ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark world Box **Close

    ลำดับตอนที่ #6 : Kami พระบัญญัติแห่งรักของพระเจ้า [ฮิโนโซกิ คาสึมิ] [โคจิ อาเงกาวะ]

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 59


    Applicationcharacter

     

    รูปตัวละคร


     

    ข้าไม่ได้ว่าอะไรหรอก..แต่การทำงานหนักๆ มันไม่เป็นผลดีกับผิวสวยๆ ของข้าเลยนี่สิ..

     

    บทที่รับ  :  คิจิโจเทน    เทพีแห่งความงาม                         พลัง : มนต์สะกด [หรือจะเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ก็ได้ค่ะ ตามใจไรท์เลย 555+ //ความจริงแอบงงเล็กน้อย---]

     

    รุ่นที่ 77

     

    ชื่อ นามสกุล :  ฮิโนโซกิ คาสึมิ [Hinozoki Kazumi]

     

    ชื่อเล่น : คาสึมิ [Kazumi]

     

    เพศ : ชาย

     

    อายุ  : 50ปี

     

    เทพเทพีจำพวก   : เทพีแห่งโชคลาภ

     

    ลักษณนิสัย : คาสึมิชอบแต่งตัวสวยๆ งามๆ และทาสีสันบนใบหน้าเป็นงานอดิเรก เขารักที่จะทำให้ตนดูงดงามอยู่เสมอ และภายใต้ใบหน้าที่ราบเรียบราวกับรูปสลักนั้น มีความหลงตัวเองขั้นแม็กซ์ซ่อนอยู่อย่าง (ไม่) แนบเนียน  ที่ปกติเห็นนิ่งๆ เงียบๆ ไม่พูดไม่จาไม่ใช่เพราะเย็นชาแต่อย่างใด แต่แค่พูดแล้วมันไม่มีคนฟังต่างหากเล่า! รุ่นพี่ที่เคารพรักทั้งหลายรู้ดีว่าเทพหนุ่มเป็นพวกพูดมาก พูดเยอะ พูดแบบน้ำไหลไฟดับตับไหม้แล้วก็ยังไม่ยอมหยุด แถมพูดทียังมีแต่ศัพท์ความงามที่ฟังแล้วไม่แน่ใจว่ามันเป็นภาษาคน (เทพ?) แน่ใช่ไหมเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีสร้อยสวยๆ แถมเป็นประโยคยกยอความงดงามของตนเองอีกจบ มิหนำซ้ำอาจจะลามเลียไปถึงการวิจารณ์ใบหน้าและความงามของคู่สนทนาได้อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าได้พูดทีแล้วจะไม่หยุดจ้อง่ายๆ หรือจะให้พูดมันทั้งวันทั้งคืน คาสึมิก็ทำได้! แหม..ปกติไม่ค่อยมีคนจะยอมพูดกับเขาเลยนี่นา! (แน่ล่ะ..พูดทีมีแต่ภาษาต่างด้าว (?) ทั้งนั้น..ใครจะอยากพูดด้วย) แต่ถ้าพูดแล้วไม่หยุดจ้อง่ายๆ บางทีเขาก็อาจจะได้รับรางวัลเป็นมะเหงกทองคำจากคุณเทพอายุสูง----อะแฮ่ม! จากเหล่าเทพท่านอื่นเป็นของขวัญมาด้วยอีกคนละลูกสองลูก เพราะงั้นเพื่อความงามดุจดอกไม้แรกแย้มของตน คาสึมิยอมนั่งง่อยเป็นหมาถูกทิ้ง (?) ได้ไม่มีปัญหา! แต่เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นเทพขี้เหงาตนหนึ่ง ที่แม้ภายนอกจะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ความจริงแล้วคาสึมิก็อยากพูดแบบคนปกติให้ได้เหมือนกันนั่นแหละ แต่ทำไงได้..มันเป็นสไตล์นี่นา! (ว็อทเดอะสไตล์?)

                    นอกจากนี้แล้วคาสึมิก็ยังมีด้านดีๆ อย่างนิสัย ขยัน และอดทน แม้ว่าปกติจะบ่นเรื่องงานที่ตนได้รับมอบหมายมาเป็นประจำ แต่เขาก็มักจะทำงานที่รับมอบหมายมาได้เสร็จตรงเวลาตลอด แถมชิ้นงานยังออกมาดีเยี่ยมประเสริฐศรี รัศมีจับ (?) อีกต่างหากนั่น ถือเป็นความภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ ของเจ้าตัวเลยนะนั่น! กระนั้นคาสึมิก็ยังเป็นคาสึมิ เจ้าเทพบ้านี่ก็ยังหลงตัวเองและบ้ายอไม่เปลี่ยน..อย่าได้ไปชมมันเลย มิเช่นนั้นท่านอาจจะหูชาหรือหูอื้อได้ จากการพล่ามยาวร่ายถึงความสามารถล้านแปดของเจ้าตัวที่ดูจะไม่จบสิ้นง่ายๆ นั่นก็เป็นได้นะเออ มิหนำซ้ำอาจแถมบ่นเรื่องงานของตนต่ออีกยก เพราะคาสึมิมักจะบ่นเสมอๆ ว่าการทำงานหนัก และอยู่จนดึกดื่นแบบนี้ช่างไม่เป็นผลดีกับผิวพรรณสวยงามของเขาเลยสักนิด บางครั้งเขาก็อยากจะโยนมันทิ้ง แล้วโปะแตงกวานอนตั้งแต่สามทุ่มเสียให้ได้ แต่เอาจริงๆ แล้ว คาสึมิก็แค่บ่นๆ ไปงั้นแหละ สุดท้ายเขาก็ยังนั่งปั่นงานอย่างคล่องแคล่วว่องไว ให้เสร็จในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างง่ายดายราวกับปลอกกล้วยตลอดอยู่ดีนั่นแหละ แลด้วยนิสัยขยันอดทนและมีความเคารพในตัวรุ่นพี่ (กลัวมะเหงก) งานของเขาเลยมักจะเพิ่มมาเป็นสองเท่า เพราะการว่ายวานของรุ่นพี่บางท่านที่บอกว่ามีธุระเป็นประจำ แน่นอนว่าคาสึมิก็บ่น (กับตัวเอง) น้ำไหลไฟไหม้เหมือนเดิม แต่ถามว่าทำไหม? บอกเลยว่า..ทำ (ไม่ทำก็โดนเคาะหัวปูดกันพอดี!----แววเสียงจากใครแถวนี้)

