สายฝนกับหยาดน้ำตาที่พารากอน - สายฝนกับหยาดน้ำตาที่พารากอน นิยาย สายฝนกับหยาดน้ำตาที่พารากอน : Dek-D.com - Writer

    สายฝนกับหยาดน้ำตาที่พารากอน

    โดย ryoshin

    ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เจอดงบังชินกิ คุณคิดเหมือนกันบ้างมั้ย?

    ผู้เข้าชมรวม

    1,312

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.31K

    ความคิดเห็น


    38

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ธ.ค. 57 / 11:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ฟิคจะมาต่อในเร็ววันนี้แน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้อยากระบายเรื่องนี้มากๆ เลย ถ้าว่างก็ลองอ่านดูนะคะ เพราะอยากรู้ว่าทุกคนคิดเหมือนกันบ้างมั้ย^ ^

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      สายฝนกับหยาดน้ำตาที่พารากอน

       

      คิดซะว่ามันเป็นไดอารี่ควันหลงเกาะติดสถานการณ์นะคะ  อาจจะน่าเบื่อหน่อยๆ นะ ข้ามๆ ไปก็ได้นะ^ ^แต่อยากรู้จังว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้างมั้ย

       

      เรื่องมันเริ่มมาจาก มันเป็นความตั้งใจของเพื่อนก่อนที่อยากจะดูดงบังใกล้ๆ จึงนัดกับน้องๆ เพื่อนๆที่รู้จักกันว่าจะไปจองที่ตั้งแต่ดึกเราเองก็จับพลัดจับพลูไปกับเค้าด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้จะไปตั้งแต่ดึกขนาดนี้หรอกแต่เพื่อนคนนี้จัดการเรื่องซื้อบัตรรอบ presellให้ทุกอย่างเลยและน้องที่เพื่อนรู้จักก็ยังไม่ได้บัตรด้วยเลยกะว่าจะไปซื้อที่งาน ด้วยความเกรงใจเพื่อนที่ทำให้ทุกอย่างแล้วยังจะไปจองที่ให้อีกเลยตกลงว่าจะไปด้วย ดังนั้นเราเลยหอบสังขารที่ทั้งสอบทั้งปั่นงานพรีเซนต์และนอนดึกตลอดอาทิตย์ตรงไปยังพารากอน ตอนนั้นไม่ได้รู้เลยว่าการตัดสินใจอย่างนั้นจะกลายเป็นความทรงจำที่มีความหมายมากมายขนาดนี้

       

       

      13/10/20007 

       

      19:00 น.

      เดินทางมาถึงพารากอนนัดเจอกับเพื่อนที่มาก่อนตั้งแต่บ่ายสองแล้ว  เราเองก็รู้จักแค่คนเดียวที่เหลือเป็นคนรู้จักของเพื่อนหมดเลยหลังจากทานข้าวเสร็จทั้ง 5 คนก็เดินเตร่ไปเตร่มาแถวลานน้ำพุพารากอน พอเบื่อมากๆ เข้าเจ้าเก้าอี้ข้างหน้าน้ำพุนั่นก็เป็นจุดให้เราได้นั่งมองภาพดงบังที่ทำเป็นซุ้มประตูด้วยความรอคอยและจอฉายภาพขนาดใหญ่ที่มีแต่MV ของ Black Eye Peas เปิดซ้ำไปซ้ำมาทั้งสามจอ ที่เกี่ยวกับดงบังก็มีแค่ข้อความว่า ดงบังมาแน่ และอีกเล็กๆ น้อยๆ สองสามข้อความ ประมาณว่าให้ส่งข้อความไปแต่ส่งไปก็แล้วก็ไม่เห็นจะขึ้นให้เลย  สรุปเป็นการเอาตังค์ของสถานที่นั่นเอง

       

      22:00 น.

       

                ห้างปิด พวกเราทั้ง 4 คนก็เลยต้องระเห็จตัวเองออกมาจากข้างในตึก(คนหนึ่งกลับบ้านไปแล้วเพราะอยู่หอใกล้ๆ แถวนั้น) ที่เข้าไปก็เพราะฝนพรำปรอยๆ นั่นเองแต่พอออกมาอากาศก็ปลอดโปร่งแล้ว มีพี่ๆ ทีมงานหลายคนกำลังเตรียมจัดเวทีกัน งานนี้ได้เพื่อนใหม่ที่มาจากสุพรรณสองคนเค้านั่งรอตรงม้านั่ง เพื่อนเราจึงเข้าไปทักก่อนเพราะชอบในสิ่งเดียวกันเลยทำให้พวกเราเป็นเพื่อนกันง่ายหัวข้อที่คุยกันก็มีแต่เรื่องดงบังทั้งนั้น ถึงทุกคนจะไม่ค่อยแสดงออกแต่เราก็คิดว่าคงกำลังตื่นเต้นกันอยู่แน่ อีก 19 ชั่วโมงดงบังถึงจะมา ถึงจะไม่กี่นาทีที่ได้เห็นหน้าแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นดงบังเพราะเพิ่งรู้จักตอนซัมเมอร์นี้เอง  เทพเจ้าทั้ง 5 ที่แต่ก่อนเห็นเฉพาะในหน้าจอและรูปภาพ แต่อีกไม่ถึงวันแล้วเราจะได้เห็นดงบังตัวเป็นๆ ! แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว^ ^

       

      24:00 น.

