คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The Conqueror (Mijoo & Babysoul)
The Conqueror
Pairing: Mijoo & Babysoul
----
การครองโลกที่เสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด แต่เสียน้ำตามากที่สุด
วันที่ 7 ธันวาคม ปี 2015
ในที่สุดเธอก็ออกไปจาก “โลกของฉัน” ซักที!
ฉันยึดโลกส่วนตัวของฉันกลับมาได้แล้ว!
วันนี้เป็นวันจันทร์…
หลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู หนุ่มสาวออฟฟิซ หรือคนทำอาชีพอะไรก็ตาม ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาเกลียดวันจันทร์มากที่สุด วันแรกของสัปดาห์ วันแห่งการเริ่มทำงาน วันที่เราจะต้องเริ่มกลับมาเหนื่อยหน่ายกับการทำอะไรเดิมๆ และเฝ้ารอคอยให้ถึงวันศุกร์เสียที
แต่วันจันทร์นี้เป็นวันที่ อีซูจอง มีความสุขที่สุดในโลก
เพราะวันนี้เธอจะได้เริ่มต้นใหม่ บนโลกส่วนตัวของตัวเอง ที่ไม่มี อีมิจู อีกต่อไป
โลกของฉันมันไม่ได้น่าอยู่ขนาดนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
ซูจองตื่นขึ้นมาก่อนนาฬิกาปลุกจะดัง เมื่อคืนเธอหลับได้เต็มอิ่มแบบสุด ๆ ไม่ต้องคอยตกใจตื่นเพราะเสียงกรนดังกระหึ่มเหมือนรถไฟวิ่งผ่านของคนข้างๆ หรือต้นขาหนักๆ ที่ชอบเอามาก่ายบนตัวเธอ แค่เธอเหลือบมองไปยังที่นอนฝั่งซ้ายมือของตัวเองที่ว่างเปล่าก็รู้สึกอารมณ์ดีแต่เช้า
ไม่มีเธอแล้วดีชะมัด...
ซูจองอาบน้ำ แต่งตัว ทานข้าวเช้า แล้วออกไปทำงานด้วยสีหน้าแจ่มใส เธอเดินฮัมเพลงเข้าบริษัทอย่างอารมณ์ดี มีแต่คนทักว่าเธอไปทำอะไรมา ทำไมถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนี้
เธอก็ได้แต่ตอบพวกเขาไปว่า
“ฉันก็แค่… ครองโลกได้สำเร็จแล้วน่ะค่ะ”
วันที่ 5 ธันวาคม ปี 2015
โลกของฉันไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว
“พี่ซูจอง!! พี่เอารองเท้าผ้าใบคู่สีขาวของฉันไปไว้ไหน!” อีมิจู ตะโกนเรียกซูจองอยู่หน้าประตูห้องด้วยความหงุดหงิด เธอมีนัดคุยงานกับลูกค้า ต้องออกไปข้างนอกตอนนี้ และกำลังจะสาย แต่ซูจอง แฟนสาวผู้เจ้าระเบียบของเธอ กลับเอารองเท้าของเธอไปเก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ และเธอก็จำเป็นต้องใส่คู่นี้ให้ได้ด้วย
“ฉันทิ้งไปแล้ว” ซูจองที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะตอบเสียงเรียบๆ
“อะไรนะ!”
“ฉันบอกว่าฉันทิ้งไปแล้ว เน่าซะขนาดนั้น ถ้าไม่คิดจะซักก็ทิ้งไปเลย เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
มิจูเดินมาตบโต๊ะ แล้วกระชากเก้าอี้ของคนที่กำลังนั่งทำงานไม่รู้ไม่ชี้อยู่ให้หมุนมาหาตัวเอง
“ทำไมต้องทำแบบนี้! พี่อยากหาเรื่องฉันเหรอ”
“ฉันไม่ได้จะหาเรื่อง แล้วฉันก็บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้ซัก เธอก็ไม่เคยฟัง”
“แล้วมันใช่เรื่องที่พี่จะต้องทิ้งไปไหมเล่า! โธ่เว้ย!”
“นี่! อย่ามาเสียงดังใส่ฉันนะ!”
“พี่เองก็เสียงดังใส่ฉันเหมือนกัน!”
