ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่หก ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่หก



    ไร่รินทร์ธารามีทางเข้าอยู่สามทาง หนึ่งคือทางท้ายไร่ที่ถือเป็นเส้นทางที่ส่วนตัวที่สุด เพราะคนที่จะเข้าออกประตูนั้นได้จะมีเพียงเจ้าของที่นี่เท่านั้น ส่วนอีกประตูทางเข้าคือฝั่งของสำนักงาน ประตูนี้จะเป็นประตูที่คนงานคนสวนใช้เข้าออกกันเป็นปกติ ส่วนประตูสุดท้ายคือประตูที่ถือเป็นหน้าตาของไร่ เพราะเป็นเส้นทางที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวให้แวะเข้ามาทำกิจกรรมสันทนาการตามที่รินทร์ธาราจัดไว้

    หากขับรถผ่านประตูเข้ามาจะเห็นร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีจุดปั๊มบัตรสำหรับผู้ที่เข้ามาทำกิจกรรมแบบวันเดย์ ไม่ว่าจะเป็นการทัวร์สวนเกษตรอินทรีย์ หรือรับประทานอาหารที่วัตถุดิบล้วนแต่ปลอดสารพิษ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่สนใจชื่นชมธรรมชาติข้ามวัน ทางไร่รินทร์ธาราก็จะมีโซนที่จัดเป็นฟาร์มสเตย์ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ด้วย

    วันนี้นทีธัชช์เข้ามาตรวจงานฝั่งธุรกิจของไร่ ชายหนุ่มเดินตรวจและไถ่ถามทักทายพนักงาน เริ่มจากร้านขายของที่ระลึก ในร้านจะมีสินค้าแปรรูปปลอดสารพิษ เป็นวัตถุดิบที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว ผักและผลไม้สดใหม่จากไร่ รวมถึงของที่ระลึกต่าง ๆ อย่างเช่นโปสการ์ด พวงกุญแจ หมวกสาน ที่ทุกอย่างจะเกี่ยวข้องและสื่อสัญลักษณ์ถึงรินทร์ธาราอย่างเด่นชัด ไกรวีสนใจร้านขายของที่ระลึกเป็นพิเศษ หยุดดูพวงกุญแจไม้สลักรูปเรือนพักรับรองของฟาร์มสเตย์อยู่นาน กระทั่งนทีธัชช์แตะศอกเรียกกันนั่นล่ะถึงได้ออกเดิน

    พวงกุญแจน่ารักดีนะครับไกรวีอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองอีกครั้ง เมื่อครู่เหมือนเขาจะเห็นพวงกุญแจพวงหนึ่งที่ให้สะดุดตา หากไม่ทันได้หยิบดูนทีธัชช์ก็เรียกกันเสียก่อน

    ฝีมือชาวบ้านน่ะ พี่ไม่ได้จ้างประจำ ถ้าใครว่างทำตอนไหนก็ค่อยทำส่งมา พี่ก็จะรับซื้อมาขายต่อ ถือเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านอีกทางหนึ่ง

    ไกรวียกยิ้มกับคำบอกนั้นแล้วโปสการ์ดล่ะครับ

    ทำไม?”

    ต้องทำไมด้วยเหรอไกรวีหัวเราะน้อย ๆ นึกขันเรียวคิ้วที่เลิกขึ้นของอีกคนน่าจะไม่ใช่ฝีมือชาวบ้านรึเปล่าครับ แต่รูปสวยมาก เก็บจังหวะของภาพได้ดีด้วย น่าจะมืออาชีพแน่นอนเลย

    คราวนี้คนที่เลิกคิ้วก็เลยจุดยิ้ม ดูพึงพอใจเป็นอย่างมากกับคำชมนั้น ให้ไกรวีสะกิดใจอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มพิจารณาปฏิกิริยานั้นอีกเพียงแวบก็เข้าใจ ถอนใจยาวพลางส่ายหน้าแล้วบ่นอุบ ไม่น่าชมเลย