       

                      จากที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งซักพักพวกเราก็ต้องย้ายที่ไปนั่งข้างๆ ซุ้มของคอนแทคเลนส์ยี่ห้อหนึ่งเพราะทีมงานยกม้านั่งออกไปหมดเลยเพื่อจัดสถานที่ นอกจากพวกเราแล้วก็เห็นอีกกลุ่มใหญ่  ที่มาเตรียมจะจองที่เหมือนกัน บางคนก็นอนบางคนก็นั่งคุยกันแต่ถึงจะนอนก็นอนได้ไม่นานเพราะประสาทสัมผัสมันตื่นตัวหมดแล้วเลยกลายเป็นนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ มากกว่าและนั่งดูพี่เค้าจัดเวทีไปเรื่อยๆ และก็รอด้วยว่าเมื่อไหร่เค้าจะเอาโปสเตอร์ขึ้นจะได้ไปถ่ายรูปเป็นคนแรก (มันบ้าขนาดนั้น) แต่ปัญหาใหญ่มากกว่านั้นก็คือ เราจะเข้าห้องน้ำที่ไหน!

       

                 ที่ๆ คิดได้มันก็ไกลเกินไปแถมพี่ยามและทีมงานเค้ายังมองพวกเราแบบว่า ยัยพวกนี้มาทำอะไรกันมีพี่ผู้หญิงทีมงานเข้ามาบอกเหมือนกันว่ากลับบ้านไปนอนซะ แต่เพื่อนเราที่เตรียมคำตอบมาเรียบร้อยแล้วก็โกหกไปว่ามาจากต่างจังหวัดไม่มีที่นอนขึ้นรถเที่ยวเช้าจะไม่ทัน พวกเรามาจากนครสวรรค์ส่วนเพื่อนอีกกลุ่มมาจากสุพรรณ(อันนี้เรื่องจริง) พี่ผู้หญิงก็ใจดีพอควรเพราะเค้าไม่ได้ว่าอะไรแถมบอกด้วยว่าตรงไหนที่ขายบัตรและจะตั้งเวทีตรงไหน และยังบอกอีกว่ามีข่าวดีเกี่ยวกับดงบังด้วย  แต่เค้าก็ไม่ได้บอกให้รอฟังเองซึ่งเราก็มารู้ทีหลังว่าเป็นข่าวที่ดงบังจะเป็นพรีเซนเตอร์ของ Yamaha นั่นเอง  หลังจากนั้นก็ไปถามหาห้องน้ำที่เปิดหลังสี่ทุ่มกับยามที่พารากอนมาแล้วและโกหกไปเรียบร้อยอีกแล้วว่าเป็นทีมงาน(เพราะกลัวโดนไล่)แต่ที่ที่พี่ยามบอกเรากลับหาไม่เจอกัน และที่กลัวอีกอย่างก็คือ ออกไปแล้วจะกลับมาไม่ได้!

       

       

      14/10/2007

       

      03:00 น.

       

                ทนไม่ไหวกันแล้วพวกเราเลยจะไปห้องน้ำที่โรงพยาบาลและจะนั่งแท็กซี่ไปกันแต่ตรงทางออกจากตึกก็เจอพี่ที่ทำความสะอาดแถวนั้น เราเลยหน้าด้านไปถามว่าแถวนี้มีห้องน้ำบ้างมั้ย พี่ก็ใจดีอีกเช่นเคยเมื่อเค้าบอกชั้นล่างข้างลานจอดรถ มีห้องน้ำแถมยังบอกทิศทางเสร็จสรรพ ห้องน้ำที่ว่าคือห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่างมียามเฝ้าหน้าประตูและพวกป้าๆ กำลังทำความสะอาดกัน ทุกคนก็เลยโล่งไปและเราก็ถือโอกาสชาร์ตแบตโทรศัพท์ด้วย(ลุงยามก็ใจดีเหลือเกินที่ยอมให้เราใช้ไฟ) เพื่อนๆ ขึ้นไปก่อนส่วนเรานั่งรอที่โถงหน้าลิฟต์เพื่อให้แบตเต็ม มีหลายคนที่เป็นแฟนคลับมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน ถึงจะไม่รู้จักแต่เราก็ยิ้มให้กันและกัน สีแดงที่มีติดตัวกันคนละอย่างสองอย่างบอกได้ดีว่าว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง

       

      04:00 น.

       

                      แบตเต็ม เราเลยเดินกลับข้างบนคนเดียวด้วยอารมณ์ร่าเริงจัด แถวๆ ป้ายรถเมล์มีกลุ่มแฟนคลับหลายคนมานั่งรอ แต่พอกำลังจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนก็มียามเสื้อดำคนหนึ่งถามเราว่าเรามาทำไม เราก็บอกว่า  ก็ที่พี่จัดงานไงล่ะคะ เค้าก็ซักว่าเป็นแฟนคลับหรือมาจัดงาน อารมณ์โกหกชาวบ้านไม่เก่งบวกกับแฟนคลับเค้าก็อยู่กันเยอะแยะและเสื้อผ้าเราก็ไม่ได้ดูเป็นทีมงานด้วย ยิ่งโกหกน่าจะยิ่งซวยถ้าเค้าจับได้เพราะมันจะยิ่งดูไม่น่าเชื่อถือ เราก็เลยบอกว่าเป็นแฟนคลับไปเข้าห้องน้ำมาเค้าก็เลยซักอีกว่าเข้ามาทางไหนเพราะยังไม่ได้เปิดให้ขึ้น พอเราชี้มือส่งๆ ไปเค้าก็พยักหน้าแล้วก็หยิบวอขึ้นมา และพอเราเดินกลับไปหาเพื่อนไม่นานหลังจากนั้นก็มีผู้ชายท่าทางมีอายุคนหนึ่งดูเป็นหัวหน้าเค้ามาไล่ทุกคนออกจากที่นั่น ไม่พอ ยังบอกไม่ให้อยู่แม้กระทั่งตรงหน้ารถไฟฟ้า!