ซูจองชี้นิ้วใส่คนที่กำลังกำหมัดข่มอารมณ์โกรธ เธอเองก็เหลืออดไม่แพ้กันกับนิสัยเอาแต่ใจ และอารมณ์ร้อนของอีกฝ่าย
ก็อย่างที่หลาย ๆ คู่ก็คงเป็นกัน ยิ่งคบกันไปหลาย ๆ ปี นิสัยเสีย ๆ อะไรที่ไม่ค่อยดีก็จะเปิดเผยออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็จะทะเลาะกันบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ แค่การไม่พับผ้าห่ม ไม่ซักรองเท้า ไม่เก็บแปรงสีฟันให้เป็นที่ ไปยันเรื่องใหญ่ๆ อย่างเรื่องเงิน การกลับบ้านดึก และการนอกใจ
อีซูจอง เฝ้าภาวนาอยู่ทุกวันให้เรื่องราวชีวิตคู่ของเธอมันจบแค่ที่ปีที่ 5 เป็นปีสุดท้ายก็พอแล้ว
มิจูเดินกระแทกส้นเท้าไปเปิดตู้รองเท้าแล้วหยิบคู่อื่นออกมาใส่แทน และรีบคว้ากระเป๋าเป้จะออกไปจากห้อง
“แล้วนั่นจะไปไหน! เสาร์อาทิตย์ไม่เคยอยู่บ้าน งานบ้านก็ไม่เคยช่วย…”
“เลิกบ่นซักทีได้ไหม! ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน พี่อยากทำอะไรก็ทำไปคนเดียวสิ”
“อ๋อ เพราะว่าจะออกไปหายัยเยอินนั่นใช่ไหมล่ะ มันก็เลยไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“นี่พี่แอบดูมือถือฉันอีกแล้วเหรอ! ทำไมถึงชอบยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นจัง”
“ถ้าฉันไม่ยุ่ง ฉันจะรู้ไหมว่าเธอกำลังนอกใจฉันอยู่!”
“กับเยอินมันไม่มีอะไร พี่ก็เป็นแบบนี้ตลอดอะ ฉันพูดอะไรไปเท่าไหร่พี่ก็ไม่เคยฟัง”
“ก็มันฟังไม่ขึ้น จะไม่มีอะไรได้ยังไง โทรหากันเป็นชั่วโมงๆ”
“โทรคุยกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีอะไรกัน ใครจะไปเหมือนพี่ละ ที่อัพรูปถ่ายกับผู้ชายที่ทะเลกันสองต่อสอง แล้วไปตั้งสองสามคืน ยังจะมาบอกว่าไปกันหลายคน ไม่ได้มีอะไรกันเลย ใครเค้าจะเชื่อ”
“ฉันอัพรูปกับพี่ที่ทำงานด้วยกัน แล้วฉันก็ไปกับบริษัท ไม่ได้ไปกับใครสองต่อสองทั้งนั้น! ไม่ได้มีอะไรกับใครเลยทั้งนั้นด้วย”
“ฉันกับเยอินก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน! เพราะฉะนั้น เลิกยุ่งกับมือถือของฉันซักที!”
“เอาสิ! ถ้าไม่อยากให้ยุ่งนักก็ไปเลย! ไปให้ไกลๆจากชีวิตฉันเลย ฉันก็จะไม่ไปยุ่งกับเธอ เธอจะไปหาใครที่ไหนอีกกี่สิบคนก็เรื่องของเธอ ไปเลยสิ! เลิกกันไปเลย!”
“เออ! ฉันไปแน่!”
มิจูพูดจบก็ทิ้งกระเป๋าเป้ลงกับพื้น เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่เธอใช้ร่วมกันกับซูจอง คว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาแล้วรวบเก็บเสื้อผ้าของเธอทั้งหมด รวมถึงเครื่องสำอางกับของใช้ทุกอย่างที่เป็นของตัวเอง โยนลงกระเป๋าเดินทางจนเต็ม
คนตัวสูงหยิบพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วดึงกุญแจห้องออก โยนคืนให้คนตัวเล็กที่กำลังโมโหไม่แพ้กัน จบความสัมพันธ์ห้าปีด้วยประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไปแล้วไม่หันหลังกลับมาอีก...
“เชิญอยู่ในโลกของพี่ไปตามสบายเถอะ!”
