คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่สิบห้า ... (รีไรท์)
“คุณแม่”
เสียงของเพชรพริ้งดังขึ้นในทันทีที่พิมพ์อรก้าวลงจากรถคันใหญ่
เธอเดินตรงเข้าไปหา สวมกอดผู้เป็นแม่แน่นจนคนที่มองเห็นยกยิ้มกว้าง คีรินทร์ยกมือประนมไหว้อย่างนอบน้อมยามท่านทอดสายตามองมาสบกัน
และได้รับเป็นรอยยิ้มใจดีเหมือนอย่างเคย
หากบางอย่างกลับทำให้พิมพ์อรเลิกคิ้วน้อย
ๆ เธอผละจากกอดของลูกสาวแล้วสำรวจร่างประเปรียวที่ในตอนนี้ดูมีน้ำมีนวลอยู่ไม่กี่วินาทีก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่แพ้ท้องเลยเหรอลูก”
เพชรพริ้งยิ้ม หันไปทางสามีก็เห็นว่ายิ้มอยู่เหมือนกัน
พอสบตากันจึงเป็นคีรินทร์ที่ตอบให้ “ผมรับไว้ทั้งหมดเลยครับแม่พิมพ์”
นั่นไม่เกินจริงเลย ช่วงแรกที่ได้รู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์
คีรินทร์ไม่มีอาการใดมากไปกว่าความใส่ใจที่มีอยู่แล้วและเพิ่มมากขึ้น เพชรพริ้งเองหากไม่นับช่วงแรกที่เกิดอาการเหม็นเบื่อสามีก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่พออายุครรภ์เข้าสิบห้าสัปดาห์ อาการเวียนหัวคลื่นไส้ก็ทักทายคีรินทร์อยู่บ่อยครั้ง
ซ้ำยังต้องการผลไม้รสเปรี้ยวมากอย่างที่ในชีวิตชายหนุ่มไม่เคยต้องการ
แน่นอนว่าอาการเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว
“โธ่พ่อคี แพ้ท้องแทนเมียซะแล้ว”
พิมพ์อรเอ่ยด้วยความห่วงใยจริง หากคนที่หัวเราะกลับเป็นฝาแฝดที่ทำหน้าที่เป็นสารถีรับพิมพ์อรมาจากสนามบิน
ไม่พอยังพาเธอแวะรับประทานอาหาร พาเดินชอปปิงที่ย่านการค้าอีกเป็นชั่วโมง โดยไม่คำนึงเลยสักนิดว่าจะมีใครรออยู่บ้าง
แม้จะมีคนใกล้ใจที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่โทรศัพท์ถามเขาแทบทุกครึ่งชั่วโมงเลยก็ตาม
“ดีนะครับยังแพ้แค่นี้ แต่แค่นี้ก็แตกตื่นกันทั้งสำนักงานแล้วครับแม่พิมพ์”
นทีธัชช์เอ่ยเย้า หัวเราะออกมาอีกรอบเมื่อคีรินทร์ส่งสายตาคาดโทษมาให้
ก่อนจะยักไหล่แล้วหมุนตัวกลับไปที่รถ ขึ้นรถสตาร์ตเรียบร้อยก็ถอยหลังแล้วหักพวงมาลัยเคลื่อนล้อออกไปทันที
จุดหมายของนทีธัชช์ไม่ใช่สำนักงานรินทร์ธาราที่ยังมีงานกองค้าง
แต่เป็นโรงเลี้ยงม้าที่ในตอนนี้มีทีมสัตวแพทย์ซึ่งเป็นหมอม้าโดยเฉพาะกำลังตรวจร่างกายประจำเดือนให้ม้าทุกตัวในคอก
เขาเห็นแล้วว่าไกรวีกำลังยืนลูบหน้าน้ำตาลไหม้อยู่ในส่วนคอกของมัน ก่อนจะได้ยกยิ้มเมื่อไกรวีหันมาเพราะน้ำตาลไหม้ที่มองเห็นและส่งเสียงทักทายเขาก่อน
นทีธัชช์เดินตรงเข้าไปหา ยกมือขึ้นลูบหัวลูบหน้าม้าคู่ใจ
ก่อนจะเคลื่อนมือไปแตะกับมือเรียวที่หยุดชะงักในทันทีอย่างแนบเนียน ลูบเบา ๆ ด้วยนึกเย้า
