ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่สิบ ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่สิบ



    นทีธัชช์ถอนหายใจเฮือกเมื่อมองไปยังห้องรับรองแล้วพบเพียงความว่างเปล่า ชายหนุ่มมองนาฬิกา เห็นว่าเป็นเวลาพักเที่ยงมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วจึงตัดสินใจพับงานแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวออกไปคว้าเอาโน้ตบุ๊กของคนหนีเที่ยวมาวางไว้ที่โต๊ะทำงานตัวเองก่อนออกมาจากสำนักงาน กวาดสายตาเรียวคมไปรอบ ๆ ก่อนสะดุดเข้ากับเสียงเฮโลที่ดังมาจากส่วนโรงอาหารของคนงาน

    เขาไม่แน่ใจนักว่าควรรู้สึกอย่างไร รู้แต่เมื่อเดินมาถึงข้างโรงอาหารที่เป็นลานสันทนาการแล้วก็ได้แต่ยืนอยู่นอกวงเฮฮานั้นเงียบ ๆ สองแขนกอดอกทอดมองสองร่างที่เคลื่อนไหวรวดเร็วอยู่ที่โต๊ะปิงปอง วัยหนึ่งหนุ่มหนึ่งกลางคนกำลังตอบโต้กันผ่านการหวดลูกปิงปองข้ามเขตแดน กระทั่งความคล่องแคล่วปราดเปรียวของคนหนุ่มมีมากกว่า ลูกปิงปองจึงลอยลิ่วผ่านไม้ของชายวัยกลางคนไปเพียงชั่วพริบตา

    เสียงเฮลั่นดังขึ้น ไกรวียิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ หัวเราะเมื่อบรรเจิดไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ อยากจะขอดวลกันอีกสักเกม หากความเงียบก็กลับคืบเข้าทั่วพื้นที่เมื่อมีคนมองเห็นผู้เป็นนายยืนอยู่นอกวง นทีธัชช์เลิกคิ้ว ก่อนเสียงเงียบกริบเมื่อครู่จะกลับคืนสู่การสรวญเสเฮฮาดังเดิม

    อ้าว คุณที มา ๆ มาดวลกันสักเกมไหมบรรเจิดทัก ไถ่ถามเมื่อนทีธัชช์เดินเข้ามาใกล้

    อยากดวลอยู่ครับลุง แต่เดี๋ยวผมต้องไปเตรียมตัวรับแขกแล้ว

    พี่ทีกินข้าวรึยังครับ

    ชายหนุ่มมองหน้าคนถามนิ่ง ๆแล้วกรกินรึยัง

    เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วครับ

    ไกรวีลุกออกจากห้องรับรองตั้งแต่สาย ๆ แล้ว ไม่ได้บอกกล่าวอะไรคนที่นั่งหน้าเคร่งทำงานเพราะเกรงจะรบกวน ออกมาได้ก็ไปตัดหญ้าหวานกับทีมที่ดูแลแพะนม กลับมาก็ถูกรั้งตัวจากบรรเจิดให้นั่งกินข้าวด้วยกัน แล้วก็เริ่มแข่งปิงปองกันตอนใกล้เที่ยง จนถึงตอนนี้ที่ก็เกือบจะบ่ายโมงเข้าไปทุกที ใบหน้าที่ส่ายเนือยจึงทำให้เขาแปลกใจ

    นี่ยังไม่กินข้าวเหรอครับ

    นทีธัชช์ทำหน้าเซ็งไม่มีคนเรียก เลยทำงานไม่รู้เรื่อง

    ก็ทำงานไม่รู้เวลาเองไกรวีไม่ยี่หระกับสายตาที่จ้องมาราวกับจะปัดความผิดให้เขา ไปกินสิครับ

    ไม่ทันแล้ว อีกเดี๋ยวแขกจะมา

    ไกรวีพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้มาว่าวันนี้จะมีแขกของรินทร์ธารามาเยี่ยมชมไร่ในส่วนการผลิตต่าง ๆ เพียงแต่ไม่รู้เวลาเท่านั้น เขาไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร จึงตั้งใจว่าช่วงบ่ายจะไปช่วยทีมแพะนมรีดนมเสียหน่อย

