ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ธาราโอบจันทร์ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สาม ... (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 63





    ธาราโอบจันทร์
    บทที่สาม


    ไกรวีอยู่ที่ไร่รินทร์ธารามาได้วันนี้เข้าวันที่สามแล้ว ชายหนุ่มเตรียมข้าวเช้าในขณะที่นทีธัชช์ขับรถออกไปออฟฟิศแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม แต่เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ฝากโทรศัพท์เครื่องสวยของตัวเองให้นทีธัชช์นำไปชาร์จแบตเตอรี่ให้ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขาก็หลงลืมไปเสียสนิทว่ายังไม่ได้ส่งข่าวบอกผู้เป็นแม่ ทั้งสองวันที่ผ่านมาเขายังได้ตระเวนไปตามส่วนต่าง ๆ ของไร่เพื่อเรียนรู้งานมากกว่าอยู่ในออฟฟิศ ดังนั้นจึงแทบไม่มีเวลาแตะจับเครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าเลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีแบตเตอรี่โทรศัพท์ก็หมดไปแล้ว

    พอคิดถึงสองวันที่ผ่านมาก็เลยได้ถอนหายใจ ไกรวีไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาทำงานออกภาคสนามอย่างจริงจังขนาดนี้ ถึงมันจะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกลำบากอะไรก็เถอะ แต่สายงานที่เรียนที่ทำมากับสิ่งที่ต้องทำอยู่นี่มันคนละขั้วกันเลยจริง ๆ

    เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นระหว่างที่ไกรวีกำลังจัดเตรียมต้มจืดหมูสับลงถ้วย แล้วนทีธัชช์ก็เดินเข้ามาพอดีตอนที่เขาวางมันลงกลางโต๊ะรับประทานอาหาร ไกรวีช้อนนัยย์ตาขึ้นสบ ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ ก่อนเอ่ยถาม

    พี่ทีจะกินข้าวเลยรึเปล่าครับ

    อืมชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ส่งโทรศัพท์คืนให้ไกรวีแล้วทิ้งตัวลงนั่ง มองอาหารที่มีเพียงหนึ่งอย่างตรงหน้าก็ให้ได้เงยหน้ามองคนที่หันหลังตักข้าวใส่จานให้อยู่มีแค่ต้มจืดเหรอ

    ไกรวีชะงักไปนิดแล้วเริ่มตักข้าวต่อโดยที่ส่งเสียงถามไปด้วย อยากได้อะไรเพิ่มล่ะครับ

    ไข่ดาวสองฟอง

    คราวนี้ไม่เพียงแต่นิ่ง ไกรวียังหันมามองคนสั่งที่ทำหน้าสบายอกสบายใจอย่างเคือง ๆ นี่ถ้าสนิทใจกันมากกว่านี้เขาคงจะบ่นให้อยู่หรอกว่ากินอะไรนักหนา แต่สิ่งที่ทำคือการยกจานข้าวมาวางลงตรงหน้านทีธัชช์กับตำแหน่งที่ตัวเองนั่ง อดไม่ได้ที่จะพึมพำเมื่อสบกับดวงตาคู่คมที่แน่วนิ่งเหมือนเดิม

    เรื่องมาก

    นทีธัชช์กระแอมเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าได้ยิน ให้ไกรวีตีหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันหลังกลับไปที่เตาทำครัวอีกครั้ง หยิบไข่เป็ดที่วางอยู่ในตะกร้าหลังจากเปิดแก๊สตั้งกระทะเรียบร้อย แล้วดูเสียสิ ไข่เป็ดสดจากฟาร์มของที่นี่น่ะใบใหญ่จะตาย ทอดฟองเดียวก็คงท่วมข้าวแล้วละมั้ง ยังจะเรื่องมากเอาเป็นสองฟองอีก ไม่ให้เขาเผลอปากได้ยังไงเล่า!

