ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่หนึ่ง ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่หนึ่ง


    ระยะทางหลังรถกระบะคันใหญ่เคลื่อนออกจากตัวเมืองไกลกว่าที่ไกรวีคิดไว้ เขาผล็อยหลับไปช่วงเวลาหนึ่ง กว่าจะตื่นมาอีกทีก็พบว่าพระอาทิตย์ใกล้ลาลับฟ้าแล้ว ทิวเขาข้างทางที่มองเห็นก่อนหลับไปกลับกลายเป็นทุ่งนาผืนกว้างสุดลูกตา ชายหนุ่มขยับตัวนั่งหลังตรง ผ่อนลมหายใจยาวเมื่อมองไปยังเบื้องหน้าแล้วได้เห็นรั้วไม้ตั้งกรอบแสดงอาณาเขตกว้างขวาง ใกล้กับประตูใหญ่มีป้ายไม้ตั้งไว้สลักเป็นตัวอักษรชัดเจน ไร่รินทร์ธารา

    ความเงียบที่โอบล้อมตลอดการเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อคนที่ทำหน้าที่ขับรถหันมองมา ไกรวีไม่ทันได้เห็นว่าอีกฝ่ายจุดยิ้มหรืออย่างไร แต่ถ้อยคำถามที่ส่งมาก็คล้ายจะเป็นการทำลายความเงียบลงเสียมากกว่าจะถามจริง

    หลับสบายรึเปล่าครับ

    ไกรวีไม่ได้ตอบ เพียงแต่ทอดมองลึกเข้าไปหลังรั้วไม้ ไม่ได้หันมองยามรักษาการณ์ที่ประตูซึ่งเป็นคนเปิดต้อนรับรถที่เขาโดยสารมาให้เคลื่อนเข้าไปด้านใน เพราะทุ่งหญ้าผืนกว้างดูจะสะกดใจเขาได้มากกว่าทุกอย่างในเวลานี้ มันดูสวยงามยามมีแสงของพระอาทิตย์อาบเคลือบ แต่ก็ดูเวิ้งว้างราวกับพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้ถูกใช้งาน

    ผมพาคุณเข้ามาทางด้านหลังครับ คุณไกรวีเสียงทุ้มลึกดังขึ้นที่ตรงนี้ยังไม่มีการจัดการอะไรเลยปล่อยโล่งไว้ก่อน เห็นว่าพลอยก็คุย ๆ ไว้เหมือนกันว่าอยากจะทำเป็นสวนดอกไม้ แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดลงลึกกันเท่าไหร่

    ถ้อยความยามเอ่ยถึงเพชรพริ้งดูราบเรียบสบาย ๆ ไม่บ่งอารมณ์ใด นั่นทำให้ไกรวีแปลกใจไม่น้อย ถึงเขาจะไม่ได้คาดหวังกับปฏิกิริยาของคีรินทร์ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงภรรยาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับเวลานี้ไม่มีเหตุการณ์ใดให้หม่นหมองใจเลยสักนิด และหากจะให้มองอย่างอคติแล้วด้วย เขามองไม่เห็นแววอาทรรักใคร่แม้แต่ปลายเสียงของอีกฝ่าย

    พี่พลอยชอบดอกไม้มากนี่ครับ

    ครับ เห็นว่าอย่างนั้น

    เห็นว่าอย่างนั้นเนี่ยนะ? ไกรวีเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ใส่ใจพี่สาวเขาจริงหรือไม่ ถึงทำให้ถ้อยความที่เอ่ยออกมาแม้จะยังดูเรื่อย ๆ หากก็ชัดเจนถึงความไม่มั่นใจเท่าที่ควร ไกรวีหันหน้ามอง ขมวดคิ้วอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้คนที่ถูกจ้องอยู่เหลียวสายตามามองกันชั่ววินาทีแล้วพ่นลมหายใจยาวอย่างไม่ปิดบัง