                    เห็นเขาเอาแต่พล่ามเรื่องความงาม เปรียบเปรยทุกสิ่งเป็นดอกไม้แสนสวย และหลงตัวเองอยู่ทุกวัน (?) แบบนี้ คาสึมิก็มีมุมปกติเหมือนกับชาวบ้านเขาเป็นเหมือนกันนะ แต่นั่นก็เฉพาะเวลาอยู่กับคนที่ชอบหรือสนิทด้วยเท่านั้น ยกตัวอย่างก็ท่านเบนไซเทน องค์เทพีแห่งความรัก ศิลปะ กวี ปัญญา และวารี ที่เรื่องความชอบคล้ายคลึงกันอยู่บ้างท่านนั้นนั่นแหละ แต่เพราะเมื่อก่อนที่มาใหม่ๆ (?) เขายังจ้อแบบน้ำไหลไฟไหม้ได้ตลอดเวลาอยู่ เลยโดนเคาะหัวได้ทุกวัน ทำให้ คาสึมิมักรูดซิปปากให้สนิท และตีหน้านิ่ง พยายามไม่ทำตัวเด่นเวลาอยู่กับท่านเทพตนอื่นเสมอๆ เพราะไม่อยากโดนเคาะหัวนั่นเอง ถือเป็นปมฝังใจอย่างหนึ่งของเขาก็ได้นะ และนี่ก็เป็นมุมน่ารักๆ (?) แบบเด็กน้อยของคาสึมิ ที่ทำให้ท่านเทพตนอื่นเอ็นดูได้สักสามวิ (?) ก่อนจะกลับมาหมั่นไส้ อาวุธเตรียมพร้อมเมื่อเขาเปิดปากพูดในทันที แน่นอนว่าตอนแรกๆ ก็โดนไปเยอะ..แต่หลังๆ นี้ไม่ค่อยจะโดนเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวพยายามหนีหน้าจากชาวบ้านเขา ไปสิงตัว (?) แถวๆ ดงดอกไม้แถวที่อยู่ของตน แล้วแปลงกายเป็นดอกไม้ (?) ฝึกพูดภาษาดอกไม้แทนที่จะพยายามอยู่อย่างปกติแบบชาวบ้านเขาไปเรียบร้อย..ก็ใครใช้ให้เทพตนอื่นดุกันขนาดนั้นเล่า คาสึมิยังไม่อยากสมองฝ่อก่อนวัยอันควร เพราะโดนเคาะหัวตลอดเวลาหรอกนะ!

                    นิสัยเด็กน้อยอีกอย่างของคาสึมิคือขี้แง ไม่รู้ว่าเพราะอายุยังน้อย (?) รึเปล่าถึงได้มีนิสัยเช่นนี้ เวลาโดนเคาะหัวหรือดุด่าเขามักจะร้องอวดครวญเสมอๆ แต่ถ้าโดนว่าหนักๆ เข้า เทพแห่งความงามคนนี้ก็สามารถน้ำตาแตกได้อย่างง่ายดาย และพอร้องแล้วจะไม่หยุดร้องง่ายๆ อีกด้วย แถมยังจะกลายเป็นบทอวดครวญ ระบายความในใจที่อดกลั้น (?) มาแต่ชาติปางก่อน (ห๊ะ?) พร้อมร้องไห้ประกอบฉากเสริมเข้าไปอีก ให้เทพตนอื่นพากันหน้ามืดไปครึ่งเทพ แล้ววิ่งหัวหมุนกับการปลอบเขาไปตามระเบียบ แต่นานๆ ทีนั่นแหละเขาถึงจะร้องไห้หนักขนาดนั้น เพราะเทพตนอื่น ถึงจะชอบเคาะหัวกับโยนงานแล้วเมินเขาประจำ แต่ก็รักคาสึมิเหมือนกันแหละน่า! (..มั้ง?) นอกจากนี้ยังมีโมเมนท์ที่ไปนั่งน้ำตาซึม บ่นหงุงหงิงอยู่กับดอกไม้ใบหญ้าอยู่คนเดียวอีกต่างหาก คนสูตรคน (เทพ) บ้า (เดี๋ยวๆ---) เลยนะนั่น----

                    และเพราะเวลาปกติเขาชอบเก๊กทำหน้านิ่งตลอดเวลา บวกกับออร่าคนงามที่ดูมีราศีจับ แฝงรังสีแปลกๆ ที่ไม่น่าเข้าใกล้ (อันเรียกว่า รังสีหลงตัวเอง(?)) ที่กระจายอยู่รอบตัวเสมอๆ แถมเจ้าตัวยังชอบปลีกวิเวกไปคุยกับดอกไม้ (เจริญ) อีกต่างหาก ทำให้คนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันดีไม่รู้แก่นนิสัย มักนึกว่าเขาเป็นเทพที่เข้าถึงได้ยาก ดูสูงส่ง ล้ำค่า งดงาม จนคนอื่นไม่กล้าเข้ามาทักมาคุย เพราะออร่าคนงามมันบาดตา บาดตับ บาดไตเสียเหลือเกิน ได้แต่แวบมามองมาอวย (?) กันอยู่ห่างๆ แบบไม่รู้ตัวกันเลยสักนิด ว่าไอ้คนที่โดนแอบมองนั้นใกล้จะเป็นโรควิตกกังวลเต็มที เพราะกลัวเหลือหลายว่าตัวอะไรหนอ..มาด้อมมามองได้ทุกวี่ทุกวัน และด้วยสกิลหลงตัวเองขั้นหนัก สมองของคาสึมิจึงจินตนาการไปล้านแปดเรื่อง อลังการเว่อร์วังจนตัวเองจับไข้ลมหมอนนอนเสื่อไปเสียเอง และด้วยเหตุนี้เอง..คาสึมิจึงไม่มีเพื่อนใหม่ และไร้คนคุย ต้องอยู่กับดอกไม้ใบหญ้และผักสีเขียวไปเฉกเช่นเดิมนั้นแล (ซึ่งเหล่าเทพที่รู้กันดีถึงนิสัยดั้งเดิมของพ่อคุณนั้น บอกได้เป็นเสียงเดียวกันเลยว่า การที่พวกเขาไม่เข้าไปทักคาสึมินั้นมันเป็น โชคลาภอันประเสริฐแล้ว ...)

