ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่สิบสอง ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 64





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่สิบสอง



    นทีธัชช์มองหญิงสาวซึ่งนั่งนิ่งไขว่ห้างขณะที่เขากับไกรวีก้าวเข้ามาในร้านอาหาร นัยน์ตาที่มองไกรวีมีประกายความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ทว่ายามเหลียวมามองเขา นทีธัชช์เห็นแต่ความเฉยชาอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน

    กวินทราชายหนุ่มเคยพบเธอมาแล้วหนหนึ่งครั้งที่พาไกรวีเข้าสำนักพิมพ์ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก มองเพียงว่าหญิงสาวมีบุคลิกเรียบนิ่งน่าเกรงขามเหมาะสมตามคุณสมบัติของผู้ที่เป็นนายคน เขาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรจนกระทั่งวันนี้ที่ได้เจอกันอีกครั้ง หญิงสาวแสดงออกและปฏิบัติต่อเขาราวเป็นขั้วตรงข้ามที่พร้อมจะผลักไส ไม่เหมือนไกรวีที่ได้รับสายตาและรอยยิ้มที่แตกต่างไป

    ไม่ สายตานั้นไม่ใช่เชิงชู้สาว เหมือนเธอรักไกรวีดั่งคนในครอบครัวเสียมากกว่า ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไร แต่ที่แปลกคือสายตาที่มองเขานี่สิ

    อยู่ที่นี่ทำงานหนักเหรอกรกวินทราถามหลังละสายตาที่มองนทีธัชช์ไปสบตากับน้องชายของเพื่อนสนิท ให้ได้รอยยิ้มตอบก่อนเสียงจะตามมา

    ไม่หนักหรอกครับ แค่ลงพื้นที่บ่อย

    เธอพยักหน้า หันกลับไปทางนทีธัชช์ที่เปิดเมนูอาหารดูเงียบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นไม่ใช่ว่าคุณทีใช้งานกรหนักอย่างทาสนะคะ

    หืม? ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ช้อนนัยน์ตามองคนถามก็เห็นยิ้มนิด ๆ บนใบหน้า ไม่มีแววของการเย้าแหย่ ไม่ใช่คำถามชวนเรียกเสียงหัวเราะ แม้แต่ไกรวียังสัมผัสได้ จึงเลือกจะหัวเราะออกไปเบา ๆ แล้วตอบแทน

    ถ้าโดนใช้เป็นทาสผมคงไม่อยู่หรอกครับพี่ก้อย

    พี่รู้เธอตอบรับ ยิ้มพิมพ์ใจแล้วว่าต่ออย่าให้ใครเอาเปรียบได้ล่ะกร โดยเฉพาะคนที่เขาคิดว่าตัวเองเหนือกว่า

    นทีธัชช์ยิ้ม แต่กวินทรามองออกว่าชายหนุ่มยิ้มเพียงปาก หากการแสดงออกอย่างนั้นก็ทำให้เธอพึงใจอยู่มาก อาจเพราะนทีธัชช์ยังเลือกที่จะเงียบ ให้สิทธิ์ในการพูดคุยแก่ไกรวีโดยไม่ยื่นปากเข้ามายุ่ง ดังนั้นตลอดระยะมื้ออาหารที่ผ่านมาเกือบครึ่งทางจึงมีเพียงคนสองคนที่สนทนากันเป็นส่วนมากเท่านั้น

    นทีธัชช์พูดบ้างในบางครั้ง แต่ก็นับคำได้ หน้าที่หลักของเขาคือทำตัวเป็นสุภาพบุรุษตักอาหารให้กวินทรายามเธอพูดคุยเข้าประเด็นสักเรื่องที่จะวกมาแทะเล็มเขาได้อย่างแนบเนียน มันน่าตลกตรงที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มถูกผู้หญิงแทะเล็มกัดกินทางวาจาโดยปราศจากความพิสวาทใด หากเขาก็ยังนิ่ง เงียบ และยิ้มในใบหน้าเท่านั้น

    ครู่หนึ่งระหว่างรอของหวาน เสียงโทรศัพท์ของไกรวีก็ดังขึ้น เขามองหน้าจอ เห็นเป็นชื่อนักเขียนในการดูแลคนหนึ่งและค่อนข้างสนิทกันจึงกดรับทันที

    ว่าไงนัท

    ตอนรับก็ยกยิ้มดีอยู่ ทว่าเงียบฟังอีกฝั่งกรอกเสียงมาตามสายเรียวคิ้วก็เริ่มขมวดมุ่น มุมปากที่ยกยิ้มคลายลง ที่สุดจึงหันมองนทีธัชช์เชิงบอกกล่าวแล้วลุกเดินออกจากร้านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย

    นทีธัชช์ยังคงยิ้มยามมองหญิงสาวตรงหน้า ในขณะที่สองมือประสานกันวางบนโต๊ะด้วยท่าทีสุภาพหากก็ผ่อนคลาย ยกยิ้มมากขึ้นอีกนิดเมื่อกวินทราเหลียวมองสบตา