    เอ้า

    ขอคำชมคืนแล้วกันครับ

    นทีธัชช์หัวเราะ ส่ายหน้าปฏิเสธคำขอนั้นอย่างขำ ๆ ชมแล้วชมเลยสิครับ มีคนชมอย่างนี้ก็ดี พี่จะได้มีกำลังใจทำต่อ

    ไกรวีทำหน้าที่แสดงชัดถึงคำถามว่าขนาดนั้นเลยก่อนจะเลี่ยงการมองสบตาด้วยการหันไปทางเคาน์เตอร์ต้อนรับในร้านอาหาร เห็นพนักงานหญิงคนหนึ่งมองมาตาเป็นประกายก็เกิดเก้อขึ้นมาชั่ววูบ ด้วยไม่รู้ว่าสายตาของเธอมองกันด้วยความรู้สึกอย่างไรกันแน่

    ดีหน่อยที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ จึงมีเพียงนักท่องเที่ยวที่ค้างอยู่ฟาร์มสเตย์มารับประทานอาหารเช้าเท่านั้น ไกรวีเลือกที่นั่งใกล้ประตูเมื่อนทีธัชช์บอกจะเข้าไปดูในครัวหน่อย หากก็คิดผิดไปนิดเพราะดูจะเรียกดวงตาเป็นประกายจากเธอได้มากกว่าเคย

    และเพียงแค่เขาส่งยิ้มให้ เจ้าหล่อนก็เดินออกมาต้อนรับพร้อมคำถามจากเสียงหวานหยดนั่น

    คุณไกรวีรับน้ำอะไรดีคะ เดี๋ยวแหวนไปเอามาให้

    ขอน้ำเปล่าก็พอครับ

    เธอตอบรับ รีบไปทางโซนเครื่องดื่ม หยิบน้ำเปล่าหนึ่งขวดกับแก้วหนึ่งใบมาวางลงตรงหน้า ถึงจะดูรู้ว่าเธอค่อนไปทางเฉิดฉายเป็นประกายยามเห็นเขา แต่ไกรวีก็อดอมยิ้มให้กิริยานั้นไม่ได้จริง ๆ

    ใช่ว่าเขาจะมองไม่ออกว่าใครเข้าหาแบบไหน บางคนมองเขาตาเป็นมันด้วยจุดประสงค์ที่รู้แน่ชัดว่าต้องการเข้าใกล้ แต่หญิงสาวที่ชื่อแหวนคนนี้ดูห่างไกลกับคำนั้นมาก

    เธอแค่ตื่นเต้นที่ได้พบเจอคนใหม่ ๆ เท่านั้นเองคิดว่านะ

    คุณไกรวีคะ คุณไกรวีผิวขาวละเอียดเหมือนคุณพลอยเลยค่ะ ผิวส๊วยสวย

    ถึงจะรู้สึกแปลกประหลาดแต่ไกรวีก็ยังยิ้มขอบคุณเธอ กำลังจะรินน้ำดื่มก็ต้องเลิกคิ้วให้คำถามที่ส่งมาคุณไกรวีเป็นคนเหนือเหรอคะ

    เปล่าครับ

    ผิวดีมากจริง ๆ ค่ะ แหวนเคยลองขอคุณพลอยดูผิวใกล้ ๆ เธอก็ใจดีให้แหวนดู หูย ผิวนี่ละเอียดเนียนผุดผ่อง น่าอิจฉามาก ๆ เลยค่ะ

    ไกรวีไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงยิ้มให้เธอ แอบคิดไปถึงพี่สาวที่ ณ ขณะนั้นคงอารมณ์ดีไม่น้อย เพชรพริ้งแม้เป็นผู้หญิงที่ชอบโลดโผนโจนทะยานแต่เรื่องรักสวยรักงามก็ไม่เคยขาด มีอะไรบำรุงได้เธอก็ทำ เลยกลายเป็นเขาที่ต้องรับเชื้อความรักสวยรักงามมาด้วย ไม่ใช่ว่าสนใจเอง แต่เพชรพริ้งนั่นล่ะที่ชอบหาโลชั่นหาครีมหามาส์กอะไรต่อมิอะไรมาให้เขาใช้

