ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ห้า ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่ห้า



    ไกรวีมองเข้าไปในตัวบริเวณของร้าน ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารโดยเฉพาะ แต่น่าจะเป็น Café & Restaurant เสียมากกว่า บรรยากาศโดยรอบแม้ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ตัวร้านก็ยังรู้สึกถึงความร่มรื่นจากโครงเหล็กที่มีไม้เลื้อยดอกสีเหลืองขึ้นคลุม ตัวร้านเป็นเหมือนบ้านไม้สองชั้น และนทีธัชช์ก็เลือกที่จะนั่งอยู่ในซุ้มไม้เลื้อยโดยไม่ถามความเห็นเขาสักคำ

    แต่ช่างเถอะ ไกรวีคิดว่านทีธัชช์รสนิยมดีพอสมควร ดูจากที่เลือกคาเฟ่กึ่งร้านอาหารเป็นที่รับประทานมื้อกลางวันแล้วล่ะก็

    เต็มที่เลย พี่เลี้ยงเอง

    ไกรวีนิ่งไปเล็กน้อยกับคำบอกนั้น ดูไม่น่าไว้วางใจยิ่งกว่าตอนที่จะให้เขาปั่นจักรยานทำสมูทตี้ ชายหนุ่มจึงหรี่เรียวตาลง มองอย่างจับผิดแล้วถามขึ้นเนื่องในโอกาสอะไรครับ

    ต้องมีด้วยเหรอ

    ผมกลัวพี่ทีจะคิดทำอะไรกับผมอีก

    เท่านั้นนทีธัชช์ก็หัวเราะออกมา ส่ายหน้าเชิงบอกว่าไม่มีอะไรจริง ๆ ก่อนรับเมนูมาจากพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ออกมาต้อนรับกัน และเมื่อไกรวียังดูท่าไม่ไว้วางใจเขา นทีธัชช์จึงเป็นคนจัดการสั่งอาหารด้วยตัวเอง

    เป็นอย่างนี้บ่อยรึเปล่า

    แบบไหนครับ

    โกรธนาน

    ไกรวีส่ายหน้าผมหายโกรธนานแล้ว แต่พี่ทีทำให้ผมไม่วางใจเองนี่ครับ ช่วยไม่ได้หรอก

    นทีธัชช์ยอมรับว่าตัวเองผิด ผิดที่เล่นแรงเกินไปหน่อยและทำตามอำเภอใจโดยที่ไกรวีไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะโต้แย้ง ถึงอย่างนั้นคนที่นั่งปั้นหน้าตึงก็ยังทำให้เขาอ่อนใจ เขากลัวว่าตัวเองจะเล่นไม้แข็งถ้าไกรวียังคงมึนตึงต่อกัน

    แค่อยากให้กินอิ่มกินอร่อย เพราะกลับไปส่วนใหญ่ก็มีแต่อาหารชีวจิตทั้งนั้น

    นั่นก็จริง แม้จะมีเนื้อสดไว้ให้ทำอาหาร แต่ส่วนใหญ่ก็ยังประกอบด้วยวัตุดิบพื้นบ้านที่ทางไร่ปลูกไว้แต่ผมชอบนะครับ ได้กินผักสด ๆ กรอบ ๆ แถมปลอดสารพิษแน่นอนด้วย

    งั้นก็สบายใจได้เลย เพราะวัตถุดิบของที่นี่ก็ปลอดสารพิษเหมือนกัน

    รู้ได้ยังไงครับ

    นทีธัชช์ส่งผักสลัดเข้าปาก เคี้ยวอีกครู่ค่อยตอบเพราะรินทร์ธาราส่งของตามออเดอร์ให้ร้านนี้

    ไกรวีตาเป็นประกายขึ้นเมื่อได้รับความรู้ใหม่ ซึ่งหลังจากนั้นระหว่างมื้ออาหารจึงเต็มไปด้วยบทสนทนาที่ว่าด้วยธุรกิจจัดซื้อผัก นม ผลไม้จากไร่รินทร์ธารา เรื่อยไปถึงระบบการรับออเดอร์จากร้านค้าร้านอาหารในตัวจังหวัดอีกด้วย