    หากนทีธัชช์กลับเอ่ยปากให้แผนเขาพังไปร้านอาหารให้หน่อยสิ พี่ขอแซนด์วิชสองกล่อง เอาน้ำผลไม้แล้วกัน อะไรก็ได้ แล้วเอามาให้พี่ที่สำนักงาน พี่จะรอรับแขกอยู่ที่นั่น

    ครับ ได้

    ขับรถไฟฟ้าไปนะ สะดวกกว่า

    ไกรวีพยักหน้า ส่งไม้ปิงปองคืนให้บรรเจิด รับกุญแจรถไฟฟ้ามาจากคนงานอีกคนที่ได้ยินคำสั่งนั้น ก่อนจะแยกตัวออกมาขึ้นรถไฟฟ้าโดยที่นทีธัชช์เดินกลับไปตึกสำนักงาน ขับมาตามเส้นทางที่จะไปยังส่วนต้อนรับนักท่องเที่ยวจนถึงที่หมายก็ลงจากรถเตรียมก้าวเข้าไปด้านในร้านอาหาร

    สายตาเขามองไปเห็นวิรงรองที่นั่งอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารโต๊ะหนึ่งกับผู้ชายอีกคนที่หันหลังให้เขา ใบหน้าของเธอกับอีกคนใกล้กันมาก ทั้งสีหน้าเธอยังดูเครียดเคร่งผิดแปลกจากที่เคยเห็น ก่อนแปรเป็นความตกใจเมื่อเห็นไกรวีที่มองไปอยู่ก่อนแล้วก้าวเข้ามาด้านในร้าน วิรงรองลุกพรวด เม้มปากหลุบตามองอีกคน กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่ไกรวีเดินเข้ามาใกล้แล้ว

    คุณกร สวัสดีค่ะ

    วิรงรองยกมือไหว้ หน้าเผือดสีอย่างที่สังเกตเห็น หากไกรวีก็ยังยิ้ม จะเอ่ยทักทายก็พอดีกับชายที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืน หันตัวกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    สวัสดีครับคุณไกรวี

    สวัสดีครับไกรวียกยิ้มเป็นมิตร แม้จะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเมืองรามกับวิรงรองรู้จักกัน หากก็ไม่ได้คิดไถ่ถามอะไรจึงเบือนหน้าไปทางวิรงรองที่มีสีหน้าดีขึ้นแล้วคุณแหวนครับ ผมขอแซนด์วิชสักสามกล่องหน่อยสิครับ น้ำผลไม้ด้วย

    ได้ค่ะคุณกร เอาไปฝากคุณทีเหรอคะ

    ครับชายหนุ่มพยักหน้า ให้เธอตอบรับแล้วก้าวฉับออกห่างไป เป็นเมืองรามที่มองตามเธออีกครู่จึงค่อยกลับมาสบตา เอ่ยปากด้วยเสียงที่ดูก็รู้ว่าระมัดระวัง

    คุณไกรวีผมอยากรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมครับ

    ครับ?”

    เรื่องผมกับแหวนเมืองรามมองไปทางวิรงรองที่มองมาด้วยสายตาวิตกกังวล ผมยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรา...คบกัน โดยเฉพาะพี่ที

    ไกรวีงุนงง เขาไม่คิดว่ารินทร์ธาราจะมีกฎห้ามพนักงานมีความรัก ยิ่งกับคนนอกไร่ยิ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังพยักหน้าพร้อมตอบรับในลำคอ เป็นเมืองรามที่เห็นแววไม่เข้าใจเคลือบบนดวงตาของเขา จึงบอกกล่าวเพิ่มเติมด้วยเสียงที่เบาลง

    คือแหวนยังเลิกไม่ขาดกับคนเก่าน่ะครับ ผมเลยยังไม่อยากออกตัวมาก ที่มาหาตอนนี้เพราะคิดว่าคงไม่มีใครจับสังเกตอะไร แต่ผมกลัวคุณไกรวีจะเข้าใจผิดแล้วไปบอกกับพี่ที