    คุณควรใส่ใจภรรยาคุณมากกว่านี้

    ไกรวีเตือน แต่อีกคนกลับจุดยิ้มน้อย ๆ พยักพเยิดไปทางเบื้องหน้าแล้วบอกกล่าวจะถึงแล้วนะครับ

    ห่างไปไม่ไกลนัก ไกรวีมองเห็นบ้านไม้หลังใหญ่ตั้งโดดเด่นกลางลานกว้าง มีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกเป็นรั้วกั้นเขตอย่างง่าย ๆ และโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายขยายความ ไกรวีก็พอเดาออกว่าบ้านหลังนี้คงเป็นบ้านพักส่วนตัวของเจ้าของไร่รินทร์ธารา ด้วยรอบบริเวณที่ไม่มีความวุ่นวายใดเข้ามาใกล้ เขาเห็นก็แต่แปลงปลูกผักสวนครัวอยู่ด้านข้างตัวบ้าน มีรถคันใหญ่อีกหนึ่งคันจอดอยู่ มองผ่านไปอีกไกลโขทีเดียวถึงจะเห็นไฟดวงกลมเป็นภาพเบลอแนวกว้างซึ่งทางฝั่งนั้นคงจะเป็นฝั่งด้านหน้าของไร่

    หากในเวลานี้คงไม่มีอะไรทำให้หัวใจของไกรวีเต้นไม่เป็นส่ำได้อีกแล้ว เว้นแต่เพียงร่างสูงเพรียวของผู้หญิงที่คุ้นตา

    คราวแรกยามเห็นเพชรพริ้งยืนอยู่ที่กรอบประตูไม้คือความหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ ครั้นไล่สายตามองตามร่างกายเธอที่หยัดยืนมั่นคงอย่างคนที่ยังแข็งแรงดี ความรู้สึกนั้นจึงค่อย ๆ คลายไปและถูกแทนที่ด้วยความโล่งใจเปราะหนึ่ง ไกรวีปลดเข็ดขัดนิรภัยออกในทันทีที่รถเทียบจอดหน้าบ้านไม้ พอนิ่งสนิทเขาก็เปิดประตูลงรถ เหยียบเท้าขึ้นบันไดจนกระทั่งหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวที่เขารักสุดชีวิตคนหนึ่ง

    พี่พลอย…” ไกรวีเอ่ยเสียงแผ่ว เป็นเพชรพริ้งที่โอบเขาเข้าสู่อ้อมกอด วินาทีนั้นเองที่ไกรวีมึนงงไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งได้ยินเสียงพี่สาวเรียกกันด้วยเสียงสั่นไหวก็ยิ่งมึนตื้อ

    ครู่หนึ่งที่ตั้งสติได้จึงคลายกอดแล้วขยับออกห่าง เขาจดจ้องใบหน้าของเธอ ไล่สายตามองบาดแผลที่น่าจะเป็นเพียงแผลถลอกเสียมากกว่าจะสาหัสแล้วกลับมาสบตาเธออีกครั้ง

    อะไรพี่พลอย ผมไม่เข้า—”

    ไกรวีชะงัก ไม่ใช่เพราะเสียงปิดประตูรถจากด้านหลัง แต่เป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากด้านในบ้าน ไกรวีมั่นใจว่าคนที่ปิดประตูรถนั่นคือคีรินทร์ซึ่งขับรถมาส่งเขาถึงที่นี่ แต่กับคนที่เพิ่งได้พบสบตากันเมื่อวินาทีนี้ กลับทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะถึงหน้าตาที่ราวกับพิมพ์เดียวกัน เพียงแต่ผู้ชายที่เดินมายืนข้างเพชรพริ้งแล้ววางมือลงบนกลุ่มผมของเธอ ยกยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับยกมืออีกข้างเกลี่ยน้ำตาให้นั้นมีผิวที่ค่อนไปทางสีแทนมากกว่าจะเข้มคร้าม

