ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [รวม Short Fic]Super Junior+Dong Bang Shin Gi+SHINee....Yaoi

    ลำดับตอนที่ #12 : [SHINee] แฟนผมเป็นนายแบบ (HyunMin)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 457
      1
      3 เม.ย. 52

    Title : [SF]แฟนผมเป็นนายแบบ
    Couple : HyunMin [Jonghyun + Taemin]
    Rate: อ่า NC นิดๆค่ะ ^^
    Author : TLPZ*HM @ HyunMin Board , ตวงมี่!~ @ SHINee Thailand Board
    Note : เป็นฟิกที่เคยลงในบอร์ดฮยอนมิน+ชายนี่มาแล้วนะคะ ใครเคยอ่านแล้วก็...ขอโทษด้วยนะคะ อ่า แล้วก็อย่าลืมเม้นท์ด้วยนะคะ
     
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
     
    “นี่ๆ แทมิน นายดูสินายแบบหน้าใหม่ล่ะ เท่มากๆเลยว่ามั้ย”คีย์...ลูกพี่ลูกน้องของผมกำลังคลั่งอยู่ครับ เหตุก็มาจากนายแบบหน้าใหม่ที่ว่านั่นล่ะ ถ่ายแบบครั้งแรกก็ได้ลงหน้าปกนิตยสารชื่อดังซะแล้ว
     
    “ใครล่ะ”ผมถามอย่างเสียไม่ได้เพราะถ้าผมยังทำท่าทางไม่สนใจต่อไปล่ะก็ คีย์คงไม่ยอมหยุดเขย่าแขนผมแน่ นายแบบคนนี้หน้าตาก็ดีอ่ะนะแต่ไม่เห็นจะเท่เลย ออกจะดูหยิ่งๆซะด้วยซ้ำ ยิ้มก็ไม่ค่อยยิ้ม
     
    “ชื่อ จงฮยอน ฉันไม่เคยเห็นใครเท่ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ เห็นเค้าว่าบ้านรวยด้วยล่ะ”หึ ก็คงใช้เส้นน่ะสิถึงได้ดังอย่างงี้ เรื่องแบบนี้มันทำได้...ผมตัดสินใจปล่อยให้คีย์นั่งพร่ำเพ้อถึงจงฮยอนของเค้าต่อไปคนเดียว ส่วนผมเดินออกไปรับลมที่ระเบียงหน้าบ้าน...คืนนี้ดาวสวยจัง
     
    “คีย์ ผมไปนอนแล้วนะ อย่าลืมล็อกบ้านแล้วก็ปิดไฟด้วยล่ะ”คีย์พยักหน้าเบาๆโดยไม่พูด ที่ไม่พูดเพราะมัวแต่มองปกนิตยสารเล่มนั้นอยู่น่ะสิ จะมองให้เห็นถึงรูขุมขนเลยรึไงกัน ผมกับคีย์ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ได้สักพักแล้วเพราะบ้านใหญ่อยู่ไกลมหาลัย อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็เป็นมรดกตกทอดของพ่อกับแม่ผมด้วย
     
    เช้าวันรุ่งขึ้น...คีย์ก็ยังคงเพ้อถึงจงฮยอนอยู่ ผมล่ะเชื่อเค้าเลย อะไรมันจะกินใจขนาดนั้น เราต่างก็เป็นผู้ชายกันทั้งคู่ ชักจะรำคาญแล้วนะ...เพ้อไม่รู้จักเวล่ำเวลาเล้ยยยย
     
    “คีย์ เลิกเพ้อได้แล้วนะ วันนี้เราต้องทำความสะอาดบ้าน เดี๋ยวเถอะ ผมจะฟ้องพี่มินโฮว่าคีย์นอกใจ”เหมือนมีคนมาปิดสวิตซ์รอยยิ้มของคีย์ยังไงยังงั้นเลยครับ รอยยิ้มหุบฉับแถมคีย์ยังค้อนผมอีกแน่ะ อ๊ะ ผมไม่ผิดซะหน่อยนึง
     
    “เฮอะ เกี่ยวอะไรกับหมอนั่นกันล่ะ ไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่นายเข้าใจซะหน่อยนะเห็ดน้อย บอกตั้งกี่ทีแล้วเคยเชื่อกันบ้างมั้ยเนี่ย”ก็ไม่เชื่อน่ะสิครับ ดูสิปากบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแต่แก้มเนี่ยแดงแปร๊ดเลย แดงไปถึงหูแล้วมั้งน่ะ แต่ผมก็ขี้เกียจจะเถียงกับคนปากแข็งอย่างคีย์แล้วล่ะครับ ปล่อยเค้าไปเถอะ ความจริงเป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่
     
    “ของสดหมดแล้ว ฉันออกไปซื้อก่อนนะเผื่อจะได้เจอจงฮยอนด้วย วันนี้เค้ามาถ่ายแบบแถวบ้านเราล่ะ”ผมพยักหน้ารับเบาๆแล้วตั้งหน้าตั้งตาย้ายต้นไม้จากในกระถางลงดินต่อไป และในเวลาต่อมา
     
    ผลั่ก!! ใครมันวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้ล่ะเนี่ย มาชนผมจนล้มแบบนี้ผมจุกเลยนะ เอ๊ะ!แต่หมอนี่หน้าคุ้นๆมันเหมือน.....เหมือน....เหมือนจงฮยอน! จงฮยอน?? เออใช่ คีย์บอกว่ามาถ่ายแบบแถวนี้นี่นาแต่มาทำอะไรบนตัวผมล่ะเนี่ยยย
     
    “นาย! จงฮยอนใช่มั้ย? ลุกออกไปก่อนฉันหนักนะ”จงฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนวิ่งหนีอะไรมาซักอย่างก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นสิ่งที่ตนวิ่งหนีมาโดยที่ไม่สนใจผมเลย ผมเลยสะกิดแขนหมอนั่น 2-3 ที
     
    “นายวิ่งหนีอะไรมาน่ะ”โอ๊ย หมอนี่สนใจผมรึไง จ้องอยู่ได้ ผมพูดด้วยก็ไม่พูดเป็นใบ้งั้นหรอ..ถ้อยคำด่าสารพัดที่จะคิดได้ผุดขึ้นมาแค่ในใจ จะพูดออกไปมันก็ใช่เรื่อง ไม่ดีๆ..บาปครับ
     
    “วิ่งหนีแฟนคลับ น่ากลัวมากๆฉันเกือบโดนทึ้งตาย”ผมเข้าใจแฟนคลับของหมอนี่อยู่นะครับ เห็นคนที่เราชื่นชอบมาอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่ายๆก็ต้องอยากสัมผัสเป็นธรรมดา เพียงแต่บางครั้งก็ออกจะสัมผัสมากไปหน่อย
     