    กลัวเขาเอาไปฟ้องสินะ ไกรวีได้แต่ถอนใจ เขาควรโกรธที่เมืองรามมองว่าเขาอาจคาบเรื่องนี้ไปบอกใคร แต่ไม่เลย นี่ไม่ใช่กงการอะไรของเขา ชายหนุ่มไม่ได้รู้จักกับเมืองรามมากไปกว่าการพบเจอกันเพียงหนึ่งครั้ง ไม่ได้สนิทสนมกับวิรงรองแม้ทุกครั้งที่เจอเธอจะชมผิวขาวละเอียดของเขาไม่หยุด ไม่ใช่เรื่องที่้เขาจะยื่นจมูกเข้าไปยุ่ง ยิ่งรู้ว่านี่อาจเป็นเรื่องผิดศีลด้วยแล้ว

    ไม่ต้องห่วงนะครับคุณเมืองราม ผมไม่บอกใครอยู่แล้ว

    ไกรวีบอกยิ้ม ๆ ให้คนตรงหน้าที่เหมือนจะกังวลพลอยยิ้มไปด้วย จังหวะนั้นเองที่วิรงรองกลับเข้ามา ให้ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมองก่อนเมืองรามจะเอ่ยขึ้น

    งั้นพี่กลับเลยนะแหวน

    จ้ะพี่ราม

    ผมขอตัวนะครับคุณไกรวี

    ไกรวีเอ่ยลา ยืนมองจนกระทั่งเมืองรามออกจากร้านไปจึงหันมารับแซนด์วิชในกล่องกระดาษสามกล่อง ทว่าแม้เขาจะรับปากกับเมืองรามแล้ว แต่วิรงรองก็ยังมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้คิดจะเงียบไกรวีจึงต้องพูดก็เพียงเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นเท่านั้น

    ไม่ต้องห่วงนะครับคุณแหวน เรื่องของคนสองคน ผมไม่บอกใครอยู่แล้ว

    วิรงรองชะงักไปนิด มือที่กำลังจะส่งขวดน้ำผลไม้คั้นสดสั่นน้อย ๆพี่รามพูดอะไรกับคุณกรเหรอคะ

    คุณแหวนกับคุณรามคบกัน

    เท่านั้นหญิงสาวก็เม้มปากแน่น ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มอย่างที่ทำให้คนมองรู้ว่ากำลังกลั้นเขินแค่ไหน เธอส่งเสียงในลำคอ ไม่กล้าสบตาคู่เรียวที่มองเธออย่างล้อ ๆ กระทั่งชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ นั่นล่ะเธอถึงเผลอค้อนขวับวงโตให้คนที่อยู่คู่ตำแหน่งเจ้านาย ทั้งเอ่ยปากส่งเสียงให้รู้ว่าเธอขัดเขินมากจริง ๆ

    โธ่ คุณกรน่ะ ไม่ล้อแหวนสิคะ แหวนเขินจะแย่แล้วนะ ฮื้อวิรงรองเดินออกมาส่งชายหนุ่มที่รถไฟฟ้า จัดเรียงกล่องแซนด์วิชกับขวดน้ำผลไม้ให้แต่ว่า แหวนยังไม่ได้บอกใครเลยค่ะคุณกร

    ผมรู้ชายหนุ่มนิ่งไปนิดเรื่องอย่างนี้อย่ารีบดีกว่าครับคุณแหวน เพราะถ้ามีข่าวออกไปผิด ๆ คนที่เสียหายจะเป็นคุณแหวนมากกว่า

    เธอมองเห็นประกายห่วงใยจากนัยน์ตาของไกรวี จึงยกสองมือปิดปาก ส่งเสียงในลำคอตามนิสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไหว้เขาเมื่อสตาร์ตรถ ยืนมองกระทั่งรถไฟฟ้าสีขาวเคลื่อนห่างไกลออกไปทุกที ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกจึงค่อยหมุนตัวกลับเข้าร้าน

    แน่ล่ะ เธอจะให้ใครระแคะระคายความสัมพันธ์ของเธอกับเมืองรามตอนนี้ไม่ได้ เพราะอย่างที่ไกรวีพูด หากมีอะไรไม่ดีหลุดออกไปคนที่เสียหายก็จะเป็นเธอเต็ม ๆ !

