ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] Lovelyz is all around

    ลำดับตอนที่ #1 : Mad (Sujeong & Kei)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 59


    MAD

    Pairing: Sujeong & Kei


    -----


    โกรธอะไรก็ไม่น่าอึดอัดเท่าโกรธตัวเอง





         “ซูจองนี่นะโกรธ แล้วโกรธเธอด้วย?” เบบี้โซลหน้านิ่วทันทีที่ได้ฟังเคย์พูด คนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พยักหน้ายืนยันอีกครั้งอย่างมั่นใจ แต่เบบี้โซลก็ยังคงไม่คลายสีหน้าสงสัย “ไม่มีทางอะ พี่ไม่เคยเห็นซูจองโกรธใครเลยซักครั้งนะ ขนาดตอนที่เยอินแกล้งเอารองเท้า Keds คู่นั้นไปซ่อน ซูจองยังไม่มีทีท่าจะโกรธเลย จะร้องไห้ซะมากกว่า…”



         “แต่ฉันรู้สึกได้จริงๆนะคะ… แค่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” เคย์ลดเสียงลงเมื่อมองออกไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่กำลังพูดถึงจะไม่เดินดุ่ม ๆ เข้ามาในห้องครัวที่เธอกับหัวหน้าวงคุยกันอยู่


         “ไม่รู้สิ… พี่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกไปนะ” เบบี้โซลยืนพิงเคาน์เตอร์พลางครุ่นคิด ส่วนเคย์รินน้ำเย็นใส่แก้วมาดื่มแก้เครียด



    ขณะที่เสียงของเยอินกับซูจองหัวเราะและเล่นกันเสียงดังโครมครามที่ห้องนั่งเล่นดังเข้ามาถึงในครัว

    ทำให้หัวหน้าวงยิ่งงงกับคำพูดของน้องคนกลางของวงเข้าไปใหญ่ “แล้ว… ซูจองทำอะไรเธอถึงคิดงั้นอะ”



    เคย์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ มีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักไม่ต่างจากเบบี้โซล “ก็… ซูจองไม่พูดกับฉันเหมือนปกติที่เคยพูดกันน่ะค่ะ”

         “มีแบบปกติที่เคยพูดกันด้วยเหรอ”

         “ก็…”


         “แฮ่!”


         “เฮ้ย! ...อีมิจู! ตกใจหมด เจ้าบ้าเอ๊ย!” เบบี้โซลตวาดเสียงดังใส่คนที่เพิ่งโผล่มาเกาะขอบประตูห้องครัว ที่ทำเอาทั้งเธอและเคย์สะดุ้งโหยงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย  

    แต่คนแกล้งกลับไม่มีทีท่าเดือดเนื้อร้อนใจกับหน้านิ่วคิ้วขมวดของหัวหน้าวงตัวเล็ก เดินเข้ามาลากเก้าอี้ลงนั่งข้างๆเคย์พลางยิ้มร่า

         

         “อะไร~ ตกใจอะไรกันขนาดนั้น  นินทาใครอยู่ละสิ”


    เคย์หลุบตาลงต่ำไม่ตอบอะไร เบบี้โซลเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับมิจู แล้วแทรกตอบขึ้นมาแทน “เรื่องคนอื่นนี่ไวจริงๆเลยนะ”

         “เอ้า แน่นอน… ฉันมีหน้าที่ดูแลสังคมค่ะ”

       “ค่ะ ดูแลสังคม” คนตัวเล็กกระแทกเสียงท้ายประโยคแกมประชด แต่มิจูก็ยังทำหน้าตาระรื่นที่ดูร่าเริงเกินไปจนน่าหมั่นไส้ (ในสายตาเบบี้โซล) เพื่อกวนประสาทคนตัวเล็ก


         “อะ… ว่าไง ต้องเป็นใครซักคนในห้องนั่งเล่นแน่ ไม่งั้นคงไม่หลบมานั่งคุยกันตรงนี้  มยองอึน เยอิน หรือ ซูจอง บอกมา…”


         “นี่จะต้องรู้ให้ได้ใช่ไหมเนี่ย” เบบี้โซลยืนเท้าเอวเอาเรื่อง แต่มิจูก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอม


         “ก็ถ้าไม่บอก ฉันก็จะไปเรียกพวกนั้นมาที่นี่เลย… เฮ้ เด็ก ๆ!”


    เคย์รีบหันไปตะครุบมิจูที่ทำท่าลุกจากเก้าอี้ไว้ พร้อมส่ายหน้ารัวๆ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปอีก

    เบบี้โซลถลึงตาใส่คนตัวโตเป็นเชิงบอกให้หยุด มิจูก็ยอมนั่งลงโดยดี และไม่วายชูไม้ชูมือทำราวกับว่าเป็นผู้ชนะ ทำเอาหัวหน้าวงตัวเล็กอดหมั่นไส้ไม่ได้จนต้องเขกหัวมิจูแรง ๆ ไปสองที


    เบบี้โซลหันไปสบตาเคย์ว่าจะเอายังไงดี เคย์ถอนหายใจแต่ก็พยักหน้าว่าจะเป็นคนพูดเอง



         “...ก็ซูจองอะแหละ”


         “ทำไมอะ โดนซูจองแกล้งเหรอ ไม่ไหวเล้ย ปล่อยให้น้องแกล้งได้ยังไง … เฮ้ย ๆ ไม่เอาพี่ พอแล้ว เจ็บ”

    มิจูที่ตั้งท่าจะกวนประสาทขึ้นมาอีกรีบสงบปากสงบคำทันที เมื่อเบบี้โซลยื่นกำปั้นเข้ามาอีกรอบ แล้วโบกมือให้เคย์พูดต่อ


         “ก็ซูจอง… เฮ้อ ไม่รู้อะ ฉันแค่รู้สึกว่าซูจองคุยกับฉันไม่ปกติ…”


         “แล้วมีแบบปกติที่พูดกันด้วยเหรอ”



    เบบี้โซลหันขวับไปหาคนที่เพิ่งพูดประโยคเดียวกับที่เธอพูดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เป๊ะ ๆ มิจูทำหน้าแปลกใจใส่ แต่ก็ไม่ได้ถามว่าอะไร แล้วหันไปรอคำตอบจากเคย์


    น้องคนกลางของวงถอนหายใจอีกรอบ คาดว่าน่าจะเป็นรอบที่ร้อยกว่าของวันนี้ “ก็ซูจองคุยกับฉันน้อยลง ฉันคุยด้วยก็จะตอบแค่คำสองคำ ไม่ก็ไม่ตอบไปเลยอะ”


         “แต่เมื่อตอนนั่งรถกลับมา ฉันก็เห็นเธอนั่งติดกันนี่ ก็ยังคุยกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” มิจูตั้งข้อสังเกต


         เบบี้โซลก็พยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ น้องก็ยังคุยด้วยอยู่นี่นา”



         “ฉันพูดคนเดียวมากกว่าค่ะ  ซูจองน่ะใส่หูฟังข้างนึง แล้วก็เหมือนจะร้องเพลงมากกว่าจะคุยกับฉันซะอีก แถมยังพูดว่า ‘พี่เคย์ไม่ฟังเพลงเหรอคะ’ อีกต่างหาก เหมือนจะบอกให้ฉันเลิกคุยกับเค้าอะ…” ระบายความอัดอั้นในใจเสร็จก็ทรุดตัวลงฟุบกับโต๊ะ เบบี้โซลกับมิจูที่ไม่เคยเห็นน้องคนกลางของวงน้ำตาคลอมาก่อนตั้งแต่รู้จักกันมา ก็พักรบกันชั่วคราวมาสามัคคีกันปลอบน้อง



