คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 - คุณพี่?
ทำม๊ายยยยย...ทำไมผมต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ด้วยนะ ถูกจับแต่งเป็นหญิงแล้วยังต้องมาถูกโชว์ตัวกลางหน้าห้องอีก = = ตอนนี้ผมชักกังวลแล้วสิว่ามันอุบาทว์ขนาดไหนที่ผู้ชายจะต้องมาแต่งตัวเป็นผู้หญิง
“คุณ...เกศินีครับ ขอผมดูกระจกหน่อยได้ไหม ที่เพื่อนๆเขามองกันเงียบกริบแบบนี้คงเพราะมันแย่มากสินะครับT^T”
คุณเกศินีไม่พูดอะไรตอบได้แต่ยิ้มออกมาเล็กๆ (ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกกลัวรอยยิ้มของคุณเกศินีมากเลย = =) แล้วจึงสั่งให้เหล่าสมุนของหล่อนยื่นกระจกออกมาให้เราส่องมองใบหน้าหลังแปลงเพศ เอ้ย แปลงโฉม
“นี่....คือผมเหรอ” ใช่ครับผมถึงกับหลุดปากออกไปแบบนั้นจริงๆ
เพราะที่ผมเห็นในกระจกบัดนี้คือภาพของสาวน้อยผมยาวที่หน้าใสดั่งปุยฝ้าย แก้มชมพูอ่อน ริมฝีปากแดงระเรื่อ หุ่นอรชรอ้อนแอ้นเอวบางร่างน้อย ใช่ครับผู้หญิงเต็มตัวเลย
“เห็นรึยังล่ะว่าตัวเธอสวยขนาดไหน สุชาดา ขนาดไม่ได้แต่งหน้าเลยนะ” คุณเกศินีที่เห็นผมตะลึงอึ้งกิมกี่กับหน้าตัวเองจึงถือโอกาสตอกย้ำทันที
“ตะแต่ว่า...” ผมพยายามดิ้นรนที่จะโต้แย้งแม้จะรู้ว่าไม่มีทาง T^T
“โอกาสดีแล้วไม่ใช่เหรอ ที่จะได้แสดงออกเป็นคู่รักอย่างที่อยากจะเป็นสักที” ง่า คู่รักที่ไหนกันครับคุณเกศินี T_T
“เห้ย เดี๋ยวสิยัยหัวหน้าห้องจอมเผด็จการ” วิชัยเพื่อนรักของผมเริ่มมีน้ำโหเอ็ดขึ้นมา (คงเพราะทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนถูกรังแกใช่ไหมจ๊ะเพื่อนรัก ^0^)
“เห็นเงียบเข้าหน่อยพูดใหญ่เชียวนะนะ” โอ้โห เดือดเป็นไฟเลยเพื่อนเรา
“ทำไมตูจะต้องเป็นคนรักกับไอ่ครึ่งหญิงครึ่งชายระบุเพศไม่ได้ตัวนี้ด้วย” ใช่...ใช่ อ่าวกำนั่นมันชั้นนี่นา T_T
“ซิก...” ฮือๆ โดนเพื่อนรักด่าทำเอาผมถึงกับน้ำตาคลอ
“เห้ย เหย เป็นอะไรน่ะ” ตาวิชัยนะตาวิชัย ยังจะมีหน้ามาถามอีก
“ก็เธอด่าเรานี่นา (แง้~)” น้ำตาเริ่มไหลตอบทั้งสะอื้น
“เห้ย...ปะเปล่านะ...”
“ดูสิ เจ้าชายกับลังง้อเจ้าหญิงอยู่แหนะ” คุณเกศินีนะคุณเกศินียังล้อได้ล้อดีอีก
สถานการณ์เหมือนจะยิ่งสับสนวุ่นวายไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรไปบ้างเพราะเอาแต่ก้มหน้าน้อยใจที่วิชัยว่าให้ (ถึงจะพยายามง้อก็ไม่ทันแล้ว เช้อ~~~) โดยมีคุณเกศินีตอกย้ำอยู่ข้างๆ แต่มันก็จบลงเมื่อออดเข้าเรียนดังขึ้น
“เอาละ ได้เวลาเข้าเรียนแล้วทุกคนนั่งที่ได้ ส่วนที่เหลือไว้ต่อคาบโฮมรูมเย็นนะ” คุณหัวหน้าห้องของเราหันไปสั่งการเพื่อนๆตามเสียงออดทันควัน ทิ้งพวกผมไว้อย่างไม่แยแส
จนเมื่ออาจารย์เดินเข้าห้องมาผมคิดว่าทุกอย่างจะจบลง ถ้าพยายามอธิบายให้อาจารย์เข้าใจผมอาจจะไม่ต้องรับบทนี้ก็ได้ และเมื่ออาจารย์สุพจน์ ความหวังของผมมาถึงผมก็จึงรีบเอ่ยปากไปทันใด
“อาจารย์...” ได้เพียงเท่านี้
“หืม วันนี้มีนักเรียนหญิงย้ายมาใหม่เหรอ” โถ่ อาจารย์T_T
เพียงคำพูดเดียวของอาจารย์ทำเอาผมพูดต่อไม่ออกแต่อย่างใด (สอนผมมาจะ 3 ปีแล้วนะ’จารย์ T_T) เพราะถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆทั้งห้อง
“อาจารย์คะนี่ สุชาดายังไงล่ะคะ นางเอกละครเวทีของพวกเรา” ขอบคุณครับคุณเกศินีที่ช่วยบอกอาจารย์ให้...แต่แบบนี้ก็เท่ากับหมดทางปฏิเสธแล้วสิ!