                   

     

    การพูดจา  :มักจะเรียกแทนตนว่า ข้า เรียกคนที่รู้จักกันใหม่ๆ ว่า เจ้า และเรียกคนสนิทว่า ท่าน มักหลงท้ายด้วย ขอรับ กับคนสนิท แต่ปกติไม่ค่อยจะพูดเสียเท่าไหร่ ถ้าให้พูดก็จะพูดไม่หยุดหย่อนจนน่าสงสัยว่ามันมีระบบออโต้ฝังไว้ในสมองหรือยังไง? แถมยังบ่นมาก บ่นได้บ่นดี บ่นหนัก บ่นเจ็บจนเสียดแทงเข้ากลางอก ปักลงกลางใจ นอกจากนี้ยังมักพูดเปรียบเปรยความงามของคนรอบตัวกับดอกไม้ และแถมด้วยประโยคชมตัวเองแบบ (ไม่) เนียนปิดท้ายเสมออีกต่างหาก จนบางทีก็ชวนให้สงสัยว่าพ่อคุณเป็นผู้หญิงหรืออย่างไร?

                    เวลาเจอคนเข้ามาทัก (มีด้วยเหรอ?) : “เจ้าอยากรู้จักข้างั้นรึ?..อ้อ คงเป็นเพราะความงามของข้าสินะที่ดึงดูดเจ้าเข้ามา โอ้ ช่างตาแหลมคมมีแววยิ่งหนัก คิดถูกแล้วที่เข้ามาคุยกับข้า เจ้ารู้ไหมว่ามันมีไม่มากนักหรอกนะเทพที่งามพร้อมมากด้วยความสามารถเช่นข้า มาเถิดมา ข้าจะเป็นเพื่อนคุยให้เจ้าเอง ถือว่าเป็นของตอบแทนสายตาอันหลักแหลมของเจ้า ที่รู้ถึงความงามของข้าแล้วกันนะ...”---จากนั้นก็พล่ามยาวไปล้านแปด จนคนเข้ามาทักอยากย้อนเวลากลับไปกระโดดถีบหน้าตนเองยิ่งหนัก ที่หลงเชื่อมาทักไอ้เทพบ้านี่

                    เวลาวิจารณ์ใบหน้าของผู้อื่น : “ตายแล้ว! นี่ริ้วรอยหรือร่องมหาสมุทรใต้ทะเลลึก!? (เจ็บ..) แล้วดูนี่สิสิวฝ้ากระขึ้นเต็มไปหมด ให้ตายเถอะ! เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ ไม่รู้จักดูแลตนเอง หน้าเหน่อนี่ไม่ได้สนใจไยดีเลยใช่ไหม? ไม่รู้ว่าเกิดเป็นหญิงมาได้เช่นไร ถึงได้ปล่อยให้หน้าเจ้ายับพังไร้ราศีได้ขนาดนี้! มานี่มา ข้าจะบอกเจ้าเองว่าทำอย่างไรถึงจะมีใบหน้างดงาม ผิวพรรณขาวสะอาดราวไข่มุก และนุ่มนิ่มเหมือนเด็กแรกเกิดเช่นข้า!”-----แล้วก็ลากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปนั่งฟังครอสล้างหน้าประโลมผิวอยู่ค่อนวัน..อาเมน

                    เวลาเอ่ยชมความงามของตน (....) : “ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ข้าก็งามงดไปเสียหมดจริงๆ นั่นแหละ..ก็นะ ข้าน่ะ ทั้งดูแลประคบประงมใบหน้าข้า ดูแลผิวพรรณอย่างดี กินแต่ของมีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่งามงดหมดจดเสียขนาดนี้ก็ให้มันรู้ไปสิ ว่าไปแล้วตัวข้าก็คล้ายดอกเหมยอยู่นา..ถึงจะมีจุดติบ้าง เพราะต้องนั่งทำงานจนดึกดื่นมืดค่ำก็เถอะ แต่สุดท้ายก็สวยอยู่ดีนั่นแหละ~”---แล้วก็พูดกับตัวเองต่อไป เพราะไม่มีคนฟัง โธ่ๆ..น่าสงสาร (?)

                    เวลาพูดให้เหมือนคนปกติ (ซึ่งนานทีจะมีอะไรแบบนี้สักที) : “เห..ท่านก็ชอบแบบนั้นงั้นรึ? ข้าเองก็ด้วย! พวกเรานี่มีอะไรเหมือนกันหลายส่วนเลยนะ” //ตอนคุยเรื่องที่ชอบกับคนสนิท *ยิ้มหวานนน*// “เอ๊ะ..? แต่นี่มันงานของ..ท่าน” //มองตามเทพที่โยนงานมาให้ตนแล้ววิ่งหนีหายไปด้วยสายตาว่างเปล่า// “ชาร้อนก็เป็นสิ่งที่งดงาม!” //แล้วก็ซดชา ซู้ดดดดด---- //

                    เวลาเข้าโหมดงอแง--- : “ข้า..ฮึก..ข้าน่ะ ก..ก็แค่อยาก..อยากจะคุยกะ กับทุก ฮึก!! คนเท่านั้น..เองนะ ขะ ขอรับ..ฮึ ฮึก..แงงงงง!!!” แล้วก็น้ำตาแตกไปตามระเบียบ

     

    ประวัติ  : หนุ่มน้อยเจ้าของใบหน้างดงามราวเทพธิดาที่เกิดมาในตระกูลนางรำ คาสึมิเป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน และตัวเขามีพี่สาวถึงห้าคนด้วยกัน พ่อของเขานั้นเสียไปตอนเขาคอดออกมาได้เพียงสองวันเท่านั้น ทำให้ชีวิตของเขารายล้อมด้วยสตรีเพศอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งผู้เป็นมารดายังสอนให้เขารู้จักรักสวยรักงามเสียตั้งแต่เด็กๆ ฝึกงานบ้านงานเรือนและงานทุกอย่างที่สตรีควรทำได้ อีกทั้งยังให้คาสึมิแต่งตัวเหมือนกับเด็กผู้หญิงอีกด้วย สิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้เขาชื่นชอบจะแต่งแต้มใบหน้าของตนให้สวยงาม และทำตัวให้ดูงดงามอยู่เสมอ และการกระทำนั้นก็ทำให้เขาได้รับคำชมจากคนรอบข้างมากมาย ไม่มีแม้แต่คำตำหนิ นั่นทำให้หนุ่มน้อยผู้มีใบหน้างดงามฝังใจกับตนไว้ว่า ตนนั้นงดงามอย่างไม่มีใครเทียบ กลายเป็นนิสัยหลงตัวเองได้อย่างน่าแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่สามารถเป็นนางรำที่งดงามและยิ่งใหญ่เหมือนกับเหล่าพี่สาวได้ และเพราะความแปลกแยก ทำให้คาสึมิไม่ค่อยสนิทกับพี่สาวและมารดาเสียเท่าไหร่ เขาจึงเป็นเด็กที่ขี้เหงากว่าปกติ และเพื่อจะได้เป็นเหมือนดั่งพี่สาวทั้งห้าที่เขานับถือ เขาจึงฝึกฝนความสามารถ และพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการพูดเยอะๆ จนกลายเป็นนิสัยของเขาไปในที่สุด แต่..ทำแบบนั้นแล้วมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนี่นา? เอาเถอะ คาสึมิไม่สนใจมันแล้วล่ะในตอนนี้ ปัจจุบันนี้เขาคิดว่าการอยู่กับดอกไม้ไปแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นหรอก!!