    เคย์ก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่คลอไว้ แล้วพยายามพูดต่อ “ซูจองเรียกฉันว่า ‘พี่เคย์’ นะคะ เค้าเรียกฉันว่า ‘พี่เคย์’ อะ พี่ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอคะ”


    เบบี้โซลพยักหน้าเข้าใจและพยายามจะพูดปลอบ แต่กลับถูกมิจูที่กำลังทำหน้าสงสัยพูดขัดขึ้นมาซะก่อน

         “พี่เคย์แล้วมันแปลกยังไงอะ เธอก็ชื่อเคย์ไม่ใช่เหรอ น้องก็เรียกแบบนี้อยู่แล้วนี่”

         “ยัยเด๋อเอ๊ย แกเรียกน้องว่าเคย์รึไงตอนอยู่ที่หอเนี่ย” เบบี้โซลเอานิ้วชี้ดันหัวมิจูแรงๆเรียกสติ มิจูถึงค่อยนึกขึ้นได้

         “เออจริงว่ะ… เริ่มแปลกละอย่างนี้”



         “แล้วเริ่มเป็นมานานแล้วยังอะ…” พี่คนโตสุดถามบ้าง

         “ก็ซักสองสามวันมานี่ละค่ะ หลังจากกลับจากอัด music bank มั้งคะ… เอ๊ะ… music bank… ตายแล้วหรือว่า…”


    เคย์เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ก็ตกใจจนไม่ได้พูดต่อ ทิ้งมิจูกับเบบี้โซลได้แต่มองหน้างงๆกันอยู่สองคน

          “อะไรใครตาย อย่าเพิ่งตายสิ เล่าให้จบก่อน” มิจูประท้วง

        

         “ก็...ซูจองอาจจะโกรธฉันเพราะว่า… เรื่องสเปเชียลสเตจแน่ ๆ เลย”

         

         “กับเซเว่นทีนคนนั้นอะนะ…” เบบี้โซลถาม “แล้วทำไมต้องโกรธล่ะ เฮ้ย… หรือว่า…”

    หัวหน้าวงตัวเล็กหันไปสบตากับมิจูพอดี อีกคนก็ทำหน้าแบบนึกอะไรออกขึ้นมาได้อยู่พอดีเหมือนกัน

         

         “นั่นไง เป็นแบบที่พี่กับฉันเคยสงสัยใช่ป้ะ”

         “เออ… ใช่ใช่ไหมจียอน”



    เคย์ที่ยังคิดไม่ตกกับเรื่องเดิม ได้แต่ทำหน้างงกับคำถามของพี่ทั้งสอง “อะไรคะ?”

         “ก็ซูจองกับเธอ…” เบบี้โซลเว้นวรรคไว้แบบลังเลว่าจะพูดดีไหม แต่มิจูก็สะกิดแขนคะยั้นคะยอให้พูดต่อ “แบบว่า ที่ซูจองอาจจะโกรธเรื่องสเปเชียลเตจของเธอกับเซเว่นทีนคนนั้น เพราะว่า เธอสองคน ชอบ ๆ กันอยู่… อะไรแบบนั้นรึเปล่า”



    คนถูกถามนิ่งไปเหมือนถูกแอทแทคแล้วพลังชีวิตลดไปครึ่งหลอด หน้าตาหนักใจของคนถูกถาม ยิ่งทำให้คนถามสองคนยิ่งรอลุ้นคำตอบมากขึ้นไปอีก

         “จริง ๆ ถ้าเอาที่ฉันแน่ใจแล้วก็คือ ฉันชอบซูจองค่ะ แต่เค้าจะคิดแบบนั้นไหม ฉันก็ยังไม่รู้อะ”


         “นั่นไง!” เบบี้โซลกับมิจูประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน ในขณะที่คนตอบฟุบลงไปกับโต๊ะอีกรอบราวกับใช้พลังในการตอบไปหมดแล้ว


         “นี่ถ้าไม่ได้ยินจากปากเธอเอง พี่ก็คิดว่าเธอกิ๊กกับจีซูมันอยู่นะเนี่ย” มิจูโพล่งขึ้นมา ทำเอาอีกสองคนที่เหลือหันขวับไปมองพร้อมกัน


         “เดี๋ยวนะคะ… อะไรทำให้พี่คิดว่าฉันจะไปกิ๊กกับพี่จีซูได้อะเนี่ย”

         “เอ้า ก็เห็นพักนี้ตัวติดกัน คุยกันจุ๊กจิ๊กๆ” มิจูทำมือยุกยิกประกอบ ก่อนที่เบบี้โซลจะพูดสวนขึ้นมาด้วยสีหน้าหน่ายใจ


         “เด๋ออีกละ เด๋อหนักด้วยอันนี้… นี่ ทั่วโลกเค้ารู้กันหมดแล้วมะ รปภ.ตึกอุลลิมยังรู้เลยว่าจีซูคุยกับจีเออยู่ ทูจี อะ ยูโน้?”

         “อ้าว ใครจะไปรู้ละ ทูจี ก็จีซูกับจียอนได้ปะ”

         “เอ๊า ก็เค้าพูดถึงจีซูกับจีเอกันโว้ย นังเด๋อ จีซูนี่เพื่อนแกไหม จีเอก็รูมเมทแกอีก ไปอยู่ไหนมา ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำไมบกพร่องหน้าที่งี้อะ”

         “หน้าที่อะไร”

         “ก็หน้าที่ติดตามดูแลเรื่องชาวบ้าน.. เอ้ย ดูแลสังคมของแกไง อีมิจู” เบบี้โซลลากเสียงยาวเรียกชื่อคนที่กำลังทำหน้างง พร้อมทำหน้าตากวนๆ ส่งกลับไปให้อย่างคนมีชัยเหนือกว่า

         “โอ๊ย พี่นี่ก็ไม่เคยบกพร่องหน้าที่เลยเนอะ”

         “อะไร หน้าที่อะไร”

         “ก็หน้าที่ด่าฉันนี่ไง ตั้งแต่คุยมานี่มีประโยคไหนยังไม่ด่าบ้าง ใครจะไปรู้ทุกเรื่องอะ ก็เห็นมันจุ๊กจิ๊กกันอยู่สองคนจริงๆ นี่”

         “แล้วไปสนใจเรื่องอะไรอยู่ล่ะถึงไม่รู้”

         “ก็…”

         “อ่า ๆ พอแล้วค่ะ พอทั้งคู่เลย”


    เป็นคนทุกข์ใจเองที่ต้องมาเบรคการตีกันของคนให้คำปรึกษาทั้งสองคน เบบี้โซลยู่ปากอย่างขัดใจใส่คนกวนประจำวง แต่อีกคนก็ทำท่ายักไหล่ไม่ใส่ใจ


         “เอ้อ แล้วก็ ทำไมพวกพี่ถึงคิดว่าซูจองกับฉันชอบกันล่ะคะ”

         “ก็บอกแล้วว่า… ถ้าฉันไม่ได้ไปเข้าใจผิดเรื่องจีซูอะนะ เธอสองคนก็ดูมี something ที่สุดแล้วอะ”

         “ฉันละเกลียดการออกเสียงซัมติงของแกจริง ๆ เลย…”

         “เออน่า…” มิจูทำเสียงฮึดฮัดที่โดนเบบี้โซลพูดขัด “ก็ ลองคิดดูนะ ซูจองติดเธอจะตายไปนี่นา อะไร ๆ ก็พี่จียอน ๆ  เธอทำอะไรก็ไปตาม ไปช่วยทำอยู่ตลอด ทำกับข้าวบ้างละ ซ้อมร้องเพลง สอนเต้นกัน ทำอย่างกะทั้งวงมีพี่คนเดียวชื่อจียอน…”


