ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่แปด ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่แปด



    ฐานัสยืนมองคนที่อยู่ห่างไปอย่างพิจารณา เห็นแล้วว่าฝ่ายนั้นดูกำลังจริงจังกับกระดาษในมือเป็นอย่างมากจึงตัดสินใจนิ่งเฉย จนกระทั่งกระดาษแผ่นแรกจบไปแผ่นที่สองจึงตามมา และเรียวคิ้วเข้มก็ขมวดเป็นปมอย่างครุ่นคิดทันที นั่นล่ะถึงทำให้เขาตัดสินใจเดินตรงไปหา

    คนที่ยืนอยู่หลังรถกระบะขนผักอินทรีย์เหลียวสายตามองวินาทีหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวผ่านปลายสายตา ก่อนจะกลับมาสนใจกับชื่อผักชนิดหนึ่งที่ทำให้การทำงานหยุดชะงักชั่วคราวต่อ ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าการเคลื่อนไหวของคนแปลกหน้าใกล้ตัวมากขึ้น จนที่สุดก็อยู่ใกล้พอที่จะทำให้เงยหน้าขึ้นมอง

    มีอะไรให้ช่วยไหมครับ

    คำถามนั้นส่งมาอย่างเป็นมิตร แต่ไกรวีกลับหรี่ตาลงขณะพินิจรูปหน้าที่คลับคล้ายเคยเจอกันที่ใด และรอยยิ้มที่ส่งมาก็ราวกับกระตุ้นความทรงจำได้ดี ชายหนุ่มจึงไม่ได้ยิ้มแต่ก็ไม่ขยับหนี เพียงส่ายหน้า ตอบกลับเสียงเรียบไปเท่านั้น

    ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ

    น่าแปลกที่กิริยาเรียบเฉยอย่างนั้นกลับทำให้ฐานัสพอใจ พอเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไปสนใจหลังกระบะที่มีผักห่อมัดแยกประเภทกันชัดเจนแล้วจึงถือวิสาสะชะโงกหน้าดูกระดาษที่เป็นใบรายการสินค้า ขยับยิ้มมากขึ้นพลางช้อนนัยน์ตามอง ความไม่แน่ใจซึ่งปรากฏชัดบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ

    นางแลวก้านสีขาวครับ จะมีดอกม่วง ๆ ขาว ๆ ติดอยู่ตามก้าน

    ไกรวีชะงักไปเล็กน้อย พลันสายตาก็มองไปเห็นมัดก้านสีม่วงอย่างที่ฐานัสบอก เม้มปากน้อย ๆ ก่อนยื่นมือหยิบมาดู ไล่สายตานับจำนวนอย่างเงียบ ๆ พอเรียบร้อยก็ขีดเครื่องหมายถูก กำลังจะไปยังลำดับถัดไปก็พอดีกับที่รู้สึกได้ถึงสายตาของฐานัสที่มองกันไม่คละคลาด ไกรวีไม่ได้รู้สึกประหม่าหรือเก้อเขินในความไม่รู้ผักพื้นบ้านของตัวเอง แต่เป็นความอึดอัดมากจนต้องหยุดงานแล้วหันมอง

    ขอบคุณครับ

    ฐานัสเองก็ดูพอใจเป็นอย่างมากที่ได้รับคำขอบคุณ แต่แทนที่เขาจะถอยห่างหรือจากไปอย่างที่ไกรวีหวัง ชายหนุ่มกลับยังยืนอยู่ที่เดิม จนเป็นไกรวีที่ต้องเดินอ้อมร่างสูงใหญ่นั้นไปยืนอีกทาง แสดงออกชัดเจนว่าแม้ไม่ได้ต้องการเป็นปรปักษ์เหมือนใคร แต่ก็ใช่ว่าจะอยากอยู่ใกล้หรือเสวนา

    หากแต่ฐานัสไม่สนใจ เขาเห็นว่านัยน์ตาคู่นั้นยังชำเลืองมองดอกนางแลวอยู่อีกครั้งสองครั้งจึงขยับตัวพาดแขนลงวางกับกระบะท้าย เอ่ยปากให้คนที่กำลังชำเลืองมองอีกรอบชะงักไปนางแลวนี่ลวกกินกับน้ำพริกก็อร่อยนะครับ หรือจะทำแกงก็ดี รสขมหน่อย ๆ ถ้าน้องกรชอบ

