ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่เก้า ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่เก้า



    คีรินทร์สะดุดตากับแจกันทรงสูงที่วางอยู่โต๊ะหน้าโซฟาในห้องรับรองแขกเป็นลำดับแรก พินิจดอกสีขาวนวลตาเป็นอย่างที่สอง ก่อนตวัดสายตามองฝาแฝดตนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องติดกันอย่างไม่ทันได้รู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้น กลับไปมองดอกไม้ในแจกันอีกครั้ง ก่อนผลักบานประตูเข้าห้องทำงานไป

    นทีธัชช์เงยหน้าขึ้นมอง สัมผัสได้ถึงแววตาระยับพราวของคีรินทร์ยามทอดมองมา และเขาคงจะสงสัยมากกว่านี้หากเสียงโทนเดียวกันแต่นุ่มกว่าไม่ดังขึ้นเสียก่อน

    ไม่ยักรู้ว่านายอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้เห็นด้วยแล้ว

    ชายหนุ่มมองตากับแฝดผู้พี่ รอกระทั่งคีรินทร์หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานจึงค่อยตอบไม่ใช่ฉัน

    แล้วใครอ้อ ก็น่าจะมีคนเดียวนี่นะ

    คีรินทร์ยิ้ม เป็นยิ้มที่หากมองผิวเผินก็คงดูอบอุ่นอย่างผู้ชายอ่อนโยน แต่นทีธัชช์กลับมองเห็นอีกริ้วอารมณ์ที่เจือผ่านม่านตา เขาไม่ได้ตอบกลับในทันที หากแต่พิจารณาความซุกซนบนดวงตาอ่อนแสงอีกครู่จึงค่อยหยิบยางลบปาใส่อกแล้วชี้หน้าอย่างคาดโทษ ให้คนที่สะกดอารมณ์ก่อนหน้านี้หัวเราะหึ เก็บก้อนสีขาวเล็กเท่าข้อนิ้วมือที่แฝดผู้น้องใช้เป็นอาวุธทำร้ายกันวางลงบนโต๊ะแล้วไถ่ถามด้วยน้ำเสียงปกติ

    แล้วนี่กรไปไหน

    ไม่รู้

    ไม่รู้ได้ยังไง นั่งตรงนี้ต้องมองเห็นตลอดอยู่แล้วนี่

    เอาล่ะ นทีธัชช์คิดว่าคีรินทร์เริ่มเล่นมากเกินไปแล้วนะผมก้มหน้าก้มตาทำแต่งานครับคุณคีรินทร์ ใครจะมีแก่ใจสอดส่องแต่เรื่องชาวบ้านเหมือนคุณครับ

    ฟังดูก็รู้ว่านทีธัชช์จงใจหลอกด่ากัน แต่คีรินทร์ก็เพียงแต่ยกยิ้ม เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ กรุ่นอบอุ่นอย่างที่ทำให้นทีธัชช์นิ่วหน้ารู้ไหม การได้มองคนที่ตัวเองรักตลอดเวลาถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

    นทีธัชช์พ่นลมหายใจเข้าข่ม กลอกตาราวกับระอาใจที่ฝาแฝดปล่อยความหวานให้ลอยละล่องอบอวลแม้ไม่มีภรรยาอยู่ก็ตาม หากชายหนุ่มก็เข้าใจได้ คีรินทร์เคยนั่งอยู่ตรงนี้ ลอบมองเพชรพริ้งที่ประจำการอยู่ในห้องรับรองแขกทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งในตอนนี้พื้นที่นั้นถูกไกรวียึดครองไปแล้ว แต่จะให้เขาบอกว่าเข้าใจ ให้เขายอมรับว่าทำเหมือนกันก็เห็นจะเป็นการโกหกเกินไป

    เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างที่คีรินทร์เคยทำเรื่องอะไรจะต้องลอบมอง ถ้าอยากมองอยากเห็นก็แค่เงยหน้าแล้วจ้องไปตรง ๆ ก็จบเรื่องแล้ว