    “มาถ่ายแบบแถวนี้หรอ”ผมนี่ก็จริงๆเลย ไปยืนคุยกับหมอนี่เป็นตุเป็นตะทั้งๆที่เพิ่งเคยเห็นหน้า เพิ่งเคยคุยกันครั้งแรก ทำยังกับรู้จักกันมานานแถมหมอนี่ยังทำตัวตามสบายอีกแน่ะ ไม่ระวังตัวซะเลย
     
    “อืม น่าเบื่อจะตาย”อ๋อ ผมเข้าใจแล้วครับ ใบหน้าที่ผมว่าหยิ่งน่ะความจริงแล้วเค้ากำลังเบื่อต่างหากล่ะ แต่ลองคิดดูนะครับขนาดทำหน้าเบื่อๆคนยังตามกรี๊ดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าตอนที่เค้ายิ้มทั้งหน้าทั้งตาบ้างล่ะ สงสัยว่าแม้แต่ผมก็คงจะไม่รอด
     
    “วิ่งหนีมาแบบนี้มันจะดีหรอ ผู้จัดการส่วนตัวนายล่ะ”ไอ่การส่ายหัวไปมาของเค้าเนี่ย ผมก็จนปัญญาจะตีความนะครับว่ามันหมายความว่า ไม่ดี ไม่เป็นไร ไม่มี ไม่รู้ หรือว่า ไม่สนใจ   “วิ่งมาน่ะไม่ดีหรอกแต่ฉันไม่ชอบให้คนที่ฉันไม่ได้ชอบมาแตะเนื้อต้องตัวนี่นา ส่วนผู้จัดการน่ะไม่มี”
     
    “น่าจะหาเอาไว้ซักคนนะ ต่อไปนายต้องไม่มีเวลามาจัดการเรื่องคิวเองแน่ๆ ขนาดเพิ่งถ่ายแบบยังดังซะขนาดนี้ ต่อไปสงสัยนายคงต้องเลิกคิดเรื่องนอนไปเลย”พูดมาจนจบ ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าเรายืนคุยกันอยู่แล้วป่านนี้จงฮยอนคงเมื่อยขามากๆแล้วล่ะครับ
     
    “โทษทีนะไม่ได้ชวนตั้งแต่แรก เข้าไปนั่งพักเหนื่อยก่อนมั้ย”จงฮยอนยิ้มให้ผม ให้ตาย สาบานได้ว่าผมเห็นเค้ายิ้ม ยิ้มทั้งปากยิ้มทั้งตาเลยล่ะครับ ท่าทางผมจะไม่รอดจริงๆครับ
     
    “ขอบใจมากแต่คิดว่าไม่รบกวนจะดีกว่า นายปลูกต้นไม้ต่อเถอะ ฉันก็จะไปแล้วเหมือนกันหายมานาน กองถ่ายวุ่นวายแย่เลย ว่าแต่นายชื่อ....”
     
    “แทมิน”
     
    “อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะแทมิน หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะ”เค้าโบกมือลาแล้วเดินจากไป ผมเองก็ยืนมองส่งเค้าจนลับตาไปเหมือนกัน....หมอนี่น่ารักใช่หยอกแฮะ....
     
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
     
    ดูเหมือนว่าผมกับจงฮยอนจะมีโอกาสได้เจอกันอย่างรวดเร็วครับ...ผมกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปโรงยิมที่อยู่แถวบ้านเพื่อซ้อมเต้น เตรียมตัวเข้าแข่งขันตอนปลายปีและเผอิญว่าผมเป็นคนสายตาดีระหว่างทางไปโรงยิมผมจึงสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สาธารณะโดยที่เค้าทั้งใส่หมวกและสวมแว่นตาดำ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ....ที่ผมสนใจน่ะเพราะเค้าคือ จงฮยอน!
     
    “จงฮยอน”ไวเท่าความคิดเท้าทั้งสองข้างของผมพาผมมาหยุดอยู่ข้างๆจงฮยอนและสมองก็สั่งการไปด้วยความเร็วพอกันให้ผมเรียกเค้าออกไป จงฮยอนเงยขึ้นด้วยความตกใจคงจะคิดว่าผมเป็นพวกแฟนคลับมั้งครับ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผมก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที ท่าทางเค้าจะชอบถอนหายใจ...มีอะไรให้คิดนักหนานะ
     
    “ตกใจหมดเลย”จะว่าน่าขำก็น่าขำ จะว่าน่ารักก็น่ารักล่ะครับท่าทางแบบนี้ โอ้ว! ไม่นะหรือว่าผมจะหลงสเน่ห์เค้าเข้าแล้วจริงๆ ผมยังไม่อยากจะยอมรับเลยย ไม่น้า~~~ อย่างนี้ผมจะสมหวังได้ยังไงกัน
     
    “หนีเที่ยวล่ะสิ”ถึงจะพยักหน้าตอบรับแต่สายตาภายใต้แว่นกันแดดอันนั้นยังคงสอดส่ายอยู่ตลอดเวลา “ถ้ามันทำให้ลำบากขนาดนี้ล่ะก็นะ ไม่ต้องหนีออกมาดีกว่ามั้ย”ผมเอ่ยอย่างติดตลกนิดๆซึ่งดูเหมือนจงฮยอนก็จะผ่อนคลายลงด้วยคำพูดของผม
     
    “ไปซ้อมเต้นกับฉันมั้ยล่ะ เดินไปอีกไม่ไกลหรอก”
     
    “ฉันเอารถมา นั่งรถฉันไปก็ได้”เมื่อเห็นรถของจงฮยอนเต็มๆตาก็ต้องอ้าปากค้างเพราะการแต่งตัวลับๆล่อๆแบบนี้ดูไม่เหมาะกับรถสปอร์ตสีแดงคันนี้เอาซะเลย.......ขณะที่เราเต้นตามเพลงที่ผมใช้ซ้อมเป็นประจำอยู่ อยู่ดีๆจงฮยอนก็พูดขึ้นมาว่า
     
    “นายจะแข่งตอนปลายปีหรอ”ผมก็เลยพยักหน้าไปด้วยเต้นไปด้วยอย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด ก็เพราะผมเป็นมืออาชีพน่ะสิ 555+ “ฉันก็อยากแข่งเหมือนกันแต่คงไม่ได้แข่งหรอกเพราะพ่อกับแม่อยากให้ถ่ายแบบมากกว่า”ผมหยุดเต้นกะทันหันพลอยทำให้จงฮยอนหยุดเต้นไปด้วย
     