น้ำตาที่หยดลงบนลูกกุญแจที่อยู่ในมือของเธอ อีซูจองขอให้สัญญากับตัวเองว่า จะเป็นน้ำตาหยดสุดท้ายที่เธอจะเสียให้กับอีมิจู
มันจบแล้ว...
วันที่ 6 ธันวาคม ปี 2015
กวาดล้างโลกเดิม พร้อมก้าวเข้าสู่โลกใหม่
ซูจองใช้เวลาทั้งบ่ายวันอาทิตย์ไปกับการเก็บของของ ‘แฟนเก่า’ ที่ยังหลงเหลืออยู่ใส่ถุงขยะ เริ่มจากรูปถ่าย ตุ๊กตาเน่าๆ ที่เคยซื้อให้กันเมื่อหลายปีก่อน ดอกไม้ จดหมาย หนังสือ และอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของตัวเธอเองทิ้งให้หมด
และไม่ลืมลบเบอร์โทร ข้อความ แอคเคาท์โซเชียลมีเดียทุกอย่างที่เคยใช้ติดต่อกันทิ้งด้วย แม้ว่าจะยังจำทุกอย่างได้หมดก็ตาม
เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หลังจากเก็บข้าวของทุกอย่างทิ้งเรียบร้อย
เตียงที่วันนี้กว้างขึ้นกว่าทุกวันเพราะไม่ต้องแชร์กับใครอีกแล้ว ห้องที่กว้างขึ้นและสะอาดขึ้นกว่าทุกวันเพราะไม่มีจอมซกมกคนนั้นแล้ว
ห้องที่เป็นของซูจองแต่เพียงผู้เดียว
และไม่มีวี่แววว่าใครคนนั้นจะกลับมา
เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
ชีวิตที่ไม่มีเธอนี่มันดีจริง ๆ เลย อีมิจู
วันที่ 15 ธันวาคม ปี 2015
เงียบไปหน่อย แต่ก็พอทนได้ละมั้ง
วันนี้ซูจองอยู่ทำโอทีจนดึกดื่น กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็สามทุ่มกว่า แม้จะเหนื่อยจนอยากจะล้มตัวลงนอนแบบไม่ต้องอาบน้ำล้างเครื่องสำอาง แต่ก็หิวจนไส้จะขาดเพราะไม่ได้ทานอะไรตอนเย็นเลย
มิจูคงทำอะไรไว้ให้กินบ้างละนะ...
ซูจองเดินไปเปิดตู้เย็นด้วยความเคยชินที่คิดว่าแฟนจะเตรียมอาหารไว้ให้ก่อนที่จะออกไปทำงาน เพราะมิจูทำงานกะดึก และมักจะไม่ค่อยได้เจอกันในเวลานี้
แต่เธอดันลืมไปว่าอีกคนไม่ได้อยู่กับเธอมาซักพักนึงแล้ว และในตู้เย็นมีแต่น้ำผลไม้กับโยเกิร์ตรสที่เธอไม่เคยชอบ ที่มิจูชอบซื้อมาติดตู้เย็นไว้…
“ทำไมซื้อรสบลูเบอรี่มาอีกแล้วอะ” ซูจองรีบลุกจากหน้าคอมที่เธอทำงานอยู่ เข้ามาต่อว่ามิจู ทันทีที่ได้เห็นแพ็คโยเกิร์ตสีม่วงรสที่เธอเกลียดที่อีกคนกำลังเก็บใส่เข้าตู้เย็นอยู่ในครัว
“แล้วซื้อมาแพ็คใหญ่ตลอด ฉันก็ไม่ชอบกิน เธอก็กินไม่เคยหมด แล้วก็ปล่อยหมดอายุอยู่อย่างงั้น”
“ก็ฉันชอบกินอะ พี่ก็ลองกินดูดิ อร่อยนะ” มิจูทำหูทวนลม ไม่ได้ใส่ใจคำต่อว่า เธอแกะโยเกิร์ตออกมาสองถ้วย เปิดส่งให้ซูจองถ้วยนึง และเปิดกินเองถ้วยนึง และพยายามจะยัดช้อนที่ตักโยเกิร์ตสีม่วงไว้จนเต็มเข้าปากซูจอง
“ไม่เอา! มันเหม็น อย่ามายุ่งน่า!”
