ตอนที่ 2 : [OS] My Barbie Boy : KRIS x LUHAN
My Barbie Boy
Pairing : Kris x Luhan
Rate : PG – 13
“นี่...คิดอะไรอยู่น่ะคริส” ลู่หานจิ้มแก้มคนรักเบาๆเมื่อเห็นว่าคนรักไม่ยอมฟังสิ่งที่เค้าพูดเลยซักนิด คริสหรืออู๋ฝานซึ่งเป็นคนรักของลู่หานหันกลับมามองงงๆ
“พูดอะไรกับผมหรอ? ขอโทษทีนะ พอดีคิดอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ” ได้ยินแค่นั้นแก้มใสๆก็พองลมขึ้นมาทันที บอกชัดว่าร่างบางในอ้อมกอดอุ่นของคริสกำลังงอน
“คิดถึงอะไรล่ะ ผู้หญิงรึผู้ชาย? นอกใจกันหรอ” ไม่พูดเปล่า ลู่หานยังยื่นมือมาหยิกที่หน้าท้องคริสเบาๆอีกด้วย
“คนดี..ผมไม่ได้นอกใจนะครับ แค่คิดถึงเรื่องเก่าๆนิดหน่อย แล้วก็คิดว่าเรารักกันมานานแล้วนะแค่นั้นเอง”
“งั้นก็แล้วไปสิ นึกว่าคิดถึงสาวๆสวยๆที่ไหน” คริสก้มลงหอมแก้มใสแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเลื่อนลงไปที่ริมฝีปากอิ่มแทน ค่อยๆขบเม้มริมฝีปากที่เป็นของเค้าเพียงคนเดียวอย่างไม่รีบร้อน ลู่หานครางอือในลำคอแล้วจึงยกแขนขึ้นคล้องคอคริสไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายกดจูบจนกว่าจะพอใจ
“รู้มั้ย...” ริมฝีปากอุ่นร้อนลากลงมาตามลำคอระหงเชื่องช้า ไม่ลืมขบเม้มให้เกิดรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้ด้วย ให้คนอื่นรู้ว่าเนี่ย...คนของเค้า
“แฟนผมน่ะ...” คริสขยับขึ้นมาสบตาลู่หานอีกครั้งแล้วพูดให้ร่างบางได้ยินช้าๆ
“น่ารักกว่าผู้หญิงหลายๆคนซะอีก” พูดจบริมฝีปากอิ่มก็ถูกครอบครองอีกครั้ง โดยที่ไร้ซึ่งการขัดขืน คราวนี้ร่างบางถูกจับให้นอนราบลงบนเตียงตามมาด้วยคริสที่พลิกตัวขึ้นทาบทับและเริ่มลูบไล้ฝ่ามือหนาเข้าไปใต้เสื้อยืดใส่นอนตัวบางของคนรัก
“จะให้ผมไปมองคนอื่นได้ยังไง ผมเป็นของลู่หานนะ” ร่างสูงทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่เสียงสนทนาจะเงียบหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงหอบหายใจรุนแรงของทั้งคู่เท่านั้น...
“งือ...” ร่างบางบิดตัวออกจากอ้อมกอดของคริสแล้วกลิ้งๆเอาผ้าห่มมาพันตัวไว้ค่อยลุกขึ้นยืน เพื่อจะพบว่า..พลาดอย่างแรง คริสนอนเปลือยอยู่บนเตียงโดยที่ไม่มีอะไรปกปิดเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของลู่หานแดงแปร๊ดขึ้นมาทันที เค้าหันหน้าหนีจากภาพคนนอนหลับก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของคริสเอาไปปิดส่วนสำคัญไว้
“ฟู่วว บ้าจริงเลยเรา >< กี่โมงแล้วเนี่ย” ลู่หานก้มๆเงยๆหามือถือของตัวเองก่อนจะเห็นว่ามันอยู่บนหัวนอนตรงตำแหน่งที่มือคริสวางอยู่พอดี ดังนั้นร่างบางจึงต้องเอื้อมผ่านตัวคริสไปแต่ดันถูกดึงลงไปนอนทับอีกซะงั้น
“อ๊ะ เล่นอะไรน่ะคริส ไม่ได้หลับอยู่หรอ?”