พอได้รับเป็นสายตาดุปนคาดโทษสมใจแล้วจึงค่อยผละตัวเดินไปหาหมอม้าที่กำลังตรวจม้าตัวอื่นอยู่
ไกรวีคิดว่าการกระทำเมื่อครู่คงไม่มีใครมองเห็น
แต่เขาคิดผิด…
ดวงตาเป็นประกายวิบวาวจากคณพัฒน์ที่ยืนเกาะรั้วคอกถัดไปทำเอาไกรวีเกิดอาการเก้อ
ชายหนุ่มเม้มเรียวปาก คาดโทษคนอายุน้อยกว่าผ่านสายตาให้ได้ยินเสียงผิวปากเบา ๆ ก่อนส่ายหน้า
มองนทีธัชช์ที่เดินกลับมาหากันพร้อมบอกกล่าวอย่างที่ควรจะต้องทำตั้งแต่แรก
“แม่พิมพ์ถึงบ้านสวนแล้วครับกร”
ไกรวีพยักหน้า แต่ก็อดถามไม่ได้ “ทำไมถึงเลทนักล่ะครับ ผมนึกว่าจะมาถึงตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว”
“เห็นท่านบอกว่าไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว
พี่เลยพาท่านเดินเล่นในเมืองก่อนน่ะ…แล้วทางนี้เป็นยังไงบ้าง”
ทางนี้ของนทีธัชช์คือเด็กฝึกงาน
ว่าที่นายเล็กของบ้านหมอกรักษ์ที่ยังเกาะรั้วคอกมองมาตาเป็นประกาย เห็นอย่างนั้นแล้วนทีธัชช์ก็มันเขี้ยวอยากหาเรื่องแกล้งสักหน่อย
เลยกวักมือเรียกให้คณพัฒน์ออกจากคอกของพันแสง ม้าที่เชื่องที่สุดและเข้ากับคณพัฒน์ได้ดีที่สุดให้เดินมาหา
พออีกฝ่ายตามมาสมทบก็ถามไปทันที
“มายังไง”
หือ…คณพัฒน์ร้องอยู่ในใจ
นึกรู้ขึ้นมาว่าต้องมีเหตุอะไรให้เขาลำบากแน่ “เดินมาครับ”
คราวนี้เป็นนทีธัชช์ที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจบ้าง
หันไปมองสบตากับไกรวี ถามอย่างไม่สบายใจนัก “เดินมาจากไหนกัน”
“โรงแพะครับ ไปช่วยน้า ๆ
เขารีดนมแพะมา รีดนมด้วยมือนี่สนุ๊กสนุกนะครับคุณที ตอนเดินมาที่นี่ก็ดีครับ แดดร้อนตลอดทางเลย”
เป็นคณพัฒน์ที่ตอบยืดยาวให้เสร็จสรรพ ทำคนที่กำลังอ้าปากตอบถึงกับกลั้นยิ้มแทบไม่ทัน
ต่างกับนทีธัชช์ที่นัยน์ตาคมกล้าฉายแสงมาดร้าย ชายหนุ่มเหลียวมองคนช่างพูด เอ่ยออกไปนิ่ม
ๆ แต่ทำคนฟังเจ็บเป็นบ้า
“นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าหมอกรักษ์เลือกคนพูดมากมาเป็นนายเล็ก”
ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้โต้ตอบเขาก็พูดขึ้นมาอีก “เดินมาเองก็คงเดินกลับเองได้ใช่ไหม ไปกร ไปบ้านสวนกัน”
หือออ...คณพัฒน์ส่งเสียงลากยาวในลำคอ มองดูแล้วก็ให้รู้ว่าคนเป็นนายใหญ่ของรินทร์ธาราพูดจริงแน่
แล้วผิดเสียที่ไหนล่ะ พอพูดจบก็หันไปร่ำลาเจ้าน้ำตาลไหม้ เสร็จแล้วก็เดินดุ่มออกจากโรงม้าไปแบบไม่รอฟังคำทัดทานใดจากไกรวีเลยด้วยซ้ำ
เห็นสายตาขอลุแก่โทษของไกรวีก็เลยได้แต่ถอนหายใจแล้วยกยิ้ม
“ไปเถอะครับพี่กร เดี๋ยวผมขอติดรถหมอไปลงใกล้ ๆ สำนักงานก็ได้
ยังไงหมอต้องขับรถผ่านอยู่แล้วนี่ครับ”
อย่ามาเสียเวลากับเขาที่เป็นตัวประกอบของนทีธัชช์เลย
มันแสนจะเจ็บใจจริงจังเลยโว้ย!
ไกรวีละมือจากการตระเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารมื้อเย็นก่อนเดินออกมาด้านนอก
ลัดเลาะผ่านทางเดินหินใหญ่ไปตามเส้นทางด้านข้างสู่ด้านหลังบ้านสวน เห็นผู้เป็นแม่นั่งคุยกับนทีธัชช์กันเพียงสองคนใต้ร่มเงาของศาลาไม้ซึ่งอยู่ด้านหลังตัวบ้านออกมาระยะหนึ่ง
ตรงนี้มีดอกไม้หลากหลายพันธุ์ล้อมรอบ มีแอ่งน้ำตกน้อย ๆ ให้บรรยากาศร่มรื่นสงบใจและอ่อนหวานในคราวเดียวกัน
รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าเข้มคร้ามทำให้ไกรวียกยิ้ม
และยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อพิมพ์อรหันมามองเขา
“เตรียมของเสร็จแล้วเหรอลูก”
“ครับแม่” ไกรวีทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ สวมกอดหลวม ๆ พอให้ได้รู้ว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน
“คุยอะไรกันอยู่ครับ”
“เรื่องกล้วยไม้”
เป็นนทีธัชช์ที่ตอบกลับมาแทบจะในทันที “แม่พิมพ์จะเข้าข้างในเลยไหมครับ
ใกล้มืดแล้วด้วย”
“จ้ะ งั้นแม่เข้าไปช่วยนภางค์ทำกับข้าวดีกว่า
คนทำอาหารไม่เก่งก็นั่งเล่นกันอยู่ตรงนี้เถอะ เดี๋ยวครัวจะวุ่นไปกันใหญ่”
ไกรวีหัวเราะเบา ๆ พยุงแม่ให้ลุกขึ้นยืนได้อย่างสะดวก
เดินส่งจนถึงทางเดินก่อนหยุดมอง พอแน่ใจแล้วว่าเธอจะไม่เจออุบัติเหตุอะไรถึงค่อยกลับมานั่งในศาลาไม้อีกครั้ง
หรี่ตาเล็กลงยามนทีธัชช์ย้ายตัวเองมานั่งข้างกัน
“กล้วยไม้เหรอครับ ดูเหมือนไม่ใช่”
คนฟังถึงกับหัวเราะ เอนกายให้ไหล่อิงไหล่แล้วใช้ช่วงเวลานี้สูดกลิ่นหอมจางของคนใกล้ตัว
เหลียวสายตามองปลายคางก็นึกมันเขี้ยวขึ้นมา เอ่ยออกไปเบา ๆ “ขอหน่อยสิ”
“…ขออะไรครับ”
นทีธัชช์ตอบคำด้วยการจุมพิตที่ปลายคางได้รูปนั้นเพียงแผ่วเบา
ไม่วายยังขยับแนบชิดจนร่างสันทัดอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง เป็นการกอดอันแนบเนียนและรวดเร็วจนไกรวีไม่ทันได้ขยับตัวหนีเลยด้วยซ้ำ
แล้วดูสิดู ได้รับสายตาดุอย่างนี้ยังจะยิ้มเจ้าเล่ห์อีกแน่ะ
“เดี๋ยวเถอะครับ ถ้าใครเห็นเข้า”
“ก็ช่างเขาสิ ไม่เห็นเป็นไร”
ว่าแล้วเลยหอมแก้มอีกฟอดใหญ่จนเจ้าของแก้มคิดว่าเลือดคงซับสีที่ผิวแก้มแน่
ๆ ไกรวีขบฟัน กระทุ้งศอกใส่หน้าท้องแข็งแรงไปหนึ่งทีก่อนขยับตัวเว้นระยะห่างแก่กัน
“ตกลงคุยอะไรกับแม่ครับ”
โธ่เอ๋ยไกรวี จะไม่ปล่อยผ่านเลยจริง ๆ
หรือเนี่ย… “คิดว่าพี่คุยอะไร”
“ไม่รู้ครับ แต่ไม่น่าไว้วางใจ”
นทีธัชช์ยิ้ม แววตาเป็นประกายจนคนมองสบกันเกิดวูบไหวในอก
ไกรวีขยับถอยห่าง มองจ้องดวงตาคมกริบอยู่อีกอึดใจถึงค่อยถามออกไป
“เรื่องวันพรุ่งนี้เหรอครับ”
“เรื่องกล้วยไม้”
“พี่ที” ไกรวีส่งเสียงดุ อยากจะยกกำปั้นขึ้นทุบไหล่คนเจ้าเล่ห์ให้หายกังวลสักทีแต่ก็ยั้งมือไว้
รู้หรอกว่านทีธัชช์คงมีสองตัวเลือกให้เขา หากไม่ยอมให้เขาทุบไหล่สักที ก็คงจะรวบมือเขาแล้วรั้งให้เข้าหาแน่
ๆ
มั่นใจแล้วว่านทีธัชช์คงไม่ปริปากแน่เลยถอนหายใจ
ระบายยิ้มบางเมื่อใบหน้าคมคร้ามโน้มเข้ามาใกล้กัน ออดอ้อนผ่านเสียงทุ้มลึกเบา ๆ “คืนนี้กรจะนอนไหนครับ”
“อาจจะ…อยู่ที่นี่กับแม่ครับ”
“กลับด้วยกันได้ไหม พี่อยากอยู่กับกร”
ไกรวีหน้าร้อนวูบ น่าแปลกที่ถ้อยความอ้อนหวานเพียงเท่านั้นกลับทำให้ใจเขากระตุกไหว
หากเมื่อมองคนช่างอ้อนที่วางคางเกยไหล่เขาก็ให้นึกอ่อนใจ เพราะนทีธัชช์ไม่ได้วอนขอไปมากกว่านั้น
ด้วยรู้ดีว่าที่สุดแล้วการตัดสินใจย่อมเป็นของไกรวี
...แม้ชายหนุ่มจะอยากเห็นหน้าคนรักก่อนเข้านอนก็ตาม
“พี่ที”
“พี่จะไม่บังคับ”
นทีธัชช์จุมพิตลงยังหัวไหล่ผ่านเนื้อผ้า
หยัดกายขึ้นยืนแล้วรั้งให้ไกรวีลุกขึ้นยืนบ้าง พอดีกับกลิ่นหอมที่ลอยโชยมาจากทางห้องครัวนั่นล่ะ
ชายหนุ่มจึงกระชับมือเรียวขาวเอาไว้แล้วจูงมือให้ออกเดิน
“เย็นนี้พี่ไม่ต้องกินอาหารฝีมือกรแล้ว
โชคร้ายชะมัด”
เดี๋ยวเถอะ ไกรวีรู้หรอกว่ามันเป็นความหมายตรงข้าม
ดูจากนัยน์ตาคมกริบที่เป็นประกายของความยินดีอย่างนั้น อย่าให้เห็นเลยเชียวว่าเติมข้าวสองจาน
เขาจะนอนที่บ้านสวนไม่ยอมกลับไปด้วยอย่างที่ใจหวังไว้อย่างแน่นอนเลยคอยดู!
เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว กว่าที่นทีธัชช์จะพาไกรวีกลับมาบ้านของเขา
ปล่อยให้ร่างสันทัดที่กระฉับกระเฉงว่องไวในการหลบหลีกไม่ให้เขากอดอาบน้ำอาบท่าให้สบายใจ
ยอมให้นั่งทำงานที่ชานเรือนหลังบ้านทั้ง ๆ ที่ยังโปะผ้าขนหนูกับศีรษะชื้นน้ำอีกพักหนึ่ง
จนถึงเวลาที่นทีธัชช์เห็นว่าสมควรแล้ว จึงเดินออกมานั่งใกล้กันบนพื้นชานเรือน…ซึ่งจะว่าไปก็คงไม่ใช่ใกล้ แต่เป็นแนบชิดสนิทสนมกันเสียมากกว่า
คนที่ถูกซ้อนร่างจากด้านหลังยืดตัวตรง
ไม่ทันได้เอี้ยวหน้าไปกล่าวว่าก็ถูกเก็บกลืนความหอมกรุ่นของลำคอ จังหวะนั้นไกรวีเกร็งตัว
นึกรู้ขึ้นมาครามครันว่าทำไมนทีธัชช์ถึงอยากให้เขากลับมาอยู่ด้วยกันนักหนา แล้วยังคอยแวะแตะแวะชิดใกล้กันอยู่หลายหนตั้งแต่บ่าย
ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น
นี่อย่างไรเล่าคำตอบ ไกรวีไม่เคยตามความคิดมุมเจ้าเล่ห์เพทุบายนี้ได้ทันเลยจริง
ๆ
“พี่ที”
ชายหนุ่มเรียก หวังให้คนด้านหลังมีสติขึ้นมาสักนิด
หากมือกว้างกร้านกลับลูบเบา ๆ ที่หัวไหล่เขายามแตะแต้มริมฝีปากเลื่อนขึ้นมาถึงสันกราม
จุมพิตนุ่มหวานให้ไกรวีตายใจ ก่อนรุกรานสิทธิเจ้าของริมฝีปากอิ่มด้วยรุนแรงโหยหา ลิดรอนอากาศหายใจจนไกรวีแทบหมดลม
“พี่-ที”
ไกรวีย้ำ เสียงเข้ม แต่ก็แสนเบาเหลือเกินเมื่อเทียบกับรสจูบที่ปรนเปรอเขาไม่เลิก
ใบหน้าที่ว่าอุ่นกรุ่นก็กลายเป็นร้อนวูบยามสบสายตา เขาเห็นประกายวาววามจากนัยน์ตาคมกล้านั้น
และริมฝีปากที่ยกยิ้มยั่วเย้านั่นก็ด้วย
ให้ตาย นทีธัชช์นี่นะ!