    สรรพนามเรียกขานทำให้ไกรวีเหลียวมอง เขาสบตานิ่งนานหลายวินาทีอย่างที่ทำให้ฐานัสอมยิ้ม รับรู้ได้ถึงกำแพงสูงชันที่คงยากหากจะเข้าหา แต่ฐานัสไม่สนนักหรอก ตราบใดที่คนซึ่งกำลังยืนสังเกตการณ์จากหน้าร้านขายผักออร์แกนิคจะยังขึงเครียดขณะจ้องมาอย่างนั้น

    ไกรวีมองไม่เห็นเหมือนที่เขาเห็น แต่ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์ยิ้มมารยาท เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเฉยชาเป็นที่สุดขอโทษครับ แต่เราไม่รู้จักกัน เพราะอย่างนั้นถ้าจะเรียกก็รบกวนเป็นชื่อจริงดีกว่า

    แต่พี่ชอบชื่อเล่นคุณไกรวีมากกว่านะครับ

    ไกรวีเผลอขมวดคิ้ว คนอะไรพูดจากวนโทโสได้ขนาดนี้ นี่หากไม่ติดว่าเขาคร้านจะเสวนาด้วยแล้วคงได้ต่อปากต่อคำกลับไปบ้างล่ะ ชายหนุ่มถอนใจเฮือก ก่อนมองเห็นคู่อริตัวจริงของฐานัสที่กำลังเดินตรงเข้ามาด้วยหน้าตาถมึงทึงราวกับจะฉีกทึ้งฐานัสอยู่รอมร่อ ต่างจากเสียงเย็นเยียบที่ส่งไปคนละซีกโลกเลยทีเดียว

    มีปัญหาอะไรกับคนของผม คุณฐานนทีธัชช์เปรยตามองเพียงครู่ก่อนเหลียวมาสบตากับไกรวีที่ยืนนิ่งเรียบร้อยรึยังกร

    ครับ เรียบร้อยแล้ว

    งั้นก็ไป

    ไกรวีพยักหน้า เดินอ้อมหน้ารถแล้วเปิดประตูขึ้นนั่งยังฝั่งข้างคนขับ ปล่อยทิ้งให้นทีธัชช์เผชิญหน้ากับฐานัสที่ดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับสายตาเย็นเยียบที่จ้องมองมีปัญหาอะไร

    นทีธัชช์ถามอีกครั้ง ยืนยันว่าต้องการคำตอบ หากฐานัสกลับหัวเราะแล้วเลิกคิ้วผมไม่มีปัญหาอะไร น้องกรก็ดูไม่มีปัญหาอะไรนี่

    อย่ายุ่งกับเขาชายหนุ่มเตือนเสียงเข้ม ก่อนแสยะยิ้มเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าอะไรที่จะทำให้ฐานัสหน้าเสียทุกครั้งหากเอ่ยถึงได้เวลากลับบ้านแล้วมั้งคุณหนูฐาน ระวังพ่อโทรตามล่ะ

    และใช่ จากหน้ายิ้มกวนอารมณ์ก็กลายเป็นนิ่งสนิท ฐานัสส่งเสียงเหอะ ส่งสายตาที่ปรากฏชัดว่าไม่พอใจและพร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ข้องเกี่ยวกับนทีธัชช์ มันชัดเจนพอที่จะทำให้คนมองเห็นขบกราม เตือนอีกครั้งด้วยเสียงที่เข้มขึ้น

    อย่ายุ่งกับเขา

    ฐานัสยิ้ม เหมือนเขาจะยั่วอารมณ์นทีธัชช์ได้เสียแล้วสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณที ถ้าน้องกรจะเป็นอะไรเหมือนพลอยไปอีกคน…”

    ทันทีทันใด ร่างของฐานัสก็เซกระแทกเข้ากับประตูด้านหลัง เสียงกระทบกระทั่งนั่นดังพอที่จะทำให้คนที่นั่งบนรถสะดุ้งตัว พอเห็นว่านทีธัชช์กำลังต้อนอีกฝ่ายด้วยการดันแขนเข้ากับอกเพื่อล็อกตัวไว้จึงรีบเปิดประตูลงมา ทันได้ยินเสียงกดต่ำที่ราวกับกำลังประกาศก้องว่าพร้อมจะมีเรื่องที่ตรงนี้หากฐานัสต้องการ

