คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Fishing (Yein & Jin)
Fishing
Pairing: Yein & Jin
----
‘ความหวัง’ เป็นสิ่งที่ควรจะมี
แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะที่จะ ‘ให้’
“เยอิน… ทำไมแกชอบตกปลาอะ”
มยองอึนก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมเยอินถึงชอบการตกปลา…
“ฉันก็ไม่รู้ว่ะพี่…”
“เอ๊า…”
เพราะขนาดเจ้าตัวเอง มันก็ยังไม่รู้เลย!
“มันก็มีเหตุผลหลายอย่างนะ…”
เยอินเคยบอกว่า เธอชอบความรู้สึกของการที่ได้เดินลัดเลาะไปในที่ต่าง ๆ เพื่อค้นหาแหล่งน้ำเหมาะ ๆ ที่เธอจะได้ถือคันเบ็ดและนั่งรออะไรบางอย่างแบบมีจุดหมาย แต่มาคิดอีกที แค่เหตุผลง่ายๆ อย่างการที่ เธอชอบเวลาปลากินเหยื่อ ก็มีส่วนทำให้เธอชอบตกปลาเหมือนกัน
เยอินอาจไม่แน่ใจถึงเหตุผลที่เธอชอบการตกปลา แต่สิ่งหนึ่งที่มยองอึนรู้แน่นอนก็คือ ตัวเธอเองเกลียดการตกปลาและการทำกิจกรรมกลางแจ้งมากที่สุด!
เธอบ่นทุกครั้งที่ถูกลากมานั่งเป็นเพื่อนด้วยเวลาออกไปตกปลาด้วยกัน แต่เยอินก็ยังจะทู่ซี้ชวนเธอมาได้ทุกครั้งไป…
“แกไม่เบื่อบ้างเหรอ...” มยองอึนบ่นหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางหยิบมันฝรั่งทอดขึ้นมากินด้วย “นั่งรอทั้งวัน ร้อนก็ร้อน แล้วบางวันก็ไม่เห็นจะได้อะไรด้วยซ้ำ แกก็ไม่ได้อะไร ฉันก็ไม่ได้อะไร ยังจะบังคับมาอีก”
“ได้ดิพี่” คนเด็กกว่าตอบยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี มือข้างหนึ่งปล่อยจากคันเบ็ดมาจัดผมยาวสีน้ำตาลของตัวเองที่กำลังปลิว
“ได้อะไร นี่ตั้งแต่บ่ายโมง ฉันยังไม่เห็นแกตกปลาอะไรได้ซักกะตัวนึง”
“ได้อยู่กับพี่ไง”
“ตลกละ เก็บมุกไว้หยอดแฟนคลับที่โรงเรียนเหอะ”
เยอินเป็นคนพูดเก่ง ปากหวาน อย่างนี้มาตั้งแต่วันแรกที่มยองอึนได้รู้จักแล้ว และเป็นเด็กที่หน้าตาก็ยังจัดว่าดีมากคนหนึ่งของโรงเรียน หุ่นสูง บวกกับความมีเสน่ห์เวลาเล่นดนตรี ทำให้หลาย ๆ คนในโรงเรียนเลยกรี๊ดให้มือคีย์บอร์ดวงดนตรีของเธอมากที่สุดเวลามีการแสดงที่โรงเรียน ทั้ง ๆ ที่ตามปกติแล้วนักร้องนำอย่างเธอน่าจะมีคนชอบเยอะแท้ ๆ
หน้าตู้ล็อคเกอร์ของเยอินจะเต็มไปด้วยขนมกับจดหมายแทบทุกวัน และบางครั้งก็ลามมาถึงตู้ของเธอด้วย แต่นั่นก็เป็นเพราะตู้ของเยอินล้นเกินจนต้องมาฝากไว้กับเธอและสมาชิกวงคนอื่น
แล้วด้วยความเป็นมิตร หน้าตาที่ยิ้มแย้มทักทายคนอื่นอยู่เสมอ และการเป็นคนคุยเก่งนี่เอง ทำให้หลาย ๆ คนยิ่งชอบเยอินกันมากขึ้นไปอีก เมื่อเจอเยอินในห้องเรียนหรือที่อื่นนอกเหนือจากบนเวที
หลายคนเคยทึกทักเอาเองไปว่าเยอินสนใจพวกเธอจนมีเรื่องมีราวตบตีกันเองด้วยซ้ำ แต่จริง ๆ แล้วมือคีย์บอร์ดไม่เคยคิดอะไรกับคนพวกนั้นไปมากกว่าเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือคนรู้จักเลย
เธอเลยได้ฉายาที่คนในวงตั้งให้ว่า โฮปแมชชีน เพราะเป็นคนชอบให้ความหวัง โปรยเสน่ห์ไปทั่ว
และเพราะทุก ๆ อย่างของเยอินนี่แหละที่เลยทำให้
มยองอึนต้องพยายามไม่เข้าข้างตัวเองอยู่
เพราะเธอเองก็คงเป็นอีกคนหนึ่งที่จะลงไปร่วมกรี๊ดเยอินกับผู้ชมคนอื่นแน่ ๆ ถ้าเธอไม่ได้เป็นนักร้องของวงนี้
แล้วที่เธอมากับเยอินเกือบทุกวันเสาร์ ทั้ง ๆ ที่เธอเกลียดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็คงเป็นเพราะเธอก็ชอบเยอินมากพอ ๆ กับที่ เยอินชอบการตกปลานั่นแหละ
แต่มยองอึนจะไม่มีทางให้เด็กคนนั้นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
เพราะเยอินมี คนคนนั้น ที่คงชอบมากพอ ๆ กับการตกปลาอยู่แล้ว
“ใกล้จะกลับยัง ฉันจะได้ไปเดินเล่นแถว ๆ นี้หน่อย ถ้ายังอีกนาน”
“กลับเลยก็ได้พี่มยองอึน วันนี้คงไม่มีดวงได้เจอ...”
เยอินกรอสายเบ็ดกลับ เตรียมหยิบกล่องอุปกรณ์มาไว้ข้างตัว ดึงเหยื่อล่อออก และพับคันเบ็ดเก็บลงกระบอกเรียบร้อย ทั้งสองคนพากันเดินออกมาจากริมลำธารที่นั่งตกปลากันมาตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว
มยองอึนถามด้วยความสงสัย เธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการตกปลามากนัก ไม่เหมือนอีกคนที่ชอบตกปลามาตั้งแต่เด็ก ๆ และดูเหมือนจะเชี่ยวชาญมากกว่าการเล่นดนตรีด้วยซ้ำไป
“เจออะไรอะ”
“ปลาแบสปากใหญ่…”
“นี่มาตกปลาแบบเลือกไว้ว่าจะตกตัวนี้โดยเฉพาะเลยเหรอ ฉันนึกว่าตกไปเรื่อย ๆ ได้ตัวไหนก็เอาซะอีก”
“ใช่ เห็นเค้าแนะนำกันว่าที่นี่มี ฉันก็เลยมาตามรีวิว...”
“แล้วถ้าสมมติ ตกได้ปลาที่หายากอย่างนี้จะเอาไปทำอะไร เอาไปกินงี้เหรอ”
“สำหรับฉันก็ ไม่นะ ก็คงถ่ายรูป แล้วก็ปล่อยแหละ”
“เอ้า แล้วจะมาตกไปทำไมละ”
“ก็แค่อยากตกปลา ไม่ได้อยากกินปลาซักหน่อย ทำไมจะต้องตกเพื่อเอาไปกินด้วยละ”
เยอินยักไหล่ เธอไม่ได้ตอบกวนอย่างที่มยองอึนคงคิดอยู่ แต่เธอแค่ชอบการได้มาตกปลาจริง ๆ เรื่องกินไม่ได้เป็นเรื่องหลักสำหรับเธอ ถ้าอยากกิน ไปซื้อที่ตลาดคงง่ายกว่า แต่มยองอึนก็คงยังไม่หายสงสัย
“แล้วอย่างงี้ ถ้าแกตั้งใจมาตกปลาตัวนึง แต่ว่าตกได้ตัวอื่นแทนอะ จะทำยังไง ก็ปล่อยเหรอ?”
