ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] Lovelyz is all around

    ลำดับตอนที่ #9 : [SF] Break (Jisoo & Jiae) EP.4

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 60


    EP.4

    Ice Breaking = ทะลายกำแพง


    เรื่องน่ายินดีในรอบหลายเดือนนี้คือ จีซูได้งานออกไปถ่ายรูปซักทีหลังจากนอนซังกะตายอยู่นาน  เป็นงานฉุกละหุกเล็กน้อยที่เธอเพิ่งได้รับตอนกลางคืนวันก่อนถ่าย และต้องออกไปถ่ายตั้งแต่เช้ามืดวันต่อมา ได้กลับบ้านอีกทีก็เช้ามืดของวันต่อ ๆ มาอีกที เรียกได้ว่า เกือบ 24 ชั่วโมง แต่ก็งานดีเงินดีเชียวล่ะ ...


    แต่เรื่องไม่น่ายินดีคือ เธอก็กำลังนอนซมเป็นผัก  นอกจากเงินค่าจ้างจะยังไม่ได้และต้องรออีกหลายวัน เธอยังต้องมาน๊อคมาจากการทำงานนอนสต๊อปอีก


    จีซูฝืนตาที่หนักอึ้งลืมขึ้นมองนาฬิกาก็พบว่าบ่ายโมงกว่าแล้ว  เธอยังนอนอยู่บนเตียงด้วยชุดนอนเปื่อย ๆ ที่เธอพอมีแรงเปลี่ยนก่อนล้มตัวลงนอน และยังไม่มีวี่แววว่าจะมีแรงลุกไปหาข้าวหรือยากินได้อีกตอนไหน  นุนอีย่องขึ้นเตียงมายกอุ้งเท้าสะกิด ๆ เจ้าของของมันเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเธอยังไม่ตายแล้วร้องเมี้ยว ๆ อีกสองสามครั้งก่อนจะเดินออกไป  


    จีซูไม่มีแรงแม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นดูว่าแมวของเธอไปทำอะไรต่อ  เธอผล็อยหลับไปอีกรอบด้วยความอ่อนเพลียและพิษไข้…


    .

    .

    .


    “ตายจริง ตัวร้อนจี๋เลย…”


    สัมผัสเย็นเยียบที่แตะเข้าที่หน้าผากทำให้จีซูรู้สึกตัวขึ้นมา  แวบแรกเธอเผลอนึกไปถึงนุนอี แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเจ้าแมวนั่นพูดไม่ได้แน่ ๆ ถึงรีบลืมตาขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว  


    “ฮ...เฮ้ย! คุณ ทำไมเข้ามาได้อีกแล้วอะ”



    ผู้บุกรุกเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นเอง…


    จีเอยังคงใช้หลังมือแตะตามหน้าและคอของคนที่นอนอยู่ด้วยสีหน้ากังวล  “ก็คุณไม่ล็อคบ้านอีกแล้วน่ะสิคะ คนอะไร ทำไมขี้ลืมขนาดนี้ก็ไม่รู้…”


    “คุณก็เลยเข้ามาหน้าตาเฉยเนี่ยนะ”


    “ถ้าฉันไม่เข้ามา คุณนั่นแหละจะแย่… ฉันไปหาผ้ามาเช็ดตัวคุณก่อนดีกว่า”


    “ด… เดี๋ยว คุณ ไม่ต้อง”


    เสียงคนป่วยรั้งไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว  จีเอไปจัดแจงค้นหากะละมังใบเล็กกับผ้าชุบน้ำมาจนได้  เธอถืออุปกรณ์มาวางลงข้างเตียง ยกแขนคนป่วยขึ้นแล้วจัดการเช็ดมาจากต้นแขน  จีซูไม่มีแรงขัดขืนนอกจากส่งเสียงร้องประท้วงว่าเจ็บ แต่ก็ไม่ทำให้จีเอหยุดทำได้