    ถ้าแหวนบอกว่าผิวเขาดี ก็คงต้องยกความดีความชอบให้เพชรพริ้งจริง ๆ

    แต่จริง ๆ คนที่ผิวดีมากมีอีกสองคนค่ะคุณไกรวี

    ชายหนุ่มไม่อยากรู้เลยสาบานได้ แต่ถ้าทำทีไม่สนใจก็เกรงเธอจะขวัญเสีย เลยถามออกไปยิ้ม ๆใครเหรอครับ

    คุณคีกับคุณทีไงคะเธอพูดเสียงเบาลง ขยับเข้ามาใกล้อีกนิดอย่างที่ทำให้รู้ว่าเธอตั้งใจพูดถึงเจ้านายเต็มที่แต่คุณทีน่ะไม่ดูแลตัวเองเลย อยู่กับแดดกับลม ผิวก็เลย—”

    นินทาเจ้านายนี่ ผมไล่คุณออกได้เลยนะคุณวิรงรอง

    วิรงรองสะดุ้ง สีหน้าสีตาค่อนไปทางรู้ตัวว่าซวยแน่แล้ว แต่มิวายยังส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่งอมยิ้ม ดังนั้นไกรวีจึงหยัดกายขึ้นยืน คว้าขวดน้ำได้ก็ถามคนที่ยืนทำหน้าเข้มดุอยู่ข้างหลังเธอ

    เรียบร้อยแล้วเหรอครับพี่ที

    นัยน์ตาที่มองหลังวิรงรองเหลียวมาสบกับดวงตาคู่กลม เห็นประกายระยับพราวเจือขบขันก็ให้รู้ว่าไม่ได้ขุ่นข้องอะไรกับการกระทำของพนักงานหญิงเลยสักนิด ก็แน่ล่ะ คนที่ถูกนินทาไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นนทีธัชช์ซึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ของเธอนี่ต่างหาก

    แหวนขอโทษค่ะคุณที

    นทีธัชช์จึงพินิจอยู่ครู่ เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้นิสัยของเธอ ทำงานตรงนี้มาสามปีไม่เคยเห็นเธออิดออดบ่ายเบี่ยงเกี่ยงงานเลยสักครั้ง ติดที่เป็นคนรักสวยรักงามเกินไป เห็นใครงามหน่อยไม่ได้เป็นต้องเข้าหาทันที

    คือเขาหมายถึงผิวสวย หน้าสวย หุ่นดี จะหญิงหรือชายถ้าวิรงรองมองว่าสวยก็ไม่แคล้วโดนคุกคามอ่อน ๆ ทั้งนั้น

    เขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คีรินทร์ก็โดนเจ้าหล่อนมองเป็นประจำ

    ครั้งนี้ผมอนุโลมให้คุณแล้วกัน แต่อย่าให้ผมได้ยินอีกนะครับ

    คุณทีจะหักเงินเดือนใช่ไหมคะ

    ชายหนุ่มส่ายหน้า จุดยิ้มเย็นผมจะไล่คุณออก

    วิรงรองหน้าเสีย หากคนพูดจาหักหาญใจก็ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด เขาพยักหน้าให้ไกรวีที่มองหญิงสาวอย่างเห็นใจหากก็ทำอะไรไม่ได้ ใช่ว่าไกรวีจะชอบที่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเอ็ดหรือปรามคนของรินทร์ธาราได้ จึงทำได้เพียงรับฟังอย่างยิ้ม ๆ เท่านั้น

    ทีหลังช่วยพี่ดูด้วย ถ้าเขาทำไม่ถูกไม่ควรก็ปรามบ้าง ไม่ใช่นั่งยิ้มอย่างเดียว อย่างนี้ใครจะกลัวได้

    อ้าว เป็นเขาที่ผิดเสียอย่างนั้นไกรวีชะงักไปแวบหนึ่งก่อนเปิดประตูขึ้นรถผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีอำนาจในการปรามหรือดุใครในไร่ได้นี่ครับ