    นั่งอีกพักจนมื้ออาหารจบแล้ว มีรถสีขาวคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาในร้านซึ่งไม่ได้มีพื้นที่จอดรถ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าคงเป็นพนักงานหรือเจ้าของร้านเพราะรถขับเข้าไปจอดด้านในที่ใกล้กับกรงสุนัขขนาดใหญ่ เหล่าสุนัขต่างยืนขึ้นแล้วส่ายหาง และนั่นก็ทำให้นทีธัชช์สนใจไม่น้อย

    นทีธัชช์พินิจคนที่เพิ่งลงจากรถ เห็นพนักงานคนหนึ่งวิ่งออกมาช่วยถือของก็เข้าใจว่าคงเป็นคนที่เขาอยากเจอและพูดคุยกันสักครั้ง หากก่อนที่เขาจะได้พูดหรือขยับตัว อีกฝ่ายก็กลับเหลียวสายตามาสบกันเข้าเสียก่อน มีรอยไม่แน่ใจปรากฏอยู่ชั่วครู่ แต่เพียงแค่นทีธัชช์จุดยิ้ม คนที่ดูไม่แน่ใจจึงคลายยิ้มแล้วเดินตรงเข้ามาหา

    นทีธัชช์จำได้ว่าคีรินทร์บอกไว้ เจ้าของร้าน café & restaurant นี้อายุน้อยกว่าหลายปี และถ้าดูจากรูปหน้าเกลี้ยงเกลาอ่อนเยาว์แล้วก็ให้มั่นใจ

    สวัสดีครับคุณคีรินทร์

    แต่ดูอีกฝ่ายจะมั่นใจกว่าเขามาก นทีธัชช์หัวเราะน้อย ๆ แล้วส่ายหน้า แนะนำตัวออกไปอย่างไม่ถือสาอะไรผมนทีธัชช์ครับ ฝาแฝดของคีรินทร์

    ได้ยินเสียงอ้าวลอยมาเบา ๆ ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นลูบคออย่างเก้อ ๆขอโทษนะครับชายหนุ่มเอ่ยผมจำได้ว่าวันนั้นคุณคีรินทร์บอกว่าคุณนทีธัชช์ออกตรวจพื้นที่พอดี

    วันนั้นที่อีกฝ่ายหมายถึงคงเป็นวันที่ไร่รินทร์ธาราได้ต้อนรับคู่ค้าที่ค่อนข้างสำคัญพอตัวรายหนึ่ง เพราะไม่เพียงแต่ Relieve Café จะรับสินค้าจากทางไร่ส่งตรงไปยังสาขาในตัวจังหวัด แต่ยังเป็นลูกค้ารายแรกที่ไร่ของเขาจับมือซื้อขายสินค้าโดยจัดส่งมายังอีกสองสาขาที่กรุงเทพอีกด้วย

    ว่าแต่เดินทางมาถึงนี่เลย ได้ลองเมนูที่ทำจากนมแพะของทางไร่รึยังครับ

    เรียบร้อยแล้วครับนทีธัชช์ตอบยิ้ม ๆเอนี่ผมรบกวนคุณสหรัถรึเปล่าครับ เห็นว่าเพิ่งกลับเข้าร้านมาด้วย

    ดวงตาคู่กลมของคนตรงหน้าเป็นประกายวิบวาว ริมฝีปากคู่อิ่มคลี่ยิ้ม กิริยาอย่างนั้นทำให้นทีธัชช์นิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะได้รู้สึกเหมือนมีกำปั้นของไกรวีมาซัดเข้าที่ซีกแก้มแม้ที่จริงชายหนุ่มจะเพียงแต่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ เพราะถ้อยความกลั้วหัวเราะของอีกฝ่าย

    ผมไม่ใช่สหรัถหรอกครับคุณนทีธัชช์ว่าอย่างนั้นก่อนก้มหน้าก้มตาล้วงเอากระเป๋านามบัตรในกระเป๋าเป้ หยิบมาได้หนึ่งใบก็เงยหน้ายื่นส่งให้นทีธัชช์ผมรดิศครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

    ให้ตายนทีธัชช์เข้าใจไกรวีก็ในวินาทีนี้ว่าความรู้สึกที่ว่าหน้าแตกยับเป็นอย่างไร หากแต่ไม่วาย คนที่เคยหน้าแตกเพราะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขายังหัวเราะเยาะกันในทันทีอย่างไม่ปิดบังเสียด้วย

    แถมเหตุการณ์นี้ยังทำให้ไกรวีอารมณ์ดีแม้จะกลับถึงไร่รินทร์ธาราซึ่งนับดูก็หลายชั่วโมงต่อจากนั้นแล้วก็ตาม โดยที่ยังมีสายตาเยาะหยันคอยส่งให้เวลามองกันอยู่ร่ำไป

    เจ้าคิดเจ้าแค้นพอดูเลยนะไกรวี!