“ตื่นตั้งแต่ที่ลู่หานแย่งผ้าห่มผมไปแล้วล่ะครับ” คริสมองคนรักในก้อนผ้าห่มด้วยสายตารักใคร่ก่อนจะเริ่มต้นจูบแก้มใสอีกครั้ง แต่คราวนี้ลู่หานไม่เคลิ้มด้วย ร่างบางเอามือปิดปากคริสไว้แน่น
“พอเลย ไม่เอาแล้ว นี่มันต้องเลยเที่ยงแล้วแน่ๆเลย หิวแล้วอ่ะคริส ไปอาบน้ำแล้วก็หาอะไรกินกันดีกว่าเนอะ” ในเมื่อคนรักลงทุนอ้อนขนาดเอามือหนามาแนบแก้มแล้วถูไถแก้มกับฝ่ามือนั้นไปมา คริสก็ทนไม่ไหวเหมือนกันล่ะ
“ไปสิครับ แต่ว่าจะไปอาบน้ำน่ะ...ต้องเอาผ้าห่มไว้นี่นะ เอาเข้าห้องน้ำไปด้วยเปียกหมดพอดี” คนในก้อนผ้าห่มหน้าแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะบ่นงุ้งงิ้งเบาๆ เรียกรอยยิ้มให้มาปรากฏบนในหน้าหล่อเหลาของคริสในทันที
“ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างเลยนะคนบ้า”
“ไม่ได้อ้างซักหน่อยครับ ผมพูดจริงๆ”
“คริสทะลึ่งชัดๆ”
“ถ้ามัวแต่เถียงผม..ไม่ได้ไปกินข้าวเที่ยงนะครับที่รัก” คนหิวจัดได้ยินดังนั้นจึงมีปฏิกิริยาตอบรับด้วยการค่อยๆพาตัวเองออกมาจากก้อนผ้าห่มแล้วเอาหมอนมาปิดหน้าแก้เขิน
“พาไปอาบน้ำได้รึยังเล่า”
อ้อมแขนแข็งแรงของคริสตวัดรวบคนเขินขึ้นอุ้มจากนั้นจึงเดินอย่างสบายใจพาร่างบางในอ้อมแขนไปอาบน้ำ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็จูงมือกันออกไปหาอะไรใส่ท้อง หลังจากที่ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้ามายังไม่มีตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย เพราะอะไรก็น่าจะรู้ๆกันอยู่..
“วันนี้เรากินอะไรกันดีอ่ะคริส” ลู่หานกระตุกมือคริสเบาๆแล้วถามความเห็น คริสก้มลงมองคนรักทำตาแป๋วแล้วอดที่จะทำอะไรบางอย่างไม่ได้จริงๆ ร่างบางถูกขโมยหอมแก้มไปอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันได้แต่ยืนอึ้งหน้าแดง ปล่อยให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาและคนคุ้นเคยแถบนี้ผิวปากแซวกันสนุกสนาน
“คริสบ้า! ทำแบบนี้อีกแล้วนะ อายเค้า” ร่างสูงกระชับฝ่ามือบางแน่นขึ้นเพื่อพาข้ามถนนโดยมีจุดมุ่งหมายคือห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงข้ามนั่นเอง
“ทำไมต้องอายด้วยล่ะครับ หืม? แถบนี้เค้าก็ชินกันหมดแล้วนะ”
“ก็นั่นแหละ แต่ว่ามัน...ไม่ประเจิดประเจ้อเกินไปหรอ..?” ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีเพียงฝ่ามือที่กระชับแน่นขึ้นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องพูด ลู่หานก็เข้าใจ..จากการกระทำทุกการกระทำของคริส
“งั้นวันนี้ฉันขอเลี้ยงนะ นะคริสนะ” โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่จ่ายค่าต่างๆจะเป็นคริสแทบทั้งนั้น นานๆทีลู่หานจึงจะมีโอกาสได้เป็นคนจ่ายบ้าง ไม่ใช่ว่าร่างบางไม่อยากจะจ่ายนะ แต่มันเป็นเพราะว่าคริสไม่ยอมให้จ่ายต่างหาก รายนั้นน่ะชอบชิงจ่ายก่อนเค้าตลอด ขนาดค่าน้ำค่าไฟห้องที่อยู่ด้วยกัน..ลู่หานก็ยังไม่ได้ออกซักวอน
“หืม? ทำไมล่ะครับ?”