       

       ไม่เข้าใจ พวกเราอยู่กันอย่างเรียบร้อยมากๆ ไม่ได้กระโตกกระเตกอะไรเลย เค้ามาขอความร่วมมือให้ย้ายที่พวกเราก็ย้ายเพื่อจะให้งานเสร็จเร็วๆ เพื่อดงบังแค่นี้เราทำได้ หลายคนที่อารมณ์ขึ้นก็เถียงกับลุงคนนั้น เค้าก็ไม่ฟัง บอกว่าเป็นที่ส่วนบุคคลไม่ให้อยู่และก็สั่งงานลูกน้องซักพักก็กลับ หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเพราะหลายคนก็มารอตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน คงเพราะคำขาดจากหัวหน้าว่าห้ามให้เข้ามา! ก็เลยทำให้ลูกน้องต้องทำทุกอย่างในการไล่ทุกคนออกจากที่นั่นทั้งการเอาแผงเหล็กมากั้น การด่าไล่และก็การโกหกหลายๆ เรื่อง บ้างก็บอกว่าที่นี่ไม่ได้ขายบัตรแค่จัดคอน บัตรขายที่ Siam Tower  ทำให้หลายคนวุ่นวายในการเช็คข่าวมาก บางคนก็เลยส่งเพื่อนไปดักรออีกทั้งสองที่ที่เป็นทางเข้าซึ่งยามที่นั่นก็บอกว่าทางนี้ไม่ได้ขายทางโน้นต่างหากที่ขาย หรือการบอกว่าตรงหน้ารถไฟฟ้า(ที่ติดทางเข้าเลย) เป็นที่ส่วนบุคคลของพารากอน เห็นว่าเราเป็นเด็กเลยคิดว่าจะโกหกแบบไหนเราก็เชื่อรึไงนะ?  สำหรับพี่เค้าพวกเราคงดูเป็นเด็กไม่มีหัวคิดแน่นอนเลย และเรื่องนี้ก็ได้พี่คนหนึ่งที่อายุน่าจะประมาณ 40 กว่าๆ คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า

       

       ที่ตรงนี้เป็นของรถไฟฟ้าค่ะตรวจสอบได้ ดังนั้นพวกเรามีสิทธิที่จะอยู่ คุณไม่มีสิทธิมาไล่! ”

       

       เพราะลักษณะ อายุ บุคลิกที่ดูเหมือนอาจารย์ และการใช้ภาษาที่น่าเชื่อถือมากๆ ทำให้พี่ยามคนนั้นอึ้งเงียบไปเลย หลายคนกำมือและส่งเสียง เย้  อย่างสะใจ แต่ก็นั่นแหละ หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งรอยืนรออยู่ตรงนั้น พวกเรายังดีหน่อยที่นั่งอยู่ข้างบนเพราะกลุ่มแฟนคลับกลุ่มใหญ่ก็ถูกกันไว้ข้างล่างที่บันไดขึ้นมาไม่ได้ บางกลุ่มก็ยืนอออยู่ทางเข้าอีกทางของรถไฟฟ้า ประตูแผงเหล็กที่กั้นทำให้ได้แต่ยืนกันอยู่อย่างนั้นและไม่ใช่แค่นี้ อีกสองทางก็น่าจะเยอะเหมือนกัน

       

      ผมตกงานนี่พวกคุณสนุกกันนักใช่มั้ย!”

       

      เป็นคำตวาดปนโมโหของพี่ยามหน้าดุคนนั้น ซึ่งมันไม่เกี่ยวเลยนะพี่ เป้าหมายของเราคือดงบังไม่ใช่พี่ พวกเราอยู่กันอย่างเรียบร้อยแต่พี่ต่างหากที่ทำให้มันวุ่นวาย มีบางคนพยายามจะคุยกับหัวหน้าของเค้าแต่เค้าก็ไม่กล้าเรียกมาดังนั้นทุกคนจึงยังยืนรออยู่ตรงนั้นไม่ยอมลงกัน เพื่อนเราไปกดตังค์และกลับเข้ามาไม่ได้เลยไปรอที่ทางเข้าอีกทางแทนเผื่อทางไหนเปิดก่อนจะได้เข้าไปจองที่ได้แรกๆ

       

      06:00

       

                      เวลาใช้งานรถไฟฟ้  าประตูทั้งข้างล่างและข้างบนเลยเปิดพวกเราเลยเขยิบเข้าไปต่อคิวกันข้างในที่ติดกับบันไดเลื่อนของพารากอนเพราะทุกคนจะได้มีที่ยืน แผงเหล็กกั้นยังอยู่เช่นเคย อีกแค่11 ชั่วโมงดงบังจะมาหลายคนท่องไว้อย่างนั้น รูปที่แฟน ๆ ทำเองที่ยกมาโชว์กันเรียกบรรยากาศครื้นเครงและเสียงกรี๊ดได้ดี รูปยุนเท่ห์ๆ และแจจุงที่น่ารักทำให้พวกเรากรี๊ดกันกระจาย พี่ยาม(อีกคนที่ตำแหน่งต่ำกว่า) เค้าก็ยิ้มๆ และคุยเล่นกับพวกเรา ถ้าคิดอย่างมีความสุขก็จะทำให้ชีวิตมีความสุข แต่เพราะตำแหน่งที่ไม่สูงมากของเค้าทำให้เค้าช่วยอะไรพวกเราไม่ได้ รูปยุนแจในท่าที่หวาดเสียวมากๆ ยิ่งทำให้กรี๊ดกันดังสนั่นแล้วยังคู่ยูซูที่มิคกี้ก็หล่อแถมยังท่าทางแบ๊วๆ ของมือแตะแก้มและยิ้มยิงฟันของโลมาอีกทำให้เราใจละลายตรงนั้นเลยทีเดียว(บางคนน่าจะเห็นกันแล้วที่งานจริงๆ เพราะพอโชว์ทีคนกรี๊ดกันมากๆ)  เห็นน่ะเคยเห็นแต่เพราะอารมณ์ตอนนั้น อะไรที่เกี่ยวกับดงบังก็น่าตื่นเต้นมากกว่าที่เคย หลังจากนั้นก็มีคนทยอยเอารูปมาโชว์เป็นระยะบรรยากาศเลยไม่น่าเบื่อ