     

    นทีธัชช์รู้สึกว่าตัวเองจมจ่อมกับงานเอกสารจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงพักเที่ยงแล้ว ทว่าเมื่อละมือจากงานแล้วมองออกไปในส่วนของด้านหน้าห้องที่ใช้เป็นห้องรับรองแขก เขากลับไม่พบไกรวีที่ควรจะนั่งทำงานของตัวเองอยู่ตรงนั้น

    ชายหนุ่มทอดถอนลมหายใจยาว หยัดกายขึ้นยืนก่อนจะก้าวเท้าออกมาจากห้อง ก็พอดีกับที่จอมทัพ เลขานุการหนุ่มของคีรินทร์ลุกออกจากโต๊ะทำงานของตนพอดี

    พี่ที พักกินข้าวเหรอครับชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อมองมาเห็นเขา แม้จะไม่ได้สนิทกันเท่าคีรินทร์ แต่การทำงานด้วยกันมาหลายปีก็ทำให้สนิทใจที่จะเรียกขานกันอย่างคนคุ้นเคยได้

    นทีธัชช์พยักหน้า ถามกลับเห็นกรไหม

    ครั้งสุดท้ายก็เกือบสิบโมงมั้งครับ เห็นบ่น ๆ ว่าจะออกไปยืดเส้นยืดสาย แล้วก็หายไปเลย

    ไปหลงอยู่ที่ไหนรึเปล่านั่น นทีธัชช์ได้แต่ถอนหายใจ เอ่ยขอบคุณจอมทัพแล้วเดินออกมาจากสำนักงาน กวาดตามองไปรอบบริเวณก็ไม่มีทีท่าจะมองเห็นร่างสันทัดของคนที่นับได้ว่าอยู่ในการดูแลของเขาเลยสักนิด กำลังคิดว่าจะโทรศัพท์ตามดีหรือจะลองขับรถตระเวนหาดี รถกระบะคันเก่าที่บรรทุกคนงานมาเกือบสิบคนก็จอดเทียบใกล้ ๆ สำนักงาน

    และนทีธัชช์ก็ได้รู้ทันทีว่าไม่ต้องไปตามหาไกรวีเองแล้ว เพราะคนงานคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้างานวิ่งตรงเข้ามาหา บอกกล่าวทันทีที่หยุดตรงหน้ากัน

    คุณทีครับ คุณกรอยู่นาข้าวนะครับ ฝากผมมาบอก เผื่อคุณทีกำลังตามหาครับ

    นาข้าวแปลงไหนเหรอครับน้าชุ่ม

    นู่นครับ สุดไร่เลย ที่กำลังปรับดินกันอยู่นั่นแหละครับ

    เท่านั้นนทีธัชช์ก็เอ่ยขอบคุณ ก้าวตรงไปยังรถกระบะของตัวเองแล้วสอดตัวเข้าไป ขับมาได้อีกเกือบสี่กิโลเมตรจากสำนักงาน ผ่านแปลงนาโล่งแห้งมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงแปลงนาสุดท้าย สายตาก็มองไปเห็นร่างสันทัดที่กำลังขยับอย่างแข็งขันอยู่บนที่ดินโล่งว่าง มีดินร่วนซุยจากการพรวนเตรียมงานกองเป็นหย่อม

    ไกรวีเองพอได้ยินเสียงปิดประตูรถก็เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง กลับไปยกคราดขึ้นจากดิน ปักลงไปใหม่ ก็ปล่อยถูครืดให้ดินแห้งที่เกาะกลุ่มแตกออก ทำอย่างนั้นซ้ำ ๆ เรื่อย ๆ ตามแนวดินเป็นทางยาวไป ในขณะที่มีอีกหนึ่งคนซึ่งยืนไม่ห่างกันรีบรุดไปหานทีธัชช์ทันทีที่มองเห็น

    คุณทีครับ

    คนที่เดินเข้ามาหาคือลุงบรรเจิด หัวหน้างานส่วนแปลงนาที่ดูเหมือนกำลังอยู่ในขั้นตอนของการสอนงานคนมาใหม่ นทีธัชช์ยังทอดมองไปกลางแปลงนาจนบรรเจิดมองตาม