    คีรินทร์อมยิ้มที่แฝดของตนใช้ความเงียบเข้าสู้ ก่อนจะได้สงบศึกชั่วคราวเมื่อมีอีกคนก้าวเข้ามาในสำนักงาน ฝาแฝดหันมองไปจังหวะเดียวกับที่คนมาใหม่ดูจะสะดุดไปทันทีเมื่อเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งในแจกัน เป็นการชะงักนิ่งเพียงวินาทีหนึ่ง ก่อนจะหันมองมาทางห้องทำงาน ก้าวเท้าผลักประตูตรงเข้ามาแล้วยกมือไหว้ทักทาย

    สวัสดีครับพี่คี พี่ที

    นทีธัชช์พยักหน้า ในขณะที่คีรินทร์ลุกจากเก้าอี้แล้วผลักมันให้เมืองราม ด้วยรู้ดีว่าหากชายหนุ่มมาหาแฝดตนถึงที่นี่ ก็คงเพราะมีเรื่องให้ช่วยเหลือหรืออยากขอคำปรึกษา

    แต่ก่อนจะเดินไปทางโซฟาชุดที่อยู่อีกทาง คีรินทร์ก็ต้องหยุดยืนนิ่งเพราะเมืองรามพูดขึ้นมาเสียก่อน

    นั่นนางพญาเสือโคร่งหลังบ้านพี่ทีเหรอครับ

    ใช่

    หือ แปลกนะครับเนี่ยที่พี่ทีตัดกิ่งมันมาใส่แจกัน

    คีรินทร์จุดยิ้ม อยากรู้ว่าคนที่ทำหน้านิ่งจะตอบอย่างไร และอาจเพราะได้รับทั้งคำเอ่ยดูซื่อ ๆ ของเมืองราม กับสายตาเจ้าเล่ห์สวมนวมของคีรินทร์ ชายหนุ่มเลยเกิดอาการอึดอัดขึ้นมาชั่ววูบ ตอบกลับไปเสียงเรียบทว่ากรุ่นแววหงุดหงิดอยู่ในที

    วันก่อนที่ลมแรง มีกิ่งอ่อนจะหัก พี่เลยตัดมันออก

    เมืองรามพยักหน้าเข้าใจ แต่คีรินทร์นี่สินึกว่าเพราะมีคนอยากได้ซะอีก

    นทีธัชช์เลยได้ถอนใจ ตวัดตามองแฝดผู้พี่อย่างต้องการจะปราม แม้เขากับเมืองรามจะดูสนิทกัน แต่ก็เป็นเขาเองที่ยังสร้างระยะห่างไม่ให้หนุ่มรุ่นน้องข้ามเส้นมามากเกินไป อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวเขาก็ยังสงวนสิทธิ์ตัวเองไว้ ซึ่งเมืองรามก็รับรู้ได้ถึงข้อนั้นเช่นเดียวกัน

    เมืองรามจุดยิ้มเมื่อได้ยินคำของคีรินทร์ ไม่ถามอะไร และนทีธัชช์ก็เหมือนอยากจะออกห่างให้ไกลจากเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน จึงถามเขาเสียงเรียบ พเยิดหน้าให้นั่งลงมีอะไรรึเปล่าราม

    ครับเท่านั้นใบหน้าของคนจุดยิ้มก็กลายเป็นเคร่งเครียด บอกให้ฝาแฝดรู้ว่าคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่เมื่อคืนมีขโมยเข้าสวนผมครับ ของหายไปเยอะมาก ผมเลยจะมาขออีเอ็ม[1]จากรินทร์ธาราหน่อยน่ะครับ

    ขโมยเหรอ มีอะไรมีค่าหายไปบ้างรึเปล่า

    ครับ เงินที่เก็บไว้ที่โต๊ะในห้องทำงานหายไป แปลงผักโดนสารเคมีทำลายไปสามงานแต่ที่สำคัญคือพวกปุ๋ย อีเอ็ม แล้วก็ผักที่เตรียมส่งวันนี้ หายไปทั้งหมดเลยครับ

    นทีธัชช์ขมวดคิ้ว เหลียวสายตามองกับคีรินทร์เพียงวินาที ไม่ทันได้ทักได้ถามอะไรเพิ่มเมืองรามก็เอ่ยต่อผมกลัวว่าบางทีอาจจะเป็นคนของเคียงผกาย

    เป็นคีรินทร์ที่ขมวดคิ้วบ้างทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ

    เมืองรามนิ่งไปนิด เขาไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่ เพราะใช่จะไม่รู้ว่ารินทร์ธารากับเคียงผกายไม่ถูกกัน ถึงเขาจะไม่ได้เข้าข้างใคร แต่การที่เลือกเส้นทางอินทรีย์ในการเกษตรของครอบครัวก็เหมือนอยู่ฝั่งนี้ชัดเจนแล้ว หากพูดอะไรไปก็อาจจะเป็นการปรักปรำเคียงผกายเสียเปล่า ๆ

    ชายหนุ่มซึ่งนั่งไขว่ห้างกอดอกหลังโต๊ะทำงานมองเห็นรอยกังวลใจที่ฉาบเคลือบบนดวงตาคู่เรียวพูดมาเถอะราม แต่ถ้าหากว่าไม่ไว้—”

    ไม่ครับ ไม่ ผมไว้ใจพี่ทั้งสองคน แล้วก็รักและเคารพมากด้วย แต่ผมแค่กลัวว่าถ้าพูดออกไปจะดูอคติแล้วก็ป้ายสีทางนั้นมากไปรึเปล่า

    เราจะรู้กันแค่สามคน เพราะงั้น…” นทีธัชช์เว้นคำไปครู่ เขายกมือขึ้นปรามไกรวีที่กำลังจะเข้ามาข้างใน แสดงออกให้เมืองรามรู้ว่าแม้แต่คนที่กลายเป็นคนติดตามเขาไปแล้วในตอนนี้ก็จะไม่ยุ่งไม่รู้ไม่เห็น

    โชคดีที่ไกรวีไม่ดื้อดึงอะไร เพียงเห็นว่ามีบุคคลที่สามอยู่ข้างในและสีหน้าของแต่ละคนก็เคร่งเครียดแบบนั้นจึงเข้าไปอยู่ในห้องรับรองแขกแทน ทั้งยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้ได้รู้ว่าไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรด้วย

    ว่ามาเถอะ

    เมืองรามพยักหน้า ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยวันก่อนผมเจอกับคนของเคียงผกายครับ เข้ามาก่อกวนตอนผมจะส่งผักเข้าที่ตลาด ขู่ว่าถ้ายังคิดจะเป็นปรปักษ์กับเคียงผกายจะไม่จบดีแน่ ๆ แต่ผมไม่ได้สนใจ ไม่คิดว่า…”

    ชายหนุ่มทอดถอนใจอีกครั้ง ลูบหน้าลูบตาอย่างคนสิ้นหวัง ก่อนจะได้นิ่งไปหลังฝาแฝดมองหน้ากันแล้วหันมามองเขา เป็นนทีธัชช์ที่พูดขึ้น

    พี่อยากให้รามดูรูปหน่อย

    ถึงจะยังไม่เข้าใจนักแต่ก็พยักหน้าครับ

    นทีธัชช์ก้มตัวลงไปใต้โต๊ะซึ่งมีลิ้นชักเอกสาร ดึงลิ้นชักล่างสุดให้เปิดออก หยิบซองน้ำตาลซองหนึ่งออกมา ช้อนนัยน์ตามองเมืองรามที่ยังมีสีหน้ากังวลจึงค่อยดึงแผ่นกระดาษอาร์ตการ์ดออกมาวางลงตรงหน้า

    ช่วยดูให้พี่หน่อย ในกลุ่มคนที่ไปขู่นายมีคนในรูปอยู่ด้วยรึเปล่า

    ชายรุ่นน้องหยิบรูปถ่ายไปพิจารณา ก่อนขมวดคิ้วมุ่นแล้ววางกลับคืนลงโต๊ะแม้มองเห็นรูปหน้าของคนที่อยู่บนภาพพิมพ์เพียงไม่กี่วินาที

    คนนี้แหละครับหัวหน้าเลย ออกคำสั่งให้คนอื่นพังแผงผัก แล้วก็เป็นคนขู่ผมด้วยครับพี่ที