    “มาแข่งด้วยกันสิ เต้นคู่ก็ได้”เค้าขอเวลาไปคิด ถึงเค้าจะชอบการเต้นมากแต่ก็ต้องขออนุญาตจากพ่อกับแม่ก่อนอยู่ดี ที่ผมรู้ว่าเค้าชอบเต้นก็เพราะเค้ามีสมดุลร่างกายที่ดี ท่วงท่าคล่องแคล่ว ทำได้ดีกว่าการเป็นนายแบบอีกมั้งเพราะการที่เราได้ทำในสิ่งที่รัก เรามักจะทุ่มเทเพื่อสิ่งนั้นเสมอ
     
    “หวา...”สงสัยว่าผมจะคิดเพลินเกินไปเมื่อออกเต้นอีกครั้งหนึ่งจึงทำให้เสียจังหวะและขาพันกันล้มลงก้นกระแทกพื้น เห้อออ เสียยี่ห้อมืออาชีพแย่เลยสิครับเนี่ย
     
    “เฮ้ย! แทมิน”ถึงเค้าจะเข้ามารับผมไม่ทันเหมือนในละคร แต่ก็แสดงออกถึงความห่วงใยที่ทำให้ผมหน้าร้อนจนแทบไหม้อย่างนี้ได้ล่ะครับ “เจ็บมากมั้ย”ข้อเท้าของผมถูกจับอย่างเบามือ ผมส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะกอดคอเค้าไว้แน่นเพราะอยู่ดีๆเค้าก็อุ้มผมขึ้นไปวางบนโซฟาอย่างนุ่มนวล ถึงผมจะไม่ได้ตัวใหญ่บึกบึนอะไรแต่ก็พอมีน้ำหนักบ้างล่ะน่า แต่นี่เค้ากลับอุ้มผมขึ้นง่ายๆเหมือนอุ้มหมอนข้าง (-_-“) ชาติที่แล้วเป็นนักยกน้ำหนักทีมชาติรึไงนะ เท่านั้นยังไม่พอเค้ายังก้มลงไปจูบตรงที่ผมเจ็บเบาๆอีกด้วย
     
    ผมก็เขินสิครับ วินาทีนี้ผมไม่กล้าสบตาจงฮยอนอย่างเด็ดขาดเพราะใบหน้าของผมต้องแดงเถือกเป็นลูกตำลึงสุกแน่นอน เกิดมายังไม่เคยจีบใคร ไม่เคยมีใครมาจีบเล้ยย ทำใจให้ชินไม่ได้หรอก อ๊า~~อย่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างน้านนน ลมหายใจเริ่มติดขัด ใจเต้นระรัว สิ่งกำลังเกิดอยู่ตอนนี้มีเพียงริมฝีปากของเราทั้งคู่ที่กำลังบดเบียดกันอยู่เท่านั้น สาบานได้ว่าลิ้นของเค้าอยู่ในปากของผมแล้วลิ้นของเราก็พันกันมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครแล้วเนี่ย
     
    “อือ”ผมเริ่มตอบรับจงฮยอนมากขึ้นจนตัวเองยัง งง ตกลงว่ามันใช่การจูบครั้งแรกของผมมั้ย??? มือข้างหนึ่งของผมโอบรอบคอของจงฮยอนไว้แน่นส่วนอีกข้างก็กำลังขยุ้มผมของเค้าอยู่ไม่ปล่อย >________<
     
    “ขอโทษนะ”จงฮยอนเอ่ยหลังจากที่ปล่อยให้ผมได้รับอิสรภาพคืน อากาศในห้องมีเท่าไหร่ผมต้องโกยใส่ปอดให้หมดชดเชยที่โดนคนหล่อขโมยไป “นายทำแบบนี้กับคนอื่นบ่อยหรอ”เอ๊ะ แล้วผมจะน้อยใจแล้วก็หงุดหงิดกับเรื่องนี้ไปทำไมในเมื่อเค้าจะไปทำอะไรกับใครก็ไม่เกี่ยวกับผมเลยซักนิด
     
    “เปล่า ไม่เคยทำกับใครเลย นายเป็นคนแรก”ผมควรจะเชื่อดีมั้ยครับ ดูลีลาท่าทางช่ำชองซะขนาดนั้นเหมือนฝึกอยู่ทุกวี่วัน ฝึกกับตุ๊กตารึไง คนบ้า!!! “เฮอะ ไม่เชื่อหรอก”
     
    “แล้วถ้าฉันจะบอกว่าฉันชอบนายล่ะ นายจะเชื่อฉันมั้ย”อึ้ง อึ้ง อึ้ง แล้วก็อึ้งสิครับงานนี้ ผมกับเค้าเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวาน อยู่ดีๆก็มาจ่โจมแบบนี้ตกใจนะ หน้าแดงแล้วด้วย เขินจะตายบรรยากาศก็เป็นใจซะเหลือเกินจนตอนนี้ผมกับจงฮยอนยังค้างท่าเดิมอยู่เลยครับ
     
    “เพราะอะไร”แทนที่จะตอบคำถามเค้า ผมกลับถามกลับไปอีกซะนี่ จงฮยอนเองก็ตอบผมด้วยความมั่นใจเช่นกันว่า “เพราะนายน่ารัก เดี๋ยว อย่าเพิ่งโมโห ยังมีต่อ นายไม่สนใจที่ฉันเป็นนายแบบ เป็นคนดัง นายอัธยาศัยดีและนายปฏิบัติกับฉันอย่างคนธรรมดาคนนึง เหตุผลแค่นี้เพียงพอรึเปล่า”
     
    “จะว่าพอก็คงได้มั้ง แต่นายน่ะชอบคนง่ายจัง...เหมือนฉันเลย”ผมรู้ว่าจงฮยอนไม่ได้โง่ รู้พอๆกับที่มั่นใจว่าเค้าต้องเข้าใจในความนัยที่ผมต้องการสื่อให้ได้รู้ “นายก็ชอบฉันใช่มั้ย”
     
    “คิดว่ายังไงล่ะพ่อรูปหล่อ”แหม คนดังแถมยังหล่อมาจีบมันน่าเล่นตัวใช่น้อยนะครับ ยังไงก็ขอแกล้งซักนิดเถอะ มันน่าแกล้งจริงๆให้ตาย “ถ้านายไม่ตอบฉันจะถือว่านายชอบฉันเหมือนกันแล้วก็ตกลงคบกับฉันล่ะนะ”โหยย ตอบให้โง่สิครับ ผมสัญญาด้วยเกียรติของอี แทมินคนนี้เลยว่าจะปิดปากให้เงียบสนิท 5555
     
    “อยากกลับบ้านแล้วอ่า”ถึงจะคบกันแล้วแต่การที่เค้าอยู่ดีๆก็กอด อยู่ดีๆก็หอมแก้มผมอย่างเงี้ย บอกตรงๆเลยครับว่ามันทำให้ผมเขิน ร่างกายต้องผลิตเลือดมาหล่อเลี้ยงใบหน้าของผมเพิ่มตั้งเท่าไหร่ “โอเคๆ เดี๋ยวไปส่งนะครับ”แฟนผมเค้าช่างกล้านะครับ ไม่กลัวอะไรซักอย่าง ไหนจะแบกผมกลับยังไง รถสปอร์ตสีแดงที่โดดเด่นสะดุดตาซะขนาดนั้น แล้วไหนจะตัวจงฮยอนเองที่แม้จะพรางตัวก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเล้ยย ยิ่งทำให้เด่นสิไม่ว่า
     