    หน่วยก้านดีมากเลยนะครับคุณที

    ชายหนุ่มจุดยิ้ม ยกมือขึ้นกวักเรียกคนที่พักมือจากดินแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงครับ

    ตอนแรกไม่ได้อยู่แปลงนี้หรอกครับ เห็นเดินเล่นแถว ๆ ต้นแปลงนู่น แต่บ่น ๆ ว่าหัวสมองไม่แล่นทำงานไม่ได้ พอเห็นพวกผมจะมาตรงนี้ก็เลยขอติดรถมาด้วย แล้วก็อย่างที่เห็นเลยครับ

    นทีธัชช์พยักหน้ารับรู้ มองไกรวีที่กำลังเดินมาก็ให้ได้ตีหน้านิ่ง ถึงเขาจะค่อนข้างพอใจที่ไกรวีอยู่ไม่สุขจนเดินออกมาหางานทำก็เถอะ แต่ชายหนุ่มก็ยังติดค้างค่าที่ไม่ยอมบอกกล่าวกันก่อน นี่ถ้าเขาคลาดกับคนงานที่อีกฝ่ายฝากส่งข่าวบอกกัน ไม่ใช่เขาต้องขับรถตระเวนหาจริง ๆ น่ะหรือ

    ไกรวีดูกลมกลืนกับสถานที่มากขึ้นเมื่อสวมเสื้อกล้ามสีเทาอ่อนด้านใน ทับด้วยเชิ้ตแขนยาวสีเทาเข้ม กางเกงยีน กับรองเท้าบู้ทสีดำที่คงจะหายืมจากคนงานนั่นแหละ

    มีอะไรเหรอครับ

    นทีธัชช์อยากเอ็ดชายหนุ่มตรงนี้เลย ติดก็แต่ยังมีคนงานอีกหลายคนที่ยังคงทำงานในส่วนของตัวเอง จึงบอกให้ไกรวีไปรอที่รถ ส่วนเขาก็ยืนคุยกับบรรเจิดเกี่ยวกับพื้นที่ที่จะแปรรูปเป็นพื้นที่การปลูกถั่วแทนข้าวอีกครู่หนึ่งค่อยผละออกมาหาคนที่ยังยืนมองแปลงนาอยู่เงียบ ๆ

    เหนื่อยไหม

    นทีธัชช์ถาม ไม่มีแววห่วงใยหรือต้องการรู้จริงจัง เหมือนก็แค่ถาม เพราะอย่างนั้นไกรวีจึงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเช่นกันดีกว่านั่งอยู่ในออฟฟิศแหละครับ

    โทษใครไม่ได้นะอย่างนั้น บอกพี่เองนี่ว่าจะตรวจงานจากนักเขียน

    ผมก็ยังไม่ได้โทษพี่ทีเลยไกรวีเอ่ยกลั้วหัวเราะ ปรับช่องส่งลมเย็นให้จ่อตัวแล้วเอนหลังพิงเบาะนั่งลุงเจิดบอกว่าอีกสองวันจะหว่านเมล็ดปลูกถั่วแล้ว

    อืม ปรับดิน เพิ่มธาตุอาหารให้ดินน่ะ

    เสียดายที่ผมมาอยู่ไม่ทันช่วงเกี่ยวข้าว

    ได้ยินเสียงที่อ่อนลงก็ให้รู้ว่ารู้สึกอย่างที่พูดจริง นทีธัชช์เลยเหลียวมองคนข้างกาย จุดยิ้มพอใจที่ไกรวีไม่ได้อิดออดที่จะเรียนรู้การทำงานทุกอย่างในไร่ แม้ตัวเองจะเข้ามาเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ต้องไป

    ถ้าสนใจเรื่องปลูกข้าว กรคงต้องอยู่จนถึงระยะปลูกครั้งต่อไปแล้วล่ะ

    ซื้อตัวผมมาจากเรือนกระดาษให้ได้ก่อนแล้วกัน

    นทีธัชช์หลุดขำ ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจมีใครพูดแล้วเหรอว่าจะให้กรเข้ามาทำงานที่นี่ ตัวเองพูดเองทั้งนั้น