“โอ้ สุชาดาเองหรือ แจ๋วไปเลยสวยกว่าที่อาจารย์คิดไว้มากเลยนะ”
“ใช่แล้วค่ะ สายตาอาจารย์ไม่มีทางมองพลาดหรอกค่ะ”
โห ที่แท้คนเสนอความคิดนี้ก็คืออาจารย์นี่เอง แสดงว่าแผนการนี้ถูกเตรียมการไว้แล้วสินะ (รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระต่ายที่พยายามขอร้องให้หมาป่าปลดบ่วงคล้องคอ)
“ส่วนเจ้าชายก็ วิชัยใช่ไหม” ก็วางแผนไว้หมดแล้วยังจะถามอีกนะอาจารย์ - -*
“ค่ะ อย่างที่อาจารย์มองไว้คู่นี้เหมาะสมกันที่สุดอย่างหาใครคนใดคนหนึ่งมาทดแทนไม่ได้เลยค่ะ” เอาเข้าไป คุณหัวหน้าของเราเข้ากับอาจารย์ดีจริงๆ
“ถ้างั้น ก็เริ่มเรียนกันก่อนก็แล้วกันอย่างอื่นค่อยว่ากันหลังเลิกเรียน”
“เอ่อ อาจารย์ครับ” ถึงแม้จะปฏิเสธบทละครนี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะต่อรองอะไรสักนิด
“มีอะไรเหรอเจ้าหญิง” น่าน ยิงมุขมาพร้อมเสียงฮาลั่นของทั้งห้องเลยนะครับอาจารย์ = =
“คือ...จำเป็นด้วยเหรอครับที่...ผมต้องนั่งเรียนทั้งชุดนี้”
“ชุดของคุณดิฉันเก็บไว้ให้แล้วค่ะ” คุณเกศินีรีบชิงตอบ พร้อมกับส่งสายตาที่ราวกับมีความหมายว่า “ถ้าคิดจะหนีก็ต้องกลับไปทั้งชุดผู้หญิงนี่ล่ะ”
และแล้วก็ไม่อาจปฏิเสธบทเจ้าหญิงสไวท์ได้ อีกทั้งยังถูกบังคับให้ต้องนั่งเรียนทั้งชุดผู้หญิงแบบนี้ไปอีกทั้งวัน ลองนึกสภาพตามสิครับถึงตอนพักเที่ยงที่ต้องเดินโชว์ตัวไปขนถึงโรงอาหาร สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องมาที่ผมเป็นทางเดียวกันพร้อมกับเสียงฮือฮาที่ดังแว่วๆเข้ามาว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน”
มันอาจจะเป็นความโชคดีในโชคร้ายก็เป็นได้ที่ไม่มีใครดูออกว่าแท้จริงแล้วผมเป็นผู้ชาย เพราะมิฉะนั้นแล้วผมคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเป็นแน่แท้ แต่ถึงกระนั้นอาหารกลางวันมื้อนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นักเพราะปกติผมจะนั่งทานกับวิชัยกันแค่สองคนอยู่ทุกวัน
พอมาวันนี้นั้นโต๊ะที่เราสองคนนั่งกลับถูกรายล้อมด้วยนักศึกษาเกือบทั้งวิทยาลัยอย่างกับมุงดูของแปลก รึตัวประหลาดอย่างนั้นมิปาน และยิ่งถูกจับจ้องเป็นเป้าสายตามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเอามากๆ จึงพยายามที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ๆให้วิชัยช่วย
แต่ยิ่งผมเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นเท่าไหร่ วิชัยก็จะเขยิบห่างออกไปให้ห่างจากผมอีกเท่านั้น (เพื่อนจ๋า ทำไมทำกันอย่างงี้ T^T) จนเมื่อไปถึงขอบโต๊ะอาหารซึ่งผมแอบคิดในใจว่าไม่มีทางหนีแล้ว ฮิฮิ แต่ที่ไหนได้ตาวิชัยกลับลุกขึ้นไปทั้งอย่างงั้น แล้วก็เดินไม่พูดไม่จาจากไปอย่างไร้เยื้อใย
ทีแรกผมก็คิดจะวิ่งตามไปเหมือนกัน แต่เมื่อหันไปทางไหนก็เจอแต่สายตาของพวกผู้ชายจับจ้องมาก็ทำเอาผมตัวเกร็งขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ซะดื้อๆ จนต้องนั่งก้มให้พวกนั้นจ้องไปอย่างนั้นจนหมดเวลาพักเที่ยงไป (1 ชั่วโมงที่ยาวนานดุจชั่วกับชั่วกัลปาวสาน T^T)