    “ขอเรียกว่า บลิงๆ ได้มั้ย จงฮยอนมันยาวไปอ่ะ อีกอย่างนะรอบๆตัวนายอ่ะมีออร่าเปล่งออกมาตลอดเลย เห็นแล้วแสบตามากกกก”รอยยิ้มเอ็นดูแบบนี้ผมก็เพิ่งจะเคยได้รับจากเค้าเนี่ยแหละครับ ฮือๆ ทำไงดี ผมเขินเค้าอีกแล้ว “ให้แทมเรียกคนเดียวนะครับ”
     
    “อื้อ ตามใจบลิงๆสิ ว่าแต่บลิงๆไม่กลัวพวกปาปารัซซี่เห็นเราสองคนเหรอ เดี๋ยววันพรุ่งนี้เป็นข่าวขึ้นมาจะทำไงล่ะ”
     
    “เป็นข่าวกับแฟนตัวเอง ไม่กลัวหรอกครับ น่าภูมิใจจะตายไป”ท่าทางแฟนผมเค้าจะไม่ใช่นายแบบอีกต่อไปแล้วล่ะครับ เปลี่ยนไปเป็นขโมยแทน ก็เค้าขยันขโมยจูบผมอ่ะ ไม่กลัวผมหายใจไม่ทันบ้างรึไงน้าแต่ช่างเถอะครับ...ผมยอม >.< และแล้วเราก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพโดยตอนลงจากรถก็ต้องลำบากจงฮยอนอุ้มผมลงเช่นเคย โชคดีที่วันนี้คีย์ต้องไปทำงานบ้านของคนที่ถูกอ้างว่าเป็นแค่เพื่อนชื่อ มินโฮ กว่าจะกลับก็บ่ายวันพรุ่งนี้ เป็นคำอ้างที่ฟังไม่น่าเชื่อถือเลยว่ามั้ยครับ อยู่มหาลัยเดียวกันก็จริงแต่ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันซะหน่อยเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องทำงานร่วมกัน แต่ก็นั่นแหละครับคนเราเวลาจนปัญญาจะอ้างก็เอางานมาบังหน้าไว้ก่อนแหละ
     
    “ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”ผมก็ลังเลอยู่เหมือนกัน ใจนึงอยากให้อยู่ แต่อีกใจก็เกรงใจอย่างรุนแรง โอ๊ยๆ เอาไงดี ดูเหมือนจงฮยอนจะงอนตุ๊บป่องเดินออกนอกบ้านไปแล้ว แล้วๆๆขาของผมก็ไม่เอื้ออำนวยให้ลุกตามไปง้อซะด้วยสิ ฮือๆ เพิ่งคบกันวันแรกก็งอนกันแล้วเรอะ...ชีวิตคู่ของเราจะรอดมั้ย???
     
    “เอ๋”ความคิดทั้งหมดทั้งมวลของผมหยุดลงเมื่อเห็นจงฮยอนเดินกลับเข้ามาในบ้านและเดินมานั่งข้างๆผมบนโซฟาโดยมีชุดนอนพาดอยู่บนแขน “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ หรือว่าแทมจะไม่ให้ผมนอนเป็นเพื่อนจริงๆ”
     
    “ปะ เปล่านี่ แค่สงสัยว่าไปเอาชุดนอนมาจากไหนแล้วก็บลิงๆไม่ได้งอนแทมหรอกหรอ”ตักของผมถูกจงฮยอนริบไปอย่างรวดเร็ว เร็วชนิดที่ผมปฏิเสธไม่ทันเลยล่ะครับ ความจริงแล้วก็คือถึงจะปฏิเสธทันก็ไม่ปฏิเสธอยู่ดีน่ะแหละ แหะๆ
     
    “ไม่เห็นได้งอนเลยครับเพราะถึงแทมจะปฏิเสธหรือไล่ให้ผมกลับบ้าน ผมก็จะอยู่กะแทมอยู่ดี แล้วชุดเนี่ยเอามาจากในรถน่ะครับ มีติดไว้”
     
    “ทำไม?? อ๋อ ชอบแวะนอนกับสาวๆใช่มั้ยล่ะ ถึงต้องมีติดไว้ในรถน่ะ”พูดจาไม่เข้าหูเล้ยยย ผมหึงแล้วนะ “โอ๋ๆ อย่าเพิ่งโมโหหึงสิครับคนดี สาวๆที่ไหนกันแม้แต่หนุ่มๆก็ไม่มีครับ มีแทมคนเดียว ที่ต้องติดรถเอาไว้เพราะเผื่อมีงานด่วนต้องไปต่างจังหวัดต่างหากล่ะครับ อย่าคิดมากสิ”
     
    “งั้นก็แล้วไป”ผมเห็นแก้มของเค้าแล้วเกิดอาการมันเขี้ยวขึ้นมาจึงก้มลงไปลองสัมผัสเค้าดูบ้าง ปรากฏว่าเค้าหน้าแดงแปร๊ดเลยครับ หึ ทีทำกับผมไม่เห็นจะอายเลย พอเอาคืนนิดเดียวล่ะทำเป็นอาย
     
    “อย่ามาทำให้ผมเกิดอารมณ์นะครับแทม”ผมประเมิณสถานการณ์ดูแล้วว่าตอนนี้ผมควรถอยดีกว่าเพราะขืนยังอยู่ต่อไป มีหวังเวอร์จิ้นอันแสนภาคภูมิใจของผมคงจะหลุดลอยไปอยู่กับจงฮยอนเป็นแน่แท้ “อะ เอ้อ แทมไปอาบน้ำก่อนนะ”เรื่องอะไรจะไปรอคำตอบล่ะคร้าบบบ ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ลืมอาการเจ็บข้อเท้าไปซะสนิทโดยทิ้งหัวทุยๆของจงฮยอนลงบนโซฟา ไม่เบาเลยด้วยแต่เค้าก็ไม่โกรธหรอกเพราะคนโกรธกันที่ไหนจะหัวเราะเสียงดังขนาดนี้..จริงมั้ยครับ??
     