    ฉันเตือนแกแล้ว

    เฮ้ ๆ ใจเย็นหน่อยน่าฐานัสเหลียวสายตามองไกรวีที่มองมานิ่ง ๆ นึกอยากยั่วนทีธัชช์อีกสักรอบ เอ...แต่ถ้าตกเขาอาจจะดูจำเจไปใช่ไหม ลองเล่นกับน้ำ—”

    ไอ้ฐาน!”

    นทีธัชช์คำรามลั่น แขนที่เคยกดล็อกขยับออก เปลี่ยนเป็นมือหนึ่งกำกระชากคอเสื้อ ส่วนอีกมือยกขึ้นชี้นิ้วใส่หน้าระยะประชิดหุบปากไว้เถอะ ถ้ายังปากพล่อยอย่างนี้ แม้แต่พ่อแกก็จะไม่มีทางช่วยได้แน่

    ฐานัสขมวดคิ้ว ผลักนทีธัชช์ให้ถอยห่าง ยืดตัวขึ้นตรงพลางจัดเสื้อเชิ้ตยับยู่ให้เข้าที่ ยิ่งเห็นว่านทีธัชช์จุดยิ้มหยามหยันก็ยิ่งหงุดหงิดใจ แต่จากน้ำเสียงและท่าทางที่บ่งชัดถึงความกราดเกรี้ยวที่กำลังโถมมาอย่างตั้งตารอคอย จึงตัดสินใจพักรบในคราวนี้เอาไว้ด้วยการขยับก้าวห่างจากรถกระบะคันใหญ่ของรินทร์ธารา ยกมือชี้หน้านทีธัชช์อย่างคาดโทษ บอกให้รู้ว่าเรื่องจะไม่จบแค่ตรงนี้แน่ ก่อนหมุนตัวก้าวห่างไปทั้งที่อารมณ์ยังคุกรุ่นโกรธเคือง

    นทีธัชช์ยืนนิ่ง มองตามจนแน่ใจแล้วว่าฐานัสจะไม่กลับมาอีกจึงหันมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ออกปากสั่งเสียงเข้มไม่ต่างจากเมื่อครู่ขึ้นรถ

    ไกรวีทำตามอย่างว่าง่าย ใช่ว่ากลัว แต่เขารู้แล้วว่าสภาวะทางอารมณ์ของนทีธัชช์ตอนนี้ใช่จะดีนัก ยิ่งเสียงปิดประตูดังลั่นอย่างนั้นก็ทำให้ได้แต่นั่งนิ่ง จนรถเคลื่อนตัวอีกครู่หนึ่งคนที่ขบกรามแน่นตลอดทางจึงค่อยผ่อนลง เอ่ยถามด้วยเสียงที่ทุ้มลึกไร้แววขุ่นโกรธ

    มันเข้ามาคุยอะไร

    ถึงจะยังห้วนก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าห้าวกระด้างเหมือนที่คุยกับฐานัส ไกรวีประมวลผลแล้วตอบตามที่คิดออกไปเข้ามาตีสนิท

    นทีธัชช์ขมวดคิ้วทันทียังไง

    ไม่รู้สิครับ ดูท่าเป็นมิตร แต่ก็เหมือนไม่ใช่

    ไกรวีผ่อนลมหายใจยาว ครุ่นคิดถึงสายตาของฐานัสยามมองตนแล้วให้สะกิดใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนอีกฝ่ายอยากเข้าหาเพราะต้องการทำความรู้จักกันจริง แต่อีกทางก็เหมือนจะต้องการยั่วโมโหนทีธัชช์ แต่พอคิดถึงบทสนทนาที่เขาได้ยินพอดี ใจเลยเอนเอียงไปทางอย่างหลังมากกว่าผมว่าเขาคงแค่อยากยั่วพี่ที

