คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : candlelight
ll just enjoyed where you are now. ll
__________________________________________
Application
“ ชีวิตคนเรามันก็มีอยู่แค่นี้ไม่ใช่รึไง?
มีความสุขกับตัวเองให้ได้มากที่สุดก็พอแล้วน่า! ”
รูท : sincerely (TRUE) Sawada Tsunayoshi
ชื่อ : สุเมรางิ อัตสึโกะ / Sumeragi Atsuko
ชื่อเล่น : อัตสึ / Atsu *สำหรับเพื่อนๆ คนสนิทและครอบครัว*
สัญชาติ : ญี่ปุ่น (เชื้อชาติ : ญี่ปุ่น / อิตาลี)
อายุ : 15ปี
รูปลักษณ์ : เด็กสาวตัวน้อยเจ้าของรอยยิ้มสุกสกาวประหนึ่งดอกทานตะวัน เรือนร่างที่ดูเล็กสั้นนั้นถูกกล่าวไว้ว่า เดี๋ยวมันก็สูงเองนั่นแหละน่า! อยู่เสมอ ผิวของสุเมรางิขาวสะอาดแต่ก็ไม่ได้ซีดจนเกินงาม มันยังเจือไว้ด้วยสีชมพูอ่อนเหมือนกับผลพีช บ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี ดวงหน้าทรงไข่ติดจะออกแก้มไปสักหน่อย ริมฝีปากบางสีหวานมักคลี่ยิ้มกว้างๆ แบบไม่กลัวว่าจะหมดสวย ดวงตาของเธอกลมโตเหมือนกับตาของกวางผา โดยธรรมชาติเเล้ว สุเมรางิมีดวงตาสีฟ้า แต่เพราะสายตาสั้นจึงเลือกใส่คอนเทคเเลนส์สีโอปอลเอาไว้ตลอด เส้นผมของเธอเป็นสีคราม มันยาวมากเพราะสุเมรางิไม่เคยตัดผมของเธอเลยตั้งแต่เด็ก ทรงทวิลเทลและโบว์สีหวานๆ ยิ่งทำให้เธอดูเด็กลงกว่าเดิมเข้าไปใหญ่ ถึงจะซุกซนอย่างไร เด็กสาวก็ยังเป็นคนที่ชอบเเต่งตัวด้วยชุดกระโปรง และตกแต่งตนเองด้วยสีสันมากมายราวกับลูกกวาดเเสนอร่อยอยู่เสมอเลยล่ะ (152ซม. l 44กก.)
อาชีพ : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปีที่3
ลักษณะนิสัย :
• the little girl with a smile of sunflower.
เด็กสาวผู้มากับรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าด้วยความร่าเริงสดใสอันโดดเด่น ตัวตนของสุเมรางิสามารถเปรียบเปรยได้หลายอย่าง แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันเป็นอย่างแรก ก็คงไม่พ้นดอกทานตะวันที่มักแย้มบานรับรุ่งอรุณใหม่ในทุกๆ วัน สุเมรางิเป็นคนที่ร่าเริง สดใส และเปล่งประกาย เธอสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นเเละมีความสุข ผ่อนคลายเสมือนกับว่าได้อยู่ในบ้านแสนรัก ความสบายๆ ไม่ถือตัว รวมถึงความเอาใจใส่ที่มี นั่นทำให้เธอเป็นคนที่ไม่ยากต่อการสนิทสนม และรอยยิ้มของเธอก็เต็มไปด้วยความงดงาม มันดูสนุกสนาน แต่ก็แฝงด้วยความนุ่มนวล เป็นรอยยิ้มของคนที่มีความสุขอยู่เสมอเลยยังไงล่ะ
เพราะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี เเละรายล้อมด้วยคนที่ดี นั่นจึงทำให้สุเมรางิมีทัศนคติและการแสดงออกในเชิงแง่บวกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ บางคนอาจจะบอกว่าการเป็นเช่นนั้นทำให้เธออ่อนต่อโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถึงเเม้สุเมรางิจะดูเหมือนราวกับเด็กน้อย ที่เป็นผ้าขาวสะอาดไร้มลทินอย่างไร เธอก็เป็นคนที่เข้มแข็งเกินคาดเช่นกัน ภายนอกอันอ่อนนุ่มคือภาพผิวที่ทำให้ผู้คนหลงรัก ส่วนจิตใจอันเป็นดั่งปราการเหล็กที่ไม่สั่นคลอน ก็สามารถทำให้ผู้คนนึกนับถือในตัวเด็กคนนี้ได้เช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นเด็กดีแสนน่ารัก อย่างไรแล้ว สุเมรางิ อัตสึโกะ ก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา คุณยิ้มเพราะความสดใสของเธอได้ แต่คุณจะไม่สามารถเกลียดชังเเละทำลายมันได้ ตราบใดที่สุเมรางิยังคงสนุกอยู่กับชีวิตอันเเสนเรียบง่ายของเธอ วันพรุ่งนี้ก็ยังคงเป็นวันที่ต้องตั้งตารอคอยสำหรับเธอ เเม้ว่าปัจจุบันมันจะเป็นวันที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าก็ตาม
• the colorful on a white paper
กระดาษสีขาวที่พร้อมเปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ และแต่งแต้มสีสันลงไปได้อย่างไม่รู้จบ สุเมรางิเป็นคนที่มักสนใจใฝ่รู้เรื่องต่างๆ เธอขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น และมีความกระตือรือร้นอยู่ในตัว ผู้คนมักเห็นเด็กสาวคนนี้อยู่กับหนังสือตำราต่างๆ นานามากมาย ทั้งนวนิยาย สารคดี หนังสือพิมพ์ แฟชั่น ไม่ว่าอะไรก็ล้วนอยู่ในความสนใจของเธอทั้งสิ้น กล่าวว่าการที่เธอชอบอ่านหนังสือนั้นไม่ใช่เพราะความเป็นหนอนหนังสืออะไร แต่เป็นเพราะนิสัยอยากรู้อยากเห็นในเรื่องราวที่ไม่เคยรู้ต่างหาก ที่คอยกระตุ้นให้เธอเสาะแสวงหาเรื่องราวใหม่ๆ มาประดับตัวอยู่เสมอ
สุเมรางิเป็นคนขี้สงสัย ดังนั้นเมื่อพบอะไรไม่คุ้นเคยหรือแปลกไปจากเดิม เธอจะชอบไปวอแววุ่นวายอยู่กับสิ่งนั้น พยายามไขข้อข้องใจ และกลบหลุมบ่อของความสงสัยเหล่านั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการถามไถ่ การศึกษาด้วยตัวเอง หรือจะเป็นการเข้าไปทดลองลองดูก็ตาม หลายคนชอบบอกว่าความระมัดระวังตัวของสุเมรางิมันต่ำมาก เพราะบางครั้ง เธอก็ชอบเข้าไปคุยกับคนแปลกหน้าเพราะมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม ไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยว่าอาจจะเป็นภัยกับตัวเองขึ้นมาก็ได้ พอโดนเตือน ก็ชอบยิ้มกว้างๆ แล้วบอกว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยอยู่ตลอด เป็นเหตุจะทำให้คนเขาบ่น หัวใจจะวายตายกันเรื่อยเลยล่ะ
แต่สิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยรู้ นั่นคือพวกเขามักกังวลไปเกินกว่าเหตุ อาจเพราะสุเมรางิดูเป็นพวกซื่อๆ ตามใครไม่ทันด้วยนั่นแหละ น้อยคนมากที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วสุเมรางิสามารถจัดการการใช้ชีวิตได้อย่างดีเยี่ยมขนาดไหน สีสันบนผ้าใบสีขาวไม่เพียงแต่เป็นความรู้ มันยังรวมถึงประสบการณ์อีกด้วย เธอเป็นคนที่ช่างสรรหา ดันนั้นสุเมรางิจึงได้พบเจอคนมากมาย กับเรื่องเล่าและเหตุการณ์ตรงอีกเป็นร้อย เธอดูคนออก รู้ทันแกวอยู่บ้างในเบื้องต้น หรืออย่างน้อยก็ไม่โดนหลอกด้วยหนังสือหายากแล้วโดนอุ้มขึ้นรถตู้ไปแน่ๆ ล่ะ
• the memories that never fade.
