do you love me ?
"คุณรักผมหรือเปล่า..." อยู่ๆมาโคโตะก็โพล่งออกมาราวกับว่าเวลาที่เงียบอยู่นั้นชายหนุ่มใช้มันในการตัดสินใจ "ทำไม...หรือเธอไม่รู้" มาซากิถามโดยไม่มองหน้าคนข้างๆเขาจึงไม่เห็นว่าร่างบอบบางนั้นกัดริมฝีปากของตนเองเพื่อกลั้นน้ำตา คุณไม่บอก...ผมไม่รู้ คำตอบที่ทำใ
ผู้เข้าชมรวม
155
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
...แสงไฟยามค่ำคืนของมหานครโตเกียวสว่างไสวเสียจนทำให้ตาพร่าราวกับภาพลวงตาของพระอาทิตย์ยามกลางวัน สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับ ผู้คนเดินขวักไขว่เหมือนแมลงที่มาเล่นแสงไฟ ดูแล้วช่างสับสนวุ่นวายจริงๆ
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง นั่งมองความวุ่นวายของผู้คนอย่างเงียบๆ บนเก้าอี้สาธารณะที่ค่อนข้างสงบเหมือนกับอยู่อีกโลกอย่างสิ้นเชิง เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ไม่ใช่ว่าเขารำคาญที่เห็นผู้คนมากมาย หรือเสียงอึกทึกที่แสดงถึงความมีชีวิตชีวาหรอกนะ แต่เขาถอนหายใจเพราะบุคคลที่รออยู่น่ะ ยังไม่มาเสียที
มือเรียวยาวราวลำเทียนหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมา ชายหนุ่มต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง สัญญาณเรียกเข้าหรือข้อความไม่มีมาเลยสักกริ๊กเดียว
"ช้าจริงๆ" เสียงพึมพำลอดออกมาตามประสาคนที่มีความอดทนในระดับต่ำ และก็เหมือนสวรรค์ช่วย โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นพอดิบพอดีเสียจนเจ้าของนึกในใจว่าคนโทรเข้ามามีหูทิพย์หรือเปล่าก่อนกดโทรศัพท์รับสาย
"ครับ... มาโคโตะ"
"มาซากิ" ปลายสายพูดกลับมา
"คุณช้า" คำพูดของมาโคโตะบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลัง งอน
"อีก 5 นาทีถึง" มาซากิพูดแค่นั้นก็ตัดสายไป
มาโคโตะกำโทรศัพท์แน่นด้วยความโมโห ทั้งๆที่เขารู้นิสัยของมาซากิดีอยู่แล้วว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ แต่ก็อดโมโหไม่ได้ทุกที ใบหน้าหวานขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก
5 นาทีตามที่พูดร่างสูงใหญ่ของมาซากิก็เดินเข้ามา แสงไฟสว่างทำให้เห็น เด็กน้อย ยังทำหน้ามุ่ยไม่หาย ชายหนุ่มยกมือขึ้นเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาอันโปรดที่เขาใช้ประจำ พลางนึกในใจ นัดกันตอนทุ่มครึ่ง นี่เพิ่งเลยมา 5 นาที ทำหน้ายังกับรอมา 5 ชั่วโมง .เขาส่ายหน้าอย่างระอา
"คุณช้า" มาโคโตะต่อว่า แต่ดวงหน้าบอกว่าดีใจ
5 นาที น้ำเสียงที่ตอบกลับมาราวกลับอ่อนอกอ่อนใจ มือใหญ่กุมมือเล็กไว้ก่อนพาเดินจากที่นัดพบไปขึ้นรถสปอร์ตสีแดงคันงามของมาซากิ
ทันทีที่มาโคโตะก้าวขึ้นไปนั่งในรถ เขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเจ้าของรถส่งช่อดอกไม้ที่ตามปกติจะต้องเป็นดอกไม้สดแต่ช่อดอกไม้ในมือเขาตอนนี้เป็นช็อกโกแลตทั้งช่อ มาซากิลอบมองเสี้ยวหน้าองคนนั่งข้างๆ ที่ทำหน้าราวกับเด็กได้ของเล่นถูกใจ อย่างพอใจ เขาคิดไม่ผิดที่ซื้อช่อช็อกโกแลตราคาแพงนี้มา เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเด็กไฮเปอร์ของเขาต้องดีใจแน่ๆ และตัวเขาเองที่ต้องประหลาดใจเมื่อริมฝีปากอุ่นๆโฉบลงตรงแก้มเขา แม้จะนึกเดาปฏิกิริยาของมาโคโตะได้แต่นี่ก็ออกจะเกินความคาดหมายไปหน่อย เพราะตามปกติแล้วอย่าว่าแต่หอมแก้มเลยแค่เขาจูงมือมาโคโตะ ร่างเล็กก็แทบสะบัดมือเขาออกโดยอ้างว่า กลัวคนเห็น นั่นก็เพราะมาโคโตะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงนั่นเอง
รถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดในที่จอดรถของคอนโดหรูแห่งหนึ่งที่แค่มองจากภายนอกก็เดาราคาได้ว่าต้องแพงลิบลิ่ว ตึกสูงขนาด 21 ชั้น ประดับดวงไฟอย่างงดงาม มีแสงไฟลอดมาจากห้องส่วนมากเนื่องจากเป็นช่วงหัวค่ำ
คอนโดนี้เป็นคอนโดที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งใจกลางกรุง เป็นที่ที่คนมีฐานะดีเท่านั้นจึงจะซื้อได้ ภายในอาคารนอกจากห้องพักแล้วยังมีห้องออกกำลังกาย ห้องสปา สระว่ายน้ำที่เฉพาะสมาชิกเท่านั้นอีก ส่วนการบริการและความปลอดภัยก็เทียบเท่าโรงแรมชั้นหนึ่งเลยทีเดียว
ชั้นแรกเป็นชั้นของประชาสัมพันธ์และร้านอาหารที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม มีสไตล์ สมกับเป็นคอนโดหรู
ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มให้มาซากิอย่างคุ้นเคย หล่อนเป็นแฟนคลับของนักแต่งเพลงหนุ่มมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมปลายและติดตามผลงานของเขามาตลอด แน่นอน มาโคโตะ แฟนหนุ่มของมาซากิที่ตอนนี้กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังหล่อนก็เป็นแฟนเพลงของเขาเช่นกัน
ชายหนุ่มทั้งสองยิ้มตอบหญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคยเช่นกัน เพราะมันเป็นเช่นนี้ประจำอยู่แล้ว แต่พอทั้งคู่ก้าวเข้ามาสู่ความเงียบสงบภายในลิฟท์ ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงของร่างเล็กก็ 'มุ่ย' ลงทันที มาซากิเห็นใบหน้าหวานงอง้ำลงก็รู้แล้วว่า เจ้าเด็กน้อย กำลัง 'งอน'
"งอนอะไร" น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่ค่อยได้ใช้กับใครนัก แต่คนฟังดูจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่เพราะยังคงหงุดหงิดอยู่
"เปล่า" มาโคโตะตอบด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
"ก็ดี" คำพูดที่เหมือนกับไม่ใส่ใจทำให้ใบหน้าหวานของมาโคโตะงอมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปมองกำแพงลิฟท์อย่างขัดใจ จึงมองไม่เห็นสีหน้าและดวงตาพราวระยับของคนพูดที่มีความสุขที่ได้แกล้งคน
ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อมาถึงปลายทาง มาซากิจูงมือร่างบอบบางออกมาทั้งที่ยังยิ้มกริ่ม เสียงเดินกระแทกเท้าที่พยายามทำให้ดังแต่ก็ไม่สมใจ เพราะทางเดินปูพรมทั้งชั้นดังเป็นจังหวะ
'ไม่กลัวเจ็บเท้าหรือไง' มาซายะนึกห่วงเจ้าของเท้าแต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา
มาซากิหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าห้อง แต่มาโตะที่กำลังเมามันอยู่กับการเดินกระแทกเท้าไม่เห็นว่าร่างสูงหยุดเดินจึงเตะเข้าที่ข้อเท้าของมาซากิเต็มแรง
"อุ๊บ!" มาซากิปล่อยมือจากประตู กุมข้อเท้าอย่างเจ็บปวด ดวงตาสีเหล็กวาววับอย่างโมโหจัด
"สมน้ำหน้า" มาโคโตะพึมพำอย่างสะใจก่อนเดินเข้าไปในห้องอย่างถือสิทธิ์ ปล่อยให้เจ้าของห้องเดินตามเข้ามาทีหลัง
