คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ... (รีไรท์)
เป็นครั้งแรกที่ไกรวีเดินทางไปยังจังหวัดทางภาคเหนือด้วยความเคร่งเครียดปนร้อนรนใจอย่างที่ทำให้นั่งบนเบาะโดยสารได้ไม่สบายตัวนัก
ชายหนุ่มปิดเปลือกตาหลังเครื่องบินแล่นโลดสู่ผืนฟ้าที่ระดับความสูงสองหมื่นฟุตเป็นที่เรียบร้อย
พลางครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องออกเดินทางกะทันหันรวมถึงเป็นเหตุที่ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในภวังค์ความตึงเครียดและปวดหัวใจ
เมื่อเช้านี้ชายหนุ่มได้รับข่าวจากไร่รินทร์ธาราว่าเพชรพริ้งผู้เป็นพี่สาวได้รับอุบัติเหตุพลัดตกเขา
ในตอนนี้ยังไม่ทราบอาการแน่ชัด บอกได้เพียงว่าสาหัสอยู่ไม่น้อย เพราะโอกาสรอดมีน้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกับโอกาสที่จะเสียเธอไป
ไกรวีนึกขุ่นในใจ เดิมทีการที่พี่สาวของเขาต้องไปใช้ชีวิตในสถานที่แปลกใหม่ก็ลำบากเกินไปแล้ว
ทั้งการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ตรงนั้นยังเกิดขึ้นเพราะเธอจำต้องแต่งงานกับทายาทแห่งไร่รินทร์ธาราที่ได้ขึ้นเป็นเจ้าของแทนบุพการีด้วยการคลุมถุงชนของผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ
ไกรวีไม่เคยยินดีกับเรื่องนี้ หากเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้มากด้วยในตอนนั้นกำลังวุ่นวายกับงานของตัวเองจนไม่แม้แต่จะมีเวลากลับบ้านหลังใหญ่
กว่าจะรู้ตัวว่าหมดเวลาที่จะช่วยเหลือยื้อเธอไว้ได้ ก็ในตอนที่ทางผู้ใหญ่หาฤกษ์หายามได้แล้วนั่นล่ะ
ที่ผ่านมาไกรวีติดต่อกับเพชรพริ้งบ้างยามคิดถึง
แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะเอ่ยบอกความทุกข์ตรมเลยสักครั้ง ดูเหมือนการได้เป็นคุณนายแห่งไร่รินทร์ธาราจะราบรื่นผิดจากที่เคยคาดกัน
ที่มากยิ่งกว่านั้น การคลุมถุงชนครั้งนี้ยังได้นำรักมาผูกมัดหัวใจเธอ…กับผู้ชายที่ชื่อคีรินทร์
ในช่วงจังหวะที่ไกรวีมีแต่ความขุ่นข้องมึนตื้ออย่างนี้
เขายอมรับว่าตัวเองงี่เง่าอยู่มากที่โยนความผิดให้คีรินทร์ทันทีที่ได้ทราบข่าว ด้วยข้อหาที่ว่าชายหนุ่มดูแลพี่สาวของเขาไม่ดีพอจนเกิดอุบัติเหตุที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
โดยเฉพาะมันเกิดขึ้นในรั้วรอบของไร่รินทร์ธารา!
ชายหนุ่มจมตัวอยู่ในความคิดที่ภาวนาเพียงว่าแพทย์ผู้รักษาจะช่วยเธอให้รอดพ้นจากอันตรายได้
กระทั่งมองเห็นใบหน้าคมคายของผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนกับในรูปที่พี่สาวเคยส่งให้ แม้สีผิวจะดูคร้ามเข้มกว่าในรูปอยู่บ้างแต่ก็ยังมั่นใจว่าคือคีรินทร์อย่างแน่นอน
ในตอนที่ชายร่างประเปรียวทว่าดูแข็งแรงใต้เชิ้ตลายตารางกางเกงยีนสีเข้มเดินเข้ามา ไกรวีจึงค่อยระลึกได้ว่าเขาเดินทางมาถึงจังหวัดที่พี่สาวย้ายชีวิตมาอยู่ด้วยเรียบร้อยแล้ว
เรียวคิ้วได้รูปขมวดเป็นปมทันทีที่อีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงหน้า
เอื้อมมือขอรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปจากเขา หากสิ่งที่ไกรวีทำกลับเป็นการยืนนิ่ง ขยับปากส่งเสียงราบเรียบที่ค่อนไปทางขุ่นในอารมณ์อยู่สักหน่อย
“คุณควรอยู่เฝ้าพี่สาวผมไม่ใช่รึไงครับ
คุณคีรินทร์”
อีกฝ่ายชะงัก มองสบกับเรียวตาของเขาก่อนทอดถอนใจ
รั้งกระเป๋าเดินทางในมือไปแล้วหมุนตัวก้าวเดินพร้อมลากกระเป๋าเดินทางของเขา ไม่แม้แต่จะตอบโต้กัน
กิริยาอย่างนั้นทำให้คิ้วยิ่งขมวด หากก็ต้องเดินตามอีกฝ่ายไปจนถึงลานจอดรถ