    แล้วเห็นไหมว่ามันเป็นตัวอันตราย

    ไกรวีพยักหน้า และนึกขอบคุณที่นทีธัชช์อยู่ตรงนี้ เป็นคนที่เข้าหาอีกฝ่ายแทนที่จะเป็นเขา เพราะถ้าไม่มีแรงอารมณ์ของนทีธัชช์ที่มากพออยู่แล้ว บางทีอาจเป็นไกรวีที่พุ่งเข้าใส่ ซัดใบหน้าหล่อร้ายนั่นให้เลือดตกยางออกเลยก็ได้

    พี่ทีว่าเขาจะทำจริงไหมครับ

    ทำอะไร

    ก็…” ไกรวีเว้นคำ แต่นั่นกลับทำให้นทีธัชช์กัดฟันกรอดขึ้นมาอีกรอบ

    อยู่ ๆ เขากลับคิดว่าฐานัสไม่ได้หมายความถึงน้ำตรงตัว การที่จะทำร้ายคนใกล้ตัวเขามีมากวิธี และเขาคิดว่าคนที่มีสมองคิดแต่ทำร้ายคนอื่นอย่างฐานัสจะไม่มีวันใช้วิธีเดิม นึกรู้ว่าน้ำในความหมายของฐานัสคืออะไร

    ถ้าฐานัสจะไม่ทำร้ายเขา ก็อาจใช้เขาเป็นเครื่องมือทำร้ายไกรวี

    แล้วให้ตาย เขานึกอยากให้ไกรวีหัวสมองแล่นช้าขึ้นมาบ้าง

    เขาคงจะไม่หลอกพี่ทีให้ทำร้ายผมใช่ไหม

    อยากขำแต่นทีธัชช์ขำไม่ออกจริง ๆคิดได้ยังไง

    ผมไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีเดิม แต่ถ้าทำวิธีใหม่อย่างที่บอกมา นั่นก็จะเป็นหลักฐานมัดตัวเขาแบบที่ดิ้นไม่หลุดสิครับ

    แล้วทำไมถึงคิดว่าจะเป็นพี่

    นทีแปลว่าน้ำพอนทีธัชช์เหลียวมองอย่างต้องการที่จะรู้ว่ารู้ความหมายได้อย่างไร ไกรวีจึงแสยะยิ้มแล้วเอ่ยความนทีเป็นคำที่แปลง่ายออกครับ อีกอย่างสมมติว่ามันยาก แต่ผมเป็นบรรณาธิการ

    ในสมองของเขามีคำไทยเป็นล้าน เขามีหนังสือพจนานุกรมเทียบคำเล่มหนาอย่างที่คงปาหน้านทีธัชช์ให้หมดหล่อได้ และถ้าตอนนี้มันอยู่ในมือ เขาคงฟาดมันกระแทกไหล่เจ้าของยิ้มร้ายที่ราวกับกำลังแสดงออกว่าเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาเป็นคนขี้อวดให้ไหล่หลุดสักที

    แต่พออีกฝ่ายปรับอารมณ์ได้ เสียงทุ้มลึกที่เอ่ยบอกกันก็ทำให้ไกรวีนิ่งอีกครั้ง

    พี่ไม่มีวันทำร้ายกร

    เขาเชื่อ เชื่ออย่างหมดใจ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่จะกับใครหากไม่แว้งทำร้ายกันก่อนนทีธัชช์ก็จะไม่มีทางเปิดฉากสู้ ชายหนุ่มเป็นคนปากคอเราะรายก็จริง แต่ก็จริงใจกับทุกคนมากพอที่จะไม่คิดร้ายใคร

    แต่สิ่งที่เขายังไม่รู้ คือนทีธัชช์จะมั่นคงกับความคิดตัวเองแค่ไหน จะยึดมั่นในศรัทธาของตัวเองมากเท่าไร ที่จะมากพอจนเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ถูกใครหลอกใช้ได้สมดังใจ

    ผมเชื่อ

    ไกรวีบอกอย่างซื่อตรง เขาจะเชื่อทุกคำพูดและการกระทำของนทีธัชช์ หวังอยู่ในใจว่าจะไม่มีวันที่นทีธัชช์จะทำร้ายความวางใจของเขาให้มลายลง

     