“ก็ปล่อยสิ ถามแปลก ๆ แฮะพี่เนี่ย”
“แต่เรานั่งทั้งวันเพื่อตกมันมาเนี่ยนะ?”
“พี่มยองอึน บางตัวเราก็ต้องปล่อยมันไป อย่างปลาแบบมีไข่เต็มท้องอย่างนี้อะ ถ้าเราเอามา ลูกปลาอีกหลายตัวต้องตายเลยนะ”
เยอินอธิบายให้คนขี้สงสัยเข้าใจ ไม่แปลกที่คนอื่นจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับการตกปลาแล้วก็ปล่อยกลับสู่แหล่งน้ำ เพราะบางทีก็เป็นธรรมเนียมที่จะรู้กันเฉพาะคนตกปลาเท่านั้น และบางคนก็ไม่รู้ว่าการตกปลาก็เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง มีกติกาในการเล่นเช่นเดียวกับกีฬาประเภทอื่น ๆ บ่อยครั้งก็ตกแค่เผื่อเก็บสถิติ นับคะแนนเท่านั้น แล้วก็ปล่อยกลับสู่บ่อน้ำหรือลำธารไป ดังนั้น การตกปลาก็ไม่ได้เป็นแค่การหาอาหารอย่างเดียวอย่างที่หลายคนเคยเข้าใจ
“แต่มันก็เจ็บปากไปแล้วอยู่ดีนะ”
“มันเจ็บปากเดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวมันก็ไปหาปลาหมอให้รักษาให้ไง”
“ตลกไหมเนี่ย”
“ไม่ตลกก็ได้ พี่อะ…
มันเจ็บปากแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย แต่ถ้าเราเอามา ก็เท่ากับเราฆ่ามันไปเลยนะ ไม่เจ็บกว่าเหรอ”
มยองอึนพยักหน้าเข้าใจ แต่สีหน้าของรุ่นพี่ เยอินพอมองออกว่ายังคงครุ่นคิดอะไรในใจอยู่ เลยไม่ได้สนใจว่าเชือกรองเท้าผ้าใบของตัวเองหลุดเปื้อนดินจนเจ้าตัวจะเหยียบอยู่แล้ว
“เหม่ออะไรอยู่เนี่ย… เชือกรองเท้าหลุดแล้ว”
“เฮ้ย! ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำเอง”
“ไม่เป็นไร”
เยอินเดินมาดักข้างหน้าและนั่งลงดึงเชือกรองเท้าของรุ่นพี่ผูกให้แน่น
ฉากนี้เหมือนกับภาพในซีรีส์ที่ยูชีจินทำให้หมอคังซ้อนทับขึ้นมาไม่มีผิด เพียงแค่คนที่กำลังนั่งอยู่ไม่ได้ใส่ชุดทหาร แต่เป็นเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนขาสั้นธรรมดา และข้างตัวเธอไม่ได้มีกระเป๋าสำหรับหมอแต่เป็นกล่องเก็บเหยื่อตกปลาของเยอิน
มยองอึนก้มมองเยอินที่กำลังตั้งใจผูกเชือกรองเท้าให้เธอด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นแบบแปลก ๆ
ทั้งที่เธอก็รู้ดีว่าไม่ควรรู้สึกแบบนี้ แต่มยองอึนก็แอบโทษรุ่นน้องที่เป็นคนดีแบบไม่รู้กาลเทศะ
มาทำในสิ่งที่คนเป็นพี่น้องไม่ควรทำให้กันได้ยังไง
เพราะถ้าแกคิดกับฉันเหมือนเป็นคนรักกันละก็ ฉันจะไม่ว่าอะไรเลย จองเยอิน…
รุ่นน้องผูกให้จนเสร็จ หยิบกล่องอุปกรณ์ที่วางทิ้งไว้เพื่อผูกเชือกรองเท้าให้อีกคนขึ้นมาแล้วเดินไปด้วยกันต่อ
“เมื่อกี๊คิดอะไรอยู่”
“เปล่า…” มยองอึนปฏิเสธไปก่อนเพราะขี้เกียจไปย้อนนึกว่าคิดอะไรไปแล้ว แต่เยอินทำหน้าตาคาดคั้นอยากรู้ เธอก็ต้องคิดขึ้นมาพูดต่อ “อืม… ไม่มีอะไร ก็แค่คิดว่า แกนี่หางานอดิเรกได้เหมาะกับตัวเองดีเนอะ”
“เหมาะยังไงอะ”
“ไม่รู้สิ ฉันคิดเอาเองนะ… วิธีตกปลาแบบที่แกทำ มันก็เหมือนการให้ความหวังแบบที่แกชอบทำอะ
แกเอาเหยื่อไปล่อให้ปลาทุกตัวสนใจ ทั้ง ๆ ที่จริงแกสนใจอยู่แค่ตัวเดียว ทีนี้พอมีตัวอื่นมาติดกับแก แกก็ปล่อยมันทิ้งไป ให้มันกลับไปเจ็บแล้วก็หายเอง”
เยอินมองหน้าคนที่กำลังพูดด้วยสีหน้าแบบทึ่ง ๆ “พี่นี่ก็คิดมากเหมือนกันเนอะ…เข้าใจเปรียบเทียบจัง”
“เฮ้อ ช่างเหอะ ฉันก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
ถนนเส้นทางกลับบ้านของเธอนั้นยังอีกยาวไกล เยอินยืนยันว่าจะไปส่งเธอให้ถึงที่บ้านให้ได้ แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอกลับรถเมล์ได้ก็ตาม มยองอึนนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันเล็กของเยอิน มือกำชายเสื้อยืดของคนขี่ไว้แน่น จนมาถึงหน้าบ้านของเธอเอง
เยอินโบกมือลาพลางนัดแนะให้เธอไปเจอกันที่บ้านพรุ่งนี้เพื่อซ้อมดนตรีก่อนถึงวันแสดงจริง แล้วยังอาสาจะมารับอีกต่างหาก แต่เธอก็ต้องปฏิเสธความหวังดี ที่ดีเกินไปจนทำให้ใจหวั่นไหวนั้นไป
อีกฝ่ายกลับไปแล้ว
แต่มยองอึนยังคงยืนเหม่ออยู่หน้าบ้าน เธอก้มมองเชือกรองเท้าที่เยอินเพิ่งผูกไว้ให้จนแน่นหนาและดูท่าทางว่าคงจะไม่หลุดออกมาอีกนอกจากเธอจะแกะมัน
ปลาธรรมดาอย่างเธอหลงรักเหยื่อล่อสวย ๆ ของเยอินเข้าให้แล้ว...