“กินหน่อยสิ นะๆๆๆ”
“อย่ามายุ่-- อุ๊บ” มิจูฉวยโอกาสที่คนตัวเล็กกำลังจะบ่น ยัดช้อนโยเกิร์ตใส่ปากเข้าจนได้ ใบหน้ายู่ยี่ของคนโดนแกล้งทำมิจูหัวเราะลั่น แต่ซูจองไม่ได้สนุกด้วยเท่าไหร่นัก พอกลืนโยเกิร์ตรสบลูเบอรี่ที่เธอสุดแสนจะเกลียดลงไปได้ก็วีนคนตัวสูงยกใหญ่
“อีมิจู! คนบอกว่าไม่ชอบยังจะยัดเยียดให้กินอยู่ได้! เป็นอะไรนักหนา!!”
“ทำไมจะต้องเสียงดังอะไรขนาดนั้น ฉันก็แค่เล่นด้วย”
“ไปเล่นไกลๆ นู่นไป น่าเบื่อ…”
“...ตัวเองน่าเบื่อกว่าอีก จริงจังไปได้”
ซูจองที่กำลังเดินกระแทกส้นเท้าตึงตังจะกลับไปนั่งหน้าคอมก็หันขวับมาทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นงุบงิบของมิจู
“ก็ฉันไม่ชอบอะ! เธอก็ควรจะรู้สิ!”
“เออ! ฉันรู้แล้ว! ทีหลังก็จะไม่เล่นด้วยอีกละกัน!”
“ก็ดี…”
หลังจากทุ่มเถียงกันยกใหญ่ ทั้งสองคนก็แยกไปนั่งกันคนละมุมห้อง มิจูนั่งเล่นมือถือที่โซฟาเงียบ ๆ ส่วนซูจองก็กลับไปนั่งหน้าคอมก้มหน้าก้มตาปั่นงานของตัวเองต่อ
คนตัวเล็กได้แต่จ้องหน้าคอมกับสมองที่ว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก การทะเลากันทำให้เธอเสียสมาธิ เธอทั้งเกลียดเวลาที่เธอกับมิจูทะเลาะกันเสียงดัง และบรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดหลังจากทะเลาะกันเสร็จแล้ว เกลียดมากพอ ๆ กับ กลิ่นเปรี้ยว ๆ ของโยเกิร์ตรสบลูเบอรี่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปากที่ทำให้เธอหงุดหงิดไม่หาย
ซักพัก น้ำผลไม้ขวดเล็กที่ถูกเปิดพร้อมกับใส่หลอดดูดไว้ให้ ก็ถูกวางลงบนโต๊ะข้างคอมของซูจอง เธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นคนที่เอามาให้พยายามทำหน้าเรียบเฉยวางฟอร์มอยู่
“ฉันขอโทษที่แกล้ง กินเจ้านี่ล้างปากแล้วกันนะ…”
มิจูพูดจบก็รีบเดินกลับไปนั่งโซฟาที่เดิม ส่วนคนตัวเล็กก็หยิบขวดน้ำขึ้นมาดูด ที่ความหงุดหงิดหายไปได้เป็นปลิดทิ้ง ไม่ใช่แค่เพราะจัดกลิ่นบลูเบอรี่ออกไปได้อย่างเดียว…
แต่เป็นเพราะน้ำเสียงกับท่าทางวางฟอร์มเวลาขอโทษของมิจูที่ซูจองชอบเป็นที่สุดด้วย
“ขอบใจนะ…”
“อืม”
ซูจองหยิบแพ็คโยเกิร์ตบลูเบอรี่มาพลิกดูวันหมดอายุก็พบว่าเพิ่งหมดอายุไปเมื่อวาน เธอทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ข้างเคาน์เตอร์ นึกต่อว่าคนที่ไม่อยู่รับผิดชอบของของตัวเองพลางถอนหายใจ
“อีมิจู กินไม่หมดอีกแล้วนะ…”
ตู้เย็นที่เคยมีของแช่จนเต็มก็ว่างเปล่า ห้องที่เคยเสียงดังไปด้วยเสียงทะเลาะก็กลับเงียบงัน
ไม่มีเสียงทะเลาะมันก็สมใจฉันดีแล้วนี่นา...