    กรไม่อยู่แล้ว เข้าเรื่องเลยสิครับ

    หญิงสาวเลิกคิ้ว หัวเราะออกมาเมื่อนทีธัชช์ดูไม่อยากอ้อมค้อมเสียเวลา และใช่ เขาคิดว่าการที่ยอมนิ่งเงียบตลอดมาก็เพื่อให้เกียรติไกรวีเท่านั้น และคงเกิดรำคาญขึ้นมาจนทำให้ไกรวีรู้สึกได้และอึดอัดใจถ้ากวินทรายังไม่เลิกโยเยออกนอกทางไปเรื่อยเสียที

    ฉันแค่อยากรู้ว่าผู้ชายอย่างคุณจะดูแลน้องฉันได้ดีหรือเปล่า เพราะเท่าที่ดูฝาแฝดของคุณดูแลเพื่อนฉันได้ไม่ดีเลยสักนิด

    นทีธัชช์มั่นใจในตอนนี้ว่าสองพี่น้องไม่ได้ปริปากบอกเล่าความจริงให้กวินทราได้รับฟัง ดังนั้นเขาจะเพิกเฉยต่อคำครหาที่เธอมีต่อแฝดพี่ของเขาและมุ่งไปอีกประเด็นแทนคุณอาจตั้งแง่เกินไปครับคุณก้อย

    ไม่รู้สิคะ กับพลอยฉันยอมรับว่าคงไม่ห่วงอะไรแล้ว แต่กับกรที่ต้องอยู่กับคุณ

    นทีธัชช์ยิ้มผมทำไมเหรอครับ

    คุณว่าฉันสวยไหมคะคุณที

    คำถามของเธอทำชายหนุ่มเลิกคิ้ว แม้ดูจะเบี่ยงประเด็นแต่ก็ตอบตามที่คิดคุณสวยมากครับ ถ้าพลอยสวยเฉี่ยว คุณก็คงสวยดุ

    สวยดุเหรอคะ ฉันชอบนะกวินทราหัวเราะออกมาได้ ทว่ายังมีความยียวนอย่างที่ทำให้นทีธัชช์ยังยิ้มแค่ปาก ยิ่งโดยเฉพาะประโยคถัดมาของเธอคุณมองว่าฉันสวย แต่ฉันก็รู้ว่าผู้หญิงอย่างฉันคงไม่ทำให้ต้องใจคุณได้หรอก ใช่ไหมคะ

    คราวนี้ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างที่แทบไม่สังเกตเห็นหากไม่จ้องตากันอยู่ กวินทรามองเห็น เธอจึงเสริมเติมถ้อยคำหลังจากนั้นแต่กับกรก็ไม่แน่ ฉันเข้าใจถูกรึเปล่าคะ

    กวินทราเป็นคนฉลาด ชายหนุ่มจับได้ว่าเจ้าหล่อนยังไม่มีความมั่นใจมากนักหรอกถึงต้องเกริ่นออกมาเสียยืดยาว และทั้งหมดนั้นก็เพื่อยื้อเวลารอสังเกตปฏิกิริยาของเขาเท่านั้น หากจนแล้วจนรอดนทีธัชช์ก็ยังยิ้มแบบเดิม ไม่หือไม่อือ และเร่งเวลาขึ้นเมื่อเห็นว่าไกรวีกดวางสายโทรศัพท์แล้ว

    เข้าเรื่องครับ น้ำซะเยอะแล้ว

    กวินทราประหลาดใจเล็กน้อยกับความนิ่งเฉยไม่ไหวติงของเขา หากก็ยังเลือกพูดออกไปเพราะเห็นแล้วว่าไกรวีกำลังเดินกลับเข้าร้านถ้าคุณทำกรเสียใจ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน

    นี่คือคำขู่เหรอครับ

    หญิงสาวหัวเราะฉันคงไม่มีแรงพอจะทำร้ายผู้ชายอย่างคุณได้ ยิ่งได้ยินมาว่าคุณกับแฝดคุณค่อนข้างมีอิทธิพลในหลาย ๆ พื้นที่ด้วยนี่คะ ใครจะกล้าล่ะ...เนอะ

    นับว่ากวินทราทำการบ้านมาดี อีกนัยหนึ่งก็บอกให้รู้ว่าเขากำลังโดนสืบข้อมูลส่วนตัวจากเจ้าของสำนักพิมพ์ใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือตื่นเต้นตกใจอะไร เพราะที่สุดแล้วนทีธัชช์ก็ยังยกยิ้มอยู่ดี

    ทว่ายังไม่ทันได้ตอบกลับไกรวีก็เดินมาถึงโต๊ะเสียก่อน สีหน้าเขายังมีความกังวลอยู่จาง ๆ และเอ่ยปากทันทีเมื่อสบตากับกวินทรา

    นัทโทรมาครับพี่ก้อย บอกว่าไม่อยากแต่งนิยายแล้ว กับเรื่องที่เป็นโพรเจกต์รวมกับนักเขียนคนอื่นตอนนี้ก็ด้วย

    กวินทราพยักหน้าอย่างเข้าใจ เห็นใจด้วยเหมือนกันที่ไกรวีมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกแล้วถ้าจะให้พี่ช่วยอะไรก็บอกพี่เลยนะกร อยู่ตรงนี้คงติดต่อกับนัทไม่ค่อยสะดวกใช่ไหม