    แน่ใจนะ

    ผมจำหน้ามันได้แม่นเมืองรามกัดฟันกรอดอย่างลืมกังวล เคียดแค้นขึ้นมาเมื่อคิดว่าบางทีผู้ชายในรูปอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอันตรายที่ทำให้รินทร์ธาราต้องตามเก็บประวัติไว้ นทีธัชช์พอเห็นอย่างนั้นจึงพยักหน้า เก็บรูปถ่ายกลับลงซองดังเดิมแล้วเอ่ยขึ้น

    ระวังตัวเองแล้วด้วยกัน พี่เองก็ไม่รู้ว่าทางนั้นคิดทำอะไรอยู่ แต่ถ้าเกิดมันมาวุ่นวายหรือมีปัญหาอะไรอีกก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ ถึงจะยังกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง หากเมืองรามก็ยังยกยิ้มได้ เอ่ยขอบคุณแล้วหยัดกายขึ้นยืนตามนทีธัชช์ที่ลุกขึ้นอย่างเตรียมส่งแขก ส่วนเรื่องอีเอ็ม ต้องการเท่าไหร่บอกเก้าได้เลยนะ นายได้เอารถกระบะมารึเปล่า

    ครับ ผมเอากระบะมา

    งั้นก็ดี ตอนขนของขึ้นรถก็ให้คนงานที่อยู่แถวนี้มาช่วยก็ได้ อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกเก้าเขาเลยแล้วกัน เดี๋ยวพี่ฝากเรื่องไว้กับเก้าเอง

    เมืองรามพยักหน้า สะดุดใจนิดหน่อยเพราะเหมือนนทีธัชช์ออกปากสั่งงานเสียมากกว่าจะอยู่ช่วยตามงานให้เหมือนอย่างทุกที ชายหนุ่มหันมองคีรินทร์ที่หยัดยืนเต็มความสูง ตัดสินใจถามออกไป นี่จะไปไหนกันเหรอครับ

    ไปสนามบินน่ะ

    คำตอบนั้นทำให้เมืองรามกะพริบตาปริบเอที่บอกว่าจะย้ายพี่พลอยกลับบ้านที่กรุงเทพเหรอครับ

    ครับ ใช่คีรินทร์ไม่แปลกใจหากเมืองรามจะทราบเรื่อง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปิดบังอะไร ทั้งคนงานในไร่ยังได้รับรู้กันอย่างพร้อมเพรียงแล้วในที่ประชุมเมื่อวานนี้

    พี่คีจะไปอยู่ที่นั่นเลยเหรอครับ

    ไป ๆ มา ๆ น่ะ คงไม่ได้อยู่ตลอดหรอก ห่วงทางนี้เหมือนกัน

    แต่เอเมืองรามไม่เข้าใจนักว่าห่วงรินทร์ธาราแต่ทำไมถึงมองไปทางนทีธัชช์ยิ้ม ๆ แถมคนได้รับยิ้มยังทำสีหน้ารำคาญใจอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มตัดทุกบทสนทนาด้วยการก้าวออกจากห้องไปยืนสั่งงานกับจอมทัพที่จดบันทึกลงสมุดไปพร้อมกับรับฟัง ส่วนเมืองรามก็เดินตามออกมา ยืนฟังหนุ่มรุ่นพี่สั่งงานโดยมีคีรินทร์ออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย

    แฝดพี่มองไปทางไกรวี เห็นว่าเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์พอดีจึงพยักหน้าเรียก ให้คนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วลุกขึ้นยืน เดินออกมาหาอย่างเงียบ ๆ รอจนกระทั่งนทีธัชช์สั่งงานเรียบร้อยจึงหมุนตัวตามมาสมทบกับคนที่ยืนรอ

    และอาจเพราะเมืองรามกำลังพิจารณารูปหน้าของคนที่เขาไม่รู้จัก นทีธัชช์จึงถือโอกาสนี้แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันเสียเลย

    กร นี่เมืองราม ส่วนนี่ก็ไกรวี น้องชายของพลอยเขาน่ะ

    ไกรวีผงกศีรษะแล้วยกยิ้มน้อย ๆ ดูแล้วเมืองรามน่าจะอายุห่างจากเขาไม่มาก บางทีอาจจะไล่เลี่ยกันก็ได้ ส่วนเมืองรามก็ยิ้มขึ้นอย่างยินดีที่ได้พบ เอ่ยปากให้ไกรวีหัวเราะเบา ๆ

    ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้อง ผมจะคิดว่าคุณไกรวีเป็นแฝดกับพี่พลอยเลยนะครับ

    ไม่เห็นจะเหมือนนทีธัชช์ขัด เหล่ตามองคนที่หุบยิ้มอย่างอยากรู้ว่าจะหาเรื่องอะไรกันอีกพลอยเขาสวย ดูดี ส่วนกร…”

    ผมทำไมไกรวีเผลอถลึงตาใส่อย่างลืมไปเสียสนิทว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย

    ตาจะโปนออกจากเบ้าแล้ว เบาหน่อยเถอะ

    นทีธัชช์เอ่ยปราม แต่คีรินทร์กับเมืองรามกลับหัวเราะออกมา เมืองรามซึ่งเป็นคนนอกดูแล้วยังรู้ว่าสองคนนี้คงสนิทใจกันพอสมควร หรือหากไม่ใคร่พอใจกันก็คงกลายเป็นขิงก็ราข่าก็แรงที่ลงล็อกกันพอควร

    จะว่าไปเมืองรามมองผ่านไปยังแจกันพญ่าเสือโคร่งอีกครั้งแล้วเปรยขึ้นเอคุณไกรวีใช่คนที่เอาพญาเสือโคร่งมาปักใส่แจกันรึเปล่าครับ

    ครับ ใช่ ทำไมเหรอครับ

    เปล่าครับเปล่าเมืองรามยกมือโบกยิ้ม ๆ แววตาเป็นประกายเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น ก่อนเหลียวสายตามองหนุ่มรุ่นพี่ที่ตีหน้านิ่งสนิทอย่างล้อ ๆ ค่อยกระแอมไอแล้วเอ่ยปากขอตัวแยกไปจัดการธุระของตัวเองต่อกับจอมทัพ

    แต่ไกรวีนี่สิยังงุนงง เขาเห็นแววตาแปลก ๆ ของเมืองราม เลยหันมามองฝาแฝดสองคนที่คนหนึ่งยืนปั้นหน้าตึงส่วนอีกคนกลับยิ้มนุ่ม ไกรวีเลยเอี้ยวตัวไปทางคีรินทร์ ส่งเสียงถามเบา ๆ

    มีอะไรเหรอครับพี่คี ผมว่าแปลก ๆ

    คีรินทร์อ้าปากจะพูด นทีธัชช์เลยแทรกขึ้นเสียงเข้มเสียก่อนจะไปกันได้รึยัง ยืนนินทาซึ่ง ๆ หน้าเสียเวลาไปหมด

    อ้าว ร้อนตัวซะงั้น ผมจะถามถึงคุณเมืองรามต่างหาก

    ไกรวีว่าขึ้นทั้งเลิกคิ้ว ขณะที่คีรินทร์หัวเราะพรืดก่อนต้องเก็บกลืน แสร้งกระแอมทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้กลัวสายตาของแฝดผู้น้องเลยสักนิด คนโดนจับได้โดนกล่าวหาว่าร้อนตัวเลยหันไปมองทางโต๊ะจอมทัพ ก็ดันกลายเป็นว่ามีแต่โต๊ะโล่ง ๆ ไม่มีคนแล้ว

    เขาไปตั้งแต่ก่อนผมถามพี่คีอีก จะแก้ตัวยังไงล่ะทีนี้

    นทีธัชช์อ้าปาก คิดจะตอบโต้สักหน่อยแต่ก็รู้ว่าไม่มีทางชนะ ถึงอย่างนั้นหน้าเขาก็หนาพอจะไม่ทุกข์ร้อนกับการร้อนตัวของตัวเอง ชายหนุ่มกระตุกมุมปาก ไกรวีก็มองจ้องมาอย่างหาเรื่องคืนเต็มที่ เลยเป็นคีรินทร์ที่ต้องตีระฆังบอกหมดเวลาในยกนี้

    ไปเถอะ เวลายังพอเหลือ จะได้ไปนั่งกินข้าวกันในสนามบินก่อน

    ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคีรินทร์ยังมีแววล้อเลียนไม่เลิก แต่นทีธัชช์ก็คงต้องขอบคุณที่ยุติการต่อล้อต่อเถียงนี่เสียที เพราะดูแล้วเขาคงจะแพ้อย่างหมดรูปให้ไกรวี ถึงหน้าจะหนาแต่ก็ยังไม่อยากให้อีกคนจับได้หรอกน่าว่าเขาจนปัญญาจะเถียง

    ขืนให้รู้สิ มีหวังต่อไปคงยิ่งกระหยิ่มใจต่อปากต่อคำกับเขาเป็นแน่!