     

    รูปร่างหน้าตา : สูง175 ซม. (เตี้ย---) หนัก 52 กก. รูปร่างดูผอมบางอ้อนแอ้นแต่พอมีกล้ามเนื้อบ้าง (ซึ่งเจ้าตัวไม่ใคร่จะชอบเท่าไหร่) เส้นผมสีทองอร่ามดุจทองคำตัดสั้นระต้นคอ ดวงตาสีอำพันเรียวสวยมีเสน่ห์ ใบหน้ามลได้รูป จมูกโด่งเป็นสันเชิดรั้นสื่อถึงความดื้อดึง คิ้วโก่งเรียงตัวสีเดียวกับเส้นผม ริมฝีปากหยักได้รูปสุขภาพดี เครื่องหน้าเป๊ะทุกองค์ประกอบ ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไร้รอยตำหนิเหมือนผิวเด็ก ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ชักจะเริ่มมีรอยหมองคล้ำใต้ตาปรากฏขึ้นเล็กน้อย เพราะการทำงานอย่างหนักก็เถอะ..

     

    ชุดที่ใส่ : เหมือนกับชุดข้างบนเลยค่ะ เป็นยูกาตะสีขาวขอบม่วง ทับด้วยเสื้อสีม่วงอ่อนพิมพ์ลายดอกไม้สีขาวจางไว้ทั่วตัว สายคาดเอว (เรียกไม่ถูก ฮา---) สีม่วงเป็นผ้าแบบเดียวกับเสื้อคลุม ศีรษะคลุมทับด้วยผ้าคลุมที่ทำระบายกลีบผ้าและติดดอกไม้อย่างงดงาม ห้อยเครื่องประดับสีทองที่มาพร้อมกับกระดิ่ง ทำให้เวลาเคลื่อนไหวเกิดเสียงกุ๊งกิ๊งดังตาม มักสวมหน้ากากประหลาดไว้ที่ข้างศีรษะข้างขวาเพื่อปกปิดใบหน้าส่วนหนึ่ง ชอบถือพัดขนาดกลางสีม่วงเข้มไร้ลวดลาย ที่ปลายห้อยพู่ขนจิ้งจอกสีขาวและเชือกสีแดงที่ถักเป็นเปียอีกสองเส้น ติดตัวไว้เสมอ สวมรองเท้ากี๊ยะสีน้ำตาลแบบปกติ (สิ่งเดียวที่ดูจะธรรมดาในตัวคาสึมินั่นเองค่ะ----)

     

    แล้วก็แนบรูปประกอบอีกรอบ---*แปะ*


     

     

    อาวุธ : พัดสีม่วงที่พกไว้ติดตัวตลอดเวลา เวลาสะบัดออกจะปล่อยกระแสพลัง (?) ออกมา แรงแค่ไหนแล้วแต่อารมณ์ของผู้ใช้ บางทีก็เอาไว้ฟาดหัวคนเล่น เพราะสันพัดแข็งมากกกก (ก.ไก่อินฟินิตตี้) ค่ะ----

     

    ชอบ : ของสวยๆ งามๆ / เครื่องประดับล้ำค่า / คนคุยด้วย (?) / ดอกไม้ใบหญ้าต้นไม้และผักสีเขียวทุกอย่าง

     

    ไม่ชอบเกลียด : ของที่น่าขยะแขยง (จำพวกเมือก) / หอยทาก (เห็นแล้วถึงกับเซ---) / คนที่บอกว่าตนไม่สวยหรือแก่--- / ริ้วรอยบนใบหน้า

     

    งานอดิเรก : แต่งหน้า (?) / นั่งทำงานกองเท่าภูเขา / บ่นกับตัวเอง (คือ...) / นั่งคุยกับดอกไม้ต้นไม้ในสวน

     

    เพิ่มเติม : เป็นเทพที่ขี้เซามาก ถ้าหลับแล้วจะปลุกยากมากๆ

     

     

     

    Question(ให้ตัวละครตอบ)

     

    ถาม  ถ้าอยู่ๆตัวเองกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาจะทำยังไง

    ตอบ ข้าไม่คิดมากหรอก ขอแค่ใบหน้าของข้ายังงดงามอยู่เสมอก็พอ //แล้วสะบัดผมเบาๆ แบบสวยๆ (ห๊ะ?)

     

    ถาม รู้สึกภูมิใจไหมที่มนุษย์ต่างเคารพตัวเอง

    ตอบ การที่คนเหล่านั้นเคารพในความงามของข้า และศรัทธาในตัวข้า นั่นย่อมเป็นที่น่าภูมิใจแน่นอน..แต่ไม่รู้ทำไมท่านพี่ (เทพตนอื่น) ถึงบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นโชคร้ายก็ไม่รู้

     

     

    คุยกับอิคนเขียนหน่อยค่ะ

     

    สวัสดีค่ะ คนเขียนชื่อรินนะค่ะ คุณแม่ชื่ออะไรค่ะ?”

    -ขุ่นแม่ชื่อรันรันค่ะ แหมะ..ชื่อคล้ายกันเลยนะคะตัวเองงง----เรียกรันก็ได้นะคะ ///// (?)

     

     

    ทีส่งลูกมาที่นี้คิดดีแล้วใช่ปะค่ะ?”