วันที่ 20 ธันวาคม ปี 2015
ฉันก็ยังมีความสุขดี ไม่เห็นต้องง้อเธอ
“ซูจองอา…” ซองกยู รุ่นพี่ร่วมบริษัทเป็น หัวหน้าฝ่ายไอที ตาตี่ อารมณ์ดี รีบวิ่งเข้ามาหาซูจองที่โต๊ะทำงาน ตอนเห็นเธอเก็บของเตรียมจะกลับบ้าน
“วันคริสต์มาสนี้มีนัดรึยัง”
“ก็ไม่ได้ไปไหนนะคะ”
“งั้นพี่อยากชวนเธอไปเที่ยว จะได้ไหม”
ซูจองนิ่งคิดเล็กน้อย
ก็ซองกยูคนนี้นี่แหละที่เป็นคนเดียวกับที่ถ่ายรูปคู่กับเธอลงไอจี ทำให้เธอทะเลาะกับมิจูอยู่เป็นอาทิตย์
และเธอเองก็รู้อยู่ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะชอบเธอ การชวนไปเที่ยวครั้งนี้ก็คือการไปเดท แต่เธอไม่คิดว่าซองกยูจะมาชวนเดทเร็วขนาดนี้ เธอเป็นโสดได้ยังไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำ
เอ… แต่ก็โสดแล้วนี่ จะไปแคร์ทำไม
“ได้ค่ะ พี่จะไปไหนละ”
“พี่อยากชวนเธอไปสวนสนุกน่ะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปเลย”
คำตอบของรุ่นพี่ทำให้เธอชะงัก ประโยคนี้ช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน…
“ฉันอยากไปสวนสนุกอะพี่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปเลยนะ…”
มิจูยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดรูปสวนสนุกค้างไว้ส่งมาให้เธอดู “เนี่ย… อยากเล่นอันนี้ วันนี้ไปที่นี่กันเถอะ”
“ติ๊งต๊อง โตจนป่านนี้แล้วยังจะอยากไปสวนสนุก”
“เอ๊า ก็คนมันไม่เคยไป ฉันอยากไปมันผิดตรงไหน ฉันอยากเข้าบ้านผีสิง อยากเล่นไวกิ้ง อยากเข้าบ้านยักษ์...”
“ติ๊งต๊องจริงๆ บ้านยักษ์ให้พวกเด็กๆ เค้าเข้าไปกันเถอะ”
“อ้าว ฉันก็ยังไม่แก่นี่”
“แต่ปัญญาอ่อนน่ะสิ”
“พี่ซูจอง!”
“โอ๋ๆ ล้อเล่น… ป่ะๆ ไปก็ได้ ฉันก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน…”
มิจูดึงซูจองที่วันนี้ใจดียอมตามใจเธอเข้ามากอด ระดมจุ๊บแก้มคนตัวเล็กที่กำลังดิ้นพร้อมกับหัวเราะเพราะจั๊กจี้ เธอหัวเราะจนหมดแรง มิจูถึงยอมหยุด แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมตัวอาบน้ำออกไปเที่ยวกับแฟนของเธอในวันเสาร์แห่งชาติแบบนี้
วันดีๆ แบบนั้น ทำไมถึงค่อยๆ หายไปได้นะ
“ซูจองอา!”
“...คะ ว่าไงพี่ซองกยู” คนที่เหม่อลอยนึกถึงอดีตอยู่นาน ถูกซองกยูเรียกกลับมาตอบคำถามที่เขาถามค้างไว้
“สรุปว่าไง วันคริสต์มาสนี้ ไปสวนสนุกกัน ตกลงไหม”
ซูจองนิ่งคิดอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี ใจนึงก็ไม่อยากไปนักเพราะมันทำให้เธอนึกถึงมิจูขึ้นมา แต่อีกใจนึงก็คิดว่าเธอก็น่าจะลองให้โอกาสซองกยูดูบ้าง…
“อืม… ก็ได้ค่ะ”
ซองกยูยิ้มกว้างกับคำตอบ “ดีจัง… พี่จองตัวแล้วนะ”
“ค่ะ…”
ซองกยูโบกมือลา และเดินกลับไปแล้ว แต่ใบหน้าเหยเกของมิจูที่ร้องลั่นตอนเล่นไวกิ้งที่สวนสนุกนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวซูจองไม่ยอมหายไป…
ฉันจะเริ่มใหม่อยู่แล้ว ทำไมเธอต้องกลับเข้ามาในหัวฉันอีกด้วยนะ อีมิจู…
วันที่ 25 ธันวาคม ปี 2015
ฉันยังไม่พร้อมสำหรับโลกใบใหม่นี้เลย...