    “เช็ดเบา ๆ หน่อยไม่ได้เหรอ”


    “เช็ดแรง ๆ นี่แหละมันถึงจะหายเร็วค่ะ… ขนาดป่วยยังบ่นเก่งได้เหมือนเดิมเลยนะ”


    จีซูถอนหายใจฮึดฮัดไม่เถียงด้วย  จีเอก็เช็ดตัวให้คนป่วยต่อเงียบ ๆ  ไม่มีเสียงสนทนาใด ๆ ดังขึ้นมาอีก แม้แต่นุนอียังนอนมองมาเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องเมี้ยว ๆ ด้วยเช่นกัน  เมื่อจีเอเช็ดตัวเสร็จ  เธอก็ขอเจ้าของบ้านใช้ครัว ตัวเจ้าของบ้านยังไม่ทันอนุญาต อีกฝ่ายก็เดินตัวปลิวออกจากห้องนอนของเธอไปแล้ว  จีซูนอนพักสายตาอย่างหมดอารมณ์


    สิบห้านาทีต่อมา จีเอก็กลับมานั่งลงที่ข้างเตียงพร้อมกับถ้วยใบหนึ่ง แก้วน้ำและยาหนึ่งแผง  จีซูนึกสงสัยว่าจีเอจะทำอะไรมาให้เธอได้ในเมื่อในครัวของเธอมีแต่รามยอนกับไข่ไก่อีกไม่กี่ฟอง  จีเอก็บ่นขึ้นมาทันทีเหมือนรู้ความคิด  “ในครัวคุณไม่มีอะไรเลย แม้แต่ข้าว ฉันก็เลยทำมาได้แค่ซุปไข่นี่แหละ…”


    เจ้าของบ้านเหลือบมองในชามที มองหน้าคนทำที แบบทึ่ง ๆ  “ทำได้ไงเนี่ย…”


    “ทานเถอะค่ะ แล้วจะได้ทานยา หรือจะให้ฉันป้อนคะ”


    “ม..ไม่เป็นไร กินเองได้ ๆ”


    จีซูยกช้อนขึ้นซดน้ำซุปใส  ฝีมือทำอาหารของจีเอดีกว่าทักษะการขับรถแบบคนละขั้ว  เธอยกช้อนขึ้นซดอีกหลายคำ แต่ประโยคต่อมาของจีเอเกือบทำน้ำซุปในช้อนจีซูแทบพุ่ง  


    “ช่วงนี้คุณช็อตใช่ไหมคะ”



    “ท...ทำไมคิดงั้น” คนถูกถามละล่ำละลักถามกลับพลางใช้หลังมือเช็ดน้ำซุปที่เปื้อนไหลลงมาจากมุมปาก


    “ก็คุณมีแต่รามยอน”


    “ฉัน… ก็แค่ไม่ชอบทำกับข้าวเองต่างหาก งานฉันยุ่ง ไม่มีเวลาทำหรอก”


    “ถ้าไม่มีเวลา แล้วก็ไม่ชอบทำกับข้าวเอง  ก็ต้องมีถุงที่ซื้อจากร้านเยอะแยะแล้ว  แต่นี่คุณไม่มีอะไรเลย  ฉันเดาว่าคุณไม่ได้ยุ่ง แต่คุณไม่มีเงินต่างหากล่ะ…”


    ยัยนี่นี่!… แทงใจดำชะมัด


    จีเอวิเคราะห์ต่อ  “แล้วก็... ลักษณะงานของคุณน่าจะเป็นงานที่ไม่ได้ต้องทำบ่อย ๆ เลยมีเวลาอยู่บ้าน แล้วช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงที่ไม่มีงานเข้ามา รายได้เลยอาจจะขาดตอนไป ใช่ไหมคะ  ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าคุณทำงานอะไร”