“ก็วันนี้อยากเลี้ยงแบบจริงจังเลยนี่นา วันนี้คริสไม่ต้องจ่าย ป๋าลู่หานจะเป็นคนจ่ายเองนะจ๊ะ” เรียกตัวเองว่าป๋าอย่างเดียวไม่พอ ลู่หานยังโชว์แมนด้วยการเขย่งขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะได้โอบไหล่กว้างของคริสได้อีกด้วย ... น่ารักเกินไปแล้ว
“ผมกลายเป็นเด็กป๋าไปแล้วหรอเนี่ย? ฮ่ะๆ โอเค ตามใจป๋าก็แล้วกันครับ” และเพราะคริสตอบรับอย่างง่ายดาย ‘ป๋าลู่หาน’ จึงเลิกโอบไหล่เปลี่ยนเป็นลากแขนคริสเข้าร้านอาหารที่ตนเล็งไว้ในทันที นอกจากนั้นยังสั่งอะไรต่อมิอะไรมามากมาย จนคริสถึงกับเพลีย ไม่รู้ว่าจะกินหมดกันมั้ย ท่าทางลู่หานจะหิวจัดจริงๆ
“กินเผื่อถึงพรุ่งนี้เลยหรอครับ?” ถามไปยิ้มไปด้วยความเอ็นดู คนตัวเล็กน่ะกินจุอย่างกับอะไรแต่ไม่เห็นอ้วน ส่วนคนตัวใหญ่กว่าน่ะหรอ.. ไม่ค่อยกินเท่าไหร่หรอก
“ใช่แล้ว ป๋าจะกินเผื่อถึงพรุ่งนี้เลย เผื่อว่าเป็นอย่างวันนี้อีก อดกินข้าวเช้าแหงๆเลย โอ๊ะ” พูดจนจบแล้วถึงได้รู้สึกตัวว่าพลาด ใบหน้าหวานจึงค่อยๆเปลี่ยนสีจากสีขาว เป็นขาวอมชมพู ก่อนจะกลายเป็นสีแดงไปในที่สุด
“ค..คือไม่ได้หมายความอย่างที่คริสคิดนะ คือแบบ..หมายความว่า เผื่อตื่นสาย อะไรแบบนั้นน่ะ” ยิ่งร่างบางลนลานแก้ตัวมากขึ้นเท่าไหร่ คริสก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเท่านั้น เค้าไม่พูดขัดให้ลู่หานได้เขินอายไปมากกว่านี้ เค้าทำแค่เพียงคอยตักอาหารเมนูต่างๆใส่จานให้ก็เท่านั้น
“งั้นก็กินเยอะๆครับ” คริสรู้ดีว่าเวลาเขินมากๆและมีอาหารอยู่ตรงหน้า ลู่หานจะใช้วิธีกินแก้เขิน...อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้นี่แหละ
“ค่อยๆกินก็ได้” ลู่หานจะกินเร็วเกินไปแล้ว
“รู้แล้วน่าคริสอ่ะ” ได้ยินคนรักเตือน ลู่หานก็ลดสปีดลงเล็กน้อย แก้มใสพองลมนิดๆ
“คิดอะไรอยู่ครับหืม?” มือหนายื่นไปลูบแก้มใสเบาๆ แปลกที่ลู่หานไม่ปัดออกแล้วบอกอย่างเขินๆว่าอายเขา แต่สิ่งที่ลู่หานทำก็คือจับมือของคริสไว้ให้แนบแก้มตัวเองอยู่อย่างนั้น
“กำลังคิดว่า..เราไปเยี่ยมรร.กันดีมั้ย? ไม่ได้ไปนานแล้วเนอะ”
ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ รร.ที่พวกเค้าเรียนสมัยมัธยมเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกเค้าได้รักกันในวันนี้ ไม่รู้ลู่หานคิดยังไงถึงอยากไป และก็ไม่รู้ทำไมลู่หานถึงมาคิดถึงรร.ในวันเดียวกับที่เค้าเหม่อคิดถึงเรื่องเก่าๆเมื่อตอนเช้า
“ไปกันสิครับ เดี๋ยวผมพาไป”
“ยังเหมือนเดิมเลยเนอะ แค่ไม่มีคน” มือเล็กจับมืออีกคนแกว่งไปมายามเดินผ่านพ้นเข้ามาในเขตรั้วโรงเรียน คริสได้แต่ยิ้มขำ จะแปลกตรงไหนกันที่ไม่มีคน ในเมื่อวันนี้เป็นวันเสาร์
“วันนี้มันวันเสาร์นี่ครับ”
“อา...นั่นสิเนาะ เป็นเพราะคริสไม่ค่อยให้ไปไหนนั่นล่ะ ฉันเลยไม่รู้วันเวลาเลยเห็นมั้ยเล่า”
“ผมว่าผมไม่เคยห้ามลู่หานเลยนะ เวลาจะไปไหน”
“โกหกน่า คนขี้หวง” ทั้งคู่เดินเถียงกันงุ้งงิ้งกันจนกระทั่งเดินไปถึงบริเวณที่พวกเค้าได้เจอกันครั้งแรก...