    ขอบคุณนะครับ แต่ผมคิดว่าถ้านัทยังไม่ไหวจริง ๆ ผมคงต้องลงกรุงเทพไปคุยด้วยสักหน่อย ได้คุยกันต่อหน้าอาจจะดีกว่า

    หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง ด้วยรู้ดีว่าต่อให้ลำบากยากเย็นอย่างไรไกรวีย่อมต้องการพูดคุยต่อหน้ากับนักเขียนในการดูแล ยิ่งกับนักเขียนคนนี้ที่เคยมีปัญหาเรื่องเดิม ๆ อยู่บ่อยครั้ง ก็มีหลายหนเหมือนกันที่ไกรวีเลือกจะเดินทางไปหา พูดคุยถึงปัญหากันต่อหน้า และใช้วาทศิลป์ให้นักเขียนกลับมาเขียนงานได้อีกครั้ง

    นทีธัชช์ที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยขึ้นบ้าง ถ้าจะไปตอนไหนก็บอกล่ะ พี่จะได้เคลียร์งานไว้ก่อน

    หมายความว่าเขาจะตามไกรวีไปด้วย และไกรวีก็พยักหน้ารับพร้อมยิ้มอย่างขอบคุณ เหมือนการติดสอยห้อยตามกันไปเป็นเรื่องปกติและเคยชินไปเสียแล้ว จะมีก็แต่กวินทราที่มองน้องชายเพื่อนอย่างครุ่นคิด ด้วยปกติแล้วหากไม่ใช่เพชรพริ้งไกรวีจะชอบเดินทางคนเดียวมากกว่า เรียกได้ว่านอกเวลางานจะเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวเชียวล่ะ แต่นี่กับคนที่รู้จักกันไม่นานอย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ ไกรวีกลับยินยอมโดยไม่มีแม้แต่หน้าตาปั้นปึ่งไม่พอใจเลยหรือนี่

    ไกรวีทำให้เธอรู้ว่าเขาไว้วางใจในตัวนทีธัชช์มากแต่เธอไม่รู้ว่าอยู่ในขั้นที่เรียกว่าพิเศษเกินกว่าใครได้หรือยัง

     

    กรจะอยู่กับคุณก้อยก่อนไหม พี่จะได้ให้เวลา

    กวินทราเผลอนิ่วหน้า คำถามนั้นต่างอะไรจากคนที่กุมอำนาจเหนือกว่า ว่ากันตามตรงเธอไม่ใคร่ชอบใจครอบครัวนี้ตั้งแต่จับเพื่อนของเธอคลุมถุงชนแล้ว ถึงจะรู้ก็เถอะว่าต่อมาไม่นานเพชรพริ้งกับคีรินทร์จะกลายเป็นรักจริงรักแท้ของกันและกัน แต่กับผู้ชายคนนี้เธอคงต้องขอดูท่าทีอีกสักหน่อย

    กรไม่ต้องรบกวนคุณทีก็ได้นี่นา ยังไงถ้าเสร็จธุระกันแล้วพี่ขับรถไปส่งกรที่ไร่ก็ได้

    ไกรวีส่ายหน้าทันทีอย่าเลยครับพี่ก้อย ทางอันตรายมาก ขนาดผมเองยังไม่มั่นใจว่าจะขับไหวเลย เราไม่ใช่คนในพื้นที่ด้วย

    กันดาลขนาดนั้นเลยเหรอคะกวินทรายิ้ม ส่งคำถามให้นทีธัชช์โดยตรง

    เรื่องอย่างนี้คงต้องรบกวนคุณก้อยลองดูรีวิวที่นักท่องเที่ยวเขียนเอาไว้แล้วล่ะครับ

    นทีธัชช์ยังยิ้ม แต่ยิ้มดุดันแบบที่ทำให้กวินทราใจหล่นวูบ นี่คงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่สามารถแตะเขาได้ หากหยิบยกไกรวีมาจะทำให้ผู้ชายคนนี้ยิ้มแค่ปาก ไร่รินทร์ธาราก็คงทำให้เขาเฉือนเธอด้วยรอยยิ้มนั้นได้เช่นเดียวกัน

    เอาเป็นว่าวันนี้ผมต้องกลับไร่แล้วล่ะครับพี่ก้อย ยังไงผมจะมาหาพี่ก้อยอีกทีก่อนพี่ก้อยกลับนะครับ

    ไกรวีสรุปอย่างนั้น เล็งเห็นแล้วว่าคนสองคนกำลังก่อสงครามประสาทกันอยู่จริง ๆ ระหว่างนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเขายังแคลงใจสงสัย แต่ตอนนี้มันก็ชัดเจนแล้ว และเขาไม่อยากให้ใครมีปัญหาต่อกัน