“ไม่รู้ทำไม คืนนี้พี่อยากกอดอยากหอมกรจัง”
คนฟังเราะในลำคอ ไม่ว่าอะไรตอนที่นทีธัชช์เอาแล็ปท็อปวางไว้ห่างตัว
ออกแรงให้ร่างเขาหมุนตัวเข้าหา แม้รู้ว่าพอหันมาแล้วเขาสองคนจะอยู่ในท่าสุ่มเสี่ยงก็เถอะ
แต่ไกรวีก็อยากรู้นักว่าคนตรงหน้าจะงัดไม้ไหนมาล่อลวงกันได้
ไกรวีรู้ดีเหมือนที่นทีธัชช์รู้ เขาสองคนไม่ใช่เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่อยากรู้อยากลอง
หากความเป็นผู้ใหญ่ต่างหากที่ยิ่งผลาญไฟในใจให้ลุกโชนได้ การที่เขากลายเป็นคนรักและยังอยู่ในบ้านหลังเดียวกันสองต่อสอง
นทีธัชช์อดทนอดกลั้นมาได้อยู่นานสองนานก็นับว่าเก่งมากแล้ว
แต่…ในขณะที่พรุ่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งเป็นแผนการของคนที่ยังขบกินริมฝีปากเขาไม่เลิกตรงนี้น่ะหรือ
“ไม่เครียดเลยรึไงครับ”
คำถามนั้นทำนทีธัชช์ครางแผ่วในคอ ขยับห่างออกจากริมฝีปากที่เม้มหลบกัน
เปลี่ยนไปจุมพิตหลังใบหูแทน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเบา ๆ เหมือนจะเก็บกลั้นความต้องการแล้วตอบออกไป
“เครียดมาก กรก็รู้ว่าพี่เอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันเลยนะ”
และเพราะอย่างนั้นเขาถึงต้องการกอดหอมไกรวีมากกว่าทุกวัน
จะอ้างว่าเป็นเพราะเครียดก็ได้ แต่หลังจากพรุ่งนี้ไป ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ทั้งนั้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงบ้าง
และใช่ แผนที่เขาใช้ตัวเองเป็นเดิมพัน
เพื่อจบทุกอย่างสักที!
“แต่ถ้ากรไม่อยากให้พี่รัก
แค่กรบอกพี่”
เขาพูดขึ้นจริงจัง หากกลับทำให้คนฟังแววตาวูบไหว
และเป็นไกรวีเสียอีกที่ประคองใบหน้าเข้มคร้ามเอาไว้แล้วบรรจงจุมพิตเบา ๆ ยังริมฝีปากหยักในคราวแรก
ก่อนค่อย ๆ ทบทวีความรุ่มร้อนด้วยเรียวลิ้นที่แลกสัมผัสกันอย่างหวามไหว เป็นการอนุญาตให้นทีธัชช์รักกันได้ด้วยความเต็มใจ
พร้อมทั้งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือ
แต่เดี๋ยวก่อน…
“พี่ที เข้าบ้านก่อนครับ”
ไกรวีท้วงยามใบหน้าคมไล่ลงจากใบหน้าไปถึงหน้าท้องของเขา
ซ้ำตอนนี้ไกรวียังค้ำศอกอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ด้วยยังไม่ยอมอ่อนข้อให้คนที่ใจร้อนจะรักเขาเสียให้ได้
แล้วดูสินั่น คำตอบจากเสียงทุ้มลึกฟังเขาเสียที่ไหน
“เสียเวลา”
พร้อมทั้งดึงกึ่งกระชากท่อนขาขาวให้เสียหลัก
ไกรวีเอนหลังล้มลงนอน อุทานในตอนที่คนใกล้ใจจับขาเขากางกว้างแล้วแทรกกายเข้ามาแทน
นทีธัชช์ยิ้มร้าย โน้มตัวลงหา ปัดเป่าลมหายใจกรุ่นร้อนรดรินที่พวงแก้มระเรื่อแดง
แลบลิ้นแตะเลียใบหูขาวแล้วขบเบา ๆ
“บรรยากาศดีออก กรไม่ชอบเหรอ”
ก็…จริง
อากาศเย็นสบาย ลมเอื่อยยามดึก กับนางพญาเสือโคร่งที่พลิ้วไหวราวเล่นระบำไปกับคลื่นลม
ดวงดาวระยิบระยับบนฟ้าสีทึม ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นใจให้เขาได้รักกันอย่างโรแมนติกเหลือเกิน
แต่ไกรวีก็ไม่แน่ใจนักว่าคนที่โถมตัวลงมาแล้วฟัดหน้าท้องเขาเหมือนมันเขี้ยวกันจับใจจะทำให้โรแมนติกได้หรือไม่
“กรชอบแบบไหน”
นทีธัชช์ถามอย่างนั้นในตอนที่พยายามถอดเสื้อนอนออกจากตัวของไกรวีแต่ไม่เป็นผล
อยากเข้มใส่แต่ก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่หัวเราะเบา ๆ ให้กิริยาต่อต้านนั้นแล้วเปลี่ยนไปถอดกางเกงนอนแทน
ไม่เปลือยทั้งหมดก็ได้ ถ้าไกรวีไม่ชอบ
“หมายถึงอะไรครับ”
ไกรวีย่นคิ้ว หอบลมหายใจขณะที่ปากหยักไล่สัมผัสกับต้นขาด้านในของเขา
อยากขยับหนีสัมผัสนั้นแต่ก็กลับถูกแขนแข็งแรงล็อกเอาไว้ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะหักหลังต่อต้านกันอย่างที่นึกอยากจะแกล้งทำ
แต่เท่านั้นไกรวีก็อ่อนยวบแล้ว ไม่จำเป็นต้องล็อกขารั้งสะโพกกันไว้ด้วยซ้ำ
“หมายถึง อยากให้พี่รักแบบไหน
เบา ๆ ค่อยเป็นค่อยไป หรืออยากเร่าร้อนหน่อย”
“เร่าร้อน…อ๊ะ!”