    สิทธิ์ของกรมีแน่อยู่แล้ว

    ในแง่ไหนครับ เพราะแค่เป็นน้องชายของคุณนายที่นี่น่ะเหรอไกรวีถอนหายใจ มองเสี้ยวหน้าคมคร้ามนิ่งผมคิดว่าตัวเองเป็นแขกของรินทร์ธาราด้วยซ้ำ อย่าทำให้ใครมองว่าผมใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มใครเลยครับ

    แล้วชอบเหรอ แบบเมื่อกี้

    แน่ล่ะว่าไม่ชอบชอบไม่ชอบแต่พี่ทีก็ตัดสินคุณแหวนเขาไปแล้วนี่ครับ

    ก็ใช่ไง เพราะพี่ก็รู้ว่าแหวนเขาเป็นคนยังไง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขานินทาพี่กับคนใกล้ตัวแบบนี้ ถ้ากรยังปล่อยให้เขาพูด ต่อไปจะไม่ยิ่งไปกันใหญ่เลยเหรอ

    ผมจะระวังให้มากขึ้น

    ดูก็รู้ว่าดื้อ นทีธัชช์ล่ะอยากหักพวงมาลัยเสยข้างทางให้ตกใจเล่นนักคำนินทาเหมือนจะเป็นเรื่องที่เคยชินไปแล้วมั้ง แต่อย่าลืมนะว่าต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ ถ้าพี่ คี พลอย หรือแม้แต่กรเองควบคุมคนของเราไม่ได้ ต่อไปจะมีคนที่นับถือเราในฐานะคนจ้างงานจริง ๆ สักกี่คนกัน

    ไกรวีฟังแล้วนิ่ง เขาเข้าใจความหมายของนทีธัชช์ดี ขนาดตัวเขาเองยังมีระยะห่างกับนักเขียนในการดูแลเพื่อที่จะไม่ให้เกิดความเอนเอียงเอาแต่คล้อยตามในเนื้องานเลย แล้วนับประสาอะไรกับไร่รินทร์ธาราที่มีคนงานหลักร้อยล่ะ

    ทีนี้ก็ให้รู้ไว้ว่ากรมีสิทธิ์ ถ้าไม่คิดว่ามีสิทธิ์ในฐานะคนร่วมครอบครัว ก็ให้ถือสิทธิ์ตัวแทนของพลอยแล้วกัน

    ไกรวีตอบรับ ทอดมองไปยังเส้นทางเบื้องหน้า นทีธัชช์พาเขาออกมานอกเขตไร่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพาไปไหน ทว่าหลังจากขับรถออกมาได้ไม่เกินสิบนาทีดี ไกรวีก็มองเห็นร้านอาหารข้างทางที่เหมือนจะสร้างเป็นเพิงไม้อย่างที่ไม่ได้ทำเป็นกิจจะลักษณะอะไร

    พี่ที นั่นลุงเจิดรึเปล่าครับ

    แม้รถจะยังขับไม่ถึงร้านดี แต่สายตาไกรวีก็มองไปเห็นร่างคุ้นตาของหัวหน้าแปลงนาที่สอนเขาพรวนปรับเนื้อดินเมื่อสัปดาห์ก่อน บรรเจิดนั่งอยู่ที่โต๊ะริมนอกสุด มีคนอีกหนึ่งคนนั่งร่วมโต๊ะด้วย แต่แปลกที่ไกรวีไม่คุ้นหน้าอีกคนเลย ทั้งดูจากการแต่งตัวที่สะอาดสะอ้านแล้วก็ทำให้แปลกตา

    ทว่าแม้ไกรวีไม่คุ้นหน้า แต่สำหรับนทีธัชช์แล้วคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

    ชายหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อได้เห็น ตัดสินใจเลี้ยวเข้าจอดริมทางใกล้ร้านอาหารแล้วเปิดประตูลงรถโดยไม่พูดคำใด ทำให้ไกรวีต้องปลดเข็มขัดก้าวลงตาม ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายมองมาเห็นกันพอดี