     

    นี่มันโลกกลมหรืออะไรดลให้คู่อริอย่างฐานัสอยู่ในร้านอาหารเดียวกันได้ล่ะ

    คีรินทร์มองเห็นฐานัสก่อนเป็นคนแรก แต่เขาที่มักใจเย็นเสมอยามพบเจอก็ยังเป็นอย่างนั้น ชายหนุ่มพยักหน้าให้ฐานัสที่พยักหน้าทักทายมา ก่อนจะได้จุดยิ้มมุมปากเมื่อนทีธัชช์ซึ่งนั่งกึ่งกลางระหว่างคีรินทร์กับผู้ชายอีกคนหันมองมา

    ฐานัสไม่ต้องคิดอะไรด้วยซ้ำก็เดินตรงเข้าไปหา เห็นแล้วว่าอีกคนคือไกรวีก็ยิ่งยิ้ม เขาชอบท่าทีหยิ่งผยองของไกรวีที่แสดงออกผ่านกิริยานิ่งเฉย มันทำให้เขาเห็นภาพเพชรพริ้งซ้อนทับราวกับเป็นคนเดียวกัน

    ให้เดาล่ะก็ คงเป็นคีใช่ไหมที่จะเดินทางฐานัสถามยิ้ม ๆ ให้คีรินทร์พยักหน้าตอบยิ้ม ๆ เหมือนกัน ก่อนพิจารณาผู้มาเยือนอยู่อึดใจหนึ่งค่อยถามกลับ

    นายล่ะฐาน มาส่งใคร

    ก็คุณนายแม่นั่นแหละจะมีใครฐานัสหัวเราะเบา ๆ มองไปทางนทีธัชช์ที่จ้องเขม็งมาก็ได้หัวเราะร่วนไม่เอาน่าคุณที อยู่กันพร้อมหน้าอย่างนี้ผมจะมีแรงสู้ได้ที่ไหน

    รู้ตัวก็ดี ออกห่างไปได้แล้วสิอย่างนี้

    โว้ ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นการไล่กันที่มีมารยาทเท่าไหร่นะ

    ฐานัสยิ้มยั่ว มองคีรินทร์ที่ยังยิ้มน้อย ๆ ก็ให้กรุ่น ๆ ในอก แต่จะหันไปสนทนากับอีกคนที่นั่งเงียบก็กลายเป็นว่าถูกนทีธัชช์ขัดแข้งด้วยการลุกขึ้นยืน มองจ้องตากันให้รู้ว่าแม้ที่นี่จะห่างจากถิ่นของเขาสองคนก็ไม่หวั่นที่จะเอาเรื่องกัน แต่ฐานัสไม่มีเวลามากขนาดนั้น จึงเลือกที่จะยกสองมือขึ้น หันไปมองสบกับแฝดผู้พี่เชิงบอกลา แล้วค่อย ๆ ทอดน่องออกจากร้านอาหารไป

    นทีธัชช์ทิ้งตัวลงนั่งแล้วบ่นกวนประสาท

    เอาเถอะ ดูก็รู้ว่าไม่ได้อยากมาหาเรื่องจริงจังหรอก

    คีรินทร์รู้ มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าฐานัสจะมาไม้ไหน อาจเพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เคยเล่นซนด้วยกันก็ออกบ่อย กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยยังได้พบปะพูดคุยกันอยู่เนือง ๆ จะมีก็แต่ช่วงสองสามปีมานี้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างรินทร์ธารากับเคียงผกายเสื่อมถอย เขาเคยคิดว่ารุ่นลูกคงไม่มีเรื่องราวบาดหมางอะไรกัน แต่ในที่สุดก็มีจนได้ และก็หลายเรื่องมากพอที่จะทำให้นทีธัชช์ผูกใจเจ็บจนรักใคร่สมานสามัคคีไม่ลง