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
     
    “จงฮยอน~~~”เสียงของใครก็ไม่รู้ที่ปลุกให้ผมตื่น จงฮยอนไม่อยู่แล้ว...คงลงไปทำอาหารเช้าล่ะมั้ง ไม่รู้จะกินได้รึเปล่า ผมยังงัวเงียอยู่เลยเพลียด้วย ใครไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับว่าเมื่อคืนนี้ผมได้สูญเสียเวอร์จิ้นที่รักษามาได้ 10 กว่าปีให้จงฮยอนไปแล้ว >.<
     
    “เสียงอะไร ทำไมดังจังอ่ะบลิงๆ”ผมกับจงฮยอนอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ จะต่างกันก็ตรงที่บนตัวผมมีรอยอยู่เต็มไปหมดแต่บนตัวของจงฮยอนนั้นไม่มี เค้าใช้ตัวของเค้าบังร่างของผมให้พ้นจากสายตาคนๆหนึ่งอยู่ 
     
    “เสียงคนนั้นครับแทม”เมื่อมองไปจนสุดปลายนิ้วมือก็พบกับคนอีกคนที่ทำให้ผมตกใจถึงขีดสุด...ตาสว่างขึ้นมาทันใด
     
    “คีย์!/แทมิน!”ไหนเค้าว่าเค้าจะกลับมาตอนบ่าย ตายๆๆทำไงดีล่ะทีนี้ “เดี๋ยว คีย์อย่าเพิ่งพูดอะไรนะ ทำข้าวเช้าให้พวกผมก่อน เดี๋ยวมา”พูดจบจงฮยอนก็ถูกผมลากกลับขึ้นมาบนห้องทันที แต่เค้าทำหน้าเครียดๆซะจนผมเริ่มกลัวแล้วนะ
     
    “ใครคือคีย์ คีย์คือใคร แล้วแทมเป็นอะไรกับเค้า ทำไมเค้าถึงบอกว่าแทมอยู่บ้านหลังนี้กับเค้า”คราวนี้ผมแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับว่าที่เค้าเครียดเพราะเค้ากำลังหึง!! ว้าวว จงฮยอนหึง..คนโง่เอ๊ย ดูไม่ออกรึไงว่าคีย์น่ะเป็นอุเคะ ไม่ใช่เซะเมะซะหน่อย จะหึงทำแห้วอะไรคร้าบบบ
     
    “อย่าเพิ่งหึงสิ บลิงๆอ่ะ”ผมย้ายตัวเองไปนั่งคร่อมตักคนขี้หึงเพื่อเป็นการง้อเค้าด้วย ผมค่อยๆบดเบียดริมฝีปากกับเค้าก่อนก่อนที่โพรงปากของผมจะถูกเค้าสำรวจอีกครั้งด้วยความเต็มใจ
     
    “แทมจะบอกให้นะ คีย์น่ะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแทม เราอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกันจริงแต่ไม่มีทางจะเกินเลยได้หรอกเพราะคีย์น่ะเค้าเป็นอุเคะเหมือนแทม ขอโทษที่ไม่ได้เล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อวาน”พูดเองก็เขินๆแฮะตรงที่บอกว่าคีย์เป็นอุเคะเหมือนผมเนี่ยย >.< เราสองคนกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นและอยู่ท่านั้นอีกพักหนึ่ง กระทั่งผมกดจูบที่ต้นคอจงฮยอนแรงๆ 1 ทีเป็นสัญญาณให้ปล่อยได้แล้วนั่นแหละ เราถึงได้แต่งตัวกันซักที
     
    “แต่งตัวกันเถอะ เชื่อมั้ยว่าคีย์เป็นคนทำให้แทมรู้จักบลิงๆ เค้าชอบบลิงๆมากเลยนะ สงสัยช็อกไปแล้วมั้งที่อยู่ดีๆบลิงๆก็มาโผล่อยู่ในบ้านแถมแต่งตัวล่อแหลมอีก เฮอะ”ใครว่าเค้าหึง เค้าหวงผมเป็นคนเดียวล่ะครับ จงฮยอนบ้า ผมก็หวงเป็นเหมือนกันนะ ถึงคีย์จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมก็เถอะ
     
    “นั่นแน่ แทมก็หวงผมใช่มั้ยล่า~~”ก่อนหน้านี้ล่ะทำเป็นขรึม หึ ตอนนี้ล่ะระรื่นเชียวนะ “ก็หวงน่ะสิ บลิงๆเป็นของแทมนะ”
     
    “คร้าบบ ครับ บลิงๆเป็นของแทมคนเดียวแต่ว่าแทมก็ต้องเป็นของบลิงๆคนเดียวนะ”เค้ากอดเอวผมไว้หลวมๆแล้วส่งสายตาอ้อนนิดๆมาให้ จะไม่ให้ผมใจอ่อนได้ไงล่ะครับ “ก็ต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วสิ”.....คีย์นั่งรอเรา 2 คนที่โต๊ะอาหารอยู่แล้วส่วนหน้าตานี่ไม่ต้องพูดถึงก็รู้ว่าเค้ากำลังทำหน้าตาต้องการคำอธิบายมากแค่ไหน
     
    “อยากรู้อะไร”จงฮยอนขยับเก้าอี้ให้ผมนั่งก่อนแล้วตัวเองค่อยเขยิบเก้าอี้เข้ามานั่งชิดๆกับผมอีกที
     
    “นายรู้จักกับจงฮยอนได้ยังไง”
     
    “ผมชนแทมล้มเมื่อวันก่อน ตอนแทมปลูกต้นไม้อยู่หน้าบ้าน”แม้คีย์จะถามผมแต่แฟนผมเค้าชิงตอบหมดเลยอ่ะ จะให้ผมทำไงดีล่ะเนี่ย...
     
    “เมื่อคืนจงฮยอนนอนนี่หรอ”จงฮยอนเพียงแค่พยักหน้า ผมเลยต้องขยายความเพิ่ให้อีกนิดนึง
     
    “อืม บลิงๆนอนนี่”
     
    “กับนาย?”
     
    “อืม กับผม”
     
    “แล้วทำไม...เมื่อเช้าพวกนายแต่งตัวอย่างงั้นกันล่ะ”โอ๊ยย ซอกแซกจริง เรื่องนี้ไม่ขอตอบได้มั้ย
     
    “ก็เมื่อคืนนี้…”จงฮยอนพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเปลี่ยนมาเปิดคอเสื้อของผมออกให้คีย์ดูรอยแสดงความเป็นเจ้าของที่แฟนผมเค้าทิ้งไว้ ความจริงผมจะบอกว่ามันไม่ได้มีแค่ตรงนี้หรอกครับมีทั้งตัวเลยต่างหาก ขนาดขาอ่อนด้านในยังมีเล้ยย แค่นั้นคีย์ก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งแต่ไม่วายมีข้อสงสัยต่อไป
     
    “แล้ว...ตอนนี้พวกนายเป็นอะไรกัน”
     
    “เมื่อวานเป็นแฟน แต่ตอนนี้เป็นสามี ภรรยา”คำตอบแบบนี้ สบานได้เลยว่าผมไม่ใช่คนตอบอย่างแน่นอน
     