       

      คนทยอยมาเรื่อยๆ และเสียงเริ่มดังเรื่อยๆ เลยทำให้พนักงานรถไฟฟ้าไปคุยกับพวกพี่ยามเพราะมันรบกวนลูกค้าคนอื่น ทุกคนลุกฮือกันเพราะคิดว่าอาจจะได้เข้าไปแล้ว การถูกโกหกไปโกหกมาและลุกบ่อยๆ อย่างนี้มีข้อเสียคือคนเบียดกันมากเกินไปคนข้างหน้าก็โดนดันจนติดกับแผงเหล็กเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ และพอข่าวไม่จริงทำให้เวลาจะนั่งนี่ลำบากจัดๆ แม้จะต่อคิวกันอยู่ก็ตาม มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ยามคนหนึ่งเค้าพูดผ่านโทรโข่งว่า ที่นี่จะไม่เปิดจนกว่าจะ 5 โมง!” พูดจบเค้าก็ยิ้มแล้วเอาโทรโข่งลงโดยเพื่อนข้างๆ ก็ตุ๊ยท้องขำและหันไปหัวเราะให้กัน หนูไม่รู้ว่าพี่สนุกกันแค่ไหนกับการที่พวกเราหัวปั่นวิ่งวุ่นเช็คข่าวตลอดเวลาที่รอเพราะพอออกไปจะเข้ามาก็เข้าไม่ได้ แต่พวกหนูที่กระวนกระวายเพราะเรื่องโหกของพวกพี่ก็วุ่นวายใจมากๆ เพราะบางคนก็อยากจะซื้อบัตรส่วนบางคนก็อยากมาดู หากข่าวที่บอกไม่จริงโอกาสจะได้ต่อคิวและได้บัตรดีๆ ก็สลายหายไปเลย ที่รอคอยมาตลอดทั้งคืนก็กลายเป็นศูนย์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่กลับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระและเรื่องน่าขำ! การโกหกซ้ำๆ ของพวกพี่เค้าทำให้หลายคนอารมณ์ขึ้นแต่ก็เนื่องจากทำอะไรไม่ได้เลยต้องเก็บกดอารมณ์กันเอาไว้และท่องเอาไว้ว่า ดงบังจะมาแล้วๆๆๆ

       

      09:00 น.

       

      เป็นช่วงวุ่นวายของการย้ายที่เพราะข้อเรียกร้องจากรถไฟฟ้าคงจะได้ผลเมื่อพารากอนจะให้เราได้เลื่อนขยับเข้าไปข้างใน ถ้าให้เราเข้าไปซะมันไม่น่าจะวุ่นวายอย่างนี้เพราะหากทุกคนเข้าไปจองที่แล้วใครบ้างล่ะจะกล้าลุก? เพราะถ้าลุกทีที่ที่จองเอาไว้ก็จะหายไปเลยเพราะเข้ามายาก ดังนั้นพวกเราก็จะอยู่กันอย่างสงบเสงี่ยมไม่เบียดเสียดมากด้วยและก็ไม่วุ่นวายอย่างที่เห็นเพราะทุกคนจะทยอยเข้ามาจับจองกันเรื่อยๆ ไม่วิ่งฮือกันเข้าไปทีเดียวเหมือนอย่างนี้ สถานการณ์ตอนนั้นก็วุ่นวายมากๆ เแผงเหล็กกั้นสองแผงเกือบพังเมื่อพี่ผู้หญิงที่ดูเหมือนแม่งานเข้ามาพูด คนข้างหลังที่ไม่ได้ยินก็พยายามอัดเข้ามาเพราะนึกว่าจะเข้าได้แล้ว ที่ให้พวกเราเข้ามาก็แค่ทำให้ข้างหน้ารถไฟฟ้าโล่งเท่านั้นเองไม่ได้จะให้เข้าไปข้างใน ดังนั้นการยืนรอตากแดดนานๆ ที่นั่นบวกกับการเบียดเสียดกันไปมาทำให้บางคนเป็นลม หลายคนบ่นว่าถ้าซื้อบัตรได้ก็จะกลับแล้วแต่ก็นั่นแหละ มารอก็ตั้งขนาดนี้มีใครบ้างไม่อยากเจอตัวจริง

       

      แล้วหลังจากเค้าจัดการแก้ปัญหาด้วยการจะแจกบัตรคิวให้คนที่จะซื้อบัตรโดยใช้เวลานานมากในการคิดและทำและก็จะปล่อยให้พวกเราเข้าไปทีละคน แต่คิดดูสิว่าจะทำได้ยังไง แฟนคลับหลายร้อยที่ออกันอยู่ตรงนั้นต่างก็อยากจะเข้าไปทั้งนั้นดังนั้นเมื่อเปิดประตูแล้วทุกคนก็ฮือกันจะเข้าไปให้ได้ ของหล่น เหยียบเท้า  รองเท้าหาย โดนผลัก โดนดึง และอีกหลายอย่างก็เกิดขึ้น เราที่ได้บัตรคอนแล้วก็วิ่งเข้าไปข้างในเลยไม่เอาบัตรคิว แต่หากพอเข้าไปได้แล้วทุกคนก็เบียดเสียดกันมากๆ จนพี่ๆ ทีมงานต้องเข้ามาช่วยจัดแถวบอกให้นั่งกันเพราะมัน 7 ชั่วโมงที่ดงบังจะมา เพราะการเบียดนี่แหละทำให้เวลาจะนั่งลำบากมากๆ แค่ขยับเปลี่ยนท่ายังยากเลย

       

      12:00น. 