“จำตรงนี้ได้มั้ย? ที่พวกเราเจอกันครั้งแรกน่ะ” ลู่หานเงยหน้าขึ้นถามคริส ซึ่งคริสก็พยักหน้ารับ ... ทำไมเค้าจะจำไม่ได้กันล่ะ
วันนั้นเป็นวันที่โรงเรียนจัดงานนิทรรศการ และห้องของลู่หานก็จัดซุ้มถ่ายรูป โดยมีสาวงามตัวเรียกลูกค้าหลายคน ทุกคนเป็นผู้หญิงทั้งนั้น แต่งตัวแต่งหน้าสวยงามยืนประจำแต่ละฉากแตกต่างกันไป มันก็คงไม่มีอะไร ถ้าวันนั้นเพื่อนที่ถูกวางตัวเป็นสาวงามคนนึงของห้องเกิดไม่สบายอย่างหนักและมาช่วยงานนี้ไม่ได้ ส่วนเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆในห้องต่างก็พากันไปเดินกับแฟนของตัวเองกันหมดแล้ว เหลือตัวช่วยสุดท้าย..ซึ่งก็คือลู่หาน
ลู่หานไม่ได้เต็มใจอะไรมากมายนักหรอก เพราะเค้าต้องใส่วิก แต่งหน้า ใส่ชุดยาวกรอมเท้า แถมยังต้องใส่รองเท้าส้นสูงทั้งที่ไม่เคยใส่ และ...ต้องดัดเสียงพูดให้เหมือนผู้หญิงด้วย เพื่อนในห้องทุกคนพากันมาอ้อนวอนขอร้องเพราะฉากที่ขาดสาวงามมายืนประจำนั่น เป็นฉากที่ทุกคนตั้งใจที่สุดและมันก็ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดแล้ว จะให้ลู่หานปฏิเสธได้ยังไง
สุดท้ายลู่หานก็จำต้องมายืนประจำฉาก ... คริสจำได้ว่าวันนั้นเค้าถูกเพื่อนสนิทขอร้องให้มาซุ้มถ่ายรูปนี่เป็นเพื่อนหน่อย เพราะแฟนของหมอนั่นเป็นหนึ่งในสาวงามตัวเรียกลูกค้า คงกะจะมานั่งเฝ้าไม่ให้มีคนมาเกาะแกะนั่นล่ะ คริสจึงมาด้วยและก็สะดุดตาลู่หานเข้าอย่างจัง ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกตคริสจึงรู้สึกได้ตั้งแต่มองครั้งแรกว่าคนที่ยืนอยู่ฉากตรงกลางนั้นไม่ใช่ผู้หญิง และเพื่อความมั่นใจ เค้าจึงตัดสินใจเดินเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย
คริสถามลู่หานตรงๆว่าไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ย ปฏิกิริยาตอบรับตาโตตกใจและหน้าตางุนงงของลู่หาน ทำให้คริสอยากทำความรู้จักขึ้นมา เค้าไม่เคยรู้สึกชอบพอใครในเชิงนี้มาก่อน เค้าจึงแปลกใจตัวเองมาก หลังจากที่เก็บซุ้มคริสก็เลยเข้าไปทำความรู้จักกับลู่หานอีกทีและเค้าถึงเข้าใจเหตุผลที่เพื่อนๆต่างเลือกลู่หานมาทำหน้าที่นี้แทน
จะว่ามันเป็นรักแรกพบของคริสเลยก็ไม่ใช่ เรียกถูกใจจะถูกต้องมากกว่า และลู่หานเองก็ดูจะไม่ชอบหน้าคริสมากซักเท่าไหร่ คงเพราะตั้งแต่ที่คริสทักเรื่องไม่ใช่ผู้หญิงวันงานนิทรรศการวันนั้น อาจเหมือนเป็นการดูถูกฝีมือการแปลงโฉมของเพื่อนๆลู่หาน และก็คงเป็นการทำให้ลู่หานหมดความมั่นใจตั้งแต่เปิดซุ้ม
แต่หลังจากที่ได้คุยกันไปเรื่อยๆทั้งคู่ก็พบว่าพวกเค้าเข้ากันได้ดีกว่าที่คิด...