-----
ปลาแบสที่เยอินไล่ตามหาอยู่ ก็คงจะเปรียบได้กับคนสวยผมบลอนด์ที่มานั่งเล่นกับเยอินอยู่ในห้องซ้อมดนตรีที่บ้านของเยอินคนนี้ละมั้ง…
ยูจีเอ มัธยมปลายปีสุดท้าย พิธีกรประจำโรงเรียน สวย พูดเก่ง น่ารัก ดูดี อะไร ๆ ก็ดีไปหมด ตรงข้ามทุกอย่างกับพัคมยองอึน คนที่ได้แต่แอบมองอย่างเธอ
ถ้าอยู่กันสามคน มยองอึนคงทนอยู่ดูภาพสองคนนั้นนั่งคุยหยอกล้อกันไม่ได้แน่ ยังดีที่มีพี่จีซู มือเบสของวง อยู่ในห้องนี้กับเธอด้วย ถึงจะเป็นคนพูดน้อยหน้านิ่งติดเย็นชาก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดดูภาพบาดตาบาดใจอยู่คนเดียว
เธอก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นเค้าคุยอะไรกันบ้าง ก็เค้ากระซิบกระซาบกันใกล้ซะขนาดนั้น แต่คงจะมีความสุขกันมากทีเดียวเลยละ ไม่งั้นก็คงไม่หัวเราะเสียงดังจนพี่จีซูต้องปรายตามองแบบดุ ๆ ให้เงียบหรอก
“พี่จีซู… เมื่อไหร่พี่มิจูกับซูจองจะมาอะ”
“มิจูมันก็สายประจำอยู่แล้วนี่ แต่ก็คงใกล้ถึงแล้วละ”
ทุกคนนนน ช่วยรีบมาซ้อมกันซักที ฉันทนไม่ไหวแล้วโว้ย
.
.
.
“ฮาย! ทุกคนนน คนสวยมาแล้วค่าาา อ้าว จีเอ หวัดดี นี่วันนี้ฉันไม่สายด้วยนา~ มาพร้อมซูจองเลย”
เหมือนสวรรค์ได้ยินคำขอร้องของมยองอึน อีมิจู ที่เป็นมือกลอง เปิดประตูห้องซ้อมเข้ามา และร้องทักทุกคนในห้องด้วยน้ำเสียงร่าเริง จากนั้น รยูซูจอง เพื่อนรุ่นเดียวกับเยอิน ที่เป็นมือกีตาร์ก็เดินตามหลังเข้ามาเป็นอันครบองค์ประชุม มยองอึนแอบโล่งใจที่เยอินแยกตัวออกมาจากรุ่นพี่คนสวยที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ซักที
มิจูเข้าไปเกาะแขนเพื่อพลางทำเสียงอ้อนใส่ (ซึ่งดูกวนมากกว่าจะน่ารัก) จีซูที่กำลังเซ็ทอุปกรณ์ผลักหัวเพื่อนไปห่าง ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา พอเพื่อนไม่เล่นด้วย มือกลองก็เลยเดินหน้ามุ่ยไปนั่งประจำที่ของตัวเอง“สายไปห้านาที…”
“โห จีซูเพื่อนรัก ห้านาทีก็ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีเนอะ ไม่โมโหนะเพื่อนนะ นะคะ ๆ ๆ ๆ”
“ทุกคน…” เยอินพูดขึ้นขณะที่สมาชิกในวงเตรียมเข้าตำแหน่งของตัวเองเพื่อเริ่มซ้อม “วันนี้พี่จีเอจะมาขอดูเราซ้อมด้วย จะได้รู้ว่าคิวในการแสดงของพวกเราในวันงานโรงเรียนว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง งั้นเราก็...ซ้อมกันเหมือนจริงเลยเนอะ”
“โอเค!”
“เอ้อ อีกเรื่องนึง…
พี่จีเอเค้าอยากทำโชว์เซอร์ไพรส์เพลงนึงตอนวงเราเล่นเพลงสุดท้ายจบอะ
ก็เลยจะให้ฉันเป็นคนเล่นเปียโนให้ เพราะงั้น ฉันกับพี่จีเอจะซ้อมกันต่อ คนอื่นก็กลับกันก่อนเลยนะถ้าซ้อมวงเสร็จแล้ว”
มยองอึนไม่ชอบใจเลยที่เห็นเยอินกับรุ่นพี่ผมบลอนด์ลอบมองแล้วส่งยิ้มให้กันเหมือนโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน
แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบไมโครโฟนมาเคาะแล้วเคาะอีก ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้มีอะไรเสีย
ความคับข้องที่ติดค้างอยู่ในใจของมยองอึนตอนนี้ก็คือ ทำไมจะต้องให้เยอินเล่นให้คนเดียวด้วย ทำไมไม่ให้ซูจองเล่นกีตาร์อะคูสติกเพราะ ๆ ให้ ทำไมต้องไล่คนอื่นกลับก่อน ทำไมจะต้องอยู่ด้วยกันสองคน
คำว่า ทำไม… เธอก็ไม่สามารถถามออกไปได้
ไม่รู้เหมือนกันว่า ไม่กล้าถาม หรือไม่กล้าที่จะได้ยินคำตอบกันแน่...
ยังดีที่ซูจอง รุ่นน้องร่วมวงที่นั่งเงียบอยู่นานก็สงสัยเหมือนกัน“แล้วทำไมแกต้องไล่พวกฉันกลับ แล้วแอบ ๆ ซ้อมกันกับพี่จีเอสองคนด้วยอะ...”
เยอินมองหน้าจีเอด้วยรอยยิ้มที่รู้กันสองคนอีกครั้ง
แต่คราวนี้จีเอเป็นคนตอบขึ้นเอง “ถ้าจะเซอร์ไพรส์ มันก็ต้องเป็นความลับสิซูจอง”
“ต้องเป็นความลับกับพวกฉันด้วยเหรอ” มิจูชี้ไม้กลองเข้าหาตัวเอง พอจีเอพยักหน้า ก็ทำหน้าตางอแงเหมือนเด็กโดนขัดใจ “ทำไมพวกฉันรู้ไม่ได้อ่า ฉันก็อยู่วงเดียวกับเยอินนะ จีเอยา~”
“ยิ่งถ้าเป็นเธอ ฉันยิ่งต้องเก็บความลับให้มิดเลยแหละ ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่า อีมิจูรู้ โลกรู้”
“โธ่ ใครมันตั้งฉายาแย่ ๆ แบบนั้นให้ฉันเนี่ย”
“... จะซ้อมกันได้รึยัง”
เสียงเย็นชายะเยือกที่อาจถึงขั้นแช่แข็งใครซักคนได้ ดังขึ้นมาจากจีซูที่ยืนถือเบสรอจนเมื่อย ทุกคนถึงกับเงียบกริบแล้วหันกลับไปจับเครื่องดนตรีของตัวเองด้วยสีหน้าหวั่น ๆ กับอาการเสียวสันหลังวาบ
คุณหัวหน้าวงนี่น่ากลัวจริง ๆ …
ทุกคนเลยเริ่มต้นซ้อมตั้งแต่ตอนนั้น โดยมีจีเอนั่งเป็นผู้ชมอยู่ด้วย มยองอึนรู้ตัวว่าตัวเองกำลังรู้สึกประหม่า ที่จริง เธอไม่เคยมีปัญหากับการแสดงต่อหน้าคนมาก ๆ แต่เรื่องกวนใจวันนี้ทำให้เธอไม่ค่อยมีสมาธิ ลืมเนื้อร้อง ขึ้นเสียงสูงไม่ถึง พูดเกริ่นนำเชื่อมระหว่างเพลงได้ไม่ดี จนต้องซ้อมกันใหม่อยู่หลายรอบ กว่าจะเป็นที่พอใจก็ปาเข้าไปมืดค่ำแล้ว
อาการเหน็ดเหนื่อยบวกกับเวลาที่ซ้อมเลิกดึกมากกว่าที่คิด แล้วพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันจริงที่ต้องแสดงแล้วด้วย ทำให้ทุกคนเลิกบ่นเรื่องที่จะไม่ได้ดูเยอินซ้อมกับจีเอ และเตรียมเก็บของกลับบ้าน
คนอื่น ๆ ร่ำลากัน และออกไปจากห้องกันหมดแล้ว เหลือแต่มยองอึนที่ยังอ้อยอิ่ง เก็บของช้า ๆ เพราะไม่อยากให้สองคนที่เหลือได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมากนัก
แอบรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหวงก้าง แต่คู่นี้มันก็น่าหมั่นไส้จริง ๆ นี่
บ้านมยองอึนอยู่ไกลจากคนอื่น ๆ พอสมควร
มิจู กับซูจองบ้านอยู่ทางเดียวกันก็เลยกลับด้วยกันไปแล้ว ส่วนจีซูอยู่บ้านข้าง ๆ เยอิน เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง ก็มีแต่เธอนี่แหละที่อยู่แยกคนละทาง
เธอก็ได้แต่หวังว่ารถเมล์จะยังไม่หมดละนะ...