     

    ไกรวีได้รู้ว่าแขกของนทีธัชช์ที่จะมาเยี่ยมเยียนดูไร่รินทร์ธาราคือเจ้าของ Relieve Café ก็เพราะเห็นรดิศกำลังนั่งหน้าเคร่งกับโน้ตบุ๊กของตัวเองในห้องรับรองแขก ชายหนุ่มเลือกเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานก่อน ส่งกล่องแซนด์วิชกับน้ำผลไม้ให้ชายทั้งสองอย่างละชุด จึงค่อยเดินนำมาให้รดิศที่ปรับสีหน้าเป็นอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเงยหน้ามองเห็นกัน

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับไหว้จากไกรวี มองเขาที่หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาเบาะเดี่ยวค่อยถามเป็นยังไงบ้างครับ สรุปนิยายเล่มนั้นพิมพ์ทันกำหนดไหม

    ทันครับ เพราะได้คุณมีนช่วยไว้แหละครับ

    รดิศยิ้ม มีแววอารมณ์ดีอยู่ในดวงตาบอกแล้วว่าเรียกพี่ก็ได้

    ติดเกรงใจน่ะครับ พอได้คุยกันก็มีแต่เรื่องงานทั้งนั้นเลยไกรวียิ้มบ้าง เห็นเจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ยังนึกทึ่ง หากสิ่งที่มากกว่านั้น… “คนที่อยู่ในห้องใช่คุณสหรัถรึเปล่าครับ

    ครับ ใช่

    ไกรวียิ่งยิ้ม หันมองไปทางคนสองคนที่นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะทำงาน แล้วก็เกิดควบคุมความรู้สึกไม่ได้หลังจากเห็นใบหน้าของสหรัถชัด ๆ แล้ว ก็ดูเสียสิ สหรัถตัวจริงกับรดิศหน้าเหมือนกันที่ไหน แค่เค้าโครงหน้าก็ไกลความเหมือนมากแล้ว แล้วนทีธัชช์ยังจะ

    รดิศเลิกคิ้ว งุนงงชั่วแวบที่อยู่ ๆ คนที่มองไปทางห้องทำงานกลับหัวเราะพรืด ก่อนจะเป็นเขาที่หัวเราะผสมกันเพียงแต่เสียงเบากว่ามาก เพราะในขณะที่เขากำลังงง แต่นทีธัชช์กลับส่งสายตาคาดโทษมาให้ไกรวีแล้วเรียบร้อย

    ที่หัวเราะก็เพราะคิดไปถึงวันนั้นที่เจอกันที่ Relieve Café แน่ ๆ รดิศมั่นใจ

    คนอะไร หน้าแตกหมอไม่รับเย็บแล้วยังทำเนียนได้อีก

    คราวนี้รดิศกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เสียงของเขาผสมโรงกับไกรวีจนเรียกความสนใจของสหรัถที่นั่งดูตารางแผนงานการจัดส่งสินค้าอย่างเงียบ ๆ ให้หันมามอง เห็นว่ารดิศยิ้มกว้างยามทอดมองสบตากันก็ยิ้มได้ หยัดกายขึ้นยืนก่อนก้าวเท้าตามนทีธัชช์ออกไปหาคนอารมณ์ดีสองคน

    เดี๋ยวจะโดนเขาได้ยินนทีธัชช์ดุไกรวีเบา ๆ หน้าตามาดร้ายเหมือนจะไม่ยอมลงให้ หากก็ยังหันมามองกันแล้วพยักหน้าไปกันครับ ม้าน่าจะพร้อมแล้ว

    นทีธัชช์จุดยิ้มเมื่อเห็นสหรัถฉงนใจ หากก็ยังสงวนท่าทีด้วยการตามเขาออกมาที่ด้านหน้าสำนักงาน ปรากฏเป็นม้าสูงสง่าสองตัวที่ยืนนิ่งอย่างรออยู่ก่อนแล้ว จึงค่อยหันมองสหรัถที่มองม้าสีเชสต์นัทด้วยสายตาอ่อนโยน

    คุณโชนเคยขี่ม้าไหมครับ

    นานมากแล้วครับสหรัถขบคิดอาจจะสักสิบกว่าปี

    ถ้าอย่างนั้นถ้าได้ลองนั่งอาจจะพอจำได้อยู่บ้าง

    สหรัถนิ่ง ลองเอื้อมมือไปยังเบื้องหน้าม้าสีเชสต์นัทซึ่งคนเลี้ยงม้าแนะนำทันทีว่าชื่อน้ำตาลไหม้ ให้มันได้ทักทายทำความรู้จักกับเขา เพียงครู่เดียวนทีธัชช์ก็มั่นใจว่าทั้งคนและม้าต่างติดใจกันเข้าให้แล้ว ดูจากท่าทางนิ่ง ๆ ที่เปลี่ยนเป็นยกยิ้มอ่อนโยนอย่างนั้น