       

      อากาศก่อนฝนจะตกร้อนเปรี้ยงมากมาย แดดที่แรงจัดทำให้หลายคนเอาร่มขึ้นมากางพร้อมกับนั่งก้มหน้าเฉาแดดกันสุดๆ  สลับกับเอาลงเมื่อเมฆบัง น้องข้างๆ เราไม่ได้เอาร่มมาก็ก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่แดงจัดมากๆ เราก็เลยแบ่งร่มให้น้องเค้าด้วย ซึ่งหลายๆ คนก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน พวกเราชอบดงบังเหมือนกันเลยรู้สึกเหมือนเป็นพวกเดียวกัน เพื่อนร้อนเราก็ควรช่วยถูกมั้ย  เพื่อนเราที่มาด้วยหายไปกันหมดแล้วเพราะหากันไม่เจอเหลือแต่เพื่อนที่เพิ่งรู้จักที่นั่งข้างๆ เพราะวิ่งด้วยกัน การกินข้าวไม่ตรงเวลาทำให้โรคกระเพาะเริ่มกำเริบเมื่อปวดท้องปวดชายโครงมากๆ ทั้งการนั่งในท่าที่เกร็งไปทั้งตัวทำให้ทรมานมากมาย เพื่อนใหม่เลยทนไม่ไหวเพราะเค้าก็บอกลาและลุกออกไปก่อนเพราะจะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อยก็เมื่อย เหนื่อยก็เหนื่อย ปวดท้องก็ปวดท้องแต่ก็รอมาตั้งขนาดนี้แล้วเราเลยพยายามทนต่อ น้องที่นั่งข้างๆ ก็ถามเวลาเราทุกๆ 5 นาทีเพราะการนั่งตากแดดอย่างนั้นทำให้เวลาผ่านไปช้ามาก  แต่ในใจก็พยายามท่องเอาไว้ว่าอีกไม่ถึง 6 ชั่วโมงก็จะมาแล้ว  ต้องอดทนๆๆๆ

       

      บรรยากาศมีครึกครื้นบ้างเมื่อบรรดารูปๆ ที่แฟนๆ ทำถูกเอามาโชว์อีกครั้ง  เสียงเพลงที่เปิดเพลงของดงบังทำให้ทุกคนร้องคลอตามไปด้วย triangle, rising sun , o , hiyaya , balloons  และอีกบางเพลงเปิดสลับไปมาพวกเราก็ฟังและร้องกันไม่รู้เบื่อ แต่ซักพักเหตุการณก็วุ่นวายขึ้นเมื่อมีคนตะโกนว่า แจจุงมา!

       

      เวทีที่มีช่องให้มองเห็นข้างหลังเพราะรูปเดี่ยวที่ติดไม่ได้ติดกันทำให้ทุกคนลุกตามกระแสเมื่อมีคนเห็นผู้ชายตัวสูง ปากแดงและผิวขาวมากๆ อยู่หลังเวที ที่สำคัญ หล่อ! แต่เมื่อเพ่งได้ซักพักก็รู้กันแล้วว่าไม่ใช่แจจุงเพราะพี่เค้าเป็นสมาชิกวง cover ระดับปรมาจารย์ แล้วมาซ้อมก็แค่นั้นเอง แต่พี่เค้าก็คล้ายแจจุงและก็หล่อจริงๆ หลายคนเลยกรี๊ดพี่เค้ากัน และพี่ทีมงานก็เพิ่งมาประกาศเมื่อซักเที่ยงครึ่งว่าขายบัตรที่อื่นด้วยตอนบ่ายสองเพราะที่นี่คงขายไม่ทันเลยทำให้หลายๆ คนลุกออกไปเพื่อไปต่อคิวซื้อบัตรเพราะรอที่นี่อีกนาน ที่ที่จองเอาไว้ก็เลยหายไปด้วยเลย

       

      15:00 น.

       

      เป็นช่วงของความเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเริ่มงาน มีพิธีกร มีการจับรางวัล และการแสดงจากวง cover ตอนนี้เลยเปลี่ยนจากนั่งมาเป็นลุกขึ้นยืน  อากาศร้อนจัดในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนมาเป็นสบายๆ เมื่อเริ่มเย็นลงแต่เพราะมีการแสดงเลยทำให้คนเบียดเสียดกันยิ่งกว่าเดิม  เราที่ยืนอยู่หน้าสุดเกาะรั้วก็ใช่ว่าจะสบายเพราะคนที่อัดเข้ามาก็เยอะกันเหลือเกินจนปวดตัวไปหมดและคนที่ยืนข้างหลังเราคงยิ่งไม่สบายเมื่อไม่มีที่เกาะ แต่เพราะการยืนนานๆ อย่างนั้นก็มีบางคนหน้ามืดและเป็นลมกันไปบ้าง แล้วยิ่งวีเจพิตต้ามาพร้อมกับ MV และบรรยากาศในงานของChannel V เลยทำให้คนอัดกันเข้ามาแน่นขึ้นจนจะเอามือลงข้างล่างยังไม่ได้เลย แล้วซักพักหลังจากนั้นไม่นานฝนก็เริ่มตก!