    ขอบคุณพี่ทีมากนะคะที่ไปรับกรให้

    เพชรพริ้งเอ่ยกับคนด้านหลัง และหากไกรวีจำไม่ผิด ยามเธอบอกเล่าถึงสามีตัวเอง เธอจะเรียกเขาว่าพี่คีไม่ใช่พี่ที

    ยินดีครับพลอยนาน ๆ ทีออกจากไร่ก็สนุกดี

    ไกรวีหันขวับกลับมองในทันที ก็พบกับมุมปากที่ยกยิ้มเพียงนิดแต่แววตามีรอยขำขันอยู่มาก นึกรู้ว่าตัวเองปล่อยไก่หน้าแตกตั้งแต่ออกจากสนามบินโดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ท้วงหรือแก้ไขความเข้าใจผิดอะไร ปล่อยให้เขาพล่ามบ้าพล่ามบอกับคนที่ไม่ใช่ตัวเองเสียได้ตั้งหลายคำ

    แล้วใครจะไปรู้ว่าคีรินทร์มีฝาแฝด!

    ไม่เป็นไรนะครับคุณกร เดี๋ยวผมเก็บเศษบนรถให้เอง

    แถมยังตอกย้ำด้วยการเย้ากันอย่างนี้อีก เขาแน่ใจแล้วล่ะว่านี่ไม่ใช่คีรินทร์แน่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน!

    มีอะไรกันรึเปล่า

    ชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างเพชรพริ้งและเป็นสามีตัวจริงเอ่ยถาม เขามองเห็นรอยขบขันบนแววตาของน้องชายฝาแฝดที่ไม่ได้ปิดบัง ต่างจากไกรวีที่ดูจะช็อกไปอึดใจหนึ่งเลยด้วยซ้ำตอนสบตากับเขา และหากจะให้เดาแล้วล่ะก็ คงเกิดการเข้าใจผิดกันครั้งใหญ่ตอนอยู่บนรถ และน้องชายฝาแฝดคงไม่ได้ขัดหรือไขความเข้าใจผิดเป็นแน่

    และดูเหมือนจะจริง เมื่อที่สุดนทีธัชช์หัวเราะออกมาเบา ๆ ตั้งท่าจะอ้าปากพูด แต่ไกรวีก็รีบหันหน้ากลับมาหาเพชรพริ้งแล้วพูดขึ้นเสียก่อน

    เกิดอะไรขึ้นใช่ไหมพี่พลอย นี่คงไม่ใช่สร้างเรื่องเล่นตลก ๆ หรอกใช่ไหม

    เพชรพริ้งหันมองหน้าสามีอย่างคิดไม่ตก ก่อนบีบกระชับมือเรียวของน้องชายแล้วตอบคำพี่ตกเขาจริง แต่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกกร ก็อย่างที่เห็นว่าพี่ยังยืนได้อยู่ตรงนี้นี่แหละ

    แล้วยังไงไกรวีขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกได้ว่านอกจากจะไม่ใช่เหตุผลที่เขาเคยภาวนาไว้รวมถึงการสร้างเรื่องเพื่อตลกโปกฮาแล้วยังมีเรื่องบางอย่างที่ซ่อนไว้อยู่ด้านหลัง สังหรณ์ใจเขาไม่เคยพลาดนักหรอก เรื่องที่ซ่อนไว้คงไม่ใช่เรื่องดีนัก

    เดินทางมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนก่อนไหมกร พี่ทีคะ พลอยรบกวน—”

    ยังล่ะพี่พลอยชายหนุ่มขัดขึ้นพร้อมสีหน้าจริงจังผมไม่ได้เหนื่อยอะไร แล้วผมก็อยากรู้ด้วยว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ถึงมีโทรศัพท์จากไร่รินทร์ธาราไปที่บ้านบอกว่าพี่ตกเขาอาการสาหัสปางตาย