    ใช่ ไกรวีไม่เถียง แต่ก็ไม่เถียงอีกเช่นกันว่าการได้เรียนรู้ด้านเกษตรกรรมนั้นสนุกมากทีเดียว เพียงแต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าจะหยุดอยู่กับตรงนี้ได้นานแค่ไหน แต่เพราะเห็นว่าไหน ๆ ก็ต้องอยู่จนกว่าจะจบเรื่องกับไร่เคียงผกายได้แล้ว ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยก็คงดี

    อยากได้รองเท้าบู้ท ผมพอจะยืมรถคันไหนขับเข้าเมืองได้บ้างครับ

    ไกรวีจุดประเด็นให้นทีธัชช์ที่เกือบลืมไปเสียสนิทว่าจะเอ็ดเจ้าตัวถึงกับถอนหายใจ และทั้ง ๆ ที่สายตามองตรงไปข้างหน้าแต่ก็ยังเอ่ยด้วยเสียงที่ดุขึ้นเล็กน้อย

    ทีหลังจะไปไหนบอกพี่ก่อนนะกร ไม่ใช่นึกอยากไปไหนก็ไป เกิดไปหลงกลับไม่ถูกจะทำยังไง

    ไกรวีขมวดคิ้วจะหลงได้ยังไงล่ะครับ มองไปทางไหนก็เห็นคนงานเต็มไปหมด

    พี่เคยบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าพี่ไม่ไว้ใจใคร

    หมายถึงว่าพี่ทีกลัวจะมีคนจากเคียงผกายลอบเข้ามาเหรอครับ

    และคนที่จะเป็นเป้าหมายต่อจากพลอยอาจจะเป็นกร

    ไกรวีนิ่ง เขาไม่คิดว่านทีธัชช์จะจริงจังขนาดนี้ เพราะดูจากการที่ไร่รินทร์ธารามีการจัดการตรวจตราคนเข้าออกที่รัดกุมมากขึ้น หากก็ยังไม่วางใจที่จะคิดหรือรู้สึกว่าทุกที่ที่เป็นของเขาปลอดภัย อยู่ ๆ ไกรวีก็รู้สึกอุ่นที่ใจขึ้นมา อาจเพราะได้รับการเอ็ดที่เกิดจากการห่วงสวัสดิภาพของเขาจากนทีธัชช์กระมัง

    เกิดกรโชคไม่ดีอย่างพลอย โดนฆ่าหั่นศพแทนที่จะถูกผลักตกเขาล่ะจะทำยังไง เสียเวลาตามหาชิ้นส่วนร่างกายแล้วอาจจะต้องนิมนต์พระทำพิธีไม่ให้ผีไกรวีเฮี้ยนด้วยก็ได้ ดูสิ ยุ่งยากไปกันใหญ่

    กว่าคนร้ายจะจับผมฆ่าหั่นศพได้ ตอนนั้นรินทร์ธาราคงร้อนเป็นไฟแล้วล่ะครับ

    นทีธัชช์เลิกคิ้ว หัวเราะหึในลำคอ กำลังจะต่อบทเสียหน่อยหากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็รั้งไว้เสียก่อน ชายหนุ่มขับรถช้าลง ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง พอเห็นว่าเป็นจอมทัพจึงหยิบบลูทูธขึ้นมาเกี่ยวใบหูแล้วกดรับ

    ว่าไงเก้า

    พี่ทีครับ พอดีมีคนขอยื่นใบลาออก ผมอยากให้พี่ทีกลับมาคุยหน่อย สะดวกไหมครับพี่

    นทีธัชช์นิ่งไปนิด นานครั้งรินทร์ธาราจึงจะมีคนขอลาออกสักคน ด้วยระบบการทำงานของที่นี่เป็นครอบครัว แม้จะมีคนงานมากแต่นทีธัชช์กับคีรินทร์ก็ดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึง หากแต่ครั้งนี้ที่จอมทัพติดต่อมาก็ทำให้สะกิดใจ

    ทุกคนสำคัญก็จริง แต่ไม่มีครั้งไหนที่จอมทัพต้องโทรมารายงานทันทีแบบนี้

    ใครจะออก

    จอมทัพเงียบไปหลายวินาทีแล้วผ่อนหายใจยาวช้องนางครับพี่ที

    ฝ่ายบัญชีอืม เรื่องใหญ่ด้วยสิเนี่ยได้ เดี๋ยวพี่ไป ไม่เกินสิบนาทีน่าจะถึง บอกคุณช้องนางอย่าเพิ่งไปไหนล่ะ