       

      ฝนเริ่มจากตกเบาและเริ่มหนักขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงหนักมาก ร่มที่เอามาไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อน้ำฝนที่ไหลมาจากร่มคันอื่นพาหยาดน้ำไหลลงไปในตัวจนเราเปียกไปทั้งตัวทั้งเสื้อทั้งยีนส์ ลมที่พัดแรงทำให้ทุกคนหนาวสั่นกึกๆ แล้วยิ่งฟ้าที่ผ่าใกล้ๆ เป็นระยะทำให้สะดุ้งไปตามๆ กันเมื่อเห็นแสงฟ้าสว่างวาบและเสียงที่ดังก้องไปทั้งบริเวณ

       

      ฝนที่ไม่มีทีท่าจะเบาไม่ได้ทำให้แฟนคลับออกไปเพราะยังยืนกันที่เดิมไม่ไปไหน  ออกไปยากนั่นก็มีส่วนแต่ที่สำคัญคือเรารอมาตั้งขนาดนี้แล้วต่างหาก ตั้ง 21 ชั่วโมงในการรอ แค่อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วกับการที่สั่นและนิ้วคล้ำเพราะความหนาวแค่นี้พวกเราทนได้ ลำโพงหรือไฟก็ไม่รู้ที่ตั้งอยู่บนเวทีทยอยล้มลงมาเพราะแรงลมไปทีละอัน รูปเซียะที่ติดอยู่ซ้ายสุดเริ่มเปียกน้ำและยับย่น หลายคนไม่ได้คิดถึงตัวเองเมื่อมองไปที่รูปเซียะอย่างเป็นห่วง ทุกคนอยากให้ทุกอย่างเพอเฟคต์เมื่อดงบังมาถึงเพราะเราก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนที่ชอบ เซียะจะรู้สึกยังไงเมื่อรูปของตัวเองเปียกอยู่แค่อันเดียว น้ำฝนที่ไหลอาบไปทั้งตัวและลมที่พัดแรงซะจนร่มของบางคนปลิวไปไม่ได้จะทำให้ความตั้งใจของพวกเราหดหายไป มีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าอีกไม่นานดงบังก็มาแล้ว

       

      พี่คะ หนูถามจริงๆ เถอะดงบังมาถึงรึยังคะ?

       

       เพราะการที่อยู่ข้างหน้าทำให้เราสนิทกับพี่การ์ดเพราะคุยกับเค้าเรื่อยๆ หากพวกเราเหนื่อยเค้าก็เหนื่อยเหมือนกันเมื่อยืนตากฝนไปกับเราโดยไม่มีร่มและพี่คนนี้ก็ใจดีเมื่อเค้าไม่ดุแถมยังไปช่วยหาแอมโมเนียมาให้ดมและคอยถามตลอดว่ามีใครเป็นลมมั้ย  เสียงถามที่ฟันกระทบกันกึกๆ ของเราเลยทำให้พี่เค้าสงสารยอมบอกเมื่อบอกว่าดงบังมาถึงแล้วตอนนี้กำลังอยู่ที่พารากอน เราและอีกหลายๆ คนแหงนหน้าขึ้นไปมองตึกไม่กี่ชั้นของพารากอนแต่ตอนนั้นมันกลับสูงเสียดฟ้า  พวกนายอยู่ตรงไหนของตึกเหรอ?  พวกนายเห็นบ้างมั้ย...ก้มลงเห็นแฟนคลับพวกนายบ้างมั้ย? แฟนคลับนายกำลังทนเหนื่อยทนร้อนทนฝนก็เพื่อจะมาเจอพวกนาย แค่เวลาไม่กี่นาทีออกมาเจอพวกเราเพื่อให้มีกำลังใจหน่อยได้มั้ย?  เราไ ม่ต้องการการแสดงของใคร ไม่ต้องการเห็นดาราคนไหน ไม่ต้องการลำโพงที่ถ้าซ่อมคงใช้เวลานานแต่ที่อยากเห็นตอนนั้นก็คือพวกนาย แค่พวกนายมายืนอยู่อย่างนี้มายืนร่วมกับพวกเรา รับรู้ไปกับพวกเราแค่นั้นก็พอแล้ว

       

      เพราะอารมณ์พีคจัดตอนนั้นทำให้เราแหงนหน้ามองตึกตรงหน้า แล้วเสียงตะโกนเรียกดงบังชินกิก็เริ่มดังขึ้นมา อากาสที่ทารุณจัดเพราะลมที่พัดแรงพาเม็ดฝนตกกระหน่ำลงบนร่ม น้ำฝนเย็นๆ และน้ำตาอุ่นๆ มันไหลอาบแก้มปนกันเมื่อร่วมตะโกนไปกับคนอื่นๆ ทุกคนที่ถึงแม้หนาวสั่นแต่ก็ยังเอาแต่ตะโกนด้วยเสียงตะกุกตะกักซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้น ดงบังชินกิๆๆๆๆ  เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนก็ช่วยกันเรียกด้วยกัน  ได้ยินบ้างมั้ย? เสียงแฟนคลับของนายที่เอาแต่เรียกชื่อพวกนาย นายได้ยินมันบ้างมันบ้างมั้ย?  พวกเราอดทนอยู่ที่นี่ก็เพียงแค่อยากเจอพวกนายออกมาให้เราเห็นหน้าหน่อยได้มั้ย? เสียงสั่นเครือที่ตะโกนของคนข้างเราก็เริ่มหายไปเมื่อร้องไห้จนพูดออกมาเป็นคำไม่ได้ เราร้องและแหงนหน้ามองตึกตรงหน้า มองหาดงบังที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของตึก  ไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะชอบใครได้มากขนาดนี้  ยิ่งลมพัดแรงและเสียงฟ้าผ่ายิ่งทำให้ทุกคนกรี๊ดกัน แต่เสียงเรียกชื่อดงบังก็ยังดังออกมาเรื่อยๆ กล้องก็พยายายามเหลือเกินที่จะถ่ายภาพพวกเราเพื่อไปแต่งแต้มเติมสีข่าว แต่จะทำอะไรก็ทำไปเมื่อตอนนี้สิ่งเดียวเท่านั้นที่พวกเราสนใจจนทนได้ขนาดนี้ คือดงบังชินกิ!