    “โอเค เข้าใจแล้ว เห็ดน้อยนะเห็ดน้อยมีอะไรดีๆไม่เห็นเล่าสู่กันฟังมั่งเลย”
     
    “แล้วคีย์จะให้ผมเล่าตอนไหน บ้านก็ไม่อยู่ อยู่บ้านพี่มินโฮโน่นน ครันผมจะโทรไปก็ไม่มีเวลาด้วย”คงรู้กันใช่มั้ยครับว่าที่ผมไม่มีเวลาน่ะเพราะอะไรแล้วก็เพราะใคร คีย์หน้าแดงแปร๊ดแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวเช้าโดยไม่พูดอะไรอีกเลย แต่เอ๊ะ รอยสีแดงจางๆบนคอนั่นมันเป็นรอยเหมือนของผมรึเปล่า เมื่อไม่แน่ใจก็สะกิดให้จงฮยอนดูแล้วคำตอบที่ได้ก็คือการพยักหน้ายืนยันของเซะเมะคนเดียวในบ้าน ยิ่งทำให้ผมมั่นใจ....มีเรื่องล้อแล้วแทมิน
     
    “คีย์ มีอะไรกับพี่มินโฮแล้วหรอ”มือเรียวของคีย์ยกขึ้นมากุมคอโดยอัตโนมัติ ชัดเลยครับคราวนี้ ปิดต่อไปไม่ไหวแล้วคีย์...พี่มินโฮนี่เห็นเงียบๆขรึมๆอย่างงั้นแต่สามารถมัดใจคีย์ได้ก็ต้องไม่ธรรมดาแหละครับ
     
    วันนี้เป็น free day ของจงฮยอนอีก 1 วัน เค้าเลยชวนผมไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านโดยจะแนะนำผมให้พ่อกับแม่ของเค้ารู้จักด้วย แต่ผมรู้สึกกังวลมากๆเลยอ่า
     
    “จะดีหรอบลิงๆ พ่อกับแม่ของบลิงๆจะไม่ว่าอะไรหรอ เราเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”เค้ากุมมือผมแล้วยกขึ้นมาจูบเบาๆ แน่นอนทั้งหมดนี้ต้องทำในห้องนอนของผม “ไม่ว่าหรอก แต่ท่านอาจจะเคี่ยวหน่อย เดี๋ยวผมไปโทรหาท่านก่อนนะ”หายไปไม่นานจงฮยอนก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้าหมายมาดแล้วเค้าก็ดันหลังผมให้เข้าไปอาบน้ำ
     
    “อาบน้ำอีกรอบนะครับแทม แล้วก็แต่งตัวน่ารักๆ”แก้มทั้งสองข้างถูกขโมยไปอีกแล้วแต่ก็เอาเถอะ ผมชักจะชินแล้วแหละอีกอย่างนะครับยังไงๆผมก็ยอมเค้าอยู่แล้ว “โอเคครับ งั้นคุณสามีก็เลือกชุดไว้ให้ผมหน่อยก็แล้วกันนะ อยากให้แต่งแบบไหน เลือกเลย ^^ ”
     
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
     
    คฤหาสน์ตระกูลคิม
     
    “ไหนล่ะ แฟนลูกแม่ขอดูหน้าหน่อยซิ ใครกันเก่งจริง ทำให้ลูกแม่ยอมคบด้วยได้”คุณนายคิมเร่งอย่างใจร้อนที่ลูกชายตัวดีไม่ยอมเปิดตัวผมซักที ความจริงแล้วผมยังไม่กล้าออกไปน่ะครับ ฟังเสียงแล้วน่ากลัวชอบกลแฮะ
     
    “แทมครับ เข้ามาเถอะครับ คุณแม่ไม่ว่าอะไรหรอก”ตอนนี้ผมกำลังปลงตกอยู่ครับ เอาวะ เป็นไงเป็นกันให้มันรู้กันไปเลยว่าผมจะอยู่หรือว่าผมจะไป
     
    “แทมิน!/คุณป้า!”เจอแจ็คพ็อตเข้าแล้วล่ะครับ แม่ของจงฮยอนเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของผม เพิ่งรู้ว่าโลกมันกลมมากขนาดนี้ ทำไมผมไม่จำคฤหาสน์หลังนี้ให้ได้เร็วกว่านี้นะ ตอนเด็กก็มาวิ่งเล่นบ่อยๆแถมไอ่คนที่ผมเล่นด้วยมันก็จงฮยอนเนี่ยแหละครับ
     
    “แทมครับ คุณแม่ อะไรกันครับเนี่ยผมงงไปหมดแล้ว”ผมที่เพิ่งจะหายอึ้งเดินไปนั่งข้างๆจงฮยอนโดยมีแม่ของจงฮยอนคอยมองตามตลอด “ก็แทมิน ลูกของเพื่อนสนิทแม่ไง คุณนายอีน่ะแล้วตอนเด็กเราก็วิ่งเล่นกันออกบ่อยไม่ใช่หรอ”ผมพยักหน้ายืนยันเป็นระยะๆ
     
    “จริงหรอครับเนี่ย”
     
    “ก็จริงน่ะสิเนี่ย ลูกรู้มั้ยว่าแม่ดีใจมากเลยนะที่แฟนของลูกคือแทมินเพราะเมื่อวานนี้แม่กับคุณนายอีเพิ่งตกลงกันว่าจะให้ลูกทั้งสองคนแต่งงานกัน อย่างนี้แม่ก็ไม่ต้องบังคับจิตใจลูก ดีจัง”เธอพูดแล้วลุกขึ้นมากอดผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะสวมกอดตอบกลับไปในฐานะที่ท่านกำลังจะมาเป็นคุณแม่อีกคนของผม
     
    “ถ้าเป็นอย่างงี้ก็ดีครับ ใช่มั้ยครับแทม”
     
    “แทยังไงก็ได้แล้วแต่บลิงๆ”
     
    “ถ้างั้นอีก 3 เดือนแต่งงานกันเลยนะลูกนะ”ผมกับจงฮยอนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อะไรจะรีบร้อนขนาดน้านนน รีบไปมั้งครับคุณป้า ให้เวลาผมสองคนเรียมตัว เตรียมใจก่อนไม่ได้หรอ “มันไม่เร็วไปหรอครับคุณป้า จะเตรียมงานทันหรอ”ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งนะ แต่มันเร็วยเกินไปจริงๆนะ
     
    “โอ๊ยย เร็วไปตรงไหนกันลูก วันนี้พ่อไม่อยู่แต่ไม่เป็นไร พ่อต้องเห็นด้วยกับแม่อยู่แล้ว งานไม่ต้องใหญ่มาก จัดที่บ้านเรานี่แหละเชิญแต่แขกคนสำคัญๆก็พอ”
     