    ครับพี่

    นทีธัชช์ตีวงล้อก่อนหักพวงมาลัยกลับรถไปทางเดิม ก่อนโทรศัพท์หาอีกหนึ่งสายซึ่งมีนัดกินข้าวกันในเที่ยงนี้ รออีกครู่สั้น ๆ ปลายทางก็รับโทรศัพท์ นทีธัชช์ส่งเสียงไปทันทีโดยไม่รอให้อีกทางเอ่ยคำใด

    มีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวต้องอยู่เคลียร์ก่อน ถ้านายกับพลอยหิวก็กินข้าวกันก่อนเลยนะ

    คีรินทร์นิ่งไปนิดมีเรื่องด่วนอะไร

    ค่อยคุยกัน อ้อ ถ้าจะกินกันก่อนก็เหลือส่วนของฉันกับกรไว้ด้วยแล้วกัน

    นทีธัชช์ไม่รอคำตอบรับจากคีรินทร์ เขากดวางสายแล้วเหยียบคันเร่งให้รถทะยานสู่ความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก ไกรวีเองแม้จะฟังจากบทสนทนาที่ได้ยินแค่นทีธัชช์พูดก็ยังรู้ว่าคงเป็นเรื่องสำคัญมาก จึงทำเพียงนั่งเงียบตลอดทาง กระทั่งถึงสำนักงานลงรถมานั่นแหละนทีธัชช์ถึงหันมาคุยกัน

    หิวไหม ถ้าหิวไปหาขนมปังรองท้องก่อนก็ได้นะ

    แต่ไกรวีส่ายหน้า สายตาบอกชัดว่าจะรอกินพร้อมกัน เพราะอย่างนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าสำนักงาน ตรงหน้าห้องทำงานที่เป็นส่วนของเลขานุการมีคนรออยู่แล้วสามคน จอมทัพ ช้องนาง และชาคริยา หัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ตอนนี้ใบหน้าดูหงุดหงิดยิ่งกว่าใคร

    นทีธัชช์มองพนักงานสามคนที่เป็นดั่งขาที่ช่วยพยุงของไร่รินทร์ธาราก่อนพยักหน้าเข้าไปคุยในห้องผมเถอะครับ

    ได้ยินอย่างนั้นไกรวีจึงแตะข้อศอกนทีธัชช์เบา ๆ รอจนหันมามองจึงค่อยถามให้ผมรออยู่ข้างนอกไหมครับพี่ที

    ไม่เป็นไร มาเถอะ มาฟังด้วยกัน

    นทีธัชช์จุดยิ้มเล็ก ๆ แล้วก้าวเข้าไปด้านในโดยมีไกรวีเดินตามปิดท้าย พอไกรวีเดินเลี่ยงไปยังโซฟาที่วางอีกมุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มก็นั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว บทสนทนาเริ่มต้นขึ้นทันทีด้วยเสียงทุ้มลึกที่คล้ายอ่อนลงเล็กน้อย

    คุณช้องนางจะลาออกเหรอครับ

    ค่ะ นางยื่นใบลาออกอย่างถูกต้องแล้ว แต่ว่าพี่หญิง…”

    ท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ของช้องนางทำให้นทีธัชช์ระบายลมหายใจ หันไปทางชาคริยาที่ยังมีอาการหงุดหงิด เห็นแล้วว่าปัญหาหนึ่งน่าจะมาจากเธอด้วยจึงเอ่ยถาม

    ทำไมล่ะครับพี่หญิง

    ก็ยัยนางจะออกกะทันหันน่ะสิคะคุณที พี่บอกให้รอครบหนึ่งเดือนตามกฎก่อนก็ไม่ยอม บอกจะออก ๆ ท่าเดียว แล้วพี่ก็รู้ด้วยว่ายัยนางไม่ได้ออกเพราะเหตุผลที่ลงไว้ในใบลาออกหรอก ยัยนางน่ะโกหก

    ไม่จริงนะคะคุณทีช้องนางร้องขึ้น มองชายหนุ่มที่รับใบลาออกมาไว้กับมือพลางไล่สายตาอ่านอย่างเงียบเชียบ ท่าทีนิ่งขรึมของเขาทำให้เธอเกร็งขึ้นมากะทันหันนางไม่ได้โกหกนะคะ นางพูดจริง นางจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องออกกะทันหันแบบนี้