         “ก็เพราะมีซูจองมาคอยดูแลนั่นแหละค่ะ ฉันเลยชอบซูจอง…”


         "อ้าว แล้วทำไมถึงไม่มั่นใจว่าน้องก็ชอบเธอล่ะ...” เบบี้โซลสงสัย “มันก็ดูชัดเจนอยู่ไม่ใช่เหรอ”


         “ก็ ซูจองไม่เคยพูดอะไรที่แสดงออกว่าชอบแบบนั้นเลยนี่คะ มือฉันเค้ายังไม่เคยจับเลย นอกจากในเอ็มวี แล้วอีกอย่าง เค้าก็ดีกับทุกคนแบบนี้อยู่แล้วด้วย ไม่ว่าจะกับพวกพี่หรือว่ามยองอึนกับเยอิน


         ..ซูจองน่ะเป็นเด็กดีมาก ๆ เพราะว่าเค้าก็เป็นคนดีของเค้าแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ได้ดีเป็นพิเศษแค่เฉพาะกับฉันหรอกค่ะ”



    มิจูกับเบบี้โซลมองหน้ากันอย่างจนคำตอบ เคย์ก็ได้แต่หน้าหงอยลงไปกว่าเดิมเมื่อได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเรื่อย ๆ

         “ฉันผิดเองแหละค่ะ ที่ไปคิดกับน้องแบบนั้น… เฮ้อ~”


         “อ่า เรื่องแบบนี้มันไม่ได้มีคนผิดคนถูกซะหน่อย ใครจะไปห้ามความรู้สึกตัวเองได้ละ จริงไหม น้องก็ไม่ได้ผิด เธอเองก็ไม่ได้ผิดที่จะชอบน้องนะ”

        “ใช่ เอ้อ พี่นี่ก็พูดอะไรดีๆที่ไม่ใช่การด่าฉันได้เหมือนกันนี่เนอะ” มิจูเสริมได้ไม่กลัวสายตาเหวี่ยงของหัวหน้าวงตัวเล็ก แล้วก็นึกถึงสิ่งที่เคย์พูดค้างไว้ได้ขึ้นมา “เอ้อ แต่ว่าซูจองอาจจะโกรธเพราะหึงเธอก็ได้นี่นา นี่ก็ดูน่าจะชัดเจนว่าซูจองก็ชอบเธอนะ”


         “ไม่หรอกค่ะ ซูจองคงจะชอบโดคยอมละมั้ง”

         “ห๊ะ!?”

         “ก็เค้าเรียนรุ่นเดียวกันนี่นา คงจะเจอกันที่โรงเรียนบ่อย แล้วฉันก็เคยเห็นซูจองชอบร้องเพลงเซเว่นทีนบ่อย ๆ ด้วย  ไม่แน่อาจจะแอบเคือง ๆ ฉันอยู่ละมั้งที่ได้ขึ้นสเตจนั้น เพราะตั้งแต่กลับมาจากอัดสเตจนั้นเสร็จก็… นั่นแหละ”


         “คิดเองเออเองแล้วแหละอันนี้ พี่ไม่ approve ความเห็นนี้ค่ะ”

        “พี่ก็ไม่อยากจะเห็นด้วยกับนังเด๋อนี่เท่าไหร่นะ แต่ก็คิดว่าเธออาจจะคิดมากไปหน่อยแล้วล่ะ” เบบี้โซลเบะปากใส่มิจูที่ทำหน้าตาเหมือนผู้ชนะอีกครั้งนึง “จริงๆนะ ที่มานั่งคิดมากอยู่เนี่ย ถามเจ้าตัวเค้ารึยังว่าเค้าเป็นอะไร เค้าโกรธอะไร เค้าไม่พอใจอะไร บางทีเค้าอาจจะไม่ได้เป็นอะไรก็ได้นะ”


         “ถามแล้วสิคะ… ฉันก็ถามไปว่า ซูจองเป็นอะไรรึเปล่า ดูเงียบๆ โกรธอะไรพี่รึเปล่า แต่น้องก็ตอบแค่ว่า ‘เปล่าค่ะ ฉันแค่เครียดๆ’ ไม่ก็ ‘ไม่มีอะไรค่ะ พี่เคย์ ไม่ได้โกรธอะไรเลย’ แต่ก็ดูสิคะ ก็ยังเรียกพี่เคย์อยู่ดีอะ”



         “คิดออกแล้ว!”

         จู่ๆคนหน้าตาเจ้าเล่ห์ที่สุดในวงสนทนาก็โพล่งขึ้นมา จนอีกสองคนสะดุ้งโหยงกันไปอีกรอบ



    หัวหน้าวงเริ่มชักสีหน้าเมื่อเห็นยิ้มประหลาด ๆ ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจจากมิจูจอมเจ้าเล่ห์

         “แผนอะไรอีกละคราวนี้”

         “ก็แผนที่จะช่วยให้สองคนนี้เค้ารู้ใจกันไงเล่า”

         “อะไร นี่ ขอเลยเถอะ ไอ้แบบแกล้งๆนี่ไม่เอานะ คราวก่อนที่ใช้ผ้าห่มหลอกผีมยองอึนในห้องนอนใหญ่น่ะ แทนที่จะง้อเรื่องที่ไปแย่งขนมมันมากินได้ งอนหนักกว่าเดิมอีก แถมยังทำมันนอนฝันร้าย กลัวผ้าห่มไปตั้งหลายคืน”

         “นั่นสิคะ… ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นหน้าพี่แบบนี้คือ… หายนะเกิดนะคะ ฉันไม่อยากฟังพี่สองคนทะเลาะกันทุกคำแบบนั้นแล้วนะ”


         “เอาน่า คราวนี้จบดีแน่นอน ฉันจะทำให้จียอนได้ปรับความเข้าใจกับซูจองเอง แล้วก็จะใช้ผ้าห่มเหมือนเดิมนี่แหละ!”


         “ห๊า!?”



    -----


    เคย์ไม่ไว้ใจแผนของมิจูมาตั้งแต่แรก

    แต่เธอไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมมาหลบอยู่ในห้องของมิจูและจีเอที่ปิดไฟมืดสนิท โดยมีผ้าห่มผืนยาวหลายผืนคลุมตัวอยู่แบบนี้


         “พี่จัดการให้เอง ไม่ต้องห่วง!”


    ก็เพราะเป็นพี่มิจูนั่นแหละ ยิ่งน่าห่วง! เคย์คิดในใจอย่างปลง ๆ


    เมื่อไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องลองทุกทาง เผื่อจะสำเร็จซักทาง  เธอหวังไว้อย่างนั้น



    เบบี้โซลถึงกับลั่นคำขาดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอจะไม่รับผิดชอบ เพราะเธอเตือนแล้ว แต่มิจูก็ไม่ได้สนใจคำพูดนั้น หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จ มิจูก็ลากเคย์มาถึงที่ห้องนอนเธอแล้วจัดการบอกแผนการให้เสร็จสรรพ  เคย์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลองเชื่อมิจูดูอีกซักครั้ง


    เธอชะโงกตัวออกมานอกผ้าห่มเพื่อดูนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เกือบเที่ยงคืนแล้ว ทุกคนคงกำลังเตรียมตัวเข้านอนกันอยู่ มีแต่เธอแค่คนเดียวที่ยังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าของมิจูกับจีเอ…



    เสียงเบบี้โซลกำลังเร่งให้ทุกคนเข้านอน (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนของมิจู ที่เบบี้โซลไม่ได้เต็มใจทำนัก) ดังแว่วเข้ามาในห้องนอนเล็กที่เคย์นั่งเงี่ยหูฟังอยู่…

         “อีกสิบนาทีทุกคนต้องเข้านอนนะ ขอให้เตรียมของสำหรับพรุ่งนี้ให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนด้วย..”