    ลมเย็นยามบ่ายพัดโชยให้ชายหนุ่มที่ยืนเล่นรับลมอยู่หน้าบ้านไม้ไผ่หลังเล็กเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเรียววาวทอดมองริ้วดอกนางพญาเสือโคร่งที่ชูช่อออกดอกประชันความงดงาม มันพลิ้วพลัดตามกระแสลมจนคล้ายจะได้กลิ่นอ่อน ๆ ไกรวียอบกายลงนั่ง ใช้สองขารับน้ำหนักตัวขณะเอื้อมมือหยิบดอกที่ร่วงหล่นลงพื้น พินิจสีชมพูอ่อนหวานของกลีบใบก็ให้ยิ้ม ขยับปลายนิ้วเคลียใบก่อนหยัดกายขึ้นยืน

    คุณทีอยากได้แบบอื่นเพิ่มไหม รีเควสต์ยายมาได้เลยนะ ยายจะได้ทำให้

    นทีธัชช์ที่กำลังทอดมองร่างประเปรียวที่ยืนทอดน่องใต้ต้นนางพญาเสือโคร่งถึงกับเลิกคิ้ว เขาละสายตาจากไกรวีกลับมามองหญิงชราเจ้าของคำถามเมื่อครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วเย้ากลับไป

    เจอนักท่องเที่ยวบ่อยเลยสิครับยาย พูดอังกฤษเก่งแล้วอย่างนี้

    เก่งเกิ่งอะไรกั๊น ยายก็พูดตามหลานมันนั่นแหละ พูดไม่เป็นกับเขาเดี๋ยวจะตกเทรนด์

    คราวนี้นทีธัชช์เลยหัวเราะร่วน ท่าทีของยายบุญมาทำให้เขาคลายยิ้มได้ไม่ยากเลย ทว่าแม้อารมณ์ขันจะมีมาก แต่หญิงชราก็ยังรอคอยคำตอบที่ถามไป ให้ชายหนุ่มหลุบตาลงมองไม้แกะสลักที่จะนำไปเป็นพวงกุญแจขายในร้านขายของที่ระลึกอย่างครุ่นคิด เขาเองไม่ได้เรื่องมากอะไรนัก ด้วยยายบุญมาแม้ปีนี้จะอายุเจ็ดสิบปีแล้วแต่งานฝีมือก็ยังละเมียดละไมและสร้างสรรค์ เป็นที่ชื่นชอบชื่นชมของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ

    ทว่าอยู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นโลด แววตาคมปลาบแน่วนิ่งเป็นประกายวิบไหว ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงชรา จุดยิ้มแล้วจึงเอ่ยบอกความต้องการ

    ยายบุญมาตอบรับด้วยรอยยิ้ม รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าหากนทีธัชช์มาครั้งต่อไปจะได้ไม้แกะสลักแบบที่ต้องการแน่ ก่อนจะมองส่งชายหนุ่มที่ขอตัวกลับ เดินออกไปยังหน้าบ้านเพื่อเรียกอีกคนที่ยืนเล่นอยู่ตรงนั้น ซึ่งยายบุญมาก็ได้แต่ยิ้มกว้างอย่างผู้ใหญ่ใจดีเมื่อไกรวีมองตรงมาแล้วยกมือไหว้ลาอย่างนอบน้อม

    กลับกันเลยแล้วกัน หรืออยากแวะที่ไหนต่อรึเปล่า

    ไกรวีส่ายหน้าหลังได้ยินคำถาม วันนี้นทีธัชช์พาเขาเดินสายมาตั้งแต่เช้า ส่งผักด้วยตัวเองตามแต่ละร้านเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ แถมยังแจ็กพ็อตเจอฐานัสเข้าให้อีก แล้วกว่าจะขึ้นภูมาถึงที่นี่ก็ใช้เวลาพอสมควร ไกรวีคิดว่าตัวเขาอยากกลับไปพักที่ไร่มากกว่าจะทำอะไรแล้วในตอนนี้

    ถึงอย่างนั้นก็ยังเอ่ยปากอาสาผมขับรถให้ไหมครับ

    อย่าเลย นั่งก็พอแล้วไกรวีเกือบคิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงแล้วนะ หากไม่ติดว่าประโยคถัดมาน่ะเกิดเสียหลักพารถลงข้างทางล่ะแย่แน่ แทนที่จะได้ไหลล้อลงถนนดี ๆ กลัวจะได้กลิ้งกลุก ๆ ลงเนินเขาไปมากกว่า