    เอาไปฟองนึงสินทีธัชช์ว่าอย่างนั้นเมื่อจานไข่ดาววางลงเคียงถ้วยต้มจืด หรือว่าชายหนุ่มจะรู้สึกผิดที่สั่งไกรวีทำมากเกินไปนะ

    กินเถอะครับ ผมแค่บ่นเฉย ๆ

    เปล่า พี่ไม่ได้จะกินเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สั่งมาให้กรกินด้วยนั่นแหละ เอาไป เร็ว

    เอ้า แล้วเร่งกันทำไมเนี่ย ไกรวีได้แต่ระบายลมหายใจ ตักไข่เป็ดดาวมาไว้จานตัวเองหนึ่งฟอง ส่วนอีกฟองนทีธัชช์ก็ตักไปทันที หลังจากนั้นมื้อเช้าระหว่างเขาสองคนก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบ ๆ ไม่มีบทสนทนาใด และไม่มีใครมองใครระหว่างมื้อด้วย

    นทีธัชช์ทำให้ไกรวีรู้สึกว่าอีกฝ่ายไปอดอยากหิวโซมาจากไหน ทั้ง ๆ ที่นี่มันก็เพิ่งมื้อเช้าเองไม่ใช่หรือ

    สรุปแล้วจองตั๋วไว้รึยังนทีธัชช์ถามขึ้นหลังดื่มน้ำไปหลายอึก ให้ไกรวีพยักหน้าแล้วตอบคำ

    เรียบร้อยแล้วครับ

    กี่โมง

    ขึ้นเครื่องหกโมงเย็น

    นทีธัชช์พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ออกปากจะช่วยเหลือไกรวีที่รวบรวมจานกับถ้วยมาไว้ด้วยกัน ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นยืนแล้วก้าวตรงไปทางห้องนอนในขณะที่ไกรวีเริ่มต้นล้างจานและทำความสะอาดส่วนครัว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติมากที่เจ้าบ้านปล่อยให้แขกทำความสะอาดโดยไม่คิดช่วยเหลือ

    อย่างน้อยก็ยังมีคืนแรกที่ยกจานตัวเองไปล้างเหมือนเคยชิน แต่หลังจากนั้น จะมื้อไหนนทีธัชช์ก็ปล่อยให้เขาจัดการ

    เหอะ เป็นเจ้าบ้านที่ดีมากจริง ๆ

     

    ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกครับแม่ พี่พลอยก็อยู่ในการดูแลของหมออยู่แล้วยังไงคืนนี้กลับไปค่อยคุยกันนะครับ

    ค่อนสายกว่าจะจัดการงานบ้านเรียบร้อยในขณะที่นทีธัชช์ยังอยู่แต่ในห้อง ไกรวีจึงใช้ช่วงเวลานี้ติดต่อถึงแม่เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวของเพชรพริ้ง เขารู้สึกผิดที่ต้องโป้ปดกับบุพการี แต่ก่อนหน้านี้นทีธัชช์เน้นย้ำหนักแน่นว่ายังไม่ควรบอกเรื่องแผนการไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ไกรวีจึงทำได้เพียงบอกว่าอาการของเธอทุเลาลงบ้างแล้ว แม้จะยังไม่เรียกว่าพ้นขีดอันตรายดีก็ตาม

    เขาถอนใจเฮือกหลังกดวางสาย ก่อนได้แปลกใจเมื่อกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งแล้วมองเห็นจักรยานออกกำลังกายคันหนึ่งตั้งอยู่ใกล้กับส่วนทำครัว พอมองไปทางนทีธัชช์ก็เห็นว่าชายหนุ่มกำลังหั่นผลสตรอว์เบอร์รี่อย่างชำนิชำนาญ ครั้นเหลียวมาสบตากัน คู่ตาคมที่มักนิ่งสงบก็คล้ายเป็นประกายอยู่แวบหนึ่งอย่างน่าประหลาดใจ

    พี่ทีจะทำอะไรเหรอครับไกรวีถามด้วยความสนใจ มองไปที่หน้าจักรยานก็เห็นมีสายไฟโยงกับเครื่องปั่นที่วางอยู่หน้ารถ

    สมูทตี้

    อ้อ

    อยากลองไหม

    ไกรวีกำลังจะพยักหน้า แต่ก็เกิดไม่วางใจขึ้นมาชั่วขณะ พอจ้องมองหน้าคนที่เปลี่ยนไปหั่นผลมัลเบอร์รี่ิอย่างตั้งใจแต่ก็ยังอยู่ในท่าทีสบาย ๆ ก็เลยคลายใจลงได้บ้าง บางทีนทีธัชช์คงอยากให้เขาช่วยอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ละมั้ง

    นทีธัชช์เองพอหันมาเห็นเขาที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรก็จุดยิ้ม ชายหนุ่มเปิดฝาเครื่องปั่นออก ใส่สตรอว์เบอร์รี่กับมัลเบอร์รี่สีเข้มลงไป ตามด้วยส่วนผสมอื่น ปิดท้ายด้วยน้ำแข็ง แล้วมอง