ภายในห้องชุดสุดหรูขนาด 8 เสื่อของมาซากิ ดวงไฟสว่างด้วยเสียงดีดนิ้วของมาโคโตะ ทำให้เห็นห้องรับแขกที่จัดวางโซฟาและโทรทัศน์สีขนาดใหญ่ไว้กลางห้อง ริมหน้าต่างบานใหญ่มีโต๊ะทำงานขนาดกลางที่ค่อนข้างจะรกนิดหน่อย ต่ำลงมาที่พื้นข้างโต๊ะเป็น 'กอง' เครื่องดนตรีและอุปกรณ์แต่งเพลง มีกระดาษที่เขียนเนื้อเพลง 2-3 แผ่นวางรวมอยู่ด้วย แสดงให้เห็นว่า เจ้าของห้อง คงลงมานั่งทำงานที่พื้นอีกแล้ว
ชายหนุ่มหน้าหวานนั่งลงบนโซฟาทำทีไม่สนใจ เจ้าของห้อง ที่เดินหน้าบูดเพราะเจ็บขาเข้ามาในห้องเหลือบมองจากหางตาเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในครัว มาโคโตะรู้ว่าเดี๋ยวมาซากิจะต้องหยิบเบียร์ออกมานั่งกินเหมือนเดิมและหลังจากนั้นสิ่งที่จะตามมาคือ บทรักอันแสนจะเร่าร้อนชวนลุ่มหลง ไม่น่าเชื่อว่าคนที่แสนจะเย็นชาอย่างมาซากิจะมีลีลาพิศวาสที่ชวยเมามายได้ขนาดนี้ เพียงแค่นึกถึงริมฝีปากอบอุ่นที่ประทับลงบนริมฝีปากของเขาและอุ้งมือร้อนผ่าวที่ทาบลงบนร่างกายเขา ไม่มีที่ใดบนเรือนกายที่ไม่ถูกมาซากิจับต้องและสำรวจ มือหยาบกระด้างอย่างคนทำงานสำรวจร่างกายเขาราวกับกำลังแสวงหาดินแดนที่ยังไม่ถูกค้นพบ คิดถึงตรงนี้ใบหน้าหวานของมาโคโตะก็แดงเรื่อขึ้นมาทันที แม้บทรักจะชวนลุ่มหลง... แม้ว่ามาซากิจะแสดงท่าทีว่าห่วงเขา และยอมตามใจเขาอย่างไม่เคยทำให้ใคร แต่มาซากิไม่เคยบอกรักเขาเลยแม้เพียงหนเดียว ทำให้บางครั้งเขาสงสัยว่า เขาคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่าที่ว่ามาซากิรักเขา
...มันผิดด้วยหรือที่เขาต้องการความรักของผู้ชายคนนี้ จริงอยู่ว่าจากมุมมองของคนทั่วไปครอบครัวของเขาสมบูรณ์แบบ แต่มีใครรู้บ้างไหมว่า เขาโหยหาความรักแค่ไหน
ความรักของพ่อที่มาพร้อมกับความกดดัน ทำให้เขารู้สึกร้อนและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
เขารู้ว่าเขาเป็นลูกชายคนโตที่จะฝากความหวังไว้ได้
แต่เขาเป็นคน
ไม่ใช่หุ่น
ที่จะทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่างโดยไม่มีที่ติได้
ส่วนแม่...ผู้หญิงที่แสนใจดี..
...เชื่อฟังพ่อเสมอ...
แม้จะคอยปลอบโยนเขา...ให้กำลังใจเขา..แต่..
ก็ไม่พ้นที่จะบอกว่าให้เข้าใจพ่อ
เชื่อพ่อ
ทำตามพ่อ
มีไหม...ที่พ่อจะเข้าใจเขา
รัก....มีน้อยคอยเรียกร้อง
มากเกิน..จนต้องเร้นหลีกหนี
อึดอัด...ทับถมพูนทวี
รักมีแค่พอดีไม่เป็นไร...
มีเพียงมาซากิหนุ่มใหญ่นักแต่งเพลงคนนี้เท่านั้นที่คอยปลอบโยนเขาผลักดันเขา
...แต่..ไม่เคยกดดันหรือคาดหวังจนเกินไป
ผู้ชายที่บางครั้งก็คาดเดาอารมณ์ไม่ได้
ผู้ชายที่เงียบจนไม่กล้าเข้าใกล้
ทำให้บางครั้งเขาก็ไม่กล้าที่จะถามออกไปตรงๆ
กลัว...ผิดหวัง
กลัว...เสียน้ำตา
กระป๋องเบียร์เย็นจัดแนบเข้ากับใบหน้า ทำเอามาโคโตะสะดุ้งโหยง
"คิดอะไรอยู่" เสียงทุ้มนุ่มถามอย่างอ่อนโยนแต่มาโคโตะก็ไม่ได้ตอบออกไปเพราะเขากำลังสับสนกับความคิดของตัวเอง
มาซากิมองเสี้ยวหน้าแดงจัดนั้นอยู่เสี้ยวอึดใจก่อนเดินอ้อมมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับแฟนหนุ่ม ลำแขนแข็งแรงโอบรั้งร่างบอบบางให้เข้ามาใกล้
"เธอคิดอะไร" มาซากิ ถามซ้ำ
มาโคโตะหลับตาลงอย่างสับสน พยายามข่มความสงสัยในใจลง
ท่าทีแบบนี้...คุณคงไม่ทำกับใคร
คุณคงรักผมบ้าง
จริงหรือ..ที่ว่ารัก..