    ห่วงสวัสดิภาพตัวเองล่ะสิ พูดอย่างนี้ไม่ไว้ใจกันเลยนี่ครับ

    อือ ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ ตอนขับรถขึ้นภูมาก็หลับเกือบตลอดทางเลยไม่ใช่รึไง

    เอาเป็นว่าไกรวีไม่เถียง และทำในสิ่งที่นทีธัชช์พูดหลังจากขึ้นรถได้ไม่เกินสิบนาที นั่นคือการเอนเบาะลงสุดแล้วนอนหลับตลอดทาง

     

    ไกรวีชอบนั่งที่ชานพักหลังเรือน จากตรงนี้นทีธัชช์ไม่ได้จัดการพื้นที่ให้เป็นรูปเป็นร่างนัก หากไม่นับว่าเป็นลานซักล้างและลานตากผ้า พื้นที่ด้านหลังก็จะเป็นพื้นที่โล่งว่างที่ทำให้มีลมพัดโบกทุกคราวที่มีคลื่นลม

    ปกติไกรวีจะมานั่งเล่นตรงนี้ บางคราวก็เอาแล็ปท็อปออกมานั่งทำงาน ทอดน่องสบายอารมณ์รับลมเย็น ๆ มองวิวทิวทัศน์ซึ่งเป็นทิวเขาเรียงสลับกับเส้นถนนไกลลิบ ๆ แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้มองทิวเขาห่างไกลอีกแล้ว ในเมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งที่กำลังเบ่งบานใกล้ ๆ ดึงดูดใจเขาได้มากกว่า

    ก่อนหน้านี้ไกรวีเห็นว่ามันเป็นเพียงต้นไม้ใหญ่ที่นทีธัชช์ปลูกเรียงไม้กระดานสี่ต้นเป็นแนวรั้วแสดงอาณาเขต ไม่เคยคิดสงสัยว่ามันคือต้นอะไร จนกระทั่งตอนนี้ที่ดอกเบ่งบาน สร้างให้บ้านไม้หลังใหญ่อันแสนสงบเย็นเจือความนุ่มนวลได้ในทันที

    ชายหนุ่มอาจได้อยู่ในภวังค์นานกว่านี้ ถ้านทีธัชช์จะไม่เดินออกมาเสียก่อน เขาย่อตัวลงแล้วนั่งหย่อนขาข้างไกรวี ทอดมองภาพอันนุ่มสบายตาอยู่เงียบ ๆ อีกพักไกรวีจึงเอ่ยขึ้น

    พี่ทีเคยคิดอยากจะทำอะไรกับพื้นที่ตรงนี้บ้างรึเปล่าครับ

    นทีธัชช์หันมองคนข้างกาย กระตุกยิ้มอย่างไม่วางใจจะเสนออะไรล่ะสิ

    คนโดนรู้ทันเลยส่งเสียงหึในคอ พยักพเยิดหน้าไปทางต้นนางพญาเสือโคร่งแล้วว่าขึ้นเพิ่งมาคิดออกก็ตอนเห็นพญาเสือโคร่งบานแหละครับ จะฟังไหมล่ะ

    ถึงยังมีท่าทีไม่วางใจแต่นทีธัชช์ก็ยังพยักหน้าลองว่ามา

    ผมว่าพื้นที่ตรงนี้ก็กว้างดี ถ้ามีบึงอยู่ตรงนี้ อาจจะเอาไว้เลี้ยงปลาหรือให้เป็นบึงเฉย ๆ ก็ได้ มีสะพานไม้ยื่นไปถึงแค่กลางบึง น่าจะเป็นที่พักผ่อนที่ดีเลยนะครับ

    นทีธัชช์นึกภาพตามแล้วจุดยิ้มชอบแบบนั้นเหรอ

    ผมชอบ แต่ไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับ นี่บ้านพี่ที ถ้าพี่ทีไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ แค่นั้นเองครับ