    -แน่นอนค่ะ! ลูกชายเรา เราไม่หวง สินสอดมา พร้อมส่งเสมอค่ะ----#ผิดประเด็นแล้วค่ะเจ๊!

     

    ทำไมถึงมาสมัครค่ะ?”

    -ชอบพลอตค่ะ อีกอย่างคือใฝ่ฝันอยากจะปั่นลูกสวยๆ แนวๆ นี้มานานแล้วด้วย เวๆ----

     

    เราชอบดองนะ บอกเลยค่ะ

    -ไม่มีปัญหาค่ะ แค่อย่าหายไปนานจนคล้ายจะประกาศว่า ฉันไม่แต่งต่อแล้ว! ก็พอค่ะ รีดฯรอด้ายยยย

     

    สุดท้ายอยากบอกอะไรคนเขียนค่ะ

    -หวังว่าลูกชายจะติดค่ะ---แค่ก! ไม่ใช่ล่ะ..//ยังไงก็สู้ๆ นะคะ ขอให้สนุกกับการเขียน และหรรษากับตัวละครทั้งหลายนะเออ

     

    ป.ลิง เดี๋ยวจิพาลูกชายลูกสาวมาฝากเพิ่มอีกสักคนสองคนนะคะ เวๆ---

     

    ขอบคุณค่ะ!


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    Applicationcharacter

     

    รูปตัวละคร



    ป้ารู้สึกเครียดค่ะ..

     

    บทที่รับ  : อิซานามิ เทพีแห่งการสร้างและความตาย (มารดา)    พลัง : การทำให้สิ่งของกลายเป็นเถ้าธุลี [ใช้ได้แบบเอวี่ติงแต่กินแรงมาก และต้องใช้ไม้เรียว (?) ชี้ไปที่สิ่งของชิ้นนั้นด้วย]

     

    รุ่นที่ 77

     

    ชื่อ นามสกุล : โคจิ อาเงกาวะ [Koji Agekawa]

     

    ชื่อเล่น : อากาวะ [Akawa] //ป.ล.เทพตนอื่นชอบเรียก ท่านป้าอาวะ ค่ะ-----//

     

    เพศ : หญิง

     

    อายุ  : 5000 ปี

     

    เทพเทพีจำพวก   : เทพเทพีต่างๆ

     

    ลักษณนิสัย : สำหรับอากาวะนั้น จะให้ความรู้สึกคล้ายเชื้อสายราชวงศ์ขัตติยะจากแดนใดสักแดน (?) ที่ทั้งมีมารยาท และสุภาพเรียบร้อย มาพร้อมพร็อบประกอบฉากอย่างรอยยิ้มกิ๊บเก๋นุ่มนิ่ม เสริมรังสีคนงามเข้าไปอย่างหนักหน่วง แต่แฝงไว้ด้วยความลึกลับแบบผู้ใหญ่ มีความอารี และอ่อนโยนอยู่ในระดับปานกลาง และมีสไตล์ที่สวยเก๋ตามฉบับคุณหญิงผู้ดี หากอยู่กับคนที่ไม่สนิทด้วยแล้ว จะสงบปากสงบคำมากเป็นพิเศษ เน้นกริยาไม่ทำตัวให้หลุดขอบกุลสตรีโดยเกินไป ยิ่งกับเพศตรงข้ามยิ่งแล้วใหญ่ กริยาจะอ่อนช้อยงดงามดั่งดอกไม้แย้มบานสวยบนกิ่งใบ ให้ความรู้สึกมีออร่า รัศมีจับเป็นอย่างมาก แต่กับคนที่สนิทแล้วจะแสดงนิสัยแก่นแท้ของตนแบบไม่มีกั๊ก (?) มีความเข้มงวดฝังแน่นยั่งลึกอยู่ในสายเลือดแบบเข้มข้ม รักกฏระเบียบ และชื่นชอบการอยู่อย่างเรียบร้อย ชอบความสะอาดมีระเบียบ และไม่ปลื้มชีวิตอันแสนวุ่นวายอย่างแรง รักเด็กมากถึงมากที่สุด แต่จะรักเฉพาะเด็กน่ารักนิสัยดีแก้มยุ้ยน่าจับฟัด หากอากาวะอยู่กับเด็กจำพวกข้างต้น เธอจะตามใจเด็กน้อยที่ว่านั้นแบบไม่จำกัดขอบเขต และโอ๋สุดกำลัง ใครจะมารังแกเด็กเธอ (?) เหรอ ไม่มีทาง ขอบอกเลยว่าถ้ากล้าแหยม ก็แง้มโลงรอไว้ได้เลย! แต่ถ้าเด็กมันเกรียนมา ป้าก็ไม่น้อยหน้านะคะ ไม้เรียวป้ามีพร้อม แรงไล่จับป้าก็ยังเต็มสูบ กล่องเสียงทำงานปกติ ฟาดก้นแรงๆ สักทีสองทีให้มันหายซ่า แล้วจับเทศน์ต่อว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติผู้ดี (?) และการเป็นโชตะ / โลลิที่คู่ควร (..คะ?) แก่สังคม กรอกหูซ้ายขวาเอาให้มาหน้ามืดตาลาย สมองเบลอกันไปข้างเลยค่ะ ป้าจัดให้!