พอถึงคาบเรียนช่วงบ่ายนั้นทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเพราะเพื่อนๆทุกคนต่างให้ความร่วมมือ (กับคุณเกศินี) คอยอธิบายให้อาจารย์ที่เข้าสอนในรายวิชาทราบถึงเหตุผมว่าทำไมผมถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้
และแล้วชั่วโมงเรียนที่แสนยาวนานนี้ก็จบลง เหลือแต่ซ้อมละครตามที่ได้รับ (ยัดเยียด) มอบหมายไว้ก็จะได้บอกลากันทีกับการที่จะต้องแต่งตัวแบบนี้ (ถึงแม้ใครหลายคนจะชมว่าผมแต่งแบบนี้สวยมาก เทียบกับตอนแต่งเป็นชายที่ได้แค่กระเทยหน้าหวานก็ตาม = =)
ช่วงโฮมรูมท้ายคาบวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่นัดกำหนดซ้อมแจกแจงบทบาทตัวละครต่อและมอบหมายหน้าที่ต่างๆให้ทั่วถึง และมีบทบาทหนึ่งที่ผม “แอบ” คิดว่าเหมาะสมมากนั่นก็คือ บทบาทของแม่มด ที่คุณเกศินีถึงกับเสนอตัวรับบทนี้เองโดยเฉพาะ (คิดว่าใครหลายคนก็คงคิดเหมือนกันกับผม)
เฮ้อ~~~~และในที่สุดก็จบลงซะทีโฮมรูมเย็น ผมกระสับกระส่ายที่จะรอต่อไปไม่ไหวจึงเข้าไปเร่งคุณเกศินีที่กำลังง้วนกับงานอยู่อย่างลืมเวลา
“คุณเกศินีครับ...เลิกเรียนแล้วผมขอชุดทีสิครับ...” ผมพยายามอ้อนวอนอย่างสุภาพที่สุดเพื่อที่คุณเกศินีจะไม่ทำอะไรผมอีก T^T
“อืม นั่นสินะเธอก็มาตามที่ตกลงไว้แล้วนี่นา แต่ว่าทางฉันยังมีงานอีกนิดหน่อยที่ต้องทำ เอาเป็นว่าไปรอที่รถฉันก่อนก็แล้วกันชุดเธออยู่ที่รถฉันเดี๋ยวฉันไปเปิดให้” แม้คำตอบที่ได้จะฟังดูเหมือนแฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดไปบ้างแต่นั่นก็เป็นคำยืนยันได้ว่าผมจะได้ชุดคืนซะที
ที่จอดรถของคุณเกศินีนั้นอยู่คนละทางกับที่จอดรถของผมเลย เพราะที่จอดรถของวิทยาลัยเราค่อนข้างจะคับแคบเธอจึงต้องเอารถไปจอดไว้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ อ่อ แน่นอนวิชัยต้องมากับผมเพราะว่าเราต้องกลับด้วยกันนี่นา
พวกเราทั้งสองรอ ร้อ รอ คุณเกศินีอยู่กว่า 10 นาทีคุณเกศินีก็ยังไม่มาสักที แต่คนที่เข้ามาหาผมกับวิชัยที่ยืนรอคุณเกศินีอยู่นั้น กลับเป็นคุณหนูคนหนึ่งที่ขับรถยี่ห้อหรูจากยุโรปสีดำที่ขับรถโฉบผ่านพวกเราไปสักประเดี๋ยวเดียวแล้วก็จอดหยุดรถทันที
เธอคือสาวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเราที่มองภายนอกจัดได้ว่าเป็นสาวสวยมากคนหนึ่ง เธอผมยาวสลวยผิวขาวแก้วชมพูตากลมโต ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเอ่อนองไปด้วยน้ำตาที่ล้นปรี่ออกมาดังเขื่อนทะลัก
เธอจ้องมาที่ผมในสภาพแบบนั้นเพียงชั่วครู่เธอก็วิ่งโผเข้ามากอดรัดผมไว้อย่างแน่นราวกลับกลัวว่าผมจะหายไป
“คุณพี่คะ...คุณพี่อย่าหนีหนูไปอีกนะคะ” สาวน้อยคนนี้กล่าวออกมาทั้งน้ำตาด้วยเสียงสะอื้นขณะโอบกอดผมไว้อย่างแนบแน่น แต่สรรพนามที่เธอเรียกผมนี่ทำเอาผมและวิชัยถึงกับอึ้งตั้งตัวไม่ติด “พี่”
ความคิดเห็น