ขึ้นนั่งยังเบาะข้างคนขับของรถกระบะสีขาวคันใหญ่ แล้วรถก็ออกแล่นบนท้องถนนอย่างเงียบ
ๆ โดยที่คนขับก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ไกรวีรู้สึกผิดสังเกตในตอนที่รถเริ่มออกห่างจากถนนเส้นหลักของตัวเมืองมากขึ้นทุกที
ต้นไม้สูงใหญ่เรียงรายสองข้างทางตามแนวภูเขาบ่งชัดว่าทิศทางที่จะไปกันนั้นไม่ใช่อย่างที่เขาคาดไว้
“เราจะไปไหนกันครับ”
คนที่ทำหน้าที่ขับรถอย่างเงียบเชียบมาโดยตลอดเหลียวมองวินาทีหนึ่งก่อนถามกลับ “คุณคิดว่าเราจะไปไหนกันครับคุณไกรวี”
“โรงพยาบาล” ไกรวีตอบเสียงเรียบ ทว่าในใจเข่นเขี้ยวจนคิดว่าถ้าขบกรามไม่ไว้หน้า ความเงียบในรถคงถูกทำลายจากการขบเคี้ยวกรามของเขา
บางอย่างบอกไกรวีว่าผู้ชายคนนี้ไม่เป็นเหมือนที่เพชรพริ้งบอกไว้เลยสักนิด จริงอยู่ว่าท่าทีเคร่งขรึมเป็นจุดสังเกตที่เข้าใจได้ง่าย
แต่การย้อนถามเขาแบบนี้แถมยังดูกวนประสาทอย่างเงียบ ๆ นั่นต่างหากที่ไม่เหมือนที่เคยได้ยินมา
ยิ่งกับเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ลอยมาคล้ายเยาะเย้ยกันอย่างนั้นยิ่งห่างไกลคำว่าสุภาพอ่อนโยนอย่างที่พี่สาวเขาโฆษณาไว้
“อะไรครับ?”
“โรงพยาบาลไม่ใช่จุดหมายของคุณหรอกนะครับ”
“แต่ภรรยาคุณบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่รึไง
คุณคีรินทร์ นี่คุณกำลังเล่นบ้าอะไรกับผมอยู่ใช่ไหม”
เขาถาม เสียงเรียบมาก มันนิ่งเย็นอย่างที่เขามักเป็นยามพยายามหักห้ามใจไม่ให้เดือดดาล
ปกติไกรวีไม่ใช่คนใจร้อนนักและควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่ในตอนนี้ที่มีความเครียดกัดกินเกือบทั้งสมอง
เขาแทบจะไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับใครเลยด้วยซ้ำ แต่เหมือนคนที่บังคับพวงมาลัยดูจะขบขันในความร้อนใจของเขา
ไกรวีสัมผัสได้
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณไปถึงแล้วคุณก็จะรู้เองครับคุณไกรวี...ว่าอะไรเป็นอะไร”
เล่นลิ้นหรือไง ไกรวีได้แต่ขบปากล่างอย่างตึง
ๆ ตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้อีกทั้ง ๆ ที่ในหัวมีอยู่ร้อยคำถาม นอกจากบางอย่างในตัวคนคนนี้จะบอกเขาว่าสามีตามกฎหมายของเพชรพริ้งเป็นผู้ชายไม่ตรงปก
ก็ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ซับซ้อนมากกว่านั้นซึ่งกำลังเล่นล้อความรู้สึกของเขา
และหากจะเป็นอย่างนั้น ไกรวีขอให้เรื่องเพชรพริ้งตกเขาอาการสาหัสปางตายคือเรื่องล้อเล่นที่พี่สาวอาจใช้เป็นข้ออ้างเพื่อให้เขาที่ไม่เคยยอมเดินทางมาหาได้มาพบหน้ากันเสียที
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คงดีน่ะสิ!
โปรดติดตามตอนต่อไป
สวัสดีค่ะ ^ ^ หลังจากที่เปิดบทความไว้ 3 วัน ก็เลยตัดสินใจลงบทนำไว้ให้คนที่ผ่านมาอ่านได้พิจารณาสักหน่อยค่ะ
เรื่องนี้เช่นเดิมว่าตัวละครยังคงเป็นวัยทำงาน
แถมมาเรื่องนี้ยังค่อนข้างสมบุกสมบันเพราะจะได้ลงทำไร่ไถ่นาปลูกผักกันด้วยค่ะ
ยังไงก็ขอฝาก “ธาราโอบจันทร์” ให้ทุกท่านโอบกอดเอาไว้ อย่าเพิ่งหนีหายไปไหนเลยนะคะ
ฝากติดตามกันต่อไปด้วยน้า~ /ออดอ้อนเต็มที่เลยค่ะ ฮี่~
อ่า นิดนึงค่ะ เผื่อมีใครขี้เกียจคอมเมนต์แต่อยากทวีตติดแท็กแทน
ก็ติดแท็กชื่อเรื่อง #ธาราโอบจันทร์ ได้เลยนะคะ ^ ^
ป.ล. แจ้งไว้ก่อนว่าช่วงแรก ๆ อาจจะไม่อัปถี่อัปบ่อยเท่าไหร่
เพราะยังอยู่ในช่วงศึกษาหาความรู้เต็มสปีดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเขียนในเรื่องค่ะ
แต่ยังไงก็ฝากทุกคนไว้ด้วยนะคะ /ส่งหัวใจให้รัว ๆ เล้ยยยย
ความคิดเห็น