    คงต้องลองดูครับ

    สหรัถเอ่ยเหมือนไม่มั่นใจ หากนทีธัชช์ก็ยังมองเห็นความมั่นใจที่มาพร้อมการผ่อนคลายร่างกาย นั่นทำให้เขาพอใจแขกผู้มาเยือนอยู่มากทีเดียว ดังนั้นแทนที่จะรอดูอีกนิดจึงขยับเวลาให้เร็วขึ้น เอ่ยปากบอกแผนของครึ่งวันนี้ให้สหรัถที่กำลังลูบหัวน้ำตาลไหม้ได้รับฟัง

    เดี๋ยวเราจะค่อย ๆ ขี่ม้าเลียบไปทางสวนนะครับ ดูงานตามแปลงแต่ละส่วนไปเรื่อย ๆ แล้วให้แดดร่มหน่อยผมจะพาคุณโชนออกจากรินทร์ธาราไปที่บ้านหมอกรักษ์ ไปดูโรงเรือนทำเมลอนที่คุณโชนอยากได้

    สหรัถพยักหน้า คราวแรกก็นึกเสียดายที่นทีธัชช์บอกว่าที่นี่ไม่ได้ปลูกเมลอนพอที่จะส่งขาย เหมือนปลูกไว้ให้คนในไร่ได้กินได้แปรรูปกันพอไม่เหงาเสียมากกว่า หากเขาก็ยังยินดีถ้านทีธัชช์จะแนะนำพื้นที่ปลูกให้ ถึงอย่างนั้นก็ยังถามออกไปจะดีเหรอครับคุณที

    นทีธัชช์เข้าใจความหมาย ชายรุ่นน้องคงติดเกรงใจ จึงตอบไปยิ้ม ๆ ไม่ต้องห่วงครับ บ้านหมอกรักษ์ก็ของญาติผมเอง ถือว่าช่วยกันหาลูกค้า

    อย่างนั้นสหรัถก็วางใจ จึงหันมองรดิศที่ยืนเคี้ยวแซนด์วิชตุ้ย ๆ ไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจที่เขาเข้ากับม้าได้ดี เพียงแค่มองมายิ้ม ๆ แล้วงับหลอดดูดน้ำลิ้นจี่ดื่ม

    พี่มีนจะไปด้วยกันไหมครับ

    ไม่ครับ พี่ปิดงานให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ถึงค่อยตระเวนเที่ยวอีกรอบ

    เพราะรดิศเคยมาแล้วหนหนึ่งกับคิรากรที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก มีแต่ความประทับใจในการจัดการดูแลแขกของที่นี่ รวมถึงธรรมชาติที่ทำให้เขาสดชื่นยามได้สัมผัสลมเย็น ๆ

    และแน่นอนว่าเขาขี่ม้าไม่เป็น

    อ้อ คุณโชนคุณมีนชอบดูดาวหรือดูพระอาทิตย์ขึ้นครับนทีธัชช์ถามเก็บข้อมูล

    สหรัถมองสบนัยน์ตาคู่กลมเพียงวินาทีก่อนหันไปตอบนทีธัชช์ยิ้ม ๆดูดาวครับ

    ถ้าอย่างนั้นผมจะให้เด็กจัดที่พักเรือนพร่างดาวไว้ให้เด็กที่ว่าคือไกรวีซึ่งยืนรับฟังนิ่ง ๆ ยกยิ้มได้นิดหน่อยที่เห็นว่าเด็กกำลังขบเขี้ยวอย่างหักอารมณ์ พี่วานกรพาคุณมีนไปพักที่นั่นด้วยนะ ถ้าคุณมีนมีอะไร บอกกรเขาได้เลยนะครับ