    “แล้วคุณอะ เป็นนักสืบรึไง”  จีซูย้อนกลับ


    “ไม่หรอกค่ะ…”  จีเอตอบยิ้ม ๆ “แต่ถ้ามีอะไรที่จะทำแล้วได้เงิน ฉันก็คงจะทำเป็นอาชีพเสริมนะคะ คงจะช่วยได้เยอะน่าดูเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… ตอนที่ฉันช็อตอะค่ะ”


    จีซูมองค้อนนิดนึงก่อนจะตอบกลับ  “ถึงฉันจะช็อตหรือไม่ช็อตก็ไม่สอนคุณขับรถอยู่ดีแหละ ไม่ต้องมากล่อมเลย”


    “ใจร้ายจัง คนอุตส่าห์มาดูแลอย่างดี…” คนถูกว่าแกล้งทำปากยื่น  “คุณนี่ใจแข็งจังเลยนะคะ”


    “ทำดีหวังผลนี่นา”


    “ก็ใช่น่ะสิคะ  ฉันเลยมาตื๊อคุณทุกวันเนี่ย...” จีเอพูดกลั้วหัวเราะ เธอลุกขึ้นจากเตียงของจีซูไปคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอเองขึ้นมา  นุนอีที่นอนอยู่บนเตียงรีบกระโดดตามไปพันแข้งพันขา เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะกลับแล้ว จีเอนั่งลงลูบหัวเจ้าแมวสีขาวเบา ๆ


    “แต่วันนี้คงไม่ใช่วันที่เหมาะที่จะมาตื๊อมามี้ของนุนอีแล้วล่ะ… คุณก็ทานยาแล้วพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ  ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า…”


    “กลับไงอะ”


    “ขับรถสิคะ”


    “นี่คุณยังกล้าขับรถไปไหนมาไหนอยู่อีกเหรอเนี่ย”  คนป่วยได้ยินคำตอบก็ชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่าง ฮุนไดสีแดงของแขกที่ไม่ได้เชิญจอดเอียงกะเท่เร่ ไม่พัฒนาฝีมืออยู่เช่นเดิม  “มันอันตรายมากนะ  คุณไปฝึกแล้วก็สอบใบขับขี่ให้ได้ก่อนเถอะ”


    “ก็ฉันจำเป็นต้องใช้รถนี่คะ หรือ… ถ้าคุณเป็นห่วงฉัน คุณก็มาสอนฉันสิ ดีไหมละคะ หื้ม…”


    หญิงสาวยักคิ้ว แล้วยิ้มตาหยีน่ารักจนจีซูต้องเบือนหน้าหนี ปฏิเสธกลบเกลื่อนอาการ  “ฉันเป็นห่วงว่าคนอื่นจะเดือดร้อนเพราะคุณต่างหาก  ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็หาคนอื่นมาขับให้แทน ไม่ก็นั่งแท็กซี่ไปเถอะ”


    “โอเค ๆ รับทราบค่ะ… งั้นฉันกลับก่อนนะคะ ไว้จะมาหาคุณกับนุนอีใหม่”


    “มาทำไมอีกกกกกกก”


    “ก็จะมาจนกว่าคุณจะรับสอนฉันนั่นแหละ… ไปก่อนนะคะ”



    จีเอโค้งให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเดินหันออกจากห้องนอนของอีกฝ่ายมา  

    นุนอีเดินตามด้วยคล้ายว่าจะมาทำหน้าที่ส่งแขกกลับบ้านให้เรียบร้อย  เธออดทึ่งไม่ได้ในความแสนรู้ของเจ้าแมวสีขาวราวกับหิมะเหมือนกับชื่อของมันตัวนี้


    นุนอีส่งเสียงเมี้ยวบอกลาเมื่อเธอเดินออกมาถึงหน้าบ้าน  เธอบอกลามันอีกครั้งก่อนจะเดินมาที่รถ ก้มหน้าก้มตาควานหากุญแจในกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเองที่รกอย่างแทบไม่น่าเชื่อ  “อยู่ไหนนะ…”


    “คุณ!”