    เสียงของไกรวีจริงจังเหมือนใบหน้า ทว่าไร้รอยขุ่นข้องโกรธเกรี้ยวอย่างที่เพชรพริ้งนึกกลัว จังหวะที่หญิงสาวพยักหน้าอย่างจำยอม เสียงจากคนที่ยืนอยู่ตรงตีนบันไดก็ดังขึ้นให้ไกรวีหันขวับไปอีกครั้ง

    เอาเรื่องนะเนี่ย

    คุณติดบัญชีไว้ก่อน จบเรื่องพี่สาวผมคิดบัญชีกับคุณแน่

    เมื่อครู่คุยกับพี่สาวดูจริงจังมีเหตุผล แต่พอหันมาทางนทีธัชช์กลับเต็มไปด้วยอารมณ์ล้วน ๆ ชายหนุ่มพิมพ์เดียวกับคีรินทร์เลยได้แต่ยกยิ้มมากขึ้นอีกนิด ดูไม่ได้หวั่นใจกับโทษของการปล่อยให้ไกรวีเข้าใจผิดไปไกลโขถึงขนาดนั้น

    พาน้องเข้าบ้านก่อนเถอะพลอยคีรินทร์เอ่ยบอกเสียงนุ่ม พอเห็นว่าภรรยาจับจูงน้องชายตัวเองเข้าบ้านไปแล้วจึงกอดอกเล่นจ้องตากับฝาแฝดตัวเอง ที่สุดจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เบาลงไปทำอะไรเขา

    ไม่ได้ทำอะไรนทีธัชช์ตอบทั้งยักไหล่ ก้าวเท้าขึ้นบันไดไม้มาหยุดยืนข้างพี่ชายฝาแฝดแล้วมองเข้าไปยังห้องรับแขกที่มีสองพี่น้องนั่งอยู่อย่างที่พูดว่ะ เอาเรื่องพอตัวเลยนะคนนี้

    ยังไง

    ดุเอาเรื่อง

    นทีธัชช์ยกยิ้ม เป็นยิ้มที่ปราศจากรอยขุ่นมัว คีรินทร์มองเห็นแต่ความพึงใจที่ทำให้เขาต้องหรี่ตา หากแต่ยังไม่คิดพูดอะไรออกไป ได้แต่ปรามน้องชายฝาแฝดว่าถ้าเขาดุก็อย่าไปแหย่เขานัก ก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าเข้าไปหาอีกสองคนโดยที่นทีธัชช์เดินตามกันมาติด ๆ

    ทันทีที่เพชรพริ้งมองตากับสามีที่เดินมานั่งลงข้างกันแล้ว นทีธัชช์ก็ผ่อนยิ้มลงจนกลายเป็นใบหน้าขึงเครียด ริ้วอารมณ์หนึ่งฉายพาดบนม่านตา เขากอดอกยืนพิงกรอบหน้าต่างขณะทอดมองคนสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาชุดอย่างเงียบเชียบ

    ว่ามาพี่พลอย

    คืออย่างนี้…” เพชรพริ้งถอนหายใจเฮือกหนึ่งเมื่อวานเย็นพี่ออกไปสำรวจที่ดินของไร่มา ไปถึงจุดใกล้เชิงเขาก็เลยเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่พี่จำได้ว่าไม่คุ้นตาเลย ไม่ใช่คนของไร่แน่ พี่เลยลองมองดี ๆ จำได้ว่าเป็นคนของไร่เคียงผกาย ก็เลยโทรหาพี่คี

    เท่านั้นไกรวีก็ขมวดคิ้ว รับรู้ถึงลางอันตรายจนทำให้เผลอตีหน้าเครียดเคร่งใส่พี่สาว เดี๋ยวก่อน ไร่เคียงผกายคือไร่ของใคร

    ไร่คู่ตรงข้ามของเราครับกรคีรินทร์ตอบบ้าง สีหน้าเข้มขึ้นยามเอ่ยถึงไร่เคียงผกายเขาทำเกษตรเคมี ส่วนของเราเป็นเกษตรอินทรีย์