    หนึ่งในนั้นคือเรื่องล่าสุดที่ลามไปยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของเขา และเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

    ฉันลงกรุงเทพรอบนี้คงได้เบาะแสมากขึ้นแล้วล่ะ

    คีรินทร์เปรยขึ้นมา และใช่ เขาใช้ช่วงเวลาที่จะลงไปเมืองหลวงอย่างที่คนนอกรู้เพียงว่าเขาจะลงไปตามดูแลภรรยาผู้ยังมีอาการทรงตัวจากตกหน้าผา เพื่อจัดการเรื่องที่วานให้นักสืบรวมถึงตำรวจที่รู้จักและวางใจตามสืบอยู่เงียบ ๆ ระหว่างนั้นจะได้ดูแลและจัดการเกี่ยวกับงานในบ้านที่เพชรพริ้งฝากมาด้วย

    ทั้งเขายังอยากปรากฏตัวให้พิมพ์อรอุ่นใจ ให้เธอได้คลายกังวล และบอกข่าวดีกับเธอ

    ได้เรื่องยังไงแล้วบอกด้วยล่ะ

    คีรินทร์พยักหน้ารับแฝดผู้น้อง หันมองไกรวีที่เอ่ยขึ้นหวังให้เขาสบายใจยังไงช่วงที่พี่คีไม่อยู่ผมจะไปหาพี่พลอยกับป้านภางค์บ่อย ๆ แล้วกันนะครับ

    ขอบใจกรมากเลย แต่…” ชายหนุ่มหยุดคำไว้เท่านั้น เหลียวสบตากับนทีธัชช์เพื่อถามความเห็นว่าอยากพูดอะไรไหม ซึ่งนทีธัชช์ก็พยักหน้าหงึกหนึ่งแล้วต่อประโยคของคีรินทร์เราจะยังทำเหมือนเดิม กร เราจะไม่ไปบ้านสวนบ่อย มันจะผิดสังเกต

    แต่อย่างนั้นจะไม่อันตรายเหรอครับ ผู้หญิงอยู่กันแค่สองคน

    บ้านสวนมีคนงานที่ทำงานกับแม่มาเกินยี่สิบปี มีไม่กี่คนแต่ก็วางใจได้ทั้งหมด ไม่ต้องห่วงหรอก มีคนงานอยู่ดูแล เผลอ ๆ ยังน่าเป็นห่วงน้อยกว่าถ้ากรจะไปหาบ่อย ๆ อีก

    เอ๊ะ นทีธัชช์นี่ยังไง ทำไมวันนี้ถึงดูกัดเขาได้กัดเขาดีแบบนี้ ไกรวีเข่นเขี้ยว อยากปาน้ำแข็งในแก้วใส่ก็เกรงใจคีรินทร์ที่นั่งอยู่ เลยเลือกจะไม่มองหน้าคนช่างหาเรื่องแล้วมองคีรินทร์แทน ชายหนุ่มเจ้าของยิ้มอุ่นก็เห็นแล้วว่าวันนี้ไกรวีคงจะถูกต้อนถูกกัดไปอีกระยะ ด้วยรู้ดีว่าอะไรที่ทำให้แฝดน้องหงุดหงิดกรุ่นโกรธลึก ๆ ไม่จางแบบนี้

    จะเพราะใครเสียอีกหากไม่ใช่เพราะเขาที่ล้อเจ้าตัวเรื่องกิ่งนางพญาเสือโคร่งสีขาวนั่น

    หึราชสีห์ของแม่นภางค์ใกล้จะกลายเป็นลูกแมวเต็มทีเสียแล้วสิ

    เถอะกร เพราะพี่ก็คิดอย่างนั้นคีรินทร์สำทับให้ไกรวีเบาใจทำเหมือนที่ทำ จะดีกับตัวพลอยมากกว่าที่กรจะไปหาบ่อย ๆ

    ที่สุดไกรวีจึงพยักหน้า เมินต่อสายตาที่มองมาอย่างเอาเรื่องของนทีธัชช์ ก่อนหยัดกายขึ้นยืนเมื่อคีรินทร์ออกปากว่าใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ยืนส่งจนกระทั่งพี่เขยลับตาไปจึงหย่อนตัวลงนั่งอีกครั้ง