เมื่อถ่วงเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว มยองอึนก็เลยจำใจหยิบกระเป๋าออกจากห้องซ้อมมา โดยไม่ได้บอกลาอีกสองคนที่เหลืออีกรอบ แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงหน้าประตูบ้าน เจ้าของบ้านก็วิ่งตามมาเรียกเธอไว้
“พี่มยองอึน!”
คนผมสั้นหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นเยอินถือกุญแจรถวิ่งตามเธอมา พลางชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่
“ให้ฉันไปส่งนะ…”
“อ้าว ไม่ซ้อมกับพี่จีเอแล้วเหรอ”
“เดี๋ยวค่อยกลับมาซ้อมก็ได้ วันนี้พี่จีเอมาค้างกับฉันอยู่แล้ว…”
ถึงขั้นเตรียมเสื้อผ้ามาค้างด้วยกันเลยเรอะ!
มยองอึนได้แต่กำมือแน่น กล้ำกลืนความรู้สึกคับข้องใจอีกระลอกให้หายไป
เธอก็ไม่รู้แน่ชัดนักว่าสองคนนี้ไปถึงขั้นไหนกันแล้ว เพราะไม่มีใครเคยบอก แต่ถึงขั้นที่จะมานอนบ้านเดียวกันด้วยแล้ว เธอก็คิดว่าเธอคงหวังหรือเข้าข้างตัวเองกับเรื่องของเยอินไม่ได้อีกต่อไป
เลิกคิดซักทีมยองอึน!
“ไม่ต้องหรอก น่าจะยังมีรถเมล์อยู่”
“แต่มันดึกแล้วนะ ให้ฉันไปส่งเถอะ”
เยอินพยายามทำหน้าขอร้องให้รุ่นพี่เปลี่ยนใจ แล้ววิ่งกลับหลังไปคว้ามอเตอร์ไซค์ของตัวเองจูงมาถึงที่
มยองอึนยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เธอไม่เข้าใจเยอินเลย…
ไม่เข้าใจว่าเยอินจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
จะมาทำดีกับเธอด้วยเหตุผลอะไรอีก ทั้ง ๆ ที่ก็มีคนที่สำคัญมากมายกว่านั้นนั่งรออยู่แล้ว
มันเพราะว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกันอย่างนั้นเหรอ
หรือเพราะว่าแกเป็นคนดีเกินไป จองเยอิน
“ฉันไปเองได้จริง ๆ ฉันนั่งรถเมล์สายนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เป็นไรหรอก แกกลับไปซ้อมเถอะ ยังไม่ได้ซ้อมกันเลยนี่ พรุ่งนี้จะแสดงจริงอยู่แล้ว”
“พี่ไปได้แน่นะ…” เยอินวางหมวกกันน็อคที่หยิบมาด้วยสองใบลงกับตะกร้าหน้ารถ เดินตรงไปคว้ามือของคนผมสั้นมากุมไว้แน่น “แน่ใจนะ”
“เออ บอกว่าได้ก็ได้ดิ ทำเหมือนฉันเป็นเด็ก ๆ ไปได้”
เยอินยังคงมีท่าทางลังเล แต่มยองอึนก็พยักหน้าให้ความมั่นใจกับเจ้าของบ้านอีกครั้ง ค่อย ๆ คลายมือออกจากมือของอีกคนที่กุมอยู่
“ฉันกลับได้จริงๆ ไม่ต้องห่วง”
“งั้นถ้าพี่ถึงบ้านแล้วโทรบอกฉันด้วยนะ”
“อือ ไปแล้วนะ…”
“อย่าลืมโทรมานะพี่!”
คนผมสั้นโบกมือให้รุ่นน้องก่อนจะเลื่อนบานประตูเหล็กเปิด แต่เยอินก็ยังไม่วายตะโกนไล่หลังรุ่นพี่มาด้วยสีหน้าเป็นห่วง ที่มยองอึนต้องรีบปิดประตูหลบให้พ้นจะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้านั้น เพราะกลัวว่าใจจะแอบคิดเข้าข้างตัวเองต่อไปอีก…
เพราะนี่มันก็เหมือนกับการที่เยอินหย่อนเหยื่อล่อแสนสวยลงมาในน้ำ คือการคอยเป็นห่วงและทำดีด้วย หลอกล่อให้ปลาธรรมดา ๆ อย่างเธออยากได้สิ่งนั้น ความสวยงามของมัน ทำให้เธออดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้ อยากจะคว้ามันมาไว้กับตัวเอง อยากจะงับเหยื่อนั้นซะ
แต่เธอก็รู้อยู่แล้วว่ามันอันตราย สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเธอ แต่มีไว้สำหรับคนคนนึงที่มีค่ากว่านั้น และมันจะทำให้ปลาธรรมดา ๆ อย่างเธอเจ็บอย่างแสนสาหัส โดยที่เธอจะไม่ได้อะไรกลับมา นอกจากแผลเหวอะหวะที่ต้องมารักษาด้วยตัวเอง
ความหวังดีนั้น อย่ารับมันมาเลยมยองอึนอา... มันไม่ใช่ของของเธอ มันไม่ได้ทำมาเพื่อเธอ
มันไม่มีวันเป็นของเธอ...
----
ใกล้เวลาเริ่มแสดงของวงสุดท้ายที่เป็นวงที่ทุกคนรอคอย เหล่านักเรียนก็ทะยอยเข้ามาในหอประชุมที่ใช้แสดงจนแน่นขนัด
เสียงพิธีกรคนสวยคุยเล่นกับคนดูได้ยินดังมาถึงด้านหลังเวทีที่เหล่าสมาชิกวงนั่งหน้าตาคร่ำเครียดกันอยู่
แม้แต่มิจูคนขี้เล่นก็ยังนั่งเคาะไม้กลองด้วยสีหน้าแอบเครียดไปด้วย
เมื่อได้ยินเสียงจีเอเรียกให้วงสุดท้ายขึ้นไปเซ็ทเครื่องดนตรีเตรียมแสดง จีซูก็เรียกสมาชิกทุกคนมาล้อมวงเพื่อรวบรวมความมั่นใจก่อนขึ้นเวที
“ไม่ได้จะบอกให้กดดันนะ แต่ว่านี่เป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของฉันกับมิจูที่โรงเรียนนี้ ขอให้ทุกคนทำให้เต็มที่ละ เข้าใจไหม”
“ไม่กดดันซักนิดเลยพี่จีซู…” เยอินที่ตอนนี้หน้าซีดไม่แพ้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่โพล่งขึ้นทันทีที่หัวหน้าวงพูดจบ เสียงคนดูที่ดังกระหึ่มอยู่ด้านนอกทำเอาเธอตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ “ทำยังไงก็ไม่ชินกับคนเยอะ ๆ ซักที ให้ตายเถอะ”
“ข้างนอกนั่นแฟนคลับแกทั้งนั้น แกจะทำอะไร โก๊ะกังแค่ไหนคนก็กรี๊ดอยู่แล้วแหละ…” มยองอึนยื่นแขนไปโอบไหล่รุ่นน้องตัวโตเพื่อให้กำลังใจ และหนึ่งในคนที่จะกรี๊ดให้เยอินก็มีเธออยู่ด้วยนี่แหละ
“เออ… ฉันก็ไม่ได้จะกดดันเหมือนกันนะ” มิจูชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่ไปยังวงอื่นที่นั่งพักอยู่หลังเวทีเหมือนกัน “แต่เมื่อกี๊ฉันไปคุยกับจินเย วง De Boum มา มันบอกว่ามีอาจารย์จากมหาลัยดนตรีมาดูด้วย ถ้าใครเล่นดีก็อาจจะถูกทาบทามให้ไปเรียนต่อ หรืออาจจะมีให้ทุนด้วยนะ”
“โคตรจะไม่กดดันเข้าไปใหญ่เลยพี่มิจู” ซูจองเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมตามไรผม พูดแกมประชดขึ้นมาบ้าง ทุกคนตื่นเต้นจนแม้แต่การกลืนน้ำลายก็ยังยากลำบาก ตอนนี้การออกไปหน้าเวทีดูจะน่ากลัวพอ ๆ กับการไปออกรบเสียแล้ว
“เอาน่า… สู้ ๆ นะทุกคน ทำให้เต็มที่ ทำให้เหมือนที่ซ้อมมา ยกเว้นมยองอึน ทำให้ดีกว่าที่ซ้อมมาล่ะ ฉันรู้ว่าเธอปล่อยของวันจริงอยู่แล้ว...”