    ไกรวีพอเข้าใจ หากก็ยังไม่เข้าใจมากนัก เขาคิดว่าบางทีนี่อาจเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ไม่ลงรอยกันจนอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าเรื่องธุรกิจระหว่างไร่จะมีผลมาถึงพี่สาวของเขาได้อย่างไรบ้าง

    นัยน์ตาของไกรวีคงเป็นประกายความสงสัยไม่น้อยเลย คนที่ยืนกอดอกพิงกรอบหน้าต่างถึงได้มองออก ชายหนุ่มทอดถอนลมหายใจ เอ่ยขยายความโดยไม่รอให้ไกรวีต้องถามเพิ่ม

    หมาลอบกัด คุณเข้าใจคำนี้ใช่ไหมไกรวีเหลียวมองสบตา พยักหน้ารับให้นทีธัชช์เอ่ยต่อเคียงผกายไม่เคยสู้กันแบบซึ่งหน้า จะมีก็แต่คิดแผนหาทางเหยียบให้รินทร์ธาราเสียระบบ แต่แย่หน่อยที่เราจัดการแก้ไขได้ทุกครั้ง มันก็คงมองหาทางอื่นที่จะรังแกเราได้ ก็เลยเลือกพลอย

    ทำไมต้องเป็นพี่พลอยครับ

    เพราะพลอยเป็นหัวใจของพี่คีรินทร์ตอบคำนั้น มือที่กุมกันยิ่งกระชับแน่น

    ไกรวีไม่แปลกใจเลยหากเพชรพริ้งจะมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่ และจากถ้อยคำที่ตอบออกมาได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร สิ่งที่เพชรพริ้งเคยบอกเขาเอาไว้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น บุรุษที่อบอุ่นอ่อนโยน ให้ความรัก ดูแล และมอบเกียรติแก่เธอทุกวินาที

    นี่สิคีรินทร์ตัวจริง

    เขาผลักพี่พลอยตกเขาเหรอครับ

    ใช่หญิงสาวมองหน้าน้องชาย ก่อนได้รีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าไกรวีขบกรามแน่นแต่โชคดีของพี่ที่ตรงนั้นเป็นปากเขาที่ถัดลงมานิดเดียวก็มีแนวหินยื่นออกมา พอพี่ไถลลงไปเลยยึดตัวเกาะขอบแล้วปีนเข้าไปหลบน่ะ ไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอกกร

    “แต่มันก็อันตรายมากใช่ไหม”

    เขาไม่รู้หรอกว่าพี่สาวจะเจ็บมากหรือน้อย ที่เขารู้คือสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ครั้งนี้อาจเป็นความโชคดีที่ทำให้เพชรพริ้งยังอยู่ตรงนี้ แต่เขาไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดว่าต่อไปพี่สาวของเขาจะยังอยู่ดีได้หรือไม่ เพราะเพียงแค่ได้ยินฟังเท่านี้ก็ยังรู้ว่านี่คงเป็นสัญญาณเตือนที่อีกฝั่งหนึ่งส่งมาให้ได้รู้ว่าจะเอาจริง ไม่ใช่ลอบกัดอย่างที่ฝาแฝดของคีรินทร์บอกมาอีกต่อไปแล้ว

    “กลับบ้านเลยแล้วกัน”

    “เดี๋ยวก่อน กรใจร้อนเกินไปแล้ว” เพชรพริ้งลั่นเสียงหลง มองหน้ากับสามีอย่างลำบากใจ “พี่ยังไปไหนไม่ได้หรอกกร พี่จะไม่ไปไหนด้วย”

    “อะไรเนี่ยพี่พลอย นี่มันอันตรายมากเลยนะ ถ้าอยู่ต่อไปแล้วพี่จะเป็นยังไง”

    “แต่หัวใจของพี่อยู่ที่นี่ พี่ไปไหนไม่ได้จริง ๆ กร”