                    แต่! ! นั่นมันก็แค่ในอดีตเท่านั้น! เพราะปัจจุบันนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแล้วเด็กน้อยน่ารักแก้มยุ้ยที่จะมาให้เธอน้วยเล่น มันเหลือแต่เด็กเกรียน บ้า ประสาท เอ๋อ บื้อ กวนฝ่าพระบาท อยู่ท่วมล้นสวรรค์เต็มไปหมด! เห็นแล้วอากาวะก็อยากจะเป็นลมหนีความจริงมันเสียเหลือเกิน ให้ตายเถอะ! จากปกติที่จะได้อยู่อย่างเป็นสุข อ่านหนังสือ จิบชา คัดโคลงกลอน ด้วยความรัก (?) และเอ็นดู (?) กลับกลายเป็นว่าต้องมาเส้นประสาทกระตุกทุกๆ สามวิ และต้องวิ่งวุ่นไปทั่วแดนสวรรค์กับปัญหามากมายที่เจ้าเด็กพวกนั้นก่อไม่เว้นแต่ละวัน ยังไม่นับรวมนิสัยแปลกๆ ของพวกนั้นที่ทำเอาจดหมายร้องเรียนถูกส่งมาเป็นกองเท่าภูเขาอีก แต่บางครั้งอากาวะก็สงสัยนะ..ว่าจะส่งมาให้เธอทำไม? ถ้าจะร้องเรียนก็ไปบอกเจ้าตัวเอาเองสิ! เธอไม่ใช่แม่พวกมันนะ! แต่ก็นั่นแหละ..เพราะปกติอากาวะรักใคร่จะทำตัวเป็นคุณป้าวัย40 ที่ถือไม้เรียว (?) เดินยิ้มงาม กรอกหูเด็กให้อยู่ในขอบเขตที่ดี (ซึ่งไม่เห็นมันจะอยู่กันสักคน) หรือไม่ก็วิ่งเข้าไปน้วยไปฟัดเหล่าโลลิและโชตะแบบเสี่ยงติดตารางตังแตมหาศาล ทำให้เธอกลายเป็นที่พึ่งส่วนมากของเทพตนอื่นๆ และหากใครมีปัญหา ทุกท่านทุกตนเขาก็พร้อมจะดิ่งเข้ามาเล่าความชอกช้ำตระกำจิตให้อากาวะฟัง และขอทางแก้ไขเสมอ ซึ่งแม้อากาวะจะโวยวายบอกว่าไม่ใช่เรื่องของตน แต่ด้วยความรัก (?) มันท่วมอก หล่อนก็มักจะช่วยเหลือเหล่าเด็กน้อยของหล่อนเสมออยู่ดี..อาเมน

                    อากาวะชอบความสงบ อากาวะไม่ชอบเสียงดังโวยวาย และอากาวะเกลียดสถานที่ที่น่าหงุดหงิดและน่ารำคาญใจ แต่ปัจจุบันไม่ว่าอากาวะจะนั่ง นอน เดิน เข้าห้องน้ำ (?) หรือทำกับข้าว คุณป้าผู้แสนดีก็จะต้องเจอกับสภาวะเสียงโวยวายวี้ดวิ้วรอบหูเสมอ อันเนื่องมาจากเรือนของเธอเป็นสถานที่ท่องเที่ยว (?) ชั้นนำของเทพๆ ทั้งหลาย นั่นทำให้อากาวะมีเส้นความอดทนที่ค่อนข้างต่ำอยู่ (ไม่) เล็กน้อย และหากเธอทนไม่ไหวจริงๆ อากาวะก็พร้อมจะแหกปากด่าเจ้าตัวน่ารำคาญนั่นเสมอ โดยไม่ลืมของแถมเป็นของข้างๆ ตัวให้ลอยไปกระแทกปากมันสักทีอีกด้วย แต่หากแถวนั้นมีชายรูปงามไม่คุ้นตา (?) หรือเด็กน้อยโลลิโชตะอันบริสุทธิ์ ป้าอาวะก็จะยกมือทาบอก แล้วอุทานร้อง อุ้ย ออกมาเบาๆ ก่อนจะทำเนียน (แถ---) เหมือนกับว่าตนไม่ได้ทำอะไรลงไป และเปลี่ยนโหมดไปหาอากาวะคนงามดั่งเดิมในทันที----

                โดยดั่งเดิมแล้ว..อากาวะนั้นมีนิสัยที่แอบดัดจริต (?) เล็กน้อยพอเป็นพิธี แบบหญิงสาวงามๆ สักคนที่ควรจะมีไว้ประดับตนซะบ้าง เธอมักจะพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่แฝงความดัดจริตเล็กน้อยเอาไว้อย่างแนบเนียน (มั้ง?) และแม้ว่าอากาวะจะใจสั่นระรัวไปกับหนุ่มรูปงามและหนูน้อยน่ารัก แต่เธอก็มักเก็บอาการได้อย่างดีเยี่ยมจนน่าชื่มชม เธอมักจะใช้ความดัดจริตที่มีนี้ ทำเนียนกลบเกลื่อนเวลาเก๊กหลุดเป็นประจำ ซึ่งก็เห็นได้อยู่บ่อยครั้งจนเริ่มจะชินตาของท่านเทพตนอื่นๆ จนปัจจุบันทุกคนต่างเรียกเธออย่างลับๆ ว่า ท่านป้ากิ้งก่า ที่หมายความว่าเปลี่ยนท่าทางได้อย่างแนบเนียนและรวดเร็วราวกิ้งก่าเปลี่ยนสีนั่นเอง แต่ในกรณีนี้ไม่ได้ตั้งเพราะความหมั่นไส้หรือเป็นความหมายในแง่ไม่ดีแต่อย่างใด แต่ตั้งเพื่อใช้เรียกกันฮาๆ และใช้แซะเจ้าตัวบางพิธีเท่านั้นแหละ ซึ่งอากาวะก็รู้นะว่าโดนเรียกอย่างนี้ เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมหัวเราะชอบอกชอบใจ บอกว่า พวกนี้นี่ช่างสรรหากันจริง ๆ ดูแล้วคล้ายจะชอบอีกด้วยนะนั่น

                    ข้อดีของอากาวะคือการที่เธอเป็นคนใจอ่อน และโอนอ่อนตามคนอื่น (เด็ก) ได้ง่าย ทำให้ทุกคนเห็นเธอเป็นที่พึ่งอันดับหนึ่งเสมอๆ แต่นั่นก็เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของเทพมารดาตนนี้เช่นกัน เพราะในบางครั้งนิสัยใจอ่อนของเธอ มันก็ทำให้เธอยอมอ่อนข้อเวลาที่เด็กๆ ทั้งหลายก่อเรื่องเสียวุ่นวาย แล้วเกาะแข้งขา (?) ไถหัวขอร้องเธอประหนึ่งลูกแมวน้อยก็ไม่ปาน อากาวะจะยอมปิดตาลงข้างหนึ่ง ไม่พูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายก่อขึ้นมาให้เรื่องมันใหญ่ไปกว่าเดิม แต่เธอจะตำหนิพอเป็นพิธี แล้วจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วและรัดกุม ในแบบที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครจะสามารถมาทำร้าย (?) เด็กๆ ของเธอได้อย่างเด็ดขาด แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่อากาวะมีประสิทธิภาพดีในเรื่องนี้ แต่ข้อเสียคือหล่อนไม่ค่อยจะเอามาใช้กับงานสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับสวรรค์โดยตรงที่ได้รับมอบหมายซะเท่าไหร่นี่สิ....