    ไกรวีรู้สึกได้ว่ารังสีของความคุกรุ่นแผ่กระจายทั่วกายนทีธัชช์ ปกติชายหนุ่มก็ดูเป็นคนเข้มดุมากอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ดูมันจะยิ่งเพิ่มพูนอย่างที่ทำให้ไกรวีใจเต้นรัวอย่างหวั่นใจเลยทีเดียว

    อ้าว ว่าไงครับ คุณที

    น้ำเสียงที่ใช้ทักทายดูร่าเริง ยิ้มที่ส่งมาดูเป็นมิตร แต่ไกรวีกลับรู้สึกได้ว่านี่มันของปลอมชัด ๆ

    นทีธัชช์เองก็คงรู้สึกเหมือนกัน เขาจุดยิ้มเย็น ถามออกไปด้วยเสียงทุ้มลึกเหมือนเป็นการทักทายปกติที่ไม่ปกติเลยสักนิดเดียวไงครับคุณฐาน มายุ่งวุ่นวายอะไรกับคนของผม

    อีกฝ่ายนิ่งไปนิด ก่อนหัวเราะออกมาราวกับได้ยินเรื่องขบขันผมจะวุ่นวายกับคนของคุณทีทำไมล่ะครับ พอดีผมแวะมาซื้อข้าวร้านนี้ เจอลุงเจิดก็เลยทักทายกันธรรมดา

    บอกอย่างนั้นพร้อมกับยกถุงพลาสติกที่มีกล่องโฟมขึ้นให้นทีธัชช์เห็นชัดเจน ก่อนต้องมองสบกับดวงตาคมปลาบที่ไม่แม้แต่จะผละหนี เปิดเผยความเงียบเย็นที่ทำให้บรรยากาศคุกรุ่นขึ้นทุกขณะ อีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงยกยิ้ม ยินยอมที่จะล่าถอยด้วยการกล่าวลา

    ผมไปแล้วนะครับ

    เชิญ

    อีกฝ่ายยังยิ้ม หมุนตัวก้าวไปอีกทางที่มีรถของตนจอดอยู่ ไกรวีมองตาม จึงได้เห็นว่ารถกระบะที่อีกฝ่ายเพิ่งสอดตัวเข้านั่งยังเบาะคนขับติดสติกเกอร์ชัดเจนว่าไร่เคียงผกายพลันนึกรู้ว่าทำไมอยู่ ๆ นทีธัชช์ถึงดูดุนัก ต่างจากบรรเจิดที่ยังนั่งดื่มน้ำด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนเมื่อครู่ไม่มีบรรยากาศเย็นเยียบโรยตัวเลยแม้เพียงนิด

    ฐานัสมาคุยอะไรกับลุงครับนทีธัชช์ทิ้งตัวลงนั่ง เปิดประเด็นทันทีที่รถกระบะของไร่คู่ตรงข้ามขับจากไปแล้ว และคำถามของเขาก็ทำให้บรรเจิดถอนหายใจยืดยาวก่อนเอ่ย

    มาโน้มน้าวลุงน่ะสิคุณที คงเห็นโอกาสที่ลุงไม่มีคนในไร่อยู่ด้วย เลยมาพูดจาชักชวนลุงไปทำงานด้วยกัน

    นทีธัชช์ได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ข่มใจรับฟังอย่างสงบ หลังจากวิรงรองลาออกไปอยู่กับเคียงผกายแล้ว ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์กลับมีคนงานลาออกไปอีกสามคน แม้จะอยู่ในส่วนที่ยังแบ่งสรรหน้าที่กันได้ไม่เดือดร้อนอะไร แต่การที่มีคนงานเลือกที่จะออกไปไล่เลี่ยกันอย่างนี้ก็ค่อนข้างน่ากังวล

    ถ้ามองโดยรวมล่ะก็ใช่ แต่นทีธัชช์ยังไม่มีความรู้สึกนั้น

    ลุงว่าเคียงผกายมันเอาใหญ่แล้วนะคุณที เห็นว่าทางเรากำลังอ่อนกำลังแค่เพราะไม่มีคุณคีอยู่ด้วย เลยมาโน้มน้าวให้คนงานไปอยู่ฝั่งเขา