    ครับ ขอบคุณมาก

    เท่านั้นนทีธัชช์ก็หันไปพยักหน้าให้สหรัถ ซึ่งชายหนุ่มที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ขยับตัวขึ้นนั่งบนหลังเจ้าน้ำตาลไหม้ รับหมวกนิรภัยมาสวม ดูจากท่าทีแล้วก็ให้ได้รู้ว่าระยะเวลาสิบกว่าปีที่ห่างจากการขี่ม้าไปคงไม่มีผลอะไรนัก ดีที่น้ำตาลไหม้ซึ่งเป็นม้าในการดูแลของเขาเป็นม้านิสัยดี ติดหยิ่งหน่อย ๆ แต่หากได้ชอบก็คือชอบ และน้ำตาลไหม้ก็ดูท่าว่าจะชอบสหรัถมากเสียด้วย

    ชายหนุ่มขึ้นนั่งบนหลังขาวกระบัง ม้าสีขาวขนลื่นมันสุขภาพดี ตัวนี้เป็นตัวโปรดของคีรินทร์ อ่อนน้อมนุ่มนวลเหมือนเจ้าของนั่นล่ะ แม้คราวแรกเขาคิดว่าจะให้สหรัถขี่ขาวกระบัง แต่ก็อย่างที่เห็น

    เดินวอร์มก่อนแล้วกันนะครับ คุณโชนจะได้คุ้นกว่านี้ด้วย

    ดีเลยครับ

    สหรัถหลุบตาลงมองสบกับรดิศอีกครั้ง เห็นอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรนอกจากพยักหน้าคล้ายอวยพรจึงพาม้าออกเดิน ขณะที่นทีธัชช์ยังมองไกรวี ติดก็แต่สายตาที่มองไม่ได้อ่อนโยนเหมือนสหรัถมองรดิศ

    ไปได้แล้วครับ

    ไกรวีออกปากไล่ ให้คนบนหลังม้ากระตุกยิ้มแต่ยังดูมาดร้าย บังคับม้าเดินตีคู่ไปกับสหรัถโดยไม่ได้หันกลับมาอีก ไกรวีจึงมองตากับรดิศ ยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ แล้วบอก

    ไปกันครับ เดี๋ยวผมพาไปเก็บของที่เรือนพร่างดาว

    รดิศไม่ทักท้วงอะไร เพราะงานที่ติดพันก็ทำให้เขาแทบไม่นึกอยากสนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มขอบคุณไกรวีที่ช่วยยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นหลังรถนั่งไฟฟ้าให้ นั่งเคียงกันก่อนรถจะออกวิ่ง ซึ่งก็มาทางเดียวกับที่ชายหนุ่มสองคนขี่ม้ามาก่อนหน้านั่นล่ะ แล้วนั่นไง เห็นหลังของสองคนนั้นรดิศก็ยิ้ม มองแผ่นหลังของคนรักอย่างเงียบเชียบ ก่อนเหลียวสายตาสบกัน ส่งความรู้สึกชื่นชมรักใคร่ผ่านสายลมและแสงแดด

    ใช่รดิศชื่นชม แต่ไม่แปลกใจ

    เพราะตั้งแต่รู้จักและรักกันมา ดูเหมือนว่าความเพียบพร้อมของสหรัถจะทำให้เขากลายเป็นเฉยชาไปเสียแล้วหากจะได้ค้นพบความสามารถใหม่ ๆ ของคนรัก

    ต่างจากไกรวีที่ดูเหมือนไม่สนใจ ทว่าลึก ๆ ตากลับเป็นประกายอย่างชื่นชมยามเห็นท่าทีผ่าเผยของนทีธัชช์ยามอยู่บนม้าสีขาวตัวนั้น

    ท่าทีอย่างนั้นทำให้เขาใจเต้น เก็บความรู้สึกที่กำลังจะกระเด็นกระดอนออกมาจากอกแทบไม่ได้ โชคดีที่รดิศไม่ได้สังเกตสังกาอะไรกัน เพียงแต่เอ่ยปากพูดคุยขณะทอดสายตามองพื้นที่ไร่เกษตรอินทรีย์ไปด้วยเท่านั้น

    ไม่อย่างนั้นรดิศคงได้ตกใจที่ไกรวีมีสีหน้าแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด และเหตุผลก็เกิดจากนทีธัชช์ ไม่ใช่ใครอื่นเลย

     