    ไกรวีนิ่ง มองหน้าพี่สาวสลับกับพี่เขยก่อนพ่นหายใจ ยิ่งเห็นว่ามือของคนสองคนกุมกันไว้ไม่ปล่อยก็เลยยิ่งคิดหนัก หากก็ยังอดเปรยออกไปไม่ได้จริง ๆ “เวลาแบบนี้ยังจะมีอารมณ์หวานใส่กันอีก”

    ไกรวีไม่ได้เอ่ยขึ้นอย่างหยอกเย้า ไม่ได้รู้สึกยินดีปรีดาให้กับความรักของทั้งสองอย่างที่ควรเป็น ถึงอย่างนั้นคนที่ยืนอยู่กรอบหน้าต่างก็ยังหัวเราะพรืด ครู่สั้น ๆ จึงแสร้งกระแอมไอเบา ๆ เมื่อเรียวตาคู่กลมตวัดมองอย่างเอาเรื่องไม่น้อย ชายหนุ่มจุดยิ้ม อ้อมตัวมาทางหน้าโซฟาเบาะเดี่ยวแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนเริ่มต้นเอ่ยถึงสิ่งที่ควรจะเอ่ยตั้งแต่แรกแล้ว

    “ที่ทางเราโทรบอกทางบ้านคุณทั้งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง มันเป็นแผน” ไกรวียืดหลังตรงโดยอัตโนมัติ มองจ้องมาที่นทีธัชช์นิ่ง ซึ่งสายตาที่มองมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังถูกดุแต่ก็ไม่ “ในเมื่อทางนั้นอยากให้เราเสียขวัญที่...หัวใจของไอ้คีกำลังจะหลุดลอยไป เราก็จะเล่นตามเกมของมัน”

    “สร้างสถานการณ์ว่าพี่พลอยอาการสาหัสน่ะเหรอครับ”

    นทีธัชช์พยักหน้า จุดยิ้มน้อย ๆ “ยิ่งให้อีกทางเห็นว่าเราอยู่ในสภาวะอ่อนแอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทางนั้นก็คงหาทางเข้ามารุกพื้นที่เราได้สักวัน แล้ววันนั้นนั่นแหละ...จะเป็นวันที่พวกเรารอคอย”

    บางอย่างบอกไกรวีว่านี่ไม่ใช่แผนของคีรินทร์ ไม่ใช่การเสนอความเห็นของเพชรพริ้ง แต่เป็นความคิดของคนที่ออกปากบอกออกมาได้อย่างสบาย ๆ ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ความจริงแล้วไกรวีไม่อยากให้พี่สาวต้องเสี่ยงอะไรอีกต่อไปแล้ว ยิ่งกับโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้สูงหลังจากนี้เป็นต้นไป ทำไมทุกคนถึงได้เห็นด้วยกับแผนการที่ใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมืออย่างนี้กันได้เล่า!

    “แล้วพี่พลอยจะทำยังไง”

    “พี่จะอยู่ที่นี่ คงออกไปไหนไม่ได้ระยะหนึ่ง โดยที่จะไม่มีใครรู้ว่าพี่ยังสบายดี ทุกคนแม้กระทั่งคนงานในไร่ก็จะเข้าใจว่าพี่ยังอาการสาหัสอยู่ พี่คีเองก็เหมือนกัน”

    “พี่จะให้ทีรับหน้าแทนทุกอย่างในช่วงนี้ จะทำตัวอ่อนแออย่างที่ทางนั้นเขาอยากเห็น ระหว่างนั้นจะเก็บข้อมูลของทางฝั่งนั้นเพื่อเล่นงานคืนบ้าง”

    “ส่วนคุณ...” นทีธัชช์เอ่ยขึ้น มองตรงมาที่เจ้าของใบหน้าซึ่งมีรอยเคร่งเครียดเสียมากส่วน “คุณจะต้องตามไปทำงานกับผม...ทุกวัน”