นักร้องนำที่ตอนแรกก็ดูจะเครียดน้อยที่สุดก็กลับเครียดขึ้นมาบ้าง เมื่อหัวหน้าวงอย่างจีซูฝากฝังความหวังไว้ที่เธอ
“จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยแล้วกัน”
“ดีเลย… รวมมือกันหน่อย”
มือของสมาชิกวงวางทับซ้อนกันเป็นหนึ่ง มยองอึนรู้สึกได้ถึงมือเย็นเฉียบของมือคีย์บอร์ดที่วางทับลงบนหลังมือของเธอ เธอไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากพยักหน้าให้กำลังใจเสริมอีกแรง
“L to the Z! ไฟท์ติ้ง!!”
----
เหล่าคนดูส่งเสียร์เชียร์กันดังสนั่นเมื่อพวกเธอเล่นเพลงร็อคเร็วซึ่งเป็นเพลงรองสุดท้ายจบ มยองอึนเดินไปหยิบขวดน้ำที่หน้าเวทีมาจิบพลาง ๆ ระหว่างที่รอสมาชิกวงเซ็ทเครื่องดนตรีกันใหม่เล็กน้อย เพื่อจะเล่นเพลงสุดท้าย…
เพลงที่เธอกลัวที่จะร้องมากที่สุด เพราะความหมายของมันช่างจี้ใจดำเธอเสียเหลือเกิน
แต่สมาชิกวงผู้ไม่รู้เรื่องราวอะไรในใจของเธอก็ยืนกรานว่าจะต้องร้องเพลงนี้ให้ได้ เนื่องจากน้ำเสียงใสปนเศร้าของเธอเข้ากับเพลงนี้ได้อย่างลงตัว
“เอาละค่ะ… เพลงนี้ก็จะเป็นเพลงสุดท้ายของพวกเราแล้ว ไหน ๆ ก็กระโดดกันมาตลอดหลายเพลง เราก็จะขอปิดท้ายด้วยเพลงช้าๆ เบาๆ แล้วกันนะคะ…”
ปกติแล้วมยองอึนชวนคุยไม่เก่งนัก จึงเป็นนักร้องนำที่ไม่ค่อยป๊อบในหมู่คนดู แต่วันนี้นักร้องนำของวงชวนคนดูคุยต่อได้ไหลลื่น ไม่ติดขัดเหมือนตอนซ้อมที่ล่มกลางคันอยู่หลายครั้ง
อาจเป็นเพราะเพลงที่กำลังจะร้องนั้นตรงกับชีวิตของเธอจนไม่จำเป็นต้องจำบทพูดเกริ่นนำเพลงเหมือนที่เคยทำมาตลอด
“มีใครในนี้เคยไม่สมหวังในความรักกันบ้างไหมคะ…” คนดูส่งเสียงฮือฮา และค่อย ๆ ยกมือกันเกือบทั้งหอประชุม
“ใคร ๆ ก็เคยกันทั้งนั้นละค่ะ แต่กว่าจะไปถึงขั้นตอนอกหัก ก่อนหน้านั้น ตัวเราเองก็มักจะประเมินสถานการณ์ได้อยู่แล้วใช่ไหมละคะ ว่าเรามีความหวังแค่ไหน เช่น เค้าอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว เค้าไม่ชอบคนแบบเรา หรือเค้าไม่เคยรู้จักหรือเห็นเราอยู่ในสายตาเลย...”
มยองอึนทอดสายตามองมือคีย์บอร์ดที่กำลังหลับตาตั้งสมาธิเตรียมเล่นเพลงสุดท้าย…
“แต่มันจะมีคนอีกประเภทที่รู้ว่าเราคิดอะไรแล้วชอบ ‘ให้ความหวัง’ ค่ะ หลาย ๆ คนคงเคยเจอคนที่ชอบมาให้ความหวัง ทำให้เราประเมินสถานการณ์ผิดพลาดไป เผลอคิดเข้าข้างตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ที่จริงก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากเท่าเรา แล้วสุดท้ายเค้าก็จากไป ทิ้งเอาไว้แค่ ‘ความหวัง’ ให้เราเก็บเอาไว้...”
“เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต่อว่าเค้าอยู่ในใจว่า ‘เธอไม่น่าทำอย่างนั้นเลย...’”
“เอาล่ะ ถ้างั้น มาฟังกันเลยดีกว่าค่ะ กับเพลง Shouldn’t have…”
เสียงเปียโนจากเยอิน ตามด้วยกีตาร์อะคูสติกประสานจากซูจองบรรเลงขึ้นเป็นท่อนเริ่ม มยองอึนขยับไมโครโฟนเข้ามาใกล้ หลับตานึกถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในใจลึก ๆ ของเธอให้ถ่ายทอดออกมาผ่านเสียงร้อง…
ฉันคิดมาก… จนนอนไม่หลับ
‘ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น’
เป็นสิ่งที่อยากถามกับเธอมาตลอด
อยากจะถามกับเธอเหลือเกิน
ที่ผ่านมา… ฉันเป็นอะไรสำหรับเธอ
ฉันกังวลจนแทบบ้า คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว
มีแค่ฉันคนเดียวที่คิด แต่เธอ…
ถ้าอย่างนั้น…
เธอก็ไม่ควรทำอย่างนั้น
คืนนั้นเธอก็ไม่ควรเดินมาส่งฉันที่บ้าน
เธอก็ไม่ควรกอดฉันไว้แบบนั้น
เธอก็ไม่ควรพูดถ้อยคำเหล่านั้นที่ทำให้ใจของฉันสั่นไหว
สายตาอบอุ่นที่เธอใช้มองมาที่ฉัน
ฉันคงเป็นบ้าไปคนเดียวที่ไปตกหลุมรักมันเข้า
เธอไม่ควรทำอะไรอย่างนั้น
ไม่ควรทำอย่างนั้นเลย…
เธอไม่ควรทำอย่างนั้น
ฉันเองไม่ก็ควรรู้สึกอย่างนั้น
ฉันเฝ้าบอกตัวเองอยู่ทุกวัน
บอกทุก ๆ คำที่ฉันไม่สามารถบอกเธอออกไปได้
เธอไม่น่าทำอะไรอย่างนั้นเลย…
เสียงคนดูปรบมือเกรียวกราวและส่งเสียงเชียร์ดังลั่นเมื่อดนตรีจบ มยองอึนกวาดสายตามองทั้งหอประชุมด้วยรอยยิ้มกว้าง โล่งใจที่ทำได้ดีเหมือนยกภูเขาออกจากอก หันไปเจอเพื่อนร่วมวงคนอื่น ๆ ก็กำลังยกนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้างเช่นกัน…
เยอินส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับพูดว่า ‘เยี่ยมมาก’
นี่คงจะเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของเธอ
ถ้าเยอินไม่ได้มีโชว์พิเศษกับจีเอรออยู่...