    ไกรวีพูดจริง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แต่เขายังระลึกอยู่เสมอว่าตนเป็นเพียงแขกผู้ขออยู่อาศัย เพียงแต่เสนอแนะเพื่อให้พื้นที่ว่างเปล่าตรงนี้เป็นรูปร่างหรือมีประโยชน์ขึ้นมาบ้างเท่านั้นเลี้ยงปลาก็ดีนะครับ หิว ๆ ก็จับมาทำอาหารเลย

    พอเถอะ ส่วนของฟาร์มก็เลี้ยงไว้แล้วนั่นไง

    หรือจะขุดเป็นคลอง เอาไว้เล่นน้ำเวลาร้อน ๆ

    นั่นก็น่าสนใจ แต่แบบนั้นพี่นอนแช่ในอ่างก็ได้

    ไกรวีเลยส่งค้อนไปทีค่าที่ขัดกันอยู่เรื่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าห้องน้ำของที่นี่ก็ดีมากอยู่แล้ว ด้วยมีอ่างอาบน้ำแล้วผนังชิดอ่างยังเป็นกระจกที่หากเปิดมู่ลี่ออกแล้วก็จะมองเห็นวิวด้านนอก ไกรวีเคยใช้บริการแช่น้ำร้อนครั้งหนึ่ง ค้นพบว่ามันดีมากทีเดียว ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อมองออกไปนอกผนังกระจกแล้วเห็นทิวเขายามค่ำคืน

    อะไรอีกดี

    ไกรวีทำหน้าเบื่อใส่ไม่คิดแล้วครับ ถ้าพี่ทีจะทำจริงก็คิดเองเลยแล้วกัน

    นทีธัชช์หัวเราะในลำคอ หันมองผืนฟ้าที่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกขณะจึงขยับตัวหยัดยืนลงบนพื้น ก้าวเท้าออกเดินไปทางต้นนางพญาเสือโคร่ง ไกรวีเห็นดังนั้นจึงลงจากชานพักแล้วเดินตามไปบ้าง เห็นมือกร้านเอื้อมขึ้นไป เด็ดดอกมันมาไว้กับมือแล้วหันมองมา

    แม้จะแปลกใจเล็กน้อย แต่ไกรวีก็ยังยื่นมือออกไปรับดอกสีชมพูหวานจากอีกคน ชายหนุ่มเคลียกลีบใบอย่างลืมตัว นึกคิดไปว่าการกระทำเมื่อครู่แม้จะเงียบงันแต่ก็นุ่มนวล

    ถ้าชอบ จะตัดกิ่งปักแจกันก็ได้นะ พี่ให้

    พลันหัวใจกลับวูบไหว ไกรวีรู้สึกแปลกประหลาดในอกจนทำให้ใบหน้าขึ้นไออุ่น ทว่าวินาทีถัดมากลับคิดว่านี่หรือใช่เรื่องที่สมควร จึงหรี่ตามองนทีธัชช์อยู่นิ่ง ๆ ก่อนตัดสินใจเปรยออกไปนึกจะตัดก็ตัดได้เลยเหรอครับ

    ไม่ได้สิ ถ้าจะตัดก็เลือกกิ่งที่ดูท่าว่าไม่แข็งแรงแล้วกัน

    นี่เขาว่าชักแปลก ๆ ยังไงพิกลทำไมต้องเลือกกิ่งครับ

    กับบางกิ่งโดนลมพัดมากเข้าก็จะหักอยู่แล้วน่ะ ก็เลือกกิ่งที่จะหักมิหักแหล่แล้วกันพอบอกอย่างนั้นก็เลยหรี่ตามองบ้าง ซ้ำยังมีแววคาดโทษเจืออยู่ด้วยนี่คงไม่คิดว่าพี่จะทำร้ายต้นไม้ตัวเองหรอกใช่ไหม

    ไกรวีหน้าง้ำ ด้วยไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาคิดไปแล้ว ถึงแม้จะแอบมีอีกความรู้สึกแทรกเข้ามาก็เถอะก็นึกว่าจะใจดีต่อกันเสียอีก