    ถ้าลำบากก็ไม่ต้องมาดีกว่ากร ไว้เจอกันอีกทีที่กรุงเทพเลยนะกวินทราก็เห็นว่าน้องกำลังลำบากใจ จึงเอ่ยออกไปยิ้ม ๆ แล้วหันไปทางนทีธัชช์ ยิ้มอย่างที่หน้าสวยดุกลายเป็นหวานน้ำผึ้งอาบพิษเลยทีเดียวฉันฝากน้องด้วยนะคะคุณที อย่าให้น้องฉันเป็นอะไร เพราะถ้าเป็น…”

    เธอเอาเรื่องเขาแน่! นทีธัชช์อ่านสายตาอีกฝ่ายออก และทำเพียงจุดยิ้มส่งไปให้ ไม่พูดอะไรขณะรอสองพี่น้องต่างสายเลือดร่ำลากัน จนแน่ใจแล้วว่ากวินทราเดินห่างออกไปไกลโขจึงเหลียวสายตามองไกรวีที่มองมายิ้ม ๆ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจสถานการณ์ แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่านอกเสียจาก

    มีเจ้านายขี้ระแวงอย่างนี้ ไม่เบื่อบ้างหรือไง

    ไกรวีหัวเราะออกมา ก้าวเท้าเดินเคียงนทีธัชช์ไปยังที่ที่จอดรถไว้ปกติพี่ก้อยไม่เป็นอย่างนี้นะครับ ยกเว้นแต่จะมีคนที่ไม่น่าไว้วางใจจริง ๆ

    แล้วพี่เป็นคนไม่น่าไว้ใจงั้นสิ?”

    หืม? ใครพูดอย่างนั้นเหรอครับ

    นทีธัชช์หยุดนิ่ง มองไกรวีที่ยังยิ้มด้วยสายตาดุเข้มอีกครู่จึงค่อยถอนหายใจ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางลงบนศีรษะทุยสวย ยีเส้นผมนุ่มมือเบา ๆ ค่อยผละออกมา

    ไม่พูดก็ยังรู้เลย ดูสายตาพี่ก้อยของกรก่อนเถอะ กินพี่ได้คงกินไปแล้ว

    พี่ที พี่ก้อยเป็นผู้หญิงนะครับ

    ไม่เกี่ยวว่าหญิงหรือชายหรอกกร ในกรณีของคุณก้อย เอาแค่ว่าดูจากสิ่งที่เขาทำกับพี่เถอะ น่ากลัวจะตายไป

    ในแง่ไหนครับ

    นทีธัชช์นิ่งไปนิด ไม่ใช่เพราะคำถามของไกรวี แต่เขาเห็นคนคุ้นตาสองคนอยู่ไม่ไกลกันต่างหาก ยิ่งสองคนนั้นเหลียวสายตามาเห็นและแสดงท่าทีตกใจอย่างชัดเจนทั้งที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติก็ทำให้นทีธัชช์หรี่เรียวตา ไกรวีมาได้ยินคำตอบก็ตอนที่เขามองตามนทีธัชช์ไปเห็นคนสองคนเช่นกัน

    เล่นสงครามประสาทกับใจคนอื่น

    ไกรวีอยากขำ ทว่าสองคนที่มองเห็นก็ทำให้เขาเกิดกังวลขึ้นเมืองรามกับวิรงรอง

    ดูเหมือนสองคนนั้นไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอนทีธัชช์ที่นี่ เพราะอย่างนั้นกว่าจะตั้งสติกันได้ก็ตอนที่ชายเจ้าของไร่รินทร์ธาราเดินเข้าไปใกล้แล้ว สายตาที่มองคนสองคนเป็นการมองอย่างพิจารณา ก่อนหันไปพยักหน้ารับไหว้จากวิรงรองที่ส่งยิ้มเจื่อนให้กัน

    เป็นเมืองรามที่เริ่มต้นทักทายก่อนพี่ทีมาธุระในเมืองเหรอครับ

    ใช่ แล้วรามล่ะ นัดเจอกับแหวนที่นี่เหรอ

    คำถามตรงไปตรงมาทำให้คนฟังนิ่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่ไกรวีที่แทบลืมหายใจยามวิรงรองลอบสบตากันอย่างขอความช่วยเหลือ เขาเองไม่อยากพาตัวไปเกี่ยวข้องนักหรอก แต่ก็อดเห็นใจไม่ได้ ดูจากท่าทีแล้วก็ให้รู้ว่าเรื่องราวเบื้องลึกยังไม่ลงตัว แน่ถ้าจะให้เขาช่วยเขาไม่อยากโกหกอะไรนทีธัชช์เลยจริง ๆ

    ไม่ได้นัดครับพี่ทีเมืองรามตอบในที่สุดแต่ผมไปรับแหวนมาเอง

    นทีธัชช์นิ่งไป ใช่ว่าเขาจะใส่ใจลูกน้องเกินพอดี แต่ในเมื่อเห็น ๆ กันอยู่ว่าวันก่อนวิรงรองยังมีคนรับส่งอีกคนที่ไม่ใช่เมืองราม และเมืองรามก็รู้ในข้อนั้นดีด้วย แล้วทำไม

    พี่หวังว่านายจะคิดดีแล้วนะราม

    นั่นเป็นคำเตือน เมืองรามรู้ แต่ไม่แน่ชัดว่าเตือนด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของเขา ของวิรงรอง หรือของหน้าตาไร่รินทร์ธารากันแน่ แต่เขาก็ยังเห็นความหวังดีและน้อมรับมันเอาไว้ จึงยกมือประนมไหว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่ารักและเคารพนทีธัชช์เหมือนเดิม