    แล้วลุงเจิดโดนโน้มน้าวยังไงบ้างครับ

    โอ๊ย ก็เรื่องคุณพลอยนั่นล่ะจะอะไร มาบอกว่าตอนนี้รินทร์ธารากำลังสั่นคลอน เขาบอกให้ลุงหาทางที่จะอยู่ได้อย่างมั่นคงมากกว่าที่นี่ ลุงก็เลยลองตามน้ำถามว่าลุงจะไปอยู่ไหนดีล่ะ เท่านั้นแหละคุณที

    หึ นทีธัชช์รู้สึกเวทนามากกว่าโกรธเกรี้ยว ได้แต่พยักหน้ารับคำบอกเล่านั้นแล้วถามขึ้นแล้วลุงว่ายังไงครับ จะไปไหม

    อือ ลุงก็ว่าจะคุยกับคุณทีอยู่ ได้ไหมล่ะคุณที

    นทีธัชช์ได้ยินอย่างนั้นจึงกดยิ้ม หยัดกายขึ้นยืน แววตาเป็นประกายของความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนถ้าลุงไป เดี๋ยวผมเซ็นอนุมัติให้เลยแล้วกันครับ

    ลุงขอเงินล่วงหน้าสี่เดือนได้ไหม

    ได้ครับ ผมจะให้พี่หญิงจัดการให้แล้วกัน

    ไกรวีนิ่ง ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเลยเถิดมาขนาดนี้ หากยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องลุกขึ้นเดินตามนทีธัชช์กลับมาที่รถ ยังคงเหลียวมองบรรเจิดที่กลับไปกินข้าวตามปกติเหมือนการขอลาออกเมื่อครู่เป็นเรื่องสบาย ๆ พอรถขับพ้นร้านอาหารมาแล้วจึงค่อยหันไปมองนทีธัชช์ที่ขับรถด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่มีแววโกรธเคืองหรือแม้กระทั่งผิดหวังเสียใจ

    ไกรวีรู้ว่าบรรเจิดทำงานที่รินทร์ธารามาตั้งแต่ก่อนที่ฝาแฝดจะเข้ามาสานต่อจากบุพการี รับรู้ได้ว่าคงมีใจผูกพันกับที่นี่มากถึงไม่ไปไหน แต่เมื่อครู่นั้น

    มีอะไรรึเปล่านทีธัชช์ถามเสียงเรียบ ให้ไกรวีนิ่งเพื่อเดาอารมณ์ก่อนจึงตัดสินใจถามออกไป

    พี่ทีไม่ยื้อลุงเจิดไว้เลยเหรอครับ

    ยื้อ?”

    ลุงเจิดทำงานที่นี่มานาน อยู่ ๆ จะไป ผมว่ามัน…”

    ไกรวีพูดไม่ออก ตามจริงเขาไม่น่าจะมีสิทธิ์ถึงขนาดยื้อหรือไล่ใครได้ แต่มันก็น่าตกใจไม่ใช่หรือที่อยู่ ๆ คนเก่าคนแก่ของไร่กลับหันเหจะไปทางอื่นที่ดูก็รู้ว่าเป็นคู่แข่งกัน

    แล้วทำไมเดี๋ยวก่อนนะ นั่นนทีธัชช์หัวเราะอะไรเนี่ย?

    ไปกันใหญ่แล้วนทีธัชช์หัวเราะขำไม่ปิดบังพี่กับลุงเจิดแค่คุยเล่นกัน ดูไม่รู้เลยเหรอ

    ชายหนุ่มเม้มปาก ครุ่นคิด...ไม่ล่ะ ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนคุยเล่นกันเลยไม่ใช่หรือ ถ้าแค่นทีธัชช์แกล้งทำดุเขายังพอเข้าใจได้ แต่กับบรรเจิดนี่สิ

    พลันอยู่ ๆ ไกรวีก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ใช่แน่ ต้องใช่แน่ ๆ