         “ค่า”


    เคย์ได้ยินเสียงทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นตอบพร้อมกัน  เสียงฝีเท้าเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าห้องนอนเล็ก เสียงจินพยายามต่อรองขอให้เยอินไปนอนข้างเธอคืนนี้ เสียงมิจูกวนโมโหเบบี้โซล ตามมาด้วยเสียงฟาดหลังและเสียงร้องของคนกวนโมโห เสียงจีเอกับจีซูกระซิบกระซาบกันอยู่หน้าประตูห้องนอนเล็ก แต่ไม่ยักจะได้ยินเสียงของน้องรองสุดท้ายของวงเลยแม้แต่น้อย


    ฟังความเคลื่อนไหวอยู่ในความมืดอยู่นานสองนาน ประกอบกับกลิ่นผ้าห่มซักใหม่หอมๆ ที่ห่อตัวอยู่ ทำให้เคย์เริ่มตาหนักขึ้นเรื่อยๆ  เธอคงจะหลับไปแล้วถ้าเสียงน้องรองของวงที่เธอตั้งใจฟังอยู่ว่าเค้าจะพูดขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่ดังแทรกเข้ามาถึงในห้องซะก่อน..


         “มีใครเห็นผ้าห่มของฉันบ้างไหมคะ” ซูจองยื่นหน้าออกมาจากห้องนอนใหญ่ ดูตาตื่นไม่ใช่น้อย “หายไปทุกผืนเลยอะ ใครเก็บไปบ้างรึเปล่า”

         “หายไปได้ยังไงอะ” เบบี้โซลที่นั่งอยู่ข้างมิจูถามขึ้น ส่วนมิจูขำพรืดเพราะหัวหน้าวงถามตามบทได้แข็งสุด ๆ เหมือนบอมธนินท่องอาขยาน มิจูก็เลยโดนถองซี่โครงเข้าให้



    ซูจองผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ได้แต่กังวลว่าตัวเองจะนอนยังไงมากกว่าจนไม่ได้สนใจท่าทางแปลกของพวกพี่ๆ “ไม่รู้สิคะ เมื่อตอนเช้าก็พับกองไว้ตรงที่นอนเดิมของฉันเหมือนทุกๆวันนี่นา แปลกจัง”


         “เอ้อนี่ นอกจากผ้าห่มซูจองจะหายไปแล้ว จียอนก็หายไปด้วยนะเนี่ย…” จีซูที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่พูดขึ้นบ้าง ซูจองมีสีหน้าตกใจขึ้นมาอีกครั้งเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เลิ่กลั่กมองหาทั้งในห้องนั่งเล่น และเดินออกมาจากห้องนอนใหญ่ไปชะเง้อมองในห้องครัว แต่ก็ไม่มีวี่แววคนที่จีซูพูดถึง



    ได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของน้องรองชัดเจน มิจูก็ลอบยกนิ้วโป้งให้จีซูอย่างรวดเร็วที่ทำได้ตามแผน ส่วนจีเอก็ดึงแก้มคน แอ็คติ้งดี (กว่าเบบี้โซล) ที่กำลังยิ้มกว้างอยู่อย่างเอ็นดู



    ซูจองเดินกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นอีกรอบ ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าถอนหายใจอยู่ที่อีกมุมนึงของห้อง โดยยังไม่คลายสีหน้ากังวล พี่ ๆ ในห้องนั่งเล่นก็ดึงหน้ากลับมาแอ็คติ้งเป็นกังวลกับน้องไปด้วย เบบี้โซลลุกไปเปิดกองผ้ากองนู้นกองนี้ดูทำเป็นหาผ้าห่มให้ ส่วนมิจูก็ทำเป็นไปชะเง้อชะแง้มองหาในห้องน้ำดู


         “เมื่อกี๊พี่จียอนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำไม่ใช่เหรอคะ” ซูจองถามขึ้นกับมิจู


         “นั่นสิ หายไปไหนแล้วนะ”


         “เอ้อ ซูจอง ยังไงถ้าจะนอนแล้วก็ไปเอาผ้าห่มในห้องพี่ได้นะ น่าจะมีอีก”


         “ขอบคุณค่ะพี่จีเอ… เฮ้อ แล้วพี่จียอนไปไหนเนี่ย...”



    เคย์ลอบยิ้มอยู่ในความมืด เมื่อได้ยินชัดๆเต็มสองหูว่าซูจองพยายามตามหาเธอ เดี๋ยวอีกซักครู่นึงมิจูก็คงจะใบ้ให้ซูจองเข้ามาในห้อง หลังจากที่จีเอพยายามบอกให้แล้วครั้งนึง เธอจึงลุกขึ้นมาจัดแจงผ้าห่มสามผืนที่เธอห่มอยู่ให้คลุมตัวได้เข้าที่เข้าทาง ...ผ้าห่มทั้งหมดของซูจองนั่นเอง


         “อ่า หรือว่าจียอนไปแอบหลับอยู่ในห้องฉันรึเปล่าเนี่ย” มิจูพูดเสียงดังขึ้นเป็นพิเศษให้เคย์ที่อยู่ในห้องได้ยิน  ซูจองรีบผุดลุกขึ้นทันที จีเอกับจีซูที่นั่งอยู่หน้าห้องนอนเล็กพอดีรีบลุกไปนั่งตรงอื่น เพื่อหลบให้ซูจอง


    น้องรองรีบเดินมาถึงประตูแต่ก็ชะงักหยุดอยู่แค่ที่มือจับลูกบิด ปล่อยให้พี่ๆทั้งสาม (เบบี้โซลหนีไปนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “สงสัยตื่นเต้นจนอยู่ดูไม่ได้มั้ง” มิจูแอบกระซิบแบบขำๆกับจีซู) ได้แต่รอลุ้น…



    ซูจองตัดสินใจอยู่นานสองนาน ไม่ยอมเข้าไปซักที จีเอที่นั่งมองอยู่จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาน้อง กระซิบอะไรกันบางอย่างที่จีซูกับมิจูได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างงงๆเพราะไม่ได้ยิน ซูจองก็พยักหน้าแล้วเปิดประตูเข้าไป…


    จีเอเดินกลับมานั่งลงตรงระหว่างจีซูกับมิจูที่จ้องมองแบบรอคำตอบ “บอกน้องว่าอะไรอะ”


    พี่รองไม่ได้ตอบคำถาม แต่หันไปเกาะแขนจีซู “สงสัยวันนี้พี่กับมิจูคงจะต้องไปนอนห้องใหญ่ด้วยกันแล้วแหละ”


    สิ้นประโยคนั้น พี่ๆสามคนก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเงี่ยหูฟังอยู่หน้าห้องนอนเล็กอย่างรวดเร็ว...



    ----


         “สวิตช์ไฟอยู่ไหนเนี่ย…” ซูจองบ่นเบาๆเมื่อเปิดเข้ามาในห้องมิจูกับจีเอแล้วพบแต่ความมืด สองมือป่ายไปตามกำแพงเปะปะ จนแล้วจนรอดก็ยังหาสวิตช์ไม่เจอ แต่ทว่าในความมืดนั้นเอง… ซูจองเห็นเงาๆสีดำแปลกๆสะท้อนอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าของมิจูที่แง้มอยู่เล็กน้อย

    สวิตช์ไฟถูกลืม ซูจองเดินดุ่มตรงเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าพร้อมกับค่อยๆ … แง้ม … ประตู … ตู้เสื้อผ้า …

    .

    .

    .

    .


    “อ๊ากกกกกก!!!!!”