    ลองก็ได้ครับเกิดความไม่เต็มใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่ไกรวีก็ยังบอกออกไปอย่างนั้น ให้นทีธัชช์พยักหน้าพึงใจ แล้วพยักพเยิดไปยังจักรยานออกกำลังกาย

    ขึ้นไปสิ

    ไกรวีเม้มปากน้อย ๆ พาตัวขึ้นไปนั่งบนอานจักรยานแล้วมองหน้านทีธัชช์ว่าแล้วอย่างไรต่อ ให้เรียวนิ้วกร้านเอื้อมกดลงบนปุ่มหนึ่งของตัวเครื่อง ออกคำสั่งปั่นสิ

    คนที่อยู่บนอานจักรยานแล้วเลยต้องเริ่มปั่นล้อ ได้เห็นว่าเครื่องปั่นเริ่มต้นทำงานแล้วพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นจากตัวเครื่อง แต่มันก็ยังดูช้าเกินไปให้สองขาขยับเร็วขึ้นอีกนิด

    เป็นนทีธัชช์ที่มองผลงานแล้วส่ายหน้ายัง ยังไม่พอ เบอร์สามเลยแล้วกัน

    หือ เบอร์สาม? ลูกตากลมแทบพลัดออกจากเบ้า พร้อมกับต้องเร่งการปั่นล้อให้เร็วมากกว่าเดิมเมื่อนทีธัชช์ไม่ได้หันมาถามความเห็นเขาเลยด้วยซ้ำในตอนที่กดปุ่มหมายเลขสูงสุดของเครื่อง ไกรวีเองอยากสบถออกไปสักคำสองคำ แต่แค่จะหายใจให้ทันยังลำบากเลย เขาได้แต่กลั้นใจออกกำลังขาให้เร็วพอที่เครื่องปั่นจะทำงานตรงตามประสิทธิภาพ หน้าขาวเกลี้ยงเกลาเริ่มรื้นแดง เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก นั่นล่ะนทีธัชช์ค่อยพยักหน้า มองผลงานในเครื่องปั่นอย่างพอใจ

    ชายหนุ่มกดปิดเครื่องในขณะที่ไกรวียังนั่งหอบอยู่บนรถ อีกพักถึงลงจากจักรยานออกกำลังกายแล้วทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะรับประทานอาหาร

    เรี่ยวแรงยังมี ใช้ได้เลยนะกร

    ไกรวีค้อนขวับทันทีที่มีโอกาส หน้าบึ้งไม่ปิดบังอีกต่อไปแล้วด้วย จนคนที่มองเห็นได้แต่หัวเราะหึแล้วเทสมูทตี้ลงแก้ว ส่งให้ไกรวีที่มองนิ่งไม่ยอมรับในคราวแรก แต่พอคิดได้ว่าเขาเป็นคนปั่นมันเองด้วยกำลังขาของเขา จึงรับมาแล้วจิบไปหนึ่งอึก

    รสชาติกลมกล่อมที่มาพร้อมกับไอเย็นจากน้ำแข็งบดทำให้ไกรวีรู้สึกสดชื่นได้มาก ก่อนได้แปลกใจเมื่อคนที่ยืนมองกันแล้วจุดยิ้มได้เดินไปทางประตู ปิดสนิทกั้นลมที่จะพัดโพยเข้ามา ปิดหน้าต่างทุกบานจนไกรวีเริ่มอึดอัด อยากจะตั้งคำถามว่าเกิดคิดพิลึกอะไรขึ้นมาอีก ก็ต้องหยุดชะงักลงในตอนที่นทีธัชช์ดึงม่านที่ปิดสนิทด้านหลังโต๊ะวางโทรทัศน์ของห้องรับแขกให้เห็นเครื่องปรับอากาศที่ติดเกือบชิดเพดานไม้

    ไกรวีอ้าปากค้าง มองคนที่กำลังสับสวิตช์ของแผงควบคุมวงจรไฟฟ้าทีละตัว ๆ อย่างสับสน

    จนใบหน้าคมคร้ามหันมามอง หันกลับไป หยิบรีโมทที่ซ่อนหลังโทรทัศน์ออกมาแล้วกดปุ่มเปิดสวิตช์ให้เครื่องปรับอากาศทำงาน เพียงไม่ถึงนาทีไอเย็นก็ลอยคลุ้งไปทั้งตัวบ้าน และอากาศเย็นฉ่ำก็โอบคลุมให้คนที่นั่งหน้าแดงเหงื่อซึมเม้มปากอย่างเพิ่งรู้ตัว