    คราวนี้พอไม่มีคีรินทร์ไกรวีเลยไม่คิดทน เขาขมวดคิ้วฉับมองคนไม่สบอารมณ์ทันทีมีอะไร ผมทำอะไรให้พี่ทีโกรธครับ

    เปล่า

    แล้วมาใส่อารมณ์กับผมทำไม

    ก็...จะให้พูดได้ยังไงว่าเขาหงุดหงิดที่ถูกคีรินทร์รู้ทัน ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองเก็บความรู้สึกได้ดีแล้ว แต่อาจพลาดไปตรงที่บอกให้ไกรวีเลือกเอาว่าจะจัดการยังไงกับกิ่งดอกไม้สีขาวนั่นเอง

    ใครจะไปคิดว่าไกรวีจะเอามาปักแจกันในสำนักงาน ที่ที่ใครก็รู้ว่าเขาหวงแหนนางพญาเสือโคร่งสีขาวมากแค่ไหน กระทั่งคีรินทร์เขายังไม่ยอมให้แตะต้อง แล้วไกรวีน่ะเป็นใครเป็นใคร!

    ถ้ายังจ้องผมแบบนี้เรามาต่อยกันเลยดีกว่ามา

    นี่ก็ปีกกล้าขาแข็ง ปากดีไม่รู้เวล่ำเวลา เดี๋ยวพ่อต่อยด้วยปากแทนกำปั้นหนัก ๆ เสียเลยนี่ อารมณ์เสียโว้ย!

     

    ฐานัสสอดตัวเข้ารถสีบลอนด์คันใหญ่ ยังไม่ได้สตาร์ตรถอย่างที่ควรทำ แต่กลับนั่งนิ่งครุ่นคิดอีกพักหนึ่งจึงล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ต่อสายตรงถึงเลขหมายหนึ่งก่อนยกมันทาบหู นิ่งรออยู่อึดใจปลายสายก็กดรับ เขาได้ยินเสียงวุ่นวายจากเบื้องหลัง ก่อนค่อย ๆ เบาลงจนกลายเป็นเงียบสนิทในที่สุด

    ครับคุณฐานอีกฝั่งตอบกลับมา เสียงเบากว่าการพูดคุยตามปกติ

    คีรินทร์จะไม่อยู่รินทร์ธาราหลายวัน

    ครับ คุณฐานอยากให้ผมทำอะไรครับ

    ดวงตาคู่เรียวหรี่ลง ทอดมองจ้องนิ่งไปยังร่างของคนสองคนที่กำลังเดินมาทางลานจอดรถ น่าแปลกที่ความหงุดหงิดใจต่อกันของนทีธัชช์กับไกรวีดันทำให้เขามองเห็นเส้นบาง ๆ ระหว่างความสัมพันธ์นั้นอย่างน่าขัน

    ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงพวงมาลัย ก่อนกรอกเสียงออกคำสั่งอย่างที่อยากทำจับตาดูให้ดี แล้วถ้ามีโอกาสก็จัดการ

    ฐานัสพอใจขึ้นมากเมื่อได้ยินคำตอบรับก่อนสายจะตัดไป ชายหนุ่มสตาร์ตเครื่อง ขับออกจากซองแล้วตรงไปยังทางออกที่มีคนสองคนกำลังเดินอยู่ กดแตรทักทายไปหนึ่งหนอย่างยียวน ให้ได้เห็นสีหน้าถมึงทึงของนทีธัชช์ก็เป็นอันพอใจ

    เอาล่ะ ในเมื่อคีรินทร์ไม่อยู่ก็เหมือนจะเป็นใบเบิกทางชั้นดีให้เขาได้ทำอะไรที่อยากทำง่ายขึ้นง่ายขึ้นมากกว่าที่วางแผนไว้เลยทีเดียว



    [1] EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ในที่นี้คือนำมาปรับสภาพดินที่เสียจากสารเคมีได้




    โปรดติดตามตอนต่อไป



    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ เวิ่นเยอะไม่ได้ ปวดท้องเมนส์มากเลย ฮืออออ


    #ธาราโอบจันทร์ กดให้กำลังใจ หรือคอมเมนต์ ขอบคุณทุกสิ่งเลยค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×