    มือเย็นๆของผีสาวหน้าซีดในผ้าคลุมสีซีดเดียวกัน จับเข้าที่ขาสองข้างของน้องรอง ทำเอาร้องเสียงลั่นไปทั่วทั้งหอพัก


         “ซ.. ซูจองอา … ซูจอง พี่เองค่ะ” ผีสาวหน้าซีดเรียกชื่อคนที่ร้องเสียงหลงเบาๆ เจ้าของชื่อเงียบทันทีด้วยความอึ้งผสมความมึนงงที่มาพร้อมกับเสียงที่คุ้นหูที่สุดที่เธอไม่มีวันจำไม่ได้ ซูจองนั่งลงคุยกับก้อนผ้าคลุมที่มีมือยื่นออกมาจับขาเธออยู่ “พ..พี่จียอน… เหรอคะ”

         “ค่ะ… ต... ตกใจไหม”

         “ตกใจสิคะ ถามได้ ทำไมพี่มานั่งอยู่มืดๆแบบนี้ละคะ… อ้าว แล้วนี่มัน ผ้าห่มฉันทั้งหมดเลยนี่นา”



    ซูจองดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเคย์ออก แสงไฟจากข้างนอกที่ส่องผ่านผ้าม่านหน้าต่างมาลางๆ ทำให้เธอนอกจากจะพอมองเห็นได้ว่าเป็นผ้าห่มลายของเธอแล้ว ยังได้เห็นใบหน้าที่มีเหงื่อซึมของผีผ้าคลุมตรงหน้าอีกด้วย ซูจองเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อตามไรผมให้ “นี่พี่ตั้งใจจะแกล้งฉันเหรอคะเนี่ย”


         “ก็ไม่เชิงหรอก” เคย์ตอบแต่ก้มหน้าหลบไม่ยอมสบตากับน้องรองตรงหน้า

         “หมายความว่าไงคะ”

         “ก็… แบบว่า... เป็นแผนของพี่มิจูน่ะ”


         “นั่นไง! ใครจะไปคิดอะไรแบบนี้ได้ถ้าไม่ใช่พี่มิจู!” หลังจากตบขาฉาดใหญ่ที่คาดไว้ไม่มีผิด

    น้องรองก็เอื้อมมือมาประคองหน้าคนพี่ที่ก้มหน้างุดให้สบตากับเธอ “แล้วพี่ก็คงไม่คิดจะแกล้งฉันเองแน่ๆด้วย… ใช่ไหมคะ”


    แม้จะมืดจนแทบมองไม่เห็น แต่สายตาของคนตรงหน้าก็ทำเอาเคย์พูดอะไรไม่ออก ซ้ำยังกลัวหน้าของตัวเองตอนนี้จะร้อนเกินไปจนทำให้คนที่เอามือกุมอยู่รู้สึกได้…



         “ว่าไงคะ ตกลงพี่อยากแกล้งฉันรึเปล่า…”

         “ม...ไม่ได้อยากแกล้งหรอก ก็แค่อยาก… คุยด้วย ...แบบ…จ...จริงจังน่ะ”

         “พี่อยากคุยเรื่องอะไรคะ”

         “ก็… เรื่องที่ซูจองดูเหมือนจะ ...โกรธพี่”

         “...”


    เคย์ดึงมือของคนตรงหน้ากุมใบหน้าเธอไว้ลงมากุมไว้ที่มือของเธอ พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ นึกถึงสิ่งที่เธอเตรียมมาไว้สารภาพกับซูจอง

         “พี่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ซูจองยังโกรธพี่อยู่ไหม หรือรู้สึกยังไง

         แต่สำหรับตัวพี่เอง ตอนนี้ พี่รู้สึก...โกรธตัวเองมาก ๆ”


         “โกรธตัวเองที่รู้สึกดีที่ได้มีซูจองอยู่ใกล้ๆ โกรธตัวเองที่ไม่ยอมห้ามใจ เวลาซูจองน่ารักกับพี่ คอยช่วยเหลือพี่ โกรธตัวเองที่ไม่ยอมเลิกคิดถึง เวลาซูจองไม่อยู่ เวลาที่ต้องไปอัดรายการคนเดียว หรือเวลาที่ต้องไปร้องเพลงคู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ซูจอง


         พี่โกรธตัวเองมากจริงๆ ที่ชอบซูจองขนาดนี้…”


         “ทั้งๆที่ซูจองก็เป็นน้องของพี่ เป็นน้องที่น่ารักของพี่ๆทุกคนในวง แต่พี่ก็ดันไม่ห้ามใจ ทั้งๆที่ก็กลัวว่าวันหนึ่งอาจจะเสียซูจองไป อาจจะเสียความเป็นพี่น้องไป แต่พี่ก็ยังไม่ยอมเก็บความรู้สึกนี้ไว้อีก ยังจะมาบอกซูจองอีก… ถ้าวันนี้มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าพี่จะเสียความเป็นพี่น้องกับซูจองไปจริงๆ พี่ก็คงจะโกรธตัวเองมากกว่านี้ไปอีกแน่ๆ”


    เคย์หลบตา ไม่กล้าสู้หน้ากับซูจองเมื่อได้พูดความในใจออกไปจนหมด



    กลัว… กลัวจริงๆกับการเสี่ยงพูดออกไปแบบนี้

    แต่ก็จะโกรธ...ถ้าปล่อยให้มันอึดอัดอยู่ในใจต่อไปโดยไม่ได้พูดออกมา



    คนถูกกุมมือจนแน่นรู้สึกได้ถึงหยดน้ำตาอุ่นๆ ไหลลงบนหลังมือของตัวเอง ซูจองไม่เคยเห็นเคย์ร้องไห้มาก่อนตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่รู้จักกัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องที่มาทำให้คนตรงหน้าร้องไห้ได้ คือเรื่องของตัวเธอเอง...


    ซูจองยกมือข้างหนึ่งขึ้นประคองหน้าเคย์ไว้ พลางเช็ดน้ำตาที่ไหลของคนตรงหน้าเบาๆ

         “ที่พี่ถามว่า ฉันโกรธหรือเปล่า รู้ไหมคะ จริงๆแล้ว ฉันเองก็อยากจะโกรธ”

         “...”

         “ฉันน่ะ ไม่อยากจะคุยกับพี่เลยแม้แต่คำเดียว ไม่อยากจะยุ่งกับพี่ ไม่อยากให้พี่มานั่งใกล้ๆด้วย ไม่อยากเห็นหน้าพี่เลยด้วยซ้ำ…”

         “รู้สึกแบบนั้น… ม...มาตลอดเลยเหรอ” เคย์ละล่ำละลักถาม  จู่ๆก็สะอึกสะอื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

    แต่ซูจองกระชับมือบางของคนตรงหน้าไว้แน่นขึ้นอีก พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ



         “ตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ...”



         “ซ… ซูจอง”

         “รู้ไหมคะ... ฉันเองก็โกรธทุกครั้งเลยที่พี่พูดเพราะๆกับฉัน ที่พี่คอยช่วยฉัน น่ารักกับฉัน โกรธทุกครั้งที่ฉันกับพี่ถูกจับคู่ให้ร้องเพลงด้วยกัน โกรธเวลาที่พี่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน เวลาที่พี่เข้ามาคล้องแขนฉัน

    แล้วยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ตอนที่เห็นพี่ทำอย่างนั้นกับคนอื่น… แต่ฉันก็โกรธพี่ไม่ได้หรอก เพราะทั้งหมดนั่น … ฉันเองก็โกรธตัวเองค่ะ”


         “...”