    ถึงอย่างนั้นก็อยากได้ความชัดเจนไหนพี่ทีบอกไฟฟ้าในบ้านต้องใช้เครื่องปั่นไฟไงครับ

    คนที่พูดอย่างนั้นได้แต่หัวเราะหึ เดินมาหาแล้วหยิบแก้วสมูทตี้ของตัวเองขึ้นดื่ม พยักหน้าให้กับรสชาติที่เขาเป็นคนปรุงแต่งเองก่อนตอบคำถามให้ไกรวีหายคาใจเสียทีไร่รินทร์ธาราไม่ต้องมีเครื่องปั่นไฟหรอกครับ ไม่ว่าจะพื้นที่ไหนก็เถอะ ไฟฟ้าเข้าถึงหมดนั่นแหละ

    ชัดเจนแล้วว่าเขาโดนหลอก! “แล้ว?”

    รับน้องไงนทีธัชช์ว่าขึ้นไม่ยี่หระอยากให้คนเมืองกรุงสัมผัสกับธรรมชาติสักหน่อย แล้วเป็นไงล่ะครับ ชอบแบบไหนมากกว่ากัน

    ยังมีหน้ามาถามอีก! ไกรวีได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ นึกสงสัยว่าคนอะไรต้องทรมานตัวเองให้ไม่มีไฟฟ้าใช้ไปกับเขาด้วย แต่พอนทีธัชช์พูดประโยคต่อมา ไกรวีก็เลยคลายความสงสัยได้หมด แถมคิ้วขมวดของเขาที่ส่งให้คนนั่งดื่มสมูทตี้อย่างสบายใจไปด้วย

    อ้อ แผงควบคุมไฟฟ้าที่นี่แบ่งยิบย่อยเยอะมาก แล้วพี่ก็ไม่ได้สับสวิตช์ไฟฟ้าที่ใช้ในห้องพี่ลงเหมือนห้องอื่น ๆ เพราะงั้นสองสามวันที่ผ่านมาพี่นอนหลับพักผ่อนอย่างสบาย ไม่ต้องห่วงนะ

    แล้วจะให้ไกรวีทำอย่างไรได้เล่านอกจากกระแทกลมหายใจใส่คนตรงหน้าไปเฮือกหนึ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มหยิบแก้วสมูทตี้ของตัวเองไว้กับมือ ลุกขึ้นได้ก็เดินดิ่งเข้าห้องไม่สนใจคนที่ยังขำ กวาดตามองไปรอบห้องที่เขาแทบจะไม่สังเกตอะไรมาก่อน แม้ห้องที่เขาพักจะเป็นห้องเล็ก แต่พอได้สังเกตดี ๆ ก็เลยเห็นว่ามีผนังไม้บาง ๆ ที่มีห่วงเล็ก ๆ อยู่ทางปลายเตียงนอน

    สังหรณ์ใจบอกให้ไกรวีเดินตรงไป นิ้วเกี่ยวห่วงนั้นแล้วลองเคลื่อน กลายเป็นว่าผนังไม้นี่คือประตูที่ปิดกั้นส่วนหนึ่งของห้องเอาไว้ และในนั้นมีพัดลมวางบนพื้นกับเครื่องปรับอากาศติดตั้งอยู่!

    รีโมทคอนโทรลเสียบไว้กับที่เสียบบนผนัง ไกรวีหยิบมันขึ้นมา กดปุ่มเปิดการใช้งาน และไอเย็นก็พวยพุ่งออกมาจากช่องปล่อยลมในทันทีราวกับเยาะเย้ยกัน

    ไกรวีกัดปาก อยากเขวี้ยงแก้วทิ้งระบายอารมณ์แต่ก็เสียดายสมูทตี้อร่อย ๆ ที่เขาเป็นคนปั่น อยากจะออกไปทึ้งหัวคนที่รับน้องแกล้งกันได้อย่างบ้าบอที่สุดแต่ก็ติดที่สามัญสำนึกยังบอกเขาว่านทีธัชช์คือคนให้ที่หลับนอน ดังนั้นไกรวีจึงได้แต่เดินไปเดินมาในห้อง จนทั้งห้องเย็นฉ่ำก็ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียง แล้วยกสมูทตี้ขึ้นดื่มล้างอารมณ์เสียให้มันคลายลง

    ให้ตาย คนอะไรวะเนี่ยถึงเป็นขั้วตรงข้ามกับฝาแฝดตัวเองได้ขนาดนี้ เจ็บใจโว้ย!