“ค่ะพี่… ขอโทษด้วยนะ พอดีพ่อแม่ฉันมาโซลวันนี้อะ ไม่บอกล่วงหน้าซักคำ ฉันเลยต้องพาพ่อกับแม่ไปเที่ยว ขอโทษจริงๆนะ”
“ไม่เป็นไรครับ… ไว้คราวหลังก็ได้เนอะ”
“ค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆนะ…” ซูจองกดวางโทรศัพท์ นอนคว่ำซุกหน้าลงกับหมอน
พ่อแม่เธอยังอยู่กวางจูเหมือนเดิม ไม่ได้มีใครมาหาเธอทั้งนั้น
เธอไม่ได้ชอบการโกหกนัก แต่ก็ต้องจำใจยอมทำ
เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะไปเดทกับซองกยูหรือใครก็ตามในตอนนี้…
ซูจองเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มากดเข้าดูแกลอรีรูปภาพ ที่ตอนนี้กลับมามีรูปเธอกับมิจูเต็มไปหมดอีกครั้ง เพราะเธออุตส่าห์เอาไปให้เพื่อนฝ่ายไอที (ที่ไม่ใช่ซองกยู) กู้คืนมาให้
ไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่เธอแค่อยากได้กลับมาเก็บไว้
นั่งดูไปไม่กี่รูปก็รู้สึกได้ว่าหมอนเริ่มเปียกไปด้วยน้ำตา ทั้ง ๆ ที่เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ให้กับเรื่องมิจูอีกแล้วเชียว
ซูจองปาดน้ำตาออกจากแก้มแบบลวกๆ ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำผลไม้ออกมาจะเปิดดื่ม
แต่บิดฝาขวดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออก…
“มิจูยา~ เปิดให้หน่อย” ซูจองยื่นขวดน้ำผลไม้ขวดเล็กที่เธอเพียรเปิดอยู่นานสองนานจนมือลื่น ให้คนตัวใหญ่กว่าที่กำลังยืนกินขนมพิงกับเคาน์เตอร์ห้องครัว มิจูรับมาเปิดได้อย่างง่ายดาย แต่ขโมยดื่มไปหลายอึกกว่าจะส่งกลับคืนไปให้เจ้าของ
“ตัวเล็กแรงน้อยจังเลยนะ”
“แล้วยังจะมาแย่งของคนแรงน้อยกินอีกนะ”
“ช่ายยย จะกินให้หมดเลย...” มิจูรวบเอวซูจองเข้ามาใกล้ จรดปลายจมูกลงไปลงบนตำแหน่งเดียวกันของคนตัวเล็ก “กินคนแรงน้อยด้วย”
ริมฝีปากบางถูกครอบครองอย่างไร้แรงขัดขืน
กลิ่นผลไม้บนริมฝีปากของมิจูน่าดื่มกว่าน้ำที่อยู่ในขวดแบบเทียบไม่ติด
ซูจองผู้ไม่มีแรงถูกมิจูยกตัวลอย รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอนนุ่มแผ่วเบา เหมือนกับสัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปากที่ยังไม่ยอมออกห่าง...