พิธีกรสาวรั้งตัวมือคีย์บอร์ดเอาไว้เมื่อเธอได้สัมภาษณ์สั้น ๆ หลังการแสดงจบ มยองอึนกับเพื่อนร่วมวงคนอื่น ๆ ก็เข้ามาด้านหลังเวทีโดยมีสมาชิกจากวงอื่น ๆ มารุมล้อมถามเรื่องโชว์พิเศษของจีเอกับมือคีย์บอร์ดของวงเธอ แต่พวกเธอก็ตอบคำถามพวกนั้นไม่ได้เพราะไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน คนอื่น ๆ ก็เลยกรูกันไปเกาะขอบเวทีรอดูว่าสองคนดังของโรงเรียนจะมีอะไรพิเศษ ๆ มาให้ดูบ้าง... น่าสนใจจนแม้แต่มือกลองกับมือกีตาร์ของวง L to the Z อย่างมิจูกับซูจอง ยังเปลี่ยนใจวิ่งกลับไปดูด้วย
แต่มยองอึนกลับตรงกันข้าม ใช่ว่าเธอไม่อยากดูเยอินแสดง แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนแข็งใจดูภาพบาดตาได้หรือไม่
เธอตั้งใจว่าจะเดินออกจากหอประชุมไปทางประตูด้านหลังเวทีนี้ พอเสร็จงานแล้วค่อยกลับมาเก็บข้าวของ แต่จีซูที่เดินตามมาติด ๆ เรียกถามรั้งนักร้องนำของวงไว้
“ไปไหนอะ ไม่ไปดูกับคนอื่นเค้าเหรอ…”
“ไปเข้าห้องน้ำอะ เดี๋ยวกลับมา”
เธอตัดสินใจโกหกรุ่นพี่ เพราะไม่อยากอยู่เปิดเผยความอ่อนแอให้ใครเห็น จีซูไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
มยองอึนเลยถือโอกาสปลีกตัวออกมาจากหอประชุม และหลบมานั่งเล่นที่ชิงช้าในสนามเด็กเล่นฝั่งประถม ซึ่งเธอตั้งใจเลือกที่จะมาให้ไกลจากหอประชุมที่จัดแสดงมากที่สุด จะได้ไม่ได้ยินเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาให้เจ็บปวดหัวใจ
มยองอึนก็ไม่รู้ว่าเธอนั่งอยู่ตรงนานเท่าไหร่แล้ว เพราะไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือติดมือมาด้วยและเธอไม่ใช่คนชอบใส่นาฬิกา รู้แต่ว่าเธอนั่งเล่นอยู่นานจนพวกเด็ก ๆ ประถมเพิ่งเลิกเรียน ที่คอยมองแรงใส่พี่มัธยมปลายปีสองที่มาแย่งเล่นชิงช้าอย่างเธอกลับบ้านกันไปหมดแล้ว
เธอนั่งคิดอะไรไปเพลิน ๆ เหม่อมองท้องฟ้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่อยากกลับไปเจอหน้าใครตอนนี้ โดยเฉพาะ จองเยอิน... คนที่คงกำลังจะมีความสุขดีอยู่กับปลาตัวใหญ่ที่เพิ่งตกมาได้
ทั้ง ๆ ที่พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเจ็บแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังมานั่งนึกถึงเค้าอยู่ดี…
คนผมสั้นก้มมองรองเท้าผ้าใบที่ตัวเองใส่ในวันนี้ รองเท้าคู่เดียวกับที่เยอินผูกเชือกไว้ให้จนแน่นเมื่อวันก่อนราวกับจะไม่ให้เธอแกะออกได้ยังไงยังงั้น
แค่ฉันเลิกชอบเธอไม่ได้มันยังรัดฉันแน่นไม่พอรึไง จองเยอิน…
คนผมสั้นก้มลงพยายามแกะปมเชือกที่ผูกเงื่อนตายมัดจนแน่นออก แต่แกะจนเล็บจะฉีก เชือกก็ไม่ยอมคลายตัวออกเลย เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาน้ำตาคลอแค่เพราะปมเชือกรองเท้าที่แกะไม่ออกอย่างนี้
อ่อนแอเกินไปไหมเนี่ย...
“เด็กหญิงพัคมยองอึน~ ผู้ปกครองมารับแล้วค่ะ… อ้าว! แล้วนั่นพี่จะแกะทำไมอะ”
เสียงเย้าแหย่ที่มยองอึนคุ้นเคยดังใกล้เข้ามาจากทางด้านหลังชิงช้าที่เธอนั่งอยู่ เธอรีบปาดน้ำตาที่คลอเบ้าออกอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับไปมองเยอินที่เพิ่งเดินมาถึง
“ก็แกผูกไว้แน่นเกิน…”
“ไม่ต้องไปแกะหรอก แน่นก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่หลุดง่าย”
เยอินตรงเข้ามาจับโซ่ชิงช้าแกว่งเบา ๆ ให้คนที่นั่งอยู่ มยองอึนไม่ได้พูดอะไรต่อจากคำแนะนำของคนตัวสูง เธอนั่งให้เยอินแกว่งชิงช้าให้อย่างเงียบ ๆ จนรุ่นน้องคงทนความเงียบไม่ไหวเข้าเลยเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นก่อน
“ทำไมมาหลบอยู่นี่ ฉันตามหาพี่แทบแย่”
“ก็แค่เบื่อ ๆ คนเยอะเฉย ๆ”
“พี่ไม่ได้อยู่ดูโชว์สุดท้าย พี่จีซูบอกว่าพี่ไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้กลับไปอีก...”
“แล้วไง”
“พลาดอะไรไปเยอะเลยแหละ พี่น่าจะอยู่ดูอะ พี่จีเอโคตรเจ๋งเลย ฉันนี่โคตรประทับใจ...”
จะตามมาหาฉันเพื่อพูดถึงคนของแกทำไมอีก...
มยองอึนไม่รู้จะหลบเลี่ยงยังไงให้พ้น เธอหนีมาถึงที่นี่ก็เพราะไม่อยากรู้อะไรที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่เจ้าตัวยังตามมาเล่าให้ฟังถึงที่ น้ำตาที่เคยกลั้นไว้ไหลท่วมขอบตาจนเอ่อล้นลงมาที่แก้ม และเธอไม่สนใจจะเช็ดมันอีกต่อไป
เยอินยังคงยิ้มกว้างพลางแกว่งชิงช้าให้คนผมสั้น โดยไม่ได้สังเกตแผ่นหลังที่สั่นไหวเพราะพยายามสะกัดกั้นความรู้สึกที่เธอไม่ควรคิดกับอีกคนนึงไว้ แต่จนแล้วจนรอดก็คงไม่พ้นสายตาเยอินที่สังเกตว่าคนพี่เงียบไปนานผิดปกติ
“พี่… เป็นอะไรรึเปล่า”
“ช่างฉันเถอะ”
“ช่างไม่ได้สิ…”
รุ่นน้องปล่อยมือจากโซ่ชิงช้าแล้วเดินอ้อมมาด้านหน้า คุกเข่าลงให้อยู่ระดับเดียวกับคนที่นั่งชิงช้าเพื่อจะได้เห็นหน้ามยองอึนชัด ๆ
เยอินไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นน้ำตาจากมยองอึน เลยตกใจรีบใช้มือของตัวเองเช็ดน้ำตาให้คนผมสั้นแทนที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ และพยายามสบตาคนที่กำลังก้มหน้าซ่อนน้ำตาของตัวเองไว้
“พี่มีอะไรไม่สบายใจอะ บอกฉันได้นะ...”