         “โกรธตัวเองที่หยุดคิดว่าพี่น่ารักไม่ได้ โกรธตัวเองที่ใจเต้นเวลาร้องเพลงคู่กับพี่ โกรธตัวเองที่ก็ชอบให้พี่มาอยู่ใกล้ๆ เหมือนกัน โกรธที่ต้องคอยมองหาพี่ทุกครั้งว่าพี่ยังสบายดีไหม ขาดเหลืออะไรรึเปล่า แล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงต้องไปโกรธคนที่มาอยู่ใกล้ๆพี่ตรงที่ที่ฉันเคยได้อยู่ด้วย


    ฉันก็โกรธตัวเองจริงๆค่ะที่ไม่ยอมห้ามใจ…”



         “ซูจองอา…”

       “แย่จัง ทั้งๆที่พี่อุตส่าห์วางแผนจะมาคุยกับฉัน แต่ฉันดันแย่งพี่พูดซะเยอะเลย…” คนน้องแค่นหัวเราะ ก้มหน้ามองมือตัวเองที่กุมมือบางของพี่ไว้หลวมๆ พลางลูบวนที่ข้อนิ้วเล็กๆนั้นเบาๆ


    เคย์ได้แต่เม้มปาก ความรู้สึกอุ่นๆในใจรื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาอยู่อีกเล็กน้อย


         “พี่ยังมีคำถามที่อยากถามอยู่ค่ะ”

         “ถามว่า…”

         “ซูจองคิดยังไงกับโดคยอมคะ”

         “สำหรับฉัน ก็คงจะเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดเลยละค่ะถ้าพี่ชอบเค้า…”

         “แล้วซูจองชอบเค้าไหมคะ”

    คนแก้มกลมส่ายหน้าทันทีตั้งแต่ยังถามไม่ทันจบประโยค “ฉันกลัวว่าพี่จะชอบเค้ามากกว่า”

         “แล้วถ้าพี่ไม่ได้ชอบเค้าละคะ พี่ชอบซูจองนี่”

         “ฉันก็คงจะ… อยากให้ไม่มีคำว่า ‘แล้วถ้า’ อยู่ข้างหน้าประโยคนั้นตลอดไปเลยละค่ะ”



    เคย์ลอบอมยิ้มบางๆกับคำตอบของซูจองที่ช่วยยืนยันว่าเธอแค่คิดเองเออเองไปจริงๆ เคย์นึกขอบคุณมิจูอยู่ในใจที่ทำให้เธอได้ฟังเสียงที่น่าฟังกับคำตอบที่น่ารักที่สุดจากเด็กน้อยแก้มกลมของเธออยู่ในห้องนี้ตอนนี้


    “พี่จียอน… ยิ้มทำไมเหรอคะ”

    “ในที่สุดก็กลับมาเรียกว่าพี่จียอนซักทีนะ…”

    “ก็ถึงทำเป็นเรียกพี่เคย์จนห่างเหินซักแค่ไหน ความรู้สึกก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี”

    “เรียกจียอนน่าฟังกว่าเยอะเลย”


    ดอกไม้ของวงยิ้มกว้าง เธอมองหน้าซูจองได้เต็มตาเสียที ได้เห็นแก้มของซูจองตอนนี้ก็ทำให้เธอคันมือ

    อยากจะหยิกเสียให้ได้ เลยต้องยื่นมือออกไปหยิกให้เต็มแรง


    “อื้อ เจ็บค่ะ…”

    “นี่แหนะ! ชอบปาแก้มแจกคนอื่นดีนัก~”

    “งือ เจ็บอ่า…”

    “ชอบให้คนอื่นมาจิ้มด้วยอีกต่างหาก”

    “ก็เค้าขอจิ้มนี่”

    “งั้นพี่ขอบ้างได้ไหมคะ”

    “ตัวเองขยำอยู่เต็มมือขนาดนี้ไม่ต้องขอแล้วก็ได้มั้ง”

    “ไม่ได้ขอจิ้มซักหน่อย…”

    “หื้ม?”

    “ขอจุ๊บได้ไหม -////-”

    “เอ้อ ฉันยังหาสวิตช์ไฟห้องนี้ไม่เจอเลยอะ มันมืดมากเลย สรุปมันอยู่ตรงไหนนะคะ?”

    “ทำไมต้องเปลี่ยนเรื่องด้วย~ ไม่ต้องเปิดหรอกน่า แบบนี้โรแมนติกดีออก”

    “โรแมนติกแบบนี้เหรอ…” ไม่พูดเปล่า ซูจองเลื่อนหน้าเข้าไปชิดใบหน้าของอีกคน จนหน้าผากและปลายจมูกแตะกัน ลมหายใจอ่อนๆ หายใจเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกัน รวมถึงใจที่กำลังเต้นเร็วขึ้นเหมือนกันด้วย


    เคย์ถึงกับต้องเลียริมฝีปากของตัวเองที่แห้งผากเพราะใจที่เต้นรัวแรง “สรุปว่า… ยังจุ๊บแก้มได้ไหมคะ”

    “เป็นถึงไอดอลหญิงผู้โด่งดังเรื่องขาหมู อยู่ๆจะมาขอคนอื่นเค้าจุ๊บกันแบบนี้ได้ไงคะ โอ๊ย!”

    “นี่!” เคย์ฟาดแขนซูจองไปเต็มแรงโทษฐานเอานิสัยขี้แซวของมิจูมาใช้ผิดที่ผิดที่เวลา ซูจองหัวเราะจนตาหยี เคย์เองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน…


    คนเด็กกว่ายื่นมือเข้ามาประคองใบหน้าของเคย์ไว้อีกครั้ง คราวนี้ไม่มีน้ำตาที่ไหลให้เช็ดอีกต่อไปแล้ว  นิ้วเรียวยาวของซูจองลูบริมฝีปากล่างของเคย์เบาๆ

    คนถูกลูบนั่งนิ่ง ใจสั่นรัวเหมือนจะทะลุออกมานอกอกเมื่อได้เห็นสายตาหลงใหลที่คนตรงหน้าจับจ้องมา ริมฝีปากบางของเคย์กดจูบลงไปบนนิ้วมือที่ลูบผ่านเบาๆ ก่อนซูจองจะเลื่อนริมฝีปากของเธอเองเข้าไปสัมผัสแทนที่


    เป็นเวลาเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ความนุ่มนวลของอีกฝ่ายทำให้ความโกรธที่ทั้งสองคนมีหายไปจนหมดสิ้น นุ่มนวลจนที่เคย์เองก็ไม่รู้ตัวว่าหลังของเธอเอนไปสัมผัสกับผ้าปูที่นอนนุ่มๆของมิจูตั้งแต่เมื่อไหร่ และซูจองก็ดูเหมือนว่าจะไม่รู้วิธีที่จะหยุด และห้ามใจจากคนตรงหน้าได้อย่างไรด้วย



    “ซูจองอา...”

    “หืม…”

    “อ...อือ… เราจะไปที่ห้องนอนใหญ่… กันไหมคะ”

    เคย์รวบรวมลมหายใจที่จะมาใช้พูดได้อย่างลำบาก เมื่อซูจองผละจากริมฝีปากของเธอ และเลื่อนมากดจูบลงบนลำคอขาวของเธอแทน

           “พี่อยากไปไหมคะ” ซูจองถามทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากคอของคนข้างล่าง ฝ่ามืออุ่นๆที่ลากผ่านเสื้อยืดชุดนอนตัวบางของเคย์ทำเจ้าตัวหายใจติดขัด เรียกชื่อซูจองออกมาโดยไม่รู้ตัว

    “อือ… ซูจองอา ก...ก็เราต้องไปนอนนี่นา ล...แล้วพี่มิจูกับพี่จีเอก็ต้องมาห้องนี้ด้วย… งือ… ซูจอง… ค...คุยกับพี่ก่อนสิคะ”

    “ก็พี่จีเอบอกว่าให้เคลียร์กับพี่ให้เรียบร้อยก่อนนี่คะ”