     

    เพชรพริ้งแปลกใจที่น้องชายเดินเข้ามาในบ้านพร้อมด้วยใบหน้าปั้นปึ่งอย่างเห็นได้ชัด เธอมองเลยไปยังนทีธัชช์ที่ก้าวตามมาไม่ห่างกันนัก ก่อนจะเริ่มปะติดปะต่ออะไรได้เมื่อเห็นแววพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าคมคร้ามที่ทอดมองไกรวี นึกรู้ขึ้นมาทันทีว่าน้องชายคงโดนเล่นงานไปบ้างแล้วเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่พานอารมณ์เสียใส่เธอแบบนี้หรอก

    พี่พลอยจะฝากอะไรถึงแม่รึเปล่าไกรวีถามเมื่อทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟาแล้วตวัดตามองหญิงสาวอ้อ ไม่สิ พูดอะไรไม่ได้เลยนี่

    แล้วก็พ่นหายใจอย่างหงุดหงิด ดีที่มันพอคลายลงได้บ้างตอนเห็นยิ้มอุ่นอ่อนของเพชรพริ้ง ชายหนุ่มหลับตาลงอยู่พัก ก่อนลืมตาขึ้นมองพี่สาวที่หย่อนตัวลงนั่งข้างกันและกำลังมองจ้องมาอย่างค้นคว้า ในขณะที่นทีธัชช์หายเข้าไปในห้องทำงานกับคีรินทร์แล้ว

    ถามจริงไกรวีเปิดปากพูดเสียงเบาลงเคยโดนพี่ทีแกล้งอะไรบ้างไหม

    เพชรพริ้งนึกแปลกอยู่ในใจ ฟังจากสรรพนามที่ใช้แล้วก็น่าจะทำให้เธอคลายใจได้บ้างว่าน้องชายกับฝาแฝดของสามีคงจะเข้ากันได้ดี หากแต่เมื่อดูจากอารมณ์หงุดหงิดของน้องชายเลยไม่แน่ใจนัก พยักหน้าแล้วถามกลับพร้อมยกยิ้ม

    เคยสิ แล้วกรโดนพี่ทีแกล้งอะไร

    คิดแล้วก็เลยหงุดหงิดเพิ่มเลยทีนี้โดนหลอกว่าบ้านเขาไม่มีไฟฟ้าใช้

    ตั้งแต่ไปถึงเลยเหรอ

    ใช่สิ

    แล้วรู้ตอนไหนว่าโดนหลอก

    วันนี้ตอนสาย ๆไกรวีขมวดคิ้วหัวเราะอะไรเนี่ย

    เพชรพริ้งไม่ได้อยากหัวเราะออกมา แต่เธอก็กลั้นไว้ไม่ได้ พยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้มันเสียงดังเกินไปจนต้องทำให้น้องชายหงุดหงิดขึ้นไปอีก จนอีกครู่เธอจึงพยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ก็พอดีกับที่ฝาแฝดเปิดประตูเดินออกมาขัดจังหวะเข้า

    คีรินทร์เห็นภรรยาหน้าแดงแปร๊ดก็เลิกคิ้วเป็นอะไรน่ะพลอย

    พี่พลอยกลั้นขำพอเพชรพริ้งไม่ตอบไกรวีก็เลยตอบแทน อยากจะส่งค้อนวงโตให้เธอแต่ก็หักห้ามใจ แต่สายตาดันเหลียวไปเห็นตัวการที่กำลังยืนอมยิ้มเยื้องหลังคีรินทร์จึงถลึงตาโตใส่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้รู้ว่าจะยังไม่ยอมหายโกรธง่าย ๆ แน่ และเป็นคีรินทร์ที่เห็นกิริยานั้น เลยหันตัวกลับไปจ้องหน้าฝาแฝดที่ยังอมยิ้มไม่คลาย

    เล่นแรงรึไง

    เปล่านทีธัชช์ตอบตามความจริงไม่แรง แต่นาน

    เท่านั้นคีรินทร์ก็ถอนใจ อดส่ายหน้าไม่ได้ที่เห็นเพชรพริ้งยังกลั้นขำอยู่ เลยกวักมือเรียกเธอให้ลุกเดินมาหา ต้องลูบหลังลูบไหล่กันอีกเป็นนาทีกว่าเพชรพริ้งจะกลับมาเป็นปกติได้