       

      16 : 00 น.

       

      เป็นช่วงที่ฝนเริ่มซาแต่เพราะความวุ่นวายเลยทำให้มีกระแสข่าวว่าทีมงานจะเคลียร์คนออกไปก่อนทำให้แฟนคลับบอกต่อกันเรื่อยๆ ว่าหุบร่ม ไม่ถึงหนึ่งนาทีร่มเกือบทั้งหมดหายไปจากลานกว้างนั่นทันที! ฝนที่ตกปรอยๆ และลมอ่อนๆ ที่พัดจนตัวสั่นไม่ได้ทำให้เรากลัวเท่ากับการที่ต้องออกไปจากที่นี่และไม่ได้เห็นดงบัง เสียงตะโกนเรียกชื่อมีมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ อากาศที่นิ่งทำให้หลายคนเป็นลมไปจริงๆ พวกเรามองอย่างสงสารเพราะอีกไม่นานดงบังจะมาแล้วแต่เค้ากลับสลบไปก่อน แล้วปัญหาที่ตามมาหลังจากแดด แล้วก็ฝนก็คือนักข่าว!

       

      นักข่าวที่เพิ่งออกมาจากตึกอีกครั้งเมื่อฝนหยุดแล้วก็เดินไปเดินมาและบังเวทีซะจนหลายคนมองไม่เห็น แต่เค้าก็เอาแต่บอกว่ามาทำงานๆ และไม่ยอมไปนั่งกัน ที่นั่งของเค้าคือที่ๆ แฟนคลับอยากเข้าไปอยู่กันมาก พวกเรามารอกันนานมาก เหนื่อยก็เหนื่อยแต่ก็ยืนรอกันอย่างตั้งใจก็ช่างแตกต่างเหลือเกินกับคนที่มีที่ที่กันไว้แล้ว มีม้านั่งให้อย่างดีซึ่งเมื่อเงยมองบนเวทีก็เห็นชัดเจนและจะเข้าตอนไหนก็ได้ไม่เหมือนเราที่ออกทีก็เข้ามาไม่ได้แล้วแต่ถึงอย่างนั้นเค้ากลับเลือกที่จะมาขโมยช่วงเวลานั้นของพวกเราไป เพราะการอยู่ข้างหน้าทำให้เราได้ยินพี่ที่ถือกล้องคนหนึ่งคุยกับเพื่อนประมาณว่า บก.ให้เอาภาพที่จะไปขึ้นหน้าหนึ่งประมาณว่าดงบังออกมาและเป็นแฟนคลับตะเกียกตะกายจะไปดูจนรั้วพังหรือเป็นลมประมาณนั้น ทั้งที่เราก็มางานเดียวกันแต่ทำไมความตั้งใจถึงแตกต่างกันจังนะ?

       

      พี่คะ ดงบังมาถึงแล้วจริงๆ น่ะเหรอคะ พี่อย่าโกหกให้หนูสบายใจสิ เป็นคำถามของน้องข้างๆ เราเมื่อฝนก็หยุดแล้วเวทีก็เคลียร์แล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แววดงบัง พี่เค้าเลยอึกอักนิดหน่อยและบอกว่า ตามโปรแกรมน่าจะเป็นอย่างนั้น  เราเลยรู้เลยว่าเค้าโกหกหรือไม่ก็ไม่รู้แต่เราไม่โกรธเค้าหรอกเพราะเค้าพูดด้วยความหวังดี แล้วหลังจากนั้นก็มีพิธีกรออกมาอีกครั้งบอกว่าดงบังใกล้จะถึงแล้ว เสียงกรี๊ดดังลั่นและทุกคนก็ยิ่งเบียดกันอีกครั้ง มันแน่นจนเราเอามือลงข้างล่างขยับดึงกางเกงที่จะหลุดแล้วขึ้นไม่ได้เลย มีรองประธาน Yamaha ประเทศไทยออกมาบอกข่าวดีสั้นๆ และพิธีกรก็พยายามจะพูดเพื่อให้บรรยากาศมันสนุกเพื่อรอดงบังและเหมือนจะมีรายการแสดงอะไร แต่ทุกคนที่ทรมานทั้งกายและใจก็ไม่อยากได้อะไรแล้วเลยส่งเสียงเรียกแต่  ดงบังชินกิๆๆๆๆๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นและไม่นานจากนั้นดงบังก็มาจริงๆ!

       

      บรรยากาศตอนนี้หลายคนน่าจะรู้แล้วเมื่อดงบังลงจากรถตู้และเดินเข้ามางานโดยผ่านสยามดิส จอทั้งสามจอฉายภาพดงบังที่กำลังเดินและไปถ่ายรูปและทุกคนก็เงยหน้าขึ้นแหงนมองและส่งเสียงกรี๊ดสนั่นไปด้วย อีกไม่นานเราก็จะได้เห็นแล้ว ความเหนื่อยที่มีมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นสมาชิกทั้ง 5 คนนั้น และเมื่อทุกคนขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นจนหูแทบแตก เราอัดกันจนไม่มีที่จะให้อัดได้มากกว่านี้ เพราะเราตัวสูงและที่ก็ใกล้เลยทำให้มองเห็นชัดเพราะเป็นฝั่งซ้ายเลยมองเห็นเซียะชัดมากๆ มิคกี้กับแจจุงรองลงมา และชะโงกหน้าหลบนักข่าวหน่อยก็จะเห็นยุนและน้องมิน แต่น้องข้างๆ เราเค้าก็พูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงน่าสงสารมากๆ

       

      กูมองไม่เห็นยุน กูมองไม่เห็นยุน

       