    พอโดนประท้วง ซูจองถึงได้หยุดและเงยหน้าขึ้นมาสบตาเคย์พร้อมงัดเอาคำอนุญาตจากเจ้าของห้องมาใช้ด้วย เคย์ได้ยินก็ถึงตาโตพร้อมกับตีแขนซูจองคนน้องดังเพียะ “นี่ ก็แค่เคลียร์สิคะ พี่ก็บอกพี่มิจูแค่ว่าพี่อยากคุยกับซูจอง แต่นี่มันก็เกินเคลียร์ไปมากแล้วนะ ...เรานี่ร้ายขนาดนี้เลยเหรอ ใครเทรนมาให้ดีขนาดนี้คะ พี่เคลิ้มไปหมดแล้วเนี่ย”


    ซูจองหัวเราะคิกคักที่โดนต่อว่า “อยากเคลิ้มกว่านี้ไหมละคะ~” เคย์ดันตัวลุกขึ้นมานั่งได้ก็ฟาดมือไปที่ไหล่คนที่กำลังหัวเราะอีกรอบ

    “โอ๊ย ทีตอนนี้แรงเยอะจัง เมื่อกี๊ไม่เห็นขัดเลย”

    “รยูซูจอง! นี่ บอกพี่มาเลยนะ ทำไมช่ำชองขนาดนี้ ไปให้ใครเป็นคนฝึกให้คะ!”


    เคย์ดุเสียงแข็งด้วยหน้าตาจริงจัง แต่ซูจองกลับไม่เห็นว่าน่ากลัว แถมยังคิดว่าน่ารักจนต้องยื่นมือเข้าไปบีบจมูกเล็กๆของคนตัวเล็กเข้าให้


    “ไม่ต้องมีใครฝึกให้หรอกค่ะ แค่ฉันได้เห็นพี่อยู่ตรงนี้ เห็นหน้าพี่ตอนนี้ ได้ยินเสียงของพี่ตอนนี้ สัญชาตญานดิบของฉันมาก็ออกมาเองโดยไม่ต้องฝึกกับคนอื่นให้เมื่อยเลย... โอ๊ย! ทำไมชอบตีจังเลยอ่า~”

    “ก็มันมีคนทะลึ่ง ก็เลยต้องตีไงคะ~”

    “ทะลึ่งตรงไหนอ่า ฉันคิดแบบนี้แค่กับพี่คนเดียวนะคะ”

    “คิดแบบไหนคะ”

    “ก็แบบนั้นแหละน่า… ยังต้องบอกด้วยเหรอคะ”

    “บอกสิคะ มันคงจะต้องน่าฟังที่สุดแน่ๆเลย ^^”

    “ฉันเขินนี่นา…” ซูจองลังเลเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบข้างหูเคย์ “รักพี่นะคะ~”


    เคย์อมยิ้มเขินจนทุบไหล่คนน้องไปหลายที ซูจองอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ แถมยังอดใจไม่ให้โน้มตัวไปหอมแก้มคนตรงหน้าไม่ได้อีกด้วย

    “พี่จียอนคะ… เรากลับห้องใหญ่กันนะคะ”

    “อื้อ ซูจองนอนข้างๆพี่นะคะ ได้ไหม~”

    “ได้สิคะ ...แต่ว่าตอนนี้ต้องรีบไปแล้วแหละ ถ้านานกว่านี้พวกพี่ที่ข้างนอกคง…”

    “หา! นี่พวกพี่มิจู ย…ยังอยู่ข้างนอกกันเหรอ”

    “ไม่แค่ข้างนอกธรรมดานะคะ ฉันว่า…” ซูจองลดเสียงลงเบาสุด “น่าจะกำลังเอาหูแนบประตูกันเลยล่ะ”

    “รยูซูจอง!! แล้วทำไมไม่บอกพี่ให้เร็วกว่านี้ละคะ!!!! พวกนั้นได้ยินไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้เนี่ย!!!”



    “เออ! ได้ยินยันเสียงครางแล้วโว้ย! ไม่ต้องเขินแล้วย่ะ!! ออกมาได้แล้ว!!!”


    “โธ่เอ๊ย อีมิจู!! แกจะรีบเปิดตัวทำไมว้า ฉันยังอยากฟังน้องจีบกันอยู่เลย”


    เสียงมิจูตะโกนแทรกเข้ามาถึงในห้อง กับเสียงจีซูกับจีเอที่หัวเราะคิกคัก ทำเอาเคย์อยากจะแทรกแผ่นดินหนีหายออกจากห้องนี้ไปเลยทีเดียว…



    ซูจองจูงมือเคย์ที่เดินก้มหน้าก้มตาไม่สบตาใคร ออกมาจากห้องนอนเล็กของมิจูกับจีเอ พร้อมบอกฝันดีกับพี่ๆแบบลวกๆด้วยความเขิน แล้วรีบพากันเข้าห้องนอนใหญ่ ท่ามกลางเสียงโห่แซวของพี่ใหญ่ของวงทั้งสาม


         “ไงล่ะ แฮปปี้เอนดิ้งไปอีกหนึ่ง แหม ฉันนี่มันฝีมือจริงๆ” มิจูพูดแล้วยืดไหล่ทำหน้าภูมิใจสุดๆเสียจนจีซูคิดว่าถ้าเบบี้โซลอยู่แถวนี้ต้องรีบพุ่งเข้ามาเขกกลางหัวเพื่อนเธอแรงๆซักทีนึงแน่


    “จ้า ถ้าเป็นเรื่องคนอื่นนี่ต้องไว้ใจอีมิจูเลยใช่มะ”

    “แน่นอน เพราะฉันเป็นกูรูในด้านการใส่ใจเรื่องของคนอื่น ฮ่าๆ”

    “แต่เรื่องของตัวเอง…”

    “ไม่รอด! ฮ่าๆๆ” เติมคำเสร็จจีเอก็หันไปไฮไฟว์กับจีซูสำหรับทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม แต่มิจูนั่งกอดอก ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ


    "ก็ชีวิตฉันเพอร์เฟ็คท์ไง ฉันก็เลยมีหน้าที่ช่วยคนอื่นให้มาเพอร์เฟ็คท์เหมือนฉัน”

    “หูย จ้า แม่คนเพอร์เฟ็คท์”

    “แต่เป็นคนเพอร์เฟ็คท์ที่อีซูจองเมินว่ะ ฮ่าๆๆ”


    คราวนี้จีซูล้อเข้าจี้ใจดำ จนมิจูหลุดเก๊ก ต่อยเข้าต้นแขนเพื่อน94ไลน์เต็มแรง แต่ยิ่งทำให้ทูจีขำแรงขึ้นไปใหญ่ คนโดนแกล้งเลยลุกขึ้นเชิด เดินไปประตูห้องนอนเล็ก


    “เหอะ ไปนอนดีกว่า เบื่อพวกคนมีคู่”


    จีซูกับจีเอก็เห็นสมควรว่าถึงเวลาต้องนอนแล้วเหมือนกันจึงบอกฝันดีให้กัน จีซูดึงมือจีเอขึ้นมาจูบเบาๆ (มิจูเบ้ปากใส่ภาพสวีทตรงหน้า พร้อมกำลูกบิดประตูแน่น) ก่อนจะลาไปที่อีกห้องนอนนึง แล้วจีเอก็เดินมาถึงหน้าห้องนอนเล็กพร้อมกับมิจู ไม่ได้ไปนอนกับจีซูเหมือนที่บอกทีแรก


    ท่ามกลางความแปลกใจปนสงสัย มิจูก็ถามจีเอก่อนจะเดินเข้าห้องนอน

    “ไม่ไปนอนด้วยกันแล้วเหรอ”

    “ไม่อะ เดี๋ยวไปสวีทเกินหน้าเกินตาคู่ใหม่"