    กลิ่นหอมจางของสบู่ทำให้ไกรวีละสายตาจากงานบนหน้าจอไปมองอีกคนที่หย่อนกายลงนั่งบนพื้นไม้ใกล้ ๆ กัน เห็นว่านทีธัชช์ไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าจากการขี่ม้าตลอดช่วงบ่ายก็เบาใจ ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงวางโน้ตบุ๊กลงกับพื้น ลุกเดินกลับเข้าไปในบ้านเงียบ ๆ ทิ้งให้นทีธัชช์มองผืนฟ้าที่คืนนี้มีดาวพร่างพราวอยู่ไม่นานก็กลับออกมาอีกครั้งพร้อมทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม

    สิ่งที่ชายหนุ่มพกออกมาด้วยกลับปรากฏอยู่ปลายสายตานทีธัชช์ พอหันมองจึงเห็นเป็นพวงกุญแจที่มีก้อนกลมใสห้อยอยู่

    หืม?”

    ผมสั่งทำให้พี่ทีครับ

    นทีธัชช์เลิกคิ้ว แปลกใจ แต่ก็ยอมรับพวงกุญแจมาไว้กับมือ เขาพินิจมันอย่างถี่ถ้วนจึงได้รู้ว่านี่คือพวงกุญแจเรซินกลมใส ข้างในคือดอกนางพญาเสือโคร่งสีขาวนี่คงเป็นหนึ่งในวิธีที่ไกรวีจะเก็บรักษาเอาไว้

    ขอบใจกรมาก

    ของผมก็มี ว่าจะเอาไว้ใช้กับกุญแจบ้านที่กรุงเทพ

    ไม่ใช้ที่นี่เลยล่ะ

    ไกรวียิ้มขำที่นี่ไม่ใช่บ้านผมสักหน่อย ผมจะไปมีกุญแจได้ยังไงล่ะครับ

    นทีธัชช์นิ่งคิด ในขณะที่ไกรวีกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่ออีกครั้ง พักหนึ่งชายหนุ่มจึงค่อยลุกกลับเข้าไปในบ้าน ออกมาอีกหนอย่างไม่ต้องให้ใครเสียเวลารอ พอนั่งลงได้ก็ทอดสายตามองผืนฟ้ากว้างที่มีดาวพราวพร่างกระจ่างตา ลมอ่อน ๆ ยามราตรีพัดโชย ส่งเสียงหวีดหวือแผ่วเบา

    และมันขับกล่อมให้นทีธัชช์เปิดเผยบางสิ่งแก่สายตาของไกรวีกุญแจหนึ่งชุด

    ครับ?”

    พี่ให้

    หัวใจไกรวีกวัดแกว่ง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรยามชุดกุญแจวางลงบนมือเขา พอช้อนนัยน์ตาสบกับดวงตาคมกล้าก็ยิ่งสับสนในใจ เขารู้ผ่านสายตานั้นว่านทีธัชช์ตั้งใจมอบให้ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าด้วยความหมายใดกันแน่

    กุญแจบ้านนี้ แล้วก็กุญแจรถ เก็บไว้นะครับ เผื่อตอนไหนพี่ไม่อยู่ ถ้ากรอยากออกไปข้างนอกหรือจะกลับเข้ามาก่อนจะได้ไม่ต้องรอพี่

    อีกครั้งที่อยู่ ๆ ไกรวีกลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนกับกิ่งนางพญาเสือโคร่งที่ชายหนุ่มตัดให้เขาเมื่อวันนั้น และอันที่จริงพวงกุญแจเรซินเขาสั่งทำไว้สองชุดให้ตัวเองกับนทีธัชช์ คิดไว้ว่าอยากตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อีกฝ่ายมีน้ำใจมอบสิ่งที่มีค่าและหวงแหนให้ หากก็ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรเพิ่มเติมกลับมา

    และใช่ หากไกรวีจะมองออกสักคิด ชายหนุ่มคงรู้ว่านทีธัชช์ไม่เพียงแต่เปิดใจ หากยังเปิดห้องของหัวใจเพื่อรอต้อนรับให้ไกรวีได้ก้าวเข้ามา