      ทั้งที่ก็มารอทั้งวันแต่แผงนักข่าวที่มาแค่ไม่นานก็ปิดกั้นทำให้หลายๆ คนต้องกระโดดเพื่อจะให้ได้เห็นซักแวบก็ยังดี มิคกี้น่ารักอ้า  น่ารักมากๆ เซียะน่ารัก แจจุงน่ารักเป็นเสียงตะโกนบอกของคนแถวๆ นั้นที่เห็นได้แค่นั้นเพราะสองคนที่เหลือถูกบัง นักข่าวที่บอกว่าจะถ่ายแป๊บเดียวก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาถ่ายกันโดยไม่ยอมนั่งแล้วก็มีพี่นักข่าวผู้ชายคนหนึ่งเค้ามายืนถ่ายแถวๆ แผงกั้นซึ่งบังคนที่ยืนตรงนั้นมิดเลย และเมื่อแฟนคลับพยายามดึงเค้าออกเค้าก็หันมาตวาดผู้หญิงด้วยเสียงที่ดังมากๆ ว่า

       

      กูทำงาน!!!”

       

      ทำไมล่ะคะ พี่สามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้หรือแค่นั่งถ่ายก็ได้เพราะมุมเงยที่ยังไงก็เห็น ทำไมต้องมาขโมยเวลาสั้นๆ พวกนี้ไปจากพวกหนู  สำหรับพี่นี่ก็แค่ข่าวธรรมดาไม่ได้สำคัญกับชีวิตพี่มากแต่สำหรับพวกหนูมันสำคัญจนไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง ทุกอิริยาบถ ทุกการกระทำ ทุกคำพูดเราก็อยากจะจำเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งดงบังมาไทยและเราก็ได้ไปดู ประโยคนี้ที่ถึงแม้จะสั้นแต่มันมีอะไรมากมายเหลือเกินอัดอยู่ในนั้น และการที่คนอัดกันจนแน่นก็ทำให้น้องคนหนึ่งเค้าทำใจกล้าพูดกับเราเมื่อพยายามจะปีนเราเพื่อขึ้นไปดูเพราะมองไม่เห็น  พี่คะ หนูขอโทษนะ ขอโทษนะคะ เราไม่ได้ว่าอะไรเมื่อพยักหน้าให้น้องเค้าพยายามปีนหลังเราเพราะเราตัวสูงพอที่จะเห็นได้ชัดแบบไม่ต้องเขย่งแต่คนอื่นหลายคนกลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อเสร็จงานเราได้ยินคนหนึ่งพูดว่า กูไม่เห็นชางมิน สาบานจริงๆ ว่ามองไม่เห็นเลย ไม่เห็นน้องมินเลยทั้งๆ ที่มารอขนาดนี้แต่กลับพลาดไปเราไม่รู้จะพูดยังไงเลยจริงๆ

       

      บรรยากาศตอนนั้นน่าจะได้เห็นกันแล้วเราจะไม่พูดถึง หลังจากที่ดงบังกลับพร้อมกับเสียงกรี๊ดไล่หลังเราก็กลับบ้าง  น้องคนที่เพิ่งรู้จักและนั่งข้างเราตอนแรกก็เอาร่มกับกิ๊บที่ยืมเรามาคืน(ร่มที่เราใช้คือร่มเพื่อนที่ฝากเอาไว้แต่เพราะแยกกันตั้งแต่แรกเลยหาไม่เจอ คืนก็เมื่อเสร็จงานนั่นล่ะ สงสารเพื่อนเหมือนกันเพราะเป็นร่มสีแดงที่มีชื่อและอักษรย่อของดงับงทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลีเขียนเอาไว้สวยมากๆ )  แฟนคลับดงบังซื่อสัตย์กันเหลือเกินเพราะเราหลงกับน้องเค้าไปแล้วและก็ทำใจว่าไม่ได้คืนแน่ๆ แต่เค้าก็ยังพยายามฝ่าฝูงคนเพื่อตามหาเราทำให้เราซึม้งมากๆ แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปเจอกับเพื่อน เพราะเราต้องรีบกลับเลยไม่ได้อยู่รอตอนดงบังกลับ ดงบังกำลังให้สัมภาษณ์ที่ชั้น 4 และคงไปต่อที่ซีดส์ แต่เราไม่รู้ว่าจะกลับตอนไหนเลยกลับไปก่อนไม่ได้ตาม รถตู้ที่จอดรอเป็นแถวก็มีคนมากมายมายืนออกันเต็มเพื่อรอส่ง เราเดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งรถเข็น นิ้วหัวแม่เท้าถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลพอมองเห็นเลือดที่ซึมออกมาคงถูกเหยียบนั่นเอง เรายังโชคดีหน่อยที่แค่ฟกช้ำและเป็นหวัดไม่ได้เจ็บมาก แต่เราว่าสำหรับแฟนคลับคนนั้นเค้าคงไม่นึกเสียใจหรอกเพราะอย่างน้อยที่สุดก็ได้เห็นคนที่เค้าชอบและรอมาตลอดวันจริงมั้ย แค่นั้นเค้าก็คงมีความสุขมากมายเหมือนเราแล้ว^ ^เป็นครั้งแรกเลยนะที่ทำอะไรอย่างนี้ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่จะไม่ลืมตราบนานเท่านานเลย

       

      ไดอารี่คงจบแค่นี้หากใครอยากต่อเหตุการณ์จากนี้ก็ตามสบายนะเราจะรออ่าน ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะ  คิดอะไรก็บอกกันเอาไว้บ้างนะคะเราอยากรู้จริงๆ นะว่าคิดเหมือนกันรู้สึกเหมือนกันบ้างมั้ย มีคนร้องไห้เหมือนเราบ้างมั้ย? 

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×