    นทีธัชช์เองพอเห็นปฏิกิริยาอย่างนั้นก็หัวเราะ เดินไปทางโครงไม้ขึ้นทรงที่เหมือนจะเป็นจุดที่เก็บอุปกรณ์การเกษตร ก่อนจะกลับมาหาไกรวีอีกครั้งที่เพียงแต่มองมาด้วยสายตาใคร่รู้ ชายหนุ่มหันไปพิจารณาต้นที่อยู่ใกล้สุดแล้วเดินไล่ไปอีกทาง หยุดอยู่ที่ต้นริมซ้าย มอง ๆ อยู่อีกครู่จึงโน้มกิ่งหนึ่งลงมา

    ไกรวีเห็นเหมือนกันว่ามันหมิ่นเหม่จะหักลงจากต้นแล้ว จึงขยับเข้าไปดูยามนทีธัชช์ใช้กรรไกรตัดกิ่งลงมา เสร็จแล้วก็หันมาหา ยื่นกิ่งที่ยังมีดอกบานสวยเรียงไร่ตามแนวไม้ จุดยิ้มมองมาให้ไกรวีเอื้อมมือรับมัน

    สีขาวเหมาะกับกรมากกว่านะ

    ถ้อยคำนั้น ไกรวีไม่แน่ใจว่าเป็นคำชมหรือเพียงแต่ออกความคิดเห็น หากเขาก็ยังได้ยินเสียงใจเต้นตุบอยู่หลายหนก่อนมันจะสงบดังเดิม

    และมันเกือบจะเต้นรัวอย่างน่าหวั่นหากเขาไม่สงบใจได้เสียก่อน

    พญาเสือโคร่งสีขาว ที่จริงพี่หวงมากนะ ไม่ให้ใครง่าย ๆ ถึงกิ่งจะหักก็เถอะนทีธัชช์บอกอย่างนั้นขณะเอื้อมมือแล้วใช้เรียวนิ้วเคลียกลีบใบจากกิ่งที่อยู่ในมือไกรวี เพียงมองยังรู้สึกว่าแผ่วเบาทะนุถนอม รับรู้ได้ว่ามันคงมีค่าทางใจไม่มากก็น้อยมันหายาก เพราะงั้นก็ช่วยรับมันไว้แล้วดูแลให้ดีด้วยล่ะ

    ไกรวีนิ่งไปครู่ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่อยากเงยหน้าสบตาคนที่มองจ้องมาผมจะดูแลมันได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อมันหักลงมาแล้ว

    และเพราะไม่เงยหน้ามองกันสักที ไกรวีจึงไม่เห็นว่านทีธัชช์คลี่ยิ้ม ไม่ได้รับรู้ถึงรอยยิ้มที่เปลี่ยนไป เว้นเสียแต่เสียงทุ้มลึกที่คล้ายจะนุ่มขึ้นนั้นดังใกล้หู ให้รู้ว่านทีธัชช์อยู่ใกล้กันกว่าเคย ขณะที่เรียวนิ้วยังคละเคลียกับดอกสีขาวไม่ห่างกัน

    มีหลายวิธีที่จะรักษามันไว้ได้ พี่อยากให้กรลองคิดวิธีเอาเอง เอาที่กรชอบที่สุดแล้วกัน

    นาทีนี้ไกรวีไม่รู้แล้วว่านทีธัชช์ใจดีกับเขาเพราะอะไร แต่การแสดงออกว่าเขามีความสำคัญพอที่จะได้เป็นเจ้าของสิ่งที่นทีธัชช์หวงแหน และเปิดโอกาสให้เขาได้ตัดสินใจเองอย่างเต็มที่ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับเกียรติมากพอ

    ก็ใช้ได้เหมือนกันนี่นา นายนทีธัชช์




    โปรดติดตามตอนต่อไป




    หน้าตาของดอกนางแลวค่ะ :)



    ขอบคุณภาพจาก oknation.nationtv.tv/blog/karieng มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


    เค้าเริ่มหวานกันแล้วอ้ะะะ มีให้ดอกม้งดอกไม้ สีนั้นสีนี้ ฮี่ฮี่ฮี่
    ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ ถึงครึ่งเรื่องยังเนี่ย ก็ยังงง ๆ อยู่ค่ะ 55555555555

    เหมือนเดิม คอมเม้นต์ กดให้กำลังใจ หรือทวีตติดแท็ก #ธาราโอบจันทร์ นะคะ

    ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่าา เยิ้ฟฟฟ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×