ไกรวีอุทาน เนื่องด้วยถ้อยคำนั้นไม่ใช่คำตอบ
แต่เป็นการทวนคำที่เขากำลังคิดว่านทีธัชช์จะทำอย่างไรต่างหาก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใจร้อนเกินไป
พอฟังเท่านั้นถึงก้มลงครอบครองตัวตนของเขาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว…หรืออาจไม่อยากให้เขาตั้งตัวมากกว่า
เจ้าเล่ห์นัก!
“ร้อนแรงนะเรา ครั้งแรกก็เลือกแบบเร่าร้อนเลยเหรอ”
ไกรวีอยากขำแต่ก็ขำไม่ออก เลยได้แต่เอื้อมมือไปรั้งศีรษะที่กำลังขยับอยู่ตรงกลางกายเขา
เริ่มทวีความร้อนรุ่มจากริมฝีปากกับเรียวลิ้นที่ทำงานรับกันได้ดีมากเหลือเกิน และมันเกินกว่าที่ไกรวีจะรับไหวเสียด้วย
จึงทำได้เพียงออกแรงขยำกลุ่มผมดำสนิทของนทีธัชช์เอาไว้ หอบลมหายใจทั้งกลั้นเสียงคำรามให้เล็ดลำคอเพียงแผ่วเบา
เรือนกายบิดเร่ายามนทีธัชช์ไม่ปรานีต่อกัน
กระไออุ่นจากผิวของไกรวีทำให้นทีธัชช์แทบคลั่ง
กลิ่นกายอันหอมหวานทำให้เขาแทบเสียสติ หากสิ่งที่ทำก็ยังคอยบอกคอยย้ำว่าไกรวียังอยู่ในอ้อมกอดของเขา
อ้อมกอดที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะยังประคองและรักใคร่หวงแหน มีหรือจะทำให้ชอกช้ำเจ็บปวด
นั่นหมายความว่านทีธัชช์จะยินยอมผ่อนปรนไม่ให้คนในอาณัติต้องทรมานมากเกินไป...
ชายหนุ่มจึงถอนริมฝีปากออกจากความทรมานที่ใกล้จะสาหัสเต็มที
ขยับตัวขึ้นมาป้อนปรนจุมพิตซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะเดียวกันก็ล้วงหยิบเอาซองสีเงินที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง
ส่งมอบมันให้กับไกรวีอย่างเงียบเชียบแต่เต็มล้นด้วยความต้องการ
นทีธัชช์แต้มสัมผัสไปเรื่อย ทุกอณูผิวกายของไกรวีถูกเขาตีตราซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เป็นการดูดกลืนที่สลับหนักเบา รักใคร่เอ็นดูหากก็อยากแทรกชำแรกให้สาแก่ใจ ก่อนการผูกรักไว้ทั่วกายจะจบสิ้นลง
ยามตัวตนของเขาได้รับการประคองไว้ด้วยมือเรียวขาวที่ติดจะกร้านขึ้นเล็กน้อยหลังต้องมากรำงานในไร่
เพลิงปรารถนาจุดประกายเมื่อสิ่งป้องกันครอบครองตัวตนเขาไว้ด้วยฝีมือของไกรวี
เริ่มต้นด้วยอยากรัก และได้รัก
“อึก…”
ไกรวีเกร็งตัว ค่อย ๆ ผ่อนแรงนั้นลงจนกลายเป็นผ่อนคลายยามสัมผัสจากริมฝีปากที่ประทับแต้มแตะลงมาทั่วใบหน้า
ลดไปที่แผ่นอก แล้วหวนกลับมาที่ลำคออย่างนุ่มนวล พร้อมกันนั้นสะโพกสอบก็เริ่มขยับเขยื้อน
ชำแรกกายเข้าสู่ตัวตนที่เปิดรับอย่างยินดีของเขา ก่อนค่อย ๆ ประสานสัมผัสซึ่งกันและกัน
กลายเป็นการคืบคลานสู่จุดอันล้ำลึกของการได้รักกันและกันอย่างเร่าร้อนรุนแรงเป็นอย่างมาก
ไกรวีไม่รู้ตัวว่าส่งเสียงไปอย่างไรถึงทำให้นทีธัชช์หมดความอดทน
สะโพกสอบที่ถลำลึกเข้ามาซ้ำ ๆ จึงยิ่งหนักหน่วงเน้นย้ำ สลับเร็วรี่รุนแรงให้ทั้งสรรพางค์ทรมาน
แต่เพราะการกระทั้นกันอย่างนั้นเองที่ป้อนความสุขสมให้เขา นทีธัชช์ไม่เพียงแต่สร้างแรงขับดันให้แก่กัน
หากยังพร้อมที่จะทะยานไปยังเส้นขอบฟ้าสีทึม ผ่านหมู่ดาวนับร้อยที่ซุกซ่อนตัวอยู่หลังปุยเมฆใต้แสงจันทร์
เมื่อหยุดเคลื่อนไหว ไกรวีถึงได้รู้ว่าแม้อากาศเย็นสบายยังไม่สู้ไอร้อนจากร่างกายของเขาสองคน