    “แม่ครับ ถ้างั้นผมขอเลิกถ่ายแบบได้มั้ยครับ ผมอยากแข่งเต้นตอนปลายปีนี้กับแทม”
     
    “ใช่ครับ คุณแม่ บลิงๆเค้าไม่ชอบถ่ายแบบหรอกนะครับ ให้เค้าเลิกถ่ายแบบแล้วมาแข่งเต้นกับผมตอนปายปีนะครับ”ด้วยความที่ผมอยากให้คนที่ผมรักได้ทำในสิ่งที่เค้ารัก ผมก็เลยเชียร์เต็มที่ แต่คุณแม่ของจงฮยอนก็ยังคงมีสีหน้าลังเล
     
    “นะครับ คุณแม่” แต่ในที่สุด ก็ตกลงจนได้ “เอางั้นก็ได้ลูก” ดังนั้นสัปดาห์ต่อมาการแถลงข่าวเลิกถ่ายแบบของจงฮยอนจึงถูกจัดขึ้น วงการแฟชั่นฮือฮาและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเพราะจงฮยอนเพิ่งจะเข้าวงการมาไม่นาน แถมการเข้าวงการของเค้าถึงแม้จะเข้ามาโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องการก็เถอะ แต่ก็ทำให้วงการแฟชั่นเกาหลีตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แล้วอยู่ๆก็ประกาศว่าจะเลิกถ่ายแบบซึ่งนั่นก็หมายความว่าเค้าจะออกจากวงการอย่างเด็ดขาด ไม่ตกใจยังไงไหว
     
    “อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณตัดสินใจหันหลังให้วงการแฟชั่นคะ”ผมซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าสุดข้างล่างเวทีในที่นั่ง V.I.P. กำลังนั่งฟังจงฮยอนถูกนักข่าวยิงคำถามใส่อย่างใจเย็นเพราะผมก็อยากฟังเหมือนกันว่าจงฮยอนจะตอบนักข่าวเหล่านั้นว่ายังไง
     
    “ผมมีสาเหตุอยู่หลายประการเลยล่ะครับ 1 คือ ผมไม่ได้เข้าวงการแฟชั่นมาด้วยความต้องการส่วนตัว ผมไม่ได้รักที่จะทำในสิ่งนี้และไม่เคยคิดว่าทำแล้วจะประสบความสำเร็จ...”แฟนผมพูดยังไม่ทันจบก็มีนักข่าวสาวคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาว่า
     
    “แล้วทำไมคุณต้องมาเป็นนายแบบด้วยคะ”จงฮยอนยิ้มบางๆ เค้าเบนหน้ามาทางผมซึ่งผมก็ยิ้มตอบกลับไป “เพราะเป็นเพราะความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอพูดถึงเหตุผลที่ผมจะออกจากวงการแฟชั่นต่อนะครับ 2 คือในการทำอาชีพนี้ทำให้ผมมีเวลาน้อยลงอย่างมากเลยพลอยทำให้เวลาที่ผมจะได้ใช้กับคนรักน้อยลงไปด้วย ผมอยากให้เวลาเค้ามากกว่านี้”เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที แม้แต่ผมเองก็ยังตกใจเพราะจงฮยอนไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีคนรักแล้วซึ่งณ ตอนนั้นมันเป็นเรื่องจริงจึงทำให้ทุกคนตกใจเมื่อจงฮยอนประกาศชัดเจนว่าณ ตอนนี้เค้ามีคนรักแล้ว แต่จงฮยอนไม่นำพาต่อเสียงฮือฮานั้น เค้ายังคงพูดต่อไป
     
    “สาเหตุต่อไปนี้อาจไม่มีใครนึกถึงนั่นก็คือ ผม..กำลังจะแต่งงาน”เหมือนแฟนผมเค้าตั้งใจจะก่อจราจลยังไงยังงั้นเลยครับเพราะตอนนี้นักข่าวอยู่เฉยไม่ไหวแล้ว ต่างพากันเบียดเสียดเพื่อจับจองเนื้อที่ตรงไหนก็ได้ให้ตัวเองสัมภาษณ์และสามารถได้ยินเสียงของจงฮยอนได้ชัดๆ และเมื่อทุกคนสงสัยว่าใครคือผู้โชคดีคนนั้นจงฮยอนก็เอ่ยออกมาว่า
     
    “เค้าคือ อี แทมินครับ วันนี้เค้าก็มาด้วย อยากเห็นมั้ยครับ”แววตาสั่นระริกอย่างนึกสนุกของเค้ากำลังทำให้ผมที่อยู่เฉยๆเดือดร้อน ผมเลยค้อนให้ซะทีหนึ่งแล้วส่ายหัวอย่างอ่อนใจ..คนอะไร ขี้แกล้งชะมัด รู้งี้ผมไม่มาด้วยหรอกงานเนี่ยยย
     
    “แทมครับ เชิญบนเวทีหน่อย”ผมค่อยลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างๆเวทีที่จงฮยอนมารอรับอยู่แล้ว ผมวางมือลงไปบนฝ่ามือใหญ่แล้วเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับจงฮยอน เมื่อผมปรากฏตัวชัดๆทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอีก คงเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายมั้งครับ
     
    “อยากประกาศให้เค้ารู้นักรึไงบลิงๆว่าจะแต่งงานกับผู้ชาย”ผมพูดเสียงเบาขณะยืนนิ่งให้นักข่าวจับภาพกับพรึ่บพรั่บ “ก็อยากน่ะสิครับ มีแฟนน่ารักขนาดนี้”
     
    “เอ่อ ไม่ทราบว่าพวกคุณคบกันมานานรึยังคะ”เราสองคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะ บอกไปใครจะเชื่อว่ารู้จักกัน 9 วัน รักกันมา 8 วัน “ถึงจะไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมก็รักแทมมากครับ”
     
    “ผมก็รักบลิงๆมากเช่นกันครับ”เมื่อผมเรียกสรรพนามเฉพาะของเราสองคนออกไปแล้ว นักข่าวคนหนึ่งก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที “บลิงๆ..สรรพนามที่คุณจงฮยอนจะให้คนรักเรียกเท่านั้นใช่มั้ยคะ”
     