    ขอบคุณพี่ทีสำหรับความหวังดีครับ

    นทีธัชช์ถอนหายใจ มองเห็นประกายกล้าของดวงตาแล้วก็ได้แต่ปล่อยวาง ถึงเขาจะควบคุมดูแลคนงานทุกคนในไร่ได้ แต่ใช่ว่าจะสามารถควบคุมหัวใจของใครได้เสียเมื่อไหร่แล้วแหวนจะกลับตอนไหน จะกลับพร้อมผมกับคุณกรเลยไหม ผมกำลังจะกลับกันแล้ว

    แหวนเหรอคะ…” วิรงรองกะพริบตาปริบ ก่อนตอบรับในที่สุดงั้นแหวนขอติดรถคุณทีคุณกรด้วยนะคะ นะพี่ราม แบบนี้ดีที่สุดแล้ว

    เมืองรามไม่พอใจนักหรอก เขายังอยากอยู่กับวิรงรองอีกสักหน่อย แต่ก็รู้ดีว่าสายตาคาดคั้นของนทีธัชช์มีอิทธิพลกับเขามากเพียงใด ดังนั้นจึงเลือกที่จะพยักหน้า ยืนส่งกระทั่งรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ของนทีธัชช์ห่างออกไปแล้วจึงค่อยละสายตา

     และได้แต่หวังว่านทีธัชช์จะไม่ซักถามอะไรวิรงรองระหว่างการเดินทาง เพราะรู้จักนิสัยหญิงสาวดี หากโดนหว่านล้อมทักถามมากหน่อยก็อาจหลุดปากได้ซึ่งเมืองรามไม่ต้องการให้วิรงรองหลุดปากไปเกินสมควร แม้แต่คำเดียวก็ไม่ต้องการ!

     

    เดี๋ยวผมขับรถเอาไปให้ลุงบุญเป็งเองดีไหมครับ พี่ทีจะได้ไม่เสียเวลากับเรื่องทางนี้ด้วย

    ไกรวีเอ่ยถามขึ้นขณะมองนทีธัชช์ที่กำลังคร่ำเคร่งกับเครื่องกรองมูลไส้เดือนที่อยู่ ๆ ก็เกิดไม่ทำงาน ทั้งยังมาชำรุดในวันที่ต้องคัดกรองเตรียมจัดชุดส่งออกให้ลูกค้าเสียด้วย แต่ไกรวีก็จำได้ว่าวันนี้นทีธัชช์มีนัดกับบุญเป็ง เกษตรกรรายหนึ่งที่เคยถูกสารเคมีเล่นงานจนต้องปรับดินกันอยู่พักใหญ่ วันนี้ชายหนุ่มจะนำเมล็ดผักสลัดหลายสายพันธุ์ไปให้ตามคำร้องขอของผู้สูงวัย และตอนนี้ก็ใกล้เวลามากแล้วด้วย

    นทีธัชช์มีเวลาคิดไม่มาก ใจจริงเขาอยากจะวานจอมทัพมากกว่า แต่คนนั้นก็ดันติดประชุมตัวแทนเกษตรกรอินทรีย์แทนเขา คนงานคนอื่น ๆ ก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ เห็นมีว่างงานอยู่ก็แค่คนเดียว

    แต่เขาไม่อยากให้ไกรวีห่างจากสายตาเท่าไรนัก

    เถอะครับ เดี๋ยวแกรอ

    นทีธัชช์คิดอีกครู่จึงตัดสินใจได้อืม รบกวนกรด้วยแล้วกันนะครับ

    ชายหนุ่มยิ้ม เอื้อมมือรับกุญแจรถจากนทีธัชช์แล้วห่างออกมา เขาเคยไปที่ดินของบุญเป็งมาแล้วหลายครั้งเพราะนทีธัชช์แวะไปติดตามดูผล จนแน่ใจแล้วว่าตอนนี้ดินของบุญเป็งสามารถปลูกพืชได้โดยไม่เสียหาย ซึ่งก็เป็นเรื่องน่ายินดีมากจริง ๆ ที่เกษตรกรรุ่นสูงวัยจะได้มีที่ทางทำมาหากินต่อเสียที

    ไกรวีอมยิ้มขณะยกมือไหว้บุญเป็ง บอกกล่าวว่าเป็นตัวแทนนำเมล็ดพันธุ์มาให้เพราะนทีธัชช์ติดจัดการงานในไร่ ทำหน้าที่จดความต้องการและปัญหาที่บุญเป็งพบลงสมุดบันทึกอีกพักหนึ่งถึงขอตัวกลับ ไกรวีขับรถกลับมาทางเดิม เพียงแต่มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม

    มีรถตามมา

    ไกรวีไม่แน่ใจในคราวแรก คิดว่าบางทีอาจเป็นรถของผู้คนที่สัญจรไปมาแม้ความจริงแล้วถนนเส้นนี้จะมีรถน้อยมากก็ตาม หากเมื่อขับมาได้สักพัก ลองลดความเร็วลงก็ยังเห็นว่ารถคันนั้นตามท้ายอยู่ไม่ได้ขยับแซงไปไหน จึงมั่นใจในตอนนั้นว่าเขากำลังเจอเรื่องไม่ปกติเป็นอย่างยิ่ง หากโดนสะกดรอยยังพอใจชื้นได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายเท่าไร แต่การที่จ่อรถต่อท้ายด้วยระยะที่ใกล้กันมากขึ้นทุกที ไกรวีจึงตัดสินใจได้ว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยงที่จะรับรู้เพียงคนเดียว

    หากวินาทีที่มือซ้ายกำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์หมายต่อสายตรงถึงนทีธัชช์ รถก็กลับกระตุกด้วยได้รับการกระแทกจากด้านหลัง แม้ไม่รุนแรงเท่าไรก็ยังทำให้โทรศัพท์หลุดมือ ไกรวีเม้มปากแน่น หัวใจเริ่มระรัวเมื่อรู้สึกได้ว่าการจูบท้ายกระบะเมื่อครู่เป็นเพียงการทักทายเท่านั้น

    ไกรวีพยายามเพ่งผ่านกระจกมองหลังว่าคนในรถคือใคร แต่ฟิล์มที่ติดทึบก็ทำให้เขาหงุดหงิด เพิ่มความเร็วรถเพื่อเว้นระยะออกห่าง แต่ก็กลับกลายเป็นว่ารถคันหลังเหยียบคันเร่งจนตีขึ้นมาประกบข้างได้สำเร็จ และในวินาทีที่ชายหนุ่มหันมองไป หัวใจก็ต้องตกหล่นวูบหายเมื่อพบปากทรงกลมสีดำสนิทสอดออกมาผ่านช่องกระจกหน้าต่างฝั่งข้างคนขับ

    นั่นมันปืน! ไกรวีขบกรามแน่น เป็นเวลาเพียงน้อยนิดที่จะได้พิจารณาถนนสองเลนส์ เมื่อเห็นว่ามันยังว่างเปล่าไร้รถคันใด ไกรวีก็ตัดสินใจหักพวงมาลัยให้รถของเขาเบียดกระแทกกับรถอีกคัน แรงกระแทกทำให้ร่างเขาสั่นคลอน อีกคันกระแทกกลับคืนจนเขาเกือบเสียหลัก แต่ยังมีสติที่จะหักพวงมาลัยรถแล้วเบียดอีกครั้ง คราวนี้ไกรวีใช้เวลานานมากพอที่จะทำให้ได้ยินเสียงเสียดสี เบียดบดจนรถอีกคันใกล้ตกขอบถนนอยู่รอมร่อจึงโดนเบียดกลับอย่างจงใจ แต่ก่อนที่จะคิดได้ว่าควรทำอย่างไรต่อจากนี้ รถติดฟิล์มทึบคันนั้นก็แล่นลิ่วห่างออกไปจนในที่สุดก็ลับตา

    ไกรวีหยุดรถในทันที หอบหายใจรุนแรง มือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ก็ต้องพยายามหักห้ามใจพารถที่จอดคร่อมเลนส์ให้ไปชิดกับริมทางของฝั่งตน รู้สึกได้ถึงใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ กำพวงมาลัยแน่นจนมือขาวไร้สีเลือดขณะก้มหน้าลงพิงกับมันอย่างหาที่พักพิง อีกครู่หนึ่งเมื่อตั้งสติได้จึงยืดกายขึ้นหลังตรง เอื้อมมือที่ยังสั่นอยู่ไปกดปุ่มที่กล้องติดหน้ารถเพื่อดูว่ามันได้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้หรือไม่

    เป็นอีกครั้งที่ไกรวีสะดุ้งตัวเมื่อมีรถคันหนึ่งชะลอตอนที่กำลังขับผ่านเขาไป ก่อนจะจอดเทียบถัดไปทางด้านหน้าไม่ไกลกันนัก นัยน์ตาวิบไหวหรี่เรียว หายใจติดขัดขึ้นมาอีก ก่อนจะค่อย ๆ สงบลงเมื่อพบว่าคนที่ลงมาจากรถไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็นเมืองราม

    เมืองรามชายหนุ่มรีบยกมือปิดการใช้งานของกล้อง เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายเดินมาถึงตัวรถพอดี สีหน้าเป็นกังวลทำให้ไกรวีสูดลมหายใจเข้าลึก ยังไม่สามารถปรับสีหน้าได้ยามเมืองรามเคาะกระจกเรียกกัน

    คุณกร!” เมืองรามดูตกใจเมื่อเห็นว่าคนในรถเป็นเขาเกิดอะไรขึ้นครับ แล้วคุณกรเป็นอะไรรึเปล่า

    อีกครู่ไกรวีถึงหาเสียงตัวเองเจอ เขาส่งสายตาเป็นสัญญาณว่าจะเปิดประตูรถ ให้เมืองรามที่รับรู้ได้ก้าวถอยไป เอื้อมมือมาหมายจะประคองหากว่าไกรวีจะยืนไม่อยู่ แต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถหยัดยืนได้เต็มเรี่ยวแรง หันตัวกลับเข้ารถ โน้มลงหยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่ใต้เท้าแล้วกลับมามองเมืองรามอีกครั้ง