     

    การพูดจา  :เนื่องจากเป็นเทพสูงอายุ (?) ตนหนึ่ง จึงมักจะชอบเรียกเทพตนอื่นว่า หนูเอ๊ย ลูก หลานจ๋า ตัวเล็ก และสารพัดสารเพแบบเด็กน้อยกุ๊งกิ๊ง (?) เป็นส่วนมาก รักจะแทนตนว่า ป้า เป็นงานเสริม แต่หากอยู่กับชายรูปงา---//คนแปลกหน้าก็จะแทนตนว่า ดิฉัน หรือ ข้า และเรียกอีกฝ่ายว่า ท่าน แทน ลงท้ายเสียงด้วยคำว่า คะ เสมอ เพื่อความสุภาพและความขลัง (ตรงไหน?) เล็กน้อยพอเป็นพิธี น้ำเสียงออกแนวดัดจริต (?) แต่ฟังแล้วก็ดูนุ่มๆ สบายหูดี แต่หากโกรธจะเสียงแหลมปรี๊ดราวกับกินนกหวีดมาเลยล่ะ----

                    เวลาคุยกับเด็กน้อยน่ารัก – “แถวนี้มันอันตรายนะคะลูก หลงกับพ่อแม่ (?) เหรอเรา? มามะ..ไปนั่งพักจิบชาที่เรือนของป้าดีกว่า” //ยิ้มงามและพยายามซ่อนออร่าคลั่งแห่งความดีใจเอาไว้สุดเท้า----//

                    เวลาคุยกับคนแปลกหน้า – “จะไปเรือนของสึคิโยะมิหรือคะ? ถ้างั้นเดินตรงไปจากนี่แล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วค่ะ” //ยิ้มงามดับชีวี พร้อมผายมือส่งแขก (?)// “ท่านไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ที่นี่ไม่มีอันตรายหรอก” //หัวเราะสวยๆ เสริมออร่าให้ตนอีกนิส--// “ดิฉันว่า..การดื่มชาและชมทิวทัศน์ไปด้วยก็ไม่เลวนะคะ ท่านอยากลองดูไหมคะ?” //ล่อลวง---เอ๊ย! เชื้อเชิญอีกฝ่ายไปที่สวนด้วยรอยยิ้ม//

                    เวลาให้คำปรึกษาคน (?) – “อย่างงั้นเองสินะ อืมมม..ป้าว่าลูกควรไปปรับความเข้าใจกันนะคะ เอาจริงๆ ขอโทษเขาหน่อยก็ได้ค่ะลูก ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเราต้องแมนๆ เข้าไว้ค่ะ” //แนะนำด้วยท่าทีขึงขังขัดกับใบหน้าอย่างแรง----// “ตายแล้วลูกเอ๊ย! ทำไมเรื่องใหญ่แบบนี้ถึงไม่รีบบอกคะ!? มาๆ เดี๋ยวป้าพาไปเคลียร์” //แล้วก็ลากออกไปอย่างว่องไว// “ถามป้า ป้าก็ไม่รู้หรอกค่ะหนูเอ๊ย แต่เอาจริงๆ ป้าคิดว่าทำแบบนี้ก็ดีนะหนู..” //แล้วก็ชี้แนะแบบผู้เชี่ยวชาญสุดๆ//

                    เวลาโกรธ – “โอ๊ย! ไอ้เด็กเปรตนี่! (?) บอกกี่รอบกี่รอบแล้วว่าอย่ามาขุดสวนข้าน่ะ ห๊า!?” //แล้วก็หยิกหูด้วยความหมั่นไส้ในทันที// “อยากโดนไม้เรียวใช่ไหมยะ!? ได้! ป้าจัดให้! !” //พูดจบก็วิ่งไล่กวดเด็กๆ ทั้งหลายด้วยรัก (?) และไม้เรียว (?) ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ (..) อย่างสนุกสนาน (ตรงไหน) ทันที//

     

    ประวัติ  : เจ้าหญิงจากราชวงศ์ญี่ปุ่นผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในทุกๆ ด้าน และเนื่องด้วยการที่เป็นพี่คนโตต้องเลี้ยงน้องมากมาย อากาวะจึงมีความเข้มงวดและเป็นระเบียบสูงมาก แต่กระนั้นก็ยังรักและเอ็นดูน้องๆ ทั้งหลายมากอยู่ดี และเพราะเอาแต่เลี้ยงน้องแบบไม่ลืมหูลืมตา อากาวะเลยกลายเป็นสาวโสดที่ปักรากฐานสร้างบ้านบนคานอันหนาวเหน็บ เพียงลำพังในรุ่นของเธอไปอย่างน่าสงสาร ด้วยเหตุนี้เองทำให้อากาวะเหงาและเปล่าเปลี่ยวใจ (?) เป็นอย่างมาก เธอจึงชอบที่จะไปขโมย (?) ลูกชาวบ้านเขามาเล่นด้วยเป็นประจำ และความน่ารัก สดใส ของเหล่าโชตะและโลลิอันดีงามก็ทำให้ใจของเธอฟูฟ่อง นับแต่นั้นมา อากาวะก็รักเด็กยิ่งชีพ ไม่สนใจจะลงจากคาน และตั้งมั่นปธิญาณตนว่าจะเลี้ยงหลานให้น้องๆ ไปจนตาย (..) หากแต่แล้วปธิญาณอันมุ่งมั่นพลันต้องล้มครืนไม่เป็นท่า เมื่อคุณป้าอาวะแสนงามได้สิ้นชีพแล้วเปลี่ยนมาเป็นเทพแบบงงๆ โดยไม่รู้ตัวไปเสียอย่างนั้น กระนั้นเรื่องความรักและเอ็นดูในเด็กน้อยก็ไม่ได้หายไปไหน เพิ่มเติมมาหน่อยก็คือเส้นประสาทขาดง่าย เพราะความเกรียนของเด็ก และอาการใจสั่นต่อหนุ่มหล่อรูปงามเป็นประจำที่มาจากไหนก็ไม่รู้ กลายเป็นตำนาน ท่านป้าอาวะผู้มาพร้อมกับไม้เรียว อันเป็นที่พึ่งอันประเสริฐสุดของเหล่าเทพทุกท่านเทอนั่นเอง---

     