ราวกับความอดทนเส้นสุดท้ายขาดผึง แค่เพียงได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากอีกฝ่าย เธอปัดมือของเยอินที่แตะอยู่ที่แก้มของเธอออก ขึ้นเสียงดังใส่อีกฝ่ายทั้งที่น้ำตายังนองหน้า
“เลิกมาทำดีกับฉันซักทีได้ไหม!”
“พี่มยองอึน…”
ยิ่งเห็นสายตาสับสนปนกังวลของคนตรงหน้า เธอยิ่งทนควบคุมหลาย ๆ อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจแทบไม่ไหว
เธอชอบเยอินเหลือเกิน
ยิ่งเค้าเป็นห่วง ยิ่งเค้าใส่ใจ ใจของเธอยิ่งหวั่นไหว
แต่นี่มันมากเกินไปสำหรับเธอ…
“ฉันรู้แกเป็นคนดี แกเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น ทำให้เค้าชอบแกกันไปทั่ว แต่แกเลิกทำอย่างนี้ซักทีเหอะ”
“...”
“เลิกให้ความหวังคนอื่นซักที แกมีพี่จีเออยู่แล้วทั้งคน จะมาทำดีกับฉันไปทำไมอีก
ฉันชอบแก แต่ฉันไม่อยากชอบแกอีกแล้ว
.
.
.
เลิกให้ความหวังฉันเถอะ คนไม่มีสิทธิมันเจ็บนะเว้ย..”
มยองอึนไม่กล้าสบตากับคนที่เธอเพิ่งสารภาพความในใจออกไป ยิ่งอีกคนนิ่งเงียบ ใจยิ่งเสียเข้าไปใหญ่ เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร เธอควรจะลุกออกไปจากตรงนี้เลยดีไหม หรือจะบอกตามหลังว่าเธอพูดเล่นดี แต่คนตรงหน้าก็คงไม่เชื่อแล้วเพราะเธอดันร้องไห้ออกมาซะขนาดนี้…
ผมสั้นสีน้ำตาลที่ปรกหน้าถูกคนนั่งคุกเข่าที่เงียบอยู่นานปัดออกเบา ๆ ริมฝีปากบางบรรจงจูบซับลงบนแพขนตาที่เปียกชื้น ราวกับจะช่วยซับน้ำตากับความทุกข์ให้คลายลง
สัมผัสอบอุ่นจากอ้อมกอดกับริมฝีปากของเยอินนั้นเป็นการตอบรับคำสารภาพที่เกินความคาดหมายของมยองอึนไปมาก เธอไม่รู้ว่ารู้สึกตกใจหรือดีใจมากกว่ากัน รู้แต่ว่าเธอยอมนั่งอยู่ตรงนี้อีกทั้งคืนก็ได้ถ้ายังมีอ้อมกอดของเยอินอยู่แบบนี้
แต่เธอเริ่มรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของอีกฝ่าย…
“ใครบอกว่าพี่ไม่มีสิทธิละ…”
“นี่แกยังจะทำแบบนี้กับฉันอีกเหรอ…”
“ชู่ว~ ใจเย็น ๆ ฟังฉันก่อนสิ” เยอินคว้าข้อมือคนที่กำลังเงื้อมือจะทุบเธอเอาไว้ได้ แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองพลางกลั้วหัวเราะ
“นี่ไง… ฉันถึงบอกว่าพี่พลาดอะไรไปเยอะ ที่ไม่ได้ดูโชว์ของพี่จีเอ...”
“ทำไม?” ครั้งนี้มยองอึนสงสัยมากกว่าที่จะรู้สึกเจ็บปวดกับชื่อของรุ่นพี่คนสวยที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้าที่กำลังลูบผมปลอบเธอพลางยิ้มกว้างคลายกังวล
“ก็ถ้าพี่อยู่ดู พี่ก็จะรู้ไงว่าพี่จีเอเค้าร้องเพลงให้พี่จีซู คนเค้ากรี๊ดสนั่นลั่นฮอลล์...”
“หา?”
“งงเลยล่ะสิ~”
“ล… แล้วทำไม…”
“พี่จีเอใช้ฉันเป็นเครื่องมือนิดหน่อยน่ะ… แบบว่า ลองใจพี่จีซู อะไรประมาณนั้น ไม่คิดว่าจะได้ผลมาถึงพี่ด้วยแฮะ”
เยอินหัวเราะเบา ๆ หลังจากพูดจบ ใช้นิ้วโป้งกดระหว่างคิ้วของมยองอึนที่กำลังขมวดปมแน่นด้วยความสงสัยอย่างอารมณ์ดี
“สรุปว่าแกกับพี่จีเอเป็นอะไร… กันอะ”
“พี่จีเอเป็นพี่สาวที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุด แม่ฉันกับแม่พี่จีเอสนิทกัน เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นด้วยหรอก...”
คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่งเบียดบนที่นั่งชิงช้าด้วยกันกับมยองอึน แผ่นไม้ที่นั่งนั้นเล็กเกินกว่าคนสองคนจะนั่งสบายอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างงั้นพี่ละ… อยากเป็นอะไรกับฉัน”
ความอบอุ่นจากท่อนแขนที่เบียดชิดกัน กับใบหน้าของอีกฝ่ายที่ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้จนเธอได้ยินเสียงลมหายใจ
บวกกับคำพูดชวนคิดและหน้าตาเจ้าเล่ห์นั่นอีก
ยิ่งทำให้มยองอึนรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่หน้าของตัวเอง
เยอินไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบคำถามของตัวเอง แต่ประคองใบหน้าของผมสั้นเข้าไปใกล้และกดจูบลงไปบนลงริมฝีปากบางแทน มยองอึนตกใจเกินกว่าจะตอบรับจูบนั้นได้โดยไม่เคอะเขิน ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งร้องไห้เพราะคิดว่าอกหักจากคนที่ชอบอยู่แท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้คนที่เธอชอบกำลังจูบเธออยู่…
นี่มันฝันของฉันรึเปล่าเนี่ย…
แต่สัมผัสจากปลายจมูกโด่งของเยอินสัมผัสกับแก้มของเธอ สัมผัสจากปลายนิ้วที่ประคองใบหน้าของเธอให้ตอบรับกับจูบนั้น และรอยจูบย้ำ ๆ ที่กำลังละเลียดดูดดื่มความหอมหวานจากริมฝีปากล่างของเธอก็บ่งบอกชัดว่าเธอไม่ได้ฝันไป
แถมยังเป็นอะไรที่ดีเกินกว่าฝันไปเสียอีก…
เธอติดกับเหยื่อของเยอินแล้ว
แต่ครั้งนี้เธอไม่อยากจะออกไปเลยแม้แต่น้อย
เยอินยอมผละออกจากริมฝีปากที่ตอนนี้แดงฉ่ำของมยองอึนหลังจากจูบอันยาวนาน เพราะรุ่นพี่กำปกเสื้อเชิ้ตของเธอยับยู่ยี่จนเธอกลัวอีกฝ่ายจะหมดอากาศหายใจไปเสียก่อน เธอเอื้อมมือไปลูบผมมยองอึนที่กำลังซบหน้ากับไหล่ของเธอและกำลังหอบหายใจแรงถี่
“ว่าไง… ตกลงพี่อยากเป็นอะไรกับฉันไหม”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ใครเค้าถามกันอย่างนี้เล่า…” มยองอึนทุบไหล่คนที่เธอกำลังซบอยู่โทษฐานถามคำถามกวนประสาทซ้ำอีกรอบ “ถ้าแกชอบฉันเหมือนกัน แกก็ขอฉันคบดิ”
“ฉันก็ชอบพี่ไง… ไม่งั้นจะจูบทำไม”
“งั้นแกจะมาถามฉันทำไมอีก ก็ขอเลยดิ”
“แล้วมีใครที่ไหนเค้าใช้วิธีบังคับให้คนที่ชอบบอกขอคบกันบ้างเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ”
“โอ๊ย งั้นไม่คุยด้วยแล้ว!”