    เพียงแต่ไกรวีจะพิจารณาได้ตอนไหนก็เท่านั้นเอง

    ขอบคุณนะครับไกรวียิ้ม กำชุดกุญแจไว้ในมือแล้วถามแต่แน่ใจเหรอครับที่ให้ผม

    อืม...เผื่อวันนึงมีขโมยขึ้นบ้าน พี่จะได้มองกรไว้เป็นผู้ต้องหาลำดับหนึ่งเลย

    ไกรวีกระตุกยิ้ม นึกอยากตอบโต้สักคำให้แสบกันเล่น ๆ หากก็ต้องชะงักเสียก่อน เพราะนทีธัชช์ยกมือชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า ส่งเสียงบอกให้เขามองตาม

    และไกรวีก็ได้พบว่าการเลือกนั่งทำงานที่ชานเรือนหลังบ้านไม่ใช่ความผิดพลาดเลย ดาวมากมายจนกลายเป็นทะเล กับเบื้องล่างที่มีต้นนางพญาเสือโคร่งพลิ้วไหวตามกระแสลม

    สวย และทำให้ใจเขาอุ่นขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่ามีนทีธัชช์นั่งดูดาวอยู่ด้วยกัน

    สวยนะ

    ครับ สวยมาก

    ไกรวีตอบ หันมองคนข้างกัน จึงได้เห็นว่านทีธัชช์มองมาอยู่ก่อนแล้ว ด้วยแววตาเป็นประกายเคลือบความอุ่นอ่อนเอาไว้ เป็นสายตาสื่อความหมายที่ทำให้ไกรวีหน้ารื้นร้อนอย่างไม่สามารถหักห้ามได้

    ทว่าความรู้สึกที่ใกล้จะท่วมท้นกลับลดเจือลงไปมาก เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังที่หน้าบ้าน ส่งผลให้เขาสองคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ด้วยปกติแล้วเวลานี้จะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายในเขตพักผ่อนของนทีธัชช์ แต่หากฟังจากเสียงของคนที่เรียกขานแล้ว นทีธัชช์คิดว่าคงมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

    นายครับนาย นายครับ นายครับ!”

    เสียงคุ้นเคยดังขึ้น ให้ชายหนุ่มทั้งสองผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน พบเจ้าหน้าที่เขตเรือนพักนักท่องเที่ยวยืนรออยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักก็ขมวดคิ้ว

    เกิดอะไรขึ้น

    ที่โซนกางเต็นท์เกิดเรื่องครับนาย ผมอยากให้นายไปจัดการหน่อยครับ

    นั่นหมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นเรื่องที่ลุกลามเกินเจ้าหน้าที่จะรับมือ ชายหนุ่มพยักหน้า กลับเข้าห้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาอีกหนนำไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมขับรถตามไป

    ผมไปด้วยครับพี่ที

    นทีธัชช์นิ่งไปนิด แต่ก็ตัดสินใจพยักหน้า ดูจากการแต่งตัวของไกรวีแล้วก็ยังพอออกเดินทางได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนอะไร แต่ถึงอย่างนั้น… “ไปใส่แจ็กเก็ตก่อนไป

    ไกรวีทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบ้าน ตรงไปยังเขตเรือนพักนักท่องเที่ยว มองเห็นความวุ่นวายอยู่ไกล ๆ ก็ได้แต่พ่นลมหายใจ

    ไม่ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นทีธัชช์คิดว่าตัวเองควบคุมสถานการณ์ได้แน่ แต่เขาก็จะหมายหัวเอาไว้ เพราะใครหรืออะไรก็ตามได้ทำลายบรรยากาศดี ๆ ระหว่างเขากับไกรวีเสียสิ้น

    ทั้ง ๆ ที่อีกนิดเดียวแท้ ๆ เขาไม่นึกขอบคุณเลยสักนิดที่เรื่องตรงหน้าทำให้เขามีสติและยังไม่ทันได้ทำแม้แต่จะลูบแก้มขาว ๆ นั่นอย่างใจ

    ใช่ อย่างใจ ไม่ใช่พลั้งเผลอ เป็นเพราะเขาอยากทำ และกำลังจะทำ

    มารผจญอะไรอย่างนี้!






    โปรดติดตามตอนต่อไป



    #ธาราโอบจันทร์ - คอมเมนต์ - กดให้กำลังใจ ตามสะดวกเลยค่ะ

    เอ้อออ ฝากอีกเรื่องนะคะ "พระพายพรางเดือน" https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=182937
    พระเอกเป็นญาติกับคุณคีคุณทีค่ะ :) (ไคซูเวอร์ไทยน้า)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×