    อุบัติเหตุครับคุณราม โดนรถชนแล้วหนีน่ะครับ

    โทรหาพี่ทีรึยังครับ

    ไกรวีส่ายหน้า เห็นเมืองรามล้วงหยิบโทรศัพท์จึงรีบบอกออกไปด้วยไม่อยากรบกวนเดี๋ยวผมโทรบอกเองครับ

    เมืองรามไม่ขัดข้อง เขามองไกรวีที่เดินไปทางด้านหลังรถขณะกรอกเสียงไปตามสาย ส่วนเขาเองก็สำรวจความเสียหายของข้างรถให้ และแน่ใจว่านี่คงไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไปแน่ ไม่อย่างนั้นนอกจากด้านหลังรถที่บุบจนทำให้เขาเกิดประหลาดใจ ก็ไม่ควรมีรอยบุบและขีดข่วนชัดเจนที่ด้านข้างอย่างนี้

    ชายหนุ่มยิ้มให้กำลังใจเมื่อไกรวีดูเหมือนจะเสียขวัญอยู่มากแม้ประคองสติได้ดี สังเกตจากมือที่สั่นน้อย ๆ จนต้องประสานเข้าหากัน ไกรวีหันหน้าเข้าหาตัวรถ วางกำปั้นลงบนกระโปรงหน้าเพื่อเป็นหลักยึดให้ตัวเอง

    ไหวไหมครับ นั่งในรถก่อนดีกว่าครับคุณกร

    ไกรวีไม่เห็นเหตุที่ต้องปฏิเสธจึงก้าวเท้าขึ้นนั่งบนรถโดยหย่อนขาลงมาที่ด้านข้าง ในขณะที่เมืองรามเดินสำรวจความเสียหายรอบรถอีกครั้งก่อนกลับมาหาไกรวี เหลียวสายตามองกล้องติดหน้ารถแล้วเอ่ยถาม

    มีกล้องอยู่นี่ครับ ใช้ได้ใช่ไหม คุณกรไม่ต้องกังวลนะ ผมว่าอย่างน้อยเราก็ยังมีหลักฐานให้ตำรวจ

    ไกรวียิ้ม ส่ายหน้าเนือยอย่างอ่อนแรงกล้องใช้ไม่ได้ครับคุณราม เห็นพี่ทีบ่นอยู่เหมือนกันว่าเสียมาสองสามวันแล้ว

    อ้าว…” เมืองรามเองพอได้ยินอย่างนั้นก็อับจนหนทาง ยืนเงียบเป็นเพื่อนไกรวี จนกระทั่งเห็นร่างของนทีธัชช์ขี่ควบม้าสีเชสต์นัทใกล้เข้ามาจึงแตะไหล่บอกให้ไกรวีรู้

    สีหน้าของนทีธัชช์ทำให้ไกรวีใจหาย ไม่เพียงแต่เป็นห่วงเขาอย่างชัดเจน แต่ยังแฝงไว้ด้วยความโกรธขึ้งอยู่ลึก ๆ ข้างในแววตา ชายหนุ่มหยุดเจ้าน้ำตาลไหม้ใกล้ต้นไม้ใหญ่ ลงจากหลังมันได้ก็ผูกไว้กับตรงนั้น ก่อนเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ปกปิดความยุ่งยากใจไว้ไม่ได้ และเขาไม่คิดจะปกปิดมันด้วย

    พี่หารถออกมาไม่ได้เลย พี่มาช้าไปหรือเปล่า

    ไม่ครับ ไม่ช้าเลยถ้าเทียบกับระยะเวลาที่เขาวางสายจนถึงตอนนี้ ไกรวีไม่แน่ใจว่ามันถึงสิบนาทีแล้วหรือยัง ซึ่งนั่นก็ถือว่ารวดเร็วมากแล้วสำหรับเขา

    กรเป็นอะไรไหม

    สิ่งแรกที่นทีธัชช์สำรวจไม่ใช่รถประจำตัวของเขา แต่เป็นร่างของไกรวีที่ใบหน้าซีดเซียวอย่างสังเกตได้ หากไกรวีกลับส่ายหน้า ยกยิ้มบางเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร

    อุบัติเหตุครับพี่ที ชนแล้วหนี

    เขาบอกเหมือนที่บอกเมืองราม รู้แก่ใจว่านทีธัชช์ไม่เชื่อก็ยังยืนยันด้วยการพยักหน้า ดังนั้นนทีธัชช์จึงเหลียวมองกล้อง กลับมาสบตาอีกครั้งก็ได้รับถ้อยคำจากไกรวีเหมือนที่เมืองรามรู้

    กล้องพังเมื่อวันก่อนใช่ไหมครับ ผมลองกดเปิดแล้ว ไม่มีอะไรขึ้นมาเลย

    นทีธัชช์สบตากับไกรวีวินาทีหนึ่งจึงพยักหน้า ยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดใจพลางพึมพำเสียงเบาพี่ผิดเองที่ชะล่าใจ ไม่หากล้องใหม่มาเปลี่ยนสักที