    ไกรวียกมือขึ้นปิดหน้า ครู่หนึ่งก็ทิ้งมือลง หยัดศอกกับกรอบหน้าต่างรถได้ก็ค้ำมือปิดครึ่งหน้าแล้วโอดครวญอย่างเหนื่อยหน่ายผมต้องบ้าแน่ ๆ ถ้าต้องเจอคนอย่างพี่ทีกับลุงเจิดพร้อมกันทุกวันแบบนี้

    ใช่แน่ ไม่ว่าจะลูกน้องหรือเจ้านายก็ร้ายกาจเหมือนกันไม่มีผิด นี่เขาโดนหลอกจากคนที่ทำหน้าตาเฉยเมยได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนอีกแล้วหรือเนี่ย!

     

    ปกติพี่คีเป็นอย่างนายนทีธัชช์บ้างไหม นี่ผมจะบ้าตายอยู่แล้วนะพี่พลอย

    เพชรพริ้งเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าข้อความที่น้องส่งมาผ่านแอปพลิเคชั่นสนทนาจะเป็นการไถ่ถามถึงสามีเธอ ข้องใจไม่น้อยกับคำว่าเป็นอย่างนายนทีธัชช์บ้างไหมเธอนิ่งทวนประโยคคำถามอีกสองรอบ ค่อยถามกลับไปเพื่อความชัดเจน

    เป็นอย่างที่กรว่าคือเป็นแบบไหนล่ะ

    หายไปพักหนึ่งถึงมีข้อความจากไกรวีตอบกลับมา

    พูดมาก ขี้แกล้ง เล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา ผมตามไม่ทัน

    เท่านั้นเพชรพริ้งก็หัวเราะ เธอส่งโทรศัพท์ที่ยังเปิดหน้าจอสนทนากับน้องชายให้คีรินทร์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงาน พอชายหนุ่มรับไปก็ไล่อ่าน ก่อนได้เลิกคิ้วแล้วมองหน้าภรรยาอย่างมีคำถาม

    ไอ้ทีน่ะเหรอจะพูดมาก

    คีรินทร์งุนงง แปลกใจ ถ้าตัดคำว่าพูดมากทิ้งเหลือแต่ส่วนอื่นก็ยังพอเข้าใจได้บ้าง แต่ปกติเวลาที่นทีธัชช์จะพูดมากมักเป็นเวลาที่พูดสอนคนงาน มากสุดคือโต้ตอบคนของเคียงผกายให้สนุกปาก แต่แม้กับเขาหรือผู้เป็นแม่นทีธัชช์ยังดูสงบปากสงบคำด้วยซ้ำ ชอบใช้ท่าทีกวน ๆ เล่นงานคนรอบข้างเสียมากกว่า

    แล้วพลอยควรตอบน้องไปว่ายังไงดีคะเพชรพริ้งยิ้ม และคีรินทร์ก็รู้ว่าเธอมีแผนในใจอยู่แล้ว จึงบอกไปอย่างอนุญาตอยู่ในที

    แล้วแต่พลอยเลย

    ว่าแล้วก็เดินเข้ามาจุมพิตเรือนผมนุ่มอย่างที่มักทำ แต่คนที่เคยยิ้มรับสัมผัสเขากลับนิ่วหน้าแล้วเบี่ยงหลบอย่างตั้งใจ พอหันมามองกันอีกทีก็ยิ่งขมวดคิ้วใส่อย่างไม่ชอบใจนัก

    พี่คีฉีดน้ำหอมเหรอคะ เหม็นมากเลย

    หือพี่ไม่ใช้น้ำหอม พลอยก็รู้

    นั่นสิ ปกติสามีเธอไม่ใช้น้ำหอม แม้แต่สบู่ที่ใช้ก็ยังเป็นสบู่กลิ่นธรรมชาติที่เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งของไร่เลย ไม่เหมือนเธอที่ยังติดใช้เจลอาบน้ำยี่ห้อหนึ่งที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่ครั้งนี้กลิ่นหอมอ่อนจางนั้นกลับกลายเป็นฉุนแตะจมูก เพชรพริ้งเบือนหน้าหนีสามีที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างกันแล้วมองเธออย่างสงสัย ขณะนั้นเองที่ความคิดหนึ่งแวบเข้ามา