“ถอดให้พี่หน่อยสิครับ”
นทีธัชช์หอบหนักในตอนที่เอ่ยอ้อน ยืดกายขึ้นตรงพลางถอดเสื้อขณะที่มือขาวสั่นน้อย
ๆ ถอดสิ่งป้องกันออกให้ หากไม่ทันได้ทำอะไรหลังจากนั้น ร่างที่ยังไร้เรี่ยวแรงของไกรวีก็ถูกช้อนขึ้นลอยกลางอากาศ
ร่างกายเหนียวเหนอะทำให้เขาไม่สบายตัวนัก และไกรวีไม่รู้เลยสักนิดว่าคนที่ทำเขาอ่อนแรงจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น
“นี่ไง ไม่ยอมถอดเสื้อ เหงื่อออกก็เหนียวตัวไปหมด”
ไกรวีกัดปากล่าง ยกแขนขึ้นคล้องลำคอของคนที่ช้อนอุ้มเขาก้าวเท้าเข้าบ้าน
ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาต่อว่าคนเจ้าเล่ห์ที่ไม่ยอมหมดฤทธิ์เสียที เพราะนทีธัชช์ไม่ได้พาเขากลับห้องเล็กหรือแม้แต่พาเข้าห้องนอนตัวเอง
แต่เป็นห้องน้ำใหญ่ที่มีอ่างอาบน้ำนั่นต่างหาก
“พี่ทีจะทำอะไรครับ”
นทีธัชช์นิ่งไปนิดคล้ายพยายามหาถ้อยคำให้สวยงามกว่าความเป็นจริง
แต่สุดท้ายเขาก็โง่งมเกินกว่าจะหาถ้อยคำสวยหวาน จึงตอบออกไปอย่างที่รวบรัดกระชับเป็นอย่างยิ่ง
“เสียน้ำในน้ำ”
และจริงดังว่า นทีธัชช์ฟอนเฟ้นไปทั่วร่างไกรวีที่นั่งอยู่บนขอบระหว่างรอน้ำเต็มอ่าง
และเมื่อปริมาณพร้อมกรุ่นอุ่นจากอุณหภูมิน้ำได้ที่ เขาก็พาคนใกล้ใจที่ได้รักกันอย่างสำเร็จลุล่วงลงไปในอ่างน้ำอีกครั้ง…ซ้ำยังย้ำให้ไกรวีรู้อีกด้วยว่าเป็นการเสียน้ำในน้ำด้วยน้ำที่แข็งแกร่งเร่าร้อนอย่างนทีธัชช์นี่อย่างไรเล่า!
นทีธัชช์ออกประกาศนัดหมายคนงานทุกส่วนของรินทร์ธาราให้มาประชุมพร้อมกันก่อนเวลาเข้างานครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เมื่อวานนี้
และเพียงแค่เจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที
คนงานในไร่ก็พร้อมใจกันมารวมตัวที่หอประชุมกลางแจ้งตรงตามเวลาที่เจ้านายแจ้งไว้
ผู้เป็นนายกวาดตามองเหล่าคนในการดูแลของเขาอย่างพึงพอใจ
ทอดสายตามองสบจอมทัพที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด จึงค่อยกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง และเริ่มส่งเสียง
เอ่ยคำตามจุดประสงค์ที่ทำให้เกิดการประชุมนอกแผนงานในวันนี้
“สวัสดีครับทุกคน”
เสียงของเขาดังและทรงอำนาจมากพอที่จะทำให้เสียงเซ็งแซ่ก่อนหน้านี้เงียบลงในพริบตา “ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนต้องเตรียมตัวเข้างานกันเช้ากว่าปกติ
แต่เพราะผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้ทุกคนทราบ...เลยอยากขอเวลาไม่เกินสิบนาทีครับ”
ชายหนุ่มเห็นหลายคนพยักหน้า
แววตาของคนงานส่วนมากมีความกระตือรือร้นที่จะได้รับฟังข่าวสารจากเขาอยู่เสมอ
หากในครั้งนี้คงเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ทุกคนส่งเสียงร้องฮือแทบจะพร้อมกันในทันที
เพราะวินาทีที่เจ้านายใหญ่หันมองไปทางด้านหลังเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่ยืนอยู่ในตัวอาคารติดหอประชุมกลางแจ้งก้าวเดินออกมา
เรือนกายประเปรียวขาวผ่องของหญิงสาวซึ่งเป็นที่รักของคนในไร่รินทร์ธาราก็ปรากฏตัวพร้อมสามีที่เดินเคียงกัน
ได้รับเป็นเสียงปรบมือเกรียวกราวแสดงความดีอกดีใจก้องหอประชุม