“นี่แน่ะ มัวแต่รำลึกความหลังเหมือนคนแก่เลย” ลู่หานขัดจังหวะความทรงจำของคริสด้วยการบีบแก้มแล้วจับส่ายไปส่ายมา ร่างบางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่เห็นแก้มคนรักยืดออกอย่างนั้น
“ผมก็นึกบ้างแหละว่าลู่หานเนี่ยชอบแกล้งผมยังไงก็ยังเป็นยังงั้นอยู่”
“โธ่ ยังจำเรื่องที่ฉันหลอกให้คริสรอไปกินข้าวด้วยตั้งแต่เช้ายันเย็นได้อีกหรอเนี่ย -3-“ คิดดูก็แล้วกันว่าวิธีพิสูจน์ความจริงใจของลู่หานก็คือแกล้งตอบตกลงกับคริสว่าจะไปกินข้าวด้วย ให้รออยู่ที่หน้าบ้านของลู่หาน แต่คืนก่อนวันนัดเจ้าตัวกลับไปนอนค้างบ้านญาติและกลับมาซะค่ำ โดยที่ปล่อยให้คริสนั่งรออย่างทรหดอดทน... นั่นแหละ ลู่หานถึงเชื่อในความจริงใจของคริส
“ให้ลืมก็ลืมไม่ลงหรอกครับ” คริสพูดติดตลก ลู่หานจึงหลุดหัวเราะออกมาบ้าง แต่ก่อนนั้นเค้าร้ายไม่เบาจริงๆแหละ
“บาร์บี้บอย”
“เรียกแบบนี้อีกแล้ว เลิกเรียกไปตั้งนานกลับมาเรียกอีกทำไม ใครได้ยินอายเค้าแย่เลย” คริสขยับเข้าไปกอดลู่หานจากทางด้านหลังแล้วกระซิบเรียกบาร์บี้บอยข้างๆหูเล็กไม่หยุดจนลู่หานต้องตีที่หลังมือเบาๆนั่นแหละ คริสถึงหยุดเรียก
“น่ารักนะ เข้ากับลู่หานออก รูปที่เราถ่ายกันวันนั้นยังอยู่อยู่เลย เหมือนบาร์บี้กับเคน”
“ฮ่าๆ แหวะ กล้าพูดได้ยังไงน่ะคริส” คราวนี้ลู่หานท่าทางจะขำจริงๆ ร่างบางทรุดลงไปนั่งยองๆแล้วขำไม่หยุด บาร์บี้กับเคนหรอ...? ไม่ใช่แล้วล่ะไม่ใช่แล้ว
“ที่รัก...เริ่มมืดแล้วนะ กลับบ้านกันเถอะครับบาร์บี้” เห็นคริสอมยิ้มน้อยๆแล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเตรียมให้อีกคนคล้องแขนแล้วลู่หานก็ส่ายหัวอ่อนใจ จะเล่นด้วยก็ได้หรอก
“งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะเคน” ลู่หานคล้องแขนของคริสแล้วทั้งคู่ก็เดินไปพร้อมๆกับที่เริ่มหัวเราะขึ้นมา..
END
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลู่ออกจะน่ารักกว่าผู้หญิงซะอีก
แต่ก็รักกันหวานแหววดีจังเลยน้าาา บาร์บี้บอย >
บาร์บี้กับเคน
น่ารักกกก