    อย่างนี้เราจะทำยังไงกันได้บ้างครับ ไม่มีหลักฐานอะไรเลย

    เป็นเมืองรามที่ถามขึ้น ให้นทีธัชช์หันมองราวกับเพิ่งเห็นหนุ่มรุ่นน้องอยู่ตรงนี้รามมาตั้งแต่ตอนไหน เห็นอุบัติเหตุหรือเปล่า

    ไม่ครับพี่ที ผมขับมาก็เห็นรถจอดอยู่นิ่ง ๆ แล้ว เห็นกระบะหลังบุบเหมือนโดนชนเลยเอะใจ เห็นว่าเป็นรถของพี่ทีด้วยแหละครับ

    นทีธัชช์พยักหน้ารับรู้ขอบใจรามมากที่ลงมาอยู่เป็นเพื่อนกร พี่ไม่รบกวนรามแล้วล่ะ

    คำนั้นทำให้เมืองรามนิ่วหน้า ด้วยรู้สึกไม่ต่างอะไรจากการโดนไล่กลาย ๆแต่…”

    อีกเดี๋ยวคนของพี่ก็คงมาแล้ว ประกันก็ด้วย ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะราม พี่ขอบใจนายมากจริง ๆ

    เมืองรามนิ่งไปเหมือนยังพะวง ก่อนพยักหน้ารับ หันไปยิ้มให้กำลังใจไกรวีอีกครั้งก่อนออกปากขอตัวกลับ

    เขาสองคนยังนิ่งเงียบจนกระทั่งรถของเมืองรามห่างออกไป นทีธัชช์เท้าแขนซ้ายกับกรอบประตูเหนือไกรวี โน้มหน้าลงหาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม

    ไหวรึเปล่า

    ไหวครับไกรวีตอบเสียงติดแหบน้อย ๆ ก่อนต้องได้ประหลาดใจกับสัมผัสจากมือกร้านที่แตะลงยังผิวแก้มของเขา รู้ได้ในนาทีถัดมาว่าเป็นสัมผัสปลอบโยนเพราะปลายนิ้วที่เกลี่ยแก้มเขาเบา ๆแต่พี่ที กล้องรถไม่ได้เสียนะครับ

    พี่รู้ บอกพี่สิว่าทำไม

    ไกรวีนิ่งไปครู่ จนได้ยินเสียงรถที่ใกล้เข้ามาถึงเอ่ยปากบอกผมไม่ไว้ใจใคร พี่ทีไม่โกรธผมนะครับ

    ที่ไม่ไว้ใจเมืองรามด้วยน่ะหรือนทีธัชช์ส่ายหน้ากรทำถูกแล้ว

    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนอาการสั่นของมือกับหัวใจจะหายไปแล้ว หัวใจเขากลับมาเต้นเป็นปกติ มือแม้จะยังเย็นแต่ก็ผ่อนคลายและควบคุมได้มากกว่าเมื่อครู่ ทั้งหมดนั้นก็เพราะได้รับการปลอบโยนจากนทีธัชช์ที่ยังไม่ผละมือออกห่างไป มีแต่จะขยับย้าย เคลื่อนมือแล้วสอดนิ้วประคองหลังกกหู นวดเบา ๆ อย่างที่ทำให้ไกรวีคลายใจ

    ที่สุดจึงเอ่ยออกมา ให้ใบหน้าที่อ่อนโยนลงกว่าเคยกลับมาพราวโรจน์ด้วยความคุกรุ่น

    รถชนไม่ใช่อุบัติเหตุครับพี่ที

    นทีธัชช์ไม่อยากให้เกิดเลย อย่างน้อยก็ไม่ควรเกิดขึ้นเร็วอย่างที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวรับอย่างนี้ยังไง

    มันเป็นเรื่องจงใจครับพี่ที

    ทั้งรถที่เบียดกันไปกระแทกกันมา หรือแม้แต่ปลายกระบอกปืนที่โผล่พ้นกรอบหน้าต่างทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องจงใจที่ไม่ใช่เพียงส่งคำเตือน แต่หมายถึงคิดปลิดชีวิตเขาเลยต่างหากล่ะ!




    โปรดติดตามตอนต่อไป



    สารภาพว่าลืมวันลืมคืน กว่าจะรู้ตัวว่าเมื่อคืนวันพฤหัสที่ต้องอัปเรื่องนี้ก็ตอนที่กำลังอ่านนิยายแบบติดลมบนเลยค่ะ แฮ่


    เริ่มแล้วนะคะ เริ่มเข้มข้นเหรอ เปล่าค่ะ... พี่ทีเนี่ย เริ่มแตะตัวคุณกรแล้วนะคะ! เนียนนนนเหรอคะคนเรา /แซวเล็ก ๆ จะได้ไม่เครียดกันมากเนอะ อิอิ



    #ธาราโอบจันทร์ หรือ คอมเมนต์ หรือ กดให้กำลังใจ นะคะน้าาน้าน้าน้า

    ขอบคุณค่าา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×