ทำเอาคนที่ได้รับการต้อนรับคลี่ยิ้มหวานอย่างเขินอายเชียวล่ะ
เพชรพริ้งยิ้มกว้างเมื่อเห็นคุณป้าแม่ครัวร้องขึ้นด้วยความดีใจ
พยักหน้าขอบคุณนทีธัชช์ที่อุตส่าห์เปิดตัวเธอเสียยิ่งใหญ่ขนาดนี้
รอจนเสียงเงียบลงแล้ว
เธอจึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสสมกับเป็นเธอที่ทุกคนรู้จัก
“พลอยหายดีแล้วนะคะทุกคน พลอยกลับมาแล้วค่ะ”
ได้ยินหลายเสียงเรียกชื่อเธอ
เพชรพริ้งได้แต่หันมองสามีที่ยกยิ้มอุ่นอยู่ข้าง ๆ
แขนแข็งแรงโอบเอวเธอไว้เหมือนที่เคยเป็น หากสิ่งที่คีรินทร์บอกกล่าวต่อทุกคนนั่นสิ
ที่ทำให้เสียงฮือฮายิ่งดังมากกว่าเดิม
“หลังจากวันนี้คุณพลอยจะกลับมาช่วยงานผมในส่วนของออฟฟิศแล้วนะครับ
แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกภาคสนามกับคุณทีอีกแล้ว
และผมคงต้องรบกวนทุกคนไม่ชวนคุณพลอยออกภาคสนามไม่ว่าจะกรณีไหน...เพราะคุณพลอยต้องดูแลเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องครับ”
นทีธัชช์จุดยิ้มพึงใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคนในที่ประชุม
หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่ใคร่สนใจหรอกว่าเพชรพริ้งคือภรรยาของฝาแฝด
เขามองเพียงว่าเธอคือหนึ่งในคนงานของรินทร์ธาราที่จะต้องติดตามเขาออกภาคสนามทุกครั้งหากเขาต้องการ
ทว่าในตอนนี้
ชายหนุ่มกลับเพียงยกยิ้มน้อย ๆ
ก้าวถอยหลังออกมาอีกเพื่อยืนอยู่เคียงกันกับไกรวีที่มองแผ่นหลังของพี่สาว
กว่าจะรู้ตัวว่านทีธัชช์อยู่ข้างกันก็ตอนที่ไหล่กว้างเอนมาอิงกันน้อย ๆ
กระแซะกันอย่างเย้าหยอกที่ไม่ได้หวั่นเกรงว่าใครจะมองเห็นภาพที่คงหาได้ยากจากนทีธัชช์
ดังนั้นไกรวีจึงยิ้มทั้งส่ายหน้า เอี้ยวตัวหลบคนรักพอไม่ให้ไหล่ชนกัน
แล้วหันกลับไปดื่มด่ำกับภาพของเพชรพริ้งที่กำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนงานในไร่รินทร์ธารา
ขณะเดียวกัน...นทีธัชช์ก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาทางเขา
สายตาที่ดุกร้าวทว่าวาววามด้วยความรู้สึกบางอย่างอันยากจะหยั่งถึง
ยิ่งยามมือกว้างของเขาทิ้งลงข้างตัวแต่ให้แตะกับหลังมือของไกรวีอย่างจงใจ
ก่อนขยับเรียวนิ้วเกี่ยวกับนิ้วก้อย
ก็คล้ายคิ้วได้รูปนั้นจะขมวดเข้าหากันอย่างลืมตัว
นทีธัชช์เห็นอย่างนั้นจึงแสดงออกว่าเพิ่งมองเห็นและสบสายตา
ให้ฝ่ายนั้นที่อยู่ด้านหลังของหอประชุมกลางแจ้งแปรเปลี่ยนสีหน้าดุกร้าวเหมือนดวงตาเป็นยกยิ้ม
แสดงความยินดีที่เพชรพริ้งกลับมาทำงานในฐานะของนายหญิงแห่งรินทร์ธาราได้ดังเดิม
โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังพาตัวก้าวขาเข้ามาอยู่ในแผนของนทีธัชช์
ซึ่งแน่ล่ะว่าชายหนุ่มพอใจเป็น-อย่าง-มาก!
โปรดติดตามตอนต่อไป
สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานเลย กลับมาแล้วค่ะ ^ ^
พี่ทีวางหลุมล่อแล้วนะคะ
อีกไม่นานคนที่ตามทำล้างทำลายรินทร์ธาราก็จะเปิดเผยตัวแล้ว
แต่จะเป็นไปในรูปแบบไหน อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า~
#ธาราโอบจันทร์ หรือ คอมเมนต์ หรือ กดให้กำลังใจ นะคะน้าาน้าน้าน้า
ขอบคุณค่าา
ความคิดเห็น