    เสียงของคนป่วยที่เมื่อครู่นี้นอนซมอยู่บนเตียง ดังขึ้นอยู่ใกล้ ๆ เธอ  เมื่อเงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าก็เห็นว่าจีซูยืนพิงประตูรั้วบ้าน ยื่นกุญแจมีตุ๊กตามูมินห้อยอยู่ที่เธอเที่ยวควานหาในกระเป๋าตัวเองอยู่เป็นนาทีมาให้  


    “ว่าฉันขี้ลืมไม่ได้แล้วนะ”


    “ขอบคุณนะคะ...”


    “อืม ขอบคุณคุณด้วยเหมือนกันนะ”


    เสียงแข็ง ๆ ที่ขัดกับคำพูดอ่อนโยนที่ไม่ได้คิดว่าจะมาได้ยินนั้นทำเอาใจจีเอเต้นไม่ลงจังหวะ  จีเอยิ้มกว้างขณะที่ยื่นมือไปรับกุญแจจากมืออีกฝ่าย


              “เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นสอนขับรถดีไหมคะ”


    “ไม่อะ”


    “โธ่ ตอบไม่คิดเลยอะ”  


    คนตัวเล็กกว่ายู่ปากเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่สมหวังอีกครั้ง  เธอหัวเราะเบา ๆ และรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกเล็กน้อยที่เห็นว่าจีซูเองก็ยิ้มเล็ก ๆ เหมือนกัน


    “งั้นฉันไปแล้วนะคะ…”


    “อ้อ เดี๋ยวก่อน”


    จีเอกำลังจะยกมือขึ้นบอกลาเจ้าของบ้านและแมวตัวน้อยอีกครั้ง แต่จีซูก็ยื่นมืออีกข้างที่เอาไพล่หลังไว้ตลอดออกมา… โทรศัพท์มือถือของจีซูที่กดเข้าไว้ที่เมนูโทรออกถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ


    “เซฟเบอร์คุณไว้ให้หน่อยสิ  นุนอีดันเอาถุงใบนั้นไปฉีกเล่นซะสนุกเลย”


    โทรศัพท์เครื่องนั้นถูกยัดใส่มือของจีเอ  เธอกดเบอร์ของตัวเองลงไปด้วยนิ้วมือเล็ก ๆ ที่สั่นเทา

    จีเอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการกดโทรออกเบอร์ตัวเองจะทำให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ได้…


    -----


    Jiae: ทานยาแล้วรึยังคะ

    Jiae: ดีขึ้นบ้างไหม


    Js: กินแล้ว

    Js: โอเคแล้วล่ะ


    Jiae: พรุ่งนี้จะแวะไปหาตอนเย็น ๆ นะคะ

    Jiae: อยากทานอะไรไหม ^^


    Js: คุณนี่ไม่มีการมีงานต้องทำรึไง


    Jiae: ก็มีค่ะ

    Jiae: แต่เป็นห่วง

    Jiae: อยากเจอ

    Jiae: ต้องมีเหตุผลอื่นอีกไหมคะ

    Jiae: …

    Jiae: หลับแล้วแน่เลย

    Jiae: งั้นพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ

    Jiae: กู๊ดไนท์ค่ะ



    จีซูไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในช่องแชทนั้นมาชั่วโมงกว่า ๆ แล้ว จนจีเอคิดว่าเธอหลับไป  ซึ่งอันที่จริงแล้วเธอห่างไกลจากคำว่าง่วงอย่างสิ้นเชิงในเวลาตีหนึ่งกว่า และกำลังนอนกุมมือถือไว้ที่อกด้วยอาการใจสั่นแปลก ๆ


    หลังจากจีเอกลับไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ข้อความแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นแชทสุดฮิตก็เตือนขึ้นว่ามีผู้เพิ่มเธอเป็นเพื่อนจากเบอร์มือถือ และไม่รอให้จีซูต้องสงสัยนานว่าเป็นใคร  คน ๆ นั้นก็ส่งข้อความเข้ามาในแทบจะทันที


    แต่จีซูไม่ได้ตอบไปทันทีเหมือนเช่นอีกฝ่าย  เธอปล่อยเวลาทิ้งไปเป็นชั่วโมงกว่าจะตอบ  ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ได้อ่านข้อความอยู่ตอนนั้นนั่นแหละ



    ถ้าตอบเร็วมันเสียฟอร์มน่ะสิ!