"คุณรักผมหรือเปล่า" อยู่ๆมาโคโตะก็โพล่งออกมาราวกับว่าเวลาที่เงียบอยู่นั้นชายหนุ่มใช้มันในการตัดสินใจ
"ทำไม...หรือเธอไม่รู้" มาซากิถามโดยไม่มองหน้าคนข้างๆเขาจึงไม่เห็นว่าร่างบอบบางนั้นกัดริมฝีปากของตนเองเพื่อกลั้นน้ำตา
"คุณไม่บอก...ผมไม่รู้" คำตอบที่ทำให้คนฟังนั่งอึ้ง
นี่มาโคโตะไม่เคยรู้เลยหรือว่าผู้ชายอย่างเขา
คนอย่างเขา
ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเรื่องส่วนตัว
การปล่อยให้มาโคโตะเข้ามาในส่วนที่เขาหวงแหน
ยังไม่เป็นการบอกอีกหรือ
ว่าเขารู้สึกอย่างไร
คนอย่างเขา
จะไม่ยอมร่วมรักกับคนที่ไม่ได้รักอย่างเด็ดขาด
อย่าว่าแต่กับผู้ชายเลย
แม้แต่ผู้หญิงเขาก็ไม่ทำ
ไม่มีใครเคยมาค้างที่ห้องของเขา
ไม่เคย...
เขาไม่เคยมีใจให้กับผู้ชายคนไหน
เขาไม่ใช่พวกรักชอบเพศเดียวกัน
ยกเว้น..มาโคโตะเท่านั้น
ที่เขารัก
รักในตัวตน
ไม่สนว่าเป็นเพศไหน
"มาโคโตะ..ฉันอาจเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่การที่ฉันไม่พูดไม่ใช่ฉันไม่รู้สึก" มาซากิเอ่ยอย่างแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบ
วันนี้เขาจะบอก
บอกให้มาโคโตะรับรู้
"บางครั้ง..ฉันอาจทำให้เธอเข้าใจผิด คิดว่าไม่ได้รัก แต่เธอก็รู้ว่าฉันเคยผิดหวังมาก่อน.." เสียงของมาซายะเงียบไป
เรื่องราวคราวที่เขาเลิกกับภรรยา ลงข่าวหนังสือพิมพ์ใหญ่โต เขาจมกับความทุกข์
เก็บตัวนานนับปี กว่าจะทำใจได้
"..และในส่วนลึก..ฉันยอมรับว่ายังกลัวอยู่ แต่เมื่อฉันมาพบเธอ รักเธอ เธอทำให้ฉันมั่นใจ ทำให้ฉันกล้าที่จะเริ่มรักใครอีกครั้ง ขนาดนี้แล้ว..เธอยังคิดว่าฉันไม่รักเธออีกหรือ..."
คำสารภาพที่ได้ฟังจากมาซายะทำให้มาโคโตะตื้นตันจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
ในที่สุดเขาก็รู้
ว่ามาซากิรักเขา
ทุกสิ่งที่ทำไป..ไม่สูญเปล่า
เขาไม่ต้องคิดน้อยใจอีกแล้ว
คิดไม่ผิดจริงๆที่ถามออกไป มาโคโตะไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นที่รักเท่าวันนี้เลย
จากคนที่คิดมาตลอดว่าไม่รักเขา
กลับบอกความในใจขนาดนี้
คนที่ชอบเก็บทุกสิ่งไว้ในใจ
กลับบอกออกมามากมาย..
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว มาซากิมองคนในอ้อมกอดที่หลับสนิทมาสักพักแล้ว ขนตายาวพริ้มยังมีรอยน้ำตาอยู่หน่อยๆ จมูกโด่งรั้นแดงก่ำ ทำให้นึกถึงกระต่ายขึ้นมาทันที ท่าทางหลับสบายนั้นทำให้เขาไม่อยากปลุกเลยจริงๆ นี่มาโคโตะเห็นเขาเป็นหมอนหรือไงนะ ถึงได้นอนสบายอย่างนี้
ในที่สุดมาซากิก็ตัดสินใจว่าแทนที่จะปลุกไปนอนเขาอุ้มไปเลยจะสะดวกกว่า ลำแขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กขึ้นแนบอก ก่อนวางลงบนเตียงอย่างถนอม แล้วเขาก็ทอดตัวลงนอนเคียงข้างร่างบอบบางคล้ายรู้ตัวว่าคนรักมานอนข้างๆจึงซุกเข้าหามาซายะมากขึ้นอีก การกระทำเช่นนี้ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ อ้อมกอดจึงกระชับขึ้นนิดหนึ่ง
"ฉันรักเธอ" มาซากิกระซิบข้างหูร่างบางที่หลับใหล
"ผมก็รักคุณเช่นกัน" มาโคโตะกระซิบตอบทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม...
THE END
ผลงานอื่นๆ ของ yukinohime ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ yukinohime
ความคิดเห็น