    “แหม จ้ะ เออ… ว่าแต่ ตอนนั้นพี่พูดอะไรกับซูจองเล็กอะ มันถึงยอมเข้าไปหาจียอนในห้อง”

    “ถามขึ้นมาก็ดีละ ฉันก็จะบอกแกเหมือนที่บอกน้องไว้อยู่พอดี”

    “ว่า…”


    “รีบบอกเค้าซะ เคลียร์ให้รู้เรื่อง เพราะถ้าเค้าไปเป็นของคนอื่นซะก่อนเมื่อไหร่ละก็ เรานั่นแหละจะเสียใจที่สุดที่มัวแต่เก็บเอาไว้ทำไมก็ไม่รู้”



    -----


    “เอ้า ทุกคน รีบเข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทแต่เช้า”

    “ค่าาา~” เสียงน้องๆตอบอย่างแข็งขันเมื่อหัวหน้าวงตัวเล็กพูดจบ ซูจองจูงมือเคย์ที่ขยี้ตางัวเงียเข้าห้องนอนไปเป็นคู่แรก


    'คืนนี้อย่าลืมจุ๊บพี่ก่อนนอนด้วยนะคะ เมื่อคืนก็ลืม’

    ‘ไม่ลืมแล้วค่า ทำมากกว่าจุ๊บก็ได้นะ ยังไม่มีใครเข้ามาเลย’

    ‘ชู่ว ทะลึ่ง! เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าหรอก’


    (เบบี้โซลขอสาบานต่อหน้าอะไรก็ได้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังที่คู่รักคู่ใหม่แอบคุยกันจริงๆ เธอแค่บังเอิญไปเช็คความเรียบร้อยอยู่หน้าห้องนอนเท่านั้นเอ๊ง)


    ขณะที่อีกคู่กำลังหวาน ทูจีกลับงอนกันไม่ยอมหาย จีเอพอเก็บของเสร็จก็ลุกพรวดเปิดประตูเข้าห้องนอนเล็กไปเลย โดยไม่รอให้คุณจิ้งจอกทะเลทรายแทรกตัวผ่านประตูเข้าไปได้ทัน ทิ้งให้จีซูนั่งพิงประตูห้องนอนอย่างเหนื่อยอ่อน


    พี่จีเอ งอนอะไรฉัน บอกฉันได้ไหมคะ”

    “ไปนอนไป” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นดังลอดออกมาจากห้องนอน แต่จีซูก็ยังคงไม่ยอมลุกไปไหน เยอินกับจินตามมานั่งข้างๆสมทบด้วย

    “จะนอนได้ยังไงกันคะ ในเมื่อพี่ยังงอนฉันอยู่แบบนี้”

    “นี่ จะหาว่าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอไม่ได้นอนอย่างงั้นละสิ จะไปไหนก็ไปเลย! ไม่ต้องมายุ่ง!’’

    “ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยอ่า… พี่จีเอ อย่าทำแบบนี้ได้ไหม’’

    “นั่นสิไม่ไหวเลยนะ พี่จีซูมาง้อขนาดนี้แล้วพี่ก็ยังไม่บอกซักทีว่างอนอะไร”

    “เงียบไปเลยมยองอึน ถ้าจะมาเข้าข้างยัยนั่นละก็ จะไปไหนก็ไป พาไปนอนกันให้หมดได้ก็ยิ่งดีเลย!”



    เสียงจีเอเริ่มมีโมโหมากขึ้นเรื่อยๆดังออกมาจากห้องนอน เยอินดึงจินที่ตอนนี้สีหน้าหงุดหงิดพอๆกับน้ำเสียงจีเอให้ลุกขึ้น กระซิบกับจินเบาๆ พร้อมกับพยักเพยิดไปทางคุณจิ้งจอกเจ้าของเรื่อง “ให้พี่ๆเค้าเคลียร์กันเองดีกว่า นะคะ พี่มยองอึน”

    “ก็พี่จีเอมันไม่มีเหตุผลอะ…”

    “เอาน่า เดี๋ยวพี่จีซูก็จัดการได้เองแหละ รายนั้นเค้ามือง้ออันดับ1อยู่แล้ว”

    “แต่…”

    “พี่จีเอก็ใจอ่อนง่ายจะตาย ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ ไปนอนกันนะ นะคะ พี่มยองอึน”


    จินลอบถอนหายใจแต่ก็ยอมทำตามน้องเล็กแต่โดยดี เธอหันไปตบบ่าคนพี่ให้กำลังใจ แล้วเดินตามเยอินเข้าห้องนอน



    ไม่นานจีเอก็ยอมเปิดประตูห้องนอนออกมาประจันหน้ากับจีซู แล้วดึงมือกันเข้าไปในห้องนอนเล็กตามโมเดลของอีมิจูที่ใช้กับคู่ซูจองเคย์เมื่อหลายวันก่อน


    เอ้อ ว่าแต่อีมิจูหายไปไหนละนี่…



    เบบี้โซลที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ชีวิตตัวเองเงียบสงบกว่าปกติ ชะเง้อมองหาคนที่หายไป แล้วก็พบว่าเธออยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงคนเดียวและทุกคนกลับเข้าห้องนอนกันหมดแล้ว


    “มิจู…”


    ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ ในห้องน้ำหรือห้องครัวก็ไม่มี มิจูเองก็ไม่ใช่คนที่จะออกไปไหนข้างนอกตอนกลางคืนซะด้วย แล้วจะไปอยู่ไหนของเค้ากันนะ…


    “คงจะเข้านอนไปแล้วละมั้ง”

    คิดได้อย่างนั้น เบบี้โซลก็เลยเบาใจ จึงปิดไฟห้องนั่งเล่นและเดินเข้าห้องนอนใหญ่ ตรงไปที่ที่นอนประจำของตัวเองพร้อมพึมพำทวนความจำรายการที่ต้องทำพรุ่งนี้



    “เฮ้อ~

    พรุ่งนี้ต้องไปประชุมที่บริษัทก่อน แล้วถึงจะไปร้านทำผม แล้วก็ไป…

    เอ๊ะ! ผ้าห่ม… ไปไหนหมดนะ”


    เบบี้โซลเท้าเอวคิดอยู่ซักพัก นึกไปสะระตะว่าตัวเองเผลอหยิบไปวางไว้ตรงไหนที่ไม่ใช่ที่ประจำหรือเปล่า พลิกดูกองผ้าไหนก็หาผ้าห่มตัวเองไม่เจอซักผืน...


    แต่พอได้เหลือบไปเห็นคู่เคย์กับซูจองที่กำลังนอนจับมือกัน หัวหน้าวงถึงกับร้องอ๋อ ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ภาพคนกวนประสาทประจำวงก็ลอยแวบเข้ามาในหัวทันที ตามด้วยเสียงตวาดดังลั่นหอ



    “อีมิจู! ออกมาแล้วเอาผ้าห่มมาคืนฉันเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นแกเจอดีแน่!!!”



    หัวหน้าวงตัวเล็กกระทืบเท้าตึงตังออกจากห้องตัวเองไปยังห้องนอนมิจูกับจีเอ ทำเอาทุกคนที่ได้ยิน (ซึ่งอยู่ในแผนมิจูทั้งหมด รวมถึงทูจีที่งอนกันก็แอ็คติ้งให้เบบี้โซลสับสนเล่นๆด้วย) ถึงกับต้องกลั้นขำสุดชีวิต



    เบบี้โซลผู้โกรธเคืองไม่รู้อะไรเอาซะเลยว่า อีมิจูน่ะไม่เคยกลัวคำขู่ของเธอเลยแม้แต่น้อย แถมยังอยากเจอดีสุดๆไปเลยอีกต่างหาก!



    -end-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×