    แต่ถ้าคุณช้องนางออกตอนนี้ ระบบบัญชีคงรวนอยู่นะครับ เพราะเราคงหาคนมาแทนคุณช้องนางในทันทีไม่ได้

    นทีธัชช์ว่าอย่างนั้นก่อนกลับไปอ่านรายละเอียดในใบลาออกอีกครั้ง แค่เพียงครั้งแรกเขายังสะดุดใจกับเหตุผล พอเห็นปฏิกิริยาก็ยิ่งรู้แน่แล้วว่าที่ชาคริยาพูดมาไม่เกินจริง ฝ่ายบัญชีคนนี้คงไม่ได้ลาออกกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดอย่างที่ระบุไว้ คงมีเหตุผลอื่นมากกว่า

    นางคงอยู่ได้นานสุดก็หนึ่งอาทิตย์ค่ะคุณที นางมีความจำเป็นจริง ๆ

    เสียงเธอสั่นคลอนเหมือนดวงตาที่มีน้ำคละคลอ มองแล้วน่าสงสาร แต่ก็น่าสงสัยด้วยเหมือนกัน นทีธัชช์มองภาพหญิงสาวตรงหน้าพลางครุ่นคิด อีกเป็นนาทีก่อนจะระบายลมหายใจแล้วเอ่ยตามที่ตัดสินใจออกไป

    แล้วคุณกลับไปจะมีงานรองรับเลยรึเปล่าครับ

    มะไม่มีค่ะ

    งั้นไม่เป็นไร ผมอนุญาตให้คุณออก แต่ยังไงผมจะให้เงินเดือนล่วงหน้าสามเดือนไปด้วยนะครับคำบอกของเขาทำเอาช้องนางตาเบิกโต หยดน้ำร่วงเผาะจากดวงตา ดูแลตัวเองให้ดี ช่วงที่เพิ่งกลับไปอาจจะยังหางานไม่ได้ นั่นล่ะจะทำให้คุณลำบาก เงินล่วงหน้าสามเดือนคงพอช่วยคุณได้บ้าง

    ขอบคุณคุณทีมากนะคะ นางนางจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ

    นทีธัชช์ยิ้ม เมื่อครู่เขาทำแทนในส่วนของคีรินทร์ไปแล้ว แต่ประโยคถัดมานี่สิที่เป็นเขาจริง

    ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะครับ เพราะผมคงต้อนรับคุณช้องนางไม่ได้แล้วทั้งห้องเงียบกริบในทันที แม้แต่ไกรวีที่ได้ยินคำนั้นยังขมวดคิ้วไปเถอะครับ อย่าให้เสียเวลามากกว่านี้เลย เก็บของออกจากหอให้เรียบร้อย อย่าลืมคืนกุญแจให้คุณมลเขาด้วยล่ะ

    นทีธัชช์หยัดกายขึ้นยืน ยิ้มเย็นคงไม่ต้องมีใครออกไปส่งคุณหรอกใช่ไหม คนสำคัญอย่างคุณน่าจะมีคนมารอรับอยู่แล้วนะ คุณช้องนาง

    ช้องนางหน้าซีดเผือด ขยับปากไม่ได้ก้าวขาไม่ออก จนกระทั่งนทีธัชช์ก้มหน้าลง ตวัดลายเซ็นลงบนใบลาออกแล้วส่งต่อให้ชาคริยาที่ยังคงแววกรุ่นเคืองอยู่ พอเรียวตาคู่คมตวัดมามองกัน มีดแหลมจากในดวงตาก็บาดลึกจนเธอร้าวไปหมด ช้องนางยกมือสั่นเทาขึ้นไหว้เขา ค่อย ๆ ก้าวออกห้องก่อนลับหายไปจากสำนักงาน

    โธ่ คุณทีน่ะ ไม่น่าให้เงินยัยนั่นเลย

    เอาเถอะพี่หญิง ผมทำในส่วนของคี ถ้าคีอยู่ตรงนี้ก็คงตัดสินใจอย่างนั้น ยังไงฝากพี่หญิงด้วยแล้วกันนะครับ