    แย่ล่ะถ้าเป็นอย่างที่เธอคิด ก็ผิดเวลาเอามาก ๆ จริง ๆ

    สิ่งที่คิดจะตอบน้องชายพลันหายไป เธอหยัดกายขึ้นยืน มองหน้าสามีอย่างระงับความหงุดหงิดยามได้กลิ่นกายเขาไว้ไม่ได้ ก่อนเดินเลี่ยงไปทางห้องครัวแล้วค่อยตอบน้องกลับไป

    ทนหน่อยนะกร พี่ทีเขาก็เป็นอย่างนี้

    คราวนี้น้องเธอตอบมาเร็วทันใจเลยล่ะพูดมากน่ะพอทนได้ แต่ขี้แกล้งเนี่ย บางทีก็อยากทำตัวเป็นสัตว์ประหลาดใส่ให้รู้แล้วรู้รอด

    โธ่ เจ้ากรของพี่ หงุดหงิดแล้วเนี่ย 555’

    ขำไปเถอะ ใครจะดีเท่าสามีพี่พลอยล่ะ

    เพชรพริ้งนิ่ง เธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากกรอบประตูครัว พอหันไปก็พบกับสายตาเป็นห่วงเป็นใยที่ส่งมาให้ตามปกติ ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏชัด และแววตาที่มองสบกันก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

    คีรินทร์ไม่ได้เดินเข้ามาหาเธอ เพียงแค่เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยน

    พี่จะลองเปลี่ยนไปใช้เจลอาบน้ำของพลอย ดีไหม

    เพชรพริ้งพยักหน้า คลายยิ้มหวานยามเขาบอกเธอด้วยน้ำเสียง กิริยา และรอยยิ้มที่ยังคงเดิม

    ไว้เราเช็กอย่างละเอียดกันอีกทีนะครับ

    คีรินทร์รู้เหมือนที่เธอรู้ เพราะอย่างนั้นเพชรพริ้งจึงพยักหน้ารับอีกรอบ นึกขอบคุณที่ถ้อยคำอ่อนโยนใส่ใจของเขาทำให้เธอรู้สึกสงบขึ้น เพราะอย่างนั้นจากที่คิดว่าจะวางโทรศัพท์แล้วทำเครื่องดื่มสมุนไพรสักแก้ว ก็เลยเปลี่ยนใจไปเป็นกดแป้นพิมพ์แทน

    ไม่นานเธอก็ได้สติกเกอร์รูปยักษ์หน้าแดงกลับคืนมาจากไกรวี หัวเราะได้และก็อารมณ์ดีมากขึ้นอีกด้วย

    เพราะข้อความที่เธอส่งไปน่ะ เป็นการแหย่ลูกแมวในกรงเสือชัด ๆ

    เอาน่า กรอาจน่าแกล้ง พี่ทีก็คงเอ็นดู แล้วพี่ก็ว่าไม่มีใครน่าแกล้งไปกว่ากรแล้วด้วย ถ้ารับไม่ไหวก็ข่วนหน้าไปเลยนะเจ้าเสือน้อย!’

    เรื่องชอบแกล้งเธอยังพอหาข้ออ้างให้นทีธัชช์ได้ แต่เรื่องพูดมากถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเธอ เพราะอย่างนั้นไกรวีก็คงต้องเคลียร์ประเด็นนี้กับเจ้าตัวเองแล้วล่ะ เธอกับสามีจะไม่ยุ่งอย่างแน่นอน




    โปรดติดตามตอนต่อไป



    เกือบลืมอัปค่ะ มัวแต่สร้างบ้านอยู่ (เกมล้วน ๆ กร๊ากกกก)

    ฝากด้วยนะคะ ^ ^


    ทวีตติดแท็ก #ธาราโอบจันทร์ หรือคอมเมนต์ หรือกดให้กำลังใจ ตามสะดวกเลยค่าา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×