมาแล้ว"

                    "ถูกขายให้ตระกูลนาย" คาลด์ทวนอย่างไม่เชื่อคำ

                    "ครับ ผู้เกี่ยวข้องกับผู้ค้นพบในสมัยนั้นแอบขายให้เราอย่างลับๆ แล้วสัญญากันว่าจะปิดความลับนี้เอาไว้ ซึ่งมันก็เป็นมาอย่างนั้น ก็แน่แหละครับ ต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์กัน และหากมันถูกเปิดเผยก็จะหมายถึงโทษทัณฑ์ที่ได้รับ เพราะภายหลังมันจะต้องถูกนำไปประดับคฑากางเขน แต่แน่นอนว่าเพชรบนคฑาเม็ดนั่นคือของเลียนแบบเท่านั้น"

                    "เป็นไปได้อย่างไร"

                    "เป็นไปได้อย่างไร ก็เป็นไปแล้ว แต่มันเป็นไปได้อย่างไรที่มีคนในสมัยนี้ทราบเรื่องนี้ ไม่น่าจะมีใครนอกเหนือจากตระกูลของเรากับผู้ขายเอง - ซึ่งฝั่งนั้นคงปิดเป็นความลับฝังพร้อมตัวเขาเองทีเดียว - ทราบเรื่องนี้ได้ เจ้าจอมโจรมายามันรู้ได้อย่างไร ไม่ว่ายังไงตอนนี้มันกำลังจะมาขโมยและอาจทำให้ความลับนี้แตกลงได้"

                    "ถ้าเช่นนั้นก็คงเป็นปัญหาใหญ่อยู่ ตกลงฉันจะช่วยนายตามข้อเสนอที่เราจะตกลงกันภายหลัง"

     

    +++++

     

                    ณ ห้องพัก

                    "หา~~~ สามรอบติดกันเลยเหรอ" คาลด์โวยเสียงดังลั่นห้อง

                    "ก็ใช่น่ะสิ" วาดิลตอบอย่างกระดี๊กระด๊า

                    "เก็บไว้วันหลังบ้างไม่ได้เหรอ"

                    "ไม่ได้ เดี๋ยวคราวหลังก็ไว้คราวหลัง" วาดิลปฏิเสธเสียงแข็ง

                    "งั้นฉันทำรอบเดียวพอ อีกสองรอบที่เหลือฉันเรียกเรียวมาแทนได้ไหม ดูท่าเรียวก็ชอบนายคงอยากทำให้นายอยู่" คาลด์ต่อรอง

                    "ไม่เอา"

                    "เหอะน่า มันก็เหมือนกันแหละ นะวา" คาลด์กล่อม

                    "ไม่เหมือน กับนายรู้สึกดีกว่า แล้วอย่างน้อยต้องสามชั่วโมงด้วยล่ะ"

                    "หา สามชั่วโมง!!! ฉันบอกกับนายตอนไหนว่าจะทำให้"

                    "นายสัญญาไว้แล้ว ไม่ได้สัญญาต้องเป็นสัญญา" วาดิลกล่าวกับคาลด์ผู้ไม่เคยผิดคำสัญญา แน่นอนเขาจึงต้องยอมอย่างปฏิเสธเสียมิได้ แม้จะจำไม่ได้ว่าไปสัญญาไว้เมื่อไรก็ตาม

                    "ฮือ~~~~~~" เสียงร้องด้วยความเมื่อยของคาลด์คงดังไปทั่วหอยามค่ำคืน

     

                    เขาสองคนจะทำอะไรกัน หาได้มีใครรู้ หลังจากทำเสร็จวาดิลก็ผล็อยหลับไปอย่างอารมณ์ดีสุดขีด ส่วนคาลด์... เราไม่ขอเอ่ยถึงความรันทดในครั้งนี้

     

                                                                                                              จบตอน คดีฆาตรกรรมนายบี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×