    แล้วพี่ทีจะให้ผมลองตามไปดูไหมครับ

    จอมทัพที่ยืนเงียบมานานส่งเสียง ให้นทีธัชช์นิ่งคิดหลายวินาทีจึงพยักหน้า ออกปากไหว้วานจอมทัพ หันบอกให้ชาคริยาไปพักกินข้าว แล้วพยักหน้าให้ไกรวีที่ยืนขึ้นแล้วเดินตามออกมา

    ไกรวีไม่ได้ถามว่าทำไมนทีธัชช์ถึงพูดจาใจร้ายกับหญิงสาวอย่างนั้น เขานั่งเงียบตลอดทางจากสำนักงานจนกระทั่งถึงบ้านใหญ่ท้ายไร่ คีรินทร์กับเพชรพริ้งยังไม่แตะต้องอาหารที่เตรียมไว้ รอคอยเขาสองคนมาร่วมมื้ออาหารอย่างพร้อมหน้ากัน

    น่าแปลกที่นทีธัชช์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานได้อย่างสบาย ๆ โดยที่คีรินทร์ก็รับฟังอย่างสงบ เหมือนรู้กันมาก่อนแล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คีรินทร์ไม่มีความเห็นใดนอกจากบอกว่าดีแล้วให้นทีธัชช์ยักไหล่ กระทั่งมื้ออาหารใกล้จบลงนั่นแหละที่เสียงโทรศัพท์ของนทีธัชช์ดังขึ้น

    ว่าไงเก้า ได้เรื่องแล้วเหรอ

    ชายหนุ่มรับฟังคู่สาย ไม่แปรผันสีหน้าสบาย ๆ ราวกับได้ยินเพื่อนชวนคุยเท่านั้น แต่คุยกันได้ไม่กี่คำจอมทัพก็วางสายไป ก่อนจะมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นให้นทีธัชช์ที่ถือโทรศัพท์ค้างไว้กดเปิดหน้าจอ

    สิ่งที่จอมทัพส่งมาทำให้เขาจุดยิ้ม ช้อนนัยน์ตามองสบกับฝาแฝดแล้วจึงเอ่ยขึ้น

    ได้เวลาเปิดประตูรับข้าศึกแล้ว

    คีรินทร์พยักหน้าด้วยท่าทีสงบเหมือนเคย เพชรพริ้งดวงตาระยับพราว ในขณะที่ไกรวียังคงมึนงงอยู่ชั่วขณะจนนทีธัชช์ต้องช่วยไขความกระจ่างด้วยการยื่นโทรศัพท์ส่งให้

    จอมทัพส่งรูปมาหลายรูป แม้ภาพจะแตกเพราะซูมเกือบสุดก็ยังมองเห็นชัดว่าคนในรูปคือช้องนาง ตั้งแต่เธอยืนคุยกับใครสักคนอยู่หน้าไร่รินทร์ธารา จังหวะที่เธอขึ้นรถไปกับเขา และรถที่เข้าสู่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีป้ายไม้ใหญ่ปรากฏให้ได้เห็น

    ป้ายไม้ที่ระบุว่าสถานที่นั้นคือไร่เคียงผกาย



    โปรดติดตามตอนต่อไป



    แวะมาขอความช่วยเหลือค่ะ แฮ่

    พอดีว่าเราลงเรื่องนี้อีก 3 ที่ คือธัญวลัย ฟิคชั่นล็อก กับรีดอะไรท์ด้วย

    ทีนี้ ถ้าใครที่ก็อ่าน ๆ นิยายอยู่รีดอะไรท์ เราวานรบกวนกดติดตาม

    กดเรตติ้ง กดให้คะแนนเรื่องนี้ที่ทางนั้นด้วยนะคะ

    https://www.readawrite.com/a/df4ef9b34aed8bd75d088d996bfb5a0f


    ตอนนี้เรากำลังคิดอยู่ว่าอาจจะไปลงหลักปักฐานอยู่ทางนั้น เพราะลงหลาย ๆ ที่ก็เหนื่อยตัวเองค่ะ

    ดูท่าแล้วทางนี้ไม่ค่อยมีใครอ่านด้วย (ฮาาาา) แต่ยังไงก็จะลงต่อไปก่อน ตัดสินใจได้ยังไงจะแจ้งอีกทีนะคะ



    ส่วนตอนนี้ก็เหมือนเดิม คอมเมนต์ หรือทวีตติดแท็ก #ธาราโอบจันทร์ หรือกดให้กำลังใจน้าา

    ขอบคุณค่าาาา

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×