    เพราะเธอกำลังรู้สึกว่าใจเธออ่อนยวบยาบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อ่านข้อความเป็นห่วงเป็นใย เหมือนกับว่าจู่ ๆ เธอก็มองว่ายัยนั่นก็น่ารักขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงเธอยังรู้สึกรำคาญที่ได้เห็นฮุนไดสีแดงจอดเอียงไม่เป็นท่าอยู่เลย


    จริง ๆ เธอก็ไม่ได้จะอวดตัวเองหรอกนะ ว่าก็มีคนเข้ามาชอบเธอหลายคนสมัยเรียนทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัย แต่ส่วนใหญ่เธอก็จะเป็นคนจีบก่อนเสียมากกว่า ไอ้เรื่องโดนรุกหนักจนเขินขนาดนี้ก็เพิ่งจะมีคนนี้นี่แหละ!


    จีซูยกมือถือขึ้นมา พิมพ์ ๆ ลบ ๆ อยู่หลายรอบ  เธอชั่งใจว่าจะตอบอะไรดี  จะตอบเลยดีไหม หรือจะตอบตอนเช้า เธอกดอ่านข้อความเค้าไปแล้ว มันคงขึ้นที่อีกฝั่งว่าเธออ่านแล้วแน่ ๆ  แล้วถ้าตอบจะตอบอะไรดี…


    “โอ๊ย อะไรของแกวะไอ้จีซู… กะอีแค่ ฝันดีเหมือนกัน ก็ตอบ ๆ ไปเหอะ”


    Js: คุณก็เหมือนกันนะ


    คนป่วยพ่นลมหายใจฟึดฟัดพึมพำว่าตัวเอง พิมพ์ตอบเสร็จก็คว่ำมือถือลงกับโต๊ะวางโคมไฟข้างเตียง  และกดปิดไฟข่มตาให้หลับ  ใช้วิชานับแกะที่พ่อแม่สอนกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเป็นยานอนหลับช่วยอีกแรง…


    หนึ่ง…

    สอง…

    สาม…

    สี่...



    ครืด ครืด~


    ความพยายามนับแกะล้มเหลวเมื่อเสียงสั่นของมือถือรบกวนสมาธิในการข่มตาหลับของจีซู  เธอพลิกตัวไปหยิบมือถือที่หน้าจอสว่างวาบ บนหน้าจอขึ้นแจ้งเตือนข้อความใหม่จากคนที่เธอคิดว่านอนไปแล้ว


    Jiae: ยังไม่นอนอีกเหรอคะ พักผ่อนได้แล้วค่ะ

    Jiae: ฉันหลับจนฝันถึงคุณไปรอบนึงแล้วเนี่ย

    Jiae: พรุ่งนี้เจอกันนะคะ ^^


    จีซูอ่านเสร็จก็ลดมือถือกุมไว้ที่หน้าอกเช่นเดิม


    เธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าจีเอทำอาชีพอะไร และว่างมากแค่ไหนถึงหาเรื่องมาเจอเธอได้ทุกวัน  


    แต่หยอดเก่งซะขนาดนี้ จีเอน่าจะไปขายทาโกะยากิ หรือไม่ก็ขนมครกได้รุ่งแน่ ๆ


    หมดกันฉัน หวั่นไหวไปหมดแล้ว ไอ้จีซูเอ๊ย…


    ---to be continued---


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×