“เดี๋ยว ๆ พี่มยองอึน ใจเย็น ๆ ~ ให้ฉันคิดคำซึ้ง ๆ ให้ได้ก่อนดิ~”
เยอินรั้งคนขี้หงุดหงิดที่กำลังจะลุกหนีลงมานั่งที่ตักของเธอ กระชับกอดไว้แน่นกว่าเดิมไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นไปไหนได้อีก ราวกับอีกฝ่ายเป็นปลาหายากที่เธอจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไป
มือของมยองอึนถูกเยอินดึงมากุมไว้ แล้วกดจูบลงบนหลังมือนั้น สายตามั่นคงจริงจังที่มองมาเหมือนสะกดใจที่กำลังว้าวุ่นหงุดหงิดของมยองอึนให้สงบลงได้
“ขอบคุณนะที่พี่ก็รู้สึกดีกับฉันเหมือนที่ฉันรู้สึก
แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่ทำพี่ร้องไห้…”
“ฉันไม่เคยคิดจะให้ความหวังใครเลยนะ แม้แต่กับพี่ก็เถอะ ขอโทษที่ทำให้พี่รู้สึกแบบนั้น แต่ว่าถ้าพี่สังเกตดี ๆ พี่ก็คงจะรู้ว่าทุกอย่างที่ฉันทำให้พี่ ฉันทำแบบนั้น กับพี่แค่คนเดียว… ไม่เคยทำกับคนอื่นเลยซักครั้ง”
“ต่อไปนี้ ฉันอยากไปตกปลากับพี่ อยากเล่นดนตรีกับพี่ อยากไปส่งพี่ที่บ้าน อยากจูบพี่ด้วย...
ฉันอยากอยู่กับพี่ในฐานะอื่นแล้วอะ
.
.
.
เราเลิกเป็นพี่น้องกันเถอะนะ… ได้ไหม”
เยอินถามประโยคสุดท้ายยังไม่ทันจบดี ก็ถูกคนผมสั้นโน้มคอเข้าไปจูบอีกครั้ง เสียงตอบรับในลำคอ กับใบหน้าพยักเบา ๆ คือคำตอบว่า ‘ตกลง’ ของคำถามนั้น...
โทรศัพท์มือถือของเยอินสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ทำให้ทั้งสองต้องผละออกจากกัน เป็นจีซูนั่นเองที่โทรมาตามว่าเธอได้เจอนักร้องนำที่ หายตัวไปแล้วหรือยัง เยอินเลยดึงมือมยองอึนเพื่อลุกขึ้นจากชิงช้า พานักร้องนำที่สมาชิกวงตามหากันวุ่นกลับไปเก็บของที่เวทีที่เธอแอบหนีออกมา
“นี่ เล่าให้ฟังหน่อยสิ… ฉันพลาดอะไรไปมั่ง เรื่องพี่จีเอกับพี่จีซูอะ”
“โหย พลาดทุกตรงเลยแหละ พอพี่จีเอร้องเพลงจบนะ พี่แกก็บอกชอบพี่จีซูออกไมค์ตรงนั้นเลย แล้วพี่มิจูกับซูจองก็ไปลากพี่จีซูออกมาหน้าเวทีได้ไงไม่รู้… พลาดสุด ๆ ก็ตรงพี่อดเห็นคนหน้าตายอย่างพี่จีซูเขินนั่นแหละ”
“จริงดิ? พี่เค้าเขินยังไงอะ”
“เดี๋ยวไปดูคลิปที่พี่มิจูเลย หรือไม่แน่ก็เดี๋ยวไปเห็นที่เวทีเลยเนี่ยแหละ ฉันว่าพี่จีซูน่าจะยังเขินพี่จีเอไม่เลิกแน่ เมื่อกี๊ตอนโทรมายังได้ยินเสียงแซวกันอยู่เลย ฮ่า ๆ ๆ”
“โอ๊ย ฉันไม่น่าปอดแหกเรื่องแกแล้วเผ่นออกมาเลยอะ
แล้วนี่เค้าไปชอบกันได้ไง? ฉันดูไม่เห็นออกเลย...”
“พี่จีเอชอบพี่จีซูมาตั้งนานแล้ว~ พอตอนต้นปีที่ฉันออดิชั่นเข้าวงพี่ได้ พี่จีเอก็รีบมาขอให้ฉันช่วยตีสนิทให้ใหญ่เลย แต่อิพี่เรามันเย็นชาหน้าตายซะขนาดนั้น ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าแผนพี่จีเอมันจะได้ผลหรอก...”
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรที่เกิดขึ้นเลยเนี่ย~”
“ก็พี่มัวแต่ชอบฉันล่ะสิใช่ม้า~”
“อย่ามาหลงตัวเองน่า เล่าให้ฟังต่ออีกสิ”
“พี่อยากรู้อะไรก็ถามมาดิ~~”
เสียงใสของมยองอึนเอ่ยถามเรื่องจีซูกับจีเอที่เธอพลาดไปตลอดทางเดินกลับ เยอินก็คอยตอบคำถามมากมายได้ไม่รู้เบื่อ เห็นทีว่าเธอคงต้องหาซื้ออะไรไปขอบคุณจีเออยู่เหมือนกันที่เป็นคนต้นเรื่องที่ส่งผลดีต่อมยองอึนกับเธอด้วย
เสาร์อาทิตย์นี้เปลี่ยนเป็นชวนพี่มยองอึนไปเดินห้าง ซื้อของบ้างก็คงจะดี…
เยอินมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินคล้องแขนอยู่ข้าง ๆ เธอ พลางนึกถึงความน่ารักของอีกฝ่ายที่มีให้เธอตลอดมา
ทั้งที่มยองอึนเกลียดอากาศร้อน และการไปตกปลาอย่างกับอะไรดี
แต่ก็ยอมไปกับเธอทุกครั้งที่เธอชวน แค่เธออ้อนว่าไม่อยากไปคนเดียว และบอกว่าชอบให้มีอีกคนอยู่ข้าง ๆ ด้วยกัน ก็ทำให้มยองอึนที่ถึงจะบ่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธเธอเลยซักครั้ง
เหตุผลที่ทำให้เธอชอบตกปลาอีกข้อหนึ่งที่เธอไม่เคยบอกใคร ก็คือ เธอชอบการที่ได้อยู่กับมยองอึนสองคนในบรรยากาศดี ๆ นี่แหละ
วันเสาร์นี้เธอคงจะต้องตอบแทนที่มยองอึนไปตกปลากับเธอตลอด ด้วยการไปที่อื่นตามใจคุณแฟนซักหน่อยแล้วกัน
และเยอินคงจะไม่ไปตกปลาอีกซักพัก
เพราะเธอมีสิ่งมีค่าที่ต้องดูแลที่สำคัญกว่าปลาหายากที่ต้องตกให้ได้แล้ว…
-end-
Soundtrack recommended : Baek A Yeon - Shouldn't Have (youtube.com/watch?v=x815A21RIto)
ความคิดเห็น