    “ครับ ชื่อนี้ผมให้แทมเรียกได้คนเดียว”เงียบ...เมื่อนักข่าวทั้งหลายหมดคำถาม จงฮยอนจึงพูดต่อเพื่อปิดการแถลงครั้งนี้ “ถ้าหากพี่ๆนักข่าวอยากทำข่าวงานแต่งงานของเรา เราก็ไม่ว่าอะไรนะครับ การ์ดเชิญจะส่งตามไป สุดท้ายนี้สำหรับแฟนๆของผมขอให้ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ เพราะผมกับแทม เราจะลงแข่งเต้นตอนปลายปี อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ได้รักการถ่ายแบบ ความจริงแล้วผมรักการเต้น แต่ก็นั่นแหละครับความรักที่มีให้กับการเต้น ยังไงก็สู้ความรักที่ผมมีให้แทมไม่ได้อยู่ดี”เค้ารั้งเอวผมเข้าไปหาก่อนจะหอมแก้มผมต่อหน้าคนทั้งหมด นักข่าวรัวชัตเตอร์กันใหญ่ ผมเริ่มปลงว่าทำยังไงนิสัยเปิดเผยแบบนี้ก็แก้ไม่หายชัวร์ๆ
     
    “วันนี้ขอบคุณพี่ๆนักข่าวมากนะครับ ที่มางานแถลง”เราสองคนโค้งให้ผู้คนข้างล่างเวทีอย่างขอบคุณจริงๆ เมื่อเราเข้ามาถึงห้องพักรับรองด้านหลังเวทีแล้วจงฮยอนก็จู่โจมผมทันที ดีนะที่ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกผมสองคน จูบร้อนปัดป่ายไปทั่วใบหน้าแล้วซอกคอส่วนมือของเค้าก็ซนเอาเรื่องเหมือนกันนอกจากจะอยู่ข้างในเสื้อผมแล้วตำแหน่งของมันยังสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย
     
    “ทำ..อะ..ไร”แต่ละคำผมพูดออกมาอย่างยากลำบากเพราะจงฮยอนกำลังสะกิดจุดอ่อนไหวของผมอย่นั่นก็คือ ตุ่มไตสีชมพูบนหน้าอกทั้งสองข้างของผมนั่นเอง ริมฝีปากของเค้าก็ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอไม่ห่างทำให้ผมต้องกลั้นเสียงครางอย่างสุดความสามารถ “ทำได้มั้ยครับ ที่นี่...ตอนนี้”
     
    “อือ...ไม่ได้หรอก..เดี๋ยวมีคน..อ๊ะ..เห็น”มือของเค้าเลื่อนลงไปวางที่เอวของผมและสิ่งที่มาแทนที่มือคู่นั้นก็คือริมฝีปากอุ่นร้อน ริมฝีปากนั้นบดคลึงกับตุ่มไตสีชมพูของผมทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อออกซักนิดมันทำให้ผมเสียวจนแทบจะยืนไม่อยู่เหมือนเค้าจะอ่านใจผมได้ เพราะเค้าอุ้มผมขึ้นให้ผมใช้ขอเกี่ยวเอวเค้าไว้โดยไม่ยอมละริมฝีปากออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
     
    “ต้องการผมมั้ย”ผมรู้ดีว่าตอนนี้จงฮยอนต้องการผมมากเหมือนที่ผมต้องการเค้ามากเช่นกัน “ต้องการสิ..อ๊ะ..อืม...แทม..ต้องการ..อ๊ะ..บลิงๆ”เท่านั้นแหละเสื้อผ้าที่ผมใส่มาก็ถูกถอดออกทันที แต่ก่อนที่ปราการด่านสุดท้ายจะหลุดลอยไปผมก็หยุดมือเค้าไว้ซะก่อน “ประตู....”
     
    “ล็อกแล้วครับ”ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวในการสำรวจร่างกายของผมเหมือนทุกๆคืนที่เค้าสำรวจ เค้าจะสำรวจตั้งแต่ใบหน้าไปจนถึงเรียวขาเลยทีเดียวคงไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าตามทางที่ริมฝีปากร้อนของเค้าลากผ่านจะเกิดรอยอะไรขึ้น ดังนั้นตั้งแต่ซอกคอไปจนถึงเรียวขาของผมจึงเต็มไปด้วยร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของ นี่ถ้าเค้าสามารถทำรอยให้เป็นชื่อเค้าได้นะ ทั้งตัวผมคงมีแต่ชื่อ จงฮยอน เต็มตัวแล้วล่ะครับ
     
    “อา..แทม...แทม..”เค้าครางเสียงต่ำแบบนี้เสมอในทุกจังหวะที่เข้าออกร่างกายของผม ผมเองก็ครางเรียกชื่อเค้าเสียงสั่นทุกครั้งที่ร่างกายของผมแอ่นรับสัมผัสจากเค้าเหมือนกัน “อืม..บลิงๆ..อ๊ะ...บลิงๆ”จงฮยอนกระแทกแกนกายเข้าไปในช่องทางของผมจนสุดในจังหวะที่เรากำลังจะปลดปล่อยออกมา และแล้วเราก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน จงฮยอนปลดปล่อยเข้าไปในตัวผมมากกว่าทุกที ส่วนผมก็ปลดปล่อยใส่หน้าท้องแข็งแรงของเค้ามากกว่าทุกทีเช่นเดียวกัน
     
    “อีกรอบดีมั้ยครับ”ผมส่ายหัวอย่างรุนแรงจนเหงื่อกระจาย ที่ไม่พูดเพราะลมหายใจยังไม่กลับมาเป็นปกติแล้วอีกอย่างถ้าขยับมากๆผมกลัวจะไปปลุกอารมณ์ของจงฮยอนเค้าขึ้นมาอีกน่ะสิครับ แกนกายยังไม่เอาออกไปเลยอย่างเงี้ยย “ไม่เอานะบลิงๆ ไม่ใช่ที่นี่...ถ้าอยากจะทำจริงๆ ค่อยกลับไปทำที่บ้านกันนะ”ผมเริ่มอ้อนโดยที่รู้ผลอญุ่แล้ว จงฮยอนของผมเค้าแพ้ลูกอ้อนของผมเสมอแหละครับ เค้าค่อยๆถอนแกนกายออกแล้วแต่งให้ผมกับแต่งตัวให้ตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะหันมาขอรางวัลที่เค้ายอมตามใจผมเหมือนทุกครั้งที่ผมอ้อน ผมจูบที่ริมฝีปากของเค้าถึงจะเป็นจูบที่ไม่ลึกซึ้งแต่ก็เป็นจูบที่หวานที่สุดเท่าที่ผมจะให้เค้าได้และจงฮยอนก็พอใจที่จะได้รางวัลเพียงแค่นั้น
     
    “กลับบ้านของเรากันนะครับแทม”ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับเบาๆ เราสองคนจะเดินไปบนเส้นทางที่ตัดสินใจแล้วและไม่มีทางมาเสียใจภายหลัง มือของเราที่ประสานกันแน่นจะช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคไม่ว่าอุปสรรคนั้นจะหนักหนาสาหัสเท่าไรก็ตาม เพราะเรารักกันและจะรักกันไปให้นานที่สุดเท่าที่มนุษย์สองคนจะรักกันได้....
     
     
    The End++++++++++++++++++++++++++++++

     
    เม้นท์ด้วยน้า~~~~~~
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×