    หญิงสาวไม่ใช่คนบ้าจี้ ติดจะไม่ค่อยมีอารมณ์ขันด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่มุกตลกที่ชอบจริง ๆ หรือที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ถ้าได้ขำก็จะขำนาน ไกรวีรู้ คีรินทร์รู้ แต่นทีธัชช์ไม่ใส่ใจ เขาเอ่ยเย้าคนที่นั่งนิ่งให้เพชรพริ้งเกือบหลุดขำอีกรอบ

    ใจเย็นนะกร อีกแป๊บก็จะได้ไปนั่งเย็น ๆ สบาย ๆ บนเครื่องแล้ว

    คีรินทร์อ่อนใจ พยักหน้าบอกไกรวีให้เตรียมตัว เพราะชายหนุ่มจะกลับบ้านไปเลือกของใช้เพราะคงได้อยู่ที่นี่ระยะยาว ทั้งยังจะเข้าบริษัทเพื่อพูดคุยถึงปัญหากับความจำเป็นที่อาจจะทำให้ไม่ได้เข้าสำนักพิมพ์สักระยะ ทั้งหมดนั้นไกรวีมีเวลาเพียงหนึ่งวันคือพรุ่งนี้ และจะกลับมาที่นี่ทันทีที่จัดการกับธุระเสร็จสิ้น

    คีรินทร์อาสาเป็นคนไปส่งเขาที่สนามบิน

    ฝากกรด้วยนะคะพี่ที

    แต่ทำไมเพชรพริ้งต้องฝากเขาไว้กับนทีธัชช์ด้วยเล่า?

    ไกรวีไม่เข้าใจ แต่ความโกรธแม้จะเจือลงมากแล้วหากก็ยังไม่อยากมองหน้า เพราะอย่างนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปกอดพี่สาว กระชับวงแขนแน่นพอจะทำให้เธอรู้ถึงความห่วงใย จึงค่อยคลายกอดแล้วหันไปพยักหน้าให้คีรินทร์

    เดิมทีเขาคิดว่าคงได้ขึ้นรถคันอื่นที่ไม่ใช่รถของนทีธัชช์ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้นทีธัชช์ขึ้นนั่งยังตำแหน่งคนขับ มีคีรินทร์นั่งเบาะโดยสารข้างกัน ส่วนไกรวีนั่งที่เบาะหลัง มองสองฝาแฝดสลับกันอย่างสงสัย

    ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรมากนัก ถ้าไม่ใช่บางครั้งที่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้เกี่ยวกับเรื่องในไร่ สองฝาแฝดก็จะพูดคุยกันโดยที่ไม่ได้ให้ดูเคร่งเครียดจริงจังเกินไป และเป็นอีกครั้งที่ไกรวีผล็อยหลับระหว่างทาง กว่าจะตื่นขึ้นก็ตอนที่รถกำลังเลี้ยวเข้าเขตของสนามบินพอดี

    ชายหนุ่มลงจากรถโดยมีกระเป๋าเป้ติดตัวเพียงหนึ่งใบเท่านั้น กำลังจะออกปากขอบคุณทั้งสองคนที่มีน้ำใจขับรถมาส่ง ก็ต้องนิ่งไปเมื่อคีรินทร์ลงจากรถแล้วเข้าประจำที่แทนนทีธัชช์ ส่วนนทีธัชช์กลับมายืนอยู่ข้างเขา ยกมือขึ้นโบกน้อย ๆ แทนคำลาต่อพี่ชายฝาแฝดที่ก็พยักหน้ารับนิด ๆ แล้วเคลื่อนรถออกไป

    ไกรวียืนนิ่ง งุนงงอีกครู่ ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามคนที่บอกให้เขาเดินเข้าไปในตัวอาคารได้แล้ว และตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ว่าทำไมนทีธัชช์ต้องมาด้วย ต้องลงจากรถ ปล่อยให้คีรินทร์ขับรถตัวเองออกไปอย่างง่าย ๆ

    จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เพราะนทีธัชช์จะเดินทางไปกับเขาด้วย!

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป




    มีคนเข้ามาอ่านบ้างมั้ยค้าาาาา 555555555555555 เงียบเหงาจังเล้ยยย TT-TT




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×