    รูปร่างหน้าตา : เส้นผมสีฟ้าอมเทาประกายมุกหยักศกเล็กน้อยยาวสลวยถึงเอว เข้าคู่กับดวงตาสีเขียวฟ้าออกเขียวประกายระยิบระยับงดงามดั่งไข่มุกล้ำค่าในมหาสมุทร ล้อมกรอบด้วยแพขนตาหนางอนสีเดียวกับเส้นผม ใบหน้ารูปไข่คมสวยได้รูปมีเสน่ห์ ริมฝีปากอวบอิ่มมักทาด้วยสีฟ้าอ่อนเอาไว้เสมอ จมูกโด่งสวย รับกับเรียวคิ้วโก่งบางคล้ายคันศร ผิวขาวอมชมพูสุขภาพดีดูเปล่งปลั่ง สัดส่วนกำลังดี และมาพร้อมกับส่วนสูง 169 ซม. กับน้ำหนัก 48 กก. อันเป็นผลให้เธอมีรูปร่างสวยงาม และผอมบางกว่าหญิงสาวท่านอื่น มีออร่าลึกลับรายล้อมรอบตัวชวนให้น่าค้นหาและเสริมเสน่ห์ให้หล่อนอย่างน่าประหลาด แต่เห็นหน้าตาแบบนี้ อายุป้าเขาปาไป5000แล้วนะเออ---

     

    ชุดที่ใส่ : รอบนี้ขอแปะรูปเถอะค่ะ คิดไม่ออก เว-----///  //โฟกัสชุดอย่างเดียวเลยค่ะ เอ้า--ซูมมมมมมมมม--// ป.ลิง. ขอเปลี่ยนสีแดงหลักของชุดเป็นสีดำนะคะ งุงิ (?)



     

    อาวุธ :ไม้เรียวสีเงินยาวประมาณหนึ่งไม้บรรทัด ใช้สัมผัสฟาดก้นเด็กดื้อ และชี้ไปยังสิ่งของที่ต้องการทำให้เป็นเถ้าธุลี (แน่นอนว่าต้องอยู่ในระยะ10เมตร)

     

    ชอบ : โชตะและโลลิน่ารัก---(คุกค่ะป้า..คุก) / กฏระเบียบและความเรียบร้อย / ที่ที่สงบๆ / เล่นกับเด็กน้อยน่ารัก (ย้ำว่าต้องน่ารัก---) / หนุ่มหล่อรูปงาม

     

    ไม่ชอบเกลียด : เด็กเกรียน (แต่ก็รักนิดนึง) / เสียงดังโวยวาย / ความไม่สงบและความวุ่นวาย

     

    งานอดิเรก : น้วยโลลิหรือโชตะ / นั่งคัดโคลงกลอน / วิ่งไล่ฟาดก้นเทพสายเกรียนเด็กเจ้าตัวบนสวรรค์ด้วยความรักล้นอก (?) / นั่งเสพรูปโชตะโลลิที่มีเก็บไว้ล้นคลัง

     

    เพิ่มเติม : บางทีอากาวะเครียดจัดก็มีโมเมนท์ปลดปล่อยอยู่บ้าง ซึ่งไม่ใช่ปลดปล่อยแบบโอ้เย้! ไปโด้บเหล้ากันเถอะ! ! (?) อะไรแบบนั้น แต่เจ้าตัวจะเข้าโหมด ปล่อยวาง ไม่สน ไม่แคร์ และจมดิ่งอยู่กับการเสพรูปโชตะโลลิในคลังอย่างเป็นสุขแทน----

     

     

     

    Question(ให้ตัวละครตอบ)

     

    ถาม  ถ้าอยู่ๆตัวเองกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาจะทำยังไง

    ตอบ ป้าว่าก็ดีนะคะ..คือบางอารมณ์ป้าก็อยากจะหนีจากเด็กเปรต---อุ้ย! ไม่ใช่..ป้าหมายถึงว่าป้าอยากจะผ่อนคลายจากงานเทพบ้างน่ะค่ะ” //แล้วแอบยิ้มมมมมแบบเนียนๆ..//

     

     

    ถาม รู้สึกภูมิใจไหมที่มนุษย์ต่างเคารพตัวเอง

    ตอบ อืม..ไม่รู้สิคะ แต่ถ้าคนที่เคารพป้าเป็นเด็กน้อยน่ารัก ป้าคิดว่าตัวเองคงกรี๊ดดังๆ แล้ววิ่งไปคุกเข่ากราบหน้าวิหารท่านเจ้าสักสามวันสามคืน เป็นการขอบคุณสักเล็กน้อยน่ะค่ะ” //เอามือนาบแก้มแล้วบิดตัวเขินอายอย่างมีจริต(?)//

     

     

     

    คุยกับอิคนเขียนหน่อยค่ะ

     

    สวัสดีค่ะ คนเขียนชื่อรินนะค่ะ คุณแม่ชื่ออะไรค่ะ?”

    -Hello อิสมีย์---//รันเองไง จำได้ไหมคะ 5555

     

    ทีส่งลูกมาที่นี้คิดดีแล้วใช่ปะค่ะ?”

    -คิดดีค่า ป้าแกมากระซิบว่าเบื่อหนุ่มในสต๊อกเราแล้ว (?) อยากออกมาเผอิญโลกกว้างบ้างน่ะค่ะ โฮะๆๆๆ----//เดี๋ยวๆ

     

    ทำไมถึงมาสมัครค่ะ?”

    -ชอบเทพเจ้าของญี่ปุ่นค่ะ! บวกกับอารมณ์ฟีลลิ่งคุณป้ามันพวยพุ่งจนแบบว่าต้องปั่นออกมาให้ได้เลยค่ะ!

     

    เราชอบดองนะ บอกเลยค่ะ

    -แท็กมือค่ะ--//เรามาสร้างโรงงานไหดองด้วยกันไหมคะ?------

     

    สุดท้ายอยากบอกอะไรคนเขียนค่ะ

    -ลูกๆ ป้าๆ หลานๆ ของเราอาจจะบ้าและคาแรคเตอร์แหวกบ้าง สไตล์เดิมบ้าง (?) แล้วแต่ฟิลลิ่งไปหน่อยนะคะ แต่คงไม่มีแนวหัวเราะทั้งวันออกมา เพราะเข็นไม่เป็น----//บอกไม//ยังไงก็ฝากทุกคนด้วยนะคะ หวังว่านางๆ จะติด หรือโดนยัดบทสักหน่อย---แต่ถ้าไม่ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงเราก็มาตามเรื่องนี้เพราะอยากอ่านเองแต่แรกอยู่แล้ว 5555

     

    ขอบคุณค่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×