    เดี๋ยวก่อนนะ ไกรวีนิ่งไปอึดใจ เขาไม่คิดว่าในแผนการครั้งนี้จะมีชื่อของเขาร่วมอยู่ด้วย และการที่ทุกคนพูดออกมาได้อย่างต่อเนื่องกันอย่างนี้ก็ให้รู้ว่านัดแนะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว โดยที่เขายังไม่ทันได้ตัดสินใจอะไรเลยด้วยซ้ำ “นี่มันมัดมือชกกันไม่ใช่เหรอครับ”

    “ครับ ใช่ ก็ตามนั้นนั่นแหละ คุณมีอะไรขัดข้องไหมล่ะครับ” นทีธัชช์ถาม พอเห็นไกรวีนิ่งคิดก็เลยเสริมเพิ่มเข้าไปอีก “ผมรู้ว่าพลอยเป็นหัวใจของไอ้คี แล้วก็เป็นหัวใจของคุณด้วย ถูกไหม”

    นั่นก็ถูก ไกรวีรักครอบครัว รักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองเสียด้วยซ้ำ หากการที่เขาขบคิดไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเองอย่างที่อีกฝ่ายอาจกำลังมองหรือเข้าใจ แต่เขากำลังคิดว่าการเข้าร่วมแผนการตลบหลังไร่เคียงผกายเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วหรือไม่ และหลังจากนี้พี่สาวของเขาจะยังปลอดภัยดีไม่ถูกลอบทำร้ายอีกแล้วหรือเปล่า ไกรวีวางใจในตัวคีรินทร์ที่จะเคียงข้างดูแลเพชรพริ้ง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันอนาคตได้เลยสักนิดไม่ใช่หรือ

    เพราะอย่างนั้น ที่สุดชายหนุ่มจึงพยักหน้าตอบตกลง

    ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อพี่สาวของเขาเอง

    “ผมต้องทำอะไรบ้างนอกจากตามคุณไปทำงาน”

    นทีธัชช์จุดยิ้มพึงใจ หันมองพี่ชายฝาแฝดที่ดูโล่งใจขึ้นมาในทันทีที่ไกรวีพยักหน้า ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้น “คืนนี้ใช้เวลากับพี่สาวคุณให้เต็มที่ครับคุณกร แล้วหลังจากคืนนี้ไป คุณจะไม่ได้พักที่นี่ แต่จะไปพักกับผมที่บ้านอีกหลังแทน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ตอนกินข้าวมื้อเช้าแล้วกัน – ฉันกลับเลยนะคี ไปนะพลอย พรุ่งนี้เจอกันครับคุณกร ฝันดี”

    ไกรวีขมวดคิ้ว ไม่ทันได้ตอบปฏิเสธหรือตกลงอะไรนทีธัชช์ก็หันหลังเดินออกจากบ้านไปแล้ว ยังมีอีกหลายคำถามที่ดังอยู่ในหัวตั้งแต่ได้ยินถ้อยคำสรุปรวบยอดที่เหมือนจะยิ่งกว่ามัดมือชก ทั้งพอจะหันไปถามเอาความกับพี่สาว เธอก็กลับเพียงบีบไหล่เขาเบา ๆ เอ่ยปากขอบคุณที่ยินยอมอยู่ที่นี่ แล้วก็บอกว่าจะพาไปพักที่ห้องรับรองแขก ในขณะที่คีรินทร์เดินออกไปด้านหน้าตรงชานเรือนเพื่อลากกระเป๋าเดินทางของเขาเข้ามา

    ทุกคนทำเหมือนเขาตกลงกับทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่

    และให้ตายสิ ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจกับสีหน้าซังกะตายของเขาที่มันชัดเจนว่าไม่ได้พอใจกับคำตัดสินรวบรัดของฝาแฝดอีกคนเลยสักนิดเดียว!




    โปรดติดตามตอนต่อไป




    กะว่าจะอัปทุกวันจันทร์นะคะ ถ้าทำได้นะ แฮะ ๆ

    #ธาราโอบจันทร์ น้าา

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×