ความจำดีราวกับว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ชั้นยอด จะนานเเค่ไหน หรือเล็กน้อยเท่าไหร่ สุเมรางิก็จำได้ดีเหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะช่างอ่านบวกกับช่างสังเกต เลยได้รับทักษะตรงนี้มาอย่างล้มหลาม เธอมักสังเกตผู้คนเพื่อจดจำใบหน้าและอุปนิสัย มันเป็นการป้องกันตัวแบบหนึ่งที่ว่าคนอย่างนี้จะทำอย่างนี้ได้ และคนแบบนี้จะเป็นพวกทำเรื่องอย่างนั้น การคาดเดากิจวัตรประจำวันของคนจากการแสดงออก สีหน้า หรือความเคยชิน ก็เป็นเรื่องที่เธอถนัดอีกอย่างเช่นกัน
เธอถูกทักว่าเป็นเอสเปอร์บ่อยๆ อย่างหยอกล้อ แต่ผู้คนก็แอบคิดจริงกันอยู่บ่อยครั้ง สุเมรางิเดาใจคนได้เก่ง มันไม่ใช่การเดามั่วสุ่มๆ ไปหรอก อย่างคนเราจะจะมีลักษณะเฉพาะกันไป เช่นลักษณะของนิ้ว นิ้วที่เรียว ดูคล่องแคล่ว แต่มีความหยาบกระด้าง มันคือลักษณะแบบของนักดนตรี เป็นต้น แต่ส่วนมากเเล้วสุเมรางิมักใช้ทักษะพวกนี้กับคนใกล้ตัว เพื่อสังเกตเเละเทคเเคร์อารมณ์ของพวกเขา อย่างว่านั่นแหละ ถึงจะใจดียังไงก็คงไม่มีใครบ้าไปแคร์คนทั้งโลกหรอกจริงไหม?
นิสัยอีกอย่างที่ติดเป็นเอกลักษณ์นั่นคือการชอบจดบันทึก สุเมรางิชื่นชอบในเรื่องราว ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้มันหายไป แม้ว่าอนาคตอาจจะจำไม่ได้ แต่ก็อยากจะให้มันหลงเหลือร่องรอยเอาไว้ สมุดจดบันทึกเล่มเล็กๆ มากมายในห้อง มันมีกลิ่นหมึกและเรื่องราวในแต่ละวันของเธอถูกขีดเขียนเอาไว้ ทั้งประสบการณ์ที่ได้รับ หรือกระทั่งเรื่องของคนรอบตัว มันอยู่ในนั้นทั้งหมดเลยล่ะ
วันไหนที่อาจจะเศร้าหรือเหนื่อย สุเมรางิก็ชอบหยิบสมุดจดบันทึกพวกนั้นมาอ่าน ซึมซับเรื่องราวดีๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง หรืออาจจะเป็นเรื่องแย่ๆ ที่ทำให้ยิ้มได้เเล้วพูดขึ้นมาว่า "ทีวันนั้นยังผ่านมาได้เลยนะ" แล้วอีกไม่นาน เด็กที่เหนื่อยล้าคนนั้นก็จะเข้มแข็งขึ้นและลุกขึ้นมาสู้กับปัญหาของเธอต่อ ใช่แล้ว คนอย่างสุเมรางิน่ะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก
• run out of and take it back.
ล้มน่ะล้มได้ แต่ล้มเเล้วก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ ผู้หญิงที่มีพลังงานเหลือล้น คำว่าเหนื่อยเหมือนกับว่าจะไม่เคยอยู่ในพจนานุกรม นอกจากจะร่าเริงและยังเป็นพวกอยู่ไม่สุข เด็กดีของทุกๆ คนก็มีโมเมนต์ดื้อๆ อยู่ในตัวสูงเหมือนกัน สุเมรางิเป็นคนที่มีกำลังใจสูงมาก ความมั่นใจเองก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นเมื่ออยากจะทำอะไรเเล้วจึงลงมือทำในทันที เธอไม่ใช่พวกพูดไปเรื่อยหรือพวกพลัดวันประกันพรุ่ง สุเมรางิรักการทำงานอย่างรวดเร็ว และเธอชอบความสบายที่ตามมาหลังงานเสร็จเเล้วที่สุดเลยล่ะ
สำหรับลูกทีม พวกเขาจะมองสุเมรางิเหมือนหัวหน้าใจดีที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะเก่งเเละกระตือรือร้นเเล้ว เธอยังมีความดุในการงานเท่ากับสามสิบเต็มร้อย เห็นคนผิดก็ช่วยแก้ เห็นคนพลาดก็ช่วยเตือน อารมณ์คุณยายสอนหลานถักเน็ตติ้งไม่มีผิด แต่บอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่า พวกที่มาเกาะเอาคะแนน หรือพวกปลิงชนิดขี้เกียจน่ะ จะ-ต้อง-ประ-หาร-เท่า-นั้น!
นอกจากนี้เเล้วสุเมรางิยังเหมือนพวกเจ็บไม่รู้จักจำ ล้มไม่รู้จักจบอีกต่างหาก อย่างที่บอกว่าคนเรามันพลาดกันได้ สุเมรางิเองก็มีช่วงที่พลาดบ่อยๆ ล้มเหลวซ้ำๆ จนเฟลจัดอยู่เหมือนกัน อย่างตอนที่เล่นเกมเเข่งรถเเล้วเเพ้มันสิบตาติด เป็นคนอื่นคงปาจอยไปแล้ว แต่กับผู้หญิงคนนี้ ถ้าไม่ผ่านสักทีก็คงไม่เลิกเล่นหรอก ถอนหายใจพักๆ ก็กลับมานั่งกดจอยต่อแล้ว แถมไฟลุกท่วมกว่าเดิมไปอีก ลองได้ปักใจอะไรสักอย่างดูสิ ไม่มีทางล้มเลิกจนกว่าจะสำเร็จแน่
• smile, laugh and live happily.
คนเราสามารถมีเรื่องให้เศร้าได้ แต่อย่างสัก10ส่วนของชีวิตก็อย่าให้มันเกินไปกว่า2 ว่ากันว่ามนุษย์ร้องไห้เพราะเสียใจ ดังนั้นจึงไม่ผิดที่จะร้องไห้ สุเมรางิเองก็เป็นคนที่มีมุมขี้เเยอยู่เหมือนกัน เวลาที่เจอเรื่องแย่ๆ หรือโกรธจัด ก็มักเผลอปล่อยน้ำตาออกมาตลอด เเต่เธอก็พยายามกลั้นมันไว้ในเวลาที่ไม่จำเป็นเหมือนกัน หรือถ้าสุดทนเเล้วก็คงไม่ไหว..แต่นั่นแหละ มันไม่ได้ผิดอะไร ถ้าร้องแล้วทำให้สบายใจก็ร้องไป ดีกว่าเก็บเอาไว้เเล้วทำให้เจ็บปวดนี่นา
ชีวิตเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน สุเมรางิไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธออาจจะเจอเรื่องแย่ๆ หรือตายในเร็ววัน ดังนั้นเธอจึงใช้มันให้คุ้มเเละมีความสุขอยู่ในที่ของตัวเอง ที่ทุกคนมักเห็นว่าสุเมรางิยิ้มอยู่ตลอด ก็เพราะว่าเธอจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดี สุเมรางิเมื่อรู้ว่าเริ่มนอยน์ ก็จะปลีกตัวออกจากฝูงชน ไปสงบสติเสียก่อน หรือถ้ารู้สึกเสียใจ เธอก็จะกินของอร่อยๆ แต่งตัวสวยๆ ดูหนัง ฟังเพลง ทำทุกอย่างที่อยากทำไปเลยเพื่อที่จะกลบช่องว่างอารมณ์นั้นให้ได้
แต่เพราะความซื่อตรงกับอารมณ์ของตัวเอง คำที่ว่า มีความสุขอยู่เสมอ จึงไม่ถือว่าผิดไปซะหมด สุเมรางิจะแสดงออกอย่างที่เธอรู้สึก ไม่ว่าจะเป็น ดีใจ ยิ้มแย้ม โกรธ หรือเศร้าก็ตาม ถึงจะพยายามกลบพวกอารมณ์แง่ลบออกไป ก็ต้องมีคนสังเกตได้บ้างแหละว่าวูบหนึ่งเธอมีสีหน้าที่ไม่ดีเอาซะเลย อีกทั้งสุเมรางิยังไม่ถูกโฉลกกับคำโกหก เธอโกหกไม่เป็นและไม่คิดจะโกหก ดังนั้นคนที่ไม่บีบบังคับใจตัวเอง ย่อมต้องเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าบังคับฝืนใจตนอย่างแน่น
• like a pudding spear.
มนุษย์ที่โคตรตรงไปตรงมา คิดอะไรก็พูด นึกอะไรก็บอก แสดงออกอย่างที่รู้สึก และไม่เคยจะโกหกใครเขาเลย ความที่ว่าสุเมรางิเป็นพวกแบบนั้น เลยอาจทำให้บางคนคิดไปได้ว่าปากเธอคงไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าได้รู้จักกันจริงๆ แล้ว พวกคุณจะเข้าใจได้เลยว่าไอ้ที่ ตรงเหมือนหอก แต่นุ่มนิ่มเด้งดึ๋งเป็นพุดดิ้ง นี่เป็นยังไง
ความคิดแง่บวก รวมร่างกับความสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก เป็นเหตุให้ต่อให้พูดตรงให้ตายยังไงก็ไม่เจ็บ สุเมรางิไม่ใช่พวกที่จะไปด่าใครต่อใครเขา หรือมีคำพูดเเรงๆ อยู่ในหัว จะบอกว่าด่าคนไม่เป็นก็ว่าได้ เวลานึกโกรธเเล้วอยากได้ใครก็ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะด่ายังไงดี สุดท้ายเเล้วก็ทำได้แค่ไล่เขาไปให้ไกล หรือไม่ก็วิ่งหนีออกมาเท่านั้นเอง น่าเอ็นดูซะไม่มีล่ะ (?)
นอกจากนี้ลักษณะการพูดจาของเธอยังเป็นอะไรที่ทำให้คนฟังไม่รู้สึกเครียดสักเท่าไหร่ สุเมรางิพูดจาสบายๆ กับทุกคน มีเสียงที่ดังแต่ไม่กดดันหรือเข้มจัด มันเป็นเสียงดังๆ เหมือนกับเด็กที่ชอบแหกปาก (?) นั่นแหละ เธอแอบขี้โวยวายไปบ้าง แต่ไม่ใช่คนช่างเหวี่ยงหรอก (ถึงหลายครั้งคนเเถวนั้นจะแอบบ่นว่ารำคาญก็เถอะ--) สุเมรางิมีรีแอคชั่นการเเสดงออกทางเสียงกับท่าทางที่ค่อนข้างประหลาด แต่พอเห็นว่าเป็นสุเมรางิก็อดคิดไม่ได้ว่าสมเป็นเธอดี กับทำหน้าหมดอาลัยตายยากแค่เพราะต่อแถวซื้อขนมของโปรดได้ไม่ทันเท่านั้นเองแบบนั้น
• love me that what I am, pls.
มีความหัวรั้นอยู่ในตัว กับเรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่คิดจะยอมก็ไม่ยอมลงมันท่าเดียวเลยเหมือนกัน สุเมรางิดื้อกว่าที่คุณคิด เธอไม่ใช่พวกเออออไปเรื่อยกับทุกคนหรอกนะ ทั้งความชอบหรือวิจารณญาณ ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอทั้งนั้น การเอาแต่คอยทำตามชาวบ้านมันน่าพิสมัยเสียเมื่อไหร่ สุเมรางิเหมาะจะเป็นผู้นำ และไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นผู้ตาม เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง เชื่อและมั่นใจในตนเองมากในระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่หัวสร้างสรรค์กว่าใครๆ แถมมีอารมณ์ติสท์ในตัวอีกต่างหาก
ยกตัวอย่างเช่นการบันทึกหรือการเขียน ในขณะที่คนอื่นหันไปใช้เครื่องพิมพ์ดีด สุเมรางิกลับยังนิยมชมชอบการเขียนจดหมายด้วยลายมือ เธอไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นโดยไม่จำเป็น คิดว่าการตามกระแสไม่ใช่หน้าที่สำหรับผู้คนในสังคม ถึงจะทำให้ตัวเองดูแปลก มันก็ไม่ได้ทำให้สุเมรางิเครียด เรื่องที่จะทำให้อึดอัดน่ะคือการต้องมาทำในสิ่งที่มันไม่ใช่ตัวเธอเลยต่างหาก สุเมรางิเกลียดการฝืนใจใคร ทั้งตัวเองและคนรอบข้างเลย ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ จะไปบังคับกันให้ตายยังไงมันก็ไม่ได้หรอก
ถ้าหากอ่านมาจนถึงตรงนี้ คุณอาจจะรู้ว่าสุเมรางิไม่เหมือนกับคนอื่น เธอแปลก แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่ ถึงอย่างนั้นภาพลักษณ์แบบนี้มักขัดต่อสังคมดั้งเดิม ญี่ปุ่นนั้นผู้ชายจะเป็นผู้นำ แต่โลกของสุเมรางิ เธอคือผู้นำในทุกการกระทำของตนเอง หรืออย่างน้อยถ้าหากเห็นโลกมาบ้าง ก็ต้องย่อมรู้ว่าทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปตามกระแสสังคมเเละค่านิยม ผิดกับสุเมรางิที่ดำเนินชีวิตตามแบบดั้งเดิมของตนเอง เธอไม่คิดเปลี่ยน และก็ไม่คาดหวังให้โลกมาหยุดรอเธอเปลี่ยนด้วย
• she is a laugh bomb.
เป็นคนตลกแบบตลกจริงๆ คุณสามารถเพลิดเพลินและขบขันไปกับสุเมรางิ อัตสึโกะได้ในทุกกิจวัตรประจำวันของเธอ สุเมรางิไม่เหมือนนักตลกที่จะสร้างเสียงหัวเราะด้วยมุกตลกหรือสถานการณ์ แต่เธอเป็นพวกที่มีความเป็นตลกอยู่ในธรรมชาติของตัวเองอยู่เเล้ว มักหลุดท่าทีการแสดงออก คำพูด สีหน้า หรือน้ำเสียงที่สร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้คนอื่นได้อยู่เสมอ นั่นแหละคือสุเมรางิ
เคยมีคนบอกไว้ว่า เป็นที่หนึ่งไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าคนเขาจำเราได้ก็ถือว่าโอเค (?) สำหรับสุเมรางิผู้ไล่ล่ากิจกรรมและทำทุกเรื่องที่อยากทำ แน่นอนว่าย่อมหวังผลสำเร็จเอาไว้บ้าง แต่คนเรามันจะเก่งไปหมดซะทุกอย่างนั่นก็ออกจะบ้าบอเกินไปหน่อย สุเมรางิเองก็มีเรื่องที่ทำได้ไม่ดี แต่เธอก็อยากจะทำมันอยู่ดี สุดท้ายเพื่อกลบปัญหาที่อาจเฟลกับผลลัพธ์ เธอเลยตัดสินใจไปว่า ให้ทำตามใจอยากไปก่อนก็เเล้วกัน นั่นเอง
แถมบังเอิญว่าใจเธอมันไม่ปกติเอาซะเลย พวกอารมณ์ศิลปินก็จะมีความแปลกประหลาดที่เข้าถึงยากอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ? สุเมรางิชอบความสบายๆ แต่ก็ชอบที่คนอื่นจำเธอได้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงคิดว่า จะสร้างผลงานแบบนี้ที่สามารถประทับใจคนได้มากที่สุดเสมอ ความประทับใจแรกพบคือสิ่งสำคัญที่สุด รูปแบบและเนื้องานคือสิ่งที่เป็นรอง สุดท้ายก็คือความถูกต้องนั่นเอง
อ่ะ เเต่ก็ใช่ว่าลำดับความถูกต้องไว้ท้ายสุดเเล้วจะแหกมันหมดทุกกฎหรอก สบายใจได้เลย!
•beginner of love
ผู้คนบอกว่าความรักเป็นสิ่งล้ำค่า แต่สำหรับสุเมรางิเเล้ว ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากที่สุด ทว่าในขณะเดียวกัน สุเมรางิก็เป็นหญิงที่เพ้อฝันต่อความรัก หลงใหล และเฝ้าฝันอยากจะพบเจอมันมากที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน
ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่สุเมรางิจะได้ฟังเรื่องราวความรักของพ่อแม่ มันแสนหวานและดูวิเศษราวกับเป็นเทพนิยายสักเรื่อง เพราะเเบบนั้น จิตใจของสาวน้อยจึงคาดหวังต่อมันมากยิ่งกว่าอะไรดี สุเมรางิอยากจะมีรักที่แสนวิเศษเหมือนกับที่พ่อและแม่รักกัน แต่ผู้คนก็ชอบบอกว่าไม่มีใครจะโชคดีได้ถึงขนาดนั้นเท่าพ่อกับแม่เธออีกเเล้วล่ะ หรือไม่ก็บอกว่า รักมันมีทั้งหวานและขม ปมกันไปทั้งนั้น ไม่มีทางที่คนเราจะมีความสุขในรักได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก
ถึงอย่างนั้นสุเมรางิก็ไม่ได้เชื่อไปทั้งหมด เธอยังคิดว่าความรักเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเธออยู่ดี เป็นคนที่กระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้ พกเครื่องรางความรักไว้กับตัว หรือมีบ้างที่จะจ้องมองชายหนุ่มเเสนวิเศษด้วยสายตาเพ้อฝัน ถึงอย่างนั้นสิ่งที่รู้ตัวดีที่สุดก็คือ สุเมรางิไม่เคยมีอารมณ์ความรู้สึกที่เทียบได้กับ ความรัก ของแม่ที่มีให้กับพ่อเหมือนที่เธอเคยสัมผัสได้เลย
มันอาจจะเป็นจุดเล็กๆ แต่กลับกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะมันทำให้สุเมรางิมีมาตรฐานที่สูง มีบางครั้งที่มีคนเข้ามาจีบเธอ แต่เธอก็เลือกจะปฏิเสธ เพราะคิดว่ามันยังไม่ใช่ความรัก สุเมรางิไม่ชอบการนับเริ่มตั้งแต่ศูนย์ และเพราะเเบบนั้น มันถึงได้สับสนว่าสรุปแล้วนี่เป็นความรักรึเปล่า? สุเมรางิกับความรักดูเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกัน ที่มักผลักออกจากกันเสมอมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก จึงไม่แปลกเลยว่า ทำไมทุกๆ คนถึงบอกว่าเธอนั้นก็ยังเป็นได้เพียงผู้ฝึกหัดเริ่มต้นในเรื่องของความรักมาเสมอ
• because you're always my number one.
ต่อให้แสนดีแค่ไหน ก็ยังมีคนที่เป็นที่สุดอยู่ดี สุเมรางิไม่ใช่พวกใจดีไปเรื่อยหรอกในความเป็นจริง มนุษย์ก็คือมนุษย์ สำหรับเธอเอง ความใจดีแสนน่ารักที่คอยเทคเเคร์ดูแล ก็มีอยู่อย่างจำกัดเช่นกัน กับสุเมรางิ ทุกคนอาจจะรู้สึกว่าได้รู้จักเธอและสนิทกับเธอง่ายๆ แต่มันชัดเจนมากที่จะรู้สึกตัวได้ว่าตนเป็นคนสำคัญหรือไม่สำหรับเด็กสาวคนนี้
เธออาจจะซื้อขนมมาให้คุณ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอทำกับทุกคน ในทางตรงกันข้าม เมื่อเขาคนนั้นเป็นคนสำคัญของเธอ ตอนที่พูดออกมาว่าหิว สุเมรางิก็สามารถยื่นของกินของเธอให้กับคุณได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ความจริงนั่นจะเป็นมื้อเที่ยงของเธอ เมื่อให้รันลำดับความสำคัญแล้ว ครอบครัว เพื่อนสนิทคือสองอันดับแรก นั่นจึงทำให้เธอดูแลคนสองจำพวกแรกอย่างดีมากถึงมากที่สุด จากนั้นที่ใส่ใจรองลองมา นั่นจึงเป็นตัวเธอเอง
แสนดีแต่ไม่ใช่คนโง่ นั่นคงเป็นประโยคเปรียบเปรยตัวตนของสุเมรางิได้หมดจดอีกหนึ่งประโยค ถ้าหากว่ามันกระทบต่อเธอ ส่งผลให้คนสนิทเดือดร้อน หรือเกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง สุเมรางิก็ไม่คิดเข้าไปเสี่ยงหรอก เธอไม่ใช่คนบ้าที่จะใช้ชีวิตเพื่อคนทั้งโลก คนเรามันมีชีวิตได้แค่คนละหนไม่ใช่เหรอ? เเบบนั้นแล้ว มันจะไม่แปลกใช่ไหม ถ้าเธอจะรักตัวเอง มากกว่ายอมเสี่ยงเพื่อใครสักคน ที่อาจทำให้เธอใจสลายได้ไม่ต่างกันน่ะ
" sorry if I make you feel disappointed. But me too "
(**ในรูปความหมายนี้สามารถแปลได้หลายสถานการณ์ ทั้งความรู้สึกรักที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หรือการพยายามเพื่อใครสักอย่าง การเฝ้ารอ การเชื่อใจ และอื่นๆ อีก แต่ถ้าให้สรุปเป็นหลักๆ แล้ว สำหรับสุเมรางิ สิ่งที่มีผลกระทบมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องของการรอคอยใครสักคนค่ะ)
ประวัติ :
สุเมรางิ อัตสึโกะเป็นเด็กสาวที่เกิดในเมืองชนบท บ้านของเธอทำฟาร์มวัวนมและฟาร์มเกษตร เด็กสาวที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อิตาลีนั้นถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม ชีวิตวัยเด็กของสุเมรางิเหมือนกับเรื่องเล่าในนิทาน เพราะมันเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ธรรมชาติที่สวยงาม ผู้คนที่เป็นมิตร และยังมีคุณแม่กับพื่อนๆ ที่ใจดี๊ใจดีอยู่กับเธออยู่อีกด้วย
บ่อยครั้งที่ผู้คนจะนึกสงสัย ว่าอะไรที่ทำให้เด็กสาวเติบโตมาเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ เเต่เมื่อพวกเขาได้พบกับหญิงสาวผู้งดงาม เรือนผมสีบลอนด์ และรอยยิ้มที่อ่อนหวาน สุเมรางิ อัลเดรียน่า แม่ของเธอ พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ในทันที
อัลเดรียน่าเป็นหญิงสาวชาวอิตาลี เธอตกหลุมรักกับชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่ใฝ่ฝันอยากทำฟาร์มเป็นของตัวเอง ตอนที่สุเมรางิได้ฟังเรื่องราวความรักของพ่อและเเม่ มันเหมือนกับตอนที่แม่ของเธออ่านนิทานสักเรื่องให้เธอฟัง เจ้าหญิงเเสนสวยและเจ้าชายรูปงาม ผิดแค่ว่าในสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้มีเจ้าหญิงและเจ้าชาย แต่มีเพียงแค่หญิงสาวที่ตกหลุมรักคนๆ หนึ่งเท่านั้น
ว่ากันว่าความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก สำหรับสุเมรางิเองก็เช่นกัน
แต่ถึงเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นเรื่องราวเเสนหวานขนาดไหน หรือต่อให้เธอจะนึกเพ้อฝันถึงความรักพวกนั้นอยู่บ่อยๆ สุเมรางิก็เติบโตมาโดยที่ไม่สามารถเข้าใจได้อยู่ดี ว่าความรักนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ในความจริงแล้ว
เพราะอะไร? นั่นสิ..มันคงเป็นเพราะเธอไม่เคยมีความรักมาก่อน..
หรือไม่ก็คงเป็นเพราะนั่นมันก็แค่เรื่องที่ถูกเล่าออกมาเเค่นั้นเอง
"เธอรู้ได้ไงว่ามันเป็นเรื่องจริง ทั้งที่พ่อของเธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว"
ใครสักคนพูดตอกหน้าเธอ กลบทับฝันหวานเเสนวิเศษของเด็กน้อยต่อเรื่องราวของความรัก มันน่าประหลาด แต่เชื่อเถอะว่าตัวสุเมรางิในตอนนั้นไม่ได้รู้สึกตกใจ ตื่นตระหนก หรือกระทั่งเเม้แต่จะโกรธ เธอเงียบมาก แต่นั่นมันก็หมายความว่าเธอรู้เรื่องนี้ดีมาตั้งแต่ต้นเเล้วต่างหาก
ต่อให้แม่จะเล่าเรื่องราวแสนหวานระหว่างตนกับพ่ออย่างไร เธอก็ไม่เคยมันด้วยตาของตัวเอง เพราะสถานที่เเห่งนั้น มีเพียงเเม่ของเธอที่อยู่ข้างๆ กัน ไม่มีทั้งชายหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานเพื่อครอบครัว ไม่มีทั้งชายหนุ่มที่ทำอาหารโปรดให้ภรรยาของเขาและลูกน้อย ไม่มีแม้กระทั่ง..คนที่จะสามารถให้เธอเรียกเขาได้ว่าเป็น พ่อ ของเธอ
ตั้งแต่เกิด สุเมรางิก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อของเธอ เขาตายตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนตร์ เหลือไว้แค่ฟาร์มที่สร้างขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของตน กับหญิงสาวผู้ต้องแบกรับเรื่องราวต่อไปเพียงลำพัง
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง?
ตราบใดที่แม่ของเธอบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง สุเมรางิก็จะเชื่อว่าความรักของทั้งสองมันเป็นเรื่องจริง เธอเชื่อว่าความรักที่แสดงผ่านคำพูดเเละแววตาของเเม่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เพียงการปั้นแต่ง ต่อให้เบื้องหลังของมันจะเเฝงความขมหรืออะไร เธอก็ยังเชื่อว่า ตนเองจะสามารถตกหลุมรักในเรื่องราวแสนวิเศษพวกนั้นได้อยู่ดี
"ก็ฉันน่ะเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแค่นั้นเองนี่นา"
นอกจากเรื่องของความเชื่อแล้ว มันก็แอบมีปัญหาอยู่นิดๆ หน่อยๆ กับการใช้ชีวิตของเธอ
ใช่แล้ว มันคือเรื่องที่เธอไม่มีพ่อนั่นแหละ
ในความจริงแล้ว สุเมรางิไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยกับการที่ตนไม่มีพ่อ แต่เธอก็ไม่ได้เฉยชาถึงขนาดคิดว่าไม่มีมันก็ไม่เป็นอะไร สุเมรางิอยากมีพ่อ นั่นคือเรื่องที่เธอกล้าพูด แค่ไม่ได้ฟูมฟายหรือเสียใจอะไรขนาดนั้น ผิดกับพวกคนที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาลิบลับเลยล่ะ
"เป็นแค่ลูกไม่มีพ่อ อย่ามาทำปากดีจะได้ไหม"
"ไม่มีพ่อบ้าอะไร เขาก็มองฉันอยู่บนฟ้าไงไอ้พวกบ้า"
สังคมชนบทจะว่าดีก็ดี แย่ก็ว่าแย่ เรื่องตลกคือพวกเด็กผู้ชายที่นั่นน่ารำคาญเป็นบ้า พวกเขามักจะล้อเธอเรื่องที่เธอไม่มีพ่อ เข้ามาแกล้งปั่นประสาทกันทุกวี่วัน แต่นั่นก็ได้ไม่นานหรอก เพราะนอกจากพวกนั้นจะโดนเพื่อนๆ ของเธอไล่ตะเพิดไปแล้ว สุเมรางิยังไม่แม้แต่จะร้องไห้เพราะเสียใจกับคำพูดคำจาร้ายกาจพวกนั้นเลย
"พ่อเขาอยู่บนฟ้า คอยดูเราอยู่บนนั้น"
วันนั้นที่ถามถึงพ่อ แม่ก็บอกออกมาแบบนั้น ถึงดวงตาของเธอจะเศร้าหมอง แต่รอยยิ้มก็อ่อนหวานเเละเชื่อมั่น สุเมรางิไม่รู้ว่าอยู่บนฟ้าที่ว่านั่นหมายถึงอะไร เมื่อโตมาก็ไม่ได้เข้าใจว่าคนตายแล้วจะยังเฝ้ามองผู้อื่นได้อยู่อีกหรือ ถึงอย่างนั้นอย่างน้อยที่สุดเเล้ว การเชื่อมั่นในคำพูดของเเม่ มันก็ทำให้เธอเข้มแข็งพอจะจัดการกับพวกเด็กปากดี แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อมาได้
บางทีถ้าพ่อมองเธอจากบนฟ้าอยู่จริงๆ เขาก็คงมีความสุขที่ได้เห็นลูกสาวเติบโตมาเข้มแข็งขนาดนี้
สุเมรางิเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าใครก็พูดกันแบบนั้น
เธอมักมีความคิดแปลกๆ อยู่ในหัว ชอบทำเรื่องเหนือจินตนาการ หลุดกรอบ และไม่ซ้ำใคร ถึงอย่างนั้นเธอก็เป็นเด็กที่น่าเอ็นดู เป็นที่รักใคร่ของทุกๆ คน อ้อมกอดเเสนหวานกับขนมแสนอร่อยมักถูกยื่นเพื่อมอบให้กับเด็กคนนี้ เป็นการตอบแทนความน่ารักช่างเอาใจใส่ของเธอยังไงล่ะ
เพราะสิ่งที่ได้รับตอบกลับมา มันถึงทำให้สุเมรางิไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับการเป็นตัวเองอย่างในทุกวันนี้ เธอเชื่อว่าตัวเองไม่ได้โตขึ้นมาเป็นคนที่แย่อะไรมากมาย และในขณะเดียวกัน เธอก็ยังหวังว่าจะทำให้คนรอบตัวมีความสุขกับการมีอยู่ของเธอ เรื่องที่แม่สอนเธอก็มักเก็บมาใส่ใจ เฝ้าระวังในเรื่องที่ไม่ควรและควร มันก็มีบ้างอย่างภาษาพูดของเธอที่แก้ไม่หาย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นหรอก
อ่า..ไม่สิ..มันมีอีกเรื่องนี่นาที่แก้ไม่หายพอกัน?
"จดหมายเหรอ?"
วันหนึ่งเพื่อนของเธอเอ่ยถามขึ้นมา เขามองเหมือนกับว่าการเขียนจดหมายของเธอเป็นเรื่องประหลาด ทั้งที่ไม่กี่ปีก่อนพวกเราก็ยังเขียนจดหมายเพื่อสื่อสารกันเป็นเรื่องปกติเเท้ๆ ลายมือของสุเมรางิสวยงามเป็นระเบียบ แต่บางทีมันคงสู้เจ้าพวกเครื่องพิมพ์ดีดนั่นไม่ได้ ทุกคนถึงได้ดูจะคล่องใจกับการเขียนจดหมายด้วยลายมือของเธอกันนัก
บอกตรงๆ ก็เซ็งเหมือนกันที่ทุกคนชอบมาวุ่นวายกับความชอบส่วนตัวเธอขนาดนี้ แต่ถึงจะโดนบ่นโดนแซวแซะแขวะอะไรยังไง สุเมรางิก็ยังไม่มีทีท่าจะเป็นอะไรไปมากกว่าเบะปากเซ็งอยู่ดี ทำไงได้ล่ะ เธอชอบของเธอนี่นา
"แต่มันล้าหลังเเล้วนะ"
"นายมาจากศตวรรษที่21รึไงไม่ทราบห๊ะ"
ก็นั่นแหละ..
วันๆ ของสุเมรางิก็ไม่มีอะไรมาก เธอยังใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ตื่นเช้ามาช่วยแม่ทำงานในฟาร์ม อาบน้ำแต่งตัวกินข้าวแล้วไปโรงเรียน เล่นสนุกกับเพื่อนๆ และทำกิจกรรมแต่ละอย่าง กลับมาก็ทำการบ้านให้เสร็จแล้วลงไปช่วยเเม่ทำฟาร์มต่อ มันก็มีแค่นั้นเอง
เรื่องราวมากมายยังคงถูกจดลงไปในสมุดบันทึก ปกสีน้ำตาลดูเก่าเเล้ว แถมกระดาษยังเหลืออีกไม่กี่หน้า สุเมรางิหยุดมือเขียนในตอนที่เริ่มรู้สึกตัวว่าเธอกำลังเขียนสมุดจดบันทึกจนหมดเล่นอีกครั้ง เด็กสาวหันกลับไปรื้อเอาเล่มเก่าๆ มาอ่าน แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าจะเล่มไหนต่อเล่มไหน..ก็เหมือนเดิม
ชีวิตประจำวันของสาวชนบทกับฟาร์มวัวและฟาร์มเกษตรของเธอ..
"เฮ้อ"
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอย่างที่ไม่ค่อยเป็น สุเมรางิเงยหน้ามองท้องฟ้า เเวบหนึ่งดาวตกพาดทาบผ่านสายตาเธอไป ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่แต่ก็ยังยกมืออธิฐาน พึมพำอยู่กับตัวเองเงียบๆ ว่า
"ช่วยส่งความรักที่เหมือนกับของคุณพ่อคุณแม่มาให้หนูบ้างเถ๊อะะ"
ก็หวังว่าพระเจ้าจะได้ยินล่ะนะ..
.
.
.
ถึงเธอจะขอแบบนี้มาตั้งแต่ปีที่เเล้วแล้วก็เถอะ
__TBC?__
ลักษณะการพูด : คำพูดคำจาของเธอค่อนข้างสวนทางกับใบหน้าหวานช่ำไปไม่น้อย ไม่ใช่ว่าหยาบคายอะไร แต่สุเมรางิมักพูดจาเป็นกันเองกับทุกคนอยู่เสมอ เธอชอบอุทานคำแปลกๆ ออกมาทำให้เกิดเสียงหัวเราะกับความมึนงงแก่ผู้อื่นได้อยู่เสมอ เป็นคนที่มักแสดงออกทางน้ำเสียงแบบหมดจด ดังนั้นโทนเสียงของเธอจึงเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ น้ำเสียงของสุเมรางิจัดได้ว่าหวานและเล็ก มันดังชัดเจนเสมอเมื่อเธอเอ่ยปากพูดออกไป สุเมรางิไม่มีหางเสียงในประโยคสนทนา และมักจะลืมเติมบ่อยๆ เมื่อต้องคุยกับผู้สูงวัยกว่า เธอชอบเเทนตัวเองว่า ฉัน และเรียกคนอื่นว่า นาย/เธอ หรือไม่ก็เป็นตามฐานะศักดิ์อย่าง เซมไป หรือ เซนเซย์ เป็นต้น
Ex.
(1) อารมณ์ปกติ
♠ "สุเมรางงงิ สุ - เม - รา - งิ อัตตตสึโกะ!" รอยยิ้มกว้างแย้มประดับใบหน้าอย่างร่าเริง ก่อนจะเอียงคอเมื่อเกิดความสงสัยต่อสายตาของทุกคนที่มองมา สุเมรางิหันไปทำหน้างงใส่เพื่อนสนิทที่เข้ามากระซิบถามว่าเธอทำอะไรอยู่ เด็กสาวกะพริบตาปริบ เอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ก็แนะนำธรรมดาเเล้วกลัวจำไม่ได้อ่ะ" เอาจริงดิ..
♠ เด็กสาวเดินงัวเงียออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับหาวหวอดๆ สภาพหัวยุ่งฟูเป็นรังนกกับชุดนอนสีหวานดูจะไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ใจสักเท่าไหร่ สุเมรางิกวาดสายตามัวๆ ไปรอบตัว เมื่อสบเข้ากับเพื่อนข้างบ้านที่ช็อคค้างไปแล้ว เธอก็ยกมือขึ้นเเล้วเอ่ยว่า "โย่"
♠ "ร้อนอ่ะ" ในวันที่อาหารร้อนอบอ้าว เด็กสาวผู้กำลังเหงื่อแตกพลั่กและแลบลิ้นออกมาเอ่ยบ่นขึ้น ท่าทางที่กำลังเลียนแบบเจ้าตูบข้างตัวนั้น มองไปมองมาก็น่ารักอยู่หรอก "ทำไมบ้านเราไม่ติดแอร์เนี่ย!?" แต่แล้วจู่ๆ ก็แหกปากขึ้นมาเฉย เล่นเอาสุนัขเเสนรักข้างตัวถึงกับสะดุ้งเหยง เหงื่อแตกมองเจ้านายด้วยความสงสัยประมาณว่า บ้าไปแล้วเหรอ อยู่ในใจตูบเงียบๆ คนเดียว..
♠ "เห๊อะ!" เสียงเล็กเลิกสูงขึ้นด้วยสำเนียงแปลกๆ ถึงขนาดที่คนฟังต้องร้องห๊ะ?ตามแล้วขอใหม่อีกรอบ แต่ก่อนหน้านั้น สุเมรางิก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นการบอกปฏิเสธอะไรสักอย่างทางอ้อมเสียแล้ว "ไม่ไหวๆๆ คณิตศาสตร์น่ะ ให้ตายยังไงก็ไม่ได้เต็มหรอก!"
(2) อารมณ์เสียใจ / เศร้า
♠ ใบหน้าหวานดูหงอยเหงาประหนึ่งสุนัขโดนแย่งกระดูกชิ้นโปรด ถ้าหากว่าสุเมรางิสามารถลงไปนั่งคุยกับแบคทีเรียในมุมมืดได้ เธอคงทำไปแล้ว "ฮือ..โดนทิ้งเเล้วอ่ะ" สาวน้อยเเอคติ้งปาดน้ำตา ก่อนจะเปลี่ยนมาว้ากลั่นเมื่อค้นพบว่าตัวเองโดนทิ้งให้กลับบ้านคนเดียวซะเเล้ว "ไอ้พวกบ้าเอ๊ย! นี่กล้าทิ้งฉันไว้คนเดียวงั้นเรอะะะ!!?" แหกปากขนาดนี้มันต้องมีขนคอลุกกันบ้างล่ะ..
♠ เหมือนได้ยินเสียงสายลมพัดหวีดหวิวไปมาในสภาวะเงียบสงัด รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า เหมือนสมองถูกชัทดาวน์ไปเสียเเล้วบัดนี้ "อ่า..งั้นเหรอ" ริมฝีปากพึมพำเบาๆ สุเมรางิค่อยๆ เฟดตัวออกไป ดูท่าเเล้วคงช็อกจัดจนวิญญาณหลุดเป็นที่เรียบร้อย..
♠ ริ้วแดงพาดทาบใบหน้าขาวตัดกันอย่างชัดเจน หากไม่ใช่เพราะความเขินอายแต่เป็นอาการโกรธจัด มือเล็กกำเข้าหากันแน่นก่อนยกขึ้นทุบบ่าอีกฝ่ายสุดเเรง "จะไปไหนก็ไปเลย!" ถ้อยคำที่คิดว่าเเรงที่สุดเเล้วในชีวิตถูกพูดออกไป พลันดวงตากลมรื้นขึ้นมาด้วยหยดน้ำสีใส เมื่อไม่สามารถกลั้นอาการสั่นจัดจากความโกรธและเสียใจได้อีก
(3) เขิน / ดีใจ
♠ ราวกับมีคนเอาน้ำแดงมาสาดใส่หน้า ทุกตารางนิ้วของใบหน้า ลำคอ และใบหู มันแดงจัดเเละร้อนเห่อจนสุเมรางิเองยังควบคุมไม่ได้ ลิ้นเล็กพันจนออกเสียงแทบไม่ถูก แววตาหมุนติ้วจนปัญญาจะจัดการกับอาการเขินหูระเบิดของตัวเองในตอนนี้ ทว่าไม่ทันพูดอะไร ร่างเล็กก็ล้มตึงไปทันที เล่นเอาคนทั้งบางถึงกับกรี๊ดลั่นเลยทีเดียว
♠ "บะ บะ บ้าเหรอ!?" สุเมรางิร้องลั่น กระโดดเหยงถอยห่างออกไปเป็นวา มือไม้เธอหงิกงอพูดไม่ออกไปเลยหลังได้ยินคำหวานชวนเลี่ยนเมื่อสักครู่ "อะ--เออใช่ ต้นไม้! ต้องไปรดน้ำต้นไม้ ขอตัวนะ!" เด็กสาวระรัวคำแก้ตัวออกมาอย่างรวดเร็ว หันหลังกลับเตรียมสับเท้าหนีสุดฤทธิ์ แต่กลับหัวโขกเข้ากับเสาด้านหลังเสียงจังเบอร์ นอกจากจะหนีไม่พ้นเเล้ว ยังได้มะกรูดมาเพิ่มอีกลูกอีกต่างหาก..
♠ เสียงหวีดกรีดร้องอย่างยินดีดังขึ้นอย่างกะทันหัน สร้างคลื่นความตกใจให้แก่ทุกผู้คนในบริเวณนั้น เด็กสาวตัวเล็กกระโดดเหยงๆ เหมือนเจ้าเข้า สวมกอดคนตรงหน้าแน่นในเวลาต่อมา โดยไม่สนสักนิดว่าจะอยู่ต่อหน้าสาธารณชนหรือไม่ "ฮือ ดีใจจังเลย" สุเมรางิกล่าวด้วยเสียงเจือสะอื้นน้อยๆ หางตาซึมหยดน้ำสีใสออกมา แต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้า ก็สามารถบอกได้ดีว่าเพราะอะไรเธอถึงร้องไห้ออกมาเช่นนั้น
ชอบ :
♠ หนังสือ ; ชอบเก็บเกี่ยวเรื่องราวและภาษา มากถึงขนาดที่ว่าถ้าให้ของขวัญเป็นหนังสือก็ดีใจระดับที่ว่าร้องไห้ได้เลย
♠ ชีสและนมวัว ; อร่อย! อร่อยมาก!
♠ เสื้อผ้าน่ารักๆ ; สไตล์ส่วนตัวก็ว่าได้
♠ สุนัขตัวเต็มกอด ; ถึงจะบอกว่าเต็มกอด แต่ก็ต้องเป็นหมาเล็กและมีขนมที่นุ่มฟู
♠ ปลาคราฟ ; เขาว่าเลี้ยงไว้จะเป็นมงคลแก่บ้านนะ
♠ ทำอาหาร ; เพราะกินของที่คนอื่นทำไม่ค่อยได้ เลยต้องทำเอง ไปๆ มาๆ ก็ชอบเฉ๊ย
♠ งานเทศกาล ; ความจริงแล้วเป้าหมายหลักคือไปยิงปืนกับช้อนปลาทอง..
ไม่ชอบ :
♠ การก่อสร้าง ; อย่ามาทำร้ายป่าไม้และพื้นที่ธรรมชาติอันสวยงามนะ! (หนวกหูด้วย!)
♠ การฝืนใจใคร ; ทั้งต่อเธอและคนอื่นเลย ชีวิตของเรา คนอื่นจะมาบังคับได้ไงกัน
♠ พริกไทยดำ ; แสบปาก..
♠ วันฝนตก ; เหมือนกำลังโดนพระเจ้าสาปเลย
♠ ตัวบุ้ง ; ขยะแขยง เห็นแล้วกรี๊ดแตกตลอด
กลัว :
♠ ที่แคบ ; เป็นอาการที่เกิดเพราะความไม่เคยชิน เวลาอยู่ในที่แคบจะรู้สึกสั่นกลัว กังวล และคิดมากกว่าปกติ ถ้าเป็นที่แคบและมืดก็จะกลัวว่าจะมีอะไรมาอยู่ใกล้ๆ รึเปล่า ถ้าเป็นที่แคบสว่างก็จะรู้สึกเหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา ทำให้เกิดสภาวะเครียดจัดจนอาจทำให้เกิดอาการช็อคได้ ( ระดับความรุนเเรงต่อจิตใจ : ★★★★★ )
♠ ผี ; สมองจินตนาการดีเกินไป เลยกลัวเตลิดรุนแรงแบบชนิดที่ว่านอนคนเดียวในที่ไม่คุ้นไม่ได้ ต้องทำการไหว้ขอ กับพกเครื่องรางนำโชคเรื่องสิ่งลี้ลับติดตัวตลอดเวลา ( ระดับความรุนแรงต่อจิตใจ : infininty (?) )
♠ ปู ; เหตุเกิดเพราะเคยโดนปูหนืบ..เลยติดเเขยงและกลัวจะโดนหนีบอีก ก็เลยไม่กล้ากิน+ไม่กล้าเข้าใกล้ไปเลย (ระดับความรุนแรงต่อจิตใจ : ★★)
แพ้ :
♠ ไข่ ; อาหารพื้นฐานที่กินเเล้วจะหายใจไม่ออก ต้องพาส่งโรงพยาบาลในทันที
♠ เกสรดอกไม้ ; จามเเบบต่อเนื่องไม่ยอมหยุด ขนาดออกห่างเเล้วก็ยังไม่เลิกจาม..
♠ ของเผ็ด ; ต่อมประสาทความเจ็บปวดด้านนี้ทำงานดีมาก เผ็ดนิดเดียวของคนอื่น = เผ็ดship lost (?) ของสุเมรางิ พอตักของเผ็ดเข้าปาก สมองก็จะหยุดทำงานแล้วล้มตึงไปเลย (ปากเจ่อพูดไม่รู้เรื่องไปยาวๆ อีกต่างหาก..)
เพิ่มเติม :
♠ lucky and duo item ก็คือเจ้าตูบพันธ์ุโกลเด้นรีทีฟเวอร์ขนฟูสีทองตัวเต็มกอด! ชื่อของมันก็คือ ชิบะ! (...)
♠ อันที่จริงเเล้วสุนัขของสุเมรางิเป็นหมาแคระ (?) ถึงจะบอกว่าเต็มกอดก็เหอะ แต่มันเป็นกอดไซส์สุเมรางินี่นา---
♠ เธอชอบพาเจ้าหมาตัวน้อยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา เพราะงั้นถึงได้เป็นลัคกี้ไอเท็มไงล่ะ
♠ เซนส์เเฟชั่นบรรเจิดมาก---หมายถึงในหลายๆ ความหมายน่ะนะ..
♠ สีโปรดของสุเมรางิคือสี พีช, ส้มแดง, ส้มอิฐ (โทนร้อนและพาสเทลเป็นหลัก)
♠ มีเพื่อนเยอะมากถึงมากที่สุด แต่จะมีซี้สนิทอยู่สองคน สองคนนี้จะเเวะมาเที่ยวบ้านสุเมรางิบ่อยๆ นั่นทำให้ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวลูกชายอีกสองคนของบ้านนี้ไปแล้วเรียบร้อย
♠ เพราะเเพ้ไข่เลยต้องเข้มงวดเรื่องอาหารการกินมากๆ ปัจจุบันสุเมรางิเเทบจะกินเเต่ผักแล้วด้วยซ้ำ
♠ ที่เห็นแก้มเยอะๆ นั่นคือซัดนมเยอะ..แต่มันขยายข้างไม่ได้ขยายบน.. /สุเมรางิ is ปากล่องนมทิ้ง ing.
♠ ถึงจะกินอาหารไข่ไม่ได้ แต่ก็ทำเป็นนะ เพราะว่าทำให้คนรอบตัวกินบ่อยๆ น่ะสิ
♠ ลายมือสวยมากๆ คุณย่าข้างบ้านชอบเรียกให้ไปเขียนพู่กันให้ดูบ่อย ๆ
_______________________________
Talk Character
_______________________________
Question ; คุณเชื่อในความบังเอิญหรือไม่
Answer ; สุเมรางิจ้องหน้าคนถามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปฮึมฮัมอยู่กับตัวเอง สาวน้อยยกมือขึ้นจับปลายคาง ขมวดคิ้วพันกันเป็นปม เม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ประปรายตามกรอบหน้าสวยบ่งบอกถึงความลำบากใจ "อะไรล่ะนั่น ไอ้คำถามชวนตอบยากพิกลนั่น" เสียงเล็กพึมพำกับตัวเอง เหมือนเห็นควันลอยฉ่าออกมาจากหัวแปลกๆ สุเมรางิถอนหายใจออกมาในเฮือกในท้ายสุด เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ถ้าการต่อคิวซื้อของลิมิเต็ดอิดิชั่นได้เป็นคนสุดท้ายพอดีถือเป็นความบังเอิญ ก็เอาเป็นว่าเชื่อแล้วกัน!" ว่าแต่ทำไมถึงได้ตอบอะไรแบบนั้นออกไปล่ะนั่น..
Question ; แล้วคุณเชื่อในความรักหรือเปล่า
Answer ; "เรื่องนั้นก็แน่นอนสิ!" ท่าทางคิดจนหัวไหม้เมื่อสักครู่ปลิวหายไปกับสายลม สุเมรางิเงยหน้าขึ้นมาตอบกลับคำถามด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอดูเพ้อฝันอยู่ในมนต์สะกดชั่วขณะ เมื่อนึกถึงความรักเเสนวิเศษที่เคยได้ยิน ทว่าไม่นานดวงตาก็เริ่มแต่งแต้มด้วยความสับสน รอยยิ้มเลือนหายไป เหลือแต่เสียงพึมพำเบาๆ ที่ดังขึ้นเพียงชั่วขณะว่า "แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละว่าตกลงเเล้วมันเป็นยังไงกันแน่.."
+
_______________________________
Talk Parent
_______________________________
สวัสดีค่ะะะะ เราชื่อไอซ์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ!
; รันรันค่า ฝากตัวด้วยนะคะคุณไอซซ์
ขอคำนิยามของลูกสาวหน่อยค่ะ
; สาวน้อยคนนี้ก็ต้องเป็น candlelight หรือ เเสงเทียน นั่นเองค่ะ! สุเมรางิมีตัวตนที่อบอุ่นและสามารถเยียวยาผู้อื่นได้ แต่การมีอยู่ของเธอไม่ได้เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย การเยียวยาของเธอมีเพื่อตนเองเเละคนที่เธอปรารถนาจะช่วยเหลือ เหมือนกับเปลวไฟเล็กๆ จากเทียนไข ที่ไม่อาจให้เเสงสว่างได้มากมาย แต่ก็ยังช่วยให้ผู้จุดได้รับแสงอันอบอุ่นในค่ำคืนที่มืดสนิทและหนาวเหน็บได้ โดยส่วนตัวเเล้วไม่ค่อยอยากสื่อให้ตัวน้องเหมือนกับพระอาทิตย์ไปเลย เพราะยังไงสุเมรางิก็ยังมีความดื้อรั้น กับความเป็นมนุษย์ในตัวสูง สรุปแล้วก็คือ เธอไม่ใช่คนที่ดีงามอะไร เป็นเพียงแค่เด็กดีที่แสนน่ารักสำหรับคนสำคัญของเธอเเค่นั้นเองค่ะ
ทำไมถึงเลือกรูทนี้เหรอคะ
; ฮา จริงๆ แล้วก็คือสึนะเป็นที่รัก (?) ค่ะ! อันที่จริงอยากสมัครยามะเนียน แต่ไม่ถูกโรคกับฟรีสไตล์มากๆ เลยล่ะค่ะ../เหม่อ./ ดังนั้นก็เลยตัดสินใจมาทุ่มเต็มที่ให้กับบทนี้เนอะ!
บางรูทมีแบดเอนด์ ตัวละครตาย ถ้าตัวละครนั้นเป็นลูกสาวของคุณผู้ปกครองจะรับได้ไหมคะ
; เราค่อนข้างชอบแบดเอนด์นะคะ----(ลูกสาวแม่อย่าปารองเท้า!) อันที่จริงยังไงก็ได้ค่ะ สุขหรือเศร้ามันก็เป็นความกลมกล่อมของนิยายรูปแบบหนึ่งอยู่เเล้ว 'w'/
หนึ่งรูทจะมีไม่เกิน 5 - 6 ตอน โอเคหรือเปล่ากับการแต่งแบบนี้? ไม่ใช่เรื่องยาวๆ พล็อตสเกลใหญ่
; ไม่มีปัญหาค่า ถ้าเนื้อเรื่องดี สั้นหรือยาวเราก็รักค่ะ ♥
จะพยายามไม่ดองนะคะ เอาล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ!
ความคิดเห็น