ทำไมต้องนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยเนี่ย
ขวดน้ำผลไม้ที่ยังเปิดไม่ออกก็ถูกวางทิ้งไว้อย่างนั้น
เตียงที่เคยดูแคบเมื่อต้องนอนกับใครอีกคน วันนี้ดูกว้างเกินไปที่จะนอนคนเดียว เสียงกรนที่คอยรบกวนเวลานอน แม้วันนี้จะไม่มีแล้ว แต่เธอก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่เหมือนเดิม ผ้าห่มที่ห่มอยู่ทุกวันนี้ก็ดันไม่อุ่นเท่าตอนที่มีอีกคนเคยนอนกอด
เคยคิดว่าไม่มีเธอก็จะดีแล้วแท้ๆ เชียว
วันที่ 1 มกราคม ปี 2016
ฉันไม่อยากครองโลกนี้แล้ว
ฉันอยากได้เธอกลับมา
เธอไม่อยากออกไปจากห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว
เพราะแค่ก้าวเดียวในวันนี้ ก็คงต้องเจอแต่คนมีคู่แน่ๆ
จิตใจเธอห่อเหี่ยวเกินไปที่จะเห็นคนอื่นรักกันตอนนี้
เธอก็เลยไม่ได้ออกไปไหน ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงจนกระทั่งถึงมืดและอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะขึ้นวันใหม่
มือเรียวยกมือถือขึ้นมากดเบอร์เดิมที่คุ้นเคย แต่กลับไม่กล้าโทรออก แม้แต่ข้อความที่จะส่งไปสุขสันต์วันปีใหม่กับความในใจอีกยาวเหยียดก็ยังไม่ได้กดส่งออกไป เพราะก็กลัวว่าอีกคนจะไม่ตอบกลับมา ไม่ติดต่อกลับมา และไม่สนใจข้อความจากเธอ
ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...
ไม่มีจุดหมาย
ไม่รู้จะทำอะไร
คิดอะไรไม่ออกเลยซักอย่าง พอไม่มีอีกคนนึงอยู่ด้วย
ครืด~
จู่ๆ มือถือในมือของซูจองก็สั่นเบาๆ สั้นๆ แจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามา…
จากเบอร์ที่เธอไม่ได้บันทึกไว้ แต่เธอก็จำได้ดีว่ามันเป็นเบอร์ของคนที่เธออยากคุยด้วยมากที่สุด
อีมิจู…
บนล็อคสกรีนโชว์ข้อความสั้นๆ สองประโยค...
‘happy new year เหมือนกัน
คิดถึงมากๆ เลย’ จาก 0923xxxxxxx
ทำไมถึงบอกว่า happy new year เหมือนกัน?
ซูจองรีบกดเข้าไปดูในข้อความ แล้วก็ต้องช็อคตาตั้งเมื่อเห็นข้อความที่ตัวเองพิมพ์ไว้ยาวเหยียดถึงมิจูถูกกดส่งออกไปตั้งแต่เกือบหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว และนั่นมันเมื่อไหร่เธอก็ไม่รู้ตัว
แต่ว่าฉันส่งไปมากมาย เธอดันตอบกลับมาแค่สองประโยคเนี่ยนะ! ไอ้บ้ามิจู!!!
คราวนี้คนตัวเล็กกดเบอร์โทรออกหาอีกฝ่ายทันทีอย่างไม่ลังเล ดังอยู่ไม่ถึงสามครั้งปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหล…”
“นี่ อีมิจู ไอ้บ้า เธอคิดจะตอบข้อความฉันแค่นี้จริงๆ เหรอ เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึไง ไม่คิดถึง ไม่เป็นห่วง ไม่สนใจอะไรกันบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้…”
ซูจองสวนกลับเสียงฮัลโหลของอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำยาวเหยียด ไม่เว้นวรรคให้มิจูได้พูดตอบได้ทัน คนตัวเล็กรีบเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลไม่หยุดออก ข่มเสียงไม่ให้สะอื้นให้อีกฝ่ายได้ยิน
“พี่ซูจอง…”
“อยู่ที่ไหน ทำไมไม่คิดจะติดต่อกลับมาบ้าง ทำไมไม่รู้บ้างว่าฉันคิดถึงเธอขนาดไหน”
ซูจองได้ยินเสียงอีกฝ่ายสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตอบเธอ
“ทีละคำถามนะ…
ฉันไม่ได้คิดจะตอบข้อความแค่นี้
แล้วก็แน่นอน ฉันรู้สึกสิ ฉันคิดถึงพี่ตลอด เป็นห่วงพี่ทุกวัน แต่ฉันไม่กล้าโทรหา ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน…
ส่วนอยู่ที่ไหน… พี่ก็มาเปิดประตูห้องให้หน่อยสิ”
ซูจองเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงเป็นครั้งแรกของวันนี้ เธอยังถือมือถือแนบหูขณะที่เดินไปเปิดประตูห้องของตัวเอง...
คนตัวสูงยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกระเป๋าเดินทางใบเดิม กับที่ลากออกจากห้องไปเมื่อเดือนก่อน ขอบตาดำช้ำ กับเสื้อผ้าที่หลวมโพรก บ่งบอกอาการ ที่ดูแล้วโทรมพอๆ กันกับเจ้าของห้องในตอนนี้
“หวัดดี ขอโทษที่หน้าด้านกลับมา แต่แค่เดือนเดียว ฉันก็คิดถึงพี่เป็นบ้าเลย...”
ซูจองโถมตัวเข้ากอดมิจูเต็มแรง ไม่รอให้อีกคนพูดอะไรยาวกว่านั้น เธอซบหน้ากับหน้าอกของคนที่กำลังกอด น้ำตาที่กำลังไหลเปื้อนเสื้อเชิ้ตของตัวสูงเป็นรอยชื้น ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญนักในตอนนี้ สิ่งที่มิจูอยากทำที่สุดก็คือกอดคนตัวเล็กตรงหน้าไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ขอโทษนะที่ฉันมันไม่ได้เรื่อง ขอโทษที่ทำให้พี่เสียใจ ขอโทษจริงๆ กับทุกเรื่อง…
ฉันสัญญาว่าจะทำตัวให้ดีขึ้นกว่านี้นะ
จริงๆ อาจจะดูไม่น่าให้อภัย
แต่ฉันไม่สามารถอยู่ที่อื่นที่ไม่มีพี่ได้เลยจริงๆ
ให้ฉันกลับมาอยู่ในชีวิตของพี่ได้ไหม
ฉันไม่อยากมีโลกส่วนตัวแล้ว
ฉันอยากอยู่ในโลกที่มันมีฉันกับพี่”
เธอยังคงชอบน้ำเสียงเวลาขอโทษ ของมิจู ไม่เคยเปลี่ยน
ซูจองพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดของมิจู แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอีกคนจะทำได้จริงไหม
แต่คำสัญญาไม่ได้จำเป็นสำหรับเธอ เพราะสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือเธอไม่อยากอยู่แบบไม่มีมิจูอีกแล้ว
“ฉันก็ไม่อยากอยู่บนโลกที่ไม่มีเธอเหมือนกัน”
คนตัวเล็กคลายกอดจากคนตรงหน้า ก้มหน้าก้มตาดึงมือมิจูเดินไปยังห้องครัว แล้วหยิบขวดน้ำผลไม้ที่ไม่เธอเคยเปิดออกส่งให้
“เปิดให้หน่อย”
คนตัวสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ คว้าขวดมาบิดฝาเปิดออกได้ง่ายดายเช่นเคย แล้วยกขึ้นดื่มแบบที่ชอบทำอยู่เสมอ แล้วถึงจะส่งคืนให้
“ขอบคุณที่แย่งกินก่อน”
"ไม่เป็นไร..."
มิจูยิ้มตอบคำขอบคุณแกมประชดชันนั้น แล้วขยับเข้าไปใกล้ซูจองที่กำลังยกขวดน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม มือเรียวแย่งขวดออกมาจากมือของคนตัวเล็กเมื่อดื่มเสร็จ แล้วแทนที่ตำแหน่งนั้นด้วยริมฝีปากของเธอแทน
“แย่งกันถึงในปากเลยเหรอ หื้ม”
ซูจองทุบเบาๆ เข้าที่ไหล่คนที่เพิ่งขโมยน้ำผลไม้ไปจากเธอ แล้วยังจะเลียริมฝีปากด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นอีกต่างหาก
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี
สายตาแบบนี้ก็ยังทำให้เธอใจสั่นได้เสมอ…
“ช่วยไม่ได้… ก็มันหอมน่ากินนี่นา”
“ก็ไปเปิดขวดใหม่สิ”
“ไม่ได้หมายถึงน้ำ
.
.
.
หมายถึงพี่ต่างหาก”
พูดจบมิจูก็ยกคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม แล้วเดินตรงไปที่เตียง ซึ่งวันนี้ไม่ได้ใหญ่เกินไปอีกต่อไปแล้ว แต่กลับพอดีสำหรับคนสองคน
วันนี้แค่มีอ้อมกอดอบอุ่น จูบอันอ่อนโยน กับเสียงกระซิบคำว่ารักเบาๆ ที่ข้างหูของอีมิจู
โลกของอีซูจองมีแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
-end-
(Soundtrack recommended: Wahncai - ครองโลก http://youtu.be/